เอกสารประกอบการสอน วิชา ความรู้เบ้อื งต้นเกย่ี วกบั กฎหมายทวั่ ไป PPS1102 ธนวัฒ พิสิฐจินดา สาขา วชิ ารฐั ศาสตร์ คณะวิทยาลัยนวัตกรรมและการจัดการ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสุนันทา 2560
2 ความหมาย ความสาคญั ลักษณะ และประเภทของกฎหมาย โดย อาจารยธ์ นวฒั พิสฐิ จินดา ข้อความเบอ้ื งต้น การทาความเขา้ ใจเก่ียวกบั ความหมาย ความสาคญั ลกั ษณะและประเภทของกฎหมายถอื วา่ เป็นข้อพจิ ารณาพื้นฐานลาดบั แรกของผู้เร่ิมต้นศกึ ษากฎหมาย เนือ่ งจากความเขา้ ใจในเนือ้ หาดงั กล่าว เปน็ รากฐานสาคญั ที่จะนาไปสูก่ ารทาความเขา้ ใจเกยี่ วกับเรือ่ งระบบกฎหมาย บอ่ เกดิ ของกฎหมาย กระบวนการจดั ทาและการยกเลิกกฎหมาย ศักด์ขิ องกฎหมาย การใชแ้ ละการตีความกฎหมาย ตลอดจนตวั บทกฎหมายตา่ งๆ ท้ังท่ีปรากฏในกฎหมายสาระบญั ญตั ิ เช่น กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายอาญา และกฎหมายวิธสี บญั ญัติ เช่น กฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความแพ่ง กฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญาซง่ึ มคี วามเกี่ยวข้องกบั กระบวนการยุตธิ รรมทางแพง่ และทางอาญา หรอื กฎหมายตา่ งๆ ที่ เกี่ยวกบั กระบวนการยตุ ธิ รรมทางปกครอง ๑.ความหมายของกฎหมาย ในสว่ นนจ้ี ะเป็นการกลา่ วถงึ ความหมายของกฎหมาย โดยแบง่ พิจารณาออกได้ ๒ กรณี คอื “ความหมายท่วั ไป” กับ “ความหมายตามวธิ ีการบญั ญตั ิ” ๑.๑ ความหมายทั่วไป ตามความหมายท่วั ไป “กฎหมาย” หมายถงึ คาสั่งหรือคาบงั คบั ทผ่ี ูม้ อี านาจได้ตราขึ้นเพอ่ื กาหนดใหบ้ ุคคลต้องปฏบิ ัติหรืองดเวน้ ปฏิบัติ หรอื เพื่อใชเ้ ป็นหลกั เกณฑใ์ นการบรหิ ารประเทศ กาหนดระเบียบของสงั คมหรอื ความสัมพันธร์ ะหวา่ งบคุ คล กฎหมายอาจเกิดจากการตราเป็นลาย ลักษณอ์ กั ษร หรอื เกิดขน้ึ จากจารีตประเพณีอนั เป็นทยี่ อมรบั นับถอื และจากความหมายดงั กลา่ ว อาจแยกออกเปน็ องคป์ ระกอบ ได้ดงั น้ี อาจารยป์ ระจาสาขาวิชานติ ศิ าสตร์ คณะมนุษยศาสตรแ์ ละสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สวนสุนนั ทา. พจนานกุ รมศัพท์กฎหมายไทย ฉบับราชบัณฑติ ยสถาน, พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๔ (จงั หวดั นครปฐม:บรษิ ทั รงุ่ ศิลปก์ าร พิมพ(์ ๑๙๗๗) จากดั , ๒๕๕๖), หนา้ ๓. หยดุ แสงอุทยั , ความร้เู บอ้ื งตน้ เก่ยี วกบั กฎหมายท่ัวไป, พิมพค์ รงั้ ที่ ๒๐ (กรุงเทพมหานคร:บรษิ ัทพิมพ์ดี จากดั , ๒๕๕๙), หน้า ๓๖ - ๓๗.
3 องคป์ ระกอบของกฎหมายตามความหมายทว่ั ไป ขอ้ (๑) กฎหมายตอ้ งเป็นข้อบงั คับ ข้อ (๒) ข้อบังคับต้องเป็นของรฐั ขอ้ (๓) ขอ้ บังคบั ต้องกาหนดความประพฤติ ขอ้ (๔) ข้อบังคบั น้นั ถา้ ฝ่าฝนื จะไดร้ ับผลร้ายหรือถกู ลงโทษ ข้อสงั เกต การพจิ ารณาเกย่ี วกับเสยี งทพ่ี ดู หรืออักษรทเ่ี ขยี นหรอื พิมพ์ตา่ งๆ วา่ เปน็ กฎหมาย หรอื ไม่ ผ้เู รมิ่ ตน้ ศึกษากฎหมายควรอาศัยองค์ประกอบดงั กล่าวขา้ งต้น เป็นเครื่องมือในการพิจารณา กล่าวคือ หากเขา้ องค์ประกอบ ขอ้ (๑) ข้อ (๒) ข้อ (๓) ขอ้ (๔) ครบถ้วนแล้วกย็ ่อมถอื วา่ เปน็ กฎหมายตามความหมายทวั่ ไป ตัวอยา่ ง นางแดงออกคาส่งั แกเ่ ดก็ ชายขาวอายุ ๘ ปบี ุตรชายของตนว่า “เม่ือรับประทาน ขา้ วเสรจ็ แลว้ ใหเ้ ดก็ ชายขาวลา้ งจานในครวั ดว้ ย มฉิ ะนน้ั เด็กชายขาวจะถกู ทาโทษโดยการลดคา่ ขนมสาหรับไปโรงเรยี นในวันรงุ่ ขึ้น” สภาพปัญหา คาส่งั ของนางแดงดังกล่าวเปน็ กฎหมายตามความหมายทวั่ ไปหรอื ไม่ วเิ คราะห์ แม้เดก็ ชายขาวซึง่ ยังไมบ่ รรลุนิตภิ าวะตอ้ งอยูใ่ ตอ้ านาจปกครองของนางแดงใน ฐานะมารดาก็ตาม ถา้ พิจารณาแบบผวิ เผนิ อาจจะเหน็ วา่ การส่งั ใหล้ ้างจานดงั กล่าวเปน็ คาสั่งทอี่ อก โดยผูม้ ีอานาจ และกาหนดใหบ้ คุ คลต้องปฏิบตั ิ ถ้าฝุาฝืนจะได้รบั ผลร้ายหรอื ถกู ลงโทษ แต่คาส่ัง ดงั กลา่ วมิใช่ข้อบงั คับของรัฐตามองคป์ ระกอบของกฎหมายขอ้ (๒) ดงั นั้น คาส่ังของนางแดงดงั กล่าว ย่อมไม่ใชก่ ฎหมายตามความหมายท่วั ไป กลา่ วโดยสรปุ “กฎหมาย” หมายถงึ กตกิ าซึ่งผ้มู อี านาจของรัฐได้กาหนดขึ้น เพ่อื ใชบ้ ังคบั แก่ บคุ คลภายในรฐั โดยอาจจะกาหนดใหม้ ีการปฏบิ ตั ิหรอื งดเวน้ การปฏบิ ตั ิบางประการ และหากมีการ ฝุาฝนื กตกิ าดงั กลา่ วก็จะมีการกาหนดผลแหง่ การฝุาฝืนเอาไว้ด้วย เช่น โทษอาญา เป็นตน้ ๑.๒ ความหมายตามวธิ ีการบัญญัติ ความหมายของกฎหมายในลักษณะน้ี เป็นการใหค้ วามหมายโดยพิจารณาจากวธิ ีการบัญญัติ กฎหมายเป็นเกณฑซ์ ึง่ จะแตกต่างจากความหมายทัว่ ไป กลา่ วคือ กฎหมายตามความหมายวิธีการ บัญญตั นิ ้ี อาจไมม่ ลี ักษณะของกฎหมายตามความหมายทวั่ ไปรวมอยดู่ ว้ ย เช่น ไม่มกี ารกาหนดถงึ “รฐั ” ตอ้ งประกอบดว้ ย (๑) ราษฎร (๒) อาณาเขต (๓) อานาจอธิปไตย. ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์ มาตรา ๑๕๖๖ วรรคหนง่ึ .
4 ความประพฤติของบคุ คล ไมม่ ีการกาหนดถงึ ผลแห่งการฝาุ ฝืน เชน่ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ มาตรา ๑๔๑ วรรคหนง่ึ กาหนดให้งบประมาณรายจา่ ยของแผน่ ดินใหท้ าเปน็ พระราชบัญญตั ิ จะเหน็ วา่ พระราชบัญญัตดิ ังกล่าวอยใู่ นความหมายของกฎหมายตามวธิ ีการบัญญตั ิ แต่ไมไ่ ด้อยใู่ นความหมายทวั่ ไป เป็นตน้ สาหรบั กฎหมายตามแบบวิธบี ญั ญตั ิที่สาคัญ เชน่ พระราชบญั ญัติ พระราชกาหนด พระราช กฤษฎกี า กฎกระทรวง ข้อบัญญัติท้องถิ่น เป็นต้น ๒.ความสาคัญของกฎหมาย สาหรับความสาคญั ของกฎหมายหมายอาจกลา่ วให้เห็นถงึ ความสาคญั ที่มีตอ่ กลไกการทา หนา้ ท่ีของกฎหมายเปน็ หลักโดยแบง่ พจิ ารณาได้ ดงั ต่อไปน้ี ๒.๑ ความสาคัญของกฎหมายต่อรัฐ หลกั พ้นื ฐานมีอยู่วา่ “รฐั ” ตอ้ งประกอบดว้ ย (๑) ราษฎร (๒) อาณาเขต (๓) อานาจอธปิ ไตย ดังนัน้ ส่ิงท่ี “รัฐ” จะสามารถนามาใชเ้ ปน็ เคร่ืองมอื ในการปกครองราษฎรและอาณาเขตตลอดจน อานาจอธิปไตยของรัฐให้เปน็ ระเบียบแบบแผนเดยี วกนั ได้ คือ “กฎหมาย” ด้วยเหตุน้ี หาก รฐั ใด ไมม่ ี กฎหมาย รฐั นนั้ ยอ่ มไมอ่ าจปกครองราษฎรและดแู ลอาณาเขตตลอดจนอานาจอธปิ ไตยของตนได้ กฎหมายจึงมคี วามสาคญั ในแง่การเป็นเครือ่ งมือในการปกครองของรัฐ เชน่ ประเทศไทยก็จะมี กฎหมายสาหรบั บรหิ ารประเทศทสี่ าคญั คอื พระราชบัญญตั ริ ะเบียบบรหิ ารราชการแผน่ ดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ เปน็ ตน้ ๒.๒ ความสาคญั ของกฎหมายต่อบุคคล โดยปกตบิ ุคคลยอ่ มมีสทิ ธิเสรีภาพในรา่ งกายและความเปน็ ส่วนตัวดว้ ยกนั ทกุ คนทจี่ ะมิใหผ้ ู้ใด มาล่วงละเมิด สทิ ธิในเคหสถาน สิทธขิ นั้ พนื้ ฐานในคดีอาญาฯลฯ สทิ ธิตา่ งๆ เหลา่ นี้อาจเรยี กรวมกนั วา่ เปน็ “สิทธมิ นุษยชน” ( Human Rights) ซึ่งการทร่ี บั รองสิทธิดังกล่าวยอ่ มมคี วามจาเป็นตอ้ งอาศยั เครอ่ื งมอื ท่ีเรียกวา่ “กฎหมาย” เปน็ ตวั กาหนดลักษณะแหง่ การรบั รอง ค้มุ ครองสทิ ธิ ตวั อยา่ ง นายดาชกนายแดง และนายแดงไดร้ ับบาดเจ็บ สภาพปญั หา ประเทศไทยมีเครอื่ งมือท่เี ป็นกฎหมายสาหรับรับรองคุ้มครองสิทธใิ นรา่ งกาย ของนายแดงหรือไม่ คาตอบ คือ มี ได้แก่
5 (๑) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ บญั ญัติวา่ “ผูใ้ ดทาร้ายผ้อู น่ื จนเป็นเหตุให้เกดิ อนั ตรายแก่กายหรือจติ ใจของผอู้ นื่ น้ัน ผู้นั้นกระทาความผดิ ฐานทาร้ายรา่ งกาย ต้องระวางโทษจาคกุ ไมเ่ กินสองปี หรอื ปรบั ไม่เกินสห่ี มื่นบาท หรือทงั้ จาทง้ั ปรบั ” (๒) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์ มาตรา ๔๒๐ บญั ญตั ิว่า “ผใู้ ดจงใจหรอื ประมาท เลินเล่อ ทาต่อบุคคลอน่ื โดยผิดกฎหมายใหเ้ ขาเสยี หายถงึ แกช่ ีวติ กด็ ี แก่รา่ งกายก็ดี อนามยั ก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพยส์ ินหรอื สทิ ธอิ ยา่ งหน่งึ อย่างใดกด็ ี ท่านวา่ ผนู้ ้ันทาละเมิด จาต้องใช้ค่าสนิ ไหม ทดแทนเพือ่ การนั้น” วิเคราะห์ กรณีตามตัวอยา่ งการท่ีนายดาชกนายแดง และนายแดงไดร้ ับบาดเจบ็ การกระทา ของนายดายอ่ มต้องรบั โทษทางอาญาตามท่ปี ระมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ บัญญตั ไิ ว้ ใน ขณะเดียวกนั นายแดงกม็ ีสทิ ธิจะรอ้ งขอต่อศาลใหส้ ั่งบงั คบั นายดาใชค้ ่าสนิ ไหมทดแทนได้ตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๒๐ สว่ นการทป่ี ระเทศไทยมีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๕ ประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณชิ ย์ มาตรา ๔๒๐ บัญญตั ิเอาไว้ ก็ดว้ ยเจตนารมณ์เพอ่ื คุม้ ครองบุคคล มใิ ห้ผ้ใู ดลว่ งละเมิดสิทธิใน ร่างกาย โดยกาหนดใหผ้ ้ฝู ุาฝืนได้รบั โทษอาญาและตอ้ งชดใช้ความเสียหายในทางแพ่งควบคกู่ ันไปดว้ ย อนั เป็นความสาคัญของกฎหมายตอ่ บคุ คลทเี่ ห็นไดอ้ ย่างชดั เจน ๒.๓ ความสาคัญของกฎหมายต่อความยตุ ิธรรม เก่ียวกบั ความยตุ ิธรรมน้นั มีคากล่าวภาษาลาตินอย่ปู ระโยคหนงึ่ ทีว่ ่า “Fiat justitia ruat coelum” แปลว่า “ให้มคี วามยุติธรรม แม้ว่าฟ้าจะถลม่ ทลาย” ความยุติธรรมจงึ เป็นสิ่งทีต่ อ้ งให้ ความสาคัญ อย่างไรก็ตาม เนอ่ื งจากความยุตธิ รรมเปน็ เรอื่ งในทางนามธรรมซงึ่ ไม่อาจจบั ต้องไดแ้ ต่ สามารถแสดงผ่านส่งิ ท่เี ปน็ กฎหมายออกมาได้ เพราะกฎหมายเปน็ เครอื่ งมอื ของรฐั ในทางการปกครอง และเปน็ เครอ่ื งมือของบคุ คลเพื่ออาศัยเป็นสงิ่ คุม้ ครองมใิ หใ้ ครล่วงละเมิด กฎหมายท่ีใหค้ วามสาคญั ตอ่ ความยตุ ิธรรมจะมีการบญั ญตั โิ ดยรักษาสมดลุ ระหว่างรัฐและบุคคลภายในรัฐไดอ้ ย่างเหมาะสม ตวั อยา่ ง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๗ วรรคหน่งึ บัญญัติวา่ “ให้ ศาลใช้ดุลพนิ จิ วินิจฉยั ช่างนา้ หนักพยานหลักฐานท้งั ปวง อยา่ พิพากษาลงโทษจนกวา่ จะแน่ใจว่ามีการ กระทาผดิ จริงและจาเลยเปน็ ผ้กู ระทาความผิดนนั้ ” จะเห็นว่า กฎหมายดงั กลา่ วเปน็ กฎหมายที่ เกีย่ วกบั กระบวนการยตุ ิธรรมในทางอาญาในเร่ืองพยานหลกั ฐานซงึ่ มใิ ห้ศาลดว่ นตดั สนิ ลงโทษบคุ คล จนกวา่ จะแน่ใจวา่ เป็นผกู้ ระทาความผิด ซ่งึ ถือว่าเปน็ ตวั อย่างที่ชีช้ ัดให้เห็นถึงความสาคัญของกฎหมาย ต่อความยุติธรรม พิชยั ศักด์ิ หรยางกูร, ภาษิตกฎหมาย ลาติน -ไทย, พมิ พค์ รง้ั ที่ ๒ (กรงุ เทพมหานคร:โรงพมิ พเ์ ดอื นตลุ า, ๒๕๕๔), หนา้ ๕๒.
6 ๓. ลักษณะของกฎหมาย ลกั ษณะของกฎหมาย หมายถงึ ความเฉพาะตัวของกฎหมาย ขอ้ สาคัญ คือ การพจิ ารณาใน สว่ นนี้ ผูศ้ กึ ษาตอ้ งอย่านาไปปะปนกับการทาความเขา้ ใจในเร่ืองความหมายของกฎหมาย ดังท่ีกล่าว มาแลว้ ขา้ งตน้ เพราะลกั ษณะของกฎหมาย จะเปน็ การระบเุ จาะจงว่า “สงิ่ นน้ั ” เปน็ กฎหมายหรือไม่ โดยผ่านเง่ือนไข ดงั ตอ่ ไปนี้ ๓.๑ กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ กฎหมายเป็นกฎเกณฑ์ กลา่ วคอื กฎหมายต้องมีขอ้ กาหนดทีว่ างไว้เป็นหลกั ปฏิบัติของ บคุ คล เช่น ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์ มาตรา ๑๔๕๗ บัญญตั วิ ่า “การสมรสตามประมวล กฎหมายนี้จะมีไดเ้ ฉพาะเมอื่ ได้จดทะเบียนแล้วเท่านน้ั ” จะเห็นว่า บทบญั ญตั ดิ งั กล่าวเป็น ขอ้ กาหนดที่วางไว้ใหช้ ายหญิงที่มคี วามประสงคจ์ ะสมรสกันต้องจดทะเบียนกันเท่าน้นั ซ่ึงเปน็ ตัวอยา่ ง ทแ่ี สดงใหเ้ ห็นว่าอย่างชัดเจนว่ากฎหมายตอ้ งเป็นกฎเกณฑ์เพราะทุกคนตอ้ งปฏบิ ตั ิตาม ส่วนส่ิงทไ่ี มใ่ ชก่ ฎเกณฑ์ กลา่ วคือ อาจเป็นเพียงการขอความร่วมมือของบคุ คลเท่านน้ั ย่อม ไม่ใช่กฎหมาย เชน่ การเชญิ ชวนบคุ คลร่วมกันแตง่ กายโดยใช้สผี า้ สเี ดยี วกนั เนื่องจากวันสาคญั ของ ชาตมิ ใิ ช่ข้อกาหนดที่วางไว้เปน็ หลกั ปฏิบัตขิ องบุคคลจงึ ไม่เขา้ ลกั ษณะของกฎหมาย เพราะผู้ใดจะ ปฏบิ ตั ติ ามหรอื ไมก่ ็ได้ ๓.๒ กฎหมายต้องกาหนดความประพฤติ กฎหมายต้องกาหนดความประพฤติ กลา่ วคอื ความประพฤตขิ องบุคคลท้ังแบบเคล่อื นไหว ร่างกายและแบบไม่เคล่อื นไหวร่างกายจะตอ้ งถกู กฎหมายกาหนดเอาไว้ เชน่ พระราชบญั ญัติจราจร ทางบก พ.ศ.๒๕๒๒ มาตรา ๓๙ วรรคหนึ่ง บญั ญตั ิว่า “เม่ือขบั รถสวนกนั ใหผ้ ้ขู บั ข่ขี บั รถชดิ ซา้ ย ของทางเดนิ รถ โดยใหถ้ อื ก่ึงกลางของทางเดินรถเปน็ หลกั แต่ถา้ ทางเดินรถใดได้จัดแบง่ เป็นช่อง เดินรถไว้ให้ถอื เส้นหรือแนวท่แี บง่ นนั้ เป็นหลกั ” บทบญั ญัติดังกลา่ วถือวา่ มีลกั ษณะเปน็ การกาหนด เกยี่ วกบั ความประพฤตขิ องบุคคล แบบเคลอื่ นไหวร่างกาย หรือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๔ บญั ญัติวา่ “ผใู้ ดเห็นผอู้ ืน่ ตกอยใู่ นภยนั ตรายแห่งชวี ติ ซ่ึงตนอาจชว่ ยไดโ้ ดยไมค่ วรกลัว อันตรายแก่ตนเองหรอื ผูอ้ นื่ แตไ่ ม่ชว่ ยตามความจาเป็นต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ หนึง่ เดอื น หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หนึง่ หม่นื บาท หรอื ทั้งจาทัง้ ปรบั ” บทบญั ญัติดังกลา่ วถือว่ามีลกั ษณะเป็นการกาหนด เก่ียวกบั ความประพฤติของบคุ คลแบบไมเ่ คล่อื นไหวรา่ งกาย เปน็ ต้น ขอ้ สังเกต ความประพฤตทิ ถ่ี กู กาหนดเอาไว้ดงั กลา่ วนจี้ ะตอ้ งเปน็ ความประพฤติของบุคคล เท่าน้ันซึง่ ไมร่ วมถงึ สตั ว์หรอื ส่งิ ของด้วย ภูมชัย สวุ รรณดี มานติ ย์ จุมปา ชิตาพร พิศลยบตุ ร โตะ๊ วเิ ศษกลุ , ความร้เู บ้ืองตน้ เก่ียวกบั กฎหมาย ทว่ั ไป (Introduction to Law), พิมพค์ รัง้ ท่ี ๖ (กรุงเทพมหานคร:สานกั พิมพน์ ติ ธิ รรม, ๒๕๔๙), หน้า ๑๗-๒๐.
7 ๓.๓ สภาพบังคบั ของกฎหมาย สภาพบังคบั ของกฎหมาย คือ ผลในทางกฎหมาย กลา่ วคอื เม่ือมกี ารปฏบิ ัติฝุาฝืนกฎหมาย หรอื ปฏบิ ตั ติ ามกฎเกณฑ์ท่ีกฎหมายกาหนดแล้ว จะส่งผลต่อผ้ปู ฏบิ ตั อิ ย่างไร ซึ่งต้องมีการบัญญตั ถิ งึ ผล ดังกล่าวเอาไว้ด้วยจึงจะเขา้ ลักษณะของกฎหมาย เชน่ นายดาใชโ้ ซล่ ่ามสุนัขจรจัดและไมใ่ ห้น้ากับ อาหารจนสุนขั ใกล้จะเสียชีวิต จะเหน็ วา่ การกระทาของนายดายอ่ มเป็นความผดิ ดงั นี้ (๑) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๘๑ ทบ่ี ัญญัตวิ ่า “ผใู้ ดกระทาการทารุณตอ่ สตั ว์ หรือ ฆ่าสตั วโ์ ดยใหไ้ ด้รบั ทุกขเวทนาโดยไมจ่ าเป็น ตอ้ งระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึง่ เดือน หรอื ปรับไมเ่ กนิ หน่ึงหมื่นบาท หรอื ทัง้ จาท้ังปรับ” (๒) พระราชบญั ญัตปิ ูองกันการทารณุ กรรมและการจัดสวสั ดภิ าพสัตว์ พ.ศ.๒๕๕๗ มาตรา ๒๐ ทบ่ี ัญญัติว่า “หา้ มมิให้ผใู้ ดกระทาการอันเปน็ การทารณุ กรรมสตั ว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร” ประกอบมาตรา ๓๑ ซึ่งบญั ญตั ิวา่ “ผใู้ ดฝุาฝืนมาตรา ๒๐ ต้องระวางโทษจาคกุ ไม่เกนิ สองปหี รือปรบั ไม่เกินสห่ี มื่นบาทหรอื ทง้ั จาท้ังปรบั ” ดงั นนั้ สภาพบงั คบั ของกฎหมายทีม่ ีต่อนายดาตามตวั อย่าง คือ โทษตามที่กฎหมายกาหนด เอาไว้ตามท่ีประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๘๑ และพระราชบญั ญัติปอู งกนั การทารุณกรรมและ การจดั สวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.๒๕๕๗ มาตรา ๓๑ บัญญัติเอาไว้ นนั่ เอง ๓.๔ ต้องมีกระบวนการบังคับใชก้ ฎหมายทีแ่ นน่ อน ลกั ษณะทเ่ี ป็นข้อบง่ ชีถ้ ึงลักษณะของกฎหมายท่ีสาคัญท่สี ดุ คอื กระบวนการบงั คบั ใช้ กฎหมาย อนั ประกอบไปดว้ ยขน้ั ตอนการดาเนนิ การ บคุ คลทีเ่ กี่ยวข้อง หนว่ ยงานท่รี บั ผดิ ชอบ ทจี่ ะ เขา้ มาขบั เคลอ่ื นการบงั คบั ใชก้ ฎหมาย ตัวอยา่ ง นายดาทบุ กระจกรถยนต์นายขาวแตกเสียหาย สภาพปัญหา กระบวนการบังคับใช้กฎหมายตามตัวอย่างนจี้ ะเปน็ อย่างไร วิเคราะห์ กระบวนการบงั คับใชก้ ฎหมายระหวา่ งนายดากับนายขาว แยกพิจารณาได้ดังน้ี (๑) การกระทาของนายดาเปน็ ความผดิ ฐานทาให้เสยี ทรพั ยซ์ ่งึ เป็นความผิดอันยอมความได้ (๒) นายขาวเป็นผู้เสียหาย และตอ้ งรอ้ งทกุ ข์ตอ่ พนกั งานสอบสวน (๓) พนกั งานสอบสวนทาการสอบสวนสรุปสานวนสง่ ตอ่ พนักงานอยั การพิจารณา (๔) หากพนกั งานอยั การพิจารณาเหน็ ควรส่ังฟอู งกจ็ ะออกคาส่งั ฟอู งนายดาเป็นจาเลยตอ่ ศาลยุติธรรม (๕) ศาลยุตธิ รรมดาเนนิ การพจิ ารณาคดีเรื่องน้ีโดยสืบพยานฝาุ ยนายดาและฝาุ ยนายแดง
8 (๖) หากปรากฏพยานหลักฐานวา่ นายดากระทาความผดิ จรงิ ตามฟอู งของพนักงานอัยการ ศาลยตุ ธิ รรมจงึ พพิ ากษาลงโทษนายดา และนายดาก็ยังมีสทิ ธิต่อสู้คดีในชัน้ อุทธรณฎ์ ีกาแลว้ แต่กรณี ตอ่ ไป ดังน้นั กระบวนการตาม (๑) - (๖) ถือว่าเปน็ กระบวนการบังคบั ใช้กฎหมายซึ่งมีความ แน่นอนอันเป็นลักษณะของกฎหมายประการสุดท้าย กลา่ วโดยสรุป ส่ิงใดเปน็ กฎหมายหรือไม่ ผู้ศกึ ษาตอ้ งพจิ ารณาวา่ สง่ิ นั้นเขา้ เง่ือนไขครบทั้ง ๔ ประการดังตอ่ ไปน้ีหรอื ไม่ เสยี ก่อนเสมอ ไดแ้ ก่ (๑) สิ่งนัน้ มีความเป็นกฎเกณฑห์ รือไม่ (๒) ส่งิ นนั้ มกี ารกาหนดความประพฤตหิ รอื ไม่ (๓) สงิ่ นัน้ มสี ภาพบังคบั หรือไม่ (๔) ส่ิงนนั้ มกี ระบวนการบงั คบั ทแ่ี น่นอนหรือไม่ หากครบท้งั ๔ ประการ ตาม (๑) (๒) (๓) (๔) เชน่ น้ี ย่อมถือวา่ มลี ักษณะของกฎหมาย ครบถ้วนแล้ว สิง่ น้นั ยอ่ มเปน็ กฎหมาย ๔. ประเภทของกฎหมาย ประเภทของกฎหมายเปน็ การแบ่งกฎหมายย่อยออกเป็นพวก เพ่ือให้ผู้ศึกษาเห็นถงึ ความ แตกต่างของบทบาทกฎหมายในแต่ละประเภท โดยวิธกี ารแบง่ ที่นามาใช้จาแนกกฎหมายมี ๒ วธิ ี คือ ๔.๑ การจดั แบ่งประเภทโดยพจิ ารณาจากความสมั พนั ธข์ องข้อความตามกฎหมาย การแบ่งวธิ ีนเ้ี ป็นการพจิ ารณาถึงความสมั พันธ์ตามทป่ี รากฏในขอ้ ความหรอื เนอ้ื หาของ กฎหมายเปน็ หลกั โดยสามารถแบ่งไดด้ งั นี้ ๔.๑.๑ กฎหมายมหาชน กฎหมายมหาชนน้ัน เม่ือพิจารณาถึงตัวบุคคลผู้ก่อนติ สิ ัมพนั ธ์ จะพบวา่ เป็นฝาุ ยรฐั หรอื หนว่ ยงานของรฐั กบั เอกชน สว่ นวัตถุประสงค์ คือ เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยมวี ธิ กี ารท่ไี มอ่ าศัย ความสมัครใจของผกู้ ่อนติ สิ มั พันธ์ และในดา้ นเนอื้ หาจะเปน็ การทัว่ ไปไมม่ ีการระบุตัวบคุ คล เชน่ กฎหมายรฐั ธรรมนญู ที่มีวตั ถปุ ระสงค์ในการวางระเบยี บการปกครองรฐั ในทางการเมอื งโดยกาหนด โครงสร้างของรฐั ระบอบการปกครอง การใช้อานาจอธิปไตย และการดาเนินงานของสถาบันสูงสดุ วณิ ฏั ฐา แสงสขุ ฐติ ิพร ลิม้ แหลมทอง, ความรเู้ บ้ืองตน้ เก่ียวกับกฎหมายทวั่ ไป Introduction to Law, พมิ พค์ รัง้ ท่ี ๒ (กรุงเทพมหานคร:สานกั พิมพ์มหาวิทยาลยั รามคาแหง, ๒๕๕๓), หนา้ ๔๓-๗๐.
9 ของรัฐทใี่ ชอ้ านาจอธิปไตย กฎหมายปกครองซง่ึ วางหลกั เกีย่ วกบั การจดั ระเบียบในทางปกครองของ รฐั และดาเนินกิจกรรมของฝุายปกครองในการจัดทาบริการสาธารณะ รวมท้งั วางหลกั ความเกีย่ วพนั ในทางปกครองระหวา่ งฝุายปกครองกบั เอกชน กฎหมายอาญาทก่ี าหนดลกั ษณะของการกระทาท่ี เปน็ ความผดิ และกาหนดโทษทางอาญาสาหรับความผิดน้ัน เป็นต้น ๔.๑.๒ กฎหมายเอกชน กฎหมายเอกชนนนั้ เมอ่ื พจิ ารณาถึงตัวบุคคลผู้กอ่ นติ ิสัมพันธ์ จะพบวา่ เป็นฝาุ ย เอกชนกบั เอกชน ส่วนวตั ถุประสงค์ คอื เพอ่ื ประโยชนส์ ่วนตวั โดยมีวธิ กี ารท่ีตอ้ งอาศยั ความสมัครใจ ของผกู้ ่อนติ ิสมั พันธ์ และในด้านเนอื้ หาจะเปน็ การเฉพาะราย เชน่ กฎหมายแพ่งที่วางระเบยี บความ เกยี่ วพันระหว่างบคุ คลเกยี่ วกับสถานภาพ สทิ ธิ และหนา้ ทข่ี องบคุ คลตามกฎหมาย กฎหมาย พาณิชยท์ ีว่ างระเบยี บความเก่ียวพนั ทางการค้าหรือธุรกิจระหว่างบคุ คล เปน็ ตน้ ๔.๒ การจัดแบ่งประเภทโดยพิจารณาจากลักษณะการใช้กฎหมาย การแบ่งวธิ ีนีเ้ ป็นการพจิ ารณาจากลกั ษณะการใชก้ ฎหมายเปน็ หลกั โดยสามารถแบง่ ได้ดังนี้ ๔.๒.๑ กฎหมายสารบญั ญตั ิ (Substantive Law) กฎหมายสารบัญญตั ิ หมายถงึ เปน็ กฎหมายท่ีกาหนดถงึ ความสัมพนั ธ์ระหว่างบคุ คลท่ี เป็นราษฎรด้วยกนั เชน่ กฎหมายสารบัญญตั ใิ นทางแพ่ง ได้แก่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สว่ นกฎหมายสาระบญั ญตั ใิ นทางอาญา ได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญา เปน็ ตน้ ๔.๒.๒ กฎหมายวิธีสบัญญัติ (Adjective or Procedural Law) กฎหมายวธิ สี บัญญัติ หมายถึง กฎหมายทีบ่ ญั ญตั กิ ระบวนการบงั คบั ใช้กฎหมายให้ เป็นไปตามกฎหมายสาระบญั ญตั ิ เชน่ กฎหมายวธิ พี จิ ารณาความแพง่ ทีก่ าหนดถึงวิธีดาเนินการทาง ศาลเกีย่ วกับคดีแพ่ง หรอื กฎหมายหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญาท่ีกาหนดถึงวธิ ีดาเนินกระบวนการ ทางศาลเก่ียวกบั คดีอาญา เปน็ ตน้ เรอื่ งเดมิ , หนา้ ๖. เรอ่ื งเดมิ , หนา้ ๘. เร่ืองเดมิ , หน้า ๖. เรอื่ งเดิม, หน้า ๖. เรอ่ื งเดิม, หนา้ ๙. เรื่องเดมิ , หนา้ ๙.
10 คาถามท้ายบท ขอ้ ๑. จงอธิบายความหมายของ “กฎหมาย” มาพอสังเขป ขอ้ ๒. ความสาคญั ของกฎหมายมีอะไรบา้ ง จงอธบิ าย ขอ้ ๓. ลกั ษณะของกฎหมายประกอบดว้ ยอะไรบ้าง จงอธิบาย ขอ้ ๔. การแบง่ ประเภทของกฎหมายมวี ิธกี ารแบง่ อย่างไรบ้าง จงอธบิ าย ข้อ ๕. นางสาวแดงครโู รงเรยี นประถมศกึ ษาช้ันปที ี่ ๓ แหง่ หนึง่ ไดม้ อบหมายการบ้านให้แก่ นกั เรียนภายในชัน้ เรียนโดยเขียนคาสั่งบนกระดานดว้ ยวา่ “หากนกั เรยี นคนใด ไมท่ าการบา้ นมาสง่ ใน วนั พรงุ่ น้ี จะถกู ลงโทษด้วยการให้ทาแบบฝึกหดั คณติ ศาสตร์เพม่ิ เตมิ อกี ๕ ข้อ” ใหว้ นิ จิ ฉัยวา่ คาสั่งดงั กล่าวเปน็ กฎหมายหรือไม่ เพราะเหตใุ ด
11 เอกสารอา้ งอิง เอกสารภาษาไทย หนงั สือ พจนานกุ รมศพั ทก์ ฎหมายไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. พิมพค์ รง้ั ท่ี ๔.จงั หวดั นครปฐม:บริษทั รุ่งศลิ ป์ การพิมพ์(๑๙๗๗) จากัด, ๒๕๕๖. พชิ ยั ศกั ด์ิ หรยางกูร. ภาษติ กฎหมาย ลาติน –ไทย. พิมพค์ รั้งที่ ๒.กรงุ เทพมหานคร:โรงพมิ พ์เดือน ตลุ า, ๒๕๕๔. ภูมชยั สุวรรณดี มานติ ย์ จมุ ปา ชิตาพร พิศลยบุตร โตะ๊ วเิ ศษกุล. ความรู้เบือ้ งตน้ เกี่ยวกบั กฎหมาย ทั่วไป (Introduction to Law). พมิ พ์ครงั้ ท่ี ๖. กรุงเทพมหานคร:สานกั พิมพ์นติ ิธรรม, ๒๕๔๙. วณิ ฏั ฐา แสงสขุ ฐติ พิ ร ลม้ิ แหลมทอง. ความร้เู บื้องต้นเก่ยี วกบั กฎหมายท่วั ไป Introduction to Law. พมิ พค์ รั้งท่ี ๒.กรงุ เทพมหานคร:สานักพิมพม์ หาวทิ ยาลยั รามคาแหง, ๒๕๕๓. หยุด แสงอุทัย. ความรเู้ บื้องต้นเก่ียวกับกฎหมายทั่วไป . พิมพค์ ร้งั ที่ ๒๐.กรุงเทพมหานคร :บริษัท พิมพด์ ี จากดั , ๒๕๕๙.
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: