Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พระพุทธศาสนา ม.4-6 หน่วยที่ 2

พระพุทธศาสนา ม.4-6 หน่วยที่ 2

Published by pim, 2021-05-08 03:12:11

Description: พระพุทธศาสนา ม.4-6 หน่วยที่ 2

Search

Read the Text Version

พระพทุ ธศาสนา ม.๔-๖ หน่วยที่ ๒ หลักการของพระพุทธศาสนา

หลักการของพระพุทธศาสนา หลกั การของพระพทุ ธศาสนา

หลกั การของพระพุทธศาสนา ๑. ขอ้ ปฏบิ ัตทิ างสายกลางในพระพุทธศาสนา ๑.๑ พระพทุ ธศาสนามีทฤษฎีและวิธกี ารที่เป็นสากล พระพทุ ธศาสนามที ฤษฎีและวธิ ีการท่เี ปน็ สากล คือ หลักอริยสจั ๔ หมายถงึ หลักความจริงอันประเสริฐของชีวิตมี ๔ ประการ ไดแ้ ก่ ทุกข์ สมุทัย (ความไมส่ บายกายและใจ) (สาเหตุทที่ าให้เกิดทกุ ข์) อริยสัจ ๔ นโิ รธ มรรค (แนวทางการปฏิบัติ (วิธีการดับทกุ ข์) ใหถ้ งึ การดบั ทกุ ข์)

หลกั การของพระพทุ ธศาสนา ๑.๒ พระพทุ ธศาสนามีขอ้ ปฏบิ ัตทิ ย่ี ึดทางสายกลาง ขอ้ ปฏิบตั ทิ ย่ี ึดทางสายกลางของพระพทุ ธศาสนาเรยี กว่า “มชั ฌมิ าปฏปิ ทา” อันไดแ้ ก่ “อรยิ มรรคมีองค์ ๘” ได้แก่ ๑) ความเห็นชอบ (สมั มาทฏิ ฐิ) ๒) ความดาริชอบ (สัมมาสงั กปั ปะ) ๓) เจรจาชอบ (สมั มาวาจา) ๔) การกระทาชอบ (สมั มากมั มันตะ) ๕) การเลยี้ งชพี ชอบ (สัมมาอาชีวะ) ๖) พยายามชอบ (สัมมาวายามะ) ๗) ระลึกชอบ (สมั มาสติ) ๘) ตงั้ จิตมั่นชอบ (สัมมาสมาธิ)

หลักการของพระพทุ ธศาสนา ๒. การพัฒนาศรัทธาและปัญญาทางพระพุทธศาสนา ๒.๑ การพฒั นาศรัทธา ศรัทธา แปลวา่ ความเช่อื ความศรทั ธาในพระพทุ ธศาสนานน้ั จะตอ้ งเปน็ ความ เชือ่ มน่ั ในคุณงามความดที ี่ประกอบด้วยเหตุผล ผ้มู ีวิญญาณแหง่ “ผใู้ ฝ่ร”ู้ ศรทั ธาทจี่ ะ นาไปสกู่ ารพฒั นา ไดแ้ ก่ การพฒั นาศรัทธา ๑. เช่ือมนั่ ในความดงี าม ๒. เชือ่ ม่นั ในกฎแห่งการ ๓. เช่ือมัน่ วา่ มนษุ ยต์ อ้ ง รับผิดชอบต่อการกระทา ของมนุษย์ กระทาและผลของการกระทา และผลของการกระทาน้ัน

หลกั การของพระพทุ ธศาสนา ๒.๒ การพฒั นาปัญญา ปญั ญา แปลวา่ รู้ทว่ั ถึง หมายความว่า ความรู้ในเรื่องใดถา้ รไู้ ม่ทวั่ ถึง ไม่ทะลุ ปรโุ ปร่ง ไม่รอบดา้ น ไม่นบั เป็นปญั ญาทแ่ี ท้ ปัญญาที่ควรพัฒนามี ๓ ลักษณะ ๒. ปญั ญารูค้ วามเจรญิ (อายโกศล) ๑. ปญั ญารู้จักความเส่อื ม ๓. ปัญญารจู้ ักวิธีการละเหตุ (อปายโกศล) แหง่ ความเส่ือมและสร้างเหตุ แหง่ ความเจริญ (อปุ ายโกศล)

หลักการของพระพทุ ธศาสนา ๓. ลักษณะประชาธิปไตยในพระพุทธศาสนา ๓.๑ หลกั ประชาธปิ ไตยท่ัวไปในพระพุทธศาสนา ลกั ษณะที่เป็นประชาธปิ ไตยในพระพุทธศาสนามดี งั น้ี ๑) พระพุทธศาสนามีพระธรรมวนิ ัยเป็นธรรมนญู หรือกฎหมายสงู สุด พระธรรม คือ คาสอนทีพ่ ระพทุ ธเจา้ ทรงแสดง พระวนิ ัย คือ คาส่ังอนั เป็นข้อปฏบิ ตั ิที่พระพทุ ธเจา้ ทรงบญั ญตั ิข้ึน

หลกั การของพระพทุ ธศาสนา ๒) มกี ารกาหนดลกั ษณะของศาสนาไว้เรยี บรอ้ ย คือ สายกลาง คือ ศาสนาท่ี กลา่ วจาแนก แจกแจงตามความเปน็ จริง ๓) พระพุทธศาสนามีความเสมอภาคภายใตพ้ ระธรรมวินัย ๔) พระภกิ ษใุ นพระพทุ ธศาสนามีสทิ ธิ เสรีภาพภายใตพ้ ระธรรมวนิ ัย ๕) มีการแบง่ อานาจ พระเถระผูใ้ หญ่ทาหนา้ ทีบ่ รหิ ารปกครองหมคู่ ณะ ๖) พระพุทธศาสนามีหลกั เสียงขา้ งมาก คือ ใชเ้ สียงข้างมากเปน็ เกณฑ์ตดั สนิ

หลกั การของพระพุทธศาสนา ๓.๒ หลักประชาธปิ ไตยในการทีพ่ ระพทุ ธเจา้ ทรงมอบความเป็นใหญแ่ ก่สงฆ์ การมอบความเปน็ ใหญแ่ กส่ งฆม์ ลี ักษณะตรงกับหลกั ประชาธิปไตยหลายประการ สว่ นมากเป็นเร่อื ง สังฆกรรม คือ การประชุมกันทากจิ สงฆอ์ ยา่ งใดอยา่ งหนึง่ ใหส้ าเรจ็ ๓.๓ ลักษณะอน่ื ๆ ที่แสดงถงึ ความเป็นประชาธปิ ไตยในพระพุทธศาสนา ๑) พระพุทธเจา้ ทรงอนญุ าตให้ภิกษุศึกษาพระพทุ ธศาสนาดว้ ยภาษาใด ๆ กไ็ ด้ ๒) พระพทุ ธเจ้าทรงอนญุ าตใหพ้ ระสงฆป์ ฏบิ ัตคิ ลอ้ ยตามกฎหมายของประเทศท่ตี น อาศัยอยู่ ๓) กอ่ นปรินิพพาน พระพทุ ธเจา้ ทรงอนญุ าตไวว้ า่ ถ้าพระสงฆป์ รารถนาจะถอน สิกขาบทเล็กนอ้ ย (คือเลิกศลี ขอ้ เลก็ น้อย) เสยี กไ็ ด้

หลักการของพระพทุ ธศาสนา ๔. หลกั การของพระพทุ ธศาสนากับหลักวิทยาศาสตร์ หลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ หลกั การของพระพทุ ธศาสนา ๑. พระพุทธศาสนายอมรบั ความจรงิ ทางวัตถุ ๑. วทิ ยาศาสตรเ์ น้นวัตถนุ ยิ ม เชื่อว่าสสารและ พลังงานเทา่ นัน้ ทีเ่ ปน็ จรงิ ความสุขทางวัตถุ แต่เชอ่ื วา่ มีความจริงอ่นื นอกจากวตั ถุ เป็นสง่ิ ทีด่ ที ่สี ุด ๒. พระพุทธศาสนายอมรบั ประสาทสมั ผสั และ ๒. วิทยาศาสตร์เช่อื ว่าความจรงิ รบั รูไ้ ด้ด้วย ใหค้ วามสาคัญกบั การรบั รทู้ างจิต ประสาทสัมผัส

หลกั การของพระพุทธศาสนา หลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ หลักการของพระพทุ ธศาสนา ๓. วทิ ยาศาสตรไ์ ม่ยอมรบั ความจรงิ ทีเ่ ป็น ๓. พระพทุ ธศาสนายอมรบั ความจริงที่เปน็ นามธรรม คือ ความจริงทีร่ บั รดู้ ้วยประสาท นามธรรมและให้ความสาคัญ เชน่ ความดี สัมผสั ไมไ่ ด้ เชน่ ความดี ความชัว่ ความชวั่ ๔. วิทยาศาสตร์มุง่ ให้คนเราแสวงหาความสุข ๔. พระพุทธศาสนามงุ่ เน้นให้คนเราเปน็ คนดี ทางกาย ทง้ั กายและใจ ๕. วิทยาศาสตรใ์ หค้ วามสาคญั แกม่ ูลค่ามากกวา่ ๕. พระพุทธศาสนามงุ่ เน้นคณุ คา่ ความสงบ คณุ ค่า ความสุขทางใจทีเ่ กิดจากการทาดีและการ ละกิเลส

หลกั การของพระพทุ ธศาสนา การคิดตามนัยแหง่ พระพุทธศาสนาและการคดิ แบบวทิ ยาศาสตร์ การคิดแบบวทิ ยาศาสตร์ มคี วามแตกตา่ งจากการคิดตามนยั แหง่ พระพทุ ธศาสนา ดังน้ี ๑) วทิ ยาศาสตร์เชอ่ื วา่ ความจริงทางประสาทสมั ผสั มีส่วนประกอบยอ่ ย ๆ วิทยาศาสตร์ ศึกษา โดยการแยกแยะหรอื วิเคราะหส์ ว่ นประกอบลงไปจนถึงสว่ นเลก็ ทสี่ ดุ เช่น วิเคราะห์ลงไป จนถึงระดบั อะตอม หรือ ดีเอ็นเอ (DNA) ๒) การอธิบายความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งปรากฏการณ์ในเชิงเหตแุ ละผล วทิ ยาศาสตร์ เชือ่ ว่า ปรากฏการณ์ทง้ั หลายมปี รากฏการณ์อ่ืนเปน็ สาเหตุ

หลักการของพระพทุ ธศาสนา ๓) การสังเคราะห์ เมือ่ มคี วามรูใ้ นรายละเอยี ดแล้ว วิทยาศาสตรก์ น็ าความร้ทู ไ่ี ด้ ไปสังเคราะห์ คอื สร้างส่ิงใหม่ ปรบั ปรุง หรอื ดดั แปลง ๔) วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์ การคิดทงั้ ๓ ประการนัน้ อาศัยวธิ กี ารทางวิทยาศาสตร์ คอื การสังเกต การรวบรวมขอ้ มูลจากการสงั เกต การต้งั สมมตุ ฐิ าน การทดสอบสมมตุ ฐิ าน และ การสรปุ ผล ๕) การพสิ ูจน์แบบวทิ ยาศาสตรเ์ ป็นสาธารณะ คาวา่ สาธารณะ ในท่ีนี้หมายความว่า เปน็ ส่งิ ที่แสดงใหป้ รากฏอยา่ งเปดิ เผยได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook