Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คำนาม

คำนาม

Published by sukanya09092537, 2021-03-21 08:29:58

Description: คำนาม

Search

Read the Text Version

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๖ วิชา เสริมทกั ษะภาษาไทย ๑ (ท๒๐๒๐๑) ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ คาในภาษาไทย หน่วยยอ่ ยที่ ๑ เรือ่ ง คานาม ครผู ู้สอน นางสาวสกุ ัญญา มณีวนั เวลาเรียน ๒ ชวั่ โมง โรงเรยี นทา่ วังผาพทิ ยาคม ๑. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระท่ี ๔ หลักการใช้ภาษา มาตรฐาน ท ๔.๑ เข้าใจธรรมชาติของภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา และพลังของภาษา ภมู ิปัญญาทางภาษา และรกั ษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของชาติ ตวั ช้วี ัด ม.๑/๒ สรา้ งคาในภาษาไทย ๒. สาระสาคญั คา ประกอบด้วยเสียงสระ พยัญชนะ และวรรณยุกต์ ใช้สร้างประโยคเพ่ือส่ือสาร คาใน ภาษาไทยมีหลายชนิดและมหี นา้ ที่ ๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ ๑. อธิบายความหมาย ชนดิ และหนา้ ท่ีของคานามได้ (K) ๒. วเิ คราะห์ชนิดและหน้าทีข่ องคานามได้ (P) ๓. นักเรยี นใฝเ่ รียนรู้ มีวนิ ัย มุง่ มน่ั ในการทางาน (A) ๔. สาระการเรียนรู้ สาระแกนกลาง - เสยี งพยญั ชนะ ๕. ภาระงาน/ชิน้ งาน - นักเรยี นจดั ทาสมุดรวบรวมคานามประกอบภาพ - สรุปความรู้เรอ่ื งชนิดและหนา้ ทีข่ องคานามในรูปแบบแผนภาพความคดิ ๖. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร

๒. ความสามารถในการคิด ๓. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๗. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑. มีวนิ ยั ๒. ใฝ่เรียนรู้ ๓. มุ่งมัน่ ในการทางาน ๘. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ชวั่ โมงท่ี ๑ ขนั้ นา ๑. ครูขออาสาสมัครนักเรยี น ๑ คนเพอื่ ออกมาหน้าช้นั เรียนจากนั้นใหน้ ักเรยี นใบ้คาจากบัตร คาจานวน ๓ คา ไดแ้ ก่คาวา่ ลิงบา้ น และหม้อขา้ ว เม่ือเพ่ือนในห้องทายคาจนครบ ครเู ขียนคาทั้งสาม คาไว้บนกระดานแล้วถามนักเรียนว่าท้ังสามคามีลักษณะเหมือนกันอย่างไร เพ่ือเช่ือมโยงเข้าสู่เรื่อง คานาม ขน้ั สอน ๒. ครูซักถามนักเรียนว่าเรื่องความหมายของคานาม ควรมีลักษณะอย่างไร ครูประมวล คาตอบแล้วสรปุ ความหมายของคานาม นกั เรียนจดบันทึก ๓. นักเรียนแบง่ กลมุ่ จานวน ๕ กลุ่ม แล้วจบั สลากศึกษาใบความรู้ เรอื่ ง ชนิดของคานามดังน้ี กลมุ่ ที่ ๑ ศกึ ษาเร่อื งคาสามานยนาม กลุ่มที่ ๒ ศกึ ษาเรอ่ื งคาวิสามานยนาม กลมุ่ ท่ี ๓ ศึกษาเรื่องคาสมุหนาม กล่มุ ท่ี ๔ ศึกษาเร่อื งคาลกั ษณะนาม กลุ่มท่ี ๕ ศกึ ษาเร่อื งคาอาการนาม เมือ่ แต่ละกลมุ่ ศกึ ษาชนิดของคาแต่ละชนิดแลว้ ให้นาเสนอความรขู้ องกลมุ่ ตนเองใหเ้ พื่อนฟัง ๔. นกั เรยี นนาเสนอความรูท้ ต่ี นได้ศกึ ษามาทลี ะกลุม่ โดยครูอธิบายเพิ่มเติมความรู้ ๕. นักเรียนละกลุ่มเลน่ เกม “รวบรวมคานาม” โดยจะเลน่ ท้ังสิ้น ๕ รอบ (คานามทงั้ ๕ ชนดิ ) รอบละ ๓๐ วินาที แต่ละรอบนกั เรียนส่งตัวแทนออกมาหนา้ ช้ันเรยี น เพอื่ แขง่ ขันกันรวบรวมคานามท่ี ตนเองรู้จักให้ได้มากที่สุดในเวลา ๓๐ วินาที โดยครูเป็นผู้ตรวจสอบความถูกต้องคาท่ีนักเรียนเขียน กลุ่มใดเขยี นได้มากทสี่ ดุ และถกู ตอ้ งจะเป็นกลมุ่ ทไี่ ดค้ ะแนน เมือ่ ครบ ๕ รอบจงึ สรปุ คะแนน

ขัน้ สรุป ๖. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เร่ืองความหมายและชนิดของคานามและครมู อบหมาย ภาระงานให้นกั เรยี นจดั ทาสมดุ รวบรวมคานามประกอบภาพ ชว่ั โมงท่ี ๒ ข้ันนา ๑. ครูใหน้ ักเรยี นเล่นเกม “บิงโกคานาม” พร้อมเฉลยคาท่เี ปน็ คานาม ๒. ครสู รุปอธิบายหาคาท่ีเปน็ คานามเพ่ิมเติม ขน้ั สอน ๓. ครูใหน้ กั เรยี นแบ่งกลุ่ม กลุม่ ละ ๓ คน จากน้นั ครูกาหนดคานามจานวน ๓ คา บนกระดาน ไดแ้ ก่ คาวา่ ตารวจ โรงงาน นายสมชาย จากนัน้ ให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มช่วยกันแต่งประโยค โดยให้มีคา ที่กาหนดให้อย่ใู นประโยค ประโยคละ ๑ คา ซง่ึ คาท่กี าหนดจะตอ้ งไมอ่ ยใู่ นตาแหนง่ เดยี วกนั ในประโยค ๔. ครูให้นักเรียนจานวน ๒ กลุ่ม นาเสนอประโยคท่ีนักเรียนแต่งมาให้เพื่อนดู จากนั้นให้ นักเรียนช่วยกันวิเคราะห์ว่าคาท่ีกาหนดให้อยู่ในตาแหน่งใดในประโยคและทาหน้าท่ีใด จากน้ันครูให้ นักเรียนใหค้ าจากดั ความ เร่ือง หน้าท่ีของคานาม ๕. ครูอธิบาย เรื่อง หน้าที่ของคานาม เพ่ิมเติมโดยยกตัวอย่างประกอบ บันทึกความรู้ลงใน สมดุ บนั ทกึ ๖. นักเรียนทาใบงาน เรอ่ื ง ชนดิ และหนา้ ทีข่ องคานาม จากนั้นครเู ฉลยคาตอบท่ีถูกต้อง ๗. นกั เรียนทาแบบทดสอบ เร่ือง คานาม ขน้ั สรปุ ๘. ครซู กั ถามนักเรยี นเกีย่ วกบั ความรู้ เรื่อง ชนดิ และหนา้ ทข่ี องคานามเพื่อเปน็ การสรุปความรู้ จากน้ันมอบหมายงานให้นักเรียนแต่ละคนไปสรุปความรู้เรื่องชนิดและหน้าที่ของคานามในรูปแบบ แผนภาพความคิดแล้วนาสง่ ครู ตามที่ครูกาหนด ๙. ส่อื /อปุ กรณ/์ แหล่งเรยี นรู้ ๑. สอ่ื การเรยี นรู้ - บตั รคา จานวน ๓ คา ได้แก่ คาว่า ลงิ บ้าน และหม้อข้าว - ใบความร้เู รือ่ ง คานาม - เกม “รวบรวมคานาม” - เกม “บงิ โกคานาม” - ใบงาน เรอื่ ง ชนดิ และหน้าทข่ี องคานาม

- แบบทดสอบ เร่ือง คานาม ๒.วัสดุ/อุปกรณ์ - สมดุ ปากกา - สี กระดาษชาร์ต ๓. แหลง่ การเรียนรู้ - อินเตอรเ์ น็ต ๑๐. วิธกี ารวัดและประเมินผล จุดประสงค์การเรียนรู้ วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑ์ ๑. อธิบายความหมาย - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบ เรอ่ื ง ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ชนดิ และหนา้ ที่ของ เร่ือง คานาม คานาม คานามได้ (K) ๒. วเิ คราะหช์ นิดและ - ตรวจใบงาน เรอ่ื ง ชนิด - ใบงาน เร่ือง ชนิดและ ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์ หน้าทข่ี องคานามได้ และหน้าท่ขี องคานาม หน้าท่ีของคานาม (P) ๓. นกั เรยี นใฝเ่ รยี นรู้ มี - ประเมนิ คณุ ลกั ษณะ - แบบประเมิน ระดบั คณุ ภาพ ๒ ผ่าน วนิ ยั ม่งุ มน่ั ในการ อนั พึงประสงค์ คณุ ลักษณะอันพงึ เกณฑ์ ทางาน (A) - สังเกตพฤติกรรมราย ประสงค์ กลุม่ - แบบสังเกตพฤติกรรม - สั ง เ ก ต พ ฤ ติ ก ร ร ม รายกลุ่ม รายบคุ คล - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม รายบุคคล

๑๑. เกณฑก์ ารประเมิน เกณฑ์การผ่านภาพรวม นักเรียนตอ้ งใหค้ วามรว่ มมอื ในการทากจิ กรรม รอ้ ยละ ๘๐ ของนักเรียนทง้ั หมด บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ ลงชอ่ื (นางสาวสุกัญญา มณีวัน) ครผู ู้สอน ความคิดเห็น/ ข้อเสนอแนะ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ __________________________________________________________________________ ลงช่ือ (นางพัชรีพรรณ ตนภู) หัวหน้ากล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย

ใบความรู้ เร่อื ง คานาม คานาม คือ คาที่ใช้เรียกช่ือส่ิงท่ีมีชีวิตและไม่มีชีวิต ท้ังรูปธรรมและนามธรรม เช่น คน สัตว์ พชื สง่ิ ของสถานที่ อารมณ์ ความรสู้ ึก ฯลฯ คานามแบ่งออกเป็น 5 ชนิด คอื ๑. สามานยนาม คือ คาที่ใช้เรียกชื่อนามท่ัวๆไป ไม่เจาะจง ระบุความหมายกว้างๆ เช่น คน สัตว์ พืช หมา แมว ต้นไม้ ดอกไม้ วดั โรงเรียน กวี นกั วิทยาศาสตร์ นกั กฬี า ทหาร นักรอ้ ง ฯลฯ ๒. วิสามานยนาม คือ คาท่ีใช้เรียกช่ือนามท่ีเฉพาะเจาะจง ระบุความหมายแคบและช้ีเฉพาะ เชน่ นายจนั หนวดเขย้ี ว เจา้ ตนิ ตนิ (สนุ ัข) มาดอนนา่ (นกั รอ้ ง) เตรียมอุดศึกษา (โรงเรยี น) สุนทรภู่ บิล คลนิ ตัน บีโธเฟน ลโี อนาโด ดาวนิ ซี ทักษณิ ชินวัตร ชวน หลีกภยั ๓. สมุหนาม คือ คาท่ีใช้เรียกชื่อนามท่ีเป็นหมวดหมู่ บ่งบอกจานวนมาก เช่น คณะ ฝูง กอง นิกาย บรษิ ัท สารบั ก๊ก เหลา่ ชุด กล่มุ โขลง หมู่ ฯลฯ ๔. ลักษณนาม คือ คาท่ีใช้บอกลักษณะรูปพรรณสัณฐานของสามานยนาม ลักษณนามเป็น เอกลักษณ์ของภาษาไทยประการหนึ่ง แสดงให้เห็นถึงความละเอียดลออในการใช้ภาษา ลักษณนาม แบ่งออกเป็น 6 กล่มุ ดังน้ี 4.1) บอกชนดิ เชน่ พระภิกษุ,สามเณร,บาทหลวง - รูป ยักษ์, ฤาษี - ตน ช้างป่า - ตัว ช้างบ้าน - เชอื ก 4.2) บอกอาการ เช่น บุหรี่ - มวน พลู - จีบ ไต้ - มัด ขนมจีน - จีบ,หัว ผ้า – พัม - คมั ภีร์ใบลาน - ผูก 4.3) บอกรูปร่าง เช่น รถ - คัน บ้าน, เปียโน, จักร – หลัง ดินสอ - แท่ง ปากกา - ด้ามกล้วย - เครือ, หวี, ลกู 4.4) บอกหมวดหมู่ เช่น ฟืน - กอง ทหาร - หมวด พระ - นิกาย นักเรียน - คณะ ละคร - โรงกบั ขา้ ว - สารบั 4.5) บอกจานวน มาตรา เช่น ตะเกียบ - คู่ ดินสอ – โหล เงิน, ทอง - บาท ผ้า - เมตรท่ีดิน - ไร่, งาน, ตารางวา 4.6) ซ้าคานามข้างหน้า เช่น วัด - วัด โรงเรียน - โรง คะแนน - คะแนน คน - คน อาเภอ – อาเภอ จังหวดั – จังหวดั ๕. อาการนาม คือ คานามท่ีบอกกิริยาอาการ อารมณ์ความรู้สึก สภาวะในจิตใจท่ีเป็น นามธรรมใช้ การและความนาหน้าคากรยิ าและวเิ ศษณ์ เช่น การวิง่ การเดิน การนอน การอ่านหนังสือ การออกกาลังกายความดี ความช่ัว ความง่วง ความงาม ความสะอาด ความสุข

หนา้ ท่ขี องคานาม ๑. คานามทาหน้าท่ีเปน็ ประธานของประโยค เชน่ มนุษย์ ทุกคนต้องการความสขุ โรงเรียนของฉันอยูใ่ นกรุงเทพ นักการเมือง คนนี้ไม่รักษาสญั ญาทใ่ี ห้ไวก้ ับประชาชน พอ่ แม่ ทางานหนกั เพอ่ื ลกู ๆ ๒. คานามทาหนา้ ท่ีเปน็ กรรมหรอื ผถู้ ูกกระทา เช่น ครสู อนนกั เรยี น แมวกินปลา ฉนั ดูทีวี พ่อตนี ้อง ๓. คานามทาหนา้ ที่เปน็ บทขยายนามอน่ื เพ่อื ใหใ้ จความชัดเจนยง่ิ ข้ึน เช่น ภราดร ศรีชาพันธ์ุนกั เทนนสิ มอื หน่งึ ของไทย นักเรียนโรงเรยี นเตรยี มอุดมศึกษา ๔. คานามทาหนา้ ที่ขยายกรยิ า และใชต้ ามหลังคาบพุ บท เพอ่ื บอกสถานท่ี เชน่ ฉันว่งิ ออกกาลังกายท่ีสนามหญ้า คณะกรรมการนดั พบกันในห้องประชมุ ครทู ุ่มเททางานเพอ่ื นักเรยี น เขากลบั ตัวได้เพราะคาสอนของครู ๕. คานามทาหน้าที่ขยายกรยิ าหรอื คานามอืน่ โดยใชบ้ อกเวลา ฉนั ชอบอ่านหนงั สือตอนเชา้ ๆ รา้ นตัดผมปิดวันพธุ ข่าวเทยี่ งวันได้รบั ความนยิ มมาก เขาลดความอ้วนโดยอดอาหารเยน็ ๖. คานามใชเ้ ป็นคาเรยี กขาน เพื่อเนน้ หรอื บอกความรูส้ ึก เช่น พระคณุ เจ้า นิมนต์ทางนี้ครับ นกั เรยี น เงยี บๆหน่อยไดไ้ หม เดก็ ๆ ทาการบ้านเสรจ็ แลว้ หรือยัง ตกิ๊ จะไปดูหนังกบั เราไหม

ใบงานเร่ืองชนิดและหนา้ ทขี่ องคานาม ตอนที่ ๑ คาชีแ้ จง จงบอกคาที่เปน็ ตวั ทึบเป็นคานามชนดิ ใดและทาหน้าทใี่ นประโยค ๑. จอมขวญั ปลูกกลว้ ยไมส้ ีชมพู จอมขวัญ เป็น............................................... ทาหน้าที่................................................................ ๒. แม่ซ้อื หมากพลูมาฝากยาย หมากพลู เปน็ ............................................... ทาหน้าที่.............................................................. ๓. เสอื ไฟมีรปู ร่างคลา้ ยแมว แมว เป็น............................................... ทาหนา้ ที่................................................................ ๔. นภาวรรณเขยี นบทความ ๑ เรอื่ ง เรื่อง เป็น............................................... ทาหนา้ ท่ี.............................................................. ๕. ความรักทาให้คนตาบอด ความรกั เปน็ ............................................... ทาหน้าที่.............................................................. ๖. กอ้ ยให้อาหารสตั ว์เลยี้ งก่อนออกจากบา้ น สตั วเ์ ลยี้ ง เปน็ ............................................... ทาหน้าท่ี................................................................ ๗. สมควรยามรักษาการณ์เปน็ คนมีวินัย ยามรักษาการณ์ เป็น............................................... ทาหน้าท่ี........................................................... ๘. แมไ่ ปตลาด ตลาด เปน็ ............................................... ทาหน้าท่ี................................................................ ๙. นายช่างครบั รถผมเสยี นายช่าง เปน็ ............................................... ทาหน้าที่................................................................ ๑๐. เราอยบู่ ้านทุกวนั บา้ น เป็น................................................ ทาหน้าที่...............................................................

ตอนท่ี ๒ คาช้ีแจง ใหน้ กั เรียนนาคานามที่กาหนดใหเ้ ตมิ ลงประโยคให้ถกู ต้อง ตลาด แมว คณะลเิ ก ผกั และผลไม้ ผู้ใหญบ่ ้าน เดก็ ๆ ขนม โรงเรียน คณุ ครู สุนัข ๑. ..................พากันวง่ิ เลน่ บนสนามหญา้ หนา้ หม่บู า้ น ๒. คุณพอ่ ไปประชมุ ท่ีศาลากลางหมู่บา้ นตามที่...........................นัดหมาย ๓. ในวนั หยดุ คณุ แม่จะตื่นแตเ่ ช้าเพอ่ื ไปซอื้ ของท่ี..................... ๔. เดก็ ๆ ต้องทาการบ้านมิฉะนนั้ จะถกู ...................ลงโทษ ๕. คณุ ยายและคุณย่าชวนกนั ไปดู......................แสดงทงี่ านประจาปีของวดั ๖. ...................เปน็ สตั ว์ที่รักสงบ ไมช่ อบยุ่งกบั คน ๗. หลงั จากทีข่ โมยขน้ึ บ้าน คณุ พ่อจงึ อยากได้.................พนั ธดุ์ ีมาเฝา้ บา้ น ๘. เนอื้ สตั ว์ แป้งนม ไข่ และ ............................ เปน็ อาหารที่เหมาะสาหรบั เดก็ วยั รนุ่ ๙. การเลอื กรับประทาน......................ควรเลอื กที่มคี ณุ ค่าทางอาหารและใหพ้ ลงั งานที่เหมาะสม ๑๐. ...................... เปน็ สถานทท่ี ่ีให้ความร้แู ละอบรมบ่มนิสัย เฉลย เด็กๆ ผู้ใหญบ่ ้าน ตลาด คณุ ครู คณะลเิ ก แมว สุนขั ผกั และผลไม้ ขนม โรงเรียน

แบบทดสอบเร่ืองคานาม คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนเลือกคาตอบท่ีถูกต้องที่สุดเพยี งข้อเดยี วเทา่ น้นั ๑. ข้อใดอธิบายความหมายของคานามถูกต้องที่สุด ก. ท่ีใช้เรยี กช่อื คน สัตว์ สิ่งของ ข. คาที่ใช้เรยี กชื่อคน สตั ว์ สง่ิ ของท้ังทเ่ี ปน็ รูปธรรมและนามธรรม ค. คาท่ใี ช้เรียกชื่อสถานท่ี อาคาร สภาพ และลกั ษณะทัง้ ส่ิง มชี ีวิต และไม่มีชวี ติ ง. คาทใ่ี ช้เรียกชอ่ื คน สตั ว์ ส่งิ ของ สถานท่ี อาคาร สภาพและลกั ษณะ ทงั้ สิ่งมีชีวิต และไมม่ ีชีวติ ท้ัง ท่เี ปน็ รูปธรรมและนามธรรม ๒. คานามจาแนกออกเป็นชนิดยอ่ ย ๆ มีอะไรบ้าง ก. สามานยนาม วสิ ามานยนาม ลักษณนาม สมุหนาม และอาการนาม ข. สามานยนาม วสิ ามานยนาม สรรพนาม สมหุ นาม และอาการนาม ค. สามานยนาม วสิ ามานยนาม สรรพนาม สมุหนาม และลักษณนาม ง. สามานยนาม วสิ ามานยนาม สรรพนาม ลักษณนาม และสมหุ นาม ๓. คา \"ขัน\" ในขอ้ ใดเปน็ คานาม ก. ไกข่ นั ตอนเช้า ข. ขนั เชอื กใหแ้ นน่ ค. หยิบขนั ตักนา้ มาลา้ งหน้า ง. เขาช่วยกนั ทางานอย่างแข็งขัน ๔. ข้อใดมนี ามเฉพาะ (วสิ ามานยนาม) ก. คนครัวหุงขา้ วให้เรา ข. มะละกอสุกมีรสหวาน ค. ลกู เสอื ตอ้ งมคี วามซ่ือสัตย์ ง. นริ าศภเู ขาทองเป็นผลงานของช้ินเอกสุนทรภู่ ๕. ขอ้ ใดมีสมหุ นาม ก. ผักแปลงใหญง่ ามดี ข. เส้ือผ้ากองนีซ้ กั แล้ว ค. คณะนกั แสดงพรอ้ มข้ึนเวที ง. ขา้ วหลามกระบอกนมี้ ันมาก ๖. ประโยคใดมีท้ังกรรมตรงและกรรมรอง ก. ฉันชอบความคดิ ของเธอ ข. วรรณคดเี ป็นหนังสือที่แตง่ ดี ค. ฉันบริจาคเสือ้ ผา้ ใหเ้ ดก็ กาพรา้ ง. เราซอ้ื ขา้ วหลามหนองมนมาฝากเพื่อน ๗. คานามทีพ่ ิมพต์ ัวหนาในข้อใดทาหน้าทข่ี ยายคานามอ่นื ก. เราคอื คนไทยท้ังแทง่ ข. พระสงฆท์ าวตั รเวลาเย็น ค. เดก็ ๆ ควรมคี วามประพฤติเรยี บรอ้ ย ง. ประเทศไทยผลติ รถยนต์พลงั งานไฟฟา้ ไดส้ าเร็จ

๘. ข้อใดคานามทาหน้าท่เี ป็นประธานของประโยค ก. ผ้รู ้ายถูกตารวจจบั ข. เธอคือครขู องฉัน ค. วชิ าเปน็ ทรพั ย์อนั ประเสริฐ ง. ฉันซ้ือกว๋ ยเตย๋ี วแห้งมาฝากเธอ ๙. “ฉนั ไปทาบญุ ท่ีวดั ในวันเข้าพรรษา” คาทพ่ี มิ พต์ วั หนาทาหน้าทีต่ รงกับข้อใด ก. กรรมตรง ข. กรรมรอง ค. ขยายกริยา (บอกเวลา) ง. ขยายกรยิ า (บอกสถานท่ี) ๑๐. “อนงคส์ วยเหมือนแม”่ คาทพี่ ิมพ์ตัวหนาทาหน้าท่ตี รงกับข้อใด ก. กรรมตรง ข. กรรมรอง ค. สว่ นเติมเตม็ ง. ขยายคานาม เฉลย ๑. ง ๒. ก ๓. ค ๔. ง ๕. ค ๖. ง ๗. ง ๘. ค ๙. ค ๑๐. ก