Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบำรำฟ้อน.

ระบำรำฟ้อน.

Published by AING GGG, 2021-07-26 06:43:54

Description: ระบำรำฟ้อน.

Search

Read the Text Version

ระบำ รำ ฟ้อน โรงเรยี นเตรยี มอดุ มศกึ ษาพฒั นาการอดุ รธานี

จดั ทำโดย นายจรญั สทุ ธิแพทย์ เลขท่ี 23 ชนั้ ม.5/6 นาย สิทธิพล สพุ รหมอนิ ทร์ เลขท่ี 34 ชนั้ ม.5/6 เสนอ คณุ ครู พรหมภสั สร พสชุ าธญั ภทั ร์ รายงานฉบบั นีเ้ ป็นสว่ นหนง่ึ ของรายวิชา นาฏศิลป์ (ศ32101) ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2564 โรงเรยี นเตรยี มอดุ มศกึ ษาพฒั นาการอดุ รธานี

ระบำ รำ ฟ้อน นาฏศิลป์ เป็นการรวมความเป็นเลศิ ของศลิ ปะแขนงตา่ ง ๆ วิวฒั นาการมาพรอ้ มกบั ความเจรญิ ของมนษุ ย์ โดยอาศยั พลงั และเจตนา เป็นเคร่อื งผลกั ดนั ใหจ้ ิตกระตนุ้ รา่ งกายใหแ้ สดงการเคล่ือนไหว มีจังหวะ มีแบบแผน เพ่ือใหเ้ กิดความสขุ ความเขา้ ใจ และความงดงามแก่ตนเองและผอู้ ่นื นาฏศิลป์ ไทย เป็นศิลปวฒั นธรรม ประจาชาติแตโ่ บราณ เป็นศลิ ปะชน้ั สงู แยกประเภทการแสดงออกเป็นหลายแบบ ใชภ้ าษาทา่ เหมือนกันแต่ แยกลกั ษณะและประเภทการแสดงแตกตา่ งกนั ขอบ ข่ายของนาฏศลิ ป์ ไทย จาแนกเป็นประเภทตา่ งๆ ไดแ้ ก่ โขน หนงั หนุ่ ละครรา ละครรา ละครรอ้ ง ละครสงั คีต ละครพดู การละเลน่ ของหลวงการเลน่ เบิกโรงการละเลน่ พืน้ เมือง นาฏศลิ ป์ ไทยประเภทตา่ งๆ ดงั กลา่ วมานี้ เรยี กกนั โดยท่วั ไปว่า \"มหรสพ\" ซง่ึ หมายถงึ การเลน่ รน่ื เรงิ มีโขน ละคร หรอื ส่ิงท่คี ลา้ ยคลงึ กนั ปัจจบุ นั มหรสพมีความหมายกวา้ งขวาง รวมไปถงึ การเลน่ ร่นื เรงิ ทกุ ชนิด มีระบา รา ฟ้อน

ระบำ ความหมายและความเป็นมาของระบา ศลิ ปะของการรา่ ยราท่ีแสดงพรอ้ มกนั เป็นหมเู่ ป็น ชดุ ความงามของการแสดงระบา อย่ทู ่ีความสอดประสานกลมกลืนกนั ดว้ ยความพรอ้ มเพรยี งกนั การแสดงมที ง้ั เนือ้ รอ้ งและไมม่ เี นือ้ รอ้ ง ใชเ้ พียง ดนตรปี ระกอบ คาว่า \"ระบา\" รวมเอา \"ฟอ้ น\" และ \"เซงิ้ \" เขา้ ไวด้ ว้ ยกนั เพราะวิธีการแสดงไปในรูปเดียวกนั แตกตา่ งกนั ท่ีวธิ ีรา่ ยรา และการแตง่ กายตามระเบียบประเพณีตามทอ้ งถ่ิน ระบา แบ่งออกเป็น 2 ชนดิ คือ ระบาดง้ั เดมิ หรอื ระบามาตรฐาน และระบา ปรบั ปรุงหรอื ระบาเบด็ เตล็ด

ประเภทของระบำ 1. ระบาแบบดง้ั เดมิ หรอื ระบามาตรฐาน ไดแ้ ก่ ระบาที่ ฝึกหดั กนั เพ่ือใหเ้ ป็นแบบมาตรฐานทม่ี ีมาแตค่ รง้ั โบราณ เช่น ระบาสีบ่ ท หรอื บางครงั้ เรยี กว่า \"ระบาใหญ่\" ตอ่ มามีผปู้ ระดิษฐ์ ระบาซงึ่ เลยี นแบบระบาส่ีบทขนึ้ อกี หลายชดุ และถือวา่ เป็น ระบามาตรฐานที่เปลีย่ นแปลงไมไ่ ด้ เชน่ ระบายอ่ งหงิด ระบา ดาวดงึ ส์ ระบากฤดาภินหิ าร ฯลฯ การแตง่ กายประเภทระบา มาตรฐาน สว่ นใหญ่จะแตง่ กายในลกั ษณะท่ีเรยี กว่า \"ยืนเครอื่ ง\" 2.ระบาปรบั ปรุง หมายถึงระบาทไ่ี ดป้ รบั ปรุงขนึ้ ใหม่ โดย คานงึ ถึงความเหมาะสมตอ่ การนาไปใชใ้ นโอกาสตา่ งๆ แยกได้ - ปรบั ปรุงจากแบบมาตรฐาน หมายถึงระบาทีค่ ดิ ประดิษฐ์ขนึ้ โดยยดึ แบบ และลลี า ตลอดจนความสวยงามในดา้ นระบาไว้ ทา่ ทางลลี าท่สี าคญั ยงั คงไว้ อาจมีการเปลยี่ นแปลงบางสงิ่ บางอยา่ งเพ่ือใหง้ ามขนึ้ หรอื เปลยี่ นแปลงเพ่ือความเหมาะสมกบั สถานท่ีที่นาไปแสดง

ระบำทวำรำวดี ระบาทวาราวดี เป็นระบาชดุ แรกในระบา โบราณคดี 5 ชดุ ซง่ึ เกิดจากแนวความคิดรเิ รม่ิ ของนายธนิต อยโู่ พธิ์ อดีตอธิบดกี รมศลิ ปากร โดยใหน้ ายมนตรี ตรา โมท ผเู้ ช่ียวชาญดนตรไี ทยและศลิ ปินแหง่ ชาติ เป็นผแู้ ตง่ ทานองเพลง นางลมลุ ยมะคปุ ต์ ผเู้ ชี่ยวชาญการสอนนาฏ ศลิ ปะไทยและนางเฉลย ศขุ ะวณิช ผเู้ ช่ียวชาญการส อนนาฏ ศลิ ปไทยและศลิ ปินแหง่ ชาติ เป็นผปู้ ระดิษฐ์ทา่ ราจาก หลกั ฐานทางโบราณวตั ถุ ภาพจิตรกรรมและปฏิมากรรมใน สมยั ทวาราวดี อยรู่ ะหว่างพทุ ธศตวรรษท่ี 12 - 16 ตาม หลกั ฐานว่า ประชาชนชาวทวาราวดีเป็นมอญหรอื เผ่าชนที่ พดู ภาษามอญดงั นนั้ ทา่ ราและดนตรี ตลอดจน เครอ่ื งแตง่ กายในระบาชดุ นี้ จึงมีลลี าสาเนียง และแบบอยา่ งที่เป็นมอญ

ระบำศรีวชิ ยั ระบาศรวี ิชยั เป็นระบาราณคดี เกิดขนึ้ เมอื่ กลาง ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ โดยไดร้ บั แจง้ จากคณุ ประสงค์ บญุ เจิม เอกอคั รราชทตู ไทย ประจากรุงกวั ลาลมั เปอร์ ประเทศ มาเลเซีย วา่ ทา่ นตนกู อบั ดลุ ราหม์ าน นายกรฐั มนตรแี หง่ มาเลเซีย ตอ้ งการจะไดน้ าฎศิลป์ จากประเทศไทยไปถา่ ย ทาเป็นภาพยนตเ์ รอื่ ง Raja Bersiyong ซงึ่ เป็น เรอ่ื งราวเก่ียวกบั อาณาจกั รศรวี ิชยั ท่ที า่ นตนกแู ตง่ ขนึ้ จึง ขอใหก้ รมศิลปากรจดั ระบาให้ ๒ ชดุ คอื ราซดั ชาตรี และ ระบาศรวี ิชยั สาหรบั ระบาศรวี ิชยั เป็นการศึกษาคน้ ควา้ ขนึ้ ใหม่ โดยหาแบบอยา่ งเครอ่ื งดนตรี เช่น เครื่องดีด เครอื่ งสี เครอื่ งตี เครอ่ื งเป่า จากภาพจาหลกั ที่พระสถปู บุ โรพทุ โธ ในเกาะชวา และมอบใหศ้ าสตราจารยม์ นตรี ตราโมท เลือกเครอื่ งดนตรขี องไทยทม่ี ีลกั ษณะใกลเ้ คียง กนั บา้ ง นามาผสมปรบั ปรุงเลน่ เพลงประกอบจงั หวะ ระบาขนึ้

ระบำลพบุรี ระบาลพบรุ ี เป็นระบาชดุ ท่ี 3 ในระบาโบราณคดี 5 ชดุ ท่ี นายมนตรี ตราโมท ผเู้ ช่ียวชาญดนตรไี ทยและศลิ ปิน แห่งชาติ เป็นผแู้ ตง่ ทานองเพลงจากสาเนียงเขมร นาง ลมลุ ยมะคปุ ต์ ผเู้ ช่ียวชาญการสอนนาฏศลิ ปไทยและ นางเฉลย ศขุ ะวณิช ผเู้ ช่ียวชาญการสอนนาฏศลิ ป์ ไทย และศลิ ปินแห่งชาติ เป็นผปู้ ระดษิ ฐ์ทา่ รา โดยเลียนแบบ ลีลา ทา่ ทาง ของประตมิ ากรรมและภาพสลกั ท่ีปรากฏบน ทพั หลงั และหนา้ บนั ของปราสาทหนิ พมิ าย ปราสาทพนม รุง้ อนั เป็นศลิ ปะแบบขอมอย่รู ะหว่างพทุ ธศตวรรษท่ี 12 - 13 ดงั นนั้ ทา่ รา และดนตรี ตลอดจนเครอ่ื งแตง่ กายใน ระบาชดุ นี้ จงึ มลี ีลา สาเนียงและแบบอย่างท่ีเป็นเขมร

ระบำเชียงแสน ระบาเชียงแสน เป็นระบาชดุ ท่ี 4 ในระบาโบราณคดี 5 ชดุ นายมนตรี ตราโมท ผเู้ ช่ียวชาญดนตรไี ทยและศิลปิน แห่งชาติ เป็นผแู้ ตง่ ทานองเพลงจากสาเนียงไทย ภาคเหนือ และนางเฉลย ศขุ ะวณิช ผเู้ ช่ียวชาญการสอน นาฏศลิ ป์ ไทยและศลิ ปินแห่งชาติ เป็นผปู้ ระดษิ ฐ์ท่ารา จากจติ รกรรมฝาผนงั และลายปนู ปั้นท่ปี ระดบั โบราณสถานยคุ เชียงแสน อาณาจกั รลานนา ราวพทุ ธ ศตวรรษท่ี 16 - 23 ดงั นน้ั ทา่ ราและดนตรตี ลอดจนเครอ่ื ง แตง่ กายในระบาชดุ นี้ จงึ มลี ีลาสาเนียงและแบบอยา่ งเป็น แบบภาคเหนือและไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือระคนกนั

ระบำสุโขทยั ระบาสโุ ขทยั เป็นระบาโบราณคดี ท่ีไดส้ รา้ งขึน้ ตาม ความรูส้ กึ จากแนวสาเนียงของถอ้ ยคาไทยในศลิ าจารกึ ประกอบดว้ ย ลีลาทา่ เยือ้ งกรายอนั น่ิมนวลอ่อนชอ้ ยของรูปภาพปนู ปั้น หล่อในสมยั สโุ ขทยั ไดแ้ ก่ พระพทุ ธรูปปางสารติ และ รูปภาพปนู ป้ันปางลีลา รูปพระพทุ ธองคเ์ สดจ็ ลงจาก ดาวดงึ สแ์ ละทา่ ทีของพระพรหมและพระอินทร์ ท่ีตามเสดจ็ การแสดงระบาสโุ ขทยั จะราตามจงั หวะ ดนตรไี มม่ เี นือ้ รอ้ ง

รำ รา ศิลปะแหง่ การรา่ ยราท่ีมีผแู้ สดงตง้ั แต่ 1-2 คน เชน่ การราเด่ยี ว การราคู่ การราอาวธุ เป็นตน้ มีลกั ษณะการ แตง่ กายตามรูปแบบของการแสดง ไมเ่ ลน่ เป็นเร่อื งราวอาจ มีบทขบั รอ้ งประกอบการราเขา้ กบั ทานองเพลงดนตรี มี กระบวนทา่ รา โดยเฉพาะการราคจู่ ะตา่ งกบั ระบา เน่ืองจาก ทา่ ราจะมีความเช่อื มโยงสอดคลอ้ งตอ่ เน่ืองกนั และเป็นบท เฉพาะสาหรบั ผแู้ สดงนน้ั ๆ เชน่ ราเพลงชา้ – เพลงเรว็ รา แม่บท ราเมขลา – รามสรู

2.1 ราหนา้ พาทย์ เป็นการราใหเ้ ขา้ กบั จงั หวะ บรรเลงของเพลงหนา้ พาทย์ โดยการราใชท้ า่ รราหลกั และทา่ ราท่ีแสดงถงึ กิรยิ าอาการอยา่ งตรง ปตรงมาตามชนิดของเพลงหนา้ พาทย์ 2.2การใชภ้ าาษาทา่ สาหรบั ส่ือความหมายใน การแสดงระหวา่ งผชู้ มกบั ผแู้ สดง

ประเภทของกำรรำ 1) ราเด่ยี ว หมายถึง การราที่ใชผ้ แู้ สดงเพียงคนเดียว เช่น ราฉยุ ฉาย ราพลายชมุ พล รามโนราหบ์ ชู ายญั เป็นตน้ 2) ราคู่ หมายถงึ การราทใี่ ชผ้ แู้ สดง 2 คน การราคู่ แบ่งลกั ษณะการ ราออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่ 2.1 ราคใู่ นเชิงศิลปะการตอ่ สู้ เชน่ กระบี่กระบอง ดาบสองมือ โล่ เขน ดงั้ ทวน เป็นตน้ 2.2 ราคใู่ นชดุ สวยงาม เช่น หนมุ านจบั นางเบญจกาย พระรามตาม กวาง พระลอตามไก่ รามสรู เมขลา รจนาเสี่ยงพวงมาลยั เป็นตน้ 3) ราหมู่ หมายถึง การราทใี่ ชผ้ แู้ สดงมากกวา่ 2 คน โดย นบั เอาลกั ษณะของจานวนคน สว่ นระบานนั้ ก็ถือเป็นสว่ นหนง่ึ ของราหมเู่ ชน่ เดียวกนั เช่น ราโคม ราพดั ราวง เป็นตน้ นอกจากนน้ั ก็มีการแสดงพืน้ เมอื งของชาวบา้ นก็ถือว่าเป็นการ ราหมู่ ไดแ้ ก่ รากลองยาว เซงิ้ กระตบิ ขา้ ว ฟ้อนเล็บ เป็นตน้

ฟ้อน ศลิ ปะการรา่ ยราแบบพืน้ เมืองท่มี ีลลี าการรา่ ยราคอ่ นขา้ งชา้ การแตง่ กาย และเคร่อื งดนตรเี ป็นแบบพืน้ เมือง มีจดุ ประสงคเ์ พ่ือแสดงความ งดงามออ่ นชอ้ ย พรอ้ มเพรยี ง และแสดงออกถงึ วฒั นธรรมประเพณีทอ้ งถ่ินไดเ้ ป็นอยา่ งดี ฟอ้ น แบง่ ตามลกั ษณะการแสดง ไดห้ ลายประเภท

เซิ้ง เซงิ้ เป็นการละเล่นพืน้ เมือง ของชาวไทยภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เป็นการรา่ ยราหมู่ ทงั้ หมหู่ ญิงลว้ น ชายลว้ น และผสมทง้ั ชายหญิง เซิง้ เป็นคู่ ตงั้ แต่ 3-5 คู่ เครอ่ื งดนตรปี ระกอบการเลน่ ไดแ้ ก่ แกรป๊ กโหรมะฉง่ บั กกลรอะงเแฉตงะแแคลละว่ กคลลอ่องงยว่อาวงไลวีลทาง้ัขนอีเ้งพก่ือามร่งเุ ซคิง้ วตาอ้มง สนกุ สนานเพลดิ เพลนิ และผอ่ นคลายความเหนด็ เหน่ือย เม่อื ยลา้ จากการตรากตราทางาน เครอ่ื งดนตรที ่ีใช้ ประกอบการแสดง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook