Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 61031390121 แบบเรียนคอมพิวเตอร์ เรื่อง โครงงาน

61031390121 แบบเรียนคอมพิวเตอร์ เรื่อง โครงงาน

Published by Korn Dorsun, 2021-09-26 09:45:24

Description: 61031390121 แบบเรียนคอมพิวเตอร์ เรื่อง โครงงาน

Search

Read the Text Version

หนังสือเรยี น รายวชิ าพื้นฐาน เทคโนโลยสี ารสนเทศ และคอมพวิ เตอร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มสาระการเรยี นรกู้ ารทางอาชีพและเทคโนโลยี ผ้เู รียนเรียง บุณยกร สมภักดี

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 ตัวชว้ี ดั ง ๓.๑ 1. อธิบายหลัการท�ำ โครงงานทม่ี กี ารใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 2. ใชค้ อมพวิ เตอรช์ ่วยสรา้ งช้นิ งานจากจินตนาการหรืองานท่ที �ำ ในชีวติ ประจ�ำ วนั ตาม หลักการท�ำ โครงงาน สาระการเรียนรู้ 1. ความรเู้ บ้ืองตน้ เกี่ยวกบั โครงงาน 2. โครงงานคอมพิวเตอร์ 1

โครงงานคอมพิวเตอร์ ความร้เู บ้ืองต้นเกย่ี วกบั โครงงาน ความหมายของโครงงาน โครงงาน คือ กจิ กรรมท่ีเปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นได้ศกึ ษา คน้ คว้า และลงมอื ปฏบิ ตั ดิ ้วยตนเอง ตามความสามารถ ความถนดั และความสนใจเปน็ การแก้ปัญหา หรือสรา้ งผลงาน ชิน้ งาน ทีเ่ กดิ จาก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ โดยอาศยั กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรอื กระบวนการอ่นื ใดไปใชใ้ นการ ศกึ ษาหาค�ำ ตอบในเร่ืองน้นั ๆ ซึ่งเรียกไดว้ ่าเป็นงานวิจัยเลก็ ๆ สำ�หรบั นกั เรยี นในการแก้ปญั หาหรอื ข้อ สงสยั หาคำ�ตอบโดยใช้กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ หากเนอื้ หาหรือข้อสงสัยเป็นไปตามกลมุ่ สาระ การเรยี นรูใ้ ด จะเรยี กว่าเป็นโครงงานในกลุม่ สาระการเรียนรูน้ ั้นๆ หลักการทำ�โครงงาน 1 เนน้ การแสวงหาความรดู้ ้วยตนเองตามความสนใจของนักเรยี น 2 นกั เรยี นเป็นผ้วู างแผนในการศกึ ษาค้นหาดว้ ยตนเองตาม 3 นักเรยี นลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง 4 นักเรยี นนำ�เสนอโครงงานด้วยตนเอง 5 นกั เรียนร่วมกนั กำ�หนดแนวทางการวัดผลและประเมนิ ผล ตวั อยา่ งโครงงาน 2

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 วตั ถุประสงคใ์ นการทำ�โครงงาน 1 เพ่อื ให้นกั เรยี นไดศ้ กึ ษาขอ้ มลู จากแหลง่ ความรู้ตา่ งๆด้วยตนเอง 2 เพื่อให้นักเรยี นได้แสดงออกซงึ่ ความคิดริเร่ิมสรา้ งสรรค์ 3 เพอื่ ใหน้ กั เรยี นรจู้ ักการทำ�งานอย่างมีระบบมขี ้ันตอน 4 เพื่อใหน้ กั เรียนเหน็ คุณคา่ ของการทำ�กจิ กรรมตา่ งๆในสถานการณจ์ ริงซ่ึงช่วยใหน้ ักเรยี นเหน็ คุณคา่ ของการท�ำ งานได้ในที่สดุ 5 เพื่อใหน้ กั เรียนสามารถทำ�งานร่วมกบั บุคคลอนื่ ได้มีความเช่ือมัน่ ในตนเองมีความรับผิดชอบ 6 เพอ่ื พฒั นาใหผ้ ู้เรยี นมคี วามสามารถในการวางแผนและการดำ�เนนิ การใหบ้ รรลเุ ปา้ หมาย 7 เพอ่ื พฒั นานักเรียนใหม้ ีความคดิ สร้างสรรคแ์ ละทำ�งานไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพเพ่อื ให้นกั เรียน ประเภทของโครงงาน 1 โครงงานตามสาระการเรียนรเู้ ปน็ การบรู ณาการรว่ มกบั การเรียนรทู้ กั ษะและเปน็ พืน้ ฐานในการกำ�หนดโครงงานและปฏบิ ตั ิ 2 โครงงานตามความสนใจ เปน็ โครงงานท่ผี เู้ รยี นก�ำ หนดข้นั ตอนความถนดั ความสนใจ ความต้องการโดยใช้ทักษะความรจู้ ากกล่มุ สาระการเรยี นรู้ต่างๆมาบรู ณาการเปน็ โครงงานและ ปฏิบตั สิ ามารถแบง่ ได้ 4 รปู แบบตามวตั ถปุ ระสงค์ดงั น้ี 1 โครงงานท่ีเปน็ การสำ�รวจรวบรวมขอ้ มูล 2 โครงงานทเี่ ป็นการศกึ ษาค้นคว้าทดลอง 3 โครงงานท่ีเปน็ การศึกษาทฤษฎหี ลักการหรอื แนวคิดใหมๆ่ 4 โครงงานทีเ่ ป็นการสร้างประดษิ ฐ์คิดค้น 13

โครงงานคอมพิวเตอร์ โครงงานคอมพิวเตอร์ โครงงานคอมพิวเตอร์ คือ กจิ กรรมอสิ ระท่นี กั เรยี นสามารถเลอื กศกึ ษาตามความสนใจโดย ใช้ทักษะ ตลอดจนประสบการณ์ของนักเรียนแปง้ คอมพิวเตอรแ์ ละซอฟต์แวรใ์ นการแกป้ ญั หาตา่ งๆ นักเรียนจะต้องวางแผนด�ำ เนินงาน ศกึ ษา พฒั นาโปรแกรม หรืออปุ กรณท์ ่เี ก่ยี วข้องกบั การท่จี ัดวา่ เป็น โครงงานประกอบหลักดังน้ี 1 เป็นกิจกรรมท่เี กยี่ วข้องกับซอฟตแ์ วรใ์ นเครอ่ื งคอมพิวเตอร ์2 นกั เรียนเปน็ ผูร้ เิ รม่ิ และเลือกเรอ่ื งทีจ่ ะ ศกึ ษา ค้นควา้ พฒั นา 3 เกบ็ รวบรวม หรอื ประดษิ ฐ์คิดคน้ ด้วยตนเองตามความสนใจและระดบั ความรคู้ วามสามารถ 4 นกั เรียนเปน็ ผู้วางแผนในการศกึ ษา สรปุ และเสนอผลการศกึ ษาด้วยตนเอง โดยมีครผู ูส้ อนเปน็ ที่ ปรกึ ษา ประเภทของโครงงานคอมพวิ เตอร์ สามารถแบง่ ออกไดเ้ ปน็ 5 ประเภท คือ 1 โครงงานพัฒนาสอื่ เพ่ือการศึกษา เปน็ โครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการพัฒนาสือ่ เพ่อื การศึกษาใชป้ ระกอบ การสอนวชิ าต่างๆจดุ สำ�คญั อย่ทู ่เี นื้อหานา่ สนใจและความสวยงามของสว่ นตดิ ต่อผูใ้ ช้ 2 โครงงานพฒั นาเครื่องมอื เปน็ โครงงานเพอื่ พฒั นาเครอื่ งมือมาใชช้ ่วยสร้างงานประยุกต์ต่างๆซึง่ โดยส่วน ใหญจ่ ะเปน็ ในรปู ซอฟต์แวรต์ ัวอย่างของเครื่องมือชว่ ยงานเช่นซอฟตแ์ วร์วาดรูป 3 โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี เปน็ โครงงานทีใ่ ชค้ อมพวิ เตอร์ในการทดลองของสาขาตา่ งๆเป็นโครง งานท่ีผู้ท�ำ ตอ้ งศกึ ษารวบรวมความรหู้ ลักการข้อเทจ็ จริงและแนวความคดิ ตา่ งๆอยา่ งลึกซึ้งในเรื่องท่จี ะตอ้ ง ศกึ ษา 4 โครงงานประเภทการประยุกต์ใชง้ าน เป็นโครงงานท่ีใชค้ อมพวิ เตอร์ในการสรา้ งผลงานเพ่ือประยกุ ตใ์ ชง้ าน จริงในชีวิตประจำ�วนั เชน่ ซอฟตแ์ วร์สำ�หรบั การออกแบบและตกแตง่ ภายในอาคาร 5 โครงงานพัฒนาเกม โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานพฒั นาเพอื่ ความรหู้ รอื เพอ่ื ความเพลดิ เพลนิ เกมที่ พัฒนาความเป็นเกมที่ไมร่ ุนแรงเชน่ การใช้สมองเพื่อฝกึ คดิ อย่างมีหลักการ 24

หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 1 วธิ กี ารด�ำ เนนิ การทำ�โครงงาน 1 คดั เลือกหวั ข้อโครงงานท่สี นใจจะท�ำ 2 ศกึ ษาคน้ คว้า และวางแผน 3 จัดทำ�เคา้ โครงของโครงงานท่ีจะท�ำ 4 การลงมือทไโครงงาน 5 การเขียนรายงานและจัดทำ�คูม่ อื การใช้ 6 การน�ำ เสนอและแสดงโครงงาน ใบกิจกรรมที่ 1 ยกตัวอย่าง โครงงาน ใหน้ กั เรียนมารบั ใบงานและศกึ ษาคน้ ควา้ หาโครงงานคอมพวิ เตอรด์ ้วยตวั เอง ให้เวลา 30 นาที 15

โครงงานคอมพวิ เตอร์ ใบกจิ กรรมท่ี 2 แสกนแลว้ ท�ำ ส่งไดเ้ ลย 26

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 2 การเขียนโปรแกรมภาษาขนั้ พื้นฐาน มาตรฐาน ง ๓.๑ เขา้ ใจ เห็นคณุ ค่า และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศใน การสบื คน้ ขอ้ มูลการเรียนรู้ การสื่อสาร การแก้ปัญหา การทำ�งาน และอาชีพอย่า งมปี สิทธภิ าพ ประสิทธผิ ล และมีคุณธรรม 17

การเขยี นโปรแโกครมงงภาานษคาอขม้นั พพิว้นื เตฐอานร์ ภาษาคอมพิวเตอร์ หมายถงึ สัญลักษณท์ ่ีผคู้ ิดพฒั นาภาษากำ�หนดขนึ้ มา เพ่ือใชแ้ ทนการสอ่ื สาร / สง่ั งาน ระหว่างมนุษย์กบั เครอ่ื งคอมพิวเตอร์และอปุ กรณ์ตอ่ พว่ งอ่ืน ๆ การพฒั นาภาษาคอมพิวเตอร์เรม่ิ ต้นจากการเขยี นคำ�ส่งั ดว้ ยรูปแบบเลขฐานสอง และ ปจั จบุ ันพฒั นามาใช้คำ�สั่งทเ่ี ปน็ ขอ้ ความภาษาอังกฤษ หลักพนื้ ฐานในการเขียนโปรแกรม การเขยี นโปรแกรมภาษามีขัน้ ตอนการทำ�งานทเี่ รยี กว่า วงจรพฒั นาโปรแกรม โดยใชผ้ ัง งานชว่ ยในการออกแบบโปรแกรม เพ่อื ใหโ้ ปรแกรมภาษาทพี่ ัฒนานั้นสามารถแก้ปญั หาหรอื สง่ เสรมิ การทำ�งานไดต้ รงตามวัตถุประสงค์ทต่ี อ้ งการ วงจรพฒั นาโปรแกรม วงจรพฒั นาโปรแกรมมีจดุ ประสงค์หลักเพ่อื สร้างโปรแกรมภาษาส�ำ หรับแกป้ ัญหาและส่งเสริมการ ท�ำ งานในระบบงานหนง่ึ ๆ แบง่ เปน็ 5 ขัน้ ตอน ดังน้ี 1. การวิเคราะหป์ ญั หา (Analyze the Problem) เป็นขน้ั ตอนการศกึ ษาถงึ ปัญหาท่ีเกิดข้ึน และคน้ หาสงิ่ ทต่ี อ้ งการเพอ่ื พจิ ารณาส่งิ ต่อไปนี้ Input คอื ขอ้ มูลทีจ่ ะน�ำ เข้าสูค่ อมพวิ เตอร์มีอะไรบา้ ง Process คือ วธิ กี ารประมวลผลข้อมูลท่นี �ำ เข้าเพือ่ ใหไ้ ดผ้ ลลพั ธท์ ีต่ อ้ งการคอื อะไร Output คือ การแสดงผลลัพธท์ ีไ่ ดค้ อื อะไร และมรี ปู แบบเปน็ อย่างไร ตัวอย่างเช่น เมอื่ เราต้องการสร้างโปรแกรมทม่ี กี ารนำ�ตัวเลขเข้ามา 5 ตัว และใหแ้ สดงผลเปน็ ค่าเฉล่ียบนหนา้ จอภาพ Input คอื ตวั เลข 5 ตัว เชน่ 2, 5, 3, 4, 1 Process คอื คำ�นวณหาค่าเฉล่ยี เช่น ( 2 + 5 + 3 + 4 + 1)/5 Output คอื แสดงคา่ เฉลยี่ ผา่ นทางหนา้ จอภาพ เชน่ 3 28

หหนน่วยกาารรเเรรียยี นนรรทู้ ทู้ ่ี 1ี่ 2 2. การออกแบบโปรแกรม (Design a Program) เป็นขั้นตอนการใช้เครื่องมือตา่ งๆ ออกแบบล�ำ ดบั ขน้ั การท�ำ งานของโปรแกรม เพ่อื ให้เหน็ ทิศทางหรอื การทำ�งานโดยรวมของโปรแกรม ตัวอยา่ งเคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการออกแบบโปรแกรม เชน่ รหัสจ�ำ ลอง (Pseudo Code) และผงั งาน 3. การเขยี นโค้ด (Coding) เป็นข้ันตอนการสร้างโปรแกรมผ่านการเขียนโค้ด การคอม ไพล์และการทดลองใชโ้ ปรแกรมและการทดลองใช้โปรแกรม โดยการเขียนโค้ดจะตอ้ งปฏบิ ตั ติ าม ที่ไดอ้ อกแบบไวใ้ นขน้ั ตอนการออกแบบโปรแกรม ซ่งึ ผู้สรา้ งโปรแกรมภาษาจะตอ้ งเลอื กใช้ภาษา คอมพิวเตอรท์ เ่ี หมาะสมกับการทำ�งานของโปรแกรม เนือ่ งจากภาษาคอมพวิ เตอร์แต่ละภาษาจะ เหมาะสมกับการเขยี นโปรแกรมภาษาท่ีไมเ่ หมอื นกัน ตวั อย่างเชน่ 1. ภาษาเครอ่ื ง (Machine Language) ภาษาเครอ่ื งจดั เป็นภาษาคอมพิวเตอรภ์ าษา เดยี วที่สามารถ ติดตอ่ กับคอมพิวเตอร์ไดโ้ ดยตรง เพราะว่าการเขียนค�ำ สัง่ และข้อมูลในภาษาเครอ่ื งใช้ ระบบเลขฐานสอง (binary number system) คือใช้ตัวเลข 0 และ 1 เทา่ นัน้ 2. ภาษาระดบั ต�ำ่ (Low Level Language) เป็นภาษาทเ่ี ขยี นตามลักษณะการท�ำ งาน ของเครือ่ ง ดังนน้ั ผทู้ ี่ใชภ้ าษาเหลา่ นจี้ �ำ เป็ นตอ้ งเข้าใจการทำ�งานของเครอื่ งเปน็ อย่างดภี าษาเหล่า น้ี ซงึ่ จะมีคำ�สัง่ คลา้ ยกับ ภาษาเคร่ืองเป็นอย่างมาก ไดแ้ ก่ ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language) โดยมีแอสเซมเบลอ (Assembler) เปน็ ตัวแปลภาษาแอสแซมบลี คือเปลี่ยนภาษาระดบั ตำ�่ ให้เป็นภาษา เครอื่ ง 3. ภาษาระดับสงู (High Level Language) เปน็ ภาษาทีท่ �ำ ความเขา้ ใจได้งา่ ย มลี ักษณะ ของการใช้ ค�ำ ส่งั เป็ นภาษาองั กฤษซง่ึ ใกลเ้ คยี งกับภาษามนุษยม์ ากการส่ังให้คอมพิวเตอร์ท�ำ งาน จะต้องมกี ารแปล ความหมายของค�ำ สัง่ โดยใช้ตวั แปลภาษาทีละชุดค�ำ สั่งท่เี รียกว่า อนิ เทอรพ์ รีเตอร์ (Interpreter) หรือแปลครง้ั เดียวท้งั โปรแกรมที่เรยี กวา่ คอมไพเลอร์ (Compile)ได้แก่ ภาษาเบสิก (BASIC) ภาษาโคบอล (COBOL) ภาษาฟอร์เทรน (FORTRAN) ภาษาซี (C) เปน็ ต้น 4. ภาษาระดับสูงมาก (Very High-Level Language) เปน็ ภาษาท่มี ลี กั ษณะส�ำ คัญคือผู้ เขยี นโปรแกรม ไมต่ อ้ งบอกวธิ ีการทำ�งานโดยละเอียดเพยี งแตร่ ะบุค�ำ สงั่ ใหท้ ำ�งานสน้ั ๆใหภ้ าษาระดบั สงู มากเข้าใจกเ็ พยี งพอ 19

การเขยี นโปรแโกครรมงภงาานษคาอขมั้นพพวินื้ เฐตาอนร์ ตัวอย่างภาษาคอมพิวเตอร์ 1. ภาษาเคร่ือง (Machine Language) 100110000 01100001 2. ภาษาแอสเซมบลี (Assembly Language) เปน็ ภาษทใี่ กล้เคยี งกบั ภาษาเคร่อื ง แต่เขียนโดย ใช้ สญั ลกั ษณย์ ่อ เพอื่ ให้เขียนงา่ ยกวา่ การใชภ้ าษาเครอ่ื งโดยตรง ตัวอย่างของภาษาแอสเซมบลีจะมคี วาม หมาย เดยี วกับภาษาเคร่ืองข้างตน้ Mov al, 0x61 3. ภาษาฟอร์เทรน (FORTRAN - FORmulaTRANslation) เป็นภาษาทอ่ี อกแบบเพอื่ ใชง้ านทาง วทิ ยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และดา้ นคณติ ศาสตร์ ภาษาฟอร์เทนจะประกอบดว้ ยขอ้ ความ ค�ำ สง่ั ทีละ บรรทดั ซึ่งต้องอาศัยการคำ�นวณเปน็ อยา่ งมาก ตัวอย่างการเขยี นคำ�ส่งั ฟอร์เทรน ส�ำ หรบั การค�ำ นวณ พื้นที่ ของรปู สเ่ี หล่ยี มผนื ผ้า ดงั น้ี C This program calculates the area of a rectangle. PEAL WIDTH, HEIGHI, AREA WIDTH = 10.0 HEIGHI = 234.1 AREA = WIDTH * HEIGHI WRITE (*,*) ' AREA = ' , AREA 120

หหนน่วว่ ยยกกาารเรรเียรนยี รนู้ทร่ี ้ทู1ี่ 2 4. ภาษาโคบอล (COBOL : Common Business Oriented Language) เป็นภาษา ส�ำ หรับใช้ ในงาน ธุรกจิ ภาษาแรกของโลกโดยค�ำ ส่ังของภาษา COBOL จะคลา้ ยกับ ภาษาอังกฤษทำ�ใหส้ ามารถ อ่านและเขยี น โปรแกรมไดไ้ ม่ยากนัก ตวั อย่างการเขียน ภาษาโคบอล ในการสัง่ พิมพเ์ ลข 1 ถงึ 10 โด ยกําหนดคา่ เร่ิมตน้ เปน็ 0 working-storage section. 77 x pic 99. procedure division. move 0 to x. performcal-para until x >= 10. stop run. cal-para. add 1 to x. display x. ใบงานที่ 3 แสกนแล้วทำ�ส่งไดเ้ ลย 1191

การเขยี นโปรแกโครรมงภงาษนาคขอัน้มพืน้ิวเฐตาอนร์ 5. ภาษาเบสิก (BASIC)ภาษาโปรแกรมส�ำ หรับผเู้ ร่มิ ต้น เปน็ ภาษาโปรแกรมที่เรยี นรู้งา่ ย ไม่ซับ ซ้อน เหมาะสำ�หรับใช้ในห้องเรียนสำ�หรับการเรยี นการสอน มคี ำ�ส่งั ทงี่ ่าย สามารถเขา้ ใจไดเ้ รว็ ตัวอย่างการเขยี นภาษาเบสกิ สำ�หรบั การคำ�นวณพื้นที่ของรปู สเ่ี หล่ยี มผืนผ้า ดังนี้ ‘ This program calculates the area of ‘ a rectangle ‘*********************************** PRINT : PRINT “Area Calculation” PRINT INPUT “Width: ” ; Width INPUT “Height: ” ; Height Area = Width * Height PRINT PRINT “Width: ” ; Width PRINT “Height: ” ; Height PRINT “Area: ” ; Area END 1292

หนน่ว่วยยกกาารรเรเยีรยีนนรูท้ รีู่้ท1ี่ 2 6. ภาษาซี (C)ภาษาสมัยใหม่ เป็นภาษาที่ใช้ส�ำ หรบั เขียนโปรแกรมระบบปฏิบตั ิการ เหมาะ สำ�หรับโปรแกรมเมอรท์ ่ีมีความสามารถสูง #include <stdio.h> main() { printf(\" Hello. This is my first program. \\n\") ; /* This is a comment */ return 0 ; 7. ภาษาจาวา (Java) เปน็ ภาษาทพ่ี ัฒนาขน้ึ ล่าสุด แต่ได้รับความนยิ มในการนำ�ไปใชค้ ่อน ขา้ งมากเนือ่ งจากสามารถประมวลผลกบั ระบบคอมพวิ เตอรไ์ ด้ทกุ ประเภท จาวายงั สามารถน�ำ ไปใช้เป็น ภาษาส�ำ หรับ อปุ กรณแ์ บบฝงั ต่าง ๆ เชน่ โทรศัพทแ์ ละอปุ กรณ์ขนาดมือถอื แบบต่าง ๆ เป็นต้น ตัวอย่างการ เขียนภาษาจาวา การคดิ เกรด if (score < 50) messageBox.show(“Your grade is F”); else if (score < 60) messageBox.show(“Your grade is D”);13 else if (score < 70) messageBox.show(“Your grade is C”); else if (score < 80) messageBox.show(“Your grade is B”); else messageBox.show(“Your grade is A”); 113

การเขียนโปรแกโครมรงภงาษนาคขอ้นั มพนื้ วิ ฐเตาอนร์ 4. การทดสอบโปรแกรม (Testing) เปน็ ขนั้ ตอนในการทดลองใช้โปรแกรมตามเงอื่ นไข ต่างๆ ที่ก�ำ หนดขนึ้ เพ่อื ให้รู้ปญั หาในการใชโ้ ปรแกรม แลว้ นำ�ปญั หาดังกล่าวมาแกไ้ ขเพื่อใหโ้ ปรแกรม น้ันมีประสิทธิภาพในการใชง้ าน 5. การบำ�รุงรักษา (Maintenance) เป็นข้นั ตอนท่จี ะตอ้ งปฏิบัตเิ ม่อื มกี ารใช้งานจรงิ ในระยะ ผู้สรา้ งโปรแกรมจะตอ้ งเฝา้ ดุและหาข้อผดิ พลาดของโปรแกรมเพ่ือทำ�การแกไ้ ข หรอื จะต้องพฒั นา โปรแกรมใหม้ ีความทันสมัย ผังงาน (Flowchart) คอื แผนภาพแสดงการทำ�งานของโปรแกรม โดยใช้สญั ลกั ษณ์แสดงขน้ั ตอนและลกั ษณะ การท�ำ งานแบบตา่ งๆ สัญลกั ษณเ์ หล่านี้จะถูกเชอ่ื มโยงด้วยลกู ศรเพื่อแสดงลำ�ดับการ ท�ำ งาน ช่วยให้มองเหน็ ภาพการทำ�งานโดยรวมของโปรแกรม สะดวกต่อการตรวจสอบความถกู ต้อง ของล�ำ ดบั การทำ�งานและการไหลของข้อมูลในโปรแกรม การเขยี นผังงานจะใช้สัญลักษณ์สอื่ สารความ หมายใหเ้ ขา้ ใจตรงกนั ของสถาบันมาตรฐานแหง่ ชาตอิ เมรกิ นั (The American National Standard Insti- tute, ANSI) ได้กำ�หนดสญั ลกั ษณ์ไว้เปน็ มาตรฐาน ซง่ึ มีรายละเอียดรปู แบบและความหมายทคี่ วรทราบ ตามตารางต่อไปน้ี 124

หนนว่ ว่ ยยกกาารรเรเียรยีนนร้ทู ร่ีทู้ 1ี่ 2 115

การเขยี นโปรแโกครรมงภงาานษคาอขม้นั พพิวนื้ เฐตาอนร์ 126

หนน่ว่วยยกกาารรเรเียรียนนรู้ทร่ีทู้ 1ี่ 2 ใบงานท่ี 4 แสกนแลว้ ท�ำ ส่งไดเ้ ลย 117

การเขยี นโปรแโกครรมงภงาานษคาอขม้ันพพวินื้ เฐตาอนร์ โครงสรา้ งของผงั งาน (Sequence Structure) โครงสรา้ งพ้ืนฐานของผังงานแบ่งเป็น 3 ประเภท ดงั นี้ 1. โครงสรา้ งแบบลำ�ดบั (Sequential Structure) หมายถงึ โครงสร้างท่แี สดงขน้ั ตอนการ ทำ�งานเป็นไปตามลำ�ดบั ก่อนหลัง 1. โครงสรา้ งแบบลำ�ดับ ตัวอย่าง ลำ�ดับขั้นตอนการวางแผนไปโรงเรียน เร่มิ ต้น ตื่นนอน อาบน�้ำ แตง่ ตวั ไปโรงเรียน จบ 128

หหนนว่ ว่ ยยกกาารเรรเยีรนยี รนู้ทร่ี ้ทู1่ี 2 2. โครงสรา้ งแบบมที างเลอื ก (Selection Structure) หมายถงึ โครงสร้างที่มีเงือ่ นไข ขัน้ ตอน การทำ�งานบางขั้นตอน ตอ้ งมีการตัดสินใจ 2. โครงสรา้ งแบบทางเลือก ตัวอย่าง ล�ำ ดับขน้ั ตอนการประเมินผลสอบ เร่มิ ต้น ทดสอบ ตรวจผลการสอบและคดิ คะแนนทไ่ี ด้ ตรวจสอบคะแนนท่ีได้ว่าน้อยกว่ารอ้ ยละ่ 50 หรือไม่ ถ้านอ้ ยกว่า ใหส้ อบแก้ตวั ถา้ ไม่นอ้ ยกว่า ให้สอบผ่าน จบ 119

การเขียนโปรแกโครมรงภงาษนาคขอนั้ มพน้ื ิวฐเตาอนร์ 3. โครงสร้างแบบท�ำ ซ้ำ� (Repetition Structure) หมายถงึ โครงสร้างท่ีข้นั ตอนการทำ�งาน บางข้นั ตอนได้รบั การประมวลผลมากกว่า 1 คร้ัง 3. โครงสรา้ งแบบทำ�ซ้ำ� ตวั อยา่ ง ลำ�ดบั การตักนำ�้ จากตมุ่ ครั้งละ่ 1 ขันใส่จนถงั น�ำ้ เต็ม เรม่ิ ตน้ ตักน�ำ้ จากตุ่ม 1 ขัน เทน�ำ้ ใสถ่ งั ตรวจสอบน้�ำ เตม็ ถัง หรือไม่ ถา้ ไมเ่ ต็ม ใหต้ กั นำ้�ต่อไป ถา้ เตม็ ให้หยุดตักน�้ำ จบ 220

หหนว่ ยกาารรเเรรยี ยี นนรร้ทู ู้ที่ 1่ี 2 ประโยชนข์ องผังงาน 1. ชว่ ยอธิบายล�ำ ดับข้นั ตอนการทำ�งานของโปรแกรม 2. ทำ�ใหต้ รวจสอบข้อผดิ พลาดของโปรแกรมได้งา่ ย 3. ท�ำ ใหผ้ อู้ นื่ สามารถศกึ ษาการท�ำ งานของโปรแกรมและแกไ้ ขโปรแกรมไดง้ ่าย ภาษา HTML HTML ย่อมาจาก HyperText Markup Language หมายถึง ภาษาทใี่ ช้สำ�หรับเขยี น เวบ็ เพจเพื่อใหส้ ามารถนำ�ไปแสดงผลบนเวบ็ เบราว์เซอร์ได้ การเขยี น HTML จะตอ้ งมีโครงสร้างของ ภาษาและรปู แบบของค�ำ สงั่ ตา่ ง ๆ เพอ่ื ใหเ้ วบ็ เบราว์เซอรส์ ามารถเข้าใจและแสดงผลตามทีต่ อ้ งการ เช่น เวบ็ เพจท่มี ีการกำ�หนดรปู แบบตวั อักษร สขี องตัวอกั ษร ขนาดของอกั ษร และการสร้างตวั เชอื่ มโยงไปยังเวบ็ ไซตต์ า่ ง ๆ HTML จะตอ้ งเขยี นชดุ คำ�สัง่ กบั รหัสภายในเครือ่ งหมาย < > เรียกว่า แท็ก (Tag) บนั ทกึ ไฟลเ์ ปน็ นามสกลุ .htm และนำ�ไฟลท์ ีเ่ ป็น HTML ไปเปิดด้วยเว็บเบราว์เซอร์ โครงสรา้ งของ HTML แบง่ เปน็ 2 สว่ น คอื 1. ส่วนหวั โปรแกรม (Head) เป็นส่วนทก่ี �ำ หนดชือ่ เรอื่ ง ซึ่งจะไปปรากฏอยบู่ นแถบช่ือเรื่อง (Title Bar) ของเวบ็ เบราว์เซอร์ 211

การเขยี นโปรแกโครรมงภงาษนาคขอน้ัมพื้นิวเฐตาอนร์ 2. ส่วนเนอื้ หาโปรแกรม (ฺBody) เปน็ สว่ นที่ก�ำ หนดคำ�ส่งั รปู แบบตา่ ง ๆ ที่น�ำ เสนอในพื้นที่ใช้ งานของเวบ็ เบราวเ์ ซอร์ หลักการเขียนคำ�สั่ง HTML จะตอ้ งเขียนไวใ้ นเครอ่ื งหมายแทก็ โดยมีรูปแบบของค�ำ ส่ังเป็น <TAG>....</TAG> ซง่ึ มีความหมายดงั นี้ <TAG> คือ การเริ่มหรอื เปิดค�ำ ส่งั ... คอื คำ�ส่งั ทตี่ ้องการให้คอมพวิ เตอรป์ ฏิบัติตาม </TAG> คอื การส้นิ สดุ หรือปิดค�ำ สง่ั โดยคำ�สงั่ HTML ท่สี �ำ คัญซึง่ จะตอ้ งปรากฏทกุ ครง้ั เมือ่ เขยี น HTML มดี ังนี้ 2.1 <HTML>...</HTML> เป็นค�ำ สง่ั เร่มิ ตน้ เขียนโปรแกรมและค�ำ สัง่ อนื่ ๆ ซ่งึ จะไมป่ รากฏ บนเว็บเบราวเ์ ซอรแ์ ต่ต้องเขยี นเพอื่ ให้ทราบว่าเป็นการเขยี นโค้ดหรือสคริปต์ของ ภาษา HTML 2.2 <HEAD>...</HEAD> เป็นค�ำ สั่งที่ใช้ก�ำ หนดขอ้ ความในส่วนท่เี ป็นชื่อเรอ่ื ง 2.3 <TITLE>...</TITLE> เปน็ คำ�ส่งั ทีแ่ สดงชื่อที่จะไปปรากฏบนแถบชือ่ เรอ่ื งของเว็บ เบราวเ์ ซอร์ 2.4 <BODY>...</BODY> เป็นคำ�สง่ั ท่แี สดงผลบนเว็บเบราว์เซอร์ 222

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 การเลือกใช้ซอฟตแ์ วร์ให้เหมาะสมกับงาน มาตรฐาน ง ๓.๑ เขา้ ใจ เห็นคุณคา่ และใช้กระบวนการเทคโนโลยสี ารสนเทศใน การสืบค้นขอ้ มลู การเรยี นรู้ การสือ่ สาร การแกป้ ัญหา การทำ�งาน และอาชีพอยา่ งมปี สิทธิภาพ ประสิทธผิ ล และมีคณุ ธรรม 213

การเลอื กใชซ้ อฟต์แโวครร์ใงหงเ้ าหนมคาอะสมมพกิวบั เตงอานร์ ซอฟต์แวร์ ซอฟตแ์ วร์ (องั กฤษ: software) หรอื ส่วนชดุ คำ�ส่ัง[1] คอื ส่วนหน่งึ ของระบบคอมพวิ เตอรท์ ี่ ใชใ้ นการจัดเก็บและประมวลผมขอ้ มูล เปน็ ชดุ ค�ำ ส่ังท่ีบอกวธิ ีการทำ�งานของคอมพวิ เตอร์ ซ่ึงตรงกัน ข้ามกับฮาร์ดแวรท์ ่ีเปน็ ระบบคอมพิวเตอร์ทสี่ ามารถจับต้องได้ ในสาขาวิชาวทิ ยาการคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมซอฟตแ์ วรน์ ั้น ซอฟตแ์ วร์คอมพิวเตอร์ คือ ขอ้ มูลท้งั หมดทไี่ ด้รบั การประมวลผลโดย ระบบคอมพิวเตอร์ และ โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ซอฟตแ์ วรค์ อมพิวเตอรน์ ัน้ ประกอบด้วย โปรแกรม คอมพวิ เตอร,์ ไลบรารี และ ขอ้ มูลที่ไม่สามารถเรียกใชง้ านไดด้ ้วยโปรแกรมคอมพวิ เตอร์ อาทิ เอกสาร ออนไลนห์ รือสื่อดิจิทัล คอมพวิ เตอรเ์ ครื่องหนง่ึ จ�ำ เปน็ ต้องมีท้ังฮารด์ แวรแ์ ละซอฟตแ์ วร์ และหากขาด อยา่ งใดอยา่ งหนง่ึ ไป จะไมส่ ามารถใชง้ านระบบคอมพิวเตอร์ได้ ในระดบั โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ต�ำ่ ที่สดุ โคด้ ปฏบิ ตั ิการนน้ั ประกอบด้วย ค�ำ ส่ังภาษาเครื่อง (machine language) ที่โปรเซสเซอร์ (processor) แต่ละตวั รองรับ โดยทว่ั ไปคือหนว่ ยประมวลผลก ลาง (CPU) หรอื หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU) ภาษาเครอ่ื ง ประกอบดว้ ย กลุ่มค่าไบนารี (เลขฐาน สอง) ทแ่ี สดงถึงค�ำ ส่ังของตวั ประมวลผลที่ไดเ้ ปล่ยี นสถานะของคอมพิวเตอรจ์ ากสถานะก่อนหนา้ เช่น คำ�สั่งภาษาเครือ่ งอาจเปลีย่ นค่าทีจ่ ัดเก็บไวใ้ นตำ�แหน่งจดั เก็บเฉพาะในคอมพิวเตอร์ ซ่งึ ผู้ใช้ไม่ สามารถสงั เกตเห็นไดโ้ ดยตรง หรือ คำ�ส่ังนนั้ อาจเปน็ การเรยี กอินพุตหรือเอาตพ์ ุตอย่างใดอย่างหนงึ่ ซง่ึ ผู้ใชค้ อมพิวเตอร์สามารถมองเหน็ ได้ เชน่ การแสดงข้อความบนหน้าจอคอมพวิ เตอร์ โปรเซสเซอร์ จะดำ�เนินการตามคำ�สงั่ ตามลำ�ดับทร่ี ะบุไว้ เวน้ แตจ่ ะได้รับคำ�สงั่ ให้ \"ข้าม\" ไปยังคำ�สง่ั อนื่ หรอื ระบบ ปฏบิ ตั ิการถูกขดั จงั หวะ ในปี ค.ศ.2015 คอมพวิ เตอรส์ ว่ นบคุ คล อุปกรณ์สมารท์ โฟน และ เซิรฟ์ เวอร์ สว่ นใหญ่ มีหน่วยประมวลผลทม่ี ีหน่วยประมวลผลหลายหน่วย (่multiple execution unit) หรอื โปรเซสเซอร์หลายตวั ท�ำ การค�ำ นวณร่วมกันและการประมวลผล ทำ�ให้ส่วนโปรเซสเซอร์สามารถ ทำ�งานรว่ มกันในเวลาพรอ้ ม ๆ กัน (concurrent activity) มากกวา่ ระบบโปรเซสเซอรใ์ นอดีต 224

หนน่ว่วยยกกาารรเรเียรียนนร้ทู รีู่ท้ 1ี่ 3 ซอฟตแ์ วร์นนั้ นอกจากจะสามารถใชง้ านบนคอมพวิ เตอรไ์ ด้แล้ว ยังสามารถใช้งานบนเครอื่ ง ใช้ หรอื อุปกรณอ์ ื่น เช่น โทรศัพทม์ ือถอื หรอื หุ่นยนตใ์ นโรงงาน หรือเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ต่าง ๆ ซอฟต์แวรส์ ่วนใหญ่เขียนด้วยภาษาโปรแกรมระดับสงู (high-level programming language) ซึง่ งา่ ยกว่าและมีประสทิ ธิภาพมากกว่าสำ�หรับโปรแกรมเมอร์ เพราะใกลเ้ คยี งกบั ภาษาธรรมชาตทิ ่ี มนุษยใ์ ช้มากกวา่ ภาษาเคร่ือง ภาษาระดบั สงู จะถกู แปลเป็นภาษาเคร่ืองโดยใช้คอมไพเลอร์ (compiler) หรืออินเตอร์พรตี เตอร์ (interpreter) หรอื ท้งั สองอย่างรวมกนั ซอฟต์แวร์อาจเขยี นด้วยภาษาแอสเซมบ ลรี ะดับตำ�่ (assembly language) ซ่ึงมคี วามสอดคลอ้ งกบั ค�ำ ส่ังภาษาเคร่อื งของคอมพวิ เตอร์อย่าง มาก และ ภาษาแอสเซมบลจี ะถูกแปลเป็นภาษาเคร่อื งโดยใชแ้ อสเซมเบลอร์ (assembler) ความสัมพันธ์กับฮารด์ แวร์ ซอฟตแ์ วร์ เป็นชอ่ื เรยี กเพ่ือใชเ้ ปรยี บตา่ งกบั ฮารด์ แวร์ ซง่ึ เปน็ ลกั ษณะทางกายภาพในการเกบ็ และประมวลผลของซอฟต์แวร์ ในคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวรจ์ ะถกู เรียกใชง้ านในแรมและประมวลผลผา่ น ซพี ียู ประเภทของซอฟตแ์ วร์ การแบง่ ประเภทของซอฟตแ์ วรแ์ บง่ ออกไดเ้ ปน็ หลายแบบ เชน่ 1. การแบ่งเชงิ เทคนคิ อาจแบง่ ซอฟตแ์ วรเ์ ปน็ 3 ประเภทหลกั คอื -ซอฟต์แวร์ระบบ (System/Infrastructure software) ใชใ้ นการท�ำ ให้คอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ทำ�งานกับระบบคอมพวิ เตอรไ์ ด้ โดยรวมถงึ ระบบปฏิบตั กิ าร ไดรเวอร์ และระบบหลกั ของ คอมพวิ เตอรต์ ่าง ๆ -โปรแกรมประยุกต์ หรือซอฟต์แวรป์ ระยุกต์ (Application software) ช่วยใหผ้ ใู้ ช้ งานสามารถด�ำ เนนิ งานต่าง ๆ โดยท่วั ไปเชน่ โปรแกรมส�ำ นกั งาน ฐานข้อมูล คอมพวิ เตอร์เกม เวบ็ เบราว์เซอร์ โดยโปรแกรมประยุกต์จะมีจียูไอ -โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Tools/Utilities) ประกอบไปด้วยเครอ่ื งมอื ช่วยให้ โปรแกรมเมอร์เขยี นโปรแกรมอน่ื ๆ หรือโปรแกรมประยกุ ตไ์ ด้ เคร่ืองมอื ตา่ ง ๆ ประกอบไปด้วย คอมไพ เลอร์ อินเตอร์พรเี ตอร์ ดีบักเกอร์ 215

การเลอื กใชซ้ อฟต์แวโครใ์รหงง้เหามนาคะอสมมพกวิับเงตาอนร์ 2. การแบ่งตามรูปแบบการส่งมอบ แบ่งไดเ้ ป็น 2 กล่มุ คือ -ซอฟตแ์ วร์ส�ำ เร็จรูป (Package software) ซอฟต์แวร์ทีม่ กี ารขาย ใหเ้ ชา่ หรอื ให้ บรกิ าร โดยคดิ คา่ บรกิ ารเปน็ transaction หรอื license -ซอฟตแ์ วรท์ ่ีพฒั นาเงนิ เดือน (Outsources software development) เป็นการ ออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์เพ่อื ใช้งานเฉพาะกับงานประเภทตา่ ง ๆ เฉพาะกิจกรรมไป สว่ นใหญ่ ลิขสทิ ธข์ิ องซอฟตแ์ วร์นจี้ ะเปน็ ของผทู้ ี่วา่ จา้ งใหพ้ ฒั นาข้ึน 3. การแบง่ ตามประเภทของการนำ�ไปใชง้ านหลัก แบ่งไดเ้ ป็น 3 กลมุ่ คือ -ซอฟต์แวรช์ ว่ ยในการบริหารจัดการทวั่ ไป (Enterprise software) เปน็ ซอฟตแ์ วร์ท่ี ใช้กับการท�ำ งานเพือ่ แกป้ ัญหา/จดั การทรัพยากรของ บุคคล/องคก์ ร เช่น ซอฟตแ์ วร์บัญชี ซอฟตแ์ วร์ จดั ท�ำ เอกสาร เป็นต้น -ซอฟตแ์ วรส์ �ำ หรบั อปุ กรณ์พกพาขนาดเล็ก (Mobile applications software) เปน็ ซอฟตแ์ วรท์ ีท่ ำ�งานผา่ นระบบปฏิบัติการพิเศษบนอปุ กรณข์ นาดเลก็ เชน่ โทรศัพท์มอื ถือ PDA โดย สามารถแบ่งเป็นกล่มุ ใหญ่ๆ ได้ 2 กล่มุ คอื (1) ซอฟต์แวร์เพอ่ื สนับสนนุ ธรุ กรรมทางธุรกจิ (Business applications) เช่น Mobile banking, Mobile payment, GPS on Mobile, Mobile applications for business process management และ(2) ซอฟตแ์ วรท์ ีเ่ กยี่ วข้องกบั นันทนาการและบันเทิง (Enter- tainment applications) ซง่ึ รวมเกมบนโทรศพั ทเ์ คลือ่ นที่ -ซอฟตแ์ วรส์ มองกลฝงั ตัว (Embedded System Software) เป็นซอฟต์แวรซ์ ง่ึ ฝัง อยู่ไวใ้ นอุปกรณอ์ ิเล็กทรอนิกสต์ า่ งๆ เพอื่ ใชส้ �ำ หรับควบคุมการทำ�งานของอปุ กรณน์ ้ันๆ เช่น ระบบ GPRS ระบบทำ�ความเย็นอจั รยิ ะ ระบบตรวจสอบย้อนกลับ เปน็ ตน้ 226

หนนว่ ว่ ยยกกาารรเรเียรียนนรูท้ รี่ทู้ 1่ี 3 หลักการเลือกคุณลักษณะของคอมพิมเตอรใ์ ห้เหมาะสมกับงาน คอมพิวเตอรม์ คี ณุ ลักษณะทห่ี ลากหลาย ทง้ั ในด้านของฮารด์ แวร์ และซอฟตแ์ วร์ในการใช้ งานเพือ่ ใหส้ อดคล้องกบั ความตอ้ งการใชง้ าน โดยมีหลักการเลอื กคุณลักษณะของคอมพวิ เตอร์เพอื่ ใหเ้ หมาะสมกบั งาน ดงั นี้ 1. วิเคราะหว์ ตั ถปุ ระสงค์ของการใชง้ าน การวเิ คราะหว์ ตั ถุประสงคข์ องการใช้งานเพื่อให้ไดค้ ุณลักษณะของคอมพิวเตอร์ ท่ีเหมาะสม สามารถวเิ คราะห์ได้จากประสงการณ์การใชง้ าน รูปแบบของการนำ�เข้าขอ้ มลู การ ประมวลผล การแสดงผล ลกั ษณะหรือรปู แบบของการท�ำ งาน ท้งั ดา้ นปรมิ าณและคณุ ภาพ 2. เลือกคอมพิวเตอรต์ ามลักษณะของการใชง้ าน คอมพวิ เตอร์มหี ลายประเภท และไดร้ ับการพฒั นาเพ่ือตอบสนองตอบต่อการใช้งานใน ลักษณะตา่ งๆ ดังนี้ 2.1. งานนอกสถานท่ี เป็นการใช้งานนอกสถานที่ ทีต่ อ้ งใชค้ อมพวิ เตอรต์ ดิ ตามผใู้ ช้ มกี ารเคลื่อนทเี่ คลือ่ นยา้ ยไดส้ ะดวก ขนาดเลก็ น้ำ�หนักเบา เช่น คอมพิวเตอรโ์ นต้ บคุ๊ (Notebook) , คอมพวิ เตอร์เน็ตบคุ๊ (Netbook) ,แท็บเลตคอมพวิ เตอร์ (Tablet Computer) เป็นต้น 2.2. งานในสถานที่ เปน็ ลกั ษณะการใชง้ านแบบสำ�นกั งาน ไม่มีการเคล่ือนยา้ ย เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ 3. เลอื กฮารด์ แวร์และซอฟต์แวรใ์ หเ้ หมาะสมกับลักษณะงาน ในการเลอื กคุณลกั ษณะของคอมพิวเตอร์ใหเ้ หมาะสมกับงานน้นั เมือ่ ไดว้ เิ คราะหว์ ัตถุประสงคแ์ ละ ลักษณะของการใชง้ านแลว้ ผู้ใชส้ ามารถตัดสนิ ใจเลอื กคณุ ลักษณะของฮารด์ แวรแ์ ละซอฟตแ์ วร์ ไดง้ า่ ยขึน้ ในการก�ำ หนดคณุ ลักษณะของคอมพวิ เตอร์นั้น จ�ำ เปน็ ตอ้ งพิจารณาฮารด์ แวร์ และ ซอฟต์แวรไ์ ปพร้อมๆกัน ไมเ่ ช่นนนั้ อาจสง่ ผลทำ�ใหไ้ ม่สามารถใชง้ านตามทตี่ ้องการได้ 217

การเลอื กใชซ้ อฟตแ์ โวครรใ์ หงงเ้ หานมคาะอสมมพกิวับเตงาอนร์ 4. สำ�รวจแหล่งขาย แหล่งขายเป็นปจั จยั หนงึ่ ของการเลือกฮารด์ แวร์ เพ่อื ใหเ้ หมาะสมกบั งาน มขี ้อพจิ ารณาเกี่ยวกบั แหล่ง ขาย ดงั น้ี – มีความน่าเชอ่ื ถอื – มีการแขง่ ขนั สูง – มีประสบการณ์ – มชี ่องทางการตดิ ต่อ – เง่ือไขรบั ประกัน หลกั การเลอื กใชซ้ อฟตแ์ วร์ให้เหมาะสมกับงาน ซอฟต์แวร์ประเภทซอฟตแ์ วร์ประยุกต์ (Application Software) ในกลมุ่ ซอฟต์แวรส์ ำ�เร็จรูป เป็นเครอ่ื งมอื ที่จำ�เปน็ สำ�หรบั คอมพวิ เตอร์ เพราะชว่ ยอำ�นวยความสะดวกในการทำ�งาน โดยมีหลกั การเลือกดังน้ี 1. ความสามารถในการท�ำ งาน ผทู้ ีใ่ ชซ้ อฟตแ์ วรจ์ ะตอ้ งเลือกดใู นความสามารถของซอฟตแ์ วรน์ ัน้ ๆ เพอื่ ให้ซอฟต์แวร์ท่ีตดิ ตัง้ สามารถตอบสนองต่อการทำ�งาน ช่วยอ�ำ นวยความสะดวก ท�ำ ให้เกิดประสิทธภิ าพในการท�ำ งาน 2. การติดตอ่ กบั ผใู้ ช้ ซอฟตแ์ วรส์ �ำ เร็จรูปในปัจจบุ ันจะติดตอ่ กบั ผู้ใชใ้ นโหมดกราฟิก เนอื่ งจากระบบปฏบิ ตั ิการ ส่วนใหญ่สนับสนุนการทำ�งานในโหมดน้ี ซึง่ ทำ�ใหส้ ะดวกตอ่ การใชง้ าน สามารถเขา้ ใจไดง้ ่าย ใบงานท่ี 6 แสกนแลว้ ทำ�ส่งไดเ้ ลย 228

หนว่่วยยกกาารรเรเรยี ียนนรู้ทรทู้ี่ 1ี่ 3 3. ความเข้ากันได้ ความเข้ากนั ได้ของซอฟต์แวรส์ ำ�เรจ็ รูป เป็นหลกั การที่ตอ้ งพิจารณาใหล้ ะเอยี ดรอบคอบ อยา่ งเหมาะสม เพราะ อาจจะส่งผลต่อการท�ำ งานโดยรวมของคอมพวิ เตอร์ ซึ่งมีข้อค�ำ นึง 2 สว่ น ดงั นี้ 3.1. ความเข้ากนั ได้ของฮาร์ดแวร์ 3.2. ความเข้ากนั ไดข้ องซอฟตแ์ วร์ 4. การติดตงั้ และการดูแลรักษา การติดต้งั ซอฟต์แวรส์ �ำ เร็จรปู โดยทว่ั ไปจะตอ้ งติดตง้ั ไดง้ ่าย มการตรวจสอบการตดิ ตงั้ ระบบชว่ ยเหลือ 5. กลมุ่ ผใู้ ช้งาน ซอฟต์แวร์ส�ำ เรจ็ รปู ท่มี ีผู้ใชง้ านจ�ำ นวนมากหรือได้รับความนยิ มมาก จะเป็นการรับรอง คุณภาพของประสิทธิภาพในการใชง้ าน ใบงานท่ี 6 แสกนแลว้ ท�ำ ส่งได้เลย 219

การเลอื กใชซ้ อฟต์แโวครร์ใหงงเ้ หานมคาะอสมมพกิวับเตงาอนร์ Microsoft Word (ไมโครซอฟท์ เวิรด์ ) Microsoft Word (ไมโครซอฟท์ เวิรด์ ) เปน็ โปรแกรมประมวลผลคำ�แบบพิเศษช่วยให้ สร้างเอกสารอยา่ งมีประสิทธภิ าพและประหยดั เวลา เหมาะกับงานด้านการพมิ พเ์ อกสารทุก ชนดิ สามารถพมิ พ์เอกสารออกมาเปน็ ชุดๆ ซ่งึ เอกสารอาจเปน็ จดหมาย บันทกึ ขอ้ ความ รายงาน บทความ ประวัติยอ่ และยงั สามารถตรวจสอบ ทบทวน แกไ้ ข ปรับปรงุ ความถูกตอ้ งในการ พมิ พ์เอกสารไดอ้ ย่างง่ายดาย สามารถตรวจสอบ สะกดคำ� และหลกั ไวยากรณ์ เพม่ิ ตาราง เพม่ิ กราฟฟกิ ในเอกสารไดอ้ ยา่ งงา่ ยดาย หรือเพม่ิ เตมิ ขอ้ มลู ได้ตลอดเวลา ประโยชนข์ องโปรแกรม Microsoft Word - มีระบบอัตโนมัตติ ่างๆ ทชี่ ่วยในการท�ำ งานสะดวกข้นึ เชน่ การ ตรวจค�ำ สะกด การตรวจสอบไวยากรณ์ การใสข่ อ้ ความอตั โนมัติ เป็นต้น - สามารถใช้ Word สร้างตารางท่สี ลับซบั ซ้อนอย่างไรกไ็ ด้ - สามารถใชส้ รา้ งจดหมายได้อย่างรวดเรว็ - ตกแตง่ เอกสารได้งา่ ยและรวดเรว็ - สามารถแทรกรปู ภาพ กราฟ หรือผงั องค์กรลงในเอกสารได้ - เป็นโปรแกรมที่ทำ�งานบนวนิ โดว์ ดังคุณสมบตั ิต่างๆของวนิ โดว์จะมอี ยูใ่ น Word ดว้ ย - ความสามารถในการเชือ่ มต่อกับโปรแกรมอ่ืนๆในชดุ โปรแกรม Microsoft Office สามารถโอน ยา้ ยข้อมลู ต่างๆระหวา่ งโปรแกรมได้ เช่น สามารถดงึ ขอ้ มลู ใน Excel มาใสใ่ น Word ได้ - อยากทราบอะไรเก่ียวกับ Word ถามผ้ชู ่วยเหลอื ทม่ี ีชื่อว่า \" Office Assistance\" ตลอดเวลาขณะท่ี ใช้งาน Word - สร้างเอกสารใหใ้ ช้งานในอนิ เตอร์เนตได้อย่างงา่ ยๆ - จากที่กลา่ วมานีเ้ ปน็ เพียงความสามารถบางสว่ นของ Microsoft Word เทา่ นัน้ รายละเอยี ดอ่นื ๆ จะขอกลา่ วถึงในภายหลัง 320


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook