Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Best Practice

Best Practice

Published by นูรมี โตะลู, 2021-09-07 04:42:34

Description: Best Practice

Search

Read the Text Version

BEST PRACTICE งานประชาสัมพันธ์ กลุ่มอํานวยการ สาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลําภู เขต 2 สาํ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขันพืนฐาน

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ คํานํา การสร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาเปนสิงสาํ คัญจําเปนสาํ หรับ สาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษา ซึงเปนองค์กรทางการศึกษา จะต้องการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร แนวการดาํ เนินงานอยู่ตลอดเวลา ด้วยความรวดเร็วฉับไว และควรเปนข้อมูลแบบสองทาง จึงได้ ดาํ เนินการจัดทาํ โครงการ เรือง เพิมประสิทธิภาพเครือข่ายการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ โดยจัดอบรมเชิง ปฏิบัติการในรูปแบบออนไลน์ ผ่านโปรแกรม ZOOM เพือใช้แก้ปญหาการประชาสัมพันธ์ ในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ด้านการศึกษาสู่ประชาชนทังในพืนทีและนอกพืนที ได้อย่าง รวดเร็ว มีประสิทธิภาพและทันเหตุการณ์โดยใช้เครืองมือและสิงอุปกรณ์ทีทันสมัย ซึงจาก การดาํ เนินการอย่างต่อเนือง สามารถแก้ปญหาการประชาสัมพันธ์ได้เปนอย่างดี เปนทีน่าพอใจ จึงได้จัดทาํ รายงานประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสือ อิเล็กทรอนิกส์เล่มนี รายงานตามรูปแบบของกลุ่มอาํ นวยการ สาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษา ประถมศึกษาหนองบัวลาํ ภู เขต 2 ขอขอบคณุ ผอู้ าํ นวยการสาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ ผบู้ ริหารสถานศึกษา ขา้ ราชการครู และผมู้ สี ว่ นเกยี วขอ้ งทกุ ทา่ น ทใี หค้ วาม ร่วมมอื ในการขบั เคลอื นนวตั กรรมจนประสบความสาํ เร็จ หวงั เปนอยา่ งยงิ วา่ นวตั กรรม เรือง ประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสารดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกสจ์ ะเปนประโยชน์ ตอ่ โรงเรียนและหน่วยงาน หรือผทู้ สี นใจ ในการนําไปประยกุ ตใ์ ชเ้ พอื การประชาสมั พนั ธ์ เผยแพร่ ขอ้ มลู ขา้ วสารของหน่วยงาน และดา้ นอนื ๆ ในโอกาสตอ่ ไป คณะผจู้ ัดทาํ

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ สารบญั สว่ นที 1 ความสาํ คัญ/ ความเปนมา หน้า ความสาํ คัญและความเปนมา 1 แนวคิดหลักการสาํ คัญทีเกียวขอ้ ง 5 6 แนวคิด และทฤษฎีทีเกียวขอ้ งกับการประชาสมั พนั ธแ์ ละการสอื สาร 13 แนวคิด และทฤษฎีทีเกียวขอ้ งกับสอื เพอื การประชาสมั พนั ธ์ 17 โปรแกรม CANVA หน้า สว่ นที 2 จุดประสงค์และเปาหมายการดาํ เนินงาน 18 จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ข อ ง ก า ร ดํา เ นิ น ง า น 19 เปาหมายการดําเนนิ งาน หนา้ สว่ นที 3 กระบวนการปฏิบตั ิงาน หรอื ขนั ตอนการดาํ เนนิ งาน 20 ประชากรและกล่มุ ตัวอยา่ ง 20 เครอื งมอื ทีใชพ้ ฒั นางาน 21 วธิ กี ารสรา้ งและพฒั นานวตั กรรม 23 การเก็บรวบรวมขอ้ มูล 23 การวเิ คราะห์ขอ้ มูล และสถิติทีใช้ หนา้ สว่ นที 4 ผลการดําเนนิ การ 26 ตอนที 1 ผลการทดสอบก่อนอบรมและหลังอบรม 27 ตอนที 2 ผลการประเมนิ ชนิ งงานของผเู้ ขา้ อบรม 28 ตอนที 3 ผลประเมนิ ความพงึ พอใจของผเู้ ขา้ อบรม หนา้ สว่ นที 5 ปจจยั ความสาํ เรจ็ 31 ประโยชนท์ ีได้รบั 31 ขอ้ เสนอแนะ 31 การเผยแพร่ หน้า สว่ นท้าย 32 บรรณานกุ รม 34 ภาคผนวก 38 44 ภาคผนวก ก โครงการเพมิ ประสทิ ธภิ าพเครอื ขา่ ยการประชาสมั พนั ธ์ 48 สรา้ งการรบั รูข้ อ้ มูลขา่ วสารด้านการศึกษาในสงั กัด 55 ภาคผนวก ข คําสงั แต่งตังคณะกรรมการดําเนนิ งาน ภาคผนวก ค ค่มู อื การใชง้ านโปรแกรมแคนวา ภาคผนวก ง ภาพกิจกรรมฯ ภาคผนวก จ ภาพชนิ งานของผเู้ ขา้ อบรม ภาคผนวก ฉ ชอ่ งทางการประชาสมั พนั ธ์

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 1 ส่วนที ความสาํ คัญ/ความเปนมา 1 ความสาํ คญั และความเปนมา ในปจจุบนั การพัฒนาเทคโนโลยียคุ ใหมท่ มี ขี ีดความสามารถสงู เปนไปอย่างรวดเร็วแบบ ก้าวกระโดด โดยเฉพาะการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื สาร การโทรคมนาคม เครือขา่ ย อินเทอร์เน็ตทีเชอื มโยงไปทุกพืนที สามารถสง่ ผา่ นขอ้ มูลขนาดใหญ่ด้วยความเร็วสงู ได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ ทําใหก้ จิ การต่างๆ ได้รับการพัฒนาโดยเทคโนโลยีใหม้ คี วามทนั สมัยในทุกๆ ด้าน สง่ ผล กระทบต่อระบบเศรษฐกจิ การเมือง สงั คมจิตวทิ ยา และวถิ ชี วี ติ ของประชาชนทกุ คนในสงั คมมากขนึ ทังในเชงิ สร้างสรรค์ และการทําลาย ทําใหอ้ งคก์ รต่าง ๆ ต้องปรับตวั ใหม้ ีความทนั สมัยและสอดคล้องกบั การเปลียนแปลงของเทคโนโลยใี นยคุ ปจจุบนั หากไมส่ ามารถปรับตัวได้ทนั เวลาอาจ มีผลกระทบตอ่ ความอยู่รอดขององค์กรและต้องยุติกิจการในทีสดุ การรู้และปรับตวั กอ่ นจะทําใหไ้ ดป้ ระโยชน์จากการ เปลียนแปลงของเทคโนโลยีและก้าวเขา้ สยู่ คุ ดิจิตอลไดอ้ ย่างมีความพร้อมจะทําใหส้ ามารถสร้างโอกาส ใหม่ ๆ ทีมีคุณประโยชน์ในการพฒั นากจิ การขององคก์ รตา่ ง ๆ และการพัฒนาคุณภาพในการดาํ รงชวี ติ ประชาชนในสงั คมอย่างมากมาย สอดคล้องกบั ปยศักดิ มานะสนั ต์ (2560 : 3) กลา่ ววา่ โลกในยุค 4.0 นี กระแสเทคโนโลยที ีเข้ามามีบทบาทในชวี ติ ประจําวนั มากขึนเรือย ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีใหม่ ทีมีศักยภาพทีจะเปลียนโลกจากหน้าเปนหลังมือ (หรือทีเรียกกันวา่ Disruptive Technology) 9 ดา้ น อันได้แก่ (1) Social Media (2) Mobile Platform (3) AI หรือ ปญญาประดิษฐ (4) Cloud Computing (5) Big Data (6) 3D Printing (7) Internet of Things (8) Virtual Reality และ (9) Fintech และนอกจากนียงั สอดคล้องกบั พนมฉัต คงพมุ่ (2563 : 1) ทไี ดก้ ลา่ วไวว้ า่ ภายใต้บริบทในยคุ ของ \"สอื สงั คมออนไลน์\" (Social Network) ทอี าศัยการเชอื มตอ่ แบบไร้สายผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้นํามา ซึงการเปลียนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื สารในรูปแบบใหม่ทเี รียกวา่ \"สอื ใหม่\" (New media) ซึงเปนชอ่ งทางการสอื สารแบบสองทาง (Two-way communication) ผ่านอุปกรณ์ สอื อิเล็กทรอนิกสห์ รืออปุ กรณ์สอื สารประเภทตา่ ง ๆ เชน่ คอมพวิ เตอร์ โทรศัพทแ์ บบสมาร์ทโฟน หรือ คอมพิวเตอร์แบบพกพา (แทบ็ เลต็ ) เปนต้น เปนอุปกรณ์การสอื สารพกพาสว่ นบุคคลทีสามารถนําติดตัว ผู้ใชไ้ ปได้ทุกที หยิบใชไ้ ดต้ ลอดเวลา สะดวกรวดเร็วใชง้ านง่าย ไมซ่ ับซ้อน มลี กู เล่นสสี นั สวยงาม ตอบ สนองต่อการใชง้ านของผใู้ ชไ้ ด้ทุกมิติ จากการพฒั นา เทคโนโลยแี ละนวตั กรรมสงิ ใหม่ ๆ อยตู่ ลอด เวลานีเองจึงเปนสาเหตุใหค้ วามต้องการและพฤติกรรมการบริโภคข้อมลู ขา่ วสารของผู้ใชง้ าน เปลียนแปลงไป และนับวนั จะยิงมีบทบาทสาํ คญั มากขึนเรือยๆ การสอื สารเปนสงิ สาํ คัญของมนุษย์ มนุษย์ใชก้ ารตดิ ตอ่ สอื สารในการรับสง่ ข้อมูลข่าวสาร ต่าง ๆ เพือใหส้ ามารถก้าวทันสถานการณ์และการเปลียนแปลง ในโลกยุคปจจุบันได้มีเทคโนโลยี การติดต่อสอื สารมกี ารพฒั นาอยา่ งตอ่ เนือง โดยมีการประยุกตเ์ ครืองมอื และอปุ กรณ์สอื สารใหม้ ี ประสทิ ธิภาพสงู ในการชว่ ยทําใหก้ ารสอื สารเปนไปอยา่ งราบรืนและไร้พรมแดน เนืองจากการขยายตวั ของประชากรและความรวดเร็วของเครือข่ายอนิ เตอร์เน็ต ทําใหก้ ารเข้าถึงสอื ออนไลน์ทาํ ไดง้ า่ ยขึน เปนเครืองมือหรือชอ่ งทางการสอื สารของหน่วยงาน องคก์ ร หรือบุคคลทใี ชเ้ ผยแพร่ประชาสมั พนั ธ์ กิจกรรม ผลงาน ข่าวสาร ข้อมูล ของหน่วยงานนันๆ ผ่านหน้าเพจของหน่วยงานเพือใหส้ มาชกิ

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 2 ของหน่วยงานนัน ได้รับรู้ขอ้ มูลข่าวสาร สามารถเขา้ ชมด้วยรูปแบบของข้อความ ภาพ เสยี ง วดี ิโอ และสอื ผสมอืน ๆ เชน่ Infographic banner หรือการถ่ายทอดออกอากาศสด (Facebook Live) เปนต้น (ณรงค์ยศ มหทิ ธิวาณิชชา. 2563 : ออนไลน์) การประชาสมั พนั ธ์ เปนการเสริมสร้างความเข้าใจอันดตี ่อกนั ระหวา่ งหน่วยงานกับกลมุ่ ประชาชนทีเกียวข้อง เปนงานในระดับนโยบายทีองค์กรทกุ ประเภท ตอ้ งนําเอาการประชาสมั พันธ์ไป ใชก้ ับองค์กร โดยมีวตั ถุประสงค์ เพอื สร้างความเข้าใจและความสมั พนั ธ์อนั ดรี ะหวา่ งหน่วยงานของ ตนกับประชาชน เพือปองกันการเข้าใจผดิ ตลอดจนการลดสาเหตุแหง่ ความขัดแย้งต่างๆ รวมทังการ ใชก้ ารประชาสมั พันธ์เพอื สนับสนุนนโยบาย และการดําเนินงานขององคก์ ร สถาบนั เสริมสร้างและ รักษาชอื เสยี ง ความนิยม ความเชอื ถอื ศรัทธา และความร่วมมอื สนับสนุนจากประชาชนทีพึงมตี อ่ หน่วยงานของตน (จเรวฒั น์ เทวรัตน์. 2555 : 1) สอื ประชาสมั พันธ์มีความสาํ คัญต่อการดาํ เนินงาน ประชาสมั พันธ์ขององค์กรเปนอยา่ งมาก เปนตัวกลางในการถ่ายทอดข่าวสาร เรืองราวตา่ งๆ เกยี วกับ นโยบาย วตั ถุประสงค์ กิจกรรมความเคลือนไหวและการดาํ เนินงานขององค์กร ตลอดจนความรู้ทีเปน ประโยชน์และเกียวข้องกบั องคก์ รใหก้ ลุ่มเปาหมายไดร้ ับรู้เขา้ ใจ เพือสร้างความนิยมศรัทธา และได้ รับความไวว้ างใจจากประชาชนกลุม่ เปาหมาย ทังนีเนืองจากสอื ประชาสมั พันธ์เกยี วข้องกับการ สอื สารเพราะเปนสว่ นหนึงในองคป์ ระกอบของกระบนการดาํ เนินการประชาสมั พันธ์ ดังนัน องค์กร ต้องทําความเข้าใจแบบจําลองการสอื สาร ทฤษฎีทีเกียวขอ้ งกบั สอื ประชาสมั พันธ์ หน้าทขี องสอื เพือใหท้ ราบหลักการของสอื ประชาสมั พันธ์ องค์กรจะได้เขา้ ใจและใชส้ อื ใหเ้ กิดประสทิ ธิภาพสงู สดุ (อรุณรัตน์ ชนิ วรณ์. 2553: 1) การดําเนินการประชาสมั พนั ธ์ในปจจุบันมคี วามจําเปนต้องนําเทคโนโลยีมาใชใ้ หเ้ ปน ประโยชน์โดยเฉพาะการใชเ้ ปนเครืองมอื สอื สารในการประชาสมั พนั ธ์ เพือใหก้ ารดําเนินงาน ประชาสมั พันธ์เปนไปอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ทนั เวลาและสถานการณ์ มปี ระสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอื สาร การโทรคมนาคม เครือขา่ ยอินเตอร์เน็ตได้รับการพัฒนาใหม้ ขี ีด ความสามารถสงู ทําใหส้ ามารถเชอื มโยงแลกเปลยี นข้อมลู ข่าวสารถึงกันไดอ้ ย่างสะดวกรวดเร็วทงั ข้อมูลทีเปนข้อความ ตัวอักษร ภาพนิง ภาพเคลือนไหว เสยี ง ทุกคนในสงั คมเขา้ ถงึ และใชส้ อื ประชาสมั พันธ์ยุคใหม่ได้ง่ายขนึ เนืองจากมีราคาถกู ทําใหเ้ กดิ การเปลียนพฤติกรรมของผู้บริโภคสอื และทุกคนสามารถปนผ้สู อื ข่าวรายงานสดไดเ้ หมือนกบั สถานีโทรทศั น์ผ่านทาง Facebook Live, Periscope และ Youtube ได้ดว้ ยตนเองเมือมี Smartphone เพยี งเครืองเดียว จากปรากฏการณ์ดัง กล่าวทําใหส้ อื โทรทัศน์ วทิ ยุกระจายเสยี ง และสอื สงิ พมิ พ์ ซึงถือเปนสอื กระแสหลกั ทใี ชเ้ ปนชอ่ งทางใน การประชาสมั พันธ์ในอดตี ถูกแทนทีดว้ ยสอื Social Media และกําลังถกู ปดตัวลงหรือต้องปรับ เปลียนวธิ ีการดําเนินธุรกิจเพือความอยรู่ อดของกิจการ ในปจจุบนั หน่วยงานประชาสมั พนั ธ์ของ องค์กรต่าง ๆ ไดน้ ําเทคโนโลยมี าสารสนทศและการสอื สารยุคใหม่มาใชป้ ระโยชน์ในการดําเนินการ ประชาสมั พันธ์ทาํ ใหต้ อ้ งปรับเปลยี นรูปแบบขันตอน แนวทางในการดําเนินการการและการเลือกใช้ สอื ประชาสมั พันธ์ใหส้ อดคล้องกับพฤติกรรมการบริโภคขา่ วสารของสงั คม รวมทงั ตอ้ งพัฒนาเสริม สร้างบุคลากรทีทาํ งานด้านการประชาสมั พันธ์ใหค้ วามรู้ความเขา้ ใจในการดําเนินการประชาสมั พนั ธ์ ในยุค 4.0 เพือใหก้ ารประชาสมั พนั ธ์ขององคก์ รเปนไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพและเกดิ ภาพลกั ษณ์ทีดแี ก่ ขององค์กรต่อไป สถาบันการศึกษาเปนองคก์ รหนึงทีไดม้ กี ารนําสอื ประชาสมั พันธ์มาใชใ้ นการประชาสมั พนั ธ์ ทางการศึกษา ทาํ ใหส้ ามารถเข้าถึงกลุม่ เปาหมาย เพือสร้างกระบวนการปฏสิ มั พนั ธ์ในการสอื สารได้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ ตลอดจนความสามารถติดต่อสอื สารระหวา่ งกนั ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว นอกจากนีสอื

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 3 การประชาสมั พันธ์จะเปนการเสริมสร้างความสมั พันธ์และความเขา้ ใจอันดี ระหวา่ งองค์กรหรือ สถาบันกับกลุ่มประชาชนทีเกียวข้องเพือหวงั ผลในความร่วมมือและสนับสนุนจากประชาชนนันเอง ซึงความเข้าใจอันดี และความสมั พนั ธ์จะเกิดขึนได้กต็ ้องอาศัยการตดิ ตอ่ สอื สารเปนเครืองมือเพือนํา ข้อมูลหรือเนือหาสาระจากบุคคลหนึงไปยงั อกี บุคคลหนึง (พรพิมล สมั พัทธ์พงศ์. 2552 : 1) การสร้าง ภาพพจน์ทีดีใหแ้ ก่สถาบนั นัน ต้องใชส้ อื เพือการประชาสมั พนั ธ์ทีทําใหเ้ กิดภาพพจน์ ซึงมีสว่ นชว่ ยให้ องค์การดําเนินงานไปด้วยดี สร้างความเชอื มนั สร้างความเข้าใจการยอมรับและความเชอื ถอื จาก ประชาชนทัวไป (วมิ ลพรรณ อาภาเวท. 2546 : 2) ถ้าสถาบนั ใดมีภาพพจน์ทีดจี ะได้รับความเชอื ถอื ไว้ วางใจและการสนับสนุนร่วมมอื ใหส้ ถาบันนันประสบความสาํ เร็จในการดาํ เนินงาน แต่ถ้าสถาบันใดมี ภาพพจน์ทีไม่ดี ย่อมได้รับการตอ่ ต้านและการดหู มนิ เกลยี ดชงั ภาพพจน์จึงเปนรากฐานแหง่ ความ มันคงของสถาบันต่าง ๆ (วรี ะวฒั น์ อทุ ยั รัตน์, 2545 : 6) สาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาํ ภู เขต 2 มีภารกจิ ในการบริหาร จัดการสนับสนุน กํากบั ติดตาม การจัดการศึกษาขันพนื ฐานใหค้ รอบคลุมทุกพืนทใี หส้ อดคล้องกบั ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ แผนการศึกษาแหง่ ชาติ โดยน้อมนํา ยุทธศาสตร์พระราชทาน “เข้าใจ เข้าถงึ พฒั นา” มาเปนแนวทางในการดําเนินงานใหบ้ รรลตุ ามเปา หมายทีได้วางไว้ ประกอบกบั มวี สิ ยั ทัศน์ทตี ้องการให้ “ประชาชนได้รับการศึกษาและเรียนรู้ตลอดชวี ติ อย่างมีคุณภาพ ดํารงชวี ติ อย่างเปนสขุ ในสงั คมพหวุ ฒั นธรรม สอดคลอ้ งกบั หลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงและการเปลียนแปลงของโลกในศตวรรษที 21\" การดําเนินงานเพอื ใหบ้ รรลตุ ามเปา หมาย วตั ถุประสงค์ ตัวชวี ดั ยทุ ธศาสตร์ด้านต่างๆ โดยสร้างการรับรู้เกยี วกับนโยบายและแนวทาง การดําเนินการด้านการศึกษา ด้วยการพฒั นาเครือข่ายความร่วมมือผลติ ข้อมลู ขา่ วสาร นําเผยแพร่ สสู่ าธารณชนผ่านสอื ชนิดต่าง ๆ อาทิ เชน่ สอื วทิ ยุกระจายเสยี ง สอื วทิ ยุโทรทัศน์ สอื สารสนเทศ สอื บุคคล สอื สงิ พิมพ์ สอื กิจกรรม และสอื ออนไลน์ และสร้างการรับรู้ใหห้ น่วยงานทางการศึกษา ผบู้ ริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษา นักเรียนและประชาชน ไดร้ ับทราบความเคลือนไหว สร้างความเขา้ ใจ ความร่วมมือและสนับสนุนการจัดการศึกษาทีมีประสทิ ธิภาพบนพนื ฐานความร่วมมือจากทุกภาคสว่ น นําไปสกู่ ารบูรณาการความร่วมมือในการพฒั นาการศึกษา ความมันคง และพัฒนาพืนทีใหส้ อดคลอ้ ง กันทุกมิติ ตลอดจนสร้างภาพลกั ษณ์ทีดีใหร้ ัฐบาล กระทรวงศึกษาธิการ การเปลยี นแปลงของเทคโนโลยีทาํ ใหก้ ารดําเนินการประชาสมั พันธ์ในปจจุบันของ สาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลําภู เขต 2 มีปญหาและอุปสรรคในการติดตาม ข้อมูลข่าวสาร และการประชาสมั พันธ์เผยแพร่ขอ้ มูลข่าวสารสปู่ ระชาชนโดยใชเ้ ครืองมอื และสงิ อุปกรณ์บางประเภททมี ใี ชอ้ ย่ใู นปจจุบันมคี วามลา้ สมยั เครืองมือบางชนิดไม่มคี วามจําเปนตอ้ งใช้ ประโยชน์อีกต่อไปหรือหากใชป้ ระโยชน์ต่อไปก็ไม่สามารถตอบสนองงานประชาสมั พนั ธ์ได้อยา่ ง รวดเร็วมีประสทิ ธิภาพและทันเหตุการณ์ เจ้าหน้าทขี องโรงเรียนบางสว่ นไม่มีความรู้ความชาํ นาญใน การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื สารที พัฒนาอย่างรวดเร็ว รวมทังระเบียบและขนั ตอน การปฏิบัติงานทีใชใ้ นปจจุบนั ยงั ไมส่ ามารถตอบสนองกบั เทคโนโลยดี ้านการสอื สารและการบริโภค ข้อมูลข่าวสารของประชาชนในสงั คมปจจุบัน หากไม่มีปรับปรุงพัฒนาการประชาสมั พนั ธ์ของ สาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลําภู เขต 2 จะทาํ ใหก้ ารดาํ เนินการประชาสมั พันธ์ ของสาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 เปนไปอยา่ งไม่มีประสทิ ธิภาพ และไม่ทันต่อสถานการณ์ทีเกิดขึน ซึงจะสง่ ผลกระทบต่อภาพลักษณ์

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 4 จากความสาํ คัญปญหา ดังกล่าวมาข้างตน้ ผรู้ ายงานในฐานะนักประชาสมั พันธ์ ปฏิบัตงิ าน ประชาสมั พันธ์ กล่มุ อํานวยการ สาํ นักงานเขตพนื ทีการศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 ซึง เปนงานสนับสนุนการจัดการศึกษา สนับสนุนการปฏบิ ตั ิงานของกลุม่ ต่างๆ ในสาํ นักงานเขตพนื ที การศึกษา มีหน้าทีหลกั ในการประชาสมั พนั ธ์ สร้างภาพลกั ษณ์ทีดใี หแ้ กส่ าํ นักงานเขตพนื ทีการศึกษา และโรงเรียนในสงั กัด จึงได้ดําเนินโครงการเพมิ ประสทิ ธิภาพเครือข่ายการประชาสมั พันธ์ เพือสร้าง การรับรู้ ข้อมูลข่าวสารดา้ นการศึกษา โดยการใชร้ ูปแบบการสอื สารข้อมูลข่าวสารผา่ นสอื ออนไลน์ และเวบ็ ไซต์ รวมถงึ การจัดการเพจเฟซบ๊กุ ทีกาํ ลังเปนทีนิยมนํามาใชใ้ นงานประชาสมั พันธ์ เพราะ ชว่ ยใหม้ ีการแลกเปลียนขอ้ มูลกันได้ งา่ ยต่อการสบื ค้นขอ้ มูลทีน่าสนใจ ซึงสามารถนําเสนอขา่ วสาร ได้ง่ายโดยการใช้ Info Graphic และหนังสอื อิเลก็ ทรอนิกส์ ทตี อ้ งการใหม้ สี ญั ลักษณ์ทีดึงดดู ความ น่าสนใจ เชน่ ข่าวใหม่ ข่าวด่วน หรือข่าวสาํ คัญ มีความสะดวกและรวดเร็วในการรับขอ้ มูลขา่ วสาร ใหก้ ับสถานศึกษาสงั กัดสาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลําภู เขต 2

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 5 แนวคดิ หลกั การสาํ คญั ทเี กยี วขอ้ ง การประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 ไดด้ าํ เนินการศึกษาแนวคดิ หลกั การ สาํ คญั ทเี กยี วขอ้ ง จากสอื สงิ พมิ พ์ และสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เพอื ประมวลเปนพนื ฐานความรู้ โดยแบง่ เนือหาทศี ึกษาออกเปน ลาํ ดบั ดงั นี 1. แนวคดิ และทฤษฎที เี กยี วขอ้ งกบั การประชาสมั พนั ธ์ 1.1 ความหมายของการประชาสมั พนั ธ์ 1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องการประชาสมั พนั ธ์ 1.3 หลกั การสาํ คญั ของการประชาสมั พนั ธ์ 1.4 การประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ 2. แนวคดิ และทฤษฎที เี กยี วขอ้ งกบั สอื เพอื การประชาสมั พนั ธ์ 2.1 กลยทุ ธ์การใชส้ อื ประชาสมั พนั ธ์ 2.2 แนวคดิ เรืองสอื ดจิ ิทลั 2.3 การเปดรับสอื ประชาสมั พนั ธ์ 2.4 การประเมนิ สอื ประชาสมั พนั ธ์ 2.5 แนวทางการใชส้ อื เพอื ประชาสมั พนั ธ์ 3. โปรแกรม CANVA

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 6 1.แนวคดิ และทฤษฎที เี กยี วขอ้ งกบั การประชาสมั พนั ธ์และการสอื สาร 1.1 ความหมายของการประชาสมั พนั ธ์ เสรี วงษม์ ณฑา (2540 : 10) กลา่ ววา่ การประชาสมั พนั ธ์ หมายถงึ การตดิ ตอ่ สอื สารของ องคก์ รกบั ชมุ ชนุ ตา่ ง ๆ มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื สร้างความน่าเชอื ถอื ภาพลกั ษณ์ ความรู้ในเรืองใดเรืองหนึง และแกไ้ ขขอ้ ผดพลาดในเรืองใดเรืองหนึง เปนการดาํ เนินงาน เผยแพร่ผลงานกจิ กรรม และขอ้ มลู ขา่ วสารตา่ ง ๆ ไปสบู่ คุ คลเปาหมาย และประชาชนทวั ไปไดร้ ับทราบซึงเปนการสร้างภาพลกั ษณ์ทดี ี ใหก้ บั หน่วยงาน นพพงษ์ บญุ จิตราตลุ ย์ (2540 : 1) กลา่ ววา่ การประชาสมั พนั ธ์โรงเรียน หมายถงึ กระบวนการสอื สารตดิ ตอ่ สมั พนั ธ์สองทาง คอื โรงเรียนแจ้งขา่ วสารความเคลอื นไหว ทางการดาํ เนิน งานใหป้ ระชาชนทราบ ประชาชนใหข้ อ้ คดิ เหน็ เสนอแนะและใหค้ วามสนับสนุนตอ่ โรงเรียนในดา้ น ตา่ ง ๆ จึงเปนภารกจิ ทที งั สองฝายพงึ มตี อ่ กนั เพอื ใหเ้ กดิ ภาพพจน์ทดี ี ความเชอื ถอื ศรัทธา และการ สนับสนุนร่วมมอื ใหก้ ารศึกษาของชาตกิ า้ วหน้าและมคี ณุ ภาพ ประสทิ ธิภาพสงู ขนึ พจนานุกรม ฉบบั ราชบณั ฑติ ยสถาน (2542 : 657) ใหค้ วามหมายการประชาสมั พนั ธ์ ไวว้ า่ ตรงกบั ภาษาองั กฤษวา่ PUBLIC RELATION มาจากคา วา่ ประชา (PUBLIC) แปลวา่ หมคู่ น เชน่ ปวงประชา และสมั พนั ธ์ (RELATION) แปลวา่ ความเกยี วขอ้ งเมอื รวมกนั จึงแปลวา่ การตดิ ตอ่ สอื สารเพอื สง่ เสริมความเขา้ ใจทถี กู ตอ้ งตอ่ กนั รุ่งรัตน์ ชยั สาํ เร็จ (2549 : 2) กลา่ วไวว้ า่ การประชาสมั พนั ธ์ หมายถงึ รูปแบบหนึง ของการตดิ ตอ่ สอื สาร เพอื ถา่ ยทอดเรืองราวขา่ วสาร ทงั ทเี ปนขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ คดิ เหน็ จากสถาบนั หรือหน่วยงานใดหน่วยงานหนึงไปสกู่ ลมุ่ ประชาชนเปาหมาย โดยมกี ารวางแผน กาํ หนดวตั ถปุ ระสงค์ และดาํ เนินการเพอื บอกกลา่ ว ใหท้ ราบ เพอื ชแี จงใหเ้ ขา้ ใจถกู ตอ้ ง ณัฐนันท์ ศิริเจริญ (2548 : 110) กลา่ ววา่ การประชาสมั พนั ธ์หมายถงึ การตดิ ตอ่ สอื สาร ระหวา่ งองคก์ รกบั สาธารณชน เพอื บอกกลา่ วใหท้ ราบ ชแี จงทาํ ความเขา้ ใจ ใหถ้ กู ตอ้ งเกยี วกบั ความ คดิ เหน็ (OPINION) ทศั นคติ (ATTITUDE) และคา่ นิยม (VALUE) สร้างชอื เสยี งและภาพพจน์ทดี ี สร้าง เสริมและรักษาความสมั พนั ธ์ทดี ี นําไปสกู่ ารสนับสนุน และความร่วมมอื จากกลมุ่ เปาหมาย วมิ ลพรรณ อาภาเวท (2546 : 10) กลา่ ววา่ การประชาสมั พนั ธ์ หมายถงึ การตดิ ตอ่ สอื สารระหวา่ งหน่วยงาน หรือองคก์ รและกลมุ่ ประชาชนเปาหมาย เพอื สร้างความเขา้ ใจอนั ถกู ตอ้ ง ในอนั ทจี ะสร้างความ เชอื ถอื ศรัทธา และความร่วมมอื ตลอดจนความสมั พนั ธ์ทดี ี ซึงจะชว่ ยใหก้ าร ดาํ เนินงานของหน่วยงานนันๆ บรรลุ เปาหมาย พทิ กั ษศ์ ักดิ ทศิ าภาคย์ (2563 : 9) กลา่ ววา่ การประชาสมั พนั ธ์เปนการดาํ เนินการ อยา่ งมแี บบแผน เริมจากการทราบถงึ ปญหาในบริบทสงั คม จากนันการลงมอื ปฏบิ ตั ิ เพอื แกไ้ ขปญหา และประชาสมั พนั ธ์ขอ้ มลู ขา่ วสารโดยผา่ น เครืองมอื สอื สารทเี หมาะสมและมปี ระสทิ ธิภาพ โดยมี การประเมนิ ผลกระทบทกุ ครังเพอื ใหเ้ กดิ ภาพลกั ษณ์ทดี ตี อ่ องคก์ ร สรุปไดว้ า่ การประชาสมั พนั ธ์ หมายถงึ กระบวนการสอื สารตดิ ตอ่ สมั พนั ธ์สองทาง คอื สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาแจ้งขา่ วสารความเคลอื นไหว ทางการดาํ เนินงานใหข้ า้ ราชการครูและ บคุ ลากรในสงั กดั ทราบ เพอื ใหข้ อ้ คดิ เหน็ เสนอแนะ เพอื ใหเ้ กดิ ภาพพจน์ทดี ี ความเชอื ถอื ศรัทธา และ การสนับสนุนร่วมมอื ใหก้ ารศึกษาของชาตกิ า้ วหน้าและมคี ณุ ภาพ ประสทิ ธิภาพสงู ขนึ

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 7 1.2 วตั ถปุ ระสงคข์ องการประชาสมั พนั ธ์ วจิ ิตร อาวะกลุ (2541 : 47) ไดก้ ลา่ วถงึ วตั ถปุ ระสงคท์ วั ไปของการประชาสมั พนั ธ์ ดงั นี 1) เพอื สร้างภาพพจน์ทดี ใี หก้ บั องคก์ าร 2) เพอื สร้างความนิยมชมชอบ เลอื มใสศรัทธาจากประชาชน พนักงาน ฯลฯ 3) เพอื ปองกนั แกไ้ ขความเขา้ ใจผดิ คลาดเคลอื น 4) เพอื ดาํ เนินงานการรักษาความสมั พนั ธ์เชอื มโยงกบั กลมุ่ ตา่ ง ๆ ไมใ่ หเ้ สอื ม คลาย และตลอดเวลา 5) เพอื กระตนุ้ เพมิ พนู ความสมั พนั ธ์เพมิ ขวญั กาํ ลงั ใจในหมปู่ ระชาชน พนักงาน หนุ้ สว่ น ผทู้ เี กยี วขอ้ งทกุ กลมุ่ อยตู่ ลอดเวลา 6) เพอื ใหบ้ ริการดา้ นสาธารณประโยชน์ ผลประโยชน์ทเี ปนธรรมแกส่ งั คม 7) เพอื สร้างความเชอื มนั ไวว้ างใจ เชอื ถอื ไดจ้ ากประชาชนยนื ยนั ความมนั คงแก่ พนักงานและประชาชน ทพิ ยพ์ าพร มหาสนิ ไพศาล (2547 : 5-6) ใหว้ ตั ถปุ ระสงคข์ องการประชาสมั พนั ธ์ไวว้ า่ มี 4 ประเดน็ ดงั นี 1) เพอื การกอ่ ใหเ้ กดิ ความรู้ ความเขา้ ใจภาพลกั ษณ์ทดี คี วามจงรักภกั ดี เกดิ การ รับขอ้ มลู ขา่ วสาร กอ่ ใหเ้ กดิ ความสมั พนั ธ์ทดี ี ทงั กลมุ่ เปาหมายภายในและภายนอกหน่วยงาน กอ่ ให้ เกดิ ความรู้จักระหวา่ งหน่วยงานกบั บคุ คลทเี กยี วขอ้ ง ส 2) เพอื การดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์ทเี กดิ ขนึ จากการวางแผนในการดาํ เนินงาน และการพจิ ารณาในการดาํ เนินกจิ กรรมตา่ ง ๆ วา่ มขี อ้ บกพร่องหรือสงิ ทตี อ้ งการแกไ้ ข เพอื เปนการ ปองกนั การเกดิ ภาพลกั ษณ์กบั หน่วยงานในทางลบ เชน่ การรับขอ้ มลู ขา่ วสารคลาดเคลอื น การเกดิ ความเขา้ ใจผดิ กบั หน่วยงาน กจิ กรรมของหน่วยงาน การดาํ เนินงานของหน่วยงาน การตอ่ ตา้ นการ ดาํ เนินงาน การถกู โจมตี การเกดิ สถานการณ์ทเี ปนขา่ วลอื ฯลฯ 3) เพอื การแกไ้ ขความเขา้ ใจผดิ หรือเปนการแกไ้ ขวกิ ฤตการณ์ทเี กดิ ขนึ ในการ ดาํ เนินงาน หรือการดาํ เนินกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทหี น่วยงานจัดขนึ 4) เพอื โน้มน้าวใหเ้ ปนไปวตั ถปุ ระสงคท์ ตี อ้ งการสร้างความร่วมมอื สนับสนุน ความคลอ้ ยตาม ทงั นีเพอื ใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมบางประการตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการดาํ เนินกจิ กรรม ตา่ ง ๆ ซึงอาจตอ้ งการเขา้ ร่วมในกจิ กรรมตา่ ง ๆ หรือเปนการกระตนุ้ ใหเ้ กดิ ประชามตติ ามทตี อ้ งการ หรือการชกั จูงใจเพอื การรณรงคใ์ นการดาํ เนินงานตา่ ง ๆ ถริ นันท์ อนวชั ศิริวงศ์ (2541 : 103) ไดใ้ หค้ วามเหน็ วา่ การดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์ มเี ปาหมายทสี าํ คญั 3 ประการ ไดแ้ ก่ 1) เพอื ชแี จงใหข้ อ้ มลู ขา่ วสารตอ่ ประชาชนเปาหมาย 2) เพอื โน้มน้าวใจใหเ้ กดิ หรือเปลยี นแปลงทศั นคตหิ รือพฤตกิ รรม 3) เพอื สร้างความสมั พนั ธ์อนั ดซี ึงกนั และกนั เปนอนั หนึงอนั เดยี วกนั กบั ประชาชน สพุ รรษา จิตเลขา (2545 : 12-13) ไดส้ รุปวตั ถปุ ระสงคข์ องการประชาสมั พนั ธ์วา่ มี 4 ประการ คอื 1) การประชาสมั พนั ธ์ ทมี วี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอื การโฆษณาชวนเชอื เปนการดาํ เนิน งานทางการประชาสมั พนั ธ์ในระยะเริมแรก ซึงเปนการสอื สารทผี โู้ ฆษณาชวนเชอื มเี จตนาทจี ะมี อทิ ธิพลเหนือความคดิ เหน็ และทศั นคตขิ องสาธารณชน

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 8 2) การประชาสมั พนั ธ์ เปนการเผยแพร่ขอ้ มลู ขา่ วสารไปสสู่ าธารณชน เชน่ การ ประกาศขา่ วสาร การรายงานขอ้ เทจ็ จริงตา่ ง ๆ เปนตน้ เพอื ใหส้ าธารณชนเกดิ ความรู้ความเขา้ ใจ ทถี กู ตอ้ ง 3) การประชาสมั พนั ธ์ มวี ตั ถปุ ระสงคใ์ นการโน้มน้าวใจสาธารณชนทเี กยี วขอ้ งกบั องคก์ าร มงุ่ เน้นการสอื สารสองทาง ซึงเปนการเผยแพร่ขอ้ มลู ขา่ วสารและความคดิ เหน็ ขององคก์ าร ไปสสู่ าธารณชน พร้อมทงั มกี ารตดิ ตามหรือประเมนิ ทศั นคตหิ รือพฤตกิ รรมของสาธารณชนทมี ตี อ่ องคก์ าร เปนการดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์ทมี กี ารสร้างชอื เสยี ง รักษาชอื เสยี งและแกไ้ ขความเขา้ ใจ ผดิ ของสาธารณชนทมี ตี อ่ องคก์ าร เพอื ใหเ้ กดิ ความนิยม (Goodwill) เสริมสร้างภาพลกั ษณ์ (Image) ทดี ี 4) การประชาสมั พนั ธ์ทมี วี ตั ถปุ ระสงค์ คอื ความเขา้ ใจซึงกนั และกนั ระหวา่ ง องคก์ ารกบั สาธารณชน โดยใหค้ วามสาํ คญั กบั การสอื สาร ซึงทงั สองฝายมคี วามสมดลุ กนั เพอื ใหเ้ กดิ การเจรจาโตต้ อบ ตอ่ รอง ประนีประนอมและการแกไ้ ขขอ้ ขดั แยง้ ร่วมกนั ระหวา่ งองคก์ ารกบั สาธารณชน ณัตพร วรคณุ พเิ ศษ (2556 : 44 - 45) ไดส้ รุปไวว้ า่ การประชาสมั พนั ธ์โดยทวั ไป มจี ุด มงุ่ หมายสาํ คญั พอสรุปได้ 3 ประการ คอื 1. เพอื สร้างความนิยม (Positive Steps to Achieve Goodwill) จุดมงุ่ หมายขอ้ นี ประกอบไปดว้ ยการเร่งเร้าเพอื สร้างและธํารงไวซ้ ึงความนิยมเลอื มใส และศรัทธาจากกลมุ่ ประชาชน ในนโยบาย ทา่ ที วธิ ีการดาํ เนินงานและผลงานทงั หลายของสถาบนั เพอื ใหก้ ารดาํ เนินงานของสถาบนั เปนไปดว้ ยความราบรืน สร้างความเจริญกา้ วหน้าแกส่ งั คม 2. เพอื รักษาชอื เสยี งมใิ หเ้ สอื มเสยี (Action to Safeguare Reputation) การเปน ทยี อมรับ และใหค้ วามร่วมมอื จากกลมุ่ ประชาชน ขนึ อยกู่ บั วา่ ประชาชนมคี วามเขา้ ใจในสถาบนั ถกู ตอ้ งกวา้ งขวางมากน้อยเพยี งใด ดงั นันจุดมงุ่ หมายขอ้ นีกลา่ วไดว้ า่ เปนไปเพอื สร้างภาพพจน์หรือความ เขา้ ใจทถี กู ตอ้ งปราศจากมลทนิ ใหแ้ กป่ ระชาชน 3. เพอื สร้างความสมั พนั ธ์ภายใน (Internal Relationships) การดาํ เนินงานของ สถาบนั จะเปนไปดว้ ยความเรียบร้อย หากความสมั พนั ธ์ภายในสถาบนั ดี แตห่ ากความสมั พนั ธ์ภายใน ไมด่ แี ลว้ จะเปนอปุ สรรคของการดาํ เนินงาน ดงั นันจุดมงุ่ หมายขอ้ นีมคี วามสาํ คญั ในแงข่ องการ บริหารภายในและการสร้างความพนั ธ์กบั ภายนอก พงษ์ วเิ ศษสงั ข์ (2553 : 97 - 98) กลา่ ววา่ วตั ถปุ ระสงคข์ องการประชาสมั พนั ธ์ มดี งั นี 1. เพอื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจและรับรู้ถงึ ภาพลกั ษณ์ทดี รี ะหวา่ งหน่วยงานและ ประชาชน โดยผา่ นเครืองมอื สอื ประชาสมั พนั ธ์ตา่ ง ๆ 2. เพอื ใหป้ ระชาชนเขา้ ถงึ ขอ้ เทจ็ จริง หลกี เลยี งความเขา้ ใจผดิ ทอี าจจะเกดิ ขนึ จากขอ้ มลู ขา่ วสารทไี มค่ รบถว้ น 3. เพอื สร้างความเขา้ ใจทเี ปนอนั หนึงอนั เดยี วกนั เมอื เกดิ ภาวะวกิ ฤตการณ์หรือ ปญหาทอี าจสง่ ผลกระทบตอ่ หน่วยงานและประชาชน 4. เพอื รักษาความสมั พนั ธ์อนั ดรี ะหวา่ งหน่วยงานและประชาชนทเี กยี วขอ้ งได้ อยา่ งยงั ยนื โดยสรุป วตั ถปุ ระสงคข์ องการประชาสมั พนั ธ์ มงุ่ ทจี ะสร้างความเขา้ ใจปองกนั และแกไ้ ข ความเขา้ ใจผดิ รักษาชอื เสยี ง เพอื ใหเ้ กดิ ความศรัทธา และความร่วมมอื จากประชาชนและหน่วยงาน นอกจากนัน วตั ถปุ ระสงคย์ งั เปนแนวทางของการปฏบิ ตั กิ ารประชาสมั พนั ธ์ ใหผ้ ดู้ าํ เนินงาน ประชาสมั พนั ธ์ยดึ ถอื ในการปฏบิ ตั งิ านประชาสมั พนั ธ์ขององคก์ ร

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 9 1.3 หลกั การสาํ คญั ของการประชาสมั พนั ธ์ ภากติ ิ ตรีสกุ ล (2554 : 74 -75) ไดส้ รุปหลกั การสาํ คญั ของการประชาสมั พนั ธ์ได้ ดงั นี 1. การประชาสมั พนั ธ์เปนภาระหน้าทสี าํ คญั ในการบริหารจัดการองคก์ ารและเปน ความรับผดิ ชอบของผบู้ ริหารในการสนับสนุนกจิ กรรมเหลา่ นัน 2. การประชาสมั พนั ธ์เปนกระบวนการทเี กยี วขอ้ งกบั การสร้างและการธํารง รักษาชอื เสยี ง การยอมรับ การสนับสนุน และความสมั พนั ธ์อนั ดรี ะหวา่ งองคก์ ารและกลมุ่ ประชาชน เปาหมายทงั ภายในและภายนอกองคก์ าร 3. การประชาสมั พนั ธ์เปนกระบวนการสอื สารแบบยคุ ลวถิ ี ซึงอยบู่ นพนื ฐาน ของขอ้ เทจ็ จริง ความถกู ตอ้ ง ความจริงใจ ความปรารถนาดี ความซือสตั ย์ และ การคาํ นึงถงึ ผล ประโยชน์ร่วมกนั ขององคก์ าร กลมุ่ ประชาชนเปาหมาย และสงั คมโดยรวม 4. การประชาสมั พนั ธ์เปนกระบวนการทตี อ้ งคาํ นึงถงึ และอาศัยประชามติ เปน พนื ฐาน จึงจําเปนตอ้ งมกี ารตรวจสอบและประเมนิ การรับรู้ ความคดิ เหน็ ทศั นคติ และพฤตกิ รรม ของกลมุ่ ประชาชนเปาหมายทงั ภายในและภายนอกองคก์ าร เพอื รายงานแกฝ่ ายบริหารและใช้ ขอ้ มลู ดงั กลา่ วเปนพนื ฐานในการตดั สนิ ใจขององคก์ าร 5. การประชาสมั พนั ธ์เปนกระบวนการทเี กดิ จากการวางแผนทเี หมาะสม มกี าร ประเมนิ แผนกอ่ นนําแผนไปปฏบิ ตั จิ ริง หากแผนไมเ่ หมาะสมกบั สภาวการณ์หรือไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิ ไดจ้ ริง กส็ ามารถปรับเปลยี นใหส้ อดคลอ้ งกบั เปาหมายและสภาวการณ์ของสงั คมได้ 6. การประชาสมั พนั ธ์เปนกระบวนการทเี กดิ จากการปฏบิ ตั งิ านอยา่ งตอ่ เนือง ตามแผนทกี าํ หนดโดยคาํ นึงถงึ คณุ ภาพและคณุ ธรรม ภายใตก้ ารบริหารแผนทมี ปี ระสทิ ธิภาพ 7. การประชาสมั พนั ธ์เปนกระบวนการทมี กี ารตดิ ตามผลและประเมนิ ผล การ ปฏบิ ตั ิ งานทชี ดั เจนเปนระบบ 8. การประชาสมั พนั ธ์ตอ้ งกอ่ ใหก้ ารเปลยี นแปลงในดา้ นการรับรู้ ความคดิ เหน็ ทศั นคติ และพฤตกิ รรมของกลมุ่ ประชาชนทเี กยี วขอ้ งทงั ภายในและภายนอกองคก์ าร 9. การประชาสมั พนั ธ์เปนกระบวนการทมี อี ทิ ธิพลตอ่ บคุ คลและ สงั คม จึงตอ้ งมี การวเิ คราะหผ์ ลกระทบซึงอาจเกดิ จากนโยบาย ขนั ตอนการปฏบิ ตั งิ าน และกจิ กรรมทมี ตี อ่ กลมุ่ ประชาชนทเี กยี วขอ้ ง และสงั คมโดยรวม เพอื ปองกนั ผลกระทบทไี มพ่ งึ ประสงค์ 10. การประชาสมั พนั ธ์ทดี ตี อ้ งคาํ นึงถงึ ผลประโยชน์ร่วมกนั ระหวา่ งกลมุ่ ประชาชน ทเี กยี วขอ้ งและองคก์ าร ดงั นันอาจตอ้ งมกี ารปรับเปลยี นนโยบาย ขนั ตอนการปฏบิ ตั งิ าน และ กจิ กรรมหากพบวา่ การดาํ เนินงานอาจใหเ้ กดิ ความขดั แยง้ ระหวา่ งผลประโยชน์ของกลมุ่ ประชาชน ทเี กยี วขอ้ งและความอยรู่ อดขององคก์ าร 11. การประชาสมั พนั ธ์เปนกระบวนการซึงดาํ เนินงานโดยอาศัยจริยธรรม สว่ น บคุ คลและจรรยาบรรณวชิ าชพี เปนตวั กาํ กบั การปฏบิ ตั งิ านของนักประชาสมั พนั ธ์

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 1.4 การประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ 10 ภากติ ิ ตรีสกุ ล (2554 : 103) ไดก้ ลา่ วโดยสรุปไวว้ า่ การประเมนิ ผล หมายถงึ การ ประเมนิ ประสทิ ธิภาพในการปฏบิ ตั งิ านของนักประชาสมั พนั ธ์และการประเมนิ ประสทิ ธิผลของ กระบวนการดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์เปรียบเทยี บกบั เปาหมายและวตั ถปุ ระสงคท์ กี าํ หนดไว้ 1.4.1 ความสาํ คญั ของการประเมนิ ผล การประเมนิ ผลมคี วามสาํ คญั ตอ่ กระบวนการดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์ ดงั นี (ภากติ ติ ตรีสกุ ล. 2550 : 104 - 105) 1) การประเมนิ ผล คอื กระบวนการทมี คี วามเกยี วขอ้ งสมั พนั ธ์กบั ทกุ กจิ กรรมและ ทกุ ขนั ตอนในกระบวนดาํ เนินงานการประชาสมั พนั ธ์ และมกั เปนจุดเริมตน้ ของการดาํ เนินงาน ประชาสมั พนั ธ์ครังตอ่ ไป 2) การประเมนิ แผนกลยทุ ธ์กอ่ นการปฏบิ ตั งิ านตามแผน ทาํ ใหผ้ บู้ ริหารแผน และ ผปู้ ฏบิ ตั งิ านเกดิ ความมนั ใจวา่ วตั ถปุ ระสงค์ กระบวนการปฏบิ ตั งิ าน และองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ของ แผนมคี วามเหมาะสมสอดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ มในขณะนําแผนไปปฏบิ ตั ิ 3) การประเมนิ ผลขณะปฏบิ ตั งิ านตามแผนหรือการตดิ ตามผลการปฏบิ ตั งิ าน ทาํ ใหท้ ราบประสทิ ธิภาพในการปฏบิ ตั งิ านของบคุ ลากร ความกา้ วหน้าในการปฏบิ ตั งิ านตามแผน ความเหมาะสมในการใชท้ รัพยากร ตลอดจนปญหาและอปุ สรรคในการปฏบิ ตั งิ าน ซึงเปนขอ้ มลู สาํ คญั ในการปรับแผน วธิ ีการปฏบิ ตั งิ าน และเปนโอกาสในการปรับปรุงคณุ ภาพ 4) การประเมนิ ผลเมอื สนิ สดุ การปฏบิ ตั งิ านตามแผน ทาใหท้ ราบประสทิ ธิผล ของกระบวนการดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์ ระดบั ความสอดคลอ้ งระหวา่ งผลลพั ธ์จากการปฏบิ ตั งิ าน กบั เปาหมายและวตั ถปุ ระสงคท์ กี าํ หนดไวใ้ นแผนกลยทุ ธ์ รวมทงั ความคมุ้ คา่ ของผลลพั ธ์เมอื เปรียบ เทยี บกบั คา่ ใชจ้ ่าย 5) การประเมนิ ผลทาํ ใหผ้ บู้ ริหารแผนและผปู้ ฏบิ ตั งิ านไดร้ ับขอ้ มลู ซึงเปน ประโยชน์ สาํ หรับการวางแผนและการปฏบิ ตั งิ านในอนาคต 6) การประเมนิ ผลทาํ ใหผ้ บู้ ริหาร บคุ ลากร และหน่วยงานอนื ภายในองคก์ าร เขา้ ใจและตระหนักถงึ คณุ คา่ ของการประชาสมั พนั ธ์ทมี ตี อ่ องคก์ าร ซึงจะสง่ ผลตอ่ การยอมรับ การ ใหค้ วามร่วมมอื และการสนับสนุนดา้ นงบประมาณจากองคก์ าร 7) การประเมนิ ผลทาํ ใหน้ ักประชาสมั พนั ธ์ตระหนักและมจี ิตสาํ นึกในการปฏบิ ตั ิ งาน ทมี งุ่ เน้นคณุ ภาพ ตลอดจนภาระความรับผดิ ชอบทตี นและหน่วยงานประชาสมั พนั ธ์ตอ้ งมแี ละ กระทาํ ร่วมกบั หน่วยงานอนื ในองคก์ าร เพอื นําพาองคก์ ารไปสวู่ สิ ยั ทศั น์ พนั ธกจิ เปาหมาย และ วตั ถปุ ระสงคท์ กี าํ หนด 1.4.2 ประเภทของการประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ การประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์แบง่ ออกเปนประเภทตา่ ง ๆ ตามเกณฑ์ การ แบง่ ซึงยกมาเปนตวั อยา่ งโดยสงั เขปดงั ตอ่ ไปนี 1) การประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ตามแบบจาลองการประเมนิ ผล มหาภาค ของจิม แมคนามาร่า ซึงแบง่ การประเมนิ ผลออกเปน 3 ประเภท มสี าระสาํ คญั สรุปได้ ดงั นี 1.1.1) การประเมนิ ผลปจจัยนําเขา้ (inputs) เพอื ประเมนิ ความเพยี งพอของ ขอ้ มลู ความรู้ และงานวจิ ัยทใี ชใ้ นการวางแผน ความเหมาะสมของเครืองมอื และสอื ประชาสมั พนั ธ์ ความเหมาะสมของสารทเี ผยแพร่ และคณุ ภาพในการนําเสนอสาร เปนตน้ 1.1.2) การประเมนิ ผลผลติ (outputs) เพอื ประเมนิ วา่ มกี ารผลติ เครืองมอื และ สอื เพอื การประชาสมั พนั ธ์และเผยแพร่มากน้อยเพยี งใด โดยประเมนิ ผลจากจํานวนสารทเี ผยแพร่ ออกไป จํานวนสารทไี ดร้ ับการเผยแพร่ในสอื

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 1.4.2 ประเภทของการประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ 11 การประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์แบง่ ออกเปนประเภทตา่ ง ๆ ตามเกณฑ์ การ แบง่ ซึงยกมาเปนตวั อยา่ งโดยสงั เขปดงั ตอ่ ไปนี 1) การประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ตามแบบจาลองการประเมนิ ผล มหาภาค ของจิม แมคนามาร่า ซึงแบง่ การประเมนิ ผลออกเปน 3 ประเภท มสี าระสาํ คญั สรุปได้ ดงั นี 1.1.1) การประเมนิ ผลปจจัยนําเขา้ (inputs) เพอื ประเมนิ ความเพยี งพอของ ขอ้ มลู ความรู้ และงานวจิ ัยทใี ชใ้ นการวางแผน ความเหมาะสมของเครืองมอื และสอื ประชาสมั พนั ธ์ ความเหมาะสมของสารทเี ผยแพร่ และคณุ ภาพในการนําเสนอสาร เปนตน้ 1.1.2) การประเมนิ ผลผลติ (outputs) เพอื ประเมนิ วา่ มกี ารผลติ เครืองมอื และ สอื เพอื การประชาสมั พนั ธ์และเผยแพร่มากน้อยเพยี งใด โดยประเมนิ ผลจากจํานวนสารทเี ผยแพร่ ออกไป จํานวนสารทไี ดร้ ับการเผยแพร่ในสอื จํานวนสารทสี อดคลอ้ งและสนับสนุนวตั ถปุ ระสงค์ จํานวนคนทไี ดร้ ับสารทเี ผยแพร่ออกไป และจํานวนคนทใี หค้ วามสนใจเนือหาสาระของสาร เปนตน้ 1.1.3) การประเมนิ ผลลพั ธ์การดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์ (results) เพอื ประเมนิ ผลสมั ฤทธิของการดาํ เนินงานตามแผน โดยพจิ ารณาจากจานวนคนทเี รียนรู้สารและมคี วาม รู้ ความตระหนัก และความเขา้ ใจสารเพมิ ขนึ จํานวนคนทเี ปลยี นแปลงทศั นคติ จํานวนคน ที เปลยี นแปลงพฤตกิ รรมตามทอี งคก์ ารตอ้ งการ ตลอดจนการประเมนิ จํานวนโครงการทบี รรลุ วตั ถปุ ระสงค์ และไดร้ ับการแกไ้ ปปญหาตามทรี ะบไุ วต้ ามแผน 2) การประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ตามแบบจําลอง แบง่ การประเมนิ ผลออก เปน 3 ระดบั สรุปสาระสาํ คญั ได้ ดงั นี 2.1.1) การประเมนิ ผลในระดบั เตรียมงานหรือกอ่ นการดาํ เนินงานตามแผน (preparation evaluation : P) ประกอบดว้ ยการประเมนิ ความพอเพยี งของขอ้ มลู ทใี ชใ้ นการ วางแผนโครงการประชาสมั พนั ธ์ ประเมนิ ความเหมาะสมของเนือหา และกจิ กรรมทกี าํ หนด 2.1.2 การประเมนิ ผลในระดบั การดาํ เนินงาน (implementation evaluation : I) เปนการประเมนิ กลวธิ ีทใี ชแ้ ละการปฏบิ ตั งิ านการประชาสมั พนั ธ์ โดยพจิ ารณาปจจัยตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ จํานวนสารทสี ง่ ไปใหส้ อื มวลชนและกจิ กรรมทตี อ้ งดาํ เนินการตามแผน จํานวนสารทไี ดร้ ับการเผย แพร่ในสอื มวลชนและกจิ กรรมทดี าํ เนินการ 2.1.3 การประเมนิ ระดบั ผลกระทบ (impact evaluation: I) เพอื ประเมนิ วา่ ผลลพั ธ์ทเี กดิ จากการดาํ เนินงานมคี วามสอดคลอ้ งกบั เปาหมายและวตั ถปุ ระสงคท์ กี าํ หนด มากน้อย เพยี งใด โดยใชก้ ารวจิ ัยเชงิ สาํ รวจหรือการสงั เกต เพอื รวบรวมและวเิ คราะหข์ อ้ มลู 3) ประเภทของการประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ซึงแบง่ ตามวตั ถปุ ระสงค์ ของ การประเมนิ ผล แบง่ ออกเปน 4 ประเภท ไดแ้ ก่ 3.1.1 การประเมนิ แผนกลยทุ ธ์ เพอื การประชาสมั พนั ธ์กอ่ นนําแผนไปปฏบิ ตั ิ เพอื ศึกษาความเหมาะสมและความสอดคลอ้ งระหวา่ งแผนและสถานการณ์ในชว่ งเวลาทปี ฏบิ ตั ิ 3.1.2 การตดิ ตามการปฏบิ ตั งิ านตามแผน เพอื ควบคมุ ใหผ้ รู้ ับผดิ ชอบ ปฏบิ ตั ิ งานอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพตามเวลาทกี าํ หนดไวใ้ นแผน และเพอื ปองกนั แกไ้ ขปญหาและอปุ สรรค 3.1.3 การประเมนิ ประสทิ ธิผลของกระบวนการดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์ เพอื ประเมนิ วา่ ผลผลติ (output) และผลลพั ธ์ (outcome) สอดคลอ้ งกบั เปาหมายและวตั ถปุ ระสงค์ ทกี าํ หนดไวต้ ามแผนหรือไม่ 3.1.4 การประเมนิ ผลกระทบ (impact)ทเี กดิ จากการดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์ ทมี ตี อ่ การเปลยี นแปลงความรู้ ทศั นคติ และพฤตกิ รรมของกลมุ่ ประชาชนเปาหมาย

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 1.4.3 หลกั การสาํ คญั ของการประเมนิ ผล 12 การประเมนิ ผลไดอ้ ยา่ งมมี าตรฐานและมปี ระสทิ ธิผลนัน นักประชาสมั พนั ธ์ ควร เขา้ ใจหลกั การของการประเมนิ ผล ซึงมสี าระสาํ คญั สรุปได้ ดงั นี 1) ตอ้ งกาํ หนดวตั ถปุ ระสงคข์ องโครงการ กจิ กรรม และกลยทุ ธ์ รวมทงั ผลผลติ ผลของการสอื สาร และผลลพั ธ์ทพี งึ ประสงคท์ ชี ดั เจน เพอื เปนขอ้ มลู พนื ฐานในการวดั สมั ฤทธิผลของ การประชาสมั พนั ธ์ นอกจากนันการกาํ หนดเปาหมายของการประชาสมั พนั ธ์ ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั เปา หมายโดยรวมขององคก์ ารดว้ ย 2) ตอ้ งแยกความแตกตา่ งระหวา่ งการวดั ผลผลติ ผลของการสอื สาร และผลลพั ธ์ ของการประชาสมั พนั ธ์ออกจากกนั อยา่ งชดั เจน 3) การวดั หรือการประเมนิ เนือหาทปี รากฏในสอื เปนเพยี งขนั ตอนแรกของการ วดั และการประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ ซึงบง่ บอกไดเ้ พยี งแคค่ วามเปนไปไดท้ กี ลมุ่ ประชาชน เปาหมายจะเปดรับสารเพอื การประชาสมั พนั ธ์และการครอบคลมุ ของสอื 4) ไมม่ เี ครืองมอื เทคนิค และระเบยี บวธิ ีวจิ ัยประใดประเภทหนึงทใี ชว้ ดั และ ประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ไดโ้ ดยงา่ ยและสมบรู ณ์ ดงั นันจึงตอ้ งประยกุ ตใ์ ชเ้ ครืองมอื เทคนิค และระเบยี บวธิ ีวจิ ัยทหี ลากหลาย 5) ควรระมดั ระวงั ในการเปรียบเทยี บประสทิ ธิผลของการประชาสมั พนั ธ์และ การโฆษณา เนืองจากการสอื สารทงั สองประเภทมคี วามแตกตา่ งกนั อยา่ งเหน็ ไดช้ ดั 6) ควรตระหนักไวว้ า่ เราสามารถควบคมุ เนือสาระในการโฆษณาได้ แตไ่ ม่ สามารถควบคมุ เนือหาสาระในการประชาสมั พนั ธ์ได้ 1.4.4 กระบวนการประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ กระบวนการประเมนิ ผลการวางแผน การปฏบิ ตั งิ าน และการผลกระทบ ทเี กดิ จากการดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์ ประกอบดว้ ยกจิ กรรมตา่ ง ๆ สรุปสาระสาํ คญั ได้ ดงั นี 1) การสร้างขอ้ ตกลงร่วมกนั ในการใชแ้ ละการกาํ หนดวตั ถปุ ระสงคข์ องการ ประเมนิ ผล การระบถุ งึ ปญหา สงิ ทเี กยี วขอ้ ง 2) การสร้างขอ้ ตกลงร่วมกนั ทงั องคก์ ารในเรืองการประเมนิ ผลและการใชก้ าร วจิ ัย เปนพนื ฐานในการปฏบิ ตั งิ าน 3) การสร้างฉันทามตริ ่วมกนั ในหน่วยงานประชาสมั พนั ธ์เกยี วกบั การประเมนิ ผล การประชาสมั พนั ธ์ 4) การกาํ หนดวตั ถปุ ระสงคท์ ชี ดั เจนและวดั ผลไดเ้ ปนลายลกั ษณ์อกั ษร รวมทงั การกาํ หนดผลลพั ธ์ทชี ดั เจน 5) การกาํ หนดเกณฑก์ ารประเมนิ ผลทเี หมาะสมทสี ดุ 6) การกาํ หนดวธิ ีการเกบ็ รวมรวบขอ้ มลู ทเี หมาะสม โดยพจิ ารณาจากคาํ ถาม และ วตั ถปุ ระสงคใ์ นการประเมนิ ผล เกณฑก์ ารประเมนิ ผลลพั ธ์ทกี าํ หนดไวใ้ นวตั ถปุ ระสงค์ 7) การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทคี รบถว้ นสมบรู ณ์เกยี วกบั การปฏบิ ตั งิ าน 8) การนําขอ้ มลู ทไี ดจ้ ากการประเมนิ ผลไปใชป้ ระโยชน์ในการปรับปรุงการ ปฏบิ ตั งิ าน และเปนขอ้ มลู สาํ หรับการปฏบิ ตั งิ านประชาสมั พนั ธ์ครังตอ่ ไป 9) การนํารายงานผลการประเมนิ ผลการประชาสมั พนั ธ์ใหผ้ บู้ ริหารองคก์ ารทราบ 10) การนําผลการประเมนิ ผลไปใชใ้ หเ้ กดิ ประโยชน์ในการพฒั นาองคค์ วามรู้ ใน วชิ าชพี วชิ าชพี ดว้ ยวธิ ีการตา่ ง ๆ

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 13 2. แนวคดิ และทฤษฎที เี กยี วขอ้ งกบั สอื เพอื การประชาสมั พนั ธ์ นักวชิ าการไดอ้ ธิบายความหมายของคาํ วา่ “สอื ” หมายถงึ ชอ่ งทางการสอื สารทเี ปนตวั นํา สารจากผสู้ ง่ สารไปยงั ผรู้ ับสารเพอื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจมากขนึ การเลอื กใชส้ อื ประเภทตา่ งๆ ใหเ้ หมาะ กบั โอกาส เวลา และสถานทเี พอื ใหบ้ รรลตุ รงตามวตั ถปุ ระสงคข์ องการประชาสมั พนั ธ์ (จิตราภรณ์ สทุ ธิวรเศรษฐ์, 2550 ; รุ่งรัตน์ ชยั สาเร็จ, 2552) นอกจากนี เมอื ไดเ้ ขา้ ใจถงึ ความหมายของคาํ วา่ สอื ประชาสมั พนั ธ์แลว้ กจ็ ําเปนตอ้ งมหี ลกั เกณฑใ์ นการพจิ ารณาการเลอื กใชส้ อื ประชาสมั พนั ธ์ใหเ้ หมาะสมกบั โอกาส เวลา และสถานที ซึงสงิ เหลา่ นีลว้ นเปนปจจัยสาํ คญั ในการตดั สนิ ใจเลอื กใชส้ อื ในการประชาสมั พนั ธ์ โดยมนี ักวชิ าการทาง นิเทศศาสตร์ไดอ้ ธิบายแนวคดิ ในการตดั สนิ ใจเลอื กสอื ในการประชาสมั พนั ธ์ ดงั นี ประชาชน ลักษณะ ประเภท งบประมาณ กลุ่มเปาหมาย คุณสมบัติของสือ เวลา ทฤษ ีฎ นั ก ป ร ะ ช า สั ม พั น ธ์ บุคลากร ผู้ ส่ ง ส า ร วัตถุประสงค์ และเนือหา อืนๆ อยา่ งไรกต็ ามอาจเรียกไดว้ า่ สอื ประชาสมั พนั ธ์ เปนปจจัยหรือตวั แปรสาํ คญั หรับการ ประชาสมั พนั ธ์ และยงิ ถา้ มกี ารเลอื กสอื ประชาสมั พนั ธ์ไดเ้ หมาะสมกจ็ ะสามารถถา่ ยทอดขอ้ มลู ขา่ วสารไปยงั ผรู้ ับสารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง ครบถว้ น และบรรลวุ ตั ถปุ ระสงคข์ องการประชาสมั พนั ธ์ ทงั นี สามารถแบง่ ประเภทของสอื ประชาสมั พนั ธ์ ออกเปน 5 ประเภท ดงั นี (นรีรัตน์ งามประดษิ ฐ์, 2553; สโรชา เจริญพฤกษาชาต,ิ 2552) 1. สอื บคุ คล คอื การตดิ ตอ่ สอื สารทใี หค้ วามหมายชดั เจนเหมาะกบั เรืองสนั ๆ งา่ ย ๆ ขอ้ ความตรงไปตรงมา โดยสอื คาํ พดู ไมม่ คี า่ ใชจ้ ่าย เชน่ การพบปะพดู คยุ การอภปิ ราย เปนตน้ 2. สอื สงิ พมิ พ์ คอื สอื ทมี ลี กั ษณะมนั คงถาวร โดยอาศัยการพมิ พเ์ ปนสาํ คญั เชน่ โปสเตอร์ ขา่ วสารหรือสารแจ้งขา่ ว จุลสาร วารสาร เปนตน้ 3. สอื ทางเสยี ง คอื สอื มกี ารทสี อื สารเปนคาํ พดู แตอ่ าศัยเทคโนโลยอี เิ ลก็ ทรอนิกส์ เชน่ วทิ ยุ เสยี งตามสาย โดยสามารถเขา้ ถงึ กลมุ่ ชมุ ชนไดอ้ ยา่ งกวา้ ง 4. สอื ภาพ คอื สอื ทแี สดงความหมายโดยภาพและเสยี ง เชน่ ภาพยนตร์ โทรทศั น์ 5. สอื ดจิ ิทลั หรือ สอื ใหม่ คอื สอื ทอี าศัยระบบอนิ เทอร์เน็ต และเปนอกี ทางเลอื กหนึงของ การใชส้ อื ทเี ขา้ มามบี ทบาทในการประชาสมั พนั ธ์ยคุ ดจิ ิทลั กบั ทกุ องคก์ ร จากขอ้ มลู ขา้ งตน้ ประเภทของสอื ประชาสมั พนั ธ์มกี ารแบง่ ประเภทตามคณุ ลกั ษณะของ สอื แตล่ ะชนิดทมี คี ณุ ลกั ษณะพเิ ศษแตกตา่ งกนั โดยการประชาสมั พนั ธ์ตอ้ งอาศัยเครืองมอื สอื เหลา่ นี

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 2.1 กลยทุ ธ์การใชส้ อื ประชาสมั พนั ธ์ 14 กลยทุ ธ์การใชส้ อื เพอื การประชาสมั พนั ธ์ หมายถงึ การจัดทาแผนงานประชาสมั พนั ธ์ โดยการกาํ หนดวตั ถปุ ระสงคแ์ ละกลมุ่ เปาหมายใหช้ ดั เจนเพอื นามาซึงการเลอื กใชส้ อื ทถี กู ตอ้ งและ เหมาะสม รวมทงั การกาํ หนดเนือหาและรูปแบบใหส้ ามารถเขา้ ถงึ กลมุ่ เปาหมายไดร้ วดเร็ว ไดจ้ ํานวน มากทสี ดุ และสามารถโตต้ อบกนั ไดท้ นั ทรี ะหวา่ งผสู้ ง่ สารและผรู้ ับสาร (เกษม จันทรน้อย, 2541) จาก นิยามขา้ งตน้ สามารถอธิบายไดว้ า่ กลยทุ ธ์การใชส้ อื เพอื การประชาสมั พนั ธ์ คอื ความคดิ ทมี กี าร กาํ หนดอยา่ งมแี บบแผนเพอื ใชส้ อื ตา่ ง ๆ ทมี อี ยมู่ ากมาย เชน่ สอื มวลชน สอื บคุ คล และสอื ออนไลน์ให้ ถกู ตอ้ งและเหมาะสมเพอื บรรลวุ ตั ถปุ ระสงคท์ ตี งั ไว้ 2.2 แนวคดิ เรืองสอื ดจิ ิทลั สอื ดจิ ิทลั หมายถงึ การสอื สารในรูปแบบทเี ปนอสิ ระ ไดแ้ ก่ อสิ ระดา้ นเวลา อสิ ระทาง ภมู ศิ าสตร์ อสิ ระดา้ นขนาด อสิ ระดา้ นรูปแบบ และอสิ ระในการผลติ และควบคมุ เนือหา อสิ ระเหลา่ นี เกดิ จากการผสมผสานของระบบโทรคมนาคมเขา้ กบั ระบบสารสนเทศ มลี กั ษณะการจัดเกบ็ และสง่ ขอ้ มลู ระหวา่ งกนั แบบดจิ ิทลั โดยการใชเ้ ครืองคอมพวิ เตอร์และระบบอนิ เทอร์เน็ตเปนพนื ฐานซึงผสู้ ง่ สารกบั ผรู้ ับสารจะมปี ฏสิ มั พนั ธ์ (Interactive) หรือมปี ฏกิ ริ ิยาตอบกลบั (Feedback) ไดท้ นั ที (ณง ลกั ษณ์ จารุวฒั น์ และ ประภสั สร วรรณสถติ 2551 ; กติ มิ า สรุ สนธิ, 2555) นอกจากนี ยงั มนี ักวชิ าการใหน้ ิยามถงึ คณุ ลกั ษณะพเิ ศษของสอื ดจิ ิทลั ซึงสรุปไดว้ า่ สอื ดจิ ิทลั จะมลี กั ษณะงา่ ยตอ่ การเขา้ ถงึ งา่ ยตอ่ การเคลอื นยา้ ย พกพาสะดวก สามารถหลอมรวมหรือ ปฏบิ ตั ทิ างานร่วมกบั สอื อนื ได้ และเปนสอื ทอี นุญาตใหผ้ รู้ ับสารเปนผเู้ ปลยี นแปลงเนือหาสารไดเ้ อง หรือทเี รียกวา่ User-based transformation of digital media (กาญจนา แกว้ เทพและนิคม ชยั ขนุ พล, 2555) อยา่ งไรกต็ าม ปรากฏการณ์ปจจุบนั พบวา่ สอื ดงั เดมิ มกี ารทางานทเี ปลยี นไป โดยมี การหลอมรวมเขา้ กบั สอื ดจิ ิทลั เชน่ สอื วทิ ยมุ กี ารเผยแพร่ขอ้ มลู ขา่ วสารผา่ นบนสอื วทิ ยแุ ละผา่ นบน เครือขา่ ยสงั คมออนไลน์อยา่ งเฟซบคุ๊ ซึงเปนการทางานในรูปแบบของการหลอมรวมสอื และรูปแบบ ของการสอื สารสองทาง โดยผรู้ ับสารสามารถรับฟงขอ้ มลู ขา่ วสารเดยี วกนั แตส่ ามารถเลอื กฟงในสอื วทิ ยุ หรือในเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์อยา่ งเฟซบคุ๊ กไ็ ดใ้ นเวลาเดยี วกนั มากไปกวา่ นัน สอื ดจิ ิทลั ยงั สามารถเชอื มโยงกบั ระบบอนิ เทอร์เน็ตในรูปแบบการเขา้ ตวั เลขรหสั ฐานสองในรูปของ 0 และ 1 ซึง เปนระบบดจิ ิทลั สามารถเปลยี นแปลงและเกบ็ รักษาขอ้ มลู ทมี คี วามซับซ้อนและ มขี นาดใหญไ่ ดอ้ ยา่ ง รวดเร็วทสี อื ดงั เดมิ ไมส่ ามารถเปลยี นแปลงได้ จากขอ้ มลู ขา้ งตน้ ทาใหส้ ามารถอธิบายรายละเอยี ด ของสอื ดจิ ิทลั มากขนึ แตม่ อี กี สอื ทนี ่าสนใจซึงเปนสอื ประเภทหนึงของสอื ดจิ ิทลั นันกค็ อื เครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ ซึงหมายถงึ สอื สงั คมทเี ปนโปรแกรมประยกุ ตเ์ พอื สอื สารเชอื มโยงเครือขา่ ย กนั ในสงั คมในเฉพาะกลมุ่ คนทรี ู้จักกนั โดยมลี กั ษณะทผี ใู้ ชส้ ามารถเปนไดท้ งั ผสู้ ง่ สารและผรู้ ับสาร ในเวลาเดยี วกนั (พทิ กั ษศ์ ักดิ ทศิ าภาคย.์ 2561) ทงั นี ลกั ษณะสาํ คญั ของเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ มบี ทบาทเชอื มโยงเครือขา่ ยของ กลมุ่ คนเขา้ ดว้ ยกนั ซึงนันกเ็ ปนบทบาทสาํ คญั ทเี กยี วขอ้ งกบั การทางานดา้ นการประชาสมั พนั ธ์ เพราะวา่ การประชาสมั พนั ธ์เปนการดาเนินงานทตี อ้ งการขยายขอ้ มลู ขา่ วสารไปสปู่ ระชาชนจานวน มาก จาเปนตอ้ งอาศัยสอื เครือขา่ ยสงั คมออนไลน์เขา้ มาชว่ ยในการประชาสมั พนั ธ์ โดยเฉพาะในยคุ ปจจุบนั ทที กุ องคก์ รทงั ภาครัฐและภาคเอกชน มกี ารปรับรูปแบบการประชาสมั พนั ธ์ในรูปแบบใหม่ ใหส้ อดคลอ้ งกบั ภมู ทิ ศั น์สอื ยคุ ดจิ ิทลั ทมี กี ารใชส้ อื ดจิ ิทลั และเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์เพอื เปนสอื ใน การประชาสมั พนั ธ์ใหเ้ กดิ ประสทิ ธิภาพและประสทิ ธิผล

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 2.3 การเปดรับสอื ประชาสมั พนั ธ์ 15 กระบวนการเปดรับสอื นัน ยงั มปี จจัยสาํ คญั เขา้ มาเกยี วขอ้ ง คอื เกณฑก์ ารเปดรับ สอื ของผรู้ ับสาร คอื (กงั สดาล นาควโิ รจน์. 2549 : 20) 1. การเลอื กรับสอื ทมี อี ยู่ (Availability) ผรู้ ับสารจะเลอื กรับสอื ทไี มต่ อ้ งใชค้ วาม พยายามมากหมายความถงึ สอื ทสี ามารถจัดหามาไดง้ า่ ยกวา่ สอื อนื ๆ 2. การเลอื กเปดรับสอื ทสี ะดวกและนิยม (Convenience and Preferences) ผรู้ ับ สารจะเปดรับสอื ตามความสะดวก เชน่ ทางหนังสอื พมิ พ์ วทิ ยุ โทรทศั น์ หรือสอื อนื ๆ 3. การเลอื กรับสอื ตามความเคยชนิ (Accustomed) ผรู้ ับสารบางคนจะไมค่ อ่ ย เปลยี นแปลงสอื ทตี นเองรับอยเู่ ปนประจํา โดยจะพบในบคุ คลทมี อี ายมุ าก คอื ถา้ เคยรับสอื ใดกม็ กั จะ ตดิ และไมส่ นใจรับสอื อนื ๆหรือสอื ใหมๆ่ 4. การเลอื กรับสอื ตามลกั ษณะเฉพาะของสอื (Characteristic of Media) ลกั ษณะ เฉพาะของสอื นัน มผี ลตอ่ การเปดรับสอื ของผรู้ ับสาร เชน่ หนังสอื พมิ พจ์ ะมลี กั ษณะเดน่ คอื เปนสอื ทมี ี ราคาถกู ใหข้ า่ วสารละเอยี ด สามารถนําตดิ ตวั และพกพาไดส้ ะดวก 5. การเลอื กรับสอื ทสี อดคลอ้ งกบั ตนเอง (Consistency) ผรู้ ับสารจะเลอื กเปดรับสอื ทสี อดคลอ้ งกบั ความรู้ คา่ นิยม ความเชอื และทศั นคตขิ องตน การเปดรับขอ้ มลู ขา่ วสาร (Exposure to information) 3 วธิ ีการ 1. การเปดรับสารอยา่ งตงั ใจ (Intention Exposure) เกดิ ขนึ เมอื ผรู้ ับสารประสงคท์ ี จะคน้ หาขอ้ มลู ทเี กยี วขอ้ งกบั ปญหาของเขา หรือขอ้ มลู ทจี ะน้าไปสเู่ ปาหมายของเขาได้ 2. การเปดรับสารโดยบงั เอญิ (Accidental Exposure) เกดิ ขนึ เมอื ผบู้ ริโภคไมไ่ ด้ คาดหวงั วา่ จะเจอขอ้ มลู ทอี ยรู่ อบ ๆ ตวั 3. การเลอื กเปดรับขา่ วสาร (Selective Exposure) เกดิ ขนึ ในขณะทมี ขี อ้ มลู เกยี ว กบั ขา่ วสารนันเรือย ๆ จนเริมทจี ะหลกี เลยี งการรับขา่ วสาร โดยบางคนอาจจะไมอ่ า่ นโฆษณาขณะ เดยี วกนั ถา้ ผรู้ ับสารไดร้ ับขา่ วสารอยา่ งพอดกี จ็ ะใหค้ วามสนใจทจี ะรับขา่ วสารจากโฆษณาเพอื เกบ็ ไวต้ ดั สนิ ใจตอ่ ไป 2.4 การประเมนิ สอื ประชาสมั พนั ธ์ คทั ลปิ และ เซนเตอร์ (Cutlip & Center, 1978 : 109-110, อา้ งถงึ ใน รัตนาวลี จันโททยั . 2555 : 13) ซึงเปนผทู้ มี อี ทิ ธิพลตอ่ ความคดิ ของนักประชาสมั พนั ธ์ทวั ไป ไดแ้ บง่ ขนั ตอน ในการดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์อยา่ งมปี ระสทิ ธิผล 4 ขนั ตอน ไดแ้ ก่ 1. การวจิ ัย-การรับฟง (Research-Listening) เปนการคน้ หาขอ้ มลู ตา่ ง ๆ ทไี ดจ้ าก การวจิ ัย หรือการรับฟงความคดิ เหน็ หรือเปนการสาํ รวจทศั นคตทิ เี กยี วกบั องคก์ ร 2. การวางแผน-การตดั สนิ ใจ (Planning-Decision Making) เปนงานทตี อ้ งใชค้ วาม รอบคอบ และการวางแผนจะเปนการนําเอาขอ้ มลู ในขนั ที 1 มาตดั สนิ ใจวา่ ควรจะทาํ อะไร 3. การตดิ ตอ่ สอื สาร-การปฏบิ ตั ิ (Communication-Action) เปนการตดิ ตอ่ สอื สาร กบั กลมุ่ เปาหมาย และดาํ เนินการตามแผนทไี ดก้ าํ หนดไว้ โดยใชเ้ ครืองมอื สอื สารตา่ ง ๆ เขา้ มาชว่ ย ในการดาํ เนินงาน 4. การประเมนิ ผล (Evaluation) เปนการวดั ผลการดาํ เนินงานประชาสมั พนั ธ์ทไี ด้ กระทาํ ลงไป เพอื หาขอ้ บกพร่องเพอื ปรับปรุงแกไ้ ขในการดาํ เนินการประชาสมั พนั ธ์ครังตอ่ ไป

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 2.5 แนวทางการเลอื กใชส้ อื ประชาสมั พนั ธ์ 16 บษุ บา สธุ ีธร (2549: 1-31 – 1-33) กลา่ ววา่ การแสวงหาแนวทางในการใชส้ อื เพอื การประชาสมั พนั ธ์วา่ ควรเปนอยา่ งไร กค็ อื การพยายามหาคาํ ตอบใหก้ บั คาํ ถามทวี า่ ควรใช้ สอื อะไรและจะใชเ้ มอื ไรจึงจะเกดิ ประโยชน์ไดอ้ ยา่ งประหยดั เนืองจากเปาหมายของการทาํ งาน ประชาสมั พนั ธ์สว่ นใหญเ่ กยี วขอ้ งกบั การเสนอความคดิ หรือความพยายามในการเปลยี นแปลง ทศั นคตขิ องกลมุ่ เปาหมายตา่ ง ๆ ในสงั คม จัดไดว้ า่ เปนการทาํ งานภายใตบ้ ริบททางสงั คม นัก ประชาสมั พนั ธ์จึงควรทาํ ความเขา้ ใจกบั บริบททางสงั คมใหม้ าก ทฤษฎที างสงั คมศาสตร์ทมี คี าํ อธิบายเพอื ใหเ้ ขา้ ใจปรากฏการณ์ตา่ ง ๆ ทางสงั คมและการสอื สารซึงนักประชาสมั พนั ธ์ควรใหค้ วาม สนใจและใชเ้ ปนหลกั ในการกาํ กบั แนวทางในการดาํ เนินงานมหี ลากหลาย เชน่ ทฤษฎลี า ดบั ขนั ความ ตอ้ งการของมนุษย์ ทฤษฎกี ารเปลยี นแปลงทางสงั คม ทฤษฎกี ารกลอ่ มเกลาทางสงั คม ทฤษฎกี ารใช้ ประโยชน์และความพงึ พอใจจากสอื รายละเอยี ดของทฤษฎตี า่ ง ๆ เหลา่ นี จะเปนประโยชน์อยา่ งยงิ ใน การนํามาประยกุ ตใ์ ชส้ ร้างผลงานทเี ปนทยี อมรับของกลมุ่ เปาหมายตา่ ง ๆ ในสงั คมแมว้ า่ แนวทาง การจัดแบง่ ประเภทของสอื ทใี ชใ้ นการประชาสมั พนั ธ์จะมหี ลากหลายประเภท แตห่ ากจะพจิ ารณาจัด แบง่ แบบคร่าวๆ ตามลกั ษณะร่วมกนั ของสอื ประเภทตา่ ง ๆ ทใี ชใ้ นการทาํ งานประชาสมั พนั ธ์มาก ทสี ดุ กอ็ าจแบง่ ไดเ้ ปน 2 ประเภท ประกอบดว้ ยสอื มวลชนและสอื บคุ คลประเภทตา่ ง ๆ ซึงแนวทางใน การใชส้ อื ทงั สองประเภทควรพจิ ารณาร่วมกบั กระบวนการเผยแพร่นวตั กรรม โดยทฤษฎดี งั กลา่ วได้ อธิบายอทิ ธิพลของชอ่ งทางการสอื สารออกไดเ้ ปน 5 ลกั ษณะ ดงั นีคอื 1) สอื มวลชน (Mass Media) ไดแ้ ก่ วทิ ยุ โทรทศั น์ หนังสอื พมิ พ์ นิตยสาร ภาพยนตร์ สอื กลางแจ้ง ประเภทตา่ ง ๆ 2) สอื บคุ คลทมี สี ว่ นเกยี วขอ้ งกบั ประโยชน์ทเี กดิ ขนึ จากการยอมรับแนวคดิ หรือ สงิ ใหมน่ ัน (Biased intermediaries) เชน่ กลมุ่ ผนู้ ํากลมุ่ พนักงานขาย กลมุ่ พนักงานสง่ เสริมเผยแพร่ เปนตน้ 3) สอื บคุ คลทไี มม่ สี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี กบั ประโยชน์ทเี กดิ จากการยอมรับนันแต่ เปนกลมุ่ บคุ คลทกี ลมุ่ เปาหมายใหค้ วามเชอื ถอื (Unbiased third parties) เชน่ กลมุ่ ตวั แทนผบู้ ริโภค กลมุ่ ตวั แทนรัฐบาลทดี แู ลคมุ้ ครองผบู้ ริโภค เปนตน้ 4) สอื บคุ คลอนื ๆ ทเี กยี วขอ้ ง (Significant others) ไดแ้ ก่ กลมุ่ เพอื น ญาติ หรือ คนทไี ดร้ ับความนิยมชมชอบ 5) ประสบการณ์สว่ นบคุ คล (Personal experience) ทมี แี นวคดิ หรือสงิ ใหมๆ่ นัน ทงั นีสอื แตล่ ะประเภทมคี วามสาํ คญั หรือใหผ้ ลทแี ตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะขนั ตอนของกระบวนการ ยอมรับนวตั กรรม แนวทางการใชส้ อื สาํ หรับนักสร้างสรรคแ์ ละผลติ งาน ประชาสมั พนั ธ์ เพอื วตั ถปุ ระสงคต์ า่ ง ๆ จึงเปนเรืองทไี มอ่ าจ ออกแบบสร้างเปนสตู รสาํ เร็จทตี ายตวั ไดส้ าหรับทกุ โครงการ ได้ แตน่ ักประชาสมั พนั ธ์ควรตระหนักในปจจัยทเี กยี วขอ้ ง ทงั ในสว่ นของการออกแบบสร้างสารโดยคาํ นึงถงึ ความ ตอ้ งการและความสนใจทแี ตกตา่ งกนั และใชส้ อื แตล่ ะ ประเภททเี หมาะสมกบั ขนั ตอนการยอมรับของกลมุ่ เปาหมายแตล่ ะกลมุ่

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 17 3. โปรแกรม คอื อะไร Canva เปนซอฟตแ์ วร์ การออกแบบกราฟก และการเผยแพร่ออนไลน์ทกี อ่ ตงั โดย Melanie Perkins, Clifford Obrecht และ Cameron Adams พฒั นาขนึ สาํ หรับเวบ็ และอปุ กรณ์ พกพาชว่ ยใหค้ ณุ เปนผใู้ ชใ้ นการสร้างกราฟก โซเชยี ลมเี ดยี งานนําเสนอโปสเตอร์และเนือหาภาพ อนื ๆ มเี ลยเ์ อาตท์ ดี เู ปน มอื อาชพี และสวยงาม Canva รวม ภาพถา่ ยสตอ็ ก เวกเตอร์ภาพประกอบแบบอกั ษรและเทมเพลต นับลา้ น สามารถเลอื กตวั เลอื กเทมเพลตทอี อกแบบอยา่ งมอื อาชพี มากมายทสี ามารถแกไ้ ขการออกแบบ และอปั โหลดรูปภาพได้ สามารถแกไ้ ขภาพถา่ ยดว้ ยฟลเตอร์ทตี งั ไวล้ ว่ งหน้าจํานวนมากทโี ปรแกรมมี นอกจากนียงั สามารถเลอื กรับเครืองมอื แกไ้ ขภาพขนั สงู เพมิ เตมิ มไี อคอนรูปร่างและองคป์ ระกอบ หลายพนั รายการ ทสี ามารถใชไ้ ดอ้ ยา่ งงา่ ยดายสาํ หรับการออกแบบของคณุ คณุ สมบตั กิ ารลากและวาง ที Canva สามารถสร้างการออกแบบกราฟอปั โหลดและ แกไ้ ขภาพถา่ ยรวมถงึ เผยแพร่และพมิ พเ์ นือหาไดอ้ ยา่ งราบรืนและงา่ ยดาย เทมเพลต ทหี ลากหลาย และใชง้ านงา่ ยทแี อพนําเสนอชว่ ยใหส้ ามารถแทรกกราฟและขอ้ มลู ทสี าํ คญั ทงั หมดลงในรายงาน การออกแบบของคณุ ไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย และชว่ ยใหค้ ณุ มงุ่ เน้นไปทกี ารเพมิ คณุ คา่ เนือหา ประโยชน์ของแอพ Canva คอื สามารถสร้าง รูปภาพหรือวดี โี อทสี วยงามไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว เพราะเตม็ ไป ดว้ ยเทมเพลตใหเ้ ลอื กใชม้ ากมายแมจ้ ะไมม่ พี นื ฐานดา้ น กราฟกหรือวดิ โี อกส็ ามารถเริมตน้ ใชง้ านไดท้ นั ที โดยมใี ห้ ใชง้ านทงั แบบฟรีและแบบเสยี เงนิ Canva สามารถใชง้ านอะไรได้ โดยมเี ครืองมอื เดน่ ๆดงั นี Template คณุ สามารถประหยดั เวลาในการออกแบบรูปภาพ ชนิ งานกราฟกจากเทมเพลตฟรี ที มใี หเ้ ลอื กกวา่ 60,000 แบบ จากนักออกแบบมอื อาชพี Text Tool ชว่ ยใหค้ ณุ บอกเลา่ เรืองราวชนิ งานกราฟก ดว้ ยการจับครู่ ูปภาพกบั ขอ้ ความ พร้อม ดว้ ยเครืองมอื ชว่ ยปรับแตง่ ขอ้ ความ ไมว่ า่ จะยา้ ยหรือปรับขนาดขอ้ ความ รองรับ Google Fonts Photo Tool มเี ครืองมอื ในการเพมิ รูปภาพของคณุ หรือคน้ หารูปภาพฟรีไดบ้ น Canva รองรับ การปรับแตง่ รูปภาพใหส้ วยงาม ชว่ ยใหร้ ูปภาพเขา้ กบั ขอ้ ความไดอ้ ยา่ งลงตวั Teams ทาํ งานร่วมกนั กบั ทมี โดยสามารถสร้างการออกแบบร่วมกนั แบบเรียลไทม์ สามารถ แทก็ สมาชกิ ในทมี และ Comment ขอ้ เสนอแนะของคณุ ไดท้ นั ที

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 18 ส่วนที จุดประสงค์และเปาหมาย 2 ของการดําเนินงาน จุดประสงค์ของ การดาํ เนินงาน เพือสร้างการรับรู้และความเข้าใจ นโยบายและแนวทาง การดําเนินนโยบายดา้ นการศึกษาของรัฐบาล ในการ แก้ไขปญหาและพัฒนาพืนที แก่ข้าราชการครู บุคลากร ทางการศึกษา และสาธารณชน อันนําไปสคู่ วามร่วมมือใน การพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเตม็ ทีในภาพรวมตอ่ ไป เพือผลิตและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและการดําเนินงาน ของหน่วยงานการศึกษาในพืนที ใหส้ าธารณชนรับทราบ ผ่านสอื วิทยุกระจายเสยี ง สอื วทิ ยุโทรทัศน์ สอื สารสนเทศ สอื บุคคล สอื สงิ พิมพ์และสอื กิจกรรม สกู่ ลุ่มเปาหมาย ทังในและนอกพืนที เพือพัฒนาการประชาสมั พันธ์ข้อมลู ข่าวสาร และนโยบายของรัฐบาล สง่ เสริมภาพลักษณ์ทีดี สกู่ ลุ่มเปาหมายทังในและนอกพืนทีอย่างมีสว่ น ร่วม เพือพัฒนาศักยภาพและเพิมประสทิ ธิภาพการ สร้างการรับรู้ ของบุคลากรสาํ นักงานเขตพืนที การศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลําภู เขต 2 รวมทังบุคลากรสถานศึกษาในสงั กัดผ่าน กระบวนการดําเนินงานรูปแบบตา่ ง ๆ

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 19 เปาหมาย ของการดาํ เนินงาน ผลผลิต ผลลัพธ์ และดัชนีชีวัดความสาํ เร็จ ผลผลิต สพป.หนองบัวลําภู เขต 2 และสถานศึกษาใน (Output) สังกัด จํานวน 102 โรงเรียน ผลลัพธ์ สพป.หนองบัวลาํ ภู เขต 2 และสถานศึกษาใน (Outcome) สั ง กั ด พั ฒ น า ก า ร ป ร ะ ช า สั ม พั น ธ์ ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร แ ล ะ นโยบายของรัฐบาล ส่งเสริมภาพลักษณ์ทีดี สู่กลุ่มเปาหมายทังในและนอกพืนทีอย่างมีส่วนร่วม ดัชนีชีวัดความสาํ เร็จ (KPIs) เชิงปริมาณ เชิงคุณภาพ - ร้อยละ 90 ของหน่วยงาน - บุคลากรของสาํ นักงานเขต ทางการศึกษาในพืนทีและสถาน พืนทีการศึกษาประถมศึกษา ศึกษาในสังกัดรับทราบผลการ หนองบัวลําภู เขต 2 สามารถมี ดํา เ นิ น ง า น ด้ า น ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง ความรู้พืนฐานด้านการจัดทาํ สือ สพป.หนองบัวลําภู เขต 2 ป ร ะ ช า สั ม พั น ธ์ ไ ด้ อ ย่ า ง ต่ อ เ นื อ ง - สามารถผลิตและเผยแพร่ข้อมูล - ผลิตและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ข่ า ว ส า ร แ ล ะ ก า ร ดํา เ นิ น ง า น ข อ ง ห น่ ว ย แ ล ะ ก า ร ดํา เ นิ น ง า น ข อ ง ห น่ ว ย ง า น งานการศึกษา ให้สาธารณชนรับ ให้สาธารณชน รับทราบ ผ่านสือ ทราบ ผ่านสือวิทยุกระจายเสียง วิทยุกระจายเสียง สือวิทยุโทรทัศน์ สือวิทยุโทรทัศน์ สือสารสนเทศ สือ สือสารสนเทศ สือบุคคล สือสิง บุคคล สือสิงพิมพ์และสือกิจกรรม พิมพ์และสือ กิจกรรม สู่กลุ่มเปาหมายทังในและนอกพืนที สู่กลุ่มเปาหมายทังในและนอก เ ป น ป ร ะ จํา อ ย่ า ง ต่ อ เ นื อ ง พืนที อย่างต่อเนืองเปนประจํา

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 20 ส่วนที กระบวนการปฏิบตั ิงาน 3 ขนั ตอนการดําเนินงาน รายงานการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 มกี ระบวนการ วธิ ี การในการวางแผนการปฏบิ ตั งิ าน การนําสอื เครืองมอื ไปใช้ และการพฒั นาผลงาน สอื กระบวนการ วธิ ีการปฏบิ ตั ิ โดยมขี นั ตอนดงั นี 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง 2. เครืองมอื ทใี ชใ้ นการพฒั นางาน 3. วธิ ีการสร้างและพฒั นานวตั กรรม 4. การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู 5. การวเิ คราะหข์ อ้ มลู และสถติ ทิ ใี ช้ 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ ง ประชากรและกลมุ่ ตวั อยา่ งในการศึกษาครังนี ไดแ้ ก่ เจ้าหน้าทธี ุรการโรงเรียน หรือครู ผปู้ ฏบิ ตั หิ น้าทงี านประชาสมั พนั ธ์ของโรงเรียนในสงั กดั สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษา หนองบวั ลาํ ภู เขต 2 รวมจํานวนทงั สนิ 98 คน 2. เครืองมอื ทใี ชใ้ นการพฒั นางาน การประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 ครังนี ไดจ้ ัดทาํ เครืองมอื ประกอบดว้ ย 2.1 แบบทดสอบกอ่ นอบรม - หลงั อบรม 2.2 แบบประเมนิ ชนิ งาน 2.3 แบบประเมนิ ความพงึ พอใจ

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 21 3. วธิ ีการสร้างและพฒั นานวตั กรรม การสร้างเครืองมอื ครังนีไดด้ าํ เนินการโดยมขี นั ตอน ดงั นี 3.1 แบบทดสอบกอ่ นอบรม - หลงั อบรม มขี นั ตอนในการสร้าง ดงั นี 3.1.1 ศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยทเี กยี วขอ้ งกบั การประชาสมั พนั ธ์ การสร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสารดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 3.1.2 ศึกษาทฤษฎแี ละหลกั การทเี กยี วขอ้ งกบั การโปรแกรมทใี ชใ้ นการสร้างสอื ประชาสมั พนั ธ์ จากเอกสารและงานวจิ ัยทเี กยี วขอ้ ง โดยเลอื กใชโ้ ปรแกรม CANVA 3.1.3 สร้างแบบทดสอบ จํานวน 25 ขอ้ และตรวจสอบความสมบรู ณ์ของแบบทดสอบ 3.1.4 นําแบบทดสอบไปใหผ้ ทู้ รงคณุ วฒุ ิ ตรวจสอบความเทยี งตรงเชงิ เนือหาโดย วเิ คราะหค์ า่ ดชั นีความสอดคลอ้ ง (IOC) ระหวา่ งแบบทดสอบกบั จุดประสงค์ จํานวน 5 ทา่ น ดงั นี 1) นายผดงุ เกยี รติ รักษว์ รโชติ ผอู้ าํ นวยการสาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษา ประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 2) นายธเนศ ตรีพงษ์ รองผอู้ าํ นวยการสาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษา ประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 3) นางนวพร สมบตั ธิ ีระ ผอู้ าํ นวยการกลมุ่ อาํ นวยการ สพป.หนองบวั ลาํ ภู เขต 2 4) นายอดศิ ร โคตรนรินทร์ ศึกษานิเทศกช์ าํ นาญการพเิ ศษ 5) นางปาริชาติ ปตพิ ฒั น์ ศึกษานิเทศกช์ าํ นาญการพเิ ศษ 3.1.5 นําแบบทดสอบไปใชก้ บั ผเู้ ขา้ รับการอบรมการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษา หนองบวั ลาํ ภู เขต 2 3.2 แบบประเมนิ ชนิ งาน มขี นั ตอนในการสร้าง ดงั นี 3.2.1 ศึกษาเอกสารเกยี วกบั การสร้างแบบประเมนิ ชนิ งานจากหนังสอื ตาํ รา และเอกสาร ทเี กยี วขอ้ งกบั การประเมนิ 3.2.2 กาํ หนดจุดมงุ่ หมายทตี อ้ งการประเมนิ 3.2.3 กาํ หนดระดบั คะแนนแบบประเมนิ คณุ ภาพสอื ประชาสมั พนั ธ์ แบง่ ออกเปน 5 ระดบั โดยใชแ้ บบประเมนิ ทมี ลี กั ษณะเปนแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) ตามแบบ ของลเิ คริ ์ท (Likert) แบง่ ออกเปน 5 ระดบั ใหเ้ ลอื กตอบและมเี กณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดงั นี ระดบั 5 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ดมี าก ระดบั 4 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ดี ระดบั 3 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ปานกลาง ระดบั 2 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั พอใช้ ระดบั 1 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ปรับปรุง โดยกาํ หนดเกณฑแ์ ปลความหมายไวด้ งั นี คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 4.51 - 5.00 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ดมี าก คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 3.51 - 4.50 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ดี

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 22 คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 2.51 - 3.50 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ปานกลาง คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 1.51 - 2.50 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั พอใช้ คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 1.00 - 1.50 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ปรับปรุง 3.2.4 นําแบบประเมนิ ทอี อกแบบและสร้างขนึ นําเสนอตอ่ ผทู้ รงคณุ วฒุ ิ (5 คนเดมิ ) เพอื ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ปรับปรุงแกไ้ ขตามคาํ แนะนํา 3.2.5 นําแบบประเมนิ ชนิ งาน ทปี รับปรุงแลว้ ใหว้ ทิ ยากรการอบรมประชาสมั พนั ธ์สร้าง การรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสารดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ 3.3 แบบประเมนิ ความพงึ พอใจทมี ตี อ่ การอบรมประชาสมั พนั ธ์สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ มวี ธิ ีการสร้างและหาคณุ ภาพของแบบสอบถามตามขนั ตอน ดงั นี (สาํ เริง บญุ เรืองรัตน์และคณะ (ม.ป.ป. : 71) 3.3.1 กาํ หนดวตั ถปุ ระสงค์ ขอบเขตเนือหาเรืองทตี อ้ งการขอ้ เทจ็ จริง และจัดทาํ ราย ละเอยี ดของเนือหานันๆ 3.3.2 กาํ หนดลกั ษณะคาํ ถามทจี ะใชใ้ นแบบสอบถาม ซึงอาจใชค้ าํ ถามแบบตวั เลอื กคงที คาํ ถามแบบปลายเปด และ/หรือคาํ ถามแบบมาตราสว่ นประมาณคา่ ร่วมกนั หรือใชค้ าํ ถามเพยี ง ลกั ษณะเดยี วกไ็ ด้ 3.3.3 เขยี นชดุ คาํ ถามตามลกั ษณะการเขยี นคาํ ถามตามลกั ษณะทไี ดก้ าํ หนดไว้ เขยี น คาํ ถามใหช้ ดั เจนวา่ ถามอะไรเพยี งประเดน็ เดยี ว เขยี นเปนขอ้ ความสนั กะทดั รัด และหลกี เลยี งคาํ ถาม ทอี าจชนี ําคาํ ตอบ 3.3.4 เขยี นคาํ ชแี จง และตงั ชอื แบบสอบถาม 3.3.5 แบบประเมนิ มลี กั ษณะเปนมาตราสว่ นประมาณคา่ (Rating Scale) ซึงประกอบ ดว้ ยขอ้ ความทเี กยี วขอ้ งความคดิ เหน็ เกยี วกบั ระบบประเมนิ ประสทิ ธิภาพ ในการอบรมประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสารดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ โดยการตรวจใหค้ ะแนนจากการวดั ไดก้ าํ หนดเกณฑก์ ารใหค้ ะแนนตามเกณฑม์ าตรวดั (Likert Scale) Likert (1961. อา้ งถงึ ใน บรุ ินทร์ รุจจนพนั ธ์ุ, 2556) ซึงใชเ้ กณฑ์ ดงั ตอ่ ไปนี 5 หมายถงึ ความพงึ พอใจในระดบั มากทสี ดุ 4 หมายถงึ ความพงึ พอใจในระดบั มาก 3 หมายถงึ ความพงึ พอใจในระดบั ปานกลาง 2 หมายถงึ ความพงึ พอใจในระดบั น้อย 1 หมายถงึ ความพงึ พอใจในระดบั น้อยทสี ดุ เกณฑท์ ใี ชใ้ นการแปลความหมายของคา่ เฉลยี ดงั นี คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 4.51 - 5.00 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจในระดบั ดมี าก คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 3.51 - 4.50 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจในระดบั ดี คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 2.51 - 3.50 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจในระดบั ปานกลาง คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 1.51 - 2.50 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจในระดบั พอใช้ คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 1.00 - 1.50 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจในระดบั ปรับปรุง 3.3.6 นําแบบประเมนิ ตรวจสอบความถกู ตอ้ งและความเหมาะสมโดยผทู้ รงคณุ วฒุ ิ จํานวน 10 คน 3.3.7 นําขอ้ ความทคี ดั เลอื กไวท้ งั หมดมาจัดเรียง 3.3.8 นําแบบสอบถาม ทผี า่ นการทดลองใชม้ าจัดเรียงแลว้ นําไปใชก้ บั ตวั อยา่ งตอ่ ไป

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 23 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ไดด้ าํ เนินการ ดงั นี 1. จัดทาํ บนั ทกึ หนังสอื เพอื ขอดาํ เนินการโครงการเพมิ ประสทิ ธิภาพเครือขา่ ยการ ประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาในสงั กดั สง่ หนังสอื แจ้งโรงเรียนในการ ลงทะเบยี นเขา้ อบรม 2. ประชมุ คณะทาํ งานโครงการเพมิ ประสทิ ธิภาพเครือขา่ ยการประชาสมั พนั ธ์ สร้าง การรับรู้ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาในสงั กดั เพอื จัดเตรียมการอบรมโครงการเพมิ ประสทิ ธิภาพ เครือขา่ ยการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาในสงั กดั ดว้ ยระบบ zoom meeting 3. จัดอบรมปฏบิ ตั กิ าร การประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษา ในสงั กดั ผา่ นระบบ zoom meeting และ google classroom โดยใหผ้ เู้ ขา้ อบรมทาํ การทดสอบ กอ่ นการอบรม และเมอื อบรมเสร็จแจ้งใหผ้ เู้ ขา้ อบรมทาํ การทดสอบหลงั การอบรม พร้อมทงั สง่ ชนิ งานการอบรม 4. จากนันใหผ้ เู้ ขา้ รับการอบรมการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ น การศึกษาในสงั กดั ประเมนิ ความพงึ พอใจ โดยใชแ้ บบประเมนิ ความพงึ พอใจ ทไี ดจ้ ัดทาํ ไว้ 5. เกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ทงั หมดไปวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทางสถติ ิ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู และสถติ ทิ ใี ช้ 5.1 การวเิ คราะหข์ อ้ มลู 5.1.1 ขอ้ มลู จากแบบประเมนิ ชนิ งาน เปนขอ้ มลู แบบมาตราสว่ นประมาณคา่ ใชค้ า่ เฉลยี (Mean) และสว่ นเบยี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) แลว้ นํามาเทยี บกบั เกณฑก์ ารแปล ความหมายของคา่ เฉลยี ดงั นี คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 4.51 - 5.00 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ดมี าก คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 3.51 - 4.50 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ดี คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 2.51 - 3.50 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ปานกลาง คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 1.51 - 2.50 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั พอใช้ คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 1.00 - 1.50 หมายถงึ มคี ณุ ภาพในระดบั ปรับปรุง 5.1.2 ขอ้ มลู จากแบบประเมนิ ความพงึ พอใจตอ่ แอปพลเิ คชนั ระบบการนิเทศออนไลน์ เปนขอ้ มลู แบบมาตราสว่ นประมาณคา่ ใชค้ า่ เฉลยี (Mean) และสว่ นเบยี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) แลว้ นํามาเทยี บกบั เกณฑก์ ารแปลความหมายของคา่ เฉลยี ดงั นี คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 4.51 - 5.00 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจในระดบั ดมี าก คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 3.51 - 4.50 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจในระดบั ดี คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 2.51 - 3.50 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจในระดบั ปานกลาง คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 1.51 - 2.50 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจในระดบั พอใช้ คา่ เฉลยี ระหวา่ ง 1.00 - 1.50 หมายถงึ มคี วามพงึ พอใจในระดบั ปรับปรุง

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 24 5.2 สถติ ทิ ใี ช้ 5.2.1 คา่ ร้อยละ (Percentage) (บญุ ชม ศรีสะอาด. 2549 : 105) เมอื P แทน ร้อยละ f แทน ความถหี รือจํานวนขอ้ มลู ทตี อ้ งการหาร้อยละ N แทน จํานวนขอ้ มลู ทงั หมด 5.2.2 คา่ เฉลยี (Mean) (บญุ ชม ศรีสะอาด. 2549 : 105) เมอื แทน คา่ คะแนนเฉลยี แทน ผลรวมของคะแนนทงั หมด N แทน จํานวนกลมุ่ เปาหมาย 5.2.3 คา่ เบยี งเบนมาตรฐาน (Standard deviation)โดยใชส้ ตู ร ดงั นี (บญุ ชม ศรีสะอาด, 2549 : 106) เมอื S.D. แทน ความเบยี งเบนมาตรฐานของคะแนน X แทน คะแนนในแตล่ ะขอ้ แทน ผลรวม N แทน จํานวนคะแนนในกลมุ่

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 25 ส่วนที ผลการดําเนินการ/ 4 ประโยชน์ทีได้รบั การประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 ครังนี จะนําเสนอผลการดาํ เนินการ ดงั นี ผลการดาํ เนินงาน ตอนที 1 ผลการทดสอบกอ่ นอบรม และหลงั กาอบรมการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษา หนองบวั ลาํ ภู เขต 2 ตอนที 2 ผลการประเมนิ ชนิ งานของผเู้ ขา้ อบรมการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 ตอนที 3 ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของผเู้ ขา้ อบรมตอ่ การอบรมการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษา ประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 26 ตอนที 1 ผลการทดสอบกอ่ นอบรม และหลงั การอบรมการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศกึ ษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศกึ ษาประถมศกึ ษา หนองบวั ลาํ ภู เขต 2 การอบรมการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 พบวา่ มผี ลู้ งทะเบยี น เขา้ อบรมทงั หมด จํานวน 141 คน โดยแบง่ เปนเพศชาย ร้อยละ 57.10 เพศหญงิ ร้อยละ 42.90 มอี ายุ สว่ นใหญอ่ ยรู่ ะหวา่ ง วฒุ กิ ารศึกษาปริญญาตรี ร้อยละ 82.30 และสว่ นใหญม่ อี ายอุ ยใู่ นระหวา่ ง 36 - 45 ป ร้อยละ 26.70 ผลู้ งทะเบยี นเขา้ อบรม 98 ผา่ นการอบรม 100%

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 27 ตอนที 2 ผลการประเมนิ ชนิ งานของผเู้ ขา้ อบรมการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 ผลการประเมนิ ชนิ งานของผเู้ ขา้ อบรมการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศึกษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 พบวา่ ผเู้ ขา้ อบรมทมี ผี ลงาน อยใู่ นระดบั มากทสี ดุ จํานวน 101 คน คดิ เปนร้อยละ 55 ผเู้ ขา้ อบรมทมี ี ผลงาน อยใู่ นระดบั มาก จํานวน 35 คน คดิ เปนร้อยละ 19.13 ผเู้ ขา้ อบรมทมี ผี ลงาน อยใู่ นระดบั น้อย จํานวน 25 คน คดิ เปนร้อยละ 13.66 ผเู้ ขา้ อบรมทมี ผี ลงาน อยใู่ นระดบั ปานกลาง จํานวน 14 คน คดิ เปนร้อยละ 7.65 ผเู้ ขา้ อบรมทมี ผี ลงาน อยใู่ นระดบั น้อยทสี ดุ จํานวน 8 คน คดิ เปนร้อยละ 4.37 ปานกลาง น้อยทสี ดุ มากทสี ดุ 7.65% 4.37% 55% น้อย 13.66% มาก 19.13%

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 28 ตอนที 3 ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของผเู้ ขา้ อบรมตอ่ การอบรมการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร ดา้ นการศกึ ษาผา่ นสอื อเิ ลก็ ทรอนิกส์ สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศกึ ษา ประถมศกึ ษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 เนือหาทจี ัดอบรมมคี วามน่าสนใจ ทนั สมยั ความครอบคลมุ และสอดคลอ้ ง กบั วตั ถปุ ระสงค์ ปานกลาง น้อยทสี ดุ 10 ป(10าน.2ก0ล%าง) น้อยทสี ดุ 11 (11.20%) 1 (1%) 1 (1%) มาก มาก 44 (44.49%) 48 (49%) มากทสี ดุ มากทสี ดุ 42 (42.90%) 39 (39.80%) ความเหมาะสมกบั ระดบั ความรู้ความ สอื ทใี ชส้ ามารถเชอื มโยงกบั เนือหาทจี ัดอบรม สามารถของผเู้ ขา้ อบรม ทาํ ใหผ้ เู้ ขา้ อบรมเกดิ การเรียนรู้ไดด้ ขี นึ น้อยทสี ดุ น1้อ(ย1%) น้อยทสี ดุ น1้อ(ย1%) 1 (1%) 2 (2%) ปานกลาง ปานกลาง 11 (11.20%) 12 (12.20%) มาก 53 (54.10%) มากทสี ดุ มากทสี ดุ 42 (42.90%) 37 (37.80%) มาก 46 (46.90%)

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 29 เนือหาทจี ัดอบรมมคี วามน่าสนใจ ทนั สมยั ปานกลาง น้อยทสี ดุ 9 (9.20%) 1 (1%) บรรยาการการเรียนรู้และการมี สว่ นร่วมในการอบรม มากทสี ดุ น้อย น้อยทสี ดุ 48 (49%) 1 (1%) 2 (2%) ปานกลาง 11 (11.20%) มาก มากทสี ดุ 40 (40.80%) 50 (51%) การจัดอบรมสง่ เสริมใหผ้ เู้ ขา้ อบรมศึกษาคน้ ควา้ มากทสี ดุ ดว้ ยตนเองพร้อมแนะนําแหลง่ เรียนรู้เพมิ เตมิ 32 (32.70%) ปานกลาง น้อยทสี ดุ 13(13.30%) 1 (1%) มาก การพฒั นาผเู้ ขา้ อบรมใหเ้ กดิ แนวคดิ เชงิ วเิ คราะห์ 44 (44.90%) สงั เคราะหแ์ ละสร้างสรรคใ์ นการประชาสมั พนั ธ์ ปานกลาง น้อย น้อยทสี ดุ 11 (11.20%) 1 (1%) 1 (1%) มากทสี ดุ มาก 40 (40.80%) 45 (45.90%) มากทสี ดุ 40 (40.80%)

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 30 การจัดอบรมเปดโอกาสใหม้ กี ารโตต้ อบสอื สารกบั วทิ ยากรถงึ ความเขา้ ใจในเนือหาหรือแนวคดิ สาํ คญั ปานกลาง น้อย น้อยทสี ดุ 11 (11.20%) 1 (1%) 1 (1%) มากทสี ดุ มาก 36 (36.70%) 49 (50%) วทิ ยากรสามารถบรรยายใหผ้ เู้ ขา้ อบรมเชอื มโยง ประยกุ ตใ์ ชแ้ นวความคดิ หลกั เพอื แกป้ ญหา ปานกลาง น้อย 7 (7.10%) 3 (3.1%) น้อยทสี ดุ 2 (2%) มากทสี ดุ มาก 35 (35.70%) 51 (52%) สามารถนําความรู้ทไี ดร้ ับจากการฝกอบรมไป ประยกุ ตใ์ นการปฏบิ ตั งิ านไดจ้ ริง ปานกลาง น้อย 7 (7.10%) 1 (1%) น้อยทสี ดุ 1 (1%) มาก 46 (46.90%) มากทสี ดุ 40 (40.80%)

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 31 ส่วนที ปจจยั ความสาํ เรจ็ 5 ประโยชน์ทไี ดร้ ับ 1. สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 และสถานศึกษาในสงั กดั สามารถประชาสมั พนั ธ์ขอ้ มลู ขา่ วสารและนโยบายของรัฐบาล สง่ เสริมภาพลกั ษณ์ทดี สี กู่ ลมุ่ เปาหมาย ทงั ในและนอกพนื ทอี ยา่ งมสี ว่ นร่วม 2. สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 และสถานศึกษา ในสงั กดั สามารถผลติ และเผยแพร่ขอ้ มลู ขา่ วสารและการดาํ เนินงานของหน่วยงานการศึกษา ใหส้ าธารณชนรับทราบ ผา่ นสอื วทิ ยกุ ระจายเสยี ง สอื วทิ ยโุ ทรทศั น์ สอื สารสนเทศ สอื บคุ คล สอื สงิ พมิ พแ์ ละสอื กจิ กรรม สกู่ ลมุ่ เปาหมายทงั ในและนอกพนื ที เปนประจําอยา่ งตอ่ เนือง 3. บุคลากรของสาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาํ ภู เขต 2 สามารถได้รับความรู้พืนฐานด้านการจัดทาํ สือประชาสัมพันธ์และสามารถนําไปใช้ประโยชน์ ในการดาํ เนินงานได้อย่างต่อเนือง 4. สาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 ไดร้ ูปแบบ แนวทาง และชอ่ งทางในการเผยแพร่ขอ้ มลู ขา่ วสารและการดาํ เนินงานของหน่วยงานการศึกษา ใหส้ าธารณชนรับทราบ ขอ้ เสนอแนะ 1. การสร้างการรับรู้ใหก้ บั สาธารณชนรับทราบ จําเปนตอ้ งดาํ เนินการตามขนั ตอนอยา่ ง ละเอยี ดเพอื ไมใ่ หเ้ กดิ ผลเสยี กบั องคก์ ร 2. รูปแบบและแนวทางการดาํ เนินการควรดาํ เนินการใหค้ รอบคลมุ ทกุ กลมุ่ ในสาํ นักงานเขต พนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษาหนองบวั ลาํ ภู เขต 2 เพอื ความเปนเอกภาพ 3. ควรมีการวิจัยและพัฒนางานประชาสัมพันธ์เพือสร้างการรับรู้ด้านการศึกษา ของสาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษาประถมศึกษาหนองบัวลาํ ภู เขต 2 ในโอกาสต่อไป การเผยแพร่ 1. เผยแพร่รูปแบบและแนวทางใหก้ บั ทกุ กลมุ่ ในสาํ นักงานเขตพนื ทกี ารศึกษาประถมศึกษา หนองบวั ลาํ ภู เขต 2 เพอื สร้างงานประชาสมั พนั ธ์ของกลมุ่ 2. เผยแพร่รูปแบบและแนวทางใหก้ บั โรงเรียนทกุ โรงเรียนในสงั กดั ใหส้ ามารถนําไปใชไ้ ด้ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 3. เผยแพร่รู ปแบบและแนวทางให้กับสาํ นักงานเขตพืนทีการศึกษาอืนๆ ผ่านช่อง ท า ง ไ ล น์ ข อ ง นั ก ป ร ะ ช า สั ม พั น ธ์

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 32 ภาคผนวก ก โครงการเพมิ ประสทิ ธิภาพเครือขา่ ยการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสารดา้ นการศกึ ษาในสงั กดั

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 33

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 34 ภาคผนวก ข คาํ สงั แตง่ ตงั คณะกรรมการดาํ เนินงาน โครงการเพมิ ประสทิ ธิภาพเครือขา่ ยการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสารดา้ นการศกึ ษาในสงั กดั

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 35

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 36

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 37

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 38 ภาคผนวก ค คมู่ อื การใชง้ าน โปรแกรมแคนวา

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 39

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 40

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 41

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 42

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 43

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 44 ภาคผนวก ง ภาพกจิ กรรมเกยี วกบั โครงการเพมิ ประสทิ ธิภาพเครือขา่ ยการประชาสมั พนั ธ์ สร้างการรับรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสารดา้ นการศกึ ษาในสงั กดั

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 45

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 46

ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ข้อมูลข่าวสารด้านการศึกษาผ่านสืออิเล็กทรอนิกส์ 47


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook