Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระพุทธศาสนากับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

พระพุทธศาสนากับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

Published by pim, 2019-10-24 05:54:38

Description: พระพุทธศาสนากับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

Search

Read the Text Version

\"เศรษฐกจิ พอเพียง\" หมายถึง เศรษฐกจิ ที่พ่งึ ตนเองได้ เนน้ การผลิตและการบรโิ ภคแบบพออย่พู อกนิ เปน็ หลกั ซ่งึ ไมไ่ ด้เนน้ กาไร สุทธิหรือความรา่ รวยเปน็ เป้าหมายสงู สดุ เป็นระบบเศรษฐกิจที่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ ัวรชั กาลปจั จบุ ันของเราทรงดาริขึ้นมา เพื่อแสวงหาทางออกจากวกิ ฤตเศรษฐกิจใหก้ บั สังคมไทย ปรัชญา ของเศรษฐกจิ พอเพยี งกค็ อื \" การทพี่ ึ่งตนเองได\"้

เศรษฐกจิ พอเพยี ง เนน้ ให้คนในชุมชนพฒั นาขดี ความสามารถในการ ผลิตและบริโภคอยา่ งพอเพยี ง ไปจนถึงการแปรรปู อุตสาหกรรมครวั เรือน สรา้ ง อาชพี และเสรมิ ทกั ษะทางวิชาการท่หี ลากหลาย ใชช้ มุ ชนดารงอย่ไู ด้ดว้ ยการยึด หลกั แหง่ ความถูกต้องดงี าม มีความเออ้ื เฟ้ือเผือ่ แผ่ และช่วยเหลอื ซ่ึงกันและกนั เป็นตน้

วัตถุประสงคห์ รอื เปา้ หมายหลักของเศรษฐกจิ พอเพยี งก็คอื ความ สงบสุขของผู้คนในสงั คม ประชาชนมีกินมีใชอ้ ยา่ งเพยี งพอแก่ความต้องการ ทีส่ าคัญต้องไมท่ าตนและผอู้ ่นื เดอื นร้อน ซึ่งสอดคลอ้ งกบั หลักธรรมคาสอน ทางพระพทุ ธศาสนาหลายประการ ดงั น้ี

1. หลกั ธรรมการพึ่งพาตนเอง ( อตตฺ า หิ อตฺต โน นาโถ) 2. หลกั ธรรมความรูจ้ ักพอประมาณ (อตตฺ ญฺญุตา) 3. หลักธรรมเร่อื งราวความสนั โดษ ( สนตฺ ฏุ ฐฺ ิ ปรม ธน) 4. หลักธรรมความเป็นผู้รจู้ ักใช้เหตุผลในการดาเนินชีวิต (ธมมฺ ญฺญุตา อตถฺ ญญฺ ุตา) 5. หลกั ธรรมเรอ่ื งทางสายกลาง หรือ ความพอดี (มชฺฌิมปฏปิ ทา) 6. หลกั ธรรมเรอ่ื งความไมโ่ ลภมาก (อโลภ)

เน้นให้คนในชมุ ชนพฒั นาขีด มีความเอือ้ เฟื อ้ เผ่ือแผ่ และ ความสามารถในการผลติ ช่วยเหลอื ซง่ึ กนั และกนั และบริโภคอยา่ งพอเพยี ง เศรษฐกิจพอเพยี ง เน้นให้คนในชมุ ชนพฒั นาขีด สร้างอาชีพและเสริมทกั ษะ ความสามารถไปจนถงึ ขนั้ ทางวิชาการท่ีหลากหลาย ใช้ การแปรรูปอตุ สาหกรรม ชมุ ชนดารงอยไู่ ด้ด้วยการยดึ ครัวเรือน หลกั แหง่ ความถกู ต้องดีงาม

คาสอนในพระพุทธศาสนาที่เกย่ี วกับเศรษฐกจิ พอเพยี งนี้ มจี ุด สนใจเบอื้ งแรกคอื จะทาอยา่ งไรใหค้ นทุกคนมปี ัจจยั สี่พอเพียง ตามสภาพทเ่ี ป็นอยโู่ ดยไม่ตกเปน็ ทาสของวตั ถุ ซง่ึ เป็นความ ตอ้ งการขั้นพน้ื ฐานของมนุษย์

เศรษฐกจิ พอเพยี ง ปรชั ญาชถ้ี งึ แนวทางการดารงชวี ติ

กระแสหลกั กระแสรอง/ทางเลอื ก เศรษฐกจิ ทุนนิยม เศรษฐกจิ สังคมนิยม (Capitalism economy) (Socialism economy) โลกาภิวตั น์ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เศรษฐกจิ การค้า (Sufficiency เศรษฐกจิ พง่ึ ตนเอง (Trade economy) economy) (Self-sufficiency economy) - ไม่มขี อบเขตประเทศ ท้งั บนโลกในอวกาศ - พง่ึ ตนเอง 100 % - (ใช้ space ในอวกาศเป็ นสินทรัพย์ ปิ ดประเทศ

แนวพระราชดาร ิ • “...คนอืน่ จะว่าอย่างไรกช็ ่างเขา จะว่าเมอื งไทย ล้าสมยั ว่าเมอื งไทยเชย ว่าเมอื งไทยไมม่ ีสิง่ ที่ สมยั ใหม่ แต่เราอย่พู อมีพอกิน และขอให้ทุกคน มีความปรารถนาทีจ่ ะให้เมืองไทย พออย่พู อกิน มีความสงบ และทางานตงั้ จิตอธิษฐานตงั้ ปณิธาน ในทางน้ีทีจ่ ะให้เมอื งไทยอย่แู บบพออยู่ พอกิน ไมใ่ ช่ว่าจะร่งุ เรืองอย่างยอด แต่ว่ามี ความพออย่พู อกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกบั ประเทศอืน่ ๆ ถ้าเรารกั ษาความพออย่พู อกินน้ี ได้ เรากจ็ ะยอดยิง่ ยวดได้...” พระราชดารสั พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั เนื่องในวโรกาสวนั เฉลมิ พระชนมพรรษา ณ ศาลาดสุ ดิ าลยั สวนจติ ลดา พระราชวงั ดสุ ติ วนั พุธที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๑๗

• “...ภาวะทางเศรษฐกิจและสงั คมไทยในหลายประเทศ เปลีย่ นแปลงไป กล่าวคือ การท่มุ เทสรา้ งเครือ่ งจกั รกลอนั ก้าวหน้า และมีประสิทธิภาพสงู ข้ึนใช้ในการผลิต ทาให้ผล ผลิตทางอตุ สาหกรรมเพิม่ ข้ึนรวดเรว็ และมากมาย จนอาจถึง ขนั้ ฟ่ มุ เฟื อย พรอ้ มกนั นัน้ กท็ าให้คนว่างงานลงเพราะถกู เครอื่ งจกั รกลแย่งไปทา เป็นเหตใุ ห้เกิดความย่งุ ยากตกตา่ ทางเศรษฐกิจข้ึน เพราะคนทีว่ ่างงานยากจนลงและผผู้ ลิตก็ ขาดทนุ เพราะสินค้าขายไมอ่ อกจงึ น่าจะต้องดดั แปลงแนวคิด แนวปฏิบตั ิในการส่งเสริมความเจริญด้านอตุ สาหกรรมไป บา้ งให้สมดลุ กบั ด้านอืน่ ๆ เพือ่ ความอย่รู อด...” • พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานแกผ่ ูส้ าเรจ็ การศกึ ษา จากสถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ เมอื่ วนั ที่ ๑๘ ตลุ าคม ๒๕๑๘

• “...การจะเป็ นเสือนน้ั ไม่สาคญั สาคญั อย่ทู เ่ี รามเี ศรษฐกจิ แบบพอมีพอกนิ แบบพอมีพอกนิ น้ัน หมายความว่าอ้มุ ชูตัวเองได้ ให้มีพอเพยี งกบั ตัวเอง... • ...ความพอเพยี งน้ีไม่ได้หมายความว่าทกุ ครอบครัวจะต้องผลติ อาหารของ ตัว จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมนั เกนิ ไป แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอาเภอ จะต้องมีความพอเพยี งพอสมควรบางสิ่งบางอย่างทผ่ี ลติ ได้ มากกว่าความ ต้องการกข็ ายได้ แต่ขายในทไ่ี ม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก อย่างน้ีท่านนักเศรษฐกจิ ต่างกม็ าบอกว่าล้าสมยั จริงอาจจะล้าสมยั คนอ่ืนเขา ต้องมีเศรษฐกจิ ทต่ี ้องมีการแลกเปล่ียน เรียกว่า เศรษฐกจิ การค้า ไม่ใช่ เศรษฐกจิ พอเพยี ง เลยรู้สึกว่าไม่หรูหรา แต่เมืองไทยเป็ นประเทศทม่ี บี ญุ อยู่ ว่าผลติ ให้พอเพยี งได้... • ...ถ้าสามารถทจี่ ะเปล่ยี นไป ทาให้กลบั เป็ นเศรษฐกจิ แบบพอเพยี ง ไม่ต้อง ทงั้ หมด แม้แค่คร่ึงกไ็ ม่ต้อง อาจจะสักเศษหนึ่งส่วนสี่ กจ็ ะสามารถอย่ไู ด้ การแก้ไขอาจจะต้องใช้เวลา ไม่ใช่ง่ายๆ โดยมากคน กใ็ จร้อน เพราะ เดอื ดร้อน แต่ว่าถ้าทาตงั้ แต่เดย๋ี วน้ีกส็ ามารถทจี่ ะแก้ไขได้...” • พระราชดารัส พระราชดารัสพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานเนื่องในวโรกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั สวนจิตลดา พระราชวงั ดุสิต เมื่อวนั ท่ี ๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๐

• “...คาว่าพอเพียงมีความหมายอีกอย่างหนึง่ มีความหมายกว้างออกไปอีกไมไ่ ด้หมายถึง การมีพอสาหรบั ใช้เองเท่านัน้ แต่มี ความหมายว่าพอมีพอกิน พอมีพอกินน้ีก็ แปลว่าเศรษฐกิจพอเพียงนัน่ เอง...” • “...พอเพียงน้ีกห็ มายความว่า มีกินมีอยู่ ไม่ ฟ่ มุ เฟื อย ไมห่ รหู รากไ็ ด้ แต่ว่าพอ แม้ บางอย่างอาจจะดฟู ่ มุ เฟื อย แต่ถา้ ทาให้มี ความสขุ ถ้าทาได้กส็ มควรทีจ่ ะทา สมควรที่ จะปฏิบตั ิ...” • “...Self-sufficient นัน้ หมายความว่า ผลิต อะไรทีม่ ีพอทีจ่ ะใช้ ไมต่ ้องไปขอซ้ือคนอืน่ อย่ไู ด้ด้วยตนเอง...”

• “...เศรษฐกจิ พอเพยี งนั้นเขาตีความว่าเป็ นเศรษฐกจิ ชุมชน หมายความ ว่า ให้พอเพยี งในหมู่บ้าน หรือในท้องถน่ิ ให้สามารถทจ่ี ะมีพอกนิ เร่ิม ด้วย พอมี พอกนิ พอมีพอกนิ นี้ได้พูดมาหลาย ๑๐ กว่าปี มาแล้วให้ พอมีพอกนิ แต่ว่าพอมีพอกนิ นี้ เป็ นเพยี งเริ่มต้นของเศรษฐกจิ เมือ่ ปี ที่ แล้วบอกว่าถ้าพอมีพอกนิ คอื พอมพี อกนิ ของตัวเองนั้น ไม่ใช่เศรษฐกจิ พอเพยี ง เป็ นเศรษฐกจิ สมยั หิน สมัยหินน้ันเป็ นเศรษฐกจิ พอเพยี ง เหมอื นกนั แต่ว่าค่อยๆ พฒั นาขนึ้ มา...” • พระราชดารัส พระราชดารัสพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานเนื่องในวโรกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั สวนจิตลดา พระราชวงั ดุสิต เมื่อวนั ที่ ๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๒ • “...เศรษฐกจิ พอเพยี งทไี่ ด้ยา้ แล้วยา้ อกี แปลเป็ นภาอังกฤษว่า Sufficiency Economy ภาษาไทยก็ ต่อว่า ว่าไม่มี Sufficiency Economy แต่ว่าเป็ นคา ใหม่ของเรากไ็ ด้ กห็ มายความว่า ประหยดั แต่ไม่ใช่ขเี้ หนียว ทาอะไร ด้วยความอะล่มุ อล่วยกนั ทาอะไรด้วยเหตุและผล จะเป็ นเศรษฐกจิ พอเพยี งแล้วทกุ คนจะมคี วามสุขแต่พอเพยี ง เศรษฐกจิ พอเพยี งนี้ เป็ นส่ิง ปฏิบตั ิยากทสี่ ุด...” • พระราชดารัส พระราชดารัสพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั พระราชทานเนื่องในวโรกาสวนั เฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลยั สวนจิตลดา พระราชวงั ดุสิต เมื่อวนั ที่ ๔ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๔๓

• \"... ฉันพดู เศรษฐกิจพอเพียง ความหมายคือ ทาอะไรให้เหมาะสมกบั ฐานะของตวั เอง คือ ทาจากรายได้ 200 – 300 บาท ข้ึนไป เป็น 2 หมนื่ 3 หมนื่ บาท คนชอบเอาคาพดู ของฉัน เศรษฐกิจพอเพียงไปพดู กนั เลอะเทอะ เศรษฐกิจพอเพียง คือ ทาเป็น Self – Sufficiency มนั ไมใ่ ช่ความหมายไมใ่ ช่แบบที่ ฉันคิด ทีฉ่ ันคิด คือ เป็ น Self – Sufficiency of Economy เช่น ถา้ เขาต้องการดู TV ก็ ควรให้เขามีดู ไมใ่ ช่ไปจากดั เขาไม่ให้ซ้ือ TV ดู เขาต้องการดเู พือ่ สนุกสนานในหมบู่ า้ นไกล ๆ ทีฉ่ ันไป เขามี TV เขาฟ่ มุ เฟื อย เปรียบเสมอื นคนไมม่ ีสตางคไ์ ปตดั Suit และ ่ิ

• แนวพระราชดาริ เรอื่ ง เศรษฐกจิ พอเพยี งที่ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ไดพ้ ระราชทานไว ้ นั้นกระชบั และชดั เจนยงิ่ นอกจากนี้ ดร.สเุ มธ ตนั ตเิ วชกลุ อดตี เลขาธกิ ารคณะกรรมการพเิ ศษ เพอื่ ประสานงานโครงการอนั เนื่องมาจาก พระราชดาริ (กปร.) ไดส้ รปุ ความหมายของ เศรษฐกจิ พอเพยี งตามแนวพระราชดาริ ดงั นี้ • “เศรษฐกิจพอเพียงทีส่ ามารถอ้มุ ชตู วั เอง ได้ให้มีความพอเพียงกบั ตวั เอง (Self – Sufficiency) อย่ไู ด้โดยไมเ่ ดือดร้อน ซึง่ ต้องสร้างพ้ืนฐานทางด้านเศรษฐกิจของ ตนเองให้ดีเสียก่อน คือให้ตนเองสามารถ อย่ไู ด้อย่างพอกินพอใช้ มิได้มงุ่ หวงั ทีจ่ ะ สร้างความเจริญ ยกเศรษฐกิจให้เจริญ

คานิยามเศรษฐกจิ พอเพยี ง • “ความพอเพยี ง หมายถงึ ความพอประมาณ ความมี เหตผุ ล รวมถงึ ความจาเป็ นทจี่ ะตอ้ งมรี ะบบภมู คิ มุ ้ กนั ในตวั ทดี่ ี พอสมควรตอ่ การมผี ลกระทบใด ๆ อนั เกดิ จากการ เปลยี่ นแปลงทงั้ ภายนอกและภายใน”

ความหมายของปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง - กรอบแนวคดิ : แนวทางทค่ี วรจะเป็ น มองโลกเชิงพลวตั ร มุ่งเน้นความยงั่ ยืน - คุณลกั ษณะ : ใช้ได้ทุกระดบั มแี นวคดิ ทางสายกลาง ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งประกอบด้วย “๓ องค์ประกอบ ๒ เงื่อนไข” - ๓ องค์ประกอบ : ความพอประมาณ ความมีเหตุมผี ล และการมีระบบภูมิคุ้มกนั ทด่ี ใี นตวั - ๒ เง่ือนไขกากบั : ความรู้ (รอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั ) และคุณธรรม ( จิตใจ / ปฏิบัติ )

ความหมายของเศรษฐกจิ พอเพยี ง • เศรษฐกจิ พอเพยี ง หมายถงึ เศรษฐกจิ ที่ สามารถอมุ้ ชตู วั เองได ้ ใหม้ คี วามพอเพยี ง กบั ตวั เอง (Self – Sufficiency) อย่ไู ด ้ โดยไม่ตอ้ งเดอื ดรอ้ น โดยตอ้ งสรา้ งพนื้ ฐาน ทางเศรษฐกจิ ของตนเองใหด้ เี สยี กอ่ น คอื ตง้ั ตวั ใหม้ คี วามพอกนิ พอใช ้ ไม่ใชม่ ่งุ หวงั แต่ จะทมุ่ เทสรา้ งความเจรญิ ยกเศรษฐกจิ ให ้ รวดเรว็ แตเ่ พยี งอย่างเดยี ว เพราะผูท้ มี่ ี อาชพี และฐานะเพยี งพอทจี่ ะพงึ่ ตนเองย่อม สามารถสรา้ งความเจรญิ กา้ วหนา้ และฐานะ ทางเศรษฐกจิ ทสี่ งู ขนึ้ ไปตามลาดบั ตอ่ ไปได ้

หลกั การพงึ่ พาตนเอง • 1. ดา้ นจติ ใจ ทาตนใหเ้ ป็ นทพี่ งึ่ ของตนเอง มจี ติ ใจทเี่ ขม้ แข็ง มจี ติ สานึกทดี่ ี ดงั กระแสพระราชดารสั เกยี่ วกบั การพฒั นาคนความวา่ “...บคุ คลต้องมีรากฐานทางจิตใจทีด่ ี คือ ความหนักแน่นมนั่ คงในสจุ ริตธรรมและ ความมงุ่ มนั่ ทีจ่ ะปฏิบตั ิหน้าทีใ่ ห้จน สาเรจ็ ทงั้ ต้องมีกศุ โลบายหรือวิธีการอนั แยบยลในการปฏิบตั ิงานประกอบพรอ้ ม ด้วยจงึ จะสมั ฤทธิผลทีแ่ น่นอน และ

• 2. ด้านสังคม แต่ละชุมชนตอ้ งช่วยเหลือเก้ือกลู กนั เชื่อมโยงกนั เป็นเครือข่ายชุมชนที่ แขง็ แรงเป็นอิสระดงั กระแสพระราช ดารัส ความวา่ “...เพอ่ื ให้งานรุดหน้าไปพร้อม เพรียงกนั ไม่ลดหลนั่ จงึ ขอให้ทุก คนพยายามทจ่ี ะทางานในหน้าที่ อย่างเต็มที่ และให้มีการ ประชาสัมพนั ธ์กนั ให้ดี เพอ่ื ให้งาน ทง้ั หมดเป็ นงานทเี่ กอื้ หนุน สนับสนุนกนั ...”

• 3. ดา้ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละ สงิ่ แวดลอ้ ม ใหใ้ ชแ้ ละจดั การอยา่ งชาญฉลาดพรอ้ มทง้ั การเพมิ่ มลู คา่ โดยใหย้ ดึ หลกั การของความ ยง่ั ยนื และเกดิ ประโยชนส์ งู สดุ ดงั กระแส พระราชดารสั ความวา่ “...ถา้ รกั ษาสิง่ แวดล้อมให้เหมาะสม นึกว่าอย่ไู ด้อีกหลายรอ้ ยปี ถงึ เวลา นัน้ ลกู หลานของเราอาจหาวิธี แก้ปัญหาต่อไป เป็นเรือ่ งของเขา ไมใ่ ช่เรือ่ งของเรา แต่เรากท็ าได้ ได้

• 4. ด้านเทคโนโลยี จากสภาพแวดลอ้ มที่เปล่ียนแปลงรวดเร็ว เทคโนโลยที ี่เขา้ มาใหม่มีท้งั ดีและไม่ดี จึงตอ้ งแยกแยะ บนพ้ืนฐานของภูมิปัญญาชาวบา้ นและเลือกใชเ้ ฉพาะท่ีสอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของ สภาพแวดลอ้ ม ภูมิประเทศ สงั คมไทย ดงั กระแสพระราชดารัส ความวา่ “...การเสริมสร้างส่ิงทช่ี าวบ้านชาวชนบทขาดแคลนและต้องการ คอื ความรู้ในด้านเกษตรกรรม โดยใช้เทคโนโลยสี มัยใหม่เป็ นส่ิงเหมาะสม...” “...การใช้เทคโนโลยอี ย่างใหญ่โตเต็มรูปหรือเต็มขนาดในงานอาชีพหลกั ของประเทศย่อมจะมี ปัญหา...”

• 5. ดา้ นเศรษฐกจิ แตเ่ ดมิ นักพฒั นามกั ม่งุ ทกี่ ารเพมิ่ รายได ้ และไม่มกี ารมุ่งทจี่ ะลดรายจา่ ย ในเวลาเชน่ นีจ้ ะตอ้ งปรบั ทศิ ทางใหม่ ดงั กระแสพระราชดารสั ความวา่ “...การทีต่ ้องการให้ทกุ คนพยายามทีจ่ ะหาความรแู้ ละสรา้ ง ตนเองให้มนั่ คงน้ี เพือ่ ตนเอง เพือ่ ทีจ่ ะให้ตนเองมีความ เป็นอย่ทู ีก่ ้าวหน้าทีม่ ีความสขุ พอมีพอกินเป็นขนั้ หนึง่ และขนั้ ต่อไปกค็ ือให้มีเกียรติว่ายืนได้ด้วยตนเอง...” “...หากพวกเรารว่ มมอื ร่วมใจกนั ทาสกั เศษหนึง่ ส่วนสี่ ประเทศชาติของเรากส็ ามารถรอดพ้นจากวิกฤติได้...”

เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั เกษตรกร • แนวคดิ ระบบเศรษฐกจิ แบบพอเพยี งสาหรบั เกษตรกร ตามแนวพระราชดาริ ตง้ั อย่บู นพนื้ ฐานทฤษฎใี หม่ 3 ขน้ั คอื ขนั้ ทหี่ นึ่ง มคี วามพอเพยี งเลยี้ งตวั เองไดบ้ นพนื้ ฐาน ของความประหยดั ขจดั การใชจ้ า่ ย ขนั้ ทสี่ อง รวมพลงั กนั ในรปู กลมุ่ เพอื่ ทาการผลติ การตลาด การจดั การรวมทง้ั ดา้ นสวสั ดกิ าร การศกึ ษา การพฒั นาสงั คม ขนั้ ทสี่ าม สรา้ งเครอื ขา่ ยกลมุ่ อาชพี และขยาย กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ใหห้ ลากหลาย โดยประสานความ รว่ มมอื กบั ภาคธรุ กจิ ภาคองคก์ รพฒั นาเอกชนและภาค ราชการในดา้ นเงนิ ทนุ การตลาด การผลติ การจดั การ

แนวคดิ ของระบบเศรษฐกจิ แบบพออยู่พอกนิ กบั การแก้ไข วกิ ฤตทิ างเศรษฐกจิ และปัญหาทางสังคมของไทย • ประการแรก เป็นระบบเศรษฐกิจท่ียดึ ถือหลกั การท่ีวา่ “ตนเป็ นทพ่ี ง่ึ แห่งตน” ประการทสี่ อง เศรษฐกิจแบบพอเพียงใหค้ วามสาคญั กบั การรวมกลุ่มของชาวบ้าน ประการทส่ี าม เศรษฐกิจแบบพอเพียงต้งั อยบู่ นพ้ืนฐานของความเมตตา ความเอื้ออาทร และ ความสามคั คขี องสมาชิกในชุมชน

เศรษฐกจิ พอเพยี งสาหรบั ผูท้ อี่ ยู่ นอกภาคการเกษตร • การพฒั นาตามหลกั เศรษฐกจิ พอเพยี ง ตอ้ งตงั้ อย่บู น พนื้ ฐานของทางสายกลาง และความไม่ประมาท โดย คานึงถงึ หลกั การ 3 อย่าง คอื 1. ความพอประมาณ 2. ความมเี หตผุ ล 3. การสรา้ งภมู คิ มุ้ กนั ทดี่ ใี นตวั โดยมคี วามรู ้ ความรอบคอบ และคณุ ธรรมเป็ นเงอื่ นไขสาคญั ในทาง ปฏบิ ตั ิ • โดยความพอประมาณ หมายถงึ การตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั ระดบั ของความพอเพยี ง ตอ้ งเป็ นไปอย่างมเี หตผุ ล โดยพจิ ารณาจากเหตุ ปัจจยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง ตลอดจน คานึงถงึ ผลทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ จากการกระทาน้ันๆ อยา่ งรอบคอบ

สรุปปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ทางสายกลาง พอประมาณ มเี หตผุ ล มภี มู คิ มุ้ กนั ใน ตวั ทด่ี ี เงอื่ นไขความรู้ นา เงอื่ นไขคณุ ธรรม (รอบรู้ รอบคอบ สู่ (ซอ่ื สตั ย์ สจุ รติ ขยนั ระมดั ระวงั ) อดทน แบง่ ปนั ) ชวี ติ / เศรษฐกจิ / สงั คม สมดลุ / มน่ั คง / ยง่ั ยนื

• “ความพอประมาณ” = ความพอดที ไี่ ม่น้อย เกนิ ไป และไม่มากเกนิ ไป โดยไมเ่ บยี ดเบยี น ตนเองและผูอ้ นื่ ( ทง้ั ทางดา้ นเศรฐกจิ ทรพั ยากรธรรมชาติ และ ดา้ นเทคโนโลยี )

“ความมเี หตผุ ล” = การตดั สนิ ใจเกยี่ วกบั ความ พอเพยี งนน้ั จะตอ้ งเป็ นไป อย่างมเี หตผุ ล โดยพฒั นา จากเหตปุ ัจจยั ทเี่ กยี่ วขอ้ ง ตลอดจนคานึงถงึ ผลทคี่ าด วา่ จะเกดิ ขนึ้ จากการ กระทานน้ั ๆ อยา่ งรอบคอบ

“การมภี ูมคิ มุ้ กนั ทดี่ ใี นตวั ” = การเตรยี มตวั ใหพ้ รอ้ มรบั ผลกระทบและความเสยี่ งจากการ เปลยี่ นแปลงตา่ งๆ ทคี่ าดวา่ จะเกดิ ขนึ้ ใน อนาคตทงั้ ใกลแ้ ละไกล

เงื่อนไข ความรู้ ประกอบด้วย ความ รอบรู้ เกยี่ วกบั วชิ าการต่างๆทเ่ี กยี่ วข้องอย่างรอบด้าน ความ รอบคอบที่ จะนาความรู้เหล่าน้ันมาพจิ ารณาให้เช่ือมโยงกนั เพื่อ ประกอบการวางแผนและความระมัดระวงั ในข้นั ปฏบิ ัติ

• เงื่อนไข คุณธรรม ทจี่ ะต้องเสริมสร้าง ประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มคี วาม ซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพยี ร ใช้ สติปัญญาในการดาเนินชีวติ

การปฏบิ ตั ติ นตามแนวทาง เศรษฐกจิ แบบพอเพยี ง • 1. ยดึ ความประหยดั ดงั กระแสพระราชดารัส ความตอนหน่ึงวา่ “...ความเป็ นอย่ทู ต่ี ้องไม่ฟุ้งเฟ้อต้องประหยดั ไปในทางท่ีถูกต้อง...” 2. ยดึ ถือการประกอบอาชีพดว้ ยความถูกตอ้ งสุจริต ดงั กระแสพระราชดารัส ความตอน หน่ึงวา่ “...ความเจริญของคนท้งั หลายย่อมเกดิ มาจากการประพฤติชอบและการหาเลีย้ งชีพชอบ เป็ นหลักสาคญั ...” 3. ละเลิกการแก่งแยง่ ผลประโยชน์และแข่งขนั กนั ดงั กระแสพระราชดารัส ความตอน หน่ึงวา่ “...ความสุขความเจริญอันแท้จริงนั้น หมายถงึ ความสุขความเจริญทบี่ ุคคลแสวงหาได้ ด้วยความเป็ นธรรม ทั้งในเจตนาและการกระทาไม่ใช่ ได้มาด้วยความบังเอิญ หรือด้วย การแก่งแย่งเบียดบังมาจากผ้อู ื่น...”

• 4. ไม่หยดุ น่ิงที่จะหาทางใหช้ ีวติ หลุดพน้ จากความทุกขย์ าก ดงั กระแสพระราชดารัส ความ ตอนหน่ึงวา่ “...การทตี่ ้องการให้ทุกคนพยายามทจ่ี ะหาความรู้และสร้างตนเองให้มน่ั คงน้ี เพอ่ื ตนเอง เพอ่ื ท่จี ะให้ตนเองมคี วามเป็ นอย่ทู กี่ ้าวหน้า ที่มคี วามสุข พอมพี อกนิ เป็ นข้นั หนึ่ง และขั้น ต่อไปกค็ อื ให้มเี กยี รติว่า ยนื ได้ด้วยตัวเอง...” 5. ปฏิบตั ิตนในแนวทางที่ดี ลดละสิ่งท่ีชวั่ ใหห้ มดสิ้นไป ดงั กระแสพระราชดารัส ความ ตอนหน่ึงวา่ “...พยายามไม่ก่อความช่ัวให้เป็ นเคร่ืองทาลายตัว ทาลายผ้อู ่ืน พยายามลด พยายามละ ความชั่วทีต่ ัวเองมอี ยู่ พยายามก่อความดใี ห้แก่ตัวอย่เู สมอ พยายามรักษาและเพม่ิ พูน ความดที ่ีมีอย่นู ั้น ให้งอกงามสมบรู ณ์ขน้ึ ...”


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook