ความคิดกบั ภาษา ภาษาพฒั นาความคดิ
๑. ความหมาย ๑.๑ การคิด หมายถึง กระบวนการทางานของจิตใจ มนุษย์ ในขณะท่ีกาลงั พยายามคน้ หา คาตอบหรอื หาทางออก เกยี่ วกับเรอ่ื งใด เรื่องหนึ่ง เชน่ การคิดโจทย์เลขการคดิ แกไ้ ข สถานการณ์ การแกป้ รศิ นาอกั ษรไขว้ เป็น ตน้
๑. ความหมาย (ต่อ) ๑.๒ ความคิด หมายถงึ ผลของกระบวนการตดิ ตามนยั แหง่ ความคิด มนษุ ยร์ จู้ ักคิดมาต้งั แต่เดก็ และ พฒั นาความคดิ สลบั ซบั ซ้อนข้นึ ตามวัย บาง เร่ืองคิดไดส้ าเรจ็ บางเรื่องคิดไม่สาเรจ็ ทง้ั นขี้ ้ึนอยกู่ บั กระบวนการคิดและ ปจั จัยตา่ งๆ หลายประการ
๒. วิธคี ิด ๒.๑ คิดวเิ คราะห์ ๒.๒ คดิ สงั เคราะห์ ๒.๓ คดิ ประเมินค่า
๒.๑ คิดวิเคราะห์ การคิดวเิ คราะห์ คอื การพจิ ารณาโดยการคิด แบบแยกแยะ เพ่ือให้เกดิ ความ เข้าใจ
๒.๒ คดิ สงั เคราะห์ การคดิ สังเคราะห์ คือ การรวมสว่ นต่างๆ ให้ ประกอบกันเขา้ ด้วยวิธที เี่ หมาะสม เกดิ เป็นส่ิงใหม่ ทจ่ี ะนาไปใช้ ประโยชนต์ ่อไป
๒.๓ คิดประเมนิ คา่ หรอื การคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ การคิดประเมนิ คา่ คอื การตดั สินคุณคา่ ของสิง่ ต่าง ๆ วา่ ถูกหรือผดิ ควรหรือไม่ ควร เพราะเหตุใด
๓. ประเภทของการคดิ ๓.๑ การคิดฝนั เปน็ การคดิ ที่ทาให้เกดิ ความสุขความเพลดิ เพลนิ คิดตอ่ เนอ่ื งเป็น เรื่องราวอาจเปน็ การค้นหาความจรงิ ทีส่ งสัย อาจเป็นการค้นหาวธิ ีการท่เี หมาะสมเพ่อื สรา้ งสรรค์สง่ิ ใหมๆ่
๓. ประเภทของการคิด ๓.๒ การคิดใคร่ครวญ เปน็ การคิดท่ีมนุษยท์ าอยเู่ ป็นปกตใิ นชีวติ ประจาวัน เป็นการ คดิ ที่มีจดุ มงุ่ หมายแนช่ ัด มีเนือ้ หาอยูใ่ นขอบเขตจากัดพอสมควร การคดิ ประเภทนี้ต้อง อาศัยพืน้ ความรู้ทม่ี ีนามาประยกุ ต์ใหเ้ ขา้ กับสถานการณ์ทีค่ ิดนน้ั
๓. ประเภทของการคิด ๓.๓ การคิดแก้ปัญหา เป็นการคิดท่ีมีจุดมุง่ หมายท่ีเจาะจงมากยิ่งข้ึนและมีข้ันตอนท่ี แน่นอน การแกป้ ัญหาจะเร่ิมต้นจากกาหนด รู้ปัญหา หาสาเหตุ ตงั้ จุดประสงค์ หา เกณฑใ์ นการแก้ พจิ ารณาหาทางเลือก
๓. ประเภทของการคิด ๓.๓ การคิดสรา้ งสรรค์ เปน็ กระบวนการคิดท่ใี หไ้ ด้ส่งิ แปลกใหมแ่ ละนาไปใช้ ประโยชนต์ ่อไปได้ การคดิ สร้างสรรคน์ ีจ้ ะนาความเจรญิ มาสมู่ นษุ ยชาติ
๔. ทศิ ทางการคดิ พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหา ภูมพิ ลอดุลยเดช พระราชทานวนิ ิจฉยั ไวว้ า่ “...การคิดมี 2 ทาง คือ คิดให้ วัฒนะ กับความคิดให้ หายนะ บังเกิดความ เส่อื มเสยี การแสดงออกซ่งึ ความคิดมา เป็นภาษาเพอ่ื สื่อสารกับบุคคลอื่นในสังคมก็ จะก่อใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ สว่ นรวม และ เม่อื กระทาตามความคดิ กจ็ ะกอ่ ใหเ้ กิด ประโยชนส์ ุขร่วมกนั นัน่ กค็ อื จดุ หมายขน้ั สดุ ท้าย อนั เปน็ จดุ หมายสงู สุดของการ พัฒนาความคิด...”
๔. ทศิ ทางการคดิ ทศิ ทางในการคิดตอ้ งเปน็ ไปในทาง ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ กระทาได้หลายวธิ ดี ังน้ี ๔.๑ คดิ ช่วยเหลือกนั ๔.๒ คิดหาทางประนปี ระนอมกนั ๔.๓ คดิ หาวิธใี หบ้ คุ คลหลายฝ่ายรว่ มมือกัน ๔.๔ คิดหาทางป้องกันอนั ตรายไม่ใหเ้ กิดแก่ ตนเองครอบครัวและสงั คม ๔.๕ คิดยกยอ่ งสรรเสรญิ ผกู้ ระทาความดี ๔.๖ คดิ หาวธิ ที ่จี ะดารงชีวิตให้เป็นปกตสิ ุข
การใชภ้ าษากบั ความคดิ เกี่ยวขอ้ งกนั อยา่ งไร ภาษาพฒั นาความคดิ
๑. ความสัมพันธ์ระหวา่ งภาษากับความคดิ ๑.๑ ภาษาเป็นเครื่องมือส่อื ความคดิ มนษุ ย์ติดต่อกันโดยอาศยั ภาษาซ่งึ เป็นระบบ สัญลักษณอ์ าจเปน็ การพดู การเขียน การแสดงท่าทาง และอ่นื ๆ ๑.๒ ภาษาเป็นสิง่ สะทอ้ นความคิดใหป้ รากฏ ไม่ว่ามนษุ ยจ์ ะใช้ภาษาลกั ษณะใดกต็ ามใน ขณะท่ีใชภ้ าษาถา่ ยทอดความตอ้ งการของตนนน้ั จะทาใหผ้ ูร้ บั สารรับรู้วา่ ผู้สง่ สารคิดอะไร อยา่ งไร
๑. ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งภาษากับความคิด ๑.๓ ภาษามอี ิทธิพลต่อความคดิ และความคดิ ก็มอี ทิ ธิพลตอ่ ภาษา แม้วา่ ภาษาจะเป็นเพียง สัญลกั ษณท์ ่ีมนุษย์กาหนดข้ึน แตม่ นษุ ยก์ เ็ ข้าใจว่าภาษาคือสิง่ ทแี่ ทนความคิด นั่นทาให้การใช้ ภาษามีส่วนชว่ ยกาหนดความคดิ ของมนุษยไ์ ดด้ ว้ ย เช่น การตง้ั ช่อื ของคนไทยต้องเลือกช่อื ที่มี ความหมายดเี พอ่ื เป็นสิรมิ งคลแกช่ ีวติ ๑.๔ ภาษาช่วยพัฒนาความคิดและความคิดก็ชว่ ยพัฒนาภาษา สมรรถภาพในการคิดและ สมรรถภาพในการใชภ้ าษาของบุคคลจะมีผลตอ่ เน่ืองกันเปน็ ปฏกิ ริ ยิ าลูกโซ่ ขณะที่มนษุ ยค์ ิด นัน้ จะตอ้ งอาศยั ภาษาเปน็ เครือ่ งมอื ในการคดิ
๒. แนวทางปฏิบตั ิโดยท่วั ไปเพ่ือช่วยสรา้ งเสริมความคดิ ๒.๑ ใฝใ่ จค้นควา้ ในเวลาท่ีคดิ นนั้ ปญั หาหน่ึงทมี่ ักเกิดข้นึ คอื คิดไมอ่ อก ไมร่ จู้ ะคิดวา่ อย่างไร สาเหตหุ นึง่ เป็นเพราะไมม่ คี วามรูใ้ นเร่อื งนนั้ ดีพอ ผู้ที่ตอ้ งการสร้างเสริมความคดิ จะต้อง เป็นผู้ใฝใ่ จศึกษา คน้ ควา้ หาความรู้ เก็บขอ้ มลู ต่างๆ สะสมไวใ้ นสมอง เพอ่ื เช่อื มโยงสงิ่ ต่าง ๆ ได้ ๒.๒ หมนั่ หาประสบการณ์ ประสบการณ์เป็นวัตถุดิบเบือ้ งตน้ ทจี่ ะช่วยทาให้เกิดความคิด การไดส้ มั ผสั กับสภาพความจริง
๒. แนวทางปฏิบัตโิ ดยทัว่ ไปเพ่ือชว่ ยสร้างเสริมความคดิ ๒.๓ เสรมิ สร้างความสามารถทางภาษา การรจู้ ักจดั ลาดบั ความคิดให้เปน็ ระเบียบ เลือก เฟน้ ถอ้ ยคาทีเ่ หมาะสมถ่ายทอดออกมาเป็นภาษาทช่ี ดั เจนเข้าใจงา่ ยกจ็ ะชว่ ยพฒั นาความคิดขึ้นโดย ลาดบั และขณะเดยี วกนั กพ็ ฒั นาความคดิ ของผู้รบั สารดว้ ย ๒.๔ ใช้ปัญญาสร้างภาพ วธิ ีทีจ่ ะช่วยสร้างความคดิ อีกวธิ หี นงึ่ คือ การนึกเหน็ ภาพในใจ กอ่ นภาพนีไ้ มใ่ ชภ่ าพประเภทเพ้อฝันไรส้ าระ แต่เป็นภาพท่ีใช้ขอ้ มูลมาประกอบการสร้างความคิด
การคดิ อยา่ งมเี หตผุ ลและไมม่ เี หตุผลต่างกันอยา่ งไร ภาษาพฒั นาความคิด
๑.รปู แบบของการคิด การคดิ ของมนษุ ย์แบง่ ออกได้กวา้ งๆ เป็น ๒ รูปแบบ คอื ๑.๑ การคิดอย่างมเี หตุผล ต้องอาศัยหลักการหรอื ข้อเทจ็ จรงิ ที่ถูกตอ้ ง สนับสนนุ อยา่ ง เพยี งพอ จงึ ทาให้ผิดพลาดน้อย ๑.๒ การคดิ อย่างไมม่ ีเหตุผล เป็นการคดิ ที่ขาดขอ้ สนบั สนุนทม่ี ีน้าหนกั เพียงพอ จึงมกั ผิดพลาดไมเ่ กดิ ประโยชน์ บคุ คลที่ชอบคิดอยา่ งไม่มเี หตผุ ล เมื่อไดร้ บั ขอ้ เท็จจรงิ บางอย่างมักสรปุ เองงา่ ยๆ วา่ จะตอ้ ง เปน็ เชน่ นั้น เช่นนี้ สว่ นบุคคลทค่ี ิดอย่างมเี หตผุ ล มักจะเปน็ คนที่ไมห่ ลงเชอ่ื อะไรงา่ ยๆ ก่อนทีจ่ ะ ไตร่ตรองให้ถอ่ งแทเ้ สยี ก่อน
๑.๑ การคดิ อยา่ งมเี หตผุ ล การแสดงความคดิ ทมี่ ีเหตุผลจะตอ้ งประกอบด้วยข้อความ ๒ ช่วงด้วยกัน คือ เหตผุ ลและ ข้อสรปุ จะขาดชว่ งหนง่ึ ชว่ งใดไมไ่ ด้ ถ้าขาดช่วงผู้รับสารจะเกดิ ความงนุ งง เพราะรับสารไดไ้ ม่ สมบรู ณ์พอ ในการใช้ภาษาเพ่ือแสดงเหตผุ ล มถี ้อยคาซงึ่ จาเปน็ ตอ้ งนามาใชเ้ สมอ เช่น ๑. การใช้คานาหนา้ ข้อความแสดงเหตุ เชน่ ๑.๑ เพราะ เพราะว่า เพราะฉะนั้น เพราะเหตทุ ี่ เพราะเหตวุ ่า ๑.๒ โดยที่ โดยเหตทุ ่ี ตราบใดที่ ๑.๓ เนื่องด้วย เน่ืองจาก
๑.๑ การคดิ อย่างมเี หตุผล ๒. การใชค้ านาหน้าข้อความแสดงผล เช่น จงึ ฉะนน้ั เพราะฉะน้ัน ฉะน้ัน.....จึง เพราะฉะน้นั .....จึง ๓. การใช้คานาหน้าทงั้ ขอ้ ความแสดงเหตแุ ละข้อความแสดงผล เชน่ .....................เพราะ.......................จงึ ......................... .....................โดยที่........................ฉะนั้น................... .....................เพราะเหตทุ ่ี...............จงึ ........................ .....................ทั้งนี้เพราะว่า.............ฉะน้นั ...................
๒. การใชภ้ าษาอย่างมเี หตผุ ล ๒.๑ โครงสร้างของการแสดงเหตผุ ล ประกอบดว้ ย ตวั เหตผุ ล หรอื เรยี กวา่ ขอ้ สนบั สนุนและ ขอ้ สรุป ๒.๒ ภาษาท่ีใช้ในการแสดงเหตุผล มี ๔ ลกั ษณะดังต่อไปน้ี ๑) ใชส้ นั ธานท่จี าเป็น บางคามักเรียงเหตุผลไว้ก่อนสรปุ โดยใช้สนั ธาน จงึ เพราะ เพราะวา่ เพราะฉะนั้น เพราะ……จงึ หรืออาจเรียงข้อสรปุ ไว้ก่อนเหตผุ ล โดยใช้คาสนั ธาน เพราะ เพราะวา่ ทั้งนเ้ี พราะว่า
๒) ไม่ใช้สันธาน แต่เรียบเรยี งข้อความโดยวางสว่ นท่เี ป็นเหตุผลหรอื สว่ นที่เป็นข้อสรุปไว้ ให้เหมาะสม เชน่ ฉันจะไมย่ อมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ เปน็ อันขาด ฉนั ไดร้ ับการสั่งสอนจากคณุ แม่ ให้สเู้ สมอ ๓) ใช้กลมุ่ คาเรยี งกัน บ่งชวี้ า่ ตอนใดเป็นเหตผุ ล หรอื ข้อสรุป โดยใชค้ าวา่ ข้อสรุป ข้อสรปุ วา่ เหตุผลคอื เหตผุ ลทสี่ าคัญคือ ๔) ใช้เหตุผลหลายขอ้ ประกอบกนั เพ่อื เปน็ การเพ่มิ นา้ หนักให้แก่ขอ้ สรปุ ของตน โดยแยกแยะเหตผุ ลเป็นขอ้ ๆ ไป เพอื่ ช่วยให้เขา้ ใจงา่ ยขึน้
๓. อปุ สรรคของการคดิ การคิดกย็ อ่ มมอี ุปสรรคเช่นเดยี วกับการทางาน อปุ สรรคของการคิดอาจเกิดจาก ๓.๑ อคติ ๓.๒ ความบกพร่องของสขุ ภาพทางกายและจติ ๓.๓ สภาพแวดลอ้ มท่ไี ม่เอื้ออานวย ๓.๔ ขาดทกั ษะทางภาษา ๓.๕ การไมม่ ีความรูแ้ ละประสบการณ์ ๓.๖ ความเร่งรัดของเวลา
กจิ กรรมพฒั นาผู้เรยี น
Search
Read the Text Version
- 1 - 26
Pages: