Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กลางภาค

กลางภาค

Published by pim, 2022-01-19 01:05:39

Description: กลางภาค

Search

Read the Text Version

โรงเรยี นดำรงรำษฎรส์ งเครำะห์ อำเภอเมอื ง จังหวดั เชียงรำย ขอ้ สอบกลำงภำค ภำคเรียนที่ 2 ปีกำรศกึ ษำ 2564 ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษำปีที่ 5 (5.2-5.12) รำยวิชำ ส32102 สงั คมศึกษำ 4 เวลำ 30 นำที คะแนนเตม็ 10 คะแนน ครพู มิ พ์ คำ้ กำยำน ครูกันยำรัตน์ กุลดี คำชแ้ี จง ขอ้ สอบปรนัยแบบเลอื กตอบ จำนวน 30 ข้อ 10 คะแนน 1. นักเรยี นตอ้ งทำข้อสอบทกุ ขอ้ 2. หำ้ มนำข้อสอบออกมำนอกห้องสอบ 3. ใหน้ กั เรยี นเลอื กคำตอบท่ีถูกต้องทสี่ ุดเพยี งคำตอบเดยี ว แลว้ ระบำยให้เข้มเต็มวงกลมด้วยดนิ สอ 2B มำตรฐำน ส 5.1 เขำ้ ใจลักษณะทำงกำยภำพของโลกและควำมสมั พันธ์ของสรรพส่งิ ซ่ึงมีผลตอ่ กัน ใช้แผนท่ีและเคร่ืองมือทำง ภูมศิ ำสตร์ในกำรค้นหำ วิเครำะหแ์ ละสรุปข้อมูลตำมกระบวนกำรทำงภูมิศำสตร์ ตลอดจนใชภ้ ูมิสำรสนเทศอย่ำงมี ประสทิ ธิภำพ ตัวชวี้ ดั ม.5/1 วเิ ครำะห์กำรเปลย่ี นแปลงทำงกำยภำพในประเทศไทยและภูมิภำคตำ่ งๆ ของโลก ซง่ึ ได้รบั อิทธพิ ลจำกปัจจยั ทำง ภูมศิ ำสตร์ ม.5/3 ใชแ้ ผนทแี่ ละเครอ่ื งมือทำงภูมศิ ำสตรใ์ นกำรคน้ หำ วิเครำะห์ และสรุปข้อมูลตำมกระบวนกำรทำงภมู ิศำสตร์ และนำภูมิสำรสนเทศมำใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ติ ประจำวนั มำตรฐำน ส 5.2 เข้ำใจปฏิสัมพนั ธร์ ะหว่ำงมนุษยก์ ับสงิ่ แวดล้อมทำงกำยภำพท่ีก่อใหเ้ กิดกำรสร้ำงสรรค์วิถีชวี ติ มีจิตสำนกึ และมี ส่วนรว่ มในกำรจดั กำรทรัพยำกรและสิง่ แวดล้อมเพ่ือกำรพัฒนำท่ียั่งยืน ตวั ช้ีวัด ม.5/1 วิเครำะห์ปฏสิ ัมพนั ธ์ระหวำ่ งสง่ิ แวดล้อมทำงกำยภำพกับกจิ กรรมของมนุษย์ในกำรสร้ำงสรรคว์ ถิ กี ำรดำเนนิ ชีวติ ของทอ้ งถ่นิ ทัง้ ในประเทศไทยและภูมิภำคตำ่ งๆ ของโลกและเหน็ ควำมสำคัญของสิง่ แวดลอ้ มท่มี ีผลต่อกำรดำเนินชวี ิตของมนุษย์ 1.ควำมผดิ พลำดจำกกำรแปลรูปถ่ำยทำงอำกำศและรปู ถ่ำยทำงดำวเทียมสำมำรถแก้ไขปัญหำไดถ้ ูกต้องทสี่ ดุ ดว้ ยวิธกี ำรใด 1. พจิ ำรณำสีและควำมเข้มจำกกำรสะท้อนของรังสีชว่ งคล่นื ต่ำงๆ 2. สังเกตขนำด รปู รำ่ ง รูปแบบ เงำ ควำมสงู และผิวสมั ผสั 3. ใช้ควำมรู้ทำงสหศำสตรช์ ่วยวิเครำะห์และแปรสภำพ 4. เลอื กใช้รูปถ่ำยท่ีต่อเนอ่ื งบนแถวเดยี วกนั ทป่ี รำศจำกเมฆ 5. ออกภำคสนำมสำรวจตรวจสอบตำมพน้ื ทจ่ี รงิ 2.ถ้ำวดั มุมแอซมุทไดเ้ ทำ่ กบั 100 องศำ จะคิดเป็นมมุ แบร่ิงไดเ้ ท่ำไหร่ 1. N 20 องศำ E 2. N 70 องศำ W 3. S 20 องศำ E 4. S 80 องศำ W 5. S 80 องศำ E

-2- 3.ขอ้ ใดไมใ่ ช่ปจั จัยทำงภูมศิ ำสตรท์ สี่ ่งผลตอ่ กำรออกแบบอำคำรและบำ้ นเรอื นไทยภำคกลำงในอดตี 1. ปลกู บ้ำนใต้ถนุ สงู อยู่รมิ ฝงั่ แม่นำ้ ของชุมชนริมน้ำ 2. สรำ้ งบ้ำนหลำยหลังอยูใ่ กล้กันและทำชำนบ้ำนเชื่อมต่อกนั 3. ออกแบบหลังคำอำคำรและบ้ำนทรงสูงทีม่ ีควำมลำดชันมำก 4. นิยมสรำ้ งบ้ำนและโบสถ์ใหห้ ันหน้ำไปทำงทิศตะวนั ออกทิศตะวนั ตก 5. สรำ้ งชำยคำให้ยดื ยำวมชี ่องลมและหน้ำต่ำงรอบอำคำรและบ้ำน 4.ข้อใดไมส่ มั พนั ธ์กบั กำรไหลเวียนของนำ้ ทะเลต่อกำรเกดิ กระแสนำ้ ในมหำสมทุ ร 1. ลมประจำฤดูและลมประจำถิ่นกระทำต่อผิวนำ้ 2. ควำมหนำแนน่ และอุณหภมู ขิ องนำ้ ท่ีแตกตำ่ งกัน 3. ควำมแตกตำ่ งของระดบั น้ำในมหำสมทุ รแต่ละแหง่ 4. กำรเพิ่มควำมรนุ แรงของอุทกภัยของน้ำในแม่น้ำลำคลองท่ัวทัง้ โลก 5. กำรเกดิ แผ่นดนิ ไหวและภูเขำไฟระเบิดใต้ท้องมหำสมทุ รหรือทะเลเปดิ 5.กำรเดินทำงท่องเท่ยี วทวีปเอเชียในฤดูฝนของทุกปี เพ่อื หลีกเลย่ี งกำรประสบวำตภัยและอุทกภัยรนุ แรงและเกดิ ขน้ึ เสมอ ควร งดไปบริเวณใด 1. พน้ื ทบี่ ริเวณตะวันตกเฉยี งเหนอื ของทะเลจีนใต้ 2. บรเิ วณรอบอำ่ วเบงกอลและทะเลอนั ดำมนั 3. บรเิ วณหมู่เกำะอินเดียตะวนั ออกและแปซิฟกิ ใต้ 4. พ้ืนทบ่ี ริเวณตะวนั ตกเฉียงเหนือของประเทศฟนิ แลนดเ์ หนือ 5. พ้ืนท่ชี ำยฝัง่ ทะเลอันดำมนั และมหำสมทุ รอินเดยี ตอนใต้ 6.กำรศึกษำและสำรวจกำรเปล่ียนแปลงทำงกำยภำพซง่ึ เกดิ จำกกำรกระทำจำกแรงน้ำไหลของแม่น้ำเจ้ำพระยำตั้งแตป่ ำกน้ำ จนถงึ จงั หวดั นครสวรรค์ลกั ษณะภมู ศิ ำสตร์สณั ฐำน ใดมีโอกำสพบน้อยท่สี ุด 1. โกรกธำรธำรำผำชนั และกมุ ภลักษณ์ 2. คันดนิ ธรรมชำติและทรี่ ำบน้ำท่วมถงึ 3. ลำนตะพักลำน้ำและทะเลสำบรปู แอก 4. ล่องลำน้ำฝ่ังตล่งิ ลำดนูนและตลิง่ ชันเว้ำ 5. แม่นำ้ โค้งตวดั ไหลตดั คอคอดคงุ้ นำ้ 7.อะไรคือจุดเปลยี่ นแปลงสำคัญทีส่ ุดท่ีทำใหท้ รัพยำกรธรรมชำติเส่อื มโทรมและลดลงอย่ำงรวดเร็วจนส่งผลกระทบต่อ สิง่ แวดล้อมอย่ำงรุนแรงท่ัวโลก 1. ประชำกรทวั่ โลกมีอตั รำเพมิ่ ข้ึนสูงกว่ำในอดีต 2. กำรบรโิ ภคและอุปโภคทีม่ ีกำรเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปโดยองิ ธรรมชำติ 3. อทิ ธิพลของควำมขัดแย้งระหวำ่ งโลกำภวิ ัตนก์ ับท้องถ่นิ นยิ ม 4. ควำมเจรญิ กำ้ วหน้ำทำงวทิ ยำศำสตร์และเทคโนโลยี 5. ควำมกำ้ วหนำ้ ของระบบสือ่ สำรทไี่ รพ้ รมแดน

-3- 8.เวลำมำตรฐำนของไทยกำหนดตำมเส้นเมอรเิ ดยี นหรือลองจิจูดที่ 105 องศำตะวนั ออก ซ่งึ ผ่ำนจงั หวดั อุบลรำชธำนี แตด่ ้ำน ตะวนั ตกของประเทศอยู่ทีล่ องจิจูดท่ี 97 องศำตะวันออก ถำ้ นักเรยี นในจงั หวัดอุบลรำชธำนีเข้ำชัน้ เรยี นเวลำ 8:00 น นักเรียน ในบรเิ วณตะวนั ตกของประเทศไทยจะเข้ำช้นั เรียนตำมเวลำท้องถ่ินจรงิ ในเวลำใด 1. 09:02 น 2. 08:32 น 3. 07:58 น 4. 07:48 น 5. 07:28 น 9.จำกแผนท่มี ำตรำสว่ น 1 : 250,000 วัดระยะทำงวงิ่ มำรำธอนในแผนทไี่ ด้ 10 เซนตเิ มตร ถำ้ นกั วง่ิ ท่ไี ดร้ ับรำงวัลชนะเลศิ ว่ิง ดว้ ยควำมเรว็ คงที่ 9 นำที ตอ่ ระยะทำง 1.5 กิโลเมตร จะถึงเส้นชยั ด้วยเวลำเทำ่ ใด 1. 2 ชัว่ โมง 30 นำที 2. 2 ชั่วโมง 16 นำที 3. 2 ชั่วโมง 3 นำที 4. 1 ชัว่ โมง 47 นำที 5. 1 ชวั่ โมง 23 นำที 10.ขอ้ ใดเป็นผลกระทบที่ดวงจันทรไ์ ดร้ บั เน่ืองจำกกำรโคจรของโลกรอบดวงอำทิตย์ 1. ดวงจันทรใ์ ชเ้ วลำในกำรโคจรรอบโลก 1 รอบ ต้องลดเวลำ 1 วนั กบั 22 ชวั่ โมง 2. ดวงจันทร์และโลกต้องใชเ้ วลำโคจรและหมนุ รอบตัวเองด้วยอตั รำและเวลำเดยี วกนั 3. ดวงจนั ทร์ใชเ้ วลำในกำรโคจรรอบโลก 1 รอบ ต้องเพ่ิมเวลำ 1 วัน 22 ช่ัวโมง 4. ดวงจนั ทรโ์ คจรรอบโลกครบ 1 รอบ จะใช้เวลำเทำ่ กับกำรหมนุ รอบตวั เอง 1 รอบ 5. ดวงจนั ทรโ์ คจรรอบโลกครบ 1 รอบ และหมนุ รอบตัวเอง 1 รอบ ต้องใชเ้ วลำ 27 วัน 8 ชั่วโมงเทำ่ กนั 11.ขอ้ ใดไม่ใช่ประโยชนจ์ ำกกำรเปล่ียนแปลงทำงกำยภำพของเปลือกโลกดว้ ยแรงปะทะภำยในเกดิ เป็นภูเขำไฟ 1. ทำใหห้ ินอัคนีและหินชนั้ ท่ลี ำวำไหลผำ่ นปรบั สภำพเปน็ หนิ แปรที่แขง็ แกร่งข้นึ 2. ทำให้เกดิ แหล่งแร่พลงั งำนเชื้อเพลิงจำกฟอสซลิ ทงั้ น้ำมันและกำ๊ ซธรรมชำตทิ ่สี ำคญั 3. มสี ่วนชว่ ยในกำรปรบั ระดับเปลือกโลกให้อยใู่ นสภำวะสมดุล 4. กเ็ กดิ พ้ืนท่ีใหม่เปน็ เกำะภูเขำไฟโผล่พ้นกลำงมหำสมทุ ร 5. เป็นแหล่งท่มี ดี นิ อดุ มสมบูรณ์เหมำะแก่กำรเพำะปลูกพืชสวน ไมผ้ ล และพชื อืน่ ๆ 12.กำรทย่ี อดเขำคลิ ิมนั จำโรในทวีปแอฟรกิ ำซ่ึงมีควำมสูง 5,895 เมตรมีหมิ ะปกคลุมตลอดปีเป็นเพรำะสำเหตสุ ำคญั ในขอ้ ใด 1. ไดร้ ับอิทธพิ ลจำกกระแสนำ้ เย็นทมี่ ำจำกทำงขัว้ โลกไหลผ่ำน 2. ต้งั อยู่ในเขตอุณหภูมิอำกำศอบอนุ่ และควำมสงู ของยอดเขำ 3. กระแสอำกำศเย็นเบ้ืองสงู ท่ีพัดจำกขว้ั โลกใต้เปน็ ลมประจำถน่ิ 4. อทิ ธพิ ลควำมผกผนั กบั อณุ หภูมิตดิ ลบชว่ งกลำงคนื ของทะเลทรำยสะฮำรำ 5. ควำมสมั พันธร์ ะหว่ำงกำรผนั แปรของอณุ หภูมิกับควำมตำ่ งระดับควำมสงู ในภมู ิประเทศ

-4- 13.กำรเปล่ียนแปลงทำงสง่ิ แวดลอ้ มในข้อใดที่เกิดขึน้ เฉพำะบำงภูมภิ ำค 1. นำ้ แข็งละลำย 2. ระดบั นำ้ ทะเลสงู ขึ้น 3. ขำดแคลนนำ้ สะอำด 4. ภมู ิอำกำศเปลย่ี นแปลง 5. ไม่มีขอ้ ใดทเ่ี กิดเฉพำะในภูมิภำค 14.ข้อใดตอ่ ไปน้ีจัดเปน็ สิ่งบ่งช้ที ำงภูมิศำสตร์ของประเทศไทย 1. ยำงพำรำ 2. ปลำหมอเทศ 3. ข้ำวพันธุ์หอมมะลิ 4. กำแฟอำรำบิก้ำ 5. หอยเชอรี่ 15.บริเวณยอดเขำภูช้ีฟำ้ มคี วำมสูงเกินกวำ่ 1,200 เมตร จำกระดับน้ำทะเลพืชพรรณป่ำไม้ท่ปี กคลมุ บริเวณดังกลำ่ วจะมี ลกั ษณะตรงกับข้อใดมำกทีส่ ดุ 1. ปำ่ ไม้เบญจพรรณสูง 2. ป่ำดงดบิ แล้ง 3. ปำ่ ดบิ ช้ืน 4. ปำ่ สนเขำ 5. ปำ่ ดิบเขำ 16.กำรสรำ้ งบำ้ นบนท่โี ลง่ แจ้งในภำคกลำงของประเทศไทย ไดว้ ำงตำแหน่งที่ตัง้ บ้ำนในแนวเดยี วกนั กับกำรโคจรของดวงอำทติ ย์ แต่หนำ้ บ้ำนอยู่ทำงทิศเหนอื ห้องนอนควรตงั้ อยู่ทศิ ใด จึงจะได้รบั ลมและอุณหภูมิเหมำะสมอย่สู บำยตำมธรรมชำตติ ลอดปี 1. ทศิ เหนอื 2. ทศิ ตะวนั ตกเฉียงใต้ 3. ทิศตะวนั ออกเฉยี งใต้ 4. ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ 5. ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ขอ้ ควำมสำหรบั ขอ้ 17-18 “จอนมภี ูมลิ ำเนำในประเทศนิวซแี ลนด์และชอบดูดำว อยำ่ งไรกต็ ำมเขำไม่สำมำรถเหน็ ดำวเหนอื ได้ แต่เมื่อปีที่แลว้ จนมำเทย่ี ว ภกู ระดึงซึง่ ตงั้ อยปู่ ระมำณละติจูด 21 องศำN เขำตื่นเตน้ มำกทส่ี ำมำรถมองเหน็ ดำวเหนอื ไดช้ ดั เจน” 17.เพรำะเหตุใดจงึ มองเหน็ ดำวเหนอื ไดท้ ่ภี ูกระดึง 1. ภกู ระดงึ ตั้งอยู่ในซีกโลกเหนอื จงึ ทำให้เห็นดำวเหนือใต้ 2. ภกู ระดงึ อยใู่ กล้ข้ัวโลกมำกกว่ำนวิ ซีแลนด์ทำให้เหน็ ดำวเหนือ 3. ภกู ระดงึ ต้ังอยู่ในละตจิ ูดสงู กว่ำนวิ ซีแลนด์จงึ เห็นดำวเหนอื 4. บรเิ วณภกู ระดงึ มีภูมิประเทศสงู เดน่ กว่ำบรเิ วณโดยรอบจงึ มองเหน็ ดำวเหนือ 5. ควำมสงู ของสัณฐำนโลกทีภ่ ูกระดงึ มีคำ่ ต่ำกวำ่ ทน่ี วิ ซแี ลนด์ทำให้เห็นดำวเหนอื

-5- 18.จำกสถำนกำรณด์ งั กลำ่ วข้อใดสรปุ เป็นหลกั กำรแห่งควำมจรงิ ได้ถูกต้องที่สุด 1. พน้ื ทขี่ วั่ โลกใต้มโี อกำสเห็นดำวเหนอื ได้น้อยทส่ี ุด 2. ทกุ พืน้ ทีใ่ นซีกโลกเหนือสำมำรถมองเห็นดำวเหนอื ไดเ้ สมอ 3. กำรเห็นหรอื ไมเ่ ห็นดำวเหนือจำกขอบฟำ้ สงู หรือต่ำข้นึ อยู่กับตำแหน่งที่ตง้ั 4. ครอบคลุมมำกหรือน้อยของผิวโลกมีผลตอ่ กำรเหน็ ดำวเหนือไดส้ งู หรือต่ำ 5. ลกั ษณะควำมสูงต่ำของภมู ิประเทศเป็นข้อจำกัดของกำรมองเห็นดำวเหนือ 19.สงิ่ แวดล้อมทำงกำยภำพข้อใดเหมำะสมต่อกำรตัง้ ถน่ิ ฐำนของประชำกรมำกที่สุด 1. ที่รำบสูง 2. ที่รำบเชงิ เขำ 3. ที่รำบลมุ่ แมน่ ้ำ 4. ที่รำบระหว่ำงภูเขำ 5. โอเอซสิ กลำงทะเลทรำย 20.ทวปี ใดมีแนวโน้มกำรเพมิ่ ขึน้ อย่ำงต่อเน่ืองของประชำกรโลกมำกที่สุด 1. ทวปี ยโุ รป 2. ทวีปเอเชยี 3. ทวปี แอฟริกำ 4. ทวปี อเมริกำเหนือ 5. ทวีปออสเตรเลยี 21.เพรำะเหตใุ ดประเทศกำลังพัฒนำจึงมีอัตรำกำรเพิ่มของประชำกรสูง 1. มีค่ำครองชีพต่ำ 2. มีกำรพึ่งพำตนเองได้ 3. คำ่ นยิ มเก่ียวกบั เพศของบตุ ร 4. ขำดกำรวำงแผนครอบครวั ทด่ี ี 5. มกี ำรวำงแผนชวี ิตและครอบครวั ทีด่ ี 22.ปจั จยั ทส่ี ่งผลตอ่ อัตรำกำรตำยของประชำกรมำกท่ีสุดคือข้อใด 1. อบุ ตั เิ หตุ 2. สงครำม 3. โรคระบำด 4. ขำดแคลนอำหำร 5. ควำมรุนแรงของอณุ หภูมิ 23.ปจั จยั สำคญั ใดกำหนดให้เกดิ ควำมหนำแนน่ ของประชำกรในบริเวณตำ่ งๆของโลก 1. ทต่ี ั้งตำมละตจิ ูด 2. ลักษณะทำงกำยภำพ 3. อำหำรและทอ่ี ยู่อำศยั 4. ควำมเหมือนทำงวฒั นธรรม 5. อตั รำกำรเกดิ กำรตำย และกำรย้ำยถิน่

-6- 24.ขอ้ ใดกลำ่ วถึงกำรดำเนินชีวิตของคนในสงั คมเมอื งได้ถกู ตอ้ ง 1. มรี สนิยมสูง 2. มีควำมหลำกหลำยทำงอำชพี 3. มคี วำมเป็นครอบครวั ขนำดใหญ่ 4. มีควำมเป็นบริโภคนิยมสูง 5. มคี วำมผูกพนั กับธรรมชำติมำกกว่ำวัตถุ 25.ขอ้ ใดแสดงถึงควำมสมั พันธ์กันระหว่ำงสิ่งแวดล้อมทำงกำยภำพกบั กิจกรรมทำงเศรษฐกิจ 1. ทรี่ ำบลุม่ ธุรกจิ เรือประมง 2. ทรี่ ำบสูงกำรทำนำขั้นบันได 3. ฝนตกชกุ ปลูกมนั สำปะหลงั 4. อำกำศร้อนช้นื ปลูกสตอเบอร่ี 5. อำกำศแห้งแล้งปลกู ข้ำวหอมมะลิ 26.ลกั ษณะในข้อใดท่ีส่งผลให้ภมู ภิ ำคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ปลกู ขำ้ วไดผ้ ลผลติ สูง 1. มพี ้ืนท่ีมำก 2. มีอำกำศแบบร้อนช้นื 3. มีจำนวนประชำกรมำก 4. มชี ำยฝง่ั ทะเลเปน็ แนวยำว 5. ประกอบดว้ ยหลำยประเทศ 27.เพรำะเหตุใดในทวีปแอฟริกำจงึ มีกำรเล้ียงโคเน้อื จำนวนมำก 1. มวี ัวสำยพนั ธหุ์ ลำกหลำยชนิด 2. มเี ทคโนโลยีในกำรวจิ ยั และเพำะพนั ธ์โุ คสงู 3. เป็นวฒั นธรรมของชำวพนื้ เมืองทสี่ บื ทอดมำแต่โบรำณ 4. มพี นื้ ที่กว้ำงขวำง โคเน้อื สำมำรถทนสภำพอำกำศร้อนได้ดี 5. รฐั บำลของแต่ละประเทศมีนโยบำยสนับสนนุ กำรเลีย้ งโคเนื้ออยำ่ งมำก 28.ผลกระทบสำคัญทม่ี ำพร้อมกับกำรเจริญเติบโตของอุตสำหกรรมท่องเทยี่ วคือข้อใด 1. กำรขำดแคลนแรงงำน 2. ควำมลำ่ ช้ำในกำรคมนำคมขนสง่ 3. กำรมที ี่พักไม่เพียงพอกบั นักท่องเทยี่ ว 4. กำรทำลำยทรัพยำกรธรรมชำตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม 5. กำรมเี งนิ หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมำกเกิน 29.ปจั จยั สำคญั ทส่ี ง่ ผลใหก้ ระแสโลกำภิวตั น์ขยำยตัวคอื ข้อใด 1. ธนำคำรพำณชิ ย์ 2. เทคโนโลยสี ำรสนเทศ 3. กำรลงทนุ ภำยในประเทศ 4. อัตรำกำรย้ำยถ่ินของประชำกร 5. อัตรำแลกเปลี่ยนเงินตรำระหว่ำงประเทศ

-7- 30.ควำมเจริญกำ้ วหนำ้ ทำงด้ำนวทิ ยำศำสตร์ เทคโนโลยี และกำรแพทยเ์ จริญอยำ่ งรวดเร็วส่งผลใหอ้ ัตรำเกดิ และอตั รำตำย เปลย่ี นแปลงอย่ำงไร 1. อตั รำเกดิ สงู อัตรำตำยต่ำ 2. อตั รำตำยตำ่ อัตรำเกดิ คงที่ 3. อตั รำเกดิ ตำ่ อตั รำตำยต่ำ 4. อตั รำเกดิ สูง อตั รำตำยสงู 5. อตั รำเกิดและตำยแตกต่ำงกนั มำก ลงช่อื ………………………………….ผู้ออกข้อสอบ ลงชอื่ ............................................ผ้ตู รวจทำน (นำงสำวกนั ยำรัตน์ กุลด)ี (นำงแสงอรณุ กุมมำลือ) ลงชอ่ื ...................................หวั หน้ำกลุ่มสำระฯ (นำยพมิ พ์ ค้ำกำยำน)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook