Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เรียงร้อยถ้อยคำ

เรียงร้อยถ้อยคำ

Published by titiya.pan, 2020-08-28 04:17:23

Description: The sort of sentence

Search

Read the Text Version

การร้อยเรยี ง ประโยค

การแสดงความคิดเพอ่ื ส่ือสารกันน้ัน บางโอกาส ผสู้ ่งสารใช้ประโยคท่ผี กู ข้ึนให้รัดกมุ และถกู ตอ้ งตามระเบียบ ของภาษาเพียงประโยคเดยี วกส็ อ่ื ความหมายได้ชัดเจน เชน่ คาขวัญที่ว่า“ตวั ตายดกี วา่ ชาติตาย”หลักการร้อยเรยี งประโยค และวิธวี ิเคราะหก์ ารรอ้ ยเรยี งประโยคนกั เรยี นตอ้ งมีความรู้ เก่ียวกบั สว่ นประกอบของประโยค ลาดับคาในประโยค ความยาวของประโยคและเจตนาของผูส้ ่งสารในประโยค

สว่ นประกอบของประโยค • ประโยคมีส่วนประกอบสาคญั ๒ ส่วนคอื ภาคประธานและ ภาคแสดง เชน่ ผหู้ ญงิ ชอบน้าหอม ภาคประธาน ภาคแสดง ผหู้ ญงิ ชอบน้ำหอม

โดยปกติ ภาคประธานเป็นส่วนทผี่ ูส้ ง่ สารมักกลา่ วถงึ กอ่ น ส่วน ภาคแสดงนนั้ เปน็ สว่ นที่บอกวา่ สิ่งทก่ี ล่าวถงึ น้นั ทาอะไร อยูใ่ นสภาพใด หรือเปน็ อะไร ผูพ้ ูดอาจเพม่ิ รายละเอียดเขา้ ไปในประโยคโดยเพิ่มคาบาง คา เช่น - ผหู้ ญงิ คนนั้นชอบนา้ หอมราคาแพง หรอื อาจเพิ่มประโยคเข้าไปทงั้ ประโยคทาให้มคี วามซับซอ้ นยิ่งข้ึน เชน่ - ผู้หญิงทอี่ ยู่ในหอ้ งสีขาวชอบนา้ หอมทีม่ รี าคาแพงจาก ต่างประเทศ

ประโยคท่เี พ่ิมข้ึนอาจสมั พันธ์กบั ประโยคเดมิ โดยมคี าเชื่อม และ ถ้า แต่ หรือ จึง ฯลฯ เชน่ - ผู้หญิงชอบนา้ หอมสว่ นผู้ชายชอบโคโลญจน์ ประโยคบางคู่ ประธานและ/หรือ กรรมหรอื กรยิ า หรือสว่ นขยาย ต่างกนั เช่น ตัวอย่างท่ี ๑. ก. เขาฟงั เพลงอยา่ งตง้ั ใจ ข. เขาฟังเพลงด้วยความตง้ั ใจ ตวั อย่างที่ ๑ ประโยค ก และ ข ตา่ งกันทีส่ ่วนขยาย

๒. ก. หลกั เกณฑ์การให้คะแนนมมี าก ข. การให้คะแนนมหี ลกั เกณฑ์มาก ตวั อย่างท่ี ๒ ประธานของประโยค ก กบั ประโยค ข ต่างกนั และ ประโยค ก ไมม่ ีกรรม ประโยค ข มกี รรม ๓. ก. แม่ชมเชยเขามาก ข. เขาไดร้ ับการชมเชยจากแมม่ าก ตัวอยา่ งที่ ๓ ประธาน กรยิ า กรรม ของประโยค ก กับประโยค ข ต่างกนั

ประโยคบางคู่ มคี วามซับซ้อนตา่ งกัน เช่น ๑. ก. เขาไมซ่ ้อื ของถกู ข. เขาไม่ซื้อของที่มรี าคาถูก ๒. ก. เรอื่ งน้ีทกุ คนรอู้ ยู่แล้ว ข. เรือ่ งนเี้ ป็นเรอื่ งทที่ กุ คนรอู้ ยู่แลว้ ประโยค ก ในตวั อยา่ งที่ ๑ และสองมคี าจากดั ความหมาย คอื ถูก และ นี้ สว่ นประโยค ข ใน ตัวอยา่ งที่ ๑ และ ๒ มปี ระโยคชว่ ย จากัดความหมายคอื ท่ีมรี าคาถกู และท่ที กุ คนรู้อยูแ่ ล้ว

ลำดับคำในประโยค การเรยี งลาดบั คาในภาษาไทยมคี วามสาคัญมาก เพราะถา้ ลาดบั คาต่างกันความสัมพนั ธข์ องคาในประโยคอาจ ผดิ ไป ทาใหค้ วามหมายของประโยคเปล่ยี นไปได้ เชน่ ฉนั ช่วย เธอ และ เธอชว่ ยฉนั ผู้ทาและผูถ้ กู กระทาจะตา่ งกัน ประโยค บางประโยคทเ่ี ปลยี่ นลาดบั คาแลว้ มคี วามหมายเปล่ยี นไปน้อย มาก เช่น - เขาเป็นญาตกิ บั ตมุ้ และ ตุม้ เปน็ ญาตกิ บั เขา

บางประโยคอาจเปลี่ยนลาดบั คาที่หลากหลายโดยทคี่ วามหมาย ยงั คงเดมิ เช่น - เขาน่าจะไดพ้ บกบั เธอท่บี า้ นคณุ พอ่ คุณอยา่ งชา้ พรงุ่ นี้ - เธอน่าจะไดพ้ บกบั เขาท่บี ้านคุณพอ่ คุณอยา่ งช้าพรุ่งนี้ - พรุ่งน้ีอย่างชา้ เธอน่าจะไดพ้ บกบั เขาทบี่ า้ นคุณพ่อคุณ จะพบว่าทกุ ประโยคสอ่ื ความหมายอยา่ งเดียวกนั ทาให้ทราบว่าผู้ พบกนั คือ เขากับเธอ สถานทีท่ พ่ี บคอื บ้านคุณพอ่ คณุ และเวลาท่ีพบ คือ พรุ่งนเ้ี ป็นอย่างช้า

ควำมยำวของประโยค ประโยคอำจมคี วำมแตกต่ำงกนั ทีค่ วำมสันยำว ประโยค จะยำวออกไปได้เม่ือผู้พูดเพ่ิมรำละเอียดให้มำกขึน รำยละเอยี ด ท่เี พม่ิ ขึนอำจเปน็ รำยละเอยี ดเกยี่ วกับสถำนที่ เวลำทเี่ กดิ เหตุกำรณ์ ตน้ เหตทุ ท่ี ้ำใหเ้ กดิ เหตกุ ำรณ์ ฯลฯ นอกจำกนนั อำจเพ่มิ ควำมยำวของประโยคโดยหำค้ำขยำย ค้ำนำมหรือกริยำในประโยคกไ็ ด้

เจตนำของผสู้ ่งสำร เรำอำจแบง่ ประโยคตำมเจตนำของผสู้ ง่ สำรท่ีแสดงใน ประโยค ๆดเ้ ปน็ ๓ ประเภทคอื ๑.ประโยคแจ้งให้ทราบ คอื ประโยคท่ผี พู้ ูดบอกกลำ่ วหรือ แจง้ เรือ่ งรำวบำงประกำรให้ผู้ฟังทรำบ หรือเรียกอีกอยำ่ งหนึ่งวำ่ ประโยคบอกเล่ำ เชน่ นกั เรียนบำงคนชอบร้องเพลง ถ้ำประโยค แจ้งให้ทรำบ มเี นอื ควำมปฏเิ สธ กจ็ ะมคี ้ำปฏิเสธ เช่น ไม่ มิ หำมไิ ด้ อย่ดู ้วยดังประโยค นักเรียนบำงคนไม่ชอบ ร้องเพลง

๒.ประโยคถามใหต้ อบ คอื ประโยคทีผ่ ู้พูดใช้ถาม เร่ืองราวบางประการเพอื่ ใหผ้ ฟู้ ังตอบส่ิงทผี่ พู้ ดู อยากรู้ หรอื เรียก อกี อย่างว่าประโยคคาถาม ถา้ ประโยคคาถามมเี น้อื ความ ปฏิเสธ กจ็ ะมคี าปฏิเสธอยดู่ ว้ ย เชน่ ใครอยากไปเทย่ี วบ้าง เนื้อความปฏิเสธ ใครไม่อยากไปเท่ยี วบ้าง

๓.ประโยคบอกให้ทา คอื ประโยคท่ีผูพ้ ูดใช้เพื่อใหผ้ ฟู้ งั กระทาอาการบางอยา่ งตามความต้องการของผพู้ ูด เรยี กวา่ ประโยคบอกใหท้ า หรอื เรยี กอกี อยา่ งหนึ่งว่าประโยคคาส่ังหรอื ขอรอ้ ง ประธานของประโยคบอกให้ทาบางทีกไ็ ม่ปรากฏ ประธาน ถา้ ผู้พดู ตอ้ งการเนน้ คากรยิ า และทา้ ยประโยคบอกให้ ทามกั จะมีคาอนภุ าค เช่น ซิ นะ เถอะ

หลกั ทั่วไปในกำรรอ้ ยเรียงประโยค ประโยคที่รอ้ ยเรียงกันอย่นู นั ทังเนอื ควำมและลกั ษณะของ ถ้อยคำ้ ในประโยคจะตอ้ งมีส่วนเก่ียวขอ้ งตอ่ เนื่องกัน เนือควำม ในประโยคคือควำมคดิ ของผนู้ ้ำเสนอ จะตอ้ งมีล้ำดบั และมี ควำมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน หรอื ท่ีเรียกเปน็ ศัพทเ์ ฉพำะทำง วชิ ำกำรวำ่ มเี อกภำพ สว่ นลกั ษณะถอ้ ยคำ้ ทที่ ้ำให้ประโยค เก่ียวขอ้ งตอ่ เนอื่ งกนั อำจเกดิ จำกวธิ ตี ำ่ ง ๆ ไดแ้ ก่ กำรเชอื่ ม กำร แทน กำรละและ กำรซำ้

การเชื่อม กำรเชือ่ มประโยคใหต้ อ่ เนอ่ื งกัน อำจใชค้ ำ้ เชือ่ มหรอื เรยี กว่ำ ค้ำสันธำน หรอื ใช้กล่มุ คำ้ เชอื่ ม หรือทเ่ี รยี กว่ำ สนั ธำน วลี ประกอบด้วย ขอ้ ตำ่ ง ๆ ดงั นี ๑. คำ้ สนั ธำนบำงค้ำและสันธำนวลบี ำงวลแี สดงว่ำ ประโยค หนำ้ และประโยคหลงั มีเนือควำม คล้อยตามกนั เชน่ และ ทงั อนง่ึ อีกประกำรหน่งึ อีกทัง รวมทงั ตัวอยำ่ งเช่น - ฉนั ตดั สินใจเรียนหนงั สือและท้ำงำนไปด้วย

๒. ค้ำสันธำนบำงคำ้ และสนั ธำนวลีบำงวลแี สดงว่ำ ประโยคหน้ำและประโยคหลงั มเี นอื ควำมขดั แย้งกนั เชน่ แต่ แตท่ ว่ำ แม้ แมแ้ ต่ แมว้ ่ำ ตวั อย่ำงเช่น - ตำ้ รวจร้ตู ัวผ้กู ระท้ำผิดแล้ว แต่ยังไม่มีหลักฐำน เพยี งพอ ๓. คำ้ สนั ธำนบำงคำ้ และสนั ธำนวลบี ำงวลีแสดงว่ำ ประโยค หนำ้ และประโยคหลังมีเนอื ควำมให้เลอื กอย่างใดอย่างหน่ึง เชน่ หรือ หรือไม่ก็ ตัวอยำ่ งเช่น - เธอจะอยกู่ บั เขำหรือเธอจะไปกบั ฉนั

๔. ค้ำสนั ธำนบำงค้ำและสันธำนวลีบำงวลแี สดงว่ำประโยค หน้ำและประโยคหลงั มีเนือควำมเป็ นเหตุเป็ นผลกนั เช่น จงึ เลย จน จนกระทั่ง ตวั อย่ำงเชน่ - เขำท้ำงำนอย่ำงหนกั สขุ ภำพจึงทรดุ โทรม ๕. คำ้ สนั ธำนบำงคำ้ และสันธำนวลบี ำงวลีแสดงวำ่ ประโยค หน้ำและประโยคหลังมีเนือควำมเกยี่ วข้องกนั ทางเวลา เช่น แล้ว แล้วจงึ และแลว้ ต่อจำกนนั ตอ่ มำ ตัวอยำ่ งเชน่ - เขำมำงำนเลยี งในตอนเชำ้ ต่อจากนั้นตอนบำ่ ยเขำก็ กลบั บ้ำน

๖.ค้ำสันธำนบำงคำ้ และสนั ธำนวลบี ำงวลีแสดงว่ำประโยค หน้ำและประโยคหลงั มีเนือควำมเกย่ี วข้องกนั ในแง่ที่เป็ น เง่ือนไข เช่น ถ้ำ ถ้ำ...แลว้ แม้วำ่ หำกวำ่ เมอ่ื ...ก็ หำก... ก็ ตวั อย่ำงเช่น - ถ้าเรำมีควำมขยนั อย่ำงแทจ้ รงิ เรำกไ็ มส่ อบตก

การซ้า หำกประโยค ๒ ประโยค มสี ่วนกลำ่ วถึงบคุ คล ส่ิง เหตุกำรณ์ กำรกระท้ำหรือสภำพเดียวกัน ประโยคทังสองมักจะ มคี ้ำหรอื วลีที่หมำยถึงบุคคล สง่ิ เหตุกำรณ์ กำรกระท้ำหรือ สภำพนนั ๆ ปรำกฏ ซ้ำ ๆ กำรซำ้ คำ้ หรือวลจี ึงแสดงควำม เก่ยี วข้องของประโยคได้ เช่น - ฉันวำงกระเป๋ ากบั ร่มไว้บนโต๊ะ ประเดี๋ยวเดียว กระเป๋ าหำยไปแล้วร่มยงั อยู่ ประโยคหน้ำและประโยคหลงั กล่ำวถึงส่ิงเดียวกันคอื กระเป๋ำกบั ร่มจึงมคี ้ำ กระเป๋ำกบั ร่มซ้ำกนั

การละ ในบางกรณเี ม่อื ประโยคหน้าและประโยคหลังมสี ่วน กล่าวถงึ บุคคล สง่ิ เหตุการณ์ การกระทา หรอื สภาพเดยี วกนั อาจไมจ่ าเป็นต้องกลา่ วซ้า เช่น - คนขบั รถกระโดดลงจากรถ ฉวยกระเป๋าได้ รีบเดินเขา้ บา้ น ประโยคหน้าและประโยคตอ่ ๆ ไป กลา่ วถงึ บคุ คลเดยี วกัน คอื คนขบั รถ คานาม คนขับรถ เปน็ ประธานในประโยคหลัง ด้วยแต่ละไว้

การแทน ในกรณที ่ีผูพ้ ดู หรือผเู้ ขยี นไม่ต้องการใชว้ ธิ ซี ้าหรือวธิ ีละเม่ือ กลา่ วถงึ บุคคล สง่ิ เหตกุ ารณ์ การกระทา หรอื สภาพเดยี วกนั ก็ อาจใช้วธิ นี าคาหรอื วลอี ่ืนมาแทน การใชค้ าหรือวลีอืน่ มาแทนจึง แสดงความเกย่ี วเนื่องกนั ของประโยค เช่น - ลูกชายของหญิงชรา จากบ้านไปนาน แลว้ เขา อาจเสยี ชวี ติ ไปแลว้ ก็ได้ ประโยคหนา้ และประโยคหลงั กลา่ วถงึ บคุ คลคนเดียวกัน คือ ลกู ชายของหญงิ ชรา คาสรรพนาม เขา ในประโยคหลัง หมายถึง ลกู ชายของหญงิ ชรา ทีก่ ล่าวถงึ ในประโยคหนา้

คาส่ัง คาช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นทาใบงานเด่ยี ว เร่อื ง การรอ้ ยเรียงประโยค โดยวิเคราะหแ์ ละเลอื กวาง สว่ นประกอบของประโยคให้ถกู ต้องและ เหมาะสมตามหลักการใชภ้ าษาในประโยคและ โจทยท์ ค่ี รกู าหนดให้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook