บทที่ 5 การเดินสายไฟฟ้าในอาคาร วัตถปุ ระสงค์ทั่วไป 1. เข้าใจ การเดินสายไฟฟ้าในอาคาร 2. เขา้ ใจ การเดนิ สายไฟฟ้าในโรงงาน วัตถุประสงค์เชงิ พฤติกรรม 1. อธิบายการเดินสายไฟฟา้ ในอาคาร 2. อธิบายการเดนิ สายไฟฟ้าในโรงงาน เนอ้ื หาสาระ วธิ ีการการตดิ ตั้งไฟฟา้ ประกอบดว้ ยการเดนิ สาย การตดิ ตั้งอปุ กรณ์ทวั่ ไป รวมถึงการติดตั้งอุปกรณป์ ้องกัน การตดิ ตัง้ ไฟฟ้าแบ่งออกเปน็ 2 แบบคอื แบง่ ตามวิธีการเดนิ สายไฟฟ้าและแบ่งตามวิธกี ารตดิ ตงั้ ดังน้ีเดินสายไฟฟ้า ในอาคารและในโรงงาน 1. แบง่ ตามวิธีการเดินสายแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ก. แบบเปดิ เรียกอกี อยา่ งหนึ่งว่าแบบเดินลอย การเดนิ สายวธิ นี ส้ี ามารถมองเหน็ สายไฟฟ้า ไดอ้ ยา่ งชัดเจน เชน่ การเดินสายดว้ ยเข็มขดั รดั สาย เป็นตน้ ข. แบบปิด สายไฟฟา้ จะถูกซ่อนไวอ้ ย่างมิดชดิ เปน็ การปอ้ งกันการกระแทกจากภายนอก ไดแ้ ก่ การเดินสายในทอ่ ในรางเดินสาย (wire way) และรางเคเบิล (cable tray) เป็นต้น 2. แบง่ ตามวธิ ีการตดิ ต้ัง แบง่ ออกเปน็ 2 ประเภทคือการตดิ ตง้ั ไฟฟา้ ในอาคาร – ในโรงงานและ การตดิ ตัง้ ไฟฟ้านอกอาคาร 5.1 การเดนิ สายไฟฟ้าในอาคารและในโรงงาน การเดินสายไฟฟ้าในอาคารหมายถงึ การติดตัง้ อปุ กรณ์และเดนิ สายไฟฟ้าภายในตัวอาคารเรม่ิ ตั่งแต่ แผง จ่ายไฟรวมเรื่อยมาถงึ อุปกรณ์ไฟฟ้าแตล่ ะตวั ได้แก่ การเดินสายไฟฟา้ ดว้ ยเข็มขัดรัดสายการเดนิ สายไฟฟ้า ในทอ่ ร้อย สาย เป็นตน้ สาหรับการติดต้งั ในโรงงาน สว่ นใหญ่จะเดินสายในท่อรอ้ ยสาย รางเดนิ สาย (wire way) แล ะรางเคเบิล (cable tray) เป็นตน้ 5.1.1 การเดนิ สายไฟฟ้าด้วยเข็มขดั รดั สาย โดยทั่วไปจะใชส้ ายแบนแกนคู่หรือท่เี รยี กวา่ สาย VAF มีฉนวนหมุ้ 2 ชัน้ สามารถดดั โคง้ งอและ ยืดหยนุ่ ไดด้ ี อายุการใช้งานยาวนานเกนิ 10 ปี การเดนิ สายไฟฟ้านี้ ไมเ่ หมาะท่ี จะใชต้ ดิ ตง้ั ภายนอก อาคาร เน่อื งจากแสงแดดจะทาให้ฉนวนเสอื่ มคุณภาพกอ่ นเวลาอันควร เม่ือฝนตก จะทาใหล้ ัดวงจร ข้อดกี ารเดินสายไฟฟ้าด้วยเขม็ ขดั รดั สาย 1. ตดิ ต้ังงา่ ยรวดเร็ว 2. ซ่อมแซมหรือแก้ไขได้ง่าย 3. ค่าแรงงานถูก รายละเอยี ดการเดินสายไฟฟ้าด้วยเข็มขดั รดั สาย สรปุ ไดด้ งั น้ี 1. สายไฟฟ้า จะตอ้ งรู้ขนาดของสายไฟฟา้ (บอกเป็นตารางมิลลเิ มตร (มม.)2) และจานวนสายก่ี เสน้ ถา้ หากใชส้ ายเล็กเกินไป จะทาให้สายร้อนจนฉนวนละลาย
Technology Electrical & Electronics อุปกรณป์ อ้ งกัน ระบบไฟฟ้า ผศ. ชศู กั ดิ์ พฤกษพิทักษ ์ ก่อนตัดสินใจซ้ืออุปกรณ์ป้องกันไฟรั่วมาใช้ ต้องเข้าใจถึงการทำงานและต้องพิจารณา ถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละชนิด เพื่อประโยชน์ใน การใชง้ าน อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ถ้าทำการติดต้ังไม่ สีของฟิวส ์ ถูกวิธีแล้ว ก็สามารถทำให้เกิดอันตรายได้ โดย เฉพาะ อุปกรณ์ป้องกันหลัก ซึ่งได้แก่ ฟิวส์และ เซอร์กิตเบรกเกอร์ ส่วนสายไฟฟ้าถึงแม้จะไม่ใช่ ขนาดฟิวส์ (A) อุปกรณ์ป้องกัน แต่ก็เป็นส่วนสำคัญในระบบ 6 เขียว ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน การเลือกใช้สายไฟฟ้าผิดขนาด 10 แดง หรอื ผดิ ชนิดก็สามารถนำมาซึ่งการเกิดอคั คภี ัยได ้ 16 เทา 20 ฟา้ 25 เหลอื ง ฟวิ ส์ (fuse) ดา้ นไฟออก ลูกฟิวส ์ เปน็ อปุ กรณ์ที่ มีหนา้ ท่ีป้องกันกระแสไฟฟา้ เกิน ซง่ึ อาจเกดิ จากการใช้โหลดเกินขนาดของฟวิ ส์ ฐานฟวิ ส์ ฝาครอบฐานฟวิ ส ์ หรือเกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าชำรุด หรือเกิดจาก กระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซ่ึงถ้าเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ชอ่ งมองฟิวส์ แล้ว ฟิวส์ไม่ตัดวงจร ก็สามารถทำให้เกิดอันตราย แกบ่ คุ คลหรอื ทรัพยส์ นิ ได้ อะแดปเตอร ์ ดา้ นไฟเขา้ การทำงานของฟิวส์ เม่ือกระแสไฟฟ้าไหล ฝาครอบลูกฟิวส ์ เกินกำหนด จะทำให้ลวดฟิวส์ซึ่งทำด้วยตะกั่วร้อน จนหลอมละลายและขาดในท่ีสุด จึงทำให้วงจร รูปที่ 1 ตัวฟวิ สแ์ ละโครงสรา้ ง ไฟฟา้ น้ันถกู ตดั ออก ดงั นนั้ การเลือกใชฟ้ ิวส์จึงเป็น สิ่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกชนิดของฟิวส์ การ เลือกขนาด และวิธีการติดต้งั ตัวฐานฟิวส์หรอื กระปกุ ฟวิ ส์นน้ั เปน็ ขนาดเกลียว E 27 ใช้ เปน็ ฟวิ สค์ วบคุมวงจรยอ่ ย ฐานฟิวส์รุ่นนจ้ี ะใส่ฟิวสไ์ ด้ 5 ขนาด คอื สำหรับอาคารบ้านเรือนโดยท่ัวไป จะใช้ฟิวส์ ชนิดท่ีเป็นกระเบ้ืองหรือฟิวส์กระปุก (cartridge fuse) ดังรูปท่ี 1 หรืออาจเรยี ก Diazed fuse กไ็ ด ้ 102 Technology Promotion Mag.
Electrical & Electronics Technology ขนาดฟวิ ส์ (A) สีของฟิวส์ ● ฟิวส์ชนิดขาดช้า จะนำมาใช้กับโหลดท่ ี 6 เขยี ว มีกระแสช่วงสตารท์ สงู เช่น มอเตอร์ ซงึ่ มอเตอรน์ น้ั 10 แดง ขณะสตาร์ทกระแสจะสูงประมาณ 5-7 เท่าของ 16 เทา กระแสของกระแสปกติ (rated current) ถา้ ใชฟ้ วิ ส์ 20 ฟ้า ธรรมดา ฟิวส์จะขาดทันที ไม่สามารถใช้งานได้ 25 เหลือง ลกั ษณะของฟิวสช์ นดิ นี้คอื มเี ครือ่ งหมายคลา้ ยกบั หมายเหตุ สีของฟิวส์จะทำเคร่ืองหมายไว้ที่แผ่นโลหะด้านหัวฟิวส์ ดังรูปท่ี 2 ซ่ึง ตวั หอยโขง่ กำกับอยู่ดา้ นขา้ ง (ดงั รูปที่ 3) สามารถมองดจู ากชอ่ งมองฟวิ สไ์ ด้ ซงึ่ มปี ระโยชน์ 2 อยา่ ง คอื บอกขนาดฟวิ สแ์ ละ บอกถงึ สภาพของฟวิ สท์ เี่ ปน็ ปกติ แตถ่ า้ ฟวิ ส์ ขาดแผน่ โลหะสนี จี้ ะหลดุ ออกมา สบี อกขนาดฟิวส ์ รปู ที่ 3 เครอ่ื งหมายแสดงฟวิ สข์ าดช้า การเข้าสายไฟท่ีฟิวส์ จะต้องนำสายเส้นไฟ (สดี ำ) เข้าทางขั้วด้านลา่ ง ซง่ึ เปน็ จดุ เดยี วกบั อะแดป- เตอร์ ท้ังนี้เพ่ือให้เกิดความปลอดภัย (ดังรูปท่ี 4) รปู ท่ี 2 แผ่นสีบอกขนาดและสภาพของฟวิ ส์ และที่จุดไฟออกก็จะต่อไปยังโหลด แต้ถ้าเข้าสาย สลับกัน คือ นำสายไฟเข้าท่ีจุดไฟออก จะทำให้ท่ี เกลียวโลหะด้านบนมีไฟด้วย และถ้าเผลอไป ส่วนขนาดท่ีโตขึ้นมา คือ ขนาดเกลียว E 33 ใช้กับฟิวส์ สมั ผัสกม็ ีโอกาสถกู ไฟดดู ได้ ถงึ แม้ไมใ่ สฟ่ ิวส์กต็ าม ขนาด 35 A, 50 A และ 63 A ใชเ้ ปน็ ฟิวส์เมนควบคมุ วงจรยอ่ ย จดุ ไฟ เขา้ ทงั้ หมด จุดไฟออก การเลือกใช้ขนาดฟิวส์วงจรย่อย จะต้องคำนวณขนาด ของอุปกรณไ์ ฟฟา้ ของแตล่ ะวงจรยอ่ ยนน้ั ๆ ตามปกติจะเผ่ือไวท้ ี่ 1.25 เทา่ ของขนาดกระแสทีค่ ำนวณได้ การเลือกใช้ขนาดฟิวส์วงจรหลัก ต้องดูขนาดของมิเตอร์ ไฟฟ้า (Kilowatt-hour; kwh.) ที่หน้าบ้านว่าใช้ขนาดเท่าใด เช่น ขนาด 5 (15) A, 10 (30)A, 15 (45) A ตัวเลขในวงเล็บ หมายถึง กระแสสูงสุดที่มิเตอร์รับได้ แต่เป็นเพียงชั่วขณะเท่านั้นไม่ใช่ ตลอดเวลา ดังน้ัน ขนาดของฟิวส์ต้องไม่โตเกินขนาดกระแสของ มิเตอร์ท่ีอยู่ในวงเล็บ นอกจากการเลือกขนาดของฟิวส์แล้ว จะ ตอ้ งเลือกชนิดของฟวิ ส์ด้วย ซ่งึ มดี ้วยกนั 2 ชนดิ คอื ชนิดธรรมดา และชนิดขาดชา้ ซึง่ มวี ิธเี ลือกใชด้ งั น ี้ ● ฟิวส์ชนิดธรรมดา จะใชภ้ ายในบา้ นเรือนท่ัวไป หาซื้อ ได้งา่ ย รปู ท่ี 4 จดุ เข้าสายหลกั การเปลี่ยนฟิวส์จะต้องนำลูกฟิวส์ใส่กับฝา ครอบฟิวส์ก่อน (ดังรปู ท่ี 5) แลว้ จึงหมนุ เข้ากบั ฐาน ฟิวส์ มิเช่นนัน้ อาจเกดิ อนั ตรายได้ เน่ืองจากกระแส April-May 2008, No.198 103
Technology Electrical & Electronics ไฟฟา้ จะไหลผ่านฟวิ สม์ าท่มี อื ได้ อะแดปเตอร์ (adapter) เม่อื ตดั สินใจเปลยี่ นขนาดลูกฟิวส์ จะต้องเปลี่ยนอะแดป- เตอร์ด้วย ซึ่งอยู่ท่ีฐานฟิวส์ ซ่ึงอะแดปเตอร์จะมีขนาดพอดีกับ ฟิวส์แต่ละขนาด (ดังรูปท่ี 6) การเปลี่ยนอะแดปเตอร์นั้นจะต้อง ทำโดยผมู้ ีประสบการณ์เทา่ น้นั อะแดปเตอร์ ขนาดลูกฟิวส์ 16 A ขนาดอะแดปเตอร์ 10 A รูปท่ี 6 อะแดปเตอร ์ รูปท่ี 5 แสดงการใส่ฟิวส์ที่ถูกต้อง หน้าที่ของอะแดปเตอร์ ก็คือ ป้องกันการใส่ฟิวส์เกิน ขนาด เพราะการใส่ฟิวส์เกินขนาดทำให้ฟิวส์ไม่ขาดซึ่งอาจเป็น ในกรณีที่จะต้องเปล่ียนขนาดลูกฟิวส์ จะ อันตรายได้ จากรูปท่ี 6 แสดงให้เห็นว่าลูกฟิวส์ขนาด 16 A ไม่ ต้องตรวจดูก่อนว่าฟิวส์ขาดเพราะสาเหตุใด เช่น สามารถใส่ลงอะแดปเตอร์ได้ เพราะอะแดปเตอร์ขนาด 10 A ถ้าลัดวงจร ก็ให้แก้ไขให้เป็นปกติเสียก่อน หรือถ้า ขนาดความโตของรจู ะเลก็ กวา่ มโี หลดมากเกินกำหนด จะตอ้ งดวู า่ ถ้าเปลยี่ นฟวิ ส์ ในปัจจุบันบางบริษัทผู้ผลิตฐานฟิวส์ ผลิตฐานฟิวส์ชนิด ขนาดใหญ่ข้ึนแล้ว สายไฟจะทนกระแสได้หรือไม่ ไม่ต้องใช้อะแดปเตอร์ ซ่ึงเป็นอันตรายมากเนื่องจากสามารถ ซึ่งอาจต้องถามผู้เชี่ยวชาญหรือหาตารางสายไฟ เปล่ียนขนาดลูกฟิวส์ได้หลายขนาด โดยไม่ต้องเปล่ียนอะแดปเตอร์ มาศึกษา (ตารางสายไฟดูได้จากบริษัทของผู้ผลิต ดังนั้นก่อนท่ีจะซื้อฟิวส์มาใช้ ต้องดูด้วยว่าเป็นชนิดมีอะแดปเตอร์ เช่น บางกอกเคเบิล หรอื ยาซาก)ิ หรือไม่ ถึงแม้ว่าราคาจะถูกกว่าชนิดมีอะแดปเตอร์ ก็ไม่ควรนำมา ใช้ ด้วยเหตผุ ลดงั กล่าว เซอร์กิตเบรกเกอร์ (circuit breaker) เป็นอุปกรณ์ป้องกันกระแสเกินหรือลัดวงจรเช่นเดียวกับ ฟิวส์ แต่ต่างกันท่ีเมื่อตัดวงจรแล้ว สามารถกดหรือโยกให้ต่อ วงจรได้โดยไมต่ อ้ งเปลยี่ นเหมอื นกบั ฟวิ ส์ ดงั น้นั จงึ สามารถนำมา แทนฟิวส์ได้ซึ่งทำให้เกิดความสะดวก แต่ราคาแพงกว่า แต่ถ้า เป็นจุดที่สายเมนเข้า การไฟฟ้ากำหนดให้ต้องมีฟิวส์ใช้ร่วมกับ เซอร์กติ เบรกเกอร์ ดงั รปู ที่ 7 และรปู ท่ี 8 การทำงานของเซอร์กิตเบรกเกอร์ เมื่อกระแสในวงจรเกิน พิกัด หน้าสัมผัสของเซอร์กิตเบรกเกอร์จะเปิดวงจร โดยอาศัยท้ัง ความร้อนและการเหน่ียวนำของเส้นแรงแม่เหล็กช่วยในการ ปลดกลไกหน้าสมั ผสั ให้เปิดวงจร 104 Technology Promotion Mag.
Electrical & Electronics Technology การเข้าสายท่ีเซอร์กิตเบรกเกอร์ ให้สังเกต สำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไป อาจพิจารณาเพียงขนาด จุดเข้าสาย จะมีอักษร L ซึ่งเป็นจุดเข้าสายเส้นไฟ กระแสท่ีใช้งานเท่าน้ัน โดยคำนวณเช่นเดียวกับขนาดของฟิวส์ (ใหใ้ ช้สดี ำ) และ N เปน็ จุดเขา้ สายศูนย์ (ให้ใชเ้ สน้ แตต่ อ้ งดูตามมาตรฐานท่ีผลติ เชน่ ขนาด 5 A, 10 A, 15 A, 20 สีเทา) ส่วนดา้ นไฟออกกใ็ ห้ใชส้ ตี รงกนั A, 30 A, 40 A, 50 A จุดเขา้ เสน้ ไฟ จุดเข้าเสน้ ศูนย ์ คอนซูมเมอร์ (consumer) หรือ โหลดเซ็นเตอร์ (load centre) คอนซูมเมอร์ มีหน้าที่แบ่งวงจรไฟฟ้าเป็นวงจรย่อย เช่น วงจรแสงสว่าง วงจรเต้ารับ ท้ังนี้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและ สะดวกในการตรวจซ่อมวงจร ในตู้คอนซูมเมอร์ ประกอบด้วย เซอร์กิตเบรกเกอร์ เป็นตัวเมน 1 ตัว และเซอร์กิตเบรกเกอร์ของ วงจรย่อยอีกหลายตัว ตามจำนวนวงจรย่อย (ดังรูปท่ี 9 ) ซึ่งตัว (ก) ชนดิ 1 เฟส กลอ่ งทำด้วยโลหะและมจี ุดตอ่ สายดิน เบรคเกอร์ย่อย จุดตอ่ สายดนิ เบรคเกอรห์ ลัก รปู ที่ 9 คอนซูมเมอร์ การนำตู้คอนซูมเมอร์มาใช้งาน จะต้องต่อออกจาก เอาต์พุตของฟิวส์เมนและเซอร์กิตเบรกเกอร์เมน เพ่ือให้ถูกต้อง ตามขอ้ บังคบั ของการไฟฟา้ ดงั รูปท่ี 10 (ข) ชนดิ 3 เฟส รปู ท่ี 7 เซอรก์ ิตเบรกเกอร ์ รปู ที่ 10 ต้เู มนและตคู้ อนซมู เมอร์ รปู ท่ี 8 ฟวิ สเ์ มนและเซอร์กิตเบรกเกอร์ การเลือกใช้ขนาดของเซอร์กิตเบรกเกอร์ มี ส่ิงที่ต้องนำมาพิจารณาคือ ขนาด กระแสท่ีใช้งาน (AT) ขนาดการทนกระแสของเปลือกหุ้ม (AF) และขนาดการทนกระแสลดั วงจร (IC) April-May 2008, No.198 105
Technology Electrical & Electronics โหลดเซ็นเตอร์ ทำหน้าท่ีเดียวกับคอนซูม 2.5 ตร.มม. สายย่อยของดวงโคมให้ใช้ขนาดสาย 1.0 ตร.มม. เมอร์ แต่มีจำนวนเซอร์กิตเบรกเกอร์มากกว่า ซ่ึงมี ส่วนสายเมนเข้าบ้านต้องเป็นไปตามขนาดของมิเตอร์ไฟฟ้า โดย ทัง้ 1 เฟส และ 3 เฟส สว่ นใหญจ่ งึ นำมาใชใ้ นโรงงาน การไฟฟา้ จะเป็นผู้กำหนด อตุ สาหกรรม การกำหนดสีของสายไฟ จะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน คอื ถ้าเป็นระบบไฟฟา้ 1 เฟส กำหนดให้สดี ำ เปน็ เสน้ ไฟ (line) สีเทาเป็นเส้นศนู ย์ (neutral) และสีเขียวเป็นสายดิน และถ้าเปน็ สายไฟฟ้า ระบบไฟฟ้า 3 เฟส กำหนดให้ สฟี า้ สีแดง สดี ำ เป็นเส้นไฟ สเี ทา เปน็ เสน้ ศูนย์ และสีเขยี วหรือสีเหลืองเปน็ สายดนิ สายไฟฟ้ามีหลายชนิด เช่น VAF, VFF, VCT, NYY, THW สำหรับในอาคารบา้ นเรือนทั่วไป จะนยิ มใชส้ ายไฟฟา้ 2 ชนิด คือ การเข้าสายไฟและการตอ่ สายไฟ 1. สาย VAF เปน็ สายไฟที่เดนิ เกาะไปตาม ผนงั โดยใชเ้ ขม็ ขดั รดั สาย การเข้าสายไฟและการต่อสายไฟ ก็เป็นอีกส่ิงหนึ่งที่ สำคญั ถา้ ทำไม่ถกู ตอ้ งจะเกดิ อันตรายทง้ั ชวี ติ และทรพั ย์สนิ เช่น 2. สาย THW เป็นสายไฟท่ีใช้เดินร้อยใน การเข้าสายหรือต่อสายไม่แน่นก็จะเกิดความร้อนหรือเกิดการ ทอ่ หรือยดึ โยงด้วยฉนวนลกู ถว้ ย อาร์ก ซึ่งสามารถทำใหเ้ กิดไฟไหม้ได ้ การเข้าสาย ส่วนใหญ่หมายถึงการเข้าสายที่อุปกรณ์ ไฟฟ้า เช่น ที่สวิตช์ ท่ีขั้วหลอด ที่ฟิวส์หรือท่ีเซอร์กิตเบรกเกอร์ เปน็ ตน้ ซ่ึงมี วธิ ีการเข้าสาย 2 วธิ ี คือ 1. การเข้าสายด้วยการม้วนสาย เช่น ที่ฟิวส์หรือข้ัว หลอดไฟชนิดหลอดไส้ (incandescent lamp) สังเกตจากจดุ เขา้ สายใช้สกรูหัวโตและไม่มีรูเสียบสาย การเข้าสายด้วยวิธีน้ีจะ ต้องม้วนสายให้กลม ตามทิศทางการขันสกรู (สว่ นใหญห่ มนุ ตาม เข็มนาฬกิ า) เพอื่ ไม่ให้สายคลายออกขณะขนั สกรู ดังรูปท่ี 12 (ก) สายชนิด VAF (ข) สายชนดิ THW รปู ที่ 11 สายไฟฟา้ ทใ่ี ช้ในบา้ นพกั อาศยั ทัว่ ไป การนำสายไฟมาใช้งาน จะต้องทำตามข้อ บังคับของการไฟฟ้า เช่น ขนาดสายของวงจรย่อย ของเต้ารับหรือของวงจรแสงสว่างให้ใช้สายขนาด 106 Technology Promotion Mag.
Electrical & Electronics Technology แต่ทั้ง 2 วิธีการน้ันต้องขันสกรูให้แน่นพอ ประมาณ อยา่ แน่นเกินไป อาจทำใหส้ กรเู กลยี วล้ม (เกลยี วหวาน) ซ่ึงไม่สามารถใช้งานได้ นอกจากนั้น ยังมีวิธีการต่อสายไฟเพ่ือให้เกิดความปลอดภัย หลายวธิ ี ดังรูปท่ี 15 รปู ท่ี 12 ตัวอย่างการเขา้ สายทีฟ่ ิวส ์ 1 2 แต่ถ้าเป็นสายขนาดใหญ่ ไม่ควรม้วนสาย แต่ควรใช้ 3 หางปลา เพราะหางปลาจะทำให้หน้าสัมผัสแน่นไม่เกิดความ ร้อนท่ีจุดต่อสาย 4 5 6 รปู ที่ 15 การตอ่ สายแบบต่าง ๆ รปู ท่ี 13 ตัวอยา่ งการเข้าสายด้วยหางปลา โดยท ี่ แบบที่ 1 เป็นการต่อสาย THW ชนิดตี- 2. การเข้าสายด้วยการเสียบสาย อุปกรณ์ที่ต้องเข้าสาย เกลียว ซึ่งเรียกการต่อแบบนี้ว่าเป็นการต่อแบบ ดว้ ยวิธีนี้ได้แก่ สวิตช์ เตา้ รบั เซอร์กติ เบรกเกอร์ วิธีการเข้าสายท่ี จำปา การต่อสายด้วยวิธีน้ี สามารถรับแรงดึงใน ปลอดภัยจะต้องปอกฉนวนสายไฟให้พอดี (ดังรูปท่ี 14) เพราะ สายได้มาก จึงเหมาะกับงานยึดโยงสายในอากาศ ถ้าปอกยาวเกินไป โอกาสท่ีสายทองแดงจะลัดวงจรกับสายเส้น แตห่ า้ มตอ่ สายในท่อโดยเดด็ ขาด เน่อื งจากถ้าเทป อ่ืนได้ง่ายและจะเกิดอันตราย การเข้าสายท่ีสวิตช์ต้องตัตต่อที่ ฉนวนทีพ่ นั จุดต่อชำรุด อาจลัดวงจรกับเส้นอน่ื ได้ เส้นไฟ (เพ่ือให้ปลอดภัยและง่ายในการตรวจซ่อม) และควรใช้ แบบท่ี 2, 3 เป็นการตอ่ แบบแยกสาย เพือ่ สายฉนวนสีดำ ใช้ในการแยกวงจร แบบที่ 4 เป็นการม้วนสายใส่กรู ปอกฉนวนมากเกินไป อนั ตราย แบบท่ี 5 เป็นการต่อแบบหางเปีย นิยมใช้ การต่อแบบน้ีในกล่องพักสาย ที่ไม่ต้องรับแรงดึง ในสาย แบบที่ 6 เป็นการต่อสายแบบเก่ียวก้อย การต่อวิธีน้ีสามารถรับแรงดึงในสายได้ เช่น เดียว กับแบบท่ี 1 และจะสงั เกตวา่ จุดตอ่ สายทัง้ สองเส้น ไม่ตรงกัน ท้ังน้ีเพ่ือป้องกันการลัดวงจรถ้าหากว่า เทปฉนวนทพ่ี นั จุดต่อชำรุด ปอกฉนวนพอดี ปลอดภยั รปู ที่ 14 การเข้าสายเพือ่ ให้เกดิ คว ามปลอดภัย April-May 2008, No.198 107
Technology Electrical & Electronics สายดนิ รปู ท่ี 17 การตอ่ สายดินของเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้า หลกั ดนิ (ground rod) หลักดิน ทำด้วยแท่งเหล็กชุบหรือหุ้มด้วยทองแดง ความ โตไม่น้อยกว่า 5/8 น้ิว ยาวไม่น้อยกว่า 240 เซนติเมตร ปลาย การตอ่ สายดิน ด้านหนึ่งแหลม การตอกลงไปในดินต้องตอกให้จุดท่ีแคล้มกับ สายดินฝังลึกลงไปในดินประมาณ 30 เซนติเมตร (ดังรูปท่ี 18) การต่อสายดิน หมายถึง การต่อสายไฟ และบริเวณท่ตี อกหลกั ดิน ควรเป็นบริเวณท่มี ีความชื้นของดินสงู จากตัวถังหรือตัวโครงของอุปกรณ์ไฟฟ้าท่ีเป็น เพื่อให้กระแสที่รั่วไหลลงดินได้สมบูรณ์และไม่เกิดอันตรายแก ่ โลหะลงไปยังหลักดิน (ground rod) สายดินนี้ ผ้ใู ช้งาน มีหน้าท่ีนำกระแสไฟฟ้าท่ีร่ัวจากอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ ระดบั พนื้ ดิน ชำรุดลงสู่ดิน ทำให้ผู้ท่ีไปสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ สายดนิ ชำรุดเหล่านั้นไม่เป็นอันตราย และในปัจจุบันนี้ เครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนมากจะติดตั้งสายดินมาแล้ว 30 เซนติเมตร โดยใช้ปลกั๊ ชนิดมีสายดิน ดังน้ันเต้ารบั ก็จะตอ้ งเป็น ชนดิ มีสายดนิ ด้วย ดงั ตัวอย่างในรปู ท่ี 16 แทง่ หลกั ดิน 240 เซนติเมตร รปู ที่ 18 การฝงั หลกั ดนิ จดุ ต่อสาย ดิน การตรวจสอบการเป็นสายดินที่ปลอดภัย สามารถตรวจ- รปู ที่ 16 ปลั๊กแบบมีสายดนิ สอบได้โดยการใช้โอห์มมิเตอร์วัดระหว่างสายดินที่ติดต้ังกับสาย ศนู ย์ ซ่งึ ค่าความตา้ นทานทอ่ี ่านไดไ้ มค่ วรเกิน 5 โอหม์ แต่ถ้าปล๊ักเป็นแบบไม่มีสายดิน และตัว โครงของอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นโลหะ เช่น เคร่ืองซักผ้า อปุ กรณป์ อ้ งกนั ไฟรว่ั (E art Leakage) เครื่องทำน้ำอุ่น สว่านไฟฟ้า ฯ ต้องต่อสายดินจาก อุปกรณ์ป้องกันไฟร่ัว หรืออุปกรณ์ป้องกันไฟดูด ทำ ตัวถังของอุปกรณ์ไฟฟ้านั้นลงดิน โดยใช้สายไฟชนิด หน้าที่ตัดวงจรไฟฟ้า เช่นเดียวกับเซอร์กิตเบรกเกอร์ แต่มีวงจร ตัวนำเป็นทองแดงขนาดไม่น้อยกว่า 1.5 ตร.มม. การตรวจจับกระแสร่ัวไหลเพ่ิมเข้ามา ทำให้สามารถตรวจจับ ดังรูปท่ี 17 กระแสทรี่ วั่ ไหลผิดปกตไิ ด ้ 108 Technology Promotion Mag.
Electrical & Electronics Technology หลักการทำงานคร่าว ๆ เป็นดังน้ี โดยปกติกระแสที่ไหล กว่าแบบแรก ไม่เหมาะที่จะใช้ควบคุมวงจรย่อย ในเครือ่ งใช้ไฟฟา้ จะเทา่ กันทั้ง 2 เส้น (เสน้ ไฟกบั เส้นศูนย)์ แตถ่ ้า และผลเสียของชนิดนี้ก็คือ ถ้าตัดวงจรไฟในบ้าน ไม่เท่ากัน วงจรตรวจจับกระแสร่ัวไหลก็จะทำงานปลดกลไกหน้า จะดบั ท้งั หมด สัมผัสให้เปิดวงจร นั่นหมายความว่ามีกระแสร่ัวไหลเกิดขึ้นแล้ว ซ่ึงกระแสร่ัวไหลนี้อาจรั่วลงดินโดยตรงหรือผ่านร่างกาย ซ่ึงท้ัง 2 อย่างไรก็ตามก่อนตัดสินใจซื้ออุปกรณ์ กรณีน้ันอุปกรณ์ป้องกันไฟร่ัวจะตัดวงจรก็ต่อเม่ือความแตกต่าง ป้องกันไฟร่ัวมาใช้ ต้องเข้าใจถึงการทำงานและ ของกระแสในสายท้ังสองอยู่ในปริมาณท่ีตั้งไว้ ในวงจรตรวจจับ ต้องพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละชนิด กระแส เพื่อเป็นประโยชน์ในการใช้งาน เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ ป้องกันไฟรั่วแล้ว ก็ควรทำตามคำแนะนำของ อุปกรณ์ป้องกันไฟรั่ว ปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ ชนิดปรับค่า บริษัทผู้ผลิต เช่น ทดสอบการทำงานเดือนละคร้ัง กระแสรว่ั ไหลไม่ได้ และชนิดปรับค่ากระแสรว่ั ไหลได้ และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ที่มีสายดินอยู่แล้วก็ยัง คงมสี ายดินไดเ้ ช่นเดิม 1. ชนิดปรับค่ากระแสรั่วไหลไม่ได้ ส่วนใหญ่วงจรจะตั้ง ให้ตัดกระแสรั่วไหลท่ี 30 mA งานท่ีใช้จะเหมาะสำหรับงาน หมายเหต ุ เฉพาะจดุ เชน่ บา้ นหลงั หนง่ึ อาจใชห้ ลายตัวได้ เน่อื งจากราคาไม่ 1. กระแสร่ัวไหลผ่านร่างกายถ้าไม่เกิน 30 mA สูงมาก และเป็นผลดที ี่ตดั วงจรเฉพาะสว่ นที่มปี ญั หาเท่านน้ั ร่างกายจะไมเ่ ปน็ อันตราย ดังนั้นอุปกรณป์ อ้ งกนั ไฟร่วั ของ ทุกบริษัทผู้ผลิต จึงออกแบบให้ตัดกระแสร่ัวไหลที่ไม่เกิน 2. ชนิดปรับค่ากระแสรั่วไหลได้ สามารถตั้งให้วงจรตัด 30 mA กระแสรั่วไหลได้หลายระดับ เช่น 5, 10, 15, 20, 25, 30 mA 2. เครื่องไฟฟ้าบางชนิดจะมีเคร่ืองป้องกันไฟรั่ว ปกติควรตัง้ ไว้ท่คี ่าตำ่ ๆ เชน่ 5 mA แตถ่ า้ อปุ กรณ์ตัดวงจรแสดง ติดต้ังมาด้วย เช่น เคร่ืองทำน้ำอุ่น โดยใช้ชื่อเรียกว่า ว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ก็ให้ปรับไปท่ีค่าสูงข้ึน แต่ถ้ายังตัดวงจร ELCB ซึง่ หมายถึง Eart Leakage Circuit Breaker อกี กใ็ หป้ รับไปยงั ตำแหน่ง Direct ซ่งึ เปน็ ตำแหน่งท่ีไม่ผา่ นวงจร ตรวจจบั กระแสรั่วไหล ซึง่ ขณะน้จี ะทำงานเสมือนสภาพของเซอร์ กิตเบรกเกอร์ธรรมดา ดังน้ันจึงต้องตรวจสอบหาจุดชำรุดและ แก้ไขให้อยู่ในสภาพปกติ เพ่ือให้กลับมาใช้อุปกรณ์ตัวน้ีทำงาน เอกสารอา้ งองิ ป้องกันไฟรั่วได้ดังเดิม งานท่ีใช้เหมาะสำหรับควบคุมวงจรหลัก [1] การไฟฟา้ นครหลวง. เอกสารเผยแพร.่ ในอาคารทีอ่ ยู่อาศยั เช่น บ้าน 1 หลงั ใช้ 1 ตัว เน่ืองจากราคาสูง [2] การไฟฟ้าส่วนภมู ภิ าค. เอกสารเผยแพร่. [3] สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย. มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2545. (พิมพ์ครง้ั ท่ี 3). กรงุ เทพฯ. 2548. [4] Fachkunde Elektrotechnik April-May 2008, No.198 109
2. เข็มขัดรดั สาย เมอื่ ทราบขนาดและจานวนสายไฟฟา้ ทจี่ ะเดนิ ไปยงั จุดต่างๆ ชา่ งเดินสายไฟฟา้ จะตอ้ งเลอื กเข็มขัดรดั สายให้พอดี เพอ่ื ความรวดเรว็ ขณะปฏบิ ตั ิงาน เม่อื งานเสรจ็ สมบรู ณ์จะมองดสู วยงาม มหี ลกั ปฏบิ ตั ิงา่ ยๆ ดังนี้ 2.1 กรณเี ดินสายเสน้ เดียว ควรเลือกขนาดเขม็ รัดสายให้พอดกี ับขนาดของสายไฟฟา้ 2.2 กรณเี ดินสายตัง้ แต่ 2 เสน้ ข้ึนไป เช่นสายจานวน 3 หรอื 4 เสน้ ถ้าหากสามารถรดั ดว้ ยเขม็ ขดั รัดสายเพียงตัวเดียวจะทาให้ปฏบิ ัติงานให้เร็วขึ้น แตค่ วรพจิ ารณาถึงความแขง็ แรงในการยึดระหว่างสายไฟกบั ผนงั อาคาร 3. ตะปู อาคารทีเ่ ปน็ ไมจ้ ะใช้ตะปูขนาด 1/2 นิว้ ส่วนอาคารคอนกรตี ฉาบปูนจะใช้ขนาด 5/16 น้วิ หรือ 3/8 นิว้ โดยทว่ั ไปชา่ งเดนิ สายไฟฟา้ จะทากล่องไม้สาหรับจัดเกบ็ ตะปู เขม็ ขดั รัดสาย ลกั ษณะดังรปู รปู ท่ี 5.1 การเดนิ สายไฟฟ้าในอาคารและในโรงงาน 4. การตีเสน้ เมอ่ื ทราบตาแหนง่ ทจ่ี ะเดนิ สายไฟฟ้า ชา่ งจะทาการตเี สน้ ด้วยบกั เตา้ ขอ้ ดีของการตเี สน้ มี ดังน้ี 4.1 รู้ตาแหนง่ การตอกตะปู 4.2 ไมเ่ สยี เวลาเลง็ แนว เมื่อจะตอกตะปูตวั ถัดไป 4.3 กรณที เ่ี ดินสายในระยะกึ่งกลางเสา แนวสายจะต้องวางให้อยู่กง่ึ กลางพอดถี า้ เป็นอาคารคอนกรีต การรอ้ื ตะปูเพือ่ ตอกใหมจ่ ะทาใหเ้ สามีรมู ากขึน้ หรอื ทาใหเ้ สาแตกไมส่ ามารถตอกตะปูบรเิ วณดังกล่าวได้อีก 4.4 สามารถปฏิบตั งิ านไดเ้ ร็วขน้ึ และมีความภูมใิ จต่อผลงานของตนเอง 5. ระยะเขม็ ขดั รดั สาย ระยะห่างระหว่างเขม็ ขัดรดั สายหรอื ท่เี รยี กว่าคลปิ ในทางปฏบิ ัตหิ า่ งกนั ประมาณ 10-12 ซม. แต่ไม่กิน 20 ซม. ดงั รูป ในบางช่วงที่ตอ้ งการเดินสายหลายๆ เสน้ อาจตอกตะปู ใหถ้ ม่ี ากขึ้นเพอ่ื ให้สามารถรับนา้ หนักของสายไฟฟ้าและใหส้ ายแนบชิดกับผนงั ในทางปฏิบตั ิจะวัดระยะด้วยความ ยาวของหัวค้อนเดินสายไฟฟ้าเพ่อื ความรวดเร็วทสี่ าคัญคอื ต้องหนั หัวเข็มขดั รัดสายไปในทิศทางเดียวกัน รปู ท่ี 5.2 ระยะห่างเข็มขัดรัดสาย 6. การคลี่สายไฟฟา้ โรงงานผ้ผู ลติ จะขดสายซ้อนทับกนั ไว้ ความยาวขดละ 100 เมตร ถา้ หากคลส่ี าย ถกู วธิ ี สายจะตรง ไมต่ อ้ งเสียเวลารีดสาย ตรงกนั ขา้ มการดึงสายไฟฟา้ ออกจากขดโดยตรงจะทาให้ สายงอบิดเป็นเกลยี ว ตอ้ งเสยี เวลา กับการรดี สายในภายหลงั วธิ กี ารคล่ีสายมดี งั นี้ 6.1 แกะพลาสติกทหี่ ่อหุ้มสายไฟฟา้ ออก ระวังอยา่ ให้ของมีคมเช่น มีด คทั เตอร์ เฉือนหรือปาดฉนวน ของสายไฟฟา้
6.2 ยกมว้ นสายไฟฟา้ ขน้ึ สอดแขนทงั้ สองขา้ งเข้าไปในม้วนสาย 6.3 วางปลายสายดา้ นนอกลงกบั พื้น จากกนั้นกม้ ตัวลงเล็กน้อย หมุนคลายสายออกจากขดพร้อม กับ เดินถอยหลงั ไปเรอื่ ยๆ จนได้ความยาวตามต้องการ 7. การรดั สายไฟฟา้ ก่อนจะรัดสายไฟฟ้าต้องรดี สายใหต้ รงไม่ให้บดิ หรอื งอ เม่อื นาไปเดนิ บนผนงั จะได้แนบ ชดิ กบั ผนังอาคารมองดูสวยงามวิธกี ารรีดสายมหี ลกั ปฏิบัตงิ านๆดงั นี้ 7.1 วางสายไฟฟา้ ลงบนเขม็ ขัดรัดสาย ถา้ หากมีสายไฟฟา้ หลายเส้นต้องจัดให้สายเรยี งชดิ กนั กอ่ น 7.2 กดสายไฟฟา้ ใหแ้ น่น ใช้มอื อีกขา้ งหนึง่ จบั ปลายเข็มขัดรัดสายสอดเข้ากับรทู ่อี ยบู่ นหัวของเข็มขดั รัด สาย 7.3 ดึงปลายเข็มขัดรดั สายให้ตึงจากน้นั พบั สายกลับไปทิศทางเดิม 7.4 ใช้คอ้ นเคาะเบาๆ เพือ่ ให้รอยพับเรียบสนิทกับสายไฟฟ้า 8. การเดินสายไฟฟ้าในแนวด่ิง เม่อื จบั สายไฟฟา้ แนบชดิ กบั ผนังสายจะหอ้ ยลงสู่พนื้ ด้านลา่ งตามแรงดึงดดู ของ โลกดงั นนั้ จึงตอ้ งเรม่ิ รัดสายจากด้านลนลงส่ดู ้านล่างซ่งึ จะทาให้การรัดสายไฟฟ้าสะดวกย่ิงขนึ้ วิธกี ารเดนิ สายไฟฟา้ ในแนวดง่ิ มีดงั นี้ 8.1 ใช้ผ้ารีดสายให้ตรง (ระยะประมาณ 20-50 cm.) จดั สายให้เรียงชดิ กนั กรณีเดินสายต้ังแต่ 3 เสน้ ขน้ึ ไปใหส้ ายเสน้ ที่มีขนาดใหญ่ทีส่ ดุ อยู่ดา้ นนอก 8.2 ผทู้ ่ีถนดั ขวาใหใ้ ช้มอื ซ้ายจบั ปลายสายดา้ นบนไว้ โดยใชห้ ัวแม่มือกดสาย ใหแ้ นบชดิ กบั ผนัง ส่วนมอื ขวาจับปลายของเข็มขดั รัดสายสอดเข้ากบั รทู ่ีอยูบ่ นหัวของเขม็ ขัดรัดสายจากนนั้ รดั สายใหต้ งึ ประมาณ 2-3 ตวั ดงั รูปที่ 5.3 ขณะน้ีสายไฟฟ้าจะถูกจับยึดไวก้ บั ผนังจงึ สามารถปล่อย มือออกไดแ้ ตถ่ ้าสังเกตดูการจบั ยดึ ยังไมแ่ ข็งแรง อาจจะรดั สายเพิ่ม อีก 1-2 ตวั สาหรับผู้ถนัดซา้ ยให้เปลย่ี น มือสลับกัน รปู ที่ 5.3 การเดินสายไฟฟา้ ในแนวดิ่ง 8.3 เลอ่ื นมอื ซา้ ยลงมากดไว้ท่ีเขม็ ขัดรัดสายตวั สุดทา้ ย ซ่งึ รดั สายไวแ้ ล้ว ตามข้อ 8.2 สว่ นมือขวาจบั เศษผา้ รดี สายทลี ะเสน้ ใหต้ รง ถ้าเป็นสายใหม่จะรีดง่ายประมาณ 1-2 ครง้ั แตถ่ า้ หากใชส้ ายเก่าทผ่ี า่ นการใช้งาน มาแล้ว อาจตอ้ งใชเ้ วลามากข้ึน 8.4 ใชน้ วิ้ กลาง นิ้วช้ี และหัวแมม่ ือบบี สายให้เรยี งชิดกัน จากนน้ั รดั สายให้แนน่ ตงึ ตาม วธิ ีการ ในขอ้ ท่ี 7.1-7.3 8.5 เล่อื นมอื ขวาต่าลงมาเพื่อทาการรดั สายตวั ตอ่ ไปอีกประมาณ 2-3 ตวั ขณะน้รี ะยะสาย ท่ีเรียงไว้ ตามหวั ข้อที่ 8.1คือระยะ 20-50cm. จะถูกรัดจนหมดยังคงเหลือเฉพาะส่วนดา้ นลา่ งลงไปอกี ซ่ึงสาย สว่ นนี้ ยังไมไ่ ด้ รดี 8.6 ปฏิบัตซิ า้ ๆ ต้งั แตข่ ้อท่ี 8.3 เร่อื ยไปจนเสร็จสิ้นตามเปา้ หมาย 8.7 ใชค้ ้อนเคาะเบาๆ เพือ่ ให้รอยพบั เรยี บสนิทกับสายไฟฟา้ อย่างไรกต็ ามเมื่อช่างมีประสบการณ์
อาจจะมเี ทคนิคเฉพาะตัวอื่นๆ เข้าช่วยทาให้การเดนิ สายไฟฟา้ เสร็จเร็วยิ่งขึน้ 9. การเดินสายไฟฟ้าในแนวระดับ การเดนิ สายไฟฟ้าในแนวระดบั จะยุ่งยากกวา่ การเดินสายไฟฟา้ ใน แนวดิ่ง เน่อื งจากน้าหนักสายจะหยอ่ นลงสู่ดา้ นล่าง ตามแรงดึงดูดของโลก ดงั น้นั จงึ แกป้ ัญหาด้วยการใชต้ ะปูตอก เขา้ กับผนัง (ทง้ั อาคารไม้และอาคารคอนกรีตฉาบปูน) ห่างจากจดุ ท่กี าลังรดั สายประมาณ 50-100 cm.จากนัน้ นา สายไฟฟา้ พาดไว้กบั ตะปู ดงั กล่าวเพ่อื ป้องกนั ตะปูตอกเขม็ ขัดรดั สายหลดุ ออกจากผนังอันเนื่อง จากนา้ หนักของ สายไฟฟา้ นั้นเอง ดงั รปู รปู ที่ 5.4 การตอกตะปูรบั น้าหนักสายเมือ่ เดินสายไฟฟ้าในแนวระดับ 10. การเดินสายไฟฟ้าบนเพดาน ตัวอย่างการเดนิ สายไฟฟ้าบนเพดานได้แก่ การตดิ ต้ังหลอดฟลูออเรส เซนต์ ท่ีบริเวณกลางห้อง การตดิ ตงั้ พัดลมเพดาน เป็นตน้ ส่วนมากจะเดินสายในระยะส้ันประมาณ 1-3 เมตร วิธกี ารเดนิ สายไฟฟา้ บนเพดานจะเหมือนกับ การเดนิ สาย ในแนวดิง่ และแนวระดับ 11. การเดินสายหกั มมุ ภายในอาคารหรือบา้ นเรือนทว่ั ไปจะมรี ปู ทรงเปน็ สีเหลี่ยมผนื ผ้า เม่ือต้องเดนิ สาย ผ่านบริเวณดังกลา่ วต้องหักมุมโค้งไปตามผนังหรอื มุมของต้นเสาระยะห่างระหว่างเข็มขดั รัดสายตวั สดุ ท้าย กับรัศมี ความโคง้ ตอ้ งให้มีระยะห่างพอสมควร อยา่ ใหใ้ กลห้ รอื หา่ งจนเกินไปจาทาใหส้ ายไม่เรยี บ โดยจะสงั เกต เหน็ แสง ลอดผา่ นใตส้ ายไฟฟ้า ตัวอยา่ งเช่น สาย VAF ขนาด 2 × 2.5 (มม.)2 ตอ้ งใชร้ ศั มีความโค้ง ไม่ตา่ กวา่ 25.5 เซนตเิ มตร ดังรปู รูปที่ 5.5 การหักมุมโค้ง สาย VAF ขนาด 2 × 2.5 (ตร.มม.) ถ้าหากหกั มมุ โคง้ ของสายหลาย ๆ เสน้ อาจจะต้องเพม่ิ เข็มขัดรดั สายตามมุมโคง้ อกี หนึ่งตัวเพ่ือให้การจบั ยดึ ใหแ้ ขง็ แรงมากข้ึนดังรปู รูปท่ี 5.6 การตดิ ตัง้ เขม็ ขดั รดั สายตามมุมโคง้ เมอื่ ต้องโค้งสายหลายๆเส้น 12. การเดินสายไฟฟ้าบนอาคารไม้และอาคารคอนกรีตฉาบปูน วธิ ีการเดินสายไฟฟา้ ด้วยเข็มขดั รดั สายบน อาคารไม้และอาคารคอนกรีตฉาบปนู มีหลักปฏิบัติดังน้ี 12.1 เลือกตะปูใหเ้ หมาะสม กลา่ วคือตอกไมใ้ ช้ขนาด ½ น้วิ , 3/8 น้ิว และตอกบนคอนกรีตฉาบ ปูนใช้ขนาด 5/16 นิว้ 12.2 หงายด้านมีคมข้ึนและต้องหันหวั เข็มขดั รัดสายใหใ้ นทิศทางเดียวกัน 12.3 เมือ่ จาเปน็ ตอ้ งเดนิ สายไฟฟ้าบนคาน ควรเดนิ ชดิ ขอบของคาน จะเดินชิดขอบบน
หรอื ขอบลา่ งก็ไดต้ ามความเหมาะสม 12.4 วางแผนกอ่ นเดินสายไฟฟา้ หมายถึงต้องสารวจก่อนว่าจะให้สายเส้นใดอยูด่ ้านลาง อยูก่ ลางหรืออย่ดู ้านบน เพราะจะทาใหส้ ายไขว้กันหรือสายทับกนั ซ่งึ ผดิ หลักการเดินสายไฟฟา้ 12.5 อาคารคอนกรีตฉาบปูน ต้องใชเ้ หลก็ นาศูนย์ หรือทเี่ รยี กวา่ เหล็กตอกนา ตอกนาก่อน จะตอกตะปูเข้าไป เปน็ การป้องกนั ไม่ใหต้ ะปูงอ 13. การตอ่ วงจรหลอดไฟฟา้ วงจรหลอดไส้เป็นวงจรพ้ืนฐานท่ีแสดงการทางานของหลอดไฟฟ้าทว่ั ไป เน่อื งจากสามารถ เปล่งแสงออก มาทันทที ี่มีแรงดันตกคร่อมไส้หลอด ดังรูป แสดงแหลง่ จ่ายแรงดนั ไฟฟ้า กระแสสลับ สายท่ีมไี ฟเรียกว่าสายไลน์ (Line หรอื L)สายที่ไม่มไี ฟเรยี กว่าสายนิวตรอน (Neutral หรอื N) รูปท่ี 5.7 การต่อหลอดไส้ ควบคมุ ดว้ ยสวิตช์ วงจรดงั รูป สามารถตรวจอบการเดนิ สายไฟฟ้าได้ง่าย ไมซ่ ับซ้อน เรียกว่าไวนร์ ง่ิ ไดอะแกรม (wiring diagram) สว่ นรปู แสดงรายละเอยี ดการเดินสายไฟฟ้าของรูป เรยี กวา่ สคมี เมติกไดอะแกรม (schematic diagram) และรูปที่ 5.9 แสดงการเดนิ สายไฟฟ้าทใ่ี ช้กบั งานตดิ ต้ังไฟฟ้าเรยี กวา่ วันไลนไ์ ดอะแกรม (online diagram) งึ่ ผทู้ ่อี า่ นแบบประเภทนี้จะตอ้ งมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจเร่ืองการอ่านแบบดี พอสมควร จึงจะสามารถ แยกแยะและต่อวงจรได้ถูกต้อง รปู ท่ี 5.8 schematic diagram ของวงจรในรูปที่ 5.7 รปู ที่ 5.9 online diagram 14. การตอ่ วงจรแสงสว่างและวงจรกาลงั วงจรแสงสว่าง (Lighting) ไดแ้ ก่การตดิ ต้ังหลอดไฟฟ้าชนิดตา่ งๆ ภายในอาคารบ้านเรอื น หรือสานักงาน โดยท่ัวไป จะใชส้ วิตชค์ วบคมุ การปดิ -เปิด ส่วนวงจรกาลัง(Power) หมายถึง การติดตั้งเตา้ รบั (ปลก๊ั ตัวเมยี ) หรือการตดิ ตงั้ เซอร์กติ เบรกเกอร์ (CB) เพอ่ื รองรับการใชพ้ ลงั งานไฟฟา้ อาทิเชน่ เตา รีด หมอ้ หงุ ข้าว โทรทศั น์ และอ่ืน ๆ ซึง่ มปี รมิ าณการใช้กระแสไฟฟ้ามากกว่าวงจรแสงสวา่ ง โดยท่ัวไปเต้ารบั กับสวิตช์มักจะติดตงั้ ค่กู ันเพื่อประหยดั แป้นรอง ซึ่งไดแ้ ก่แป้นไม้ และแป้นพลาสติก วงจร ท่ีต่ออย่ภู ายในแป้นรองจึงมสี องลักษณะคือวงจรแสงสว่างและวงจรกาลงั ดังรูป (ก) จะต่อรว่ มกัน ท้ังวงจรแสงสวา่ ง และวงจรกาลงั สว่ นรูป (ข) จะแยกกนั
(ก) ใช้สายเมนร่วมกัน (ข) ใช้สายเมนแยกกัน รูปที่ 5.10 การต่อวงจรแสงสว่างและวงจรกาลงั ข้อดีของการแยกวงจรแสงสว่างออกจากวงจรกาลัง 1. แตล่ ะวงจรเป็นอสิ ระซึ่งกนั และกัน ดังน้นั จึงช่วยป้องกนั ไฟดบั พร้อมกนั ท้งั บ้านไดอ้ ีกทางหน่ึง 2. เม่ือจาเป็นต้องซ่อมแซมหรือติดตั้งอปุ กรณเ์ พ่ิมเตมิ ไม่จาเปน็ ต้องดบั ไฟท้งั หมด 15. การตอ่ วงจรสวติ ชส์ ามทาง สวิตช์สามทางเรยี กอีกอยา่ งหนึ่งวา่ สวิตชบ์ นั ไดใชค้ วบคุกการปิด-เปดิ หลอด ไฟฟา้ ได้ ตาแหน่ง สว่ นมากจะตดิ ตงั้ บรเิ วณทางข้ึน-ลงบันได กลา่ วคือติดตัง้ ชนั้ บน 1 ตวั และช้ันล่างอีก 1 ตวั ดงั รปู รูปที่ 5.11 การใช้สวิตชส์ ามทางควบคุมหลอดฟลูออเรสเซนต์ 16. การตดิ ต้งั อปุ กรณ์ไฟฟา้ ประกอบด้วยการติดต้งั หลอด โคมไฟ แป้นรองสวติ ช์ ปลัก๊ แผงคทั เอาท์ และ การตดิ ต้ังมอเตอรไ์ ฟฟา้ เป็นต้น 16.1 การตดิ ต้ังแป้นไม้รองสวติ ชแ์ ละแผงสวิตช์ควบคมุ จะต้องใหส้ งู จากพื้นประมาณ120 – 150 Cm. 16.2 การติดตง้ั ปล๊ักในอาคารสานกั งาน จะต้องสงู จากพน้ื ไมเ่ กนิ 30 cm. 5.1.2 การเดินสายไฟฟา้ ในทอ่ รอ้ ยสาย ในบรเิ วณทส่ี ายไฟฟ้าอาจจะถูกกระทบกระแทกมีความชื้น สารเคมหี รือมีความเป็นกรด เชน่ ภายในโรงงานอตุ สาหกรรม อาคารขนาดใหญ่ จะนิยมการเดนิ สายไฟฟ้าในท่อรอ้ ยสายเนื่องจากมคี วาม ปลอดภัยเมื่อเกิดประกายไฟ หรือเกดิ การอาร์ค นอกจากนยี้ ังใชท้ อ่ โลหะเป็นตัวนาในการตอ่ ลงดนิ อกี ด้วย แต่ต้อง มั่นใจวา่ รอยต่อต่าง ๆ มคี วามต่อเน่อื ง มั่นคงและแข็งแรง 1. วธิ ีการเดนิ สายในทอ่ วิธีทนี่ ยิ มใช้ในปัจจุบันมีหลายอย่างดงั น้ี 1.1 เดนิ ในท่อโลหะหนา ทอ่ โลหะหนาปานกลางและท่อโลหะบาง ผลิตจากเหลก็ อาบสังกะสี ยาวทอ่ นละ 3 เมตร ท่อโลหะหนาและทอ่ โลหะหนาปานกลางสามารถทาเกลียวได้ ใช้งานทดแทนกัน ได้ นอกจากนี้ ยังใชฝ้ งั ดินได้อีกดว้ ย 1.2 เดินในทอ่ โลหะอ่อน หรอื ที่เรยี กวา่ ท่อเฟลก็ ซิเบลิ (flexible metal conduit) มลี กั ษณะ
เป็นแกนโลหะอ่อน พนั ซ้อนทับกัน นยิ มใช้ในบรเิ วณท่ีมกี ารสั่นสะเทือน เชน่ เช่อื มต่อระหว่างรางเดินสายกับ เครือ่ งจักร แตห่ ้ามใชฝ้ งั ดิน 1.3 เดินในทอ่ โลหะออ่ นกนั ของเหลว หรอื ท่เี รยี กวา่ ท่อเอม็ เฟล็ก (MFLEX) ประกอบด้วยโลหะ ข้นึ รปู ขดั กนั เป็นเกลยี ว มีเชอื กคัน่ ระหวา่ งรอ่ งโดยมฉี นวนพวี ซี ีหอ่ หุ้ม เพอ่ื ป้องกนั การรั่วของสายไฟฟ้า 1.4 เดินในทอ่ อโลหะแข็ง ที่ใชง้ านท่ัวไปไดแ้ ก่ท่อพวี ีซี และ พีอี ทอ่ พวี ซี ีไม่คงทนต่อแสงอุลตรา้ ไวโอเลต ดังนั้นเมือ่ ตากแดดเป็นระยะเวลานานจะกรอบและแตกเปน็ ขยุ ส่วนทอ่ พีอีจะติดไฟง่าย ดงั น้นั ท่อชนิดนี้ จึงเหมาะสาหรบั ตดิ ต้ังในท่ีโล่ง เดนิ ซ่อนในผนงั พ้นื หรือเพดาน 2. วิธีการดดั ท่อ เครอื่ งมือดัดท่อหรือทีเ่ รียกวา่ เบนเดอร์ (bender) แต่ละชนดิ เหมาะสาหรับทอ่ แตล่ ะ ประเภทดงั นี้ ท่อโลหะบาง จะใช้ EMT. Bender ทอ่ โลหะหนาปานกลาง จะใช้ IMC. Hickey ท่อโลหะหนา จะใช้ rigid bender หรอื ทดี่ ดั ท่อไฮดรอลิกส์ อยา่ งไรก็ตามควรจะเลือกขนาด bender ให้พอดีกับขนาดของทอ่ ร้อยสายไฟฟ้า ถ้าหากใช้ bender ขนาดใหญ่เกินไป อาจจะทาให้ทอ่ แบน สง่ ผลใหพ้ ื้นท่ีหน้าตัดภายในท่อลดลง ทาใหก้ ารร้อยสายทาได้ ลาบาก ดังน้นั การดัดท่อจะต้องระมดั ระวังไม่ให้ ทอ่ เสยี รปู ทรง เส้นผ่านศูนย์กลางภายในท่อจะต้องเท่าเดิมหรือ ลดลงนอ้ ยท่สี ุด องค์ประกอบที่สาคญั อีกอยา่ งหนง่ึ คือรัศมคี วามโค้ง โดยจะวัดจากจุดศูนย์กลางความโค้งถึงขอบ ด้านในของท่อทโี่ ค้ง โดยทว่ั ๆ ไปรัศมคี วามโคง้ ของท่อท่ีดัดจะตอ้ ง ไม่ตา่ กวา่ 6 เท่าของเส้นผา่ นศนู ย์กลางของ ทอ่ สาหรบั งานภาคสนามส่วนใหญจ่ ะมีคา่ ประมาณ 6-8 เท่า หรือมากกวา่ ดังตารางที่ 5.1ตารางที่ 5.1 รศั มีความ โค้งของท่อขนาดต่าง ๆ ขนาดท่ี (นวิ้ ) รศั มคี วามโคง้ ต่าสดุ (นิว้ ) ½ 4 ¾ 5 1 6 1 8 1 10 2 12 2 15 3 18 3 21 4 24 4 27 5 30 6 36 การดัดท่อแบง่ ออกเปน็ 2 วธิ คี ือ วธิ ที ่ี 1 ใชเ้ บนเดอร์ในการดดั ท่อ วธิ กี ารคือนาท่อสอดเขา้ กบั เบนเดอร์ วางลงบนพน้ื ราบใช้เท้าเหยยี บ เบนเดอรแ์ ละอีกข้างหน่ึงเหยียบท่ใี หแ้ น่นกับพน้ื จากน้นั ใชม้ อื ดงึ เบนเดอร์เขา้ หาลาตวั
วิธที ี่ 2 ใชแ้ รงกด วธิ ีการคอื ต้ังเบนเดอรใ์ หอ้ ยู่กับที่ นาทอ่ สอดเขา้ กบั เบนเดอร์ จากนัน้ กดท่อ ลงด้านล่าง 2.1 ระยะความสูงของเบนเดอร์ดดั ท่อ เบนเดอรส์ าหรับดัดท่อจะมรี ะยะความสูง (take up ) ดังตารางที่ 5.2 ซงึ่ เปน็ ระยะท่ที ่อถกู ดัดให้โคง้ งอ ดงั รูปที่ 5.12 ใช้เบนเดอร1/2น์ วิ้ ดัดท่อ1/2 นิ้ว โคง้ ทามมุ 90 องศา ระยะ take up เทา่ กบั 5 นวิ้ ตารางที่ 5.2 ระยะ take up ของเบนเดอร์ ขนาดเบนเดอร์ (นิว้ ) ระยะ take up (น้ิว) 1/2 5 3/4 6 1 8 รปู ท่ี 5.12 แสดงการดัดท่อและวดั ระยะ take up 2.2 การคานวณความยาวจากปลายทอ่ เช่นต้องการดดั ทอ่ ขนาด ¾ นวิ้ ใหส้ ูงจากพื้น 38 น้ิว วิธกี ารคอื ใช้ ระยะความสงู ลบด้วยระยะ take up (6 นวิ้ ) ดงั นนั้ หวั ลูกศรบนเบนเดอร์จะตรงกับระยะ 2นว้ิ (วดั จาก ปลายทอ่ ) เมอื่ ดบั เปน็ มุม 90 องศา จะวดั ระยะความยาวจากปลาย ท่อเท่ากับ 38 นว้ิ พอดี ดงั รูป รปู ท่ี 5.13 การคานวณความยาวของท่อ ¾ นวิ้ 3. การดัดท่อรปู ตัวยู (U) วิธีการคือดดั ท่อทีป่ ลายดา้ นหนึง่ ใหโ้ ค้งงอ 90 องศา ลาดบั ตอ่ ไปวัดและทา เครอื่ งหมาย (mark) บนท่อจากจุที่อยู่กับที่ (จุดX) ไปยงั จุดที่ตอ้ งดัดทอ่ (จุด Y) โดยใหจ้ ดุ Yตรงกบั ตาแหน่ง B บน เบนเดอร์ จากน้ันค่อยๆ ดัดท่อใหโ้ ค้งทามมุ 90 องศา จะได้ท่อ รูปตัวยดู ังรปู
รูปท่ี 5.14 แสดงการดัดท่อรูปตวั ยู (U) 4. การดดั คอม้า เรยี กอกี อยา่ งวา่ การทาออฟเซต (OFF SET) หมายถึง การยกระดบั ความสูงของทอ่ ให้ สงู ขน้ึ และโค้งงอเทา่ กนั แตก่ ระทาในทิศทางตรงกันขา้ ม วัตถุประสงค์ของ การทา OFF SET คอื 1. เพ่ือตอ่ เขา้ กบั กลอ่ งต่อสาย กลอ่ งสวิตช/์ ปลั๊ก 2. เพ่ือดดั ท่อขา้ มส่งิ กีดขวาง (ทา OFF SET จานวน 2 ครง้ั ) การดดั ท่อคอมา้ เร่ิมจากการดัดทอ่ ใหโ้ คง้ พอประมาณ เมอ่ื เสรจ็ แล้วให้ถอดเบนเดอรอ์ อกพลิกท่อกลับให้อยู่ ในทิศ ทางตรงกนั ข้าม จากนน้ั จงึ ดัดท่ออีกคร้งั หน่ึงจนกระทง่ั ปลายทอ่ ทัง้ สองด้านขนานกันพอดี เมอื่ ดัดเสร็จ เรยี บร้อยจะมลี ักษณะ ดงั รปู ที่ 5.15 สาหรับการดัดท่อข้ามสิ่งกีดขวางจะต้องดัดออฟเซต จานวน 2 ครงั้ หรอื การดดั 3 ตาแหนง่ ลักษณะดังรูปท่ี 5.16 (ก) และ(ข) รปู ที่ 5.15 การดดั คอมา้ (OFF SET) (ก) ทาออฟเซต 2 ครั้ง (ข) การดัด 3 ตาแหนง่ รปู ท่ี 5.16 การดดั ทอ่ ข้ามสิ่งกดี ขวาง 5. การดัดทอ่ เพ่ือการแก้ไข 5.1 การดดั กลับคืน ถ้าหากดัดท่อมากเกนิ ไปสามารถแก้ไขดว้ ยการใช้ท่อที่มีขนาดใหญ่กวา่ เลก็ น้อยหรือด้าม เบนเดอร์ สวมลงในทอ่ นน้ั จากน้ันจงึ ค่อยๆ ดนั ใหท้ ่อกลับคือ ดังรูป (ก) 5.2 การแก้ไขเมอ่ื ท่อบุ๋ม จะใช้เหล็กกระทุ้งที่ผวิ ดา้ นในดังรูป ดงั รูป (ข) (ก) การดัดกลบั คนื (ข) แก้ไขเมือ่ ท่อปมุ่ ) รปู ที่ 5.17 การดัดท่อเพื่อการแกไ้ ข
6. การตดิ ตงั้ ท่อโลหะร้อยสาย หลงั จากทาการดัดท่อรอ้ ยสายเสรจ็ เรียบรอ้ ยจะต้องนามาประกอบตอ่ เชอื่ มข้าด้วยกันให้มีความแขง็ แรงดังรปู 7. การร้อยสายเขา้ ท่อ เคร่ืองมือที่ใช้ร้อยสายไฟฟา้ เข้าไปในทอ่ เรยี กว่าฟิสเทป (fish tape) ทาจากเหล็ก ท่ี มคี วามเหนยี วและท่ีบริเวณปลายฟสิ เทปจะทาเปน็ ห่วงคล้องเข้ากบั สายไฟฟ้าเพ่ือป้องกัน สายหลุดขณะท่กี าลังร้อยสายลักษณะดงั รปู ท่ี 5.19 การรอ้ ยสายควรปฏิบตั งิ านอย่างน้อยสองคนกลา่ วคือ คนหนงึ่ ส่งสายและอกี คนหนง่ึ ดังสายบางครัง้ อาจจะต้องใชส้ ารลดความฝืดแตต่ ้องไมเ่ ป็นอันตรายกบั ฉนวน ของสายไฟฟ้า รูปท่ี 5.18 แสดงการประกอบทอ่ EMT รปู ที่ 5.19 การรอ้ ยสายเขา้ ท่อ 8. ข้อควรระวังในการตดิ ตง้ั ทอ่ โลหะร้อยสายการเดนิ สายไฟฟา้ ในท่อร้อยสาย จะประกอบด้วย ขน้ั ตอนการดดั ท่อ การตัดทอ่ การประกอบท่อ การรอ้ ยสายไฟฟา้ และการติดตัง้ อปุ กรณ์ 8.1 การดดั ท่อ 1. มมุ ในการดดั ท่อสาหรบั การร้อยสายหน่งึ จดุ ตอ้ งไม่เกิน 360 องศา ถ้ามากกว่านจี้ ะทาใหล้ าบาก ในการร้อยสาย 2. เลือกเบนเดอรใ์ หม้ ีขนาดพอดกี ับท่อท่จี ะดัดและระวังอย่าใหท้ ่อบุ๋มหรอื แบน 8.2 การตดั ท่อ 1. การตัดทอ่ ทุกครง้ั ควรใชค้ ัทเตอรต์ ดั ทอ่ หรือเลอ่ื ยตัดเหลก็ ยกเวน้ ท่อโลหะอ่อน (flexible) ให้ ใชค้ มี ตดั 2. บรเิ วณปลายทอ่ ทต่ี ดั ตอ้ งลบคมทุกคร้ังด้วยรีมเมอรห์ รือวัสดอุ นื่ ๆ 8.3 การประกอบท่อ 1. ต้องยึดกับโครงสร้างของอาคารอยา่ งแขง็ แรง 2. ต้องจบั ยึดดว้ ยอุปกรณ์จับยึดและมีความตอ่ เนือ่ งทางไฟฟา้ เช่น คปั ปลิ้งคอนเนคเตอร์ ลอ็ คนทั บุชช่งิ เป็นต้น 8.4 การรอ้ ยสายไฟฟ้า 1. ต้องปฏบิ ัติงานอยา่ งน้อยสองคนคนหนงึ่ ดึงฟสิ เทปสว่ นอีกคนหน่งึ ส่งสายและระวังอยา่ ให้ฉนวน ถลอก 2. ถา้ หากสายขาดขณะรอ้ ยสาย ตอ้ งเปล่ียนใหม่และห้ามต่อสายภายในท่อ
3. ควรร้อยสายพร้อมกัดครั้งเดยี ว การร้อยสายทีละเส้นจะทาไดล้ าบาก 4. ควรจดั สายใหเ้ รยี บร้อยก่อนท่ีจะดึงสายเข้าไปในท่อ และบางครั้งอาจจะต้องใชส้ ารลดความฝดื 8.5 การตดิ ตั้งอุปกรณ์ 1. ควรเผ่ือสายไฟฟ้าพอประมาณ โดยการขดไว้รอบๆ กลอ่ งต่อสาย ทง้ั นี้เพือ่ ความสะดวกในการ ซอ่ มบารงุ หรือต่อเติมในอนาคต 2. ต้องจบั ยดึ อปุ กรณ์ เชน่ สวิตช์ ปลั๊ก กล่องต่อสาและอ่นื ๆ ใหแ้ ขง็ แรงและสวยงาม 9. การดดั ทอ่ พีวซี ี ประกอบด้วยการตอ่ ท่อเข้าด้วยกันและการดดั ท่อให้งอ 9.1 การตอ่ ท่อ 1. เตรยี มเตาใหร้ อ้ น อาจจะใช้เตาไฟฟ้าหรอื เตาถ่านก็ได้ 2. นาทอ่ ไปลนไฟ พยายามใหร้ อ้ นสม่าเสมอทว่ั บรเิ วณท่จี ะตอ่ ทอ่ โดยการหมุนท่อไปรอบ ๆ จน พลาสตกิ อ่อนตัว 3. นาไปสวมเข้ากับทอ่ หากยงั ไมแ่ นน่ ให้นาออกมาลนไฟอีก จนสามารถสวมได้ความลกึ ไม่ตา่ กวา่ 1 นว้ิ 4. ทากาวรอบ ๆ รอยตอ่ 9.2 การดดั ทอ่ ปกติท่อพลาสติกจะมขี ้องอสาหรบั เดินสายเลีย้ วโค้ง เชน่ ข้องอ 90 องศา เป็นตน้ วิธกี ารดัดท่อพวี ซี มี ดี งั นี้ 1. เติมทรายเข้าไปในท่อและหาเศษวัสดุอุดปลายทอ่ ให้แน่น 2. นาไปลนไฟพลกิ ไปมา จนสังเกตเห็นท่ออ่อนตัว จากนัน้ ค่อยๆ ดัดจนได้รัศมีความโคง้ ตาม ตอ้ งการ 3. การดดั ทอ่ ตอ้ งกระทาในขณะท่ีทอ่ ออ่ นตัวเทา่ นัน้ 5.13 การเดนิ สายไฟฟา้ ในรางเดนิ สาย รางเดนิ สายหรอื ทีเ่ รยี กว่าไวร์เวย์ (wire way) ผลติ จากเหล็กแผ่นพบั ขึน้ รปู พร้อมกับฝาปดิ มีทั้งแบบเจาะรู ระบายอากาศและแบบปิดทบึ จะป้องกันสนิมด้วยการพน่ สี ชุบสังกะสีหรือการเคลือบผิวแบบอื่นเช่น polyester, thermoplastic ความหนา 1 มลิ ลเิ มตร ความสูง 50 – 200 มลิ ลเิ มตร ดงั นั้นจึงสามารถเดินสายไดจ้ านวนหลาย ๆ เส้นในรางอันเดียวกัน 1. ขอ้ กาหนดเบ้ืองต้นเก่ียวกับรางเดินสายไฟฟา้ 1.1 ตอ้ งติดต้งั ในที่เปิดโล่งเทา่ นั้น ถ้าตดิ ต้งั ภายนอกอาคารต้องเป็นชนดิ กัดฝนและตอ้ งมีความแขง็ แรง เพียงพอที่จะ ไมเ่ สยี รปู ภายหลังการติดต้ัง 1.2 หา้ มใชร้ างเดนิ สายในบริเวณท่ีอาจเกิดความเสียหายทางกายภาพในบริเวณท่ีมีไอทที่ าให้ผุกร่อน หรอื ในสถานที่อนั ตราย นอกจากจะระบุไวเ้ ป็นอยา่ งอ่นื 1.3 พืน้ ท่ีหนา้ ตดั ของตวั นาและฉนวนทัง้ หมดรวมกนั ตอ้ งไมเ่ กิน 20% ของพ้ืนท่หี น้าตัดภายในราง เดนิ สาย 1.4 จดุ ปลายรางเดินสายตอ้ งปดิ 1.5 ต้องจบั ยดึ อย่างม่นั คง แขง็ แรงทกุ ระยะ 1.5 เมตร สงู สุดไม่เกิน 3 เมตร 1.6 หา้ มตอ่ รางเดินสายตรงจดุ ทีผ่ ่านผนังหรอื พ้ืน 1.7 การตอ่ สายทาไดเ้ ฉพาะในส่วนทีส่ ามารถเปิดออกและเขา้ ถึงไดส้ ะดวกตลอดเวลาเทา่ น้ัน และ พื้นทห่ี นา้ ตดั ของตัวนาและฉนวนรวมทัง้ หวั ตอ่ สายรวมกันแล้วต้องไม่เกนิ 75 % ของพืน้ ทีห่ น้าตัดภายในของราง
เดินสาย ณ จุดตอ่ สาย 1.8 ห้ามใชร้ างเดินสายเปน็ ตัวนาสาหรบั ตอ่ ลงดนิ 2. ลกั ษณะของรางเดนิ สายไฟฟ้าแสดงดังรปู รปู ท่ี5.20 แสดงลักษณะรางเดินสายไฟฟ้าแบบต่างๆ 5.14 การเดินสายไฟฟา้ ในรางเคเบลิ รางเคเบลิ หรือที่เรียกวา่ เคเบลิ เทรย์ (cable tray) ใช้ติดต้งั ระบบไฟฟ้าในและอาคารซง่ึ นยิ มใช้ในโรงงาน อุตสาหกรรมเนื่องจาก การตดิ ต้ังทาไดร้ วดเรว็ ไม่ย่งุ ยาก และสามารถใชง้ านกบั ระบบไฟฟา้ กาลงั ระบบแสงสว่าง ระบบส่ือสาร วดั คุม การติดตั้งหรือเปลีย่ นแปลงขนาดสายเคเบิลทาได้สะดวก รางเคเบลิ แบ่งออกเปน็ 3 แบบ คือ 1. แบบรางมีชอ่ งระบายอากาศ 2. แบบบนั ได หรือทเ่ี รยี กว่า Ladder 3. แบบดา้ นลา่ งทบึ ปัจจบุ ันนยิ มใชเ้ ฉพาะแบบรางมีช่องระบายอากาศและแบบบันไดโครงสรา้ งรางเคเบิลผลติ จากโลหะ เคลอื บผิวดว้ ย การชุบกลั ป์วาไนซ์ (hot dip galvanize) หรือการเคลอื บผวิ แบบอ่ืนเช่น Epoxy, Polyester, thermoplastic หรือสงั กะสี ขนาดความกว้าง มาตรฐาน 200, 300, 400, 500, 600 และ 800 มลิ ลิเมตร ความ ยาวมาตรฐานทอ่ นละ 3 เมตร รางแบบมีชอ่ งระบายอากาศ แบบบนั ได แบบด้านล่างทบึ รปู ที่ 5.21 รางเคเบิลแบบต่าง ๆ
Search
Read the Text Version
- 1 - 20
Pages: