สามคั คเี ภทคําฉันท์ ชอื ผแู้ ต่ง ชติ บุรทัต ลักษณะคําประพนั ธ์ บทรอ้ ยกรอง ประกอบด้วย คําประพนั ธป์ ระเภทฉนั ท์ 18 ชนดิ ได้แก่ กมลฉนั ท์, จิตรปทาฉนั ท์, โตฏกฉนั ท์, ภชุ งคประยาตฉนั ท์, มาณวกฉนั ท์, มาลินฉี นั ท์, วสนั ตดิลกฉนั ท์, วังสฏั ฐฉนั ท์, วิชชุม มาลาฉนั ท์, สทั ทลุ วิกกี ติ ฉนั ท์, สทั ธราฉนั ท์, สาลินฉี นั ท์, อินทรวิเชยี รฉนั ท์, อินทรวงศฉ์ นั ท์, อีทิสงั ฉนั ท์, อุปชาติฉนั ท์, อุปฏฐติ าฉนั ท์ และอุเปนทรวิเชยี รฉนั ท์ และกาพย์ 2 ชนดิ ได้แก่ กาพยฉ์ บงั 16 และกาพยส์ รุ างคนางค์ 28 เนือเรอื งยอ่ ในกาลโบราณมกี ษัตรยิ อ์ งค์หนงึ ทรงพระนามว่า พระเจ้า อชาตศตั รูทรงครอบครองแคว้นมคธ มรี าชคฤหเ์ ปนเมอื งหลวง พระองค์ทรงมอี ํามาตยท์ ีสนทิ คนหนงึ ชอื ว่า วัสสการพรมหมณ์ เปน ผฉู้ ลาดและรอบรูศ้ ลิ ปศาสตรแ์ ละเปนทีปรกึ ษาราชการทัวไป พระ เจ้าอชาตศตั รูมพี ระราชประสงค์จะปราบแคว้นวัชชี อันมพี วก กษัตรยิ ล์ ิจฉวีปกครอง แต่พระองค์ยงั ลังเลพระทัยเมอื ได้ทรงทราบ ว่ากษัตรยิ ล์ ิจฉวีทกุ ๆ พระองค์ล้วนแต่ทรงตังมนั อยูใ่ นธรรม ทีเรยี ก ว่า อปรหิ านยิ ธรรม 7 คือธรรมอันเปนไปเพอื เหตแุ หง่ ความเจรญิ ฝายเดียว มที ังหมด 7 ประการ ดังนนั พระองค์จึงปรกึ ษาโดยเฉพาะกับวัสสการพราหมณว์ ่า ควรจะกระทําอยา่ งไรจึงจะหาอุบายทําลายเหตแุ หง่ ความพรอ้ ม เพรยี งของพวกกษัตรยิ ล์ ิจฉวีได้ เมอื ได้ตกลงนดั แนะกับวัสสการพ ราหมณเ์ ปนทีเรยี บรอ้ ยแล้ววันหนงึ พระเจ้าอชาตศตั รูเสด็จออกว่า ราชการ จึงดํารสั เปนเชงิ หารอื กับพวกอํามาตยใ์ นเรอื งจะยกทัพไป รบกับแคว้นวัชชี มวี ัสสการพราหมณเ์ พยี งผเู้ ดียวทีกราบทลู เปน เชงิ ทักท้วงและขอใหพ้ ระองค์ทรงยบั ยงั รอไว้ก่อนเพอื เหน็ แก่ มติ รภาพและความสงบ ทังทํานายว่าถ้ารบก็จะพา่ ยแพด้ ้วย
พระเจ้าอชาตศตั รูได้ทรงฟงวัสสการพราหมณก์ ราบทลู เปนถ้อยคํา หมนิ พระบรมเดชานภุ าพเชน่ นนั ก็ทรงแสรง้ แสดงพระอาการพโิ รธ และมพี ระราชโองการสงั เจ้าหนา้ ทีผใู้ หญฝ่ ายนครบาลพรอ้ มด้วย ราชบุรุษใหน้ าํ ตัว วัสสการพราหมณไ์ ปลงโทษตามคําพพิ ากษา ในบทพระอัยการ คือ เฆยี น โกนผม ประจาน แล้วขบั ไล่ไปเสยี ไมใ่ ห้ อยูใ่ นพระราชอาณาเขต วัสสการพราหมณย์ อมทนรบั ราชอาญาด้วยทกุ ขเวทนาแสน สาหสั ถึงแก่สลบ เมอื ถกู เนรเทศออกจากแคว้นมคธก็เดินทางมงุ่ ตรงไปเมอื งเวสาลีอันเปนเมอื งหลวงของแคว้นวัชชแี ละเทียวผกู ไมตรกี ับบรรดาชาวเมอื ง จนขา่ วนที ราบไปถึงกษัตรยิ ล์ ิจฉวี จึงได้ ตีกลองสาํ คัญขนึ เปนสญั ญาณ เชญิ กษัตรยิ ท์ ังปวงมาชุมนมุ ปรกึ ษา ราชการ เมอื กษัตรยิ ล์ ิจฉวีประชุมกันแล้วก็ได้ตกลงกันว่าควรให้ พราหมณผ์ นู้ นั เขา้ มาเพอื จะได้เหน็ ท่าทางและฟงความดกู ่อนว่าจะ จรงิ เท็จอยา่ งไร ภายหลังทีวัสสการพราหมณไ์ ด้เขา้ เฝากษัตรยิ ล์ ิจฉวีและ กราบทลู ขอ้ ความต่าง ๆ ด้วยความฉลาดลึกซงึ ประกอบกับมรี อยถกู โบยฟกชาใหเ้ หน็ กษัตรยิ ล์ ิจฉวีทกุ พระองค์ต่างก็ทรงหมด ความฉงนสนเท่หว์ ่าจะเปนกลอุบาย จึงทรงตังใหเ้ ปนครูสอน ศลิ ปวิทยา แก่บรรดาราชกมุ ารและกระทําราชการในตําแหนง่ อํามาตยผ์ พู้ จิ ารณาพพิ ากษาอรรถคดีอีกด้วย วัสสการพราหมณไ์ ด้ ปฏิบตั ิหนา้ ทีด้วยความเต็มใจและเอาใจใส่ จนเปนทีไว้ใจในหมู่ กษัตรยิ ล์ ิจฉวี เมอื วัสสการพราหมณค์ าดคะเนว่าพวกกษัตรยิ ล์ ิจฉวี วางใจตนจนหมดความสงสยั วัสสการพราหมณจ์ ึงได้ดําเนนิ อุบาย เพอื ทําลายความพรอ้ มเพรยี งเปนอันเดียวกันของกษัตรยิ ล์ ิจฉวี โดยการแต่งอุบายลับชวนใหฉ้ งนสนเท่หต์ ่าง ๆ ขนึ เปนเครอื งยวั ยุ ราชกมุ ารทังหลายผู้ เปนศษิ ยใ์ หแ้ ตกรา้ วกัน และวัสสการพราหมณ์ คอยสง่ เสรมิ เหตแุ หง่ การทะเลาะวิวาทใหบ้ งั เกิดขนึ ในหมรู่ าชกมุ าร อยูเ่ นอื งนติ ย์ จนกระทังทีสดุ ราชกมุ ารทกุ พระองค์ก็แตก ความสามคั คีกันเปนเหตใุ หว้ ิวาทกันขนึ ครนั แล้วต่างองค์ก็นาํ ความนนั ขนึ กราบทลู ชนกของตนตามเรอื งทีเปนมา เมอื เปนเชน่ นนั ความแตกรา้ วก็ลามไปถึงบรรดาชนกผซู้ งึ เชอื ถ้อยคําโอรสของตน โดยปราศจากการไตรต่ รอง
จนกระทังเวลาล่วงไปสามป สามคั คีธรรมในระหว่างพวก กษัตรยิ ์ ลิจฉวีก็ถกู ทําลายสนิ วัสสการพราหมณเ์ หน็ ว่ากษัตรยิ ์ ลิจฉวีทกุ องค์แตกสามคั คีกันแล้ว ก็ใหค้ นลอบนาํ ความไปกราบทลู พระเจ้าอชาตศตั รู พระเจ้าอชาตศตั รูก็กรธี าทัพสเู่ มอื งเวสาลี พวกชาวเมอื งเวสาลี ตกใจกลัวภัยอันเกิดแต่ ขา้ ศกึ มขุ มนตรจี ึงได้ตีกลองสาํ คัญขนึ เปน อาณตั ิสญั ญาณใหย้ กทัพมาต่อสู้ แต่เหล่ากษัตรยิ ล์ ิจฉวีก็หาไป เขา้ รว่ มประชุมไม่ ต่างองค์ทรงเพกิ เฉยเสยี แมแ้ ต่ประตเู มอื งทกุ ทิศ ก็ไมม่ ใี ครสงั ใหป้ ด พระเจ้าอชาตศตั รูจึงได้แคว้นวัชชโี ดยง่ายไม่ ต้องเปลืองแรงรพี ลเพราะการรบเลย เมอื จัดการบา้ นเมอื งราบคาบ แล้วพระเจ้าอชาตศตั รูก็ยกกองทัพเสด็จกลับกรุงราชคฤหด์ ังเดิม คณุ ค่าและขอ้ คิดทไี ด้จากเรอื ง 1. การขาดการพจิ ารณาไตรต่ รอง นาํ ไปซงึ ความสญู เสยี 2. การเลือกใชบ้ ุคคลใหเ้ หมาะสมกับงานจะทําใหง้ านสาํ เรจ็ ได้ ด้วยดี 3. การถือความคิดของตนเปนใหญแ่ ละทะนงตนว่าดีกว่าผอู้ ืน ยอ่ มทําใหเ้ กิดความเสยี หายแก่สว่ นรวม
ไตรภมู พิ ระรว่ ง ชอื ผแู้ ต่ง พระมหาธรรมราชาที 1 (ลิไท) ลักษณะคําประพนั ธ์ รอ้ ยแก้ว แบบเทศนาโวหาร และพรรณนาโวหาร เนือเรอื งยอ่ ลักษณะการเกิดหรอื ปฏิสนธขิ องมนษุ ย์ สตั ว์ และเทวดา และ บรรยายลักษณะของแต่ละภมู อิ ยา่ งละเอียด เรมิ ด้วยนรกภมู ิ บรรยายภาพทีนา่ กลัวของนรกแต่ละขุม กล่าวถึงเหตขุ องการตก นรกแต่ละขุมและความทกุ ขท์ รมานทีสตั ว์นรกต้องได้รบั ใน ติรจั ฉานภมู กิ ล่าวถึงการเกิดและลักษณะของสตั ว์ชนดิ ต่าง ๆ สตั ว์ที กล่าวถึงอยา่ งละเอียดได้แก่ ราชสหี ์ 4 ชนดิ ชา้ งแก้ว 10 จําพวก ปลาใหญ่ 7 ตัว ครุฑ นาค และหงส์ ในเรอื งเปรตภมู บิ รรยายราย ละเอียดของลักษณะเปรตแต่ละจําพวกและในสว่ นทีว่าด้วย อสรุ กายภมู บิ รรยายรายละเอียดเกียวกับเมอื งของอสรู ใหญ่ 4 เมอื ง สว่ นในเรอื งของมนสุ สภมู ิ บรรยายการปฏิสนธแิ ละการเจรญิ เติบโต ของทารกในครรภ์จนถึงเวลาคลอดบรรยายลักษณะของทวีปทัง 4 คือ อุตตรกรุ ุทวีป อมรโคยานทวีป บุพวิเทหทวีป และชมพทู วีปโดย ละเอียด กล่าวถึง จักรพรรดิราช และบุคคลสาํ คัญบางคนได้แก่ โชติกเศรษฐี พญาพมิ พสิ ารและพญาอชาตศตั รู ในสว่ นทีว่าด้วย ฉกามาพจรภมู ิ ได้แก่ สวรรค์ 6 ชนั บรรยายลักษณะของสวรรค์ แต่ละชนั ใหเ้ หน็ ความยงิ ใหญ่ งดงามและนา่ รนื รมย์ ในสว่ นทีกล่าว ถึงรูปภมู ิ ซงึ เปนทีอยูข่ องพรหมทีมรี ูป 16 ชนั และอรูปภมู ิ ทีอยู่ ของพรหมทีไมม่ รี ูป 4 ชนั ก็บรรยายลักษณะของพรหม อยา่ งละเอียด ในตอนท้ายของหนงั สอื ผนู้ พิ นธท์ รงชใี หเ้ หน็ ว่า มนษุ ย์ สตั ว์ และเทวดาทังหลายตลอดจนสรรพสงิ ในภมู ทิ ัง 3 แมก้ ระทังภเู ขา แมน่ า พระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว ตลอดจนปาหมิ พานต์ ในทีสดุ ก็ต้องเสอื มสลายไปทังสนิ ไมม่ สี งิ ใดเทียงแท้เลย กล่าวถึง การเกิดไฟประลัยกัลป และกําเนดิ โลกและสรรพสงิ ขนึ ใหมห่ ลัง
จากเกิดไฟประลัยกัลป นอกจากนยี งั กล่าวถึงความเปนมาและ ความสาํ คัญของสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ คณุ ค่าและขอ้ คิดทไี ด้จากเรอื ง คณุ ค่าด้านศาสนา : ทําใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจหลักธรรมของพทุ ธ ศาสนาได้ 3 คือ เรอื งไตรวัฏฏ์ ไตรลักษณ์ ไตรสกิ ขา และหลักธรรม ของพระมหากษัตรยิ ์ คณุ ค่าด้านการเมอื งการปกครอง : พระมหาธรรมราชาที 1 ลิ ไทนา่ จะมพี ระประสงค์ในการพระราชนพิ นธไ์ ตรภมู พิ ระรว่ งเพอื ใช้ ในการปกครองบา้ นเมอื งและปกครองประชาชนใหใ้ หอ้ ยูใ่ นศลี ธรรมทางอ้อม คือใชพ้ ระพทุ ธศาสนาเปนเครอื งมอื ทางการเมอื ง ไตรภมู พิ ระรว่ งเนน้ หลักของกรรม ใครทําดีทําชวั ยอ่ มได้รบั วิบาก ตามกรรมทีกระทําไว้ โดยกําหนดโทษในเชงิ สญั ลักษณค์ ือนรกและ สวรรค์ โดยได้พรรณนาบาปของผทู้ ีทําชวั และตกนรกไว้อยา่ งนา่ กลัว พรรณนาบุญของผทู้ ีทําดีได้ไปสวรรค์ไว้อยา่ งวิจิตร อันเปนสงิ จูงใจหรอื โนม้ นา้ วใหก้ ระทําความดี อาจกล่าวได้ว่าไตรภมู พิ ระรว่ ง ทําหนา้ ทีแทนกฎหมายก่อนทีจะมกี ารบญั ญตั ิกฎหมายขนึ ใช้ ซงึ กฎหมายนเี ปนบทลงโทษทางใจทีผา่ นความเชอื ทางศาสนา และการพรรณนาด้วยการใชถ้ ้อยคําภาษาและภาพพจนท์ ีใหเ้ กิด จินตนาการและความแจ่มชดั ไตรภมู พิ ระรว่ งเปนเสมอื นตํารา สง่ เสรมิ และจัดระเบยี บความประพฤติและจรยิ ธรรมของสงั คมไทย ปลกู ฝงอุดมการณท์ างการเมอื งโดยอยูบ่ นพนื ฐานของศาสนา กล่าวคือ เมอื ประชาชนอยูใ่ นศลี ธรรม ละชวั ทําดี ทําบุญใหท้ าน จิตใจผอ่ งใส สงั คมและบา้ นเมอื งก็ดํารงอยูไ่ ด้โดยปกติสขุ คณุ ค่าด้านความรู้ : ความรูเ้ รอื งการกําเนดิ มนษุ ย์ สงิ มชี วี ิตใน ภมู ติ ่าง ๆ ในมนสุ สภมู นิ บั ตังสภาพทางกายภาพของสตรวี ัยเจรญิ พนั ธุ์ การปฏิสนธิ การตังครรภ์ วิวัฒนาการของทารกในครรภ์ ทําให้ คนสโุ ขทัยรูแ้ ละเขา้ ใจเรอื งเพศได้แจ่มชดั
Search
Read the Text Version
- 1 - 5
Pages: