ห นั ง สื อ เ ล่ ม เ ล็ ก นี้ เ ป็ น ส่ ว น ห นึ่ ง ข อ ง วิ ช า ศิ ล ป ะ โ ด ย มี จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ เ พื่ อ เ ป็ น ก า ร ศึ ก ษ า เ ส ริ ม ค ว า ม รู้ ค ว า ม เ ข้ า ใ จ เ รื่ อ ง น า ฏ ศิ ล ป์ น า น า ช า ติ ผู้ จั ด ทำ ห วั ง เ ป็ น อ ย่ า ง ยิ่ ง ว่ า ห นั ง สื อ เ ล่ ม เ ล็ ก เ ล่ ม นี้ จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้อ่านได้อย่างมาก หากมีข้อ ผิดพลาดประการใดทางผู้จัดทำขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้ ว ย ผู้ จั ด ทำ กรรณิกา ศรีวิชา
1 นาฏศิลป์จีนเกิดจากระบำทรงเจ้าในพิธีทางศาสนาหรือเรียกว่า \"รามาอู๋อู\" นับเป็นศิลปะที่เก่าแก่มากที่สุด จุดประสงค์ในการ แสดง เพื่อบำบัดภัยอันตรายจากธรรมชาติ บำบัดความเจ็บไข้ และความทุกข์ทั้งปวง ในสมัยราชวงศ์โจวศิลปะทางนาฏศิลป์ของจีนมีหลากหลาย เช่น ละครใบ้ ละครตลก การขับกล่อม การเล่านิทานประกอบ ดนตรี เพลงพื้นบ้าน นาฏศิลป์มีทั้งที่เป็นของชาวบ้าน และในราช สำนัก แต่เจริญสูงสุดในราชวงศ์ถัง โดยจักรพรรณ \"มิ่งฮวง\" ทรงเชี่ยวชาญนาฏศิลป์ และการดนตรีเป็นอย่างยิ่ง ทรงจัดตั้ง วิทยาลัยการละครในพระราชอุทยานสวนสน นครเชียงอาน ทรง อุปถัมภ์ค้ำจุนนาฏศิลป์ทุกแขนง ชาวนาฏศิลป์จีนยกย่องท่าเป็น บิดาแห่งการละคร และบูชาพระพุทธรูปก่อนการแสดงทุกครั้งเพื่อ ความเป็น สิริมงคล การแสดงนาฏศิลป์จีนโบราณจะไม่มีฉากใช้วิธีสมมุติ ผู้แสดงต้องรับการฝึกเป็นระยะเวลานาน เพราะต้องฝึกร้องเพลง เต้นระบำ ฝึกกายกรรม ผู้แสดงต้องมีพรสวรรค์ มีความสามารถรอบด้าน ความจำดีเป็นเยี่ยม ต้องจำบทเจรจาได้ เพราะการแสดงนาฏศิลป์จีนจะไม่มีการบอกบท อุปรากรจีน(งิ้ว)ที่เป็นแบบมาตรฐาน และนับเป็นศิลปะประจำ ชาติ คือ อุปรากรปักกิ่ง ซึ่งการแสดงจะเน้นศิลปะด้านดนตรี การขับร้อง นาฏลีลา การแสดงอารมณ์ ศิลปะการต่อสู้ กายกรรม ผู้แสดงจะต้องมีพรสวรรค์ น้ำเสียงมีคุณภาพ นอกจากนี้ยังต้องมีความอดทนสูงอีกด้วย องค์ประกอบของ อุปรากรจีนจะประกอบด้วยสิ่งต่างๆ ดังนี้
2 1.ประเภท และบทบาทตัวละคร ตัวละครชายกับหญิงแบ่งออก เป็น \"บู๊และบุ๋น\" โดยประเภทที่แสดงบู๊จะต้องแสดงกายกรรม ส่วนประเภทที่แสดงบุ๋นจะเน้นที่การขับร้อง และการแสดงอารมณ์ แต่ถ้าแสดงบทบาทที่คาบเกี่ยวกัน จะเรียกตัวละครนั้นว่า \"บู๊บุ๋น\" 2.เทคนิคการแสดง แสดงตามทฤษฎีการเคลื่อนไหวทุกส่วนของ ร่างกาย มีจังหวะสง่างาม การเคลื่อนไหวของมือ เท้า การเดิน การเคลื่อนไหวของหนวดเครา ชายเสื้อ ขนนกที่ประดับอยู่บน ศีรษะจะคล้ายกับละครใบ้ ใช้สัญลักษณ์แทนความหมาย เช่น การยกทัพใช้คนถือธงเพียงคนเดียว เป็นต้น 3.เครื่องแต่งกาย แต่งตามชุดประจำชาติ มีชุดจักรพรรดิ ชุด ขุนนาง เครื่องทรงเสื้อเกราะ มงกุฎจักรพรรดิ หมวกขุนนาง นักรบ รองเท้าเป็นรองเท้าผ้าพื้นเรียบ ผู้แสดงแต่งหน้าเองตาม บทบาทที่แสดง 4.ดนตรี และการขับร้อง เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการแสดง อุปรากรจีน ซึ่งเครื่องดนตรีประเภทบุ๋นประกอบด้วยเครื่องดีด เครื่องสี ที่สำคัญ ได้แก่ ซอ ปักกิ่ง กีตาร์ทรงกลมคล้าย พระจันทร์ แบนโจสามสาย ขลุ่ย ปี่ ออร์แกน แตรจีน ส่วน เครื่องดนตรีประเภทบู๊ ประกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทบู๊ ประกอบด้วยเครื่องดนตรี และเครื่องกระทบ ได้แก่ กรับ กลอง หนัง กลองเตี้ย กลองใหญ่ ฆ้องใหญ่ ฆ้องเล็ก ฆ้องชุด และ ฉาบ 5.เวที ฉาก และอุปกรณ์ที่ใช้ในการแสดง สมัยโบราณเวทีมัก สร้างด้วยอิฐ หิน เรียกว่า \"สวนน้ำชา\" หรือ \"โรงน้ำชา\" เวที ชั่วคราวสร้างด้วยไม้รูปสี่เหลี่ยม มีหลังคา ยึดด้วยเสา 4 ตัว พื้นเวทีปูด้วยเสื่อหรือพรม อุปกรณ์โต๊ะ 1 ตัว เก้าอี้ 2 ตัว ไม่มี ม่านด้านหน้า อาวุธ เช่น ดาบ หอก ธนู หลาว ทวน กระบอง
3 ระบำหน้ากากเกาหลี ที่เรียกว่า“ทัลชุม”เป็นการแสดงที่ สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งยัง ส า ม า ร ถ ห า ช ม กั น ไ ด้ ใ น ง า น เ ท ศ ก า ล ห รื อ ก า ร แ ส ด ง ใ น แต่ละเมือง ในสมัยก่อนการระบำหน้ากากเกาหลีนั้น เป็นการแสดงของชนชั้นล่าง ที่มีการคับข้องใจจากการ ถูกกดขี่จากชนชั้นที่สูงกว่า เนื้อหาที่ใช้แสดงจึงจะเกี่ยว กับการเสียดสีสังคม การเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่าง ชนชั้น และเรื่องราวในวังต่างๆ ซึ่งขณะแสดงผู้แสดงจะ สวมหน้ากากเพื่อปกปิดตัวตน และว่ากันว่าเสมือนได้ ป ล ด ป ล่ อ ย ค ว า ม อึ ด อั ด ใ จ ภ า ย ใ ต้ ห น้ า ก า ก อี ก ด้ ว ย นั ก แ ส ด ง แ ล ะ นั ก แ ส ด ง แ ป้ ง ส ว ม ห น้ า ก า ก มั ก ส ว ม ชุ ด ผ้ า ไหมสีสันสดใส \"ฮันบก\" หรือ \"เสื้อผ้าเกาหลี\" ชุดฮันบก ข้ า ง ต้ น มี ต้ น แ บ บ ม า จ า ก ช่ ว ง ป ล า ย ร า ช ว ง ศ์ โ ช ซ อ น ซึ่ ง มี ม า ตั้งแต่ปี 1392 ถึง 1910 แม้ในปัจจุบันคนเกาหลีทั่วไปจะ ส ว ม เ สื้ อ ผ้ า ป ร ะ เ ภ ท นี้ ใ น โ อ ก า ส พิ เ ศ ษ เ ช่ น ง า น แ ต่ ง ง า น วั น เกิดปีแรกทางจันทรคติ และเทศกาลเก็บเกี่ยว(\"ชูซ็อก\") แ ข น เ สื้ อ สี ข า ว ที่ พ ลิ้ ว ไ ห ว อ ย่ า ง น่ า ทึ่ ง ช่ ว ย ใ ห้ ก า ร เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ข อ ง นั ก แ ส ด ง มี ค ว า ม ชั ด เ จ น ม า ก ขึ้ น ซึ่ ง มี ป ร ะ โ ย ช น์ ม า ก เ มื่ อ สวมหน้ากากกรามคงที่ รูปแบบของแขนเสื้อนี้มีให้เห็นใน เ ค รื่ อ ง แ ต่ ง ก า ย สำ ห รั บ ก า ร เ ต้ น รำ แ บ บ ท า ง ก า ร ห รื อ แ บ บ ศาลอื่น ๆ ในเกาหลีเช่นกัน เนื่องจากแป้งถือเป็นรูปแบบ การแสดงพื้นบ้านที่ไม่เป็นทางการแขนยาว แต่เดิมอาจ เ ป็ น ร า ย ล ะ เ อี ย ด ที่ เ สี ย ด สี
4 H A E G U M ส อ ง ส ต ริ ง เ ค รื่ อ ง ด น ต รี โ ค้ ง เ ป็ น ที่ นิ ย ม ใ ช้ ม า ก ที่ สุ ด ใ น ก า ร ถ่ า ย ท อ ด เ พ ล ง แ ล ะ รุ่ น ที่ เ ป็ น จุ ด เ ด่ น ใ น ก า ร เคลื่อนไหวล่าสุด \"คูโบะและสองสาย.\" CHOTTAEที่ ขวางไม้ไผ่ขลุ่ยและ PIRI,ดับเบิลกกเครื่องดนตรีคล้าย กับปี่ยังเป็นที่นิยมใช้เพื่อให้ท่วงทำนองกวาด ในส่วนของ เ ค รื่ อ ง เ ค า ะ ว ง ด น ต รี อ อ เ ค ส ต ร้ า ทั ล คั ม จำ น ว น ม า ก มี ก ง กวารีฆ้องเล็ก จังกุกลองรูปนาฬิกาทราย และ ปุกซึ่ง เ ป็ น ก ล อ ง รู ป ช า ม ตื้ น
5 ป ร ะ วั ติ ข อ ง ล ะ ค ร ญี่ ปุ่ น เ ริ่ ม ต้ น ป ร ะ ม า ณ ศ ต ว ร ร ษ ที่ 7 แ บ บ แ ผ น ก า ร แ ส ด ง ต่ า ง ๆ ที่ ป ร า ก ฏ อ ยู่ ใ น ค รั้ ง ยั ง มี เ ห ลื อ อ ยู่ และปรากฏชัดเจนแสดงสมัยปัจจุบันนี้ ได้แก่ ละครโนะ ละครคาบูกิ ปูงักกุ ละครหุ่นบุนระกุ การกำเนิดของ ละครญี่ปุ่น กล่าวกันว่ามีกำเนิดมาจากพื้นเมืองเป็นปฐม กล่าวคือวิวัฒนาการมาจากการแสดง ระบำบูชาเทพเจ้า แ ห่ ง ภู เ ข า ไ ฟ แ ล ะ ต่ อ ม า ญี่ ปุ่ น ไ ด้ รั บ แ บ บ แ ผ น ก า ร แ ส ด ง ม า จากประเทศจีนโดยได้รับผ่านประเทศ เกาหลีช่วงหนึ่ง ละครโนะ เ ป็ น ล ะ ค ร แ บ บ โ บ ร า ณ มี ก ฎ เ ก ณ ฑ์ แ ล ะ ร ะ เ บี ย บ แ บ บ แ ผ น ในการแสดงมากมาย ในปัจจุบันถือเป็นศิลปะชั้น สูง ป ร ะ จำ ช า ติ ข อ ง ญี่ ปุ่ น ที่ ไ ด้ รั บ ก า ร อ นุ รั ก ษ์ เ อ า ไ ว้ ล ะ ค ร โ น ะ เ กิ ด ขึ้ น ม า ช้ า น า น แ ล้ ว แ ต่ เ ริ่ ม ม า เ ฟื่ อ ง ฟู ใ น ค รึ่ ง ห ลั ง ข อ ง ศ ต ว ร ร ษ ที่ 1 4 โ ด ย มี คั น อ า มิ กั บ เ ซ อ า มิ ส อ ง พ่ อ ลู ก เ ป็ น ผู้ ว า ง ร า ก ฐ า น ข อ ง ก า ร แ ส ด ง ล ะ ค ร โ น ะ อั น เ ป็ น แ บ บ ฉ บั บ ม า จ น ถึ ง ปัจจุบันนี้ ในปี พ.ศ.2473 วงการละครโนะของญี่ปุ่นได้มี การเคลื่อนไหวที่จะทำให้ละครประเภทนี้ทันสมัยขึ้น โดย จุดประสงค์เพื่อประยุกต์การเขียนบทละครใหม่ๆ ที่มีเนื้อ เ รื่ อ ง เ ป็ น ปั จ จุ บั น แ ล ะ ใ ช้ ภ า ษ า ส มั ย ใ ห ม่ ร ว ม ทั้ ง ใ ห้ ผู้ แ ส ด ง สวมเสื้อผ้าแบบสมัยนิยมด้วย นอกจากนี้ยังมีสิ่งใหม่ๆที่ นำมาเพิ่มเติมด้วยเช่น ให้มีการร้องอุปรากร การเล่น ด น ต รี ร า ช สำ นั ก ง ะ งั ก กุ แ ล ะ ก า ร ใ ช้ เ ค รื่ อ ง ด น ต รี ป ร ะ เ ภ ท เครื่องสาย ซึ่งละครแบบประยุกต์ใหม่นี้เรียกว่า \" ชิ น ช า กุ โ น \"
6 1)การแสดง ตัวละครใช้ ลีลา ท่าทางในการแสดงทุก อิริยาบทมีความหมายทั้งหมด เช่น พัดที่ตัวละครถือ ก ร ะ ดิ ก นิ ด เ ดี ย ว จ ะ แ ส ด ง ใ ห้ เ ห็ น อ า ร ม ณ์ ข อ ง ตั ว ล ะ ค ร การแสดงเชื่องช้า ยืดยาด ท่ารำช้าๆ การจัดแสดง ละครโนะมี 5 ประเภท คือ ประเภทตลก มี พระอาทิตย์เป็นตัวเอก ประเภทที่มีตัวปิศาจ มีแม่ทัพที่ ตายไปแล้วเป็นตัวเอก ประเภทหญิงสูงศักดิ์ มีสตรีที่อยู่ ในราชสำนัก ตระกูลสูงเป็นตัวเอก ประเภทปาฏิหาริย์ แ ล ะ ป ร ะ เ ภ ท ส อ น ศี ล ธ ร ร ม ส ถ า น ที่ แ ส ด ง จ ะ แสดงใต้ร่มไม้ ต่อมาเมื่อมีการสร้างเวที ฝาด้านหลัง เวทีที่หันหน้าเข้าหาคนดูจะเขียนรูปต้นสน ด้านซ้ายจะมี สะพานเดินขึ้นเวที มีกิ่งสนสามกิ่งยื่นออกมาแตะสะพาน เพื่อคงเอกลักษณ์ที่เคยแสดงใต้ต้นไม้ ละครโนะได้รับ อิทธิพลมาจากละครใบ้ ผู้แสดงจะต้องสวมหน้ากาก อ า ร ม ณ์ ข อ ง ผู้ แ ส ด ง ต้ อ ง สั ม พั น ธ์ กั บ ห น้ า ก า ก 2) ดนตรีประกอบการแสดง ได้แก่ กลอง ขลุ่ย มีผู้ ขับร้องหมู่ มีบทพากย์เป็นภาษาร้อยกรอง 3) เครื่องแต่งกาย จะแต่งหรูหรา สีสวยสด สัมพันธ์ กับหน้ากาก ตัวละครที่สำคัญๆ ทุกตัวต้องสวมหน้ากาก ซึ่งสร้างด้วยความประณีต หน้ากากบางหน้าเก็บรักษา ไ ว้ ตั้ ง แ ต่ ส มั ย โ บ ร า ณ
7 ป ร ะ วั ติ ค ว า ม เ ป็ น ม า ข อ ง น า ฏ ศิ ล ป์ อิ น เ ดี ย ต า ม คั ม ภี ร์ นาฏยศาสตร์ พระภารตะมุนีเป็นผู้รับพระราชทาน นาฏลีลาจากพระพรหม และพระศิวะ ชาวฮินดูจึง ยกย่องพระศิวะเป็น “นาฏราชา” หมายถึง พระ ร า ช า แ ห่ ง ก า ร ฟ้ อ น รำ ยุคที่อินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อินเดีย ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทางด้านนาฏศิลป์ การ ละคร วัฒนธรรม ตะวันตกได้เข้ามาผสมผสาน ทำ ใ ห้ น า ฏ ศิ ล ป์ ที่ เ ป็ น แ บ บ ฉ บั บ ใ น ร า ช สำ นั ก ก ล า ย เ ป็ น สิ่งไร้ค่า ขาดการดูแลรักษา จนเกือบจะสูญ ต่อมา เมื่ออินเดียเป็นเอกราช จึงฟื้นฟูนาฏศิลป์ประจำชาติ ขึ้นมาใหม่ อันได้แก่ ภารตะนาฏยัม กถักกฬิ และ ม ณี ปุ รี ภ า ร ต ะ น า ฏ ยั ม เป็นนาฏศิลป์ที่เก่าแก่ที่สุดในอินเดีย มีส่วนสำคัญใน พิธีของศาสนาฮินดูสมัยโบราณ โดยสตรีฮินดูจะถวายตัว รับใช้ศาสนาเป็น “เทวทาสี” ร่ายรำขับร้อง บูชาเทพใน เทวาลัย ซึ่งจะเริ่มฝึกตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ศึกษาพระเวท วรรณกรรม ดนตรี การขับร้องของเทวทาสีเปรียบประดุจ นางอัปสรที่ทำหน้าที่ร่ายรำบนสวรรค์ ท่ารำมีทั้งหมด 108 ท่า
8 การแสดง ผู้แสดงต้องได้รับการฝึกฝนอย่างมี แบบแผน ด้วยระยะเวลายาวนานจนมีฝีมือยอดเยี่ยม ส า ม า ร ถ เ ค รื่ อ ง ไ ห ว ร่ า ง ก า ย ไ ด้ ส อ ด ค ล้ อ ง กั บ จั ง ห ว ะ ด น ต รี เนื้อหาสาระของการแสดง สะท้อนสัจธรรมที่ปลูกฝังยึด มั่นในคำสอนของศาสนา แสดงได้ทุกสถานที่ ไม่เน้นเวที ฉาก เพราะความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของภารตะ นาฏยัม คือลีลาการเต้น และการร่ายรำ ดนตรี ที่ใช้ประกอบการแสดง ในวงดนตรีจะมีผู้ขับ ร้อง 2 คน คนหนึ่งจะตีฉิ่ง คอยให้จังหวะแก่ผู้เต้น อีก คนจะเป็นผู้ขับร้องและตีกลอง ส่วนเครื่องดีด และ เครื่องเป่า เช่น ขลุ่ย เป็นเพียงส่วนประกอบให้เกิดความ ไ พ เ ร า ะ เ ท่ า นั้ น เครื่องแต่งกาย ในสมัยโบราณ ไม่สวมเสื้อ สวมแต่ ผ้านุ่งยาวแค่เข่า ใส่เครื่องประดับ สร้อยคอ ต่างหู กำไล ข้อมือ ข้อเท้า ต้นแขน ปละเครื่องประดับที่ศีรษะ ปัจจุบันสวมเสื้อ ยึดหลักการแต่งกายสตรีที่เป็นชุดประจำ ช า ติ ข อ ง อิ น เ ดี ย
9 นาฏศิลป์บาหลี การร่ายรำเพื่อบวงสรวงและบูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นส่วนใหญ่ มีการแสดงละครเป็นเรื่องราว ลักษณะการแสดงมีชีวิตชีวา จุดเด่นคือ การยักย้าย สะโพก การใช้ดวงตา เครื่องดนตรีจะคล้ายคลึงกับ ดนตรีชวา เช่น มหาภารตะ รามายนะ และละครพื้บ้าน การแต่งกาย ผู้หญิง นุ่งผ้าถุงพันตัว ตัวเอกจะพัน ผ้าถุงชายยาว จากพื้นปัดไปด้านหลัง มีเครื่องประดับ ศีรษะลวดลายทอง หรือกระบังหน้า ถ้าเป็นการแสดง พื้ น บ้ า น ก็ จ ะ เ ก ล้ า ผ ม ม ว ย ต่ำ ป ร ะ ดั บ ด้ ว ย ด อ ก ลั่ น ท ม
10 ะบำบารอง (BARONG & RANGDA) เ ป็ น ก า ร แ ส ด ง ที่ รู้ จั ก กั น ดี ใ น ห มู่ นั ก ท่ อ ง เ ที่ ย ว เ พ ร า ะ มี ก า ร จั ด ใ ห้ ช ม เป็นประจำ เรื่องราวจะเกี่ยวกับการต่อสู้กันระหว่างฝ่าย ดีและปีศาจบารอง ตัวแทนฝ่ายดีเป็นคนครึ่งสัตว์ ส่วนรังดาเป็นพ่อมดหมอผีฝ่ายอธรรม มีผู้แสดง ประกอบเป็นสมุนของทั้งสองฝ่ายอีกหลายตัว ซึ่งจะ ต่ อ สู้ กั น จ น ฝ่ า ย ธ ร ร ม ะ ไ ด้ รั บ ชั ย ช น ะ ใ น ที่ สุ ด
HTTPS://WWW.TRIPDEEDEE.COM/TRAVELDATA/BALI/ BALI03.PHP HTTPS://STRIKERNZERO.BLOGSPOT.COM/2017/12/BL OG-POST_27.HTML HTTPS://WWW.BAREO-ISYSS.COM/2019/ART- CULTURE HTTP://119.46.166.126/SELF_ALL/SELFACCESS7/M1/20 6/LESSON3/PAGE09.PHP HTTPS://STRIKERNZERO.BLOGSPOT.COM/2017/12/BL OG-POST.HTML
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: