1 ศาสนาพทุ ธ ความหมายของพทุ ธศาสนา พุทธศาสนา (Buddhism) ถือกำเนิดขึ้นมาจากแนวคิดในคัมภีร์อุปนิษัท คือ เป็นกลุ่มที่มีลักษณะ การดดั แปลงหรือคดั ค้านหลกั การของพระเวท คำวา่ พทุ ธะ จะมคี วามหมายได้ 3 นัยคือ 1. แปลวา่ ตน่ื คือการตืน่ จากความโง่เขลา ความหลงงมงาย เพราะอัปมาทธรรมกำกบั 2. แปลวา่ รู้ หมายถึงการรู้จักตนเอง รจู้ กั ผูอ้ ื่น รู้เหตุรผู้ ล โดยอาศัยสติสมั ปชัญญะเป็นตัวกำหนด 3. แปลว่า เบิกบาน เพราะความหมดจดบริสทุ ธไ์ิ ม่มกี ิเลสาสวะครอบงำ พทุ ธประวัติ
2 สังเวชนยี สถาน 4 • ลุมพนิ วี ัน (สถานทป่ี ระสตู ิ) • พทุ ธคยา (สถานทต่ี รสั รู้) • สารนาถ (สถานทแ่ี สดงปฐมเทศนา) • กุสินารา (สถานท่ีปรินพิ พาน) ความสำคญั ของพระพุทธศาสนา 1. พระพทุ ธศาสนาช่วยเสริมสร้างความเขา้ ใจอันดีกบั ประเทศเพื่อนบ้าน 2. พระพทุ ธศาสนาเปน็ รากฐานของวฒั นธรรม 3. พระพุทธศาสนาเป็นเอกลักษณแ์ ละมรดกของชาติ ลกั ษณะพเิ ศษแหง่ พระพทุ ธศาสนา 1. พระพุทธศาสนา คอื ปฏิบตั ินิยม (วิชาจรณสมั ปนั โน) ถอื วา่ การบรรลุสัจธรรมข้ึนอยู่กบั การปฏิบตั ิตามหลัก ไตรสกิ ขา 2. พระพุทธศาสนา คือ เหตุผลนิยม (อิทัปปัจจยตา) เพราะสอนหลักปฏิจจสมุปบาทและสอนกฎแห่งกรรม ไตรลักษณ์ และอรยิ สัจ 4 3. พระพทุ ธศาสนา คอื ระบอบธรรมาธิปไตย 4. พระพทุ ธศาสนา คอื ระบอบพรหมจรรย์ เพราะแสดงหลักปฏบิ ตั สิ ายกลาง ท่ีเรยี กว่า มัชฌิมาปฏิปทา เป็น ทางดำเนนิ ชีวติ พรอ้ มด้วยหลกั อัปปมาทธรรม คอื ความไมป่ ระมาท 5. พระพุทธศาสนา คอื สนั ตนิ ิยม เพราะสอนไมใ่ หเ้ บียดเบยี นกันด้วยหลักแหง่ ศีล เช่น เบญจศีลและ เบญจธรรม 6. พระพุทธศาสนาเปน็ อเทวนิยม 7. พระพทุ ธศาสนาเป็นมนุษยน์ ิยม จดุ มงุ่ หมายสูงสุด คือ การหลุดพ้นจากการเวียนวา่ ยตายเกิด ดังนน้ั การบรรลนุ ิพพานก็คือ การเข้าถึงความดบั ทกุ ข์โดยส้ินเชิง และ บรรลคุ วามสขุ อยา่ งสงู สดุ สัญลักษณ์ พระพุทธศาสนาใช้ “ธรรมจกั ร” ที่แปลว่า กงล้อแหง่ พระธรรม
3 นิกายของศาสนาพุทธ ในพระพทุ ธศาสนามีนิกายแบง่ ออกเป็น 2 นิกายใหญ่ ซ่ึงเกดิ จากการตีความพทุ ธพจนแ์ ตกตา่ งกันต้ังแต่คร้ังปฐม สงั คายนา คอื นกิ ายเถรวาท (หินยาน) และนิกายอาจาริยวาท (มหายาน) เพื่อเป็นแนวทางให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายปฏิบัติตาม ได้แก่ พระวินัยปิฎก พระสุตตันตปิฎก (พระสูตร) และพระ อภธิ รรมปิฎก หลักความเชอื่ ของศาสนาพทุ ธ 1. เชือ่ กรรม กรรม คือ การกระทำ 2. เชื่อผลแห่งกรรม พระพุทธศาสนาสอนว่า การกระทำทุกอย่างไม่ว่าทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ ย่อมมีผล ติดตามมา ทำดีได้ผลดี ทำช่ัวได้ผลชว่ั คนจะไดด้ ีหรอื ไดช้ วั่ เป็นเพราะตวั เปน็ ผู้กระทำ 3. เชอ่ื ว่าทุกคนมกี รรมเปน็ ของตนเอง พระพทุ ธศาสนาสอนว่าผลแหง่ กรรมเปน็ สมบัตเิ ฉพาะตวั ใครทำคนน้ันได้ จะ แบง่ ปันเผื่อแผก่ ันไมไ่ ด้ ผลแหง่ กรรมจะยังคงดำรงอย่จู นกว่าจะให้ผลเสรจ็ เรยี บร้อยแล้ว เป็นอโหสกิ รรมแลว้ จึงจะยตุ ิ หลกั ธรรมทางพระพทุ ธศาสนา พระรัตนตรัย แปลว่า แก้วอันประเสริฐของชาวพุทธ 3 ประการ หรือ 3 ดวง ซึ่งหมายถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไตรสิกขา • ศีล หมายถงึ การประพฤติดี มีจำแนกไว้เป็นศลี 5 ศลี 8 ศีล 10 และศลี 227 • สมาธิ หมายถงึ การบงั คบั จติ ใจของตนเองไว้ให้อยใู่ นสภาพทจี่ ะทำประโยชน์ให้มากทสี่ ดุ ตามทีต่ นตอ้ งการ • ปัญญา หมายถึง การฝกึ ฝนอบรม ทำใหเ้ กดิ ความร้คู วามเขา้ ใจอันถูกตอ้ งและสมบรู ณ์ถึงทส่ี ุดในสงิ่ ทั้งปวง ไตรลกั ษณ์ • อนจิ จัง ความไมค่ งท่ี ไมถ่ าวร หมายความว่า ทกุ สิง่ ทุกอย่างในโลกไมม่ อี ะไรเทย่ี งแท้ สง่ิ มีชีวิตเม่ือเกิดแล้วก็มี การเปลี่ยนแปลงตามวยั จากเด็กเติบโตมาเป็นวยั รนุ่ วัยหนุม่ สาว วัยชรา และตายไป • ทกุ ขงั ความเป็นทุกข์ของส่ิงทงั้ ปวงคอื ความทนอย่ใู นสภาพเดิมไม่ได้ • อนตั ตา ความเป็นของไม่ใชต่ ัวตน ตามปกตคิ นท่ัวไปจะมกี ารยดึ ม่ันในเรื่องตัวตน คอื การยึดว่าสิ่งนั้นเป็นของ เรา น่ีคือเรานเ่ี ป็นเรา แตใ่ นทางของพระพุทธศาสนาถอื ว่า ไมใ่ ช่ตัวตน ไม่มอี ะไรท่เี ป็นตัวเราและไม่มีอะไรทเ่ี ปน็ ของเรา โอวาท 3 • ไมท่ ำชว่ั ท้งั ปวง คอื เวน้ จากการทุจรติ ไดแ้ ก่ การประพฤติช่วั ดว้ ยกาย วาจาและใจ • ทำแต่ความดี คือ ประกอบสจุ ริต ไดแ้ ก่ การประพฤติดี ประพฤตชิ อบดว้ ยกาย วาจา และใจ • ทำจติ ให้ผอ่ งใส คือ การทำจติ ใสใหบ้ รสิ ทุ ธผ์ิ อ่ งใสปราศจากกเิ ลสหรอื สงิ่ ที่ทำให้จิตใจเศรา้ หมอง
4 อิทธิบาท 4 คือ หลักธรรมแห่งความสำเร็จ 1. ฉันทะ (รักในงานที่ทำ) 2. วิริยะ (ขยัน) 3. จิตตะ (เอาใจใส่) 4. วิมงั สา (ปรบั ปรุง) ผูส้ บื ทอดศาสนา เมอื่ พระองค์เสด็จดับขันธปรินพิ พานแล้ว จะมอบภาระการดูแลพระพุทธศาสนาไว้ให้กบั ใคร พระพทุ ธเจ้าตรัสว่าให้ เปน็ ภาระของพทุ ธบริษัท 4 คือ 1. พระภกิ ษุ คือ นกั บวชชาย 2. พระภกิ ษณุ ี คอื นักบวชหญิง 3. อุบาสก คือ ผู้นับถือพระพุทธศาสนาชายทไ่ี ม่ใช่พระภกิ ษุ 4. อุบาสิกา คอื ผนู้ บั ถือพระพุทธศาสนาหญงิ ทไ่ี ม่ใชพ่ ระภิกษณุ ี วนั สำคญั ทางพระพทุ ธศาสนา มาฆบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดง “โอวาทปาฏิโมกข์” (ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธ์ิ) เรียกวา่ “วันพระธรรม” วสิ าขบูชา ขน้ึ 15 ค่ำ เดอื น 6 เปน็ วนั คล้ายวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรสั รู้ และปรินพิ พาน เปน็ วนั สำคญั สากลของสหประชาชาติ เรียกว่า Vesak Day เรียกว่า “วนั พระพทุ ธ” พระพทุ ธเจา้ ทรงบรรลุ “อริยสจั 4” อฏั ฐมีบชู า แรม 8 คำ่ เดือน 6 เป็นวันคล้ายวนั ถวายพระเพลิงพระพทุ ธสรีระ อาสาฬหบชู า ขนึ้ 15 คะ่ เดือน 8 เรียกอีกอย่างว่า “วันพระสงฆ”์ เป็นวนั ท่ีพระพุทธเจ้าแสดง “ธัมมจกั กัปปวตั ตนสูตร” (อรยิ สจั 4, มรรค 8 และมชั ฌิมาปฏิปทา) วนั เขา้ พรรษา แรม 1 คำ่ เดือน 8 พระสงฆ์ต้องจำพรรษาท่ีวัด 3 เดอื น มีการถวายผา้ อาบนำ้ ฝน เรยี กวา่ ผ้าวิสิกสาฏิกา วันออกพรรษา ขึน้ 15 ค่ำ เดือน 11 เรียกอกี อยา่ งหน่งึ ว่า “วนั มหาปวารณา” คอื วันที่เปดิ โอกาสให้พระสงฆ์ตักเตือนซึง่ กันและกัน ภายหลังวัน ออกพรรษาจะมีการ “ทอดกฐิน” วันเทโวโรหณะ แรม 1 ค่ำ เดอื น 11 หลังวนั ออกพรรษา 1 วัน มกี ารตกั บาตรเทโวโรหณะ เรียกส้นั ๆว่า “ตกั บาตรเทโว” มคี วามเชอื่ ว่าเปน็ “วัน เปิดโลก” เทวดา มนุษยแ์ ละสตั วน์ รก ต่างมองเหน็ ซงึ่ กนั และกัน
5 วันพระ ขน้ึ 8 ค่ำ, 15 ค่ำ, แรม 8 คำ่ , 15 คำ่ เรยี กอกี อยา่ งหนง่ึ วา่ “วันธรรมสวนะ” หมายถงึ วันฟงั ธรรม ทุกเดอื นจะมี วันพระอย่างนอ้ ย 4 วนั วิถีชวี ติ วิถชี วี ติ ของคนไทยส่วนมากจะเก่ยี วขอ้ งกับพระพทุ ธศาสนา มกี ารนำเอาหลักการปฏิบตั ทิ างพระพุทธศาสนามา เป็นแนวทางแหง่ การดำเนินชีวติ จนกลายเป็นรากฐานทางวัฒนธรรมและเอกลักษณม์ รดกของชาติไทยสบื เนื่องมาจนถึง ปจั จบุ นั เห็นได้จากกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การบวช การแตง่ งาน การทำบญุ บ้าน งานศพ ตลอดจนถึงคตใิ นการดำเนินชีวติ ทนี่ ำเอาพระพทุ ธศาสนาเขา้ มาเกยี่ วข้อง และพธิ สี งฆเ์ ขา้ มาประกอบ วฒั นธรรม - ดา้ นภาษา สำหรบั ภาษาที่ใชใ้ นพระพทุ ธศาสนานัน้ มีดว้ ยกัน 2 ชนดิ ได้แก่ 1) ภาษาบาลี 2) ภาษาสันสกฤต - ดา้ นวรรณกรรม ส่วนมากมาจากเรื่องทางพระพทุ ธศาสนา เช่น ไตรภูมิพระรว่ ง มหาชาติคำหลวง พระมาลัย คำหลวง สามัคคเี ภทคำฉันท์ และกาพย์เหเ่ รอื เป็นต้น - ด้านขนบธรรมเนียมประเพณี ประเพณีที่สำคัญของไทยส่วนมากสืบเนื่องมาจากพระพุทธศาสนา เช่น มาฆบชู า วิสาขบูชา อาสาฬหบชู า เข้าพรรษา แห่เทียนพรรษา ตกั บาตรเทโว ลอยกระทง - ด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมของไทยเจริญก้าวหน้า เพราะ พระพทุ ธศาสนา เชน่ ภาพเขยี นฝาผนงั โบสถ์ แบบกอ่ สร้างโบสถ์ วิหาร การหลอ่ พระพุทธรปู เจดีย์ - ด้านศีลธรรม ไดอ้ าศยั หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนามาเป็นแนวปฏิบตั ิ ทำให้ลกั ษณะนสิ ัยจิตใจของคนไทยมี ความโอบออ้ มอารี เมตตากรุณา กตญั ญกู ตเวทขี ยัน และไม่เหน็ แก่ตวั เปน็ ต้น ศาสนสถาน วิหาร เปน็ สถานทีท่ ี่ประดษิ ฐานพระพุทธรูปและเป็นทป่ี ระทบั ของพระพทุ ธเจา้ โบสถ์ เป็นสถานทท่ี ่พี ระสงฆ์ใชป้ ระชมุ กนั ทำสังฆกรรมตา่ ง ๆ เขตเจดยี ์สถาน เป็นส่ิงกอ่ สร้างขนึ้ เพอื่ บรรจุส่งิ ที่นบั ถือ เชน่ พระพุทธรูป พระพทุ ธฉายา พระบรมสารรี กิ ธาตุ เป็นตน้ พิธีกรรมทางพระพทุ ธศาสนา สามารถจำแนกได้เปน็ 2 ประเภท ดงั นี้ 1) พธิ กี รรมของพทุ ธศาสนานิกายเถรวาท แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คอื 1.1) พธิ กี รรมที่เกยี่ วขอ้ งกับวนิ ัยของพระสงฆ์ ซงึ่ เกิดขึ้นจากข้อบญั ญตั ทิ างพระวนิ ัยที่พระพุทธเจา้ บญั ญตั ขิ น้ึ 1.2) พธิ ีกรรมทไี่ มเ่ ก่ียวข้องกับวินยั ของพระสงฆแ์ ต่ได้นำพระพุทธศาสนาเขา้ ไปเกีย่ วขอ้ ง โดยสามารถแบ่ง ออกไดเ้ ป็น 4 หมวด ไดแ้ ก่ 1.2.1 หมวดกุศลพิธี คือ พิธีเกี่ยวกับพุทธศาสนาเฉพาะบุคคล เช่น พิธีสวดมนต์ไหว้พระ การรักษาศีลต่าง ๆ เปน็ ต้น 1.2.2. หมวดบญุ พิธี คอื พธิ ีเกยี่ วกบั พทุ ธศาสนาในครอบครัว แบง่ ไดเ้ ป็น 2 ประเภท ได้แก่ - งานมงคล เชน่ การทำบุญเลยี้ งพระ การทำบุญขึ้นบา้ นใหม่ การทำบญุ วนั เกดิ เปน็ ต้น
6 - งานอวมงคล เชน่ การทำบุญหนา้ ศพ การสวดอภธิ รรม การทำบุญอัฐิ เปน็ ต้น 1.2.3 หมวดทานพิธี คือ พิธีถวายทานต่าง ๆ ไดแ้ ก่ - การถวายสังฆทาน - การทอดกฐนิ - การทอดผ้าป่า 1.2.4 หมวดปกิณกพิธี เป็นพิธีเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติต่าง ๆ เช่น วิธีแสดงความเคารพพระ วิธีประเคนของพระ วิธีทำหนังสืออาราธนา และทำใบปวารณาถวายจตุปัจจัย วิธีอาราธนาศีล อาราธนาพ ระปรติ ร อาราธนาธรรม วธิ ีกรวดนำ้ เป็นต้น 2) พิธีกรรมของพทุ ธศาสนานกิ ายมหายาน 2.1. พิธีตรษุ จนี เป็นเทศกาลที่กำหนดวันสิ้นปีเก่า และเริ่มต้นปีใหม่ตามปีจันทรคติของชาวจีน มีจุดประสงค์เพื่อพักผ่อน หลงั จากท่ีได้ทำงานมาตลอดปี จะมีการแจกเงนิ แตะเอีย, อัง่ เปาให้แกล่ กู หลานหรอื ลูกจ้าง 2.2 พิธีกินเจ เทศกาลกนิ เจเรม่ิ ต้ังแตว่ นั ข้ึน 1 คำ่ เดือน 9 ถงึ วนั ข้นึ 9 ค่ำ เดอื น 9 ตามปฏทิ ินจนี มีจุดมุ่งหมาย เพ่อื ชำระกาย วาจา และใจหมดจด ผู้ท่ีกินเจจะถือตบะข้อมังสวิรัติ ไม่กระทำกิจอันเป็นการเบียดเบียนก่อความเดือนร้อนแก่สัตว์ ทั้งมวล 2.3 พิธกี งเตก็ เป็นพิธีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว ถือเป็นประเพณีอันเก่าแก่สืบทอดมาแต่โบราณของ ชาวจีน จะมีการสวดและเผากระดาษท่ที ำเปน็ รูปร่างตา่ ง ๆ ผ้จู ัดทำ นางสาวกานตธ์ ีรา สขุ อนนั ต์ 5915107001102 นางสาวชนกิ านต์ พลภกั ดี 5915107001105 นางสาวธานสิ า อินนาปา 5915107001110 กลุม่ เรยี น 59013.151
Search
Read the Text Version
- 1 - 8
Pages: