Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore is1-รายงานโครงงานกลุ่มที่ 1

is1-รายงานโครงงานกลุ่มที่ 1

Published by krodom, 2022-08-08 02:31:18

Description: is1-รายงานโครงงานกลุ่มที่ 1

Search

Read the Text Version

บทท่ี 1 บทนำ 1. ความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หา เปน็ การเกริ่นนำหรืออารมั ภบทแสดงใหเ้ ห็นถงึ ความสำคัญและความจำเป็นที่จะต้องทำศกึ ษา กวา้ ง หรือเหตผุ ลท่ีสมควรตอ้ งมีการ ศกึ ษาปัญหาพิเศษเรอื่ งนี้ โดยพยายามกำหนดปัญหาให้ชัดเจนทง้ั ในด้าน การเกดิ ความรนุ แรง การกระจายตวั ของปัญหา หรอื ดา้ นอ่นื ๆ ใหเ้ ขา้ ถึงขอ้ เทจ็ จรงิ ของปญั หาอยา่ งแท้จริง ด้วยการทบทวนเอกสารท่ีเก่ยี วข้อง ตรวจสอบสถิติ สอบถามความเห็นจากบุคคลท่ีเกยี่ วข้อง และแสวงหา เหตุผลท่นี ่าเป็นไปได้ จากทฤษฎีและสาขาท่เี กี่ยวขอ้ ง โดยเขยี นโน้มน้าว จงู ใจให้ผูอ้ ่านคล้อยตามเหน็ ดว้ ย ว่าทำไมตอ้ งทำศกึ ษาเรือ่ งนี้ เช่น ยังประสบปัญหาอยู่แก้ไขไม่ได้ โดยใชค้ วามคดิ ตัวเองให้มากท่ีสดุ • ย่อหน้าแรก จะตอ้ งอภปิ รายถงึ ความเปน็ มา ปัญหา ข้อดี ขอ้ เสีย หรอื ขอ้ โต้แย้งของการทดลองท่ี ไดท้ ำการก่อนหน้า • ย่อหนา้ ทสี่ อง จะตอ้ งอภปิ รายถึงความสำคญั ขอ้ ดขี องปัญหา รวมถึงแนวทางแกไ้ ขปญั หาในเรื่อง ที่เราสนใจจะดำเนินการทำ ควรมีเอกสารหรอื ท่ีมาของปญั หาทีอ่ ้างองิ เพอ่ื สนบั สนุนหรอื โต้แยง้ สิ่ง ท่ี เราจะทำการทดลองน้ัน • ย่อหนา้ สดุ ท้าย ตอ้ งอภิปรายสรปุ เป้าหมายหรอื เหตผุ ลทจ่ี ะทำ เพ่ือแกป้ ัญหาทงี่ านทเ่ี ราจะทำ และต้องทงิ้ ท้ายด้วยรูปแบบดังน้ี คือ ดังนั้นผ้ศู ึกษาจงึ มุง่ ศึกษา.............................………………………….............................………... .............................................................เพื่อ.........................................................................ต่อไป รูปแบบการเขยี น ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา ปัญหาวิจัยเขยี นจากกวา้ งไปแคบ(ลึก) เขียนเรื่องทัว่ ๆ ไป เขียนเร่อื งเฉพาะ สรุปชใี้ หเ้ หน็ ปญั หา ที่ศึกษาเพอื่ แกป้ ญั หา แคบ

2 กอบแก้ว ตะนะพันธ์ุ. 2557(กันยายน, 26). “หลกั การเขียน ความเปน็ มา และความสำคัญของ ปัญหา | Kobkaew ....” [ออนไลน์]. ท่มี า : http://kobkaewtk.wordpress.com/ 2. วตั ถปุ ระสงค์ หมายถึงแนวทางหรอื ทิศทางในการค้นหาคำตอบ เป็นเรื่องท่ีต้องการทำ - เป็นการกำหนดว่าต้องการศึกษาในประเด็นใดบ้างในเร่อื งทีจ่ ะศึกษาค้นควา้ โดยบ่งบอก สิ่งทจ่ี ะทำ ทั้งขอบเขต และคำตอบท่คี าดวา่ จะได้รับ - เปน็ การนำเอาความคดิ ของประเด็นปญั หามาขยาย รายละเอยี ด โดยใช้ภาษาท่ีชดั เจน เข้าใจง่าย เขยี นเป็นข้อหรือเขียนรวมเป็นข้อเดียวกัน - อยา่ นำประโยชน์ท่ีคาดวา่ จะได้รบั มาเขยี นเพราะประโยชนท์ ่ีคาดว่าจะได้รับเป็นผลที่ คาดวา่ จะเกิดขึน้ หลงั จากส้ินสุดการศึกษาค้นควา้ แนวการเขยี นวตั ถปุ ระสงค์ของการศกึ ษาคน้ คว้า 1.วัตถปุ ระสงคเ์ ขยี นในรูปเปา้ หมายการศึกษาคน้ คว้าไม่ใชว่ ิธีการ 2.วตั ถปุ ระสงค์สอดคลอ้ งกับชื่อเรื่อง 3.วัตถุประสงค์ชัดเจน ไม่กำกวม 4. ให้ใช้คำว่า “เพื่อ” คำที่ใชส้ ำหรับการเขียนวตั ถุประสงค์ เชน่ เพ่ือศกึ ษา เพอื่ สำรวจ เพื่อค้นหา เพือ่ บรรยาย เพ่ืออธบิ าย เพอื่ พัฒนา เพอ่ื เปรยี บเทียบ...กบั ... เพ่ือพิสจู น์ เพื่อแสดงใหเ้ ห็น เพอื่ ศกึ ษาความสมั พนั ธ์ เพ่ือประเมนิ เพอ่ื สังเคราะห์

3 เพ่อื เปรียบเทยี บ....กบั ........ เพอ่ื ศกึ ษาอิทธิพลของ......ทีม่ ีต่อ.. เพื่อศึกษาอทิ ธิพลของ...ท่ีมตี อ่ ... เพอ่ื วเิ คราะหป์ จั จยั ที่มี / ส่งผล/อทิ ธิพล/ผลกระทบ... 3. สมมตุ ฐิ าน (ถา้ ม)ี สมมุติฐานเป็นการคาดคะเนหรอื การทายคำตอบอย่างมเี หตผุ ลทค่ี าดไวล้ ว่ งหนา้ การเขียน สมมุติฐานควรมเี หตุผลที่สำคญั คอื เป็นขอ้ ความทม่ี องเห็นแนวทางในการดำเนินการ 4. ขอบเขตของการศึกษา 4.1 ประชากรทใ่ี ชใ้ นการศึกษา ประชากร หมายถงึ สมาชิกทกุ หน่วยของสิ่งทส่ี นใจศกึ ษา ซึ่งไม่ไดห้ มายถึงคนเพยี งอยา่ ง เดียว ประชากรอาจจะเป็นสง่ิ ของ เวลา สถานที่ ฯลฯ เชน่ ถา้ สนใจความคิดเหน็ ของคนไทยทีม่ ี ตอ่ การเลือกตง้ั ประชากร คือ คนไทยทกุ คน หรือถ้าสนใจอายุการใช้งานของเครื่องคอมพิวเตอร์ ยี่ห้อหนึง่ ประชากรคอื เคร่ืองคอมพิวเตอร์ยห่ี ้อนั้นทุกเคร่อื ง แต่การเก็บขอ้ มลู กับประชากรทุก หนว่ ยอาจทำให้เสยี เวลาและคา่ ใชจ้ ่ายท่สี งู มากและบางคร้ังเป็นเรื่องท่ีต้องตดั สินใจภายในเวลา จำกัด การเลือกศกึ ษาเฉพาะบางสว่ นของประชากรจงึ เป็นเรอ่ื งทม่ี คี วามจำเป็น เรียกวา่ “กลุม่ ตัวอย่าง” ประเภทของประชากร จำแนกเป็น 2 ประเภทใหญๆ่ คอื 1. ประชากรที่มีจำนวนจำกัด เปน็ ประชากรที่สามารถนับจำนวนได้ เช่น จำนวน นักศึกษา จำนวนนักเรียน ฯลฯ 2. ประชากรท่มี ีจำนวนไม่จำกดั เชน่ จำนวนเม็ดทราย ดวงดาวบนท้องฟ้า ฯลฯ รปู แบบการเขยี น ประชากรทใ่ี ชใ้ นการศึกษา

4 ประชากรที่ใชใ้ นการศกึ ษาครงั้ น้ี ไดแ้ ก่ นกั เรยี นช้นั ..........................โรงเรยี น............................... จำนวน ....................ห้องเรียน เป็นนักเรยี นทัง้ ส้ิน.............คน 4.2 กล่มุ ตวั อยา่ งที่ใช้ในการศึกษา กลุ่มตัวอยา่ ง หมายถึง ส่วนหน่งึ ของประชากรที่นำมาศกึ ษาซง่ึ เป็นตัวแทนของ ประชากร การที่กลมุ่ ตวั อย่างจะเป็นตวั แทนที่ดีของประชากรเพอื่ การอ้างองิ ไปยงั ประชากรอยา่ ง นา่ เช่อื ถือได้น้ัน จะต้องมกี ารเลือกตวั อยา่ งและขนาดตวั อยา่ งท่ีเหมาะสม ซ่ึงจะตอ้ งอาศยั สถิติเข้า มาชว่ ยในการสุม่ ตวั อย่างและการกำหนดขนาดของกลมุ่ ตวั อยา่ ง ประเภทของการสุ่มตวั อยา่ ง การสมุ่ ตวั อย่างมหี ลายวธิ ี แตค่ รแู นะนำการสุ่มตัวอย่างสำหรับนกั เรยี น คือ 1. การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย นยิ มใชก้ นั 2 วธิ คี อื 1.1 การจับฉลาก 1.2 การใชต้ ารางเลขสุม่ 1.2.1 การจบั ฉลาก ใช้กับประชากรขนาดเล็ก มีขั้นตอนคือ (1) เขียนบัญชีรายชื่อ โดยรวบรวมทกุ ๆหน่วยของประชากรและให้ หมายเลขกำกับ เชน่ รายช่ือเจ้าหนา้ ท่ที ุกคนในแผนก รายชอื่ นกั เรียน ทุกคนในชนั้ เรียน (2) ทำฉลากหมายเลขเทา่ กบั ประชากรเปา้ หมายท่อี ยใู่ นบัญชีรายชือ่ (3) นำฉลากมาเคล้าปนกันให้ทัว่ (4) จับฉลากข้ึนมาครงั้ ละ 1 ใบใหค้ รบจำนวนตัวอย่างท่ีต้องการ 1.2.2 การใช้ตารางเลขสุ่ม นิยมใชก้ บั ประชากรขนาดใหญ่ท่มี ีบัญชรี ายชือ่ ทกุ หนว่ ยยอ่ ยของประชากรไว้แล้วโดยปกติตารางเลขสุ่มนีส้ ร้างข้ึนจากการสุม่ โดย เครอ่ื งคอมพิวเตอร์ มีขัน้ ตอนดงั น้ี (1) กำหนดขนาดตัวอย่างทีต่ อ้ งการสุ่ม (2) กำหนดจำนวนหลักตวั เลขท่ีต้องการสุ่ม

5 (3) กำหนดทิศทางการอา่ นใหแ้ นใ่ จวา่ จะอา่ นจากขวาไปซา้ ย หรอื บน มาลา่ ง (4) หาเลขเร่ิมตน้ โดยการสมุ่ เช่นสมุ่ ตัวเลขโดยกำหนดในใจวา่ จะเลอื ก ตวั เลขใด (5) เรยี กเลขสุ่มจนครบตามจำนวนตัวอย่างจงึ หยุด 2. การสุ่มตวั อย่างแบบเปน็ ระบบ เป็นการสุม่ ตัวอย่างจากหน่วยย่อยของประชากรที่มี ลักษณะใกลเ้ คยี งกัน มีขนั้ ตอนการส่มุ ดังน้ี 2.1 สุ่มหน่วยเรมิ่ ตน้ 2.2 คำนวณระยะหา่ งของหน่วยตอ่ ไป ระยะหา่ งระหวา่ งหมายเลข (������) = ������ จำนวนประชากรทัง้ หมด (800 คน) = 10 ������ = จำนวนกลุ่มตวั อย่าง (80 คน) 2.3 นบั ระยะหา่ งเทา่ ๆ กัน เช่น 10 , 20 , 30 ... 2.4 กำหนดหมายเลขตวั อย่างดงั นี้ เลขเรม่ิ ต้น10 ตวั อย่างเชน่ มปี ระชากร 800 คน ตอ้ งการตัวอยา่ ง 80 คน 2.5 สุ่มเลขเร่ิมต้นหรือจับสลากก็ไดใ้ น 800 คน สมมุติไดเ้ ลข 5 ดงั นน้ั จึงส่มุ ทุกๆ 10 คน ส่มุ จนได้ครบจำนวนกลุม่ ตัวอย่าง รปู แบบการเขยี น กลุ่มตัวอยา่ งทีใ่ ช้ในการศกึ ษา กล่มุ ตัวอยา่ งทีใ่ ชใ้ นการศึกษาครัง้ นเี้ ป็นนกั เรียน(ท.่ี ..)ระดับช้นั ...................................... โรงเรยี น ....................................... ปีการศกึ ษา 25... จำนวน.............คน (นคร เสรีรักษแ์ ละภรณี ดีราษฎร์วิเศษ , 2555 อ้างถึงใน กอบแกว้ ตะนะพนั ธ์ุ , 2557.) 4.3 เน้อื หาทใ่ี ชใ้ นการศกึ ษา เนือ้ หาทใี่ ช้ในการศกึ ษาเปน็ เน้ือหาที่เลือกจากปัญหาท่ีพบในโรงเรียนหรือเร่ืองที่นกั เรียนสนใจ คือ .......................(ระบเุ ร่ืองท่ีนักเรยี นสนใจ ต้งั ชอ่ื เร่อื ง)......................... 4.4 ระยะเวลา

6 ระยะเวลาทใ่ี ชใ้ นการศึกษาครง้ั น้ี ดำเนินการในปีการศึกษา 25... 5. ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รบั เป็นความสำคญั ของการศึกษาทผ่ี ู้ศึกษาพจิ ารณาวา่ การศึกษาเรือ่ งนั้นทำใหท้ ราบผลการศึกษา เรือ่ งอะไร และผลการศึกษาน้ันมีประโยชน์ตอ่ ใคร อยา่ งไร เช่น การระบปุ ระโยชนท์ ่เี กดิ จากการนำผล การศึกษาไปใช้ ไม่วา่ จะเปน็ การเพม่ิ พูนความรู้ หรอื นำไปเป็นแนวทางในการปฏิบตั ิ หรือแก้ปัญหา หรอื พฒั นาคณุ ภาพ หลักในการเขียนมีดังน้ี 1. ระบปุ ระโยชนท์ ีอ่ าจเกิดจากผลทไี่ ดจ้ ากการศึกษา 2. สอดคลอ้ งกับวตั ถุประสงคแ์ ละอยู่ในขอบเขตของการศกึ ษาทไ่ี ดศ้ ึกษา 3. ในกรณที ีร่ ะบุประโยชนม์ ากกว่า 1 ประการ ควรระบเุ ป็นข้อ 4. เขยี นดว้ ยขอ้ ความส้นั กะทดั รัด ชัดเจน 5. การระบนุ ั้นผู้ศึกษาต้องตระหนักว่ามีความเป็นไปได้ การศกึ ษาค้นคว้าทุกเร่ือง ผู้ศกึ ษาวา่ ผลการศึกษาจะก่อใหเ้ กดิ ประโยชน์อย่างไร ประโยชน์ของ การศึกษามไี ด้หลายลักษณะ เช่น การนำผลการศกึ ษาไปใช้ในการกำหนดนโยบาย ปรบั ปรุงการปฏิบัติงาน ใช้เป็นแนวทางการตัดสินใจ การแก้ปญั หา หรือศึกษาคน้ ควา้ ต่อไป คำทีใ่ ชส้ ำหรับการเขยี นประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เช่น 1. เพื่อเปน็ แนวทางในการพัฒนา.......................................... 2. ได้ทราบถึงสาเหตุ( ทศั นคติ ) ของนกั เรียน.............................ท่มี .ี ......... 3. เป็นแนวทางในการ...........................................( เชน่ ศกึ ษาปญั หาต่างๆ ที่มใี นโรงเรียน) 4. นักเรียนมีความพงึ พอใจตอ่ ...................... 5. ผลการศกึ ษาทพ่ี บ ชว่ ยใหเ้ กิด(องคค์ วามรใู้ หม่ วิธีการใหม่ แนวทางใหม่ การจัดการเรยี นรู้ ใหม่) ใน........ (นิภา ศรไี พโรจน์ , 2556 อ้างถึงใน กอบแกว้ ตะนะพนั ธุ์ , 2557.)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook