๓๗ 7. การสนทนา เป็นการสื่อสาร 2 ทางอีกประเภทหน่ึง ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน สามารถ ดาเนินการเป็นกลุ่มหรือรายบุคคลก็ได้ โดยทั่วไปมักใช้อย่างไม่เป็นทางการเพ่ือติดตามตรวจสอบว่าผู้เรียน เกิดการเรียนรู้เพียงใด เป็นข้อมูลสาหรับพัฒนา วิธีการน้ีอาจใช้เวลา แต่มีประโยชน์ต่อการค้นหา วินิจฉัย ข้อปญั หา ตลอดจนเรอ่ื งอื่น ๆ ทอี่ าจเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการเรียนรู้ เช่น วธิ ีการเรยี นรู้ทแ่ี ตกต่างกัน เป็นต้น การนาผลการประเมนิ กจิ กรรมเพม่ิ เวลารไู้ ปใช้ การออกแบบกิจกรรมเพิ่มเวลารู้ ได้ออกแบบโดยเชื่อมโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด ซึ่งมี ทั้งด้านความรู้ ทักษะการปฏิบัติ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เม่ือครูผู้สอนจัดกิจกรรมเพิ่มเวลารู้และ ประเมินผลผู้เรียนแล้ว ผลการประเมินจะสะท้อนตัวช้ีวัดต่าง ๆ ที่ระบุไว้ในกิจกรรมน้ัน ๆ ผู้สอนสามารถนา ผลการประเมินไปใช้ในการผ่านตัวชี้วัดเหล่านั้นได้ นอกจากนี้ ถ้าผลการประเมินกจิ กรรมเพมิ่ เวลารู้ สะท้อนถึง ความสามารถในการอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และกจิ กรรมพฒั นาผเู้ รียน ผูส้ อน สามารถนาผลการประเมนิ นั้นไปเปน็ ส่วนหนึง่ ของการประเมนิ ผลดงั กล่าวได้
๓๘ บทท่ี 5 การขับเคล่ือนนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” กระทรวงศึกษาธิการกาหนดนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพิ่มเวลารู้” เพ่ือใหส้ ถานศกึ ษาสามารถบริหาร จัดการเวลาเรียนตามโครงสร้างหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 และจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรยี นไดร้ ับการพัฒนาครบทัง้ 4H มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม มที กั ษะและคุณลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ พร้อม สาหรับการดารงชีวติ ในศตวรรษที่ 21 และมคี วามสามารถในการแข่งขนั ระดับนานาชาติ การดาเนินงานตาม นโยบายให้ประสบความสาเร็จ จึงต้องอาศัยความร่วมมอื ของทุกฝา่ ยทัง้ ภาครฐั และเอกชน กลไกการขับเคล่ือนสกู่ ารปฏิบตั ิ การขับเคลื่อนนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมนั้น กระทรวงศึกษาธิการได้มอบหมายให้สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน ซ่ึงเป็นหน่วยงานหลักในการ จัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน เป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบาย และมีหน่วยงานท้ังภาครัฐและเอกชน ร่วมมือ สนับสนุนการดาเนินงาน เกิดเป็นกลไกการขับเคลื่อนนโยบายที่มีความชัดเจนและสอดคล้องกัน ดัง แผนภาพที่ 8
๓๙ กลไกการขบั เคลือ่ นนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิม่ เวลารู้” สู่การปฏบิ ตั ิ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ประกาศนโยบาย มอบนโยบาย สง่ เสริมสนบั สนุน กากับ ติดตาม รายงานผล สพฐ. วางแผน ภาคเี ครือขา่ ย สพป./สพม. สนับสนนุ กากบั ตดิ ตาม - องคก์ รภาครัฐ รายงานผล - องค์กรภาคเอกชน - เครือข่ายผปู้ กครอง วางแผน - ชุมชน สนบั สนุน นเิ ทศ กากบั ตดิ ตาม ฯลฯ รายงานผล สถานศกึ ษา วางแผน จัดกิจกรรม สนบั สนุน นิเทศภายใน รายงานผล แผนภาพท่ี 8 กลไกการขบั เคลอ่ื นนโยบาย “ลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้” สกู่ ารปฏิบตั ิ
๔๐ การขับเคลอ่ื นนโยบายสู่การปฏิบัติ การขับเคล่ือนนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมน้ัน สานักงาน คณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน ได้ดาเนินงานในรูปของคณะกรรมการ ประกอบด้วยสานัก/สถาบันต่างๆ ในสังกัดเป็นคณะกรรมการ และสานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาทาหน้าท่ีเป็นเลขานุการ คณะกรรมการ บทบาทของแต่ละหน่วยงานและขนั้ ตอนการดาเนนิ งาน มีดงั นี้ กระทรวงศกึ ษาธิการ 1. ประกาศนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” และมอบหมายให้สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษา ขน้ั พ้ืนฐาน เปน็ หนว่ ยงานหลักในการดาเนนิ การตามนโยบาย 2. สง่ เสริม สนับสนุนการนานโยบายไปสู่การปฏบิ ตั ิ โดยใหแ้ นวทางการดาเนินงานท่ีชัดเจน 3. กากบั ติดตาม และรายงานผลการขับเคลื่อนนโยบายอยา่ งตอ่ เนื่อง ต่อทปี่ ระชมุ คณะรฐั มนตรี สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐาน 1. วางแผนกาหนดแนวทางการขับเคล่ือนนโยบาย โดยการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคล่ือนนโยบาย ลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ 2. กาหนดหน่วยงานภายในสังกดั รบั ผิดชอบในด้านการสนับสนนุ นเิ ทศ กากับ ติดตาม และรายงานผล โดยเนน้ การมสี ว่ นร่วมของทกุ ฝ่าย ได้แก่ ๑) สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนโยบาย โดย จัดทาคู่มือการบริหารจัดการเวลาเรียน ตามนโยบาย “ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้” ชุดเอกสารกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ ประกอบการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติในระดับสถานศึกษาและระดับชั้นเรียน จัดประชุมแลกเปล่ียน เรียนรู้ และนาเสนอผลงานการจัดกจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลาร้ทู ป่ี ระสบผลสาเรจ็ ๒) ศูนย์พัฒนาการนิเทศและเร่งรัดการพัฒนาคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดอบรมทีม Core Smart Trainer และ Smart Trainer จัดทาระบบรายงานออนไลน์ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ให้กับทีม Smart Trainer พร้อมท้ังคู่มือการนิเทศ ติดตามและรายงานผลการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ และจัดทา เอกสารแนวทางการนิเทศการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้เพอ่ื พัฒนา 4H ๓) สานักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา จัดทาคู่มือการใช้คลังเมนูกิจกรรมสนับสนุนลดเวลา เรยี น เพ่มิ เวลารู้ขององค์กรและหน่วยงานภายนอก และทาการวิจยั เรอ่ื ง การศึกษายทุ ธศาสตร์การขับเคล่ือน นโยบายลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้ ของสานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน ๔) สานักทดสอบทางการศึกษา จดั ทาเครื่องมือประเมินผลการพัฒนาผู้เรยี น และสรปุ รายงานผล การขับเคลื่อนนโยบาย ๕) สานักติดตามและประเมินผลการจดั การศึกษาขัน้ พ้ืนฐาน แต่งต้งั คณะกรรมการติดตามการนา นโยบายลดเวลาเรยี น เพม่ิ เวลารู้ ไปปฏิบัติในทุกเขตพนื้ ที่การศึกษาและโรงเรียนในโครงการ ๖) สานักเทคโนโลยีเพ่ือการเรยี นการสอน จัดทาเว็บไซต์กลางในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ ขอ้ มลู ในการจัดการเรียนการสอนตามนโยบาย ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ๗) สานักพฒั นาครูและบุคลากรการศึกษาขัน้ พ้นื ฐาน เผยแพร่การอบรมผ่านระบบ TEPE ออนไลน์ ๘) สานักอานวยการ ประชาสัมพันธโ์ ครงการและกจิ กรรมของโครงการผา่ นส่ือต่างๆ ๙) สานกั นโยบายและแผนการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน ดูแลดา้ นงบประมาณของโครงการ
๔๑ 10) สานกั บรหิ ารงานการศกึ ษาภาคบังคับ ส่งเสรมิ สนบั สนุนสถานศึกษาในสังกดั จดั ฐาน กจิ กรรมการเรียนรู้ 4H 11) สานักบรหิ ารงานการมัธยมศกึ ษาตอนปลาย ส่งเสรมิ สนับสนนุ สถานศึกษาในสงั กัดจดั ฐาน กจิ กรรมการเรียนรู้ 4H ๑๒) สานกั พฒั นากิจกรรมนักเรยี น ส่งเสริมสนับสนุนสถานศกึ ษาจัดฐานกิจกรรมพฒั นาสุขภาพ (Health) ๑๓) สานกั พัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิตกิ ร สนบั สนนุ ขอ้ มูลสารสนเทศเกีย่ วกับบุคลากร ทางการศกึ ษาของสถานศกึ ษาในโครงการ 14) ศนู ยพ์ ฒั นาคุณภาพการศึกษาดว้ ยเทคโนโลยีการศกึ ษาทางไกล สนบั สนนุ การดาเนินงาน ตามนโยบายลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้ผา่ นระบบ DLTV และ DLIT สานกั งานเขตพื้นท่กี ารศึกษา 1. วางแผน กาหนดแนวทางขับเคล่ือนนโยบาย ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ ในระดับเขตพื้นท่ี จัดทา มาตรการในการส่งเสริม สนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายสู่การปฏิบัติ ซึ่งมีผู้อานวยการสานักงานเขตพื้นที่ การศึกษาเป็นผนู้ าในการขับเคล่อื นนโยบาย (Core Smart Trainer) 2. แตง่ ต้ังผู้รับผดิ ชอบโดยเนน้ การมีสว่ นร่วมของทกุ ฝ่าย ไดแ้ ก่ ๑) คณะทางาน ติดตาม ตรวจสอบและนิเทศการศึกษาของเขตพ้ืนที่การศึกษา (ก.ต.ป.น.) มี ผูอ้ านวยการกลุม่ ประธานเครอื ขา่ ย ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นคณะทางานขับเคลือ่ นนโยบายในระดับเขตพ้นื ที่ ๒) กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา มีหน้าที่นิเทศ ติดตามให้ความช่วยเหลือ โรงเรยี นในการจัดกจิ กรรมเพ่ิมเวลารู้ ๓) กลุ่มอานวยการ มีหน้าท่ีประสานความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายในการสนับสนุนการจัด กิจกรรมลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้ ๔) กลุ่มนโยบายและแผน มีหน้าท่ีในการจัดสรรงบประมาณเพื่อสนับสนุนในการจัดกิจกรรมเพิ่ม เวลารู้ ๕ ) กลุ่ม ส่งเสริม การศึกษ า มีห น้ าที่ ป ระสาน ค วาม ร่วม มื อ สนั บ ส นุ น แห ล่งเรียน รู้ ๖) กลุม่ บรหิ ารงานบุคคล มีหน้าท่พี ัฒนาศกั ยภาพบคุ ลากรในการจัดกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ 3. สร้างภาคีเครอื ข่ายความร่วมมอื จากหน่วยงานภายนอกในการเข้ามาให้ความร่วมมือและสนับสนุน การดาเนนิ การ ๔. ประชุมชแ้ี จง สรา้ งความตระหนกั ความเข้าใจในแนวปฏบิ ัตใิ หผ้ ูบ้ ริหาร ครู และผทู้ ่เี ก่ียวข้อง ๕. นิเทศ ติดตามให้ความช่วยเหลือโรงเรียนในการดาเนินงานโดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของทุก ฝา่ ยที่เกยี่ วข้อง ๖. ส่งเสรมิ ให้ผทู้ ม่ี สี ่วนเก่ียวขอ้ งพฒั นานวตั กรรมเพ่อื นานโยบายสกู่ ารปฏิบตั ิ ๗. รายงานผลการปฏิบัติการขับเคล่ือนนโยบายให้ผู้ที่เก่ียวข้องได้รับทราบความก้าวหน้า อุปสรรค และความสาเร็จ ๘. เผยแพร่ผลการดาเนินงาน การจัดเวทีแลกเปล่ียนเรียนรู้ในระดับเขตพื้นที่การศึกษา การ ประชาสัมพนั ธ์ผ่านช่องทางทห่ี ลากหลาย
๔๒ สถานศกึ ษา ๑. ศกึ ษาวิเคราะห์นโยบายลดเวลาเรยี น เพ่ิมเวลารู้ ๒. แต่งต้ังคณะทางานผ้รู ับผิดชอบโดยเน้นการมสี ว่ นร่วมของทกุ ฝา่ ยท่ีเกย่ี วข้อง ๓. ประชมุ ชี้แจงสร้างความเข้าใจการดาเนินงานใหก้ บั ผ้เู ก่ยี วข้องทุกฝา่ ย ๔. กาหนดภาพความสาเรจ็ ของการขับเคลอื่ นนโยบายลดเวลาเรยี น เพ่มิ เวลารู้ ๕. วิเคราะห์และปรับโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาให้สอดคล้องกับกิจกรรมเพ่ิมเวลารู้ และบริบท ของสถานศกึ ษา ๖. จดั ทาสารสนเทศตามความถนัด ความสนใจ ของผู้เรียนเปน็ รายบคุ คล ๗. จดั เตรียมสื่อ แหลง่ เรียนรู้ อาคารสถานที่ เพ่ือสนับสนนุ การจดั กจิ กรรมเพ่มิ เวลารู้ ๘. สร้างภาคีเครือข่ายความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอกในการเข้ามาให้ความร่วมมือและ สนับสนุนในการจัดกจิ กรรมเพ่มิ เวลารู้ ๙. ออกแบบกระบวนการนเิ ทศ กากบั ตดิ ตามการดาเนินงาน ๑๐. ออกแบบกระบวนการสะท้อนผลการดาเนนิ งานและรายงานผลอยา่ งตอ่ เน่ือง ๑๑. เผยแพร่ผลการดาเนนิ งาน เวทแี ลกเปลีย่ นเรยี นรู้และประชาสัมพันธผ์ ่านชอ่ งทางทห่ี ลากหลาย บทบาทของผู้ท่ีเกยี่ วขอ้ งในระดบั สถานศกึ ษา สถานศึกษา คือ หนว่ ยงานระดบั ปฏบิ ัตติ ามนโยบาย ลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ บุคลากรในสถานศึกษา มีบทบาท และหนา้ ที่ ดงั น้ี ผู้บริหาร 1. เป็นผ้นู าการขบั เคลอื่ นนโยบายลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ ระดบั โรงเรียน สรา้ งความตระหนกั ความ เขา้ ใจ อานวยความสะดวก และใหค้ าแนะนาในการดาเนนิ งานการจัดกิจกรรม ๒. ส่งเสรมิ สนับสนนุ ให้ครพู ัฒนานวตั กรรมการจดั กิจกรรม เพมิ่ เวลารู้ ๓. ประสานและแสวงหาแหล่งเรยี นรู้นอกสถานศึกษา ภูมิปัญญาตา่ งๆ และความร่วมมอื จากชมุ ชน ๔. นิเทศ กากบั ตดิ ตามการจัดกิจกรรมเพมิ่ เวลารู้ ๕. จัดประชุม เสวนา ทบทวนหลังการปฏิบัติงาน (After Action Review: AAR) และนาผลไปใชใ้ น การพฒั นาต่อไป ครูผู้สอน ๑. วิเคราะหผ์ เู้ รียนเป็นรายบุคคลและจดั ทาฐานข้อมลู สารสนเทศเกี่ยวกบั ความสนใจ ความถนดั ความตอ้ งการ จาแนกเป็นระดับช้ันเรยี นและรายบุคคล ๒. วิเคราะห์หลกั สตู รสถานศึกษาในรายวชิ าทีร่ ับผิดชอบและออกแบบกจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ ๓. จัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ โดยเน้นการสรา้ งแรงจูงใจผ้เู รยี น จดั การเรยี นรู้แบบบรู ณาการ ๔. ประเมนิ และสะทอ้ นผลการเรียนรู้ของผูเ้ รยี น เพ่ือให้มีการปรบั ปรงุ และพฒั นาการเรียนรู้ ๕. ประชุม เสวนา ทบทวนหลงั การปฏบิ ตั ิ เพื่อแลกเปลย่ี นเรยี นรแู้ ละนาผลมาพฒั นาการจัดกิจกรรม
๔๓ ผเู้ รียน 1. สารวจความสนใจ ความต้องการ และศักยภาพของตนเองเพื่อวางแผนการเรยี นร้แู ละพฒั นาตนเอง 2. เข้าร่วมกิจกรรมเพิ่มเวลารู้ตามตารางเรียน และวิธีการเรียนรู้ที่กาหนดอย่างกระตือรือร้น และ สนองตอบต่อกิจกรรมเตม็ ตามศักยภาพและขดี ความสามารถของตนเอง ๓. ร่วมนาเสนอผลการเรียนรู้ของตนเองอย่างภาคภมู ิ ผปู้ กครองและผู้ที่มสี ่วนเก่ยี วข้อง 1. สง่ เสริม สนบั สนุนใหส้ ถานศกึ ษาดาเนินกิจกรรมตามนโยบายลดเวลาเรียน เพ่มิ เวลารู้ 2. สง่ เสริม สนับสนนุ ผเู้ รียนในการปฏบิ ัติกจิ กรรมลดเวลาเรยี น เพิม่ เวลารู้ ๓. ประเมินความกา้ วหน้าและให้ข้อมลู ย้อนกลบั ในการดาเนินกิจกรรมเพ่มิ เวลารู้ ๔. ร่วมชน่ื ชมผลงานของผูเ้ รยี นและสถานศึกษา สอื่ และแหล่งเรียนร้ทู ี่สนบั สนุนการขับเคล่ือนนโยบายลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานและองค์กรต่างๆ ไดจ้ ัดทาเว็บไซตเ์ พ่ือสนับสนุนการ ดาเนนิ งานโครงการลดเวลาเรียน เพม่ิ เวลารู้ ดงั นี้ 1. http://mcmk.obec.go.th เว็บไซต์กลางการขบั เคลื่อนนโยบายลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้ เพ่ือการประชาสัมพันธแ์ ละการ เผยแพร่ข้อมูล จดั ทาโดยสานักเทคโนโลยเี พื่อการเรยี นการสอน ๒) http://moderateclass.innoobec.com/moderate.php
๔๔ คลังเมนูกิจกรรมสนับสนุน ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ขององค์กรและหน่วยงานภายนอก เพ่ือให้ ครูไดน้ าไปปรับใชใ้ นการจดั กจิ กรรมลดเวลาเรียน เพ่ิมเวลารู้ ให้สอดคล้องกับบรบิ ทของสถานศึกษา จัดทาโดย สานักพัฒนานวตั กรรมทางการศึกษา ๓) http://www.esdc.go.th/home/dawnhold/4h ระบบการนิเทศติดตาม และรายงานผลการจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ สาหรับ Core smart trainer และโรงเรียนในโครงการ จัดทาโดยศูนย์พัฒนาการนิเทศและเร่งรัดคุณภาพการศึกษาข้ัน พ้นื ฐาน ๔) http://www.dlit.ac.th/
๔๕ คลังวีดิโอและส่ือการสอนประเภทต่างๆ ท่ีครสู ามารถ Download ไปศกึ ษาได้ จดั ทาโดยศนู ย์ พัฒนาคณุ ภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล ๕) www.thaiteachers.tv แหล่งรวมวดี ิโอและสอ่ื การสอนของกลมุ่ สาระการเรียนรู้ตา่ งๆ เพือ่ การพัฒนาครู จัดทาโดย สานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ๖) http://hp.anamai.moph.go.th/ewt_dl_link.php?nid=486
๔๖ แนวทางการดาเนินงานนโยบายลดเวลาเรยี น เพมิ่ เวลารู้ ดา้ นสุขภาพ จดั ทาโดยสานกั สง่ เสริม สขุ ภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
ภาคผนวก
ภาคผนวก ก จดุ มุ่งหมายทางการศกึ ษาของ Benjamin Bloom
49
50
51
52
ภาคผนวก ข ตวั อยา่ งกจิ กรรม
๕๔ ผังมโนทศั น์การจดั กิจกรรมเพมิ่ เวลารู้ กิจกรรมพฒั นาสมอง (Head) HEART การมีจติ สานึกทดี่ ี ในการเลือกใช้สื่อเพ่อื เผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสาร ท่สี ง่ ผลกระทบต่อ คุณภาพชีวิตและไม่ละเมดิ ลขิ สทิ ธ์ิ เกมลา่ ท้าสอ่ื HEAD คดิ วิเคราะห์ วิจารณ์ พิจารณาความน่าเชือ่ ถอื ของข้อมูลข่าวสารทีห่ ลากหลาย โดยใช้หลกั เหตุผล ในการตดั สินใจท่ีจะเชื่อหรือไมเ่ ชื่อ HAND HEALTH การใชท้ ักษะสืบค้นข้อมูลจาก ตรวจสอบส่ือโฆษณา ท่ีเกี่ยวข้องกบั แหลง่ ข้อมลู ที่หลากหลายเพอ่ื นามา สขุ ภาพ และเลือกบริโภคไดอ้ ย่าง ประกอบการพจิ ารณาตดั สินใจ เหมาะสม ตวั ชวี้ ัด • ท 1.1 ป.4/3-6, ท 1.1 ป.5/4-5, ท 1.1 ป.6/5, ท 1.1 ม.2/2-6, ท 1.1 ม.3/8 • พ 1.1 ม.3/3, พ 4.1 ป.5/3, พ 5.1 ป.5/4 สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น • ความสามารถในการสอื่ สาร • ความสามารถในการคดิ • ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ • ซ่อื สัตยส์ จุ ริต • มวี นิ ยั • มุ่งม่นั ในการทางาน
๕๕ เกมลา่ ทา้ ส่ือ ควรเรยี นรู้อะไรมำก่อน ตัวชวี้ ัด - ประเภทและชนดิ ของแหล่งขอ้ มลู ท 1.1 ป.4/3-6, ท 1.1 ป.5/4-5, - วธิ ีการสบื คน้ ขอ้ มูล จากแหลง่ ขอ้ มลู ท่ี ท 1.1 ป.6/5, ท 1.1 ม.2/2-6, หลากหลาย ท 1.1 ม.3/8, พ 1.1 ม.3/3, พ 4.1 ป.5/3, พ 5.1 ป.5/4 พฒั นำผเู้ รยี นอย่ำงไร นำกจิ กรรมไปใชอ้ ย่ำงไร ความรู้ - ใช้กบั นกั เรยี นระดับชน้ั ป.๑ – ม.3 โดย นกั เรยี นจะไดค้ ิดวิเคราะห์ วิจารณ์ พิจารณา พิจารณาใหเ้ หมาะสมกบั วยั ความนา่ เชอ่ื ถือของข้อมูลขา่ วสารทหี่ ลากหลาย - สามารถจดั กจิ กรรมคละชน้ั เรยี นได้ โดยใช้หลักเหตผุ ล - เลอื กสื่อทนี่ ามาใชใ้ ห้เหมาะสมกบั วยั สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน เพ่ือใหน้ กั เรยี นได้รับประสบการณแ์ ละ ความสนกุ สนาน ความสามารถในการสอ่ื สาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ซือ่ สัตย์สจุ รติ มีวนิ ยั มงุ่ มน่ั ในการทางาน เกณฑค์ วำมสำเร็จ 1. รู้ เขา้ ใจ สามารถเลา่ /ตอบคาถาม/อธบิ ายเก่ียวกบั ข้อมลู ข่าวสารทไ่ี ดจ้ ากสือ่ 2. สามารถวิเคราะห์ วจิ ารณ์ พิจารณาความนา่ เชือ่ ถอื ของข้อมลู ข่าวสารที่หลากหลาย โดยใช้หลกั เหตผุ ล เพือ่ ตัดสนิ ใจที่จะเชอ่ื หรือไมเ่ ช่ือ 3. สามารถนากระบวนการคิดอยา่ งมีวจิ ารณญาณไปประยุกต์ใช้ในการดารงชวี ิตได้ ข้อเสนอแนะ สามารถปรับเนื้อหา หรอื ขน้ั ตอนการจดั กจิ กรรมไดต้ ามความเหมาะสมกบั ผเู้ รียน
๕๖ กระบวนการจัดกจิ กรรม สร้างความสนใจ 1. แจกตัวอย่าง ข่าว ภาพ โฆษณา เนอื้ หาตา่ งๆ จากสอื่ ให้นักเรยี นแต่ละคน 2. ถามนักเรยี นดว้ ยคาถามต่อไปน้ี สารวจและคน้ หา อธิบายและลงข้อสรปุ - นกั เรยี นไดร้ ับข่าวสารหรอื เนื้อหาเรอ่ื งใด ขยายความรู้ - ขา่ วสารหรือเนือ้ หาทน่ี ักเรยี นไดร้ ับ มาจากส่ือประเภทใด - นักเรยี นได้อะไรจากขา่ วสารหรอื เนือ้ หาดังกล่าว และรสู้ ึกอย่างไร ประเมิน - นกั เรียนมขี ้อสงสัย เกีย่ วกับเน้ือหาสอื่ ที่ได้รบั อย่างไร - นกั เรียนเชอื่ ถือหรอื ไมเ่ ช่ือถือเนื้อหาจากส่ือทไี่ ดร้ บั 3. นักเรียนดวู ีดิโอขา่ ว “ช็อกดับคาห้องนอน ว่าทเ่ี จ้าสาวกินยาเสริมความงาม” ชใ้ี หเ้ หน็ ปญั หาการเชื่อข่าวสาร คาโฆษณาที่สง่ ผลต่อชีวิต 4. แบง่ กลุ่มนักเรยี น กลุม่ ละ 3 - 5 คน นักเรียนค้นคว้าภาพ ข่าว หรือ โฆษณาชวนเชื่อ จากอนิ เทอรเ์ น็ต หรือสอ่ื ต่างๆ จากนนั้ นาเสนอหน้าห้อง ให้เพ่ือนๆ ชว่ ยกันแสดง ความคิดเหน็ ๕. ใหน้ กั เรยี นดูรูปภาพ Feed ขา่ วต่างๆ ทีป่ รากฏบน Facebook ให้นักเรียนดู ชี้ให้เห็นวา่ มี ขา่ ว feed มากมายในแต่ละวันมาจากหลายแหล่ง มีทงั้ ข่าวสาร รูปภาพ โฆษณาขายของ แลว้ ตง้ั คาถาม - นักเรยี นมคี วามรสู้ กึ อยา่ งไรกับสิง่ ท่ีเห็น - นักเรยี นจะร้ไู ด้อยา่ งไรวา่ ขา่ วไหนจรงิ ข่าวไหนลวง อันไหนเชือ่ ถอื ได้ อนั ไหน ไม่ควรเชอื่ - ทาอยา่ งไรจะสามารถพสิ จู น์ขา่ วได้ ๖. อภิปรายวธิ กี ารสังเกตภาพ ข่าว วธิ ีการพิสจู น์ขอ้ เทจ็ จรงิ ดว้ ยการสืบคน้ ข้อมูล ประกอบการตัดสนิ ใจ ฯลฯ ๗. แนะนารปู แบบการเลน่ เกม “เกมลา่ ทา้ สอ่ื ” ในรอบต่างๆ พร้อมกฎกติกา ทาความเข้าใจร่วมกัน ๘. นกั เรียนเรม่ิ เล่นเกม (ดรู ายละเอยี ดทใ่ี บกิจกรรม “เกมล่าทา้ สือ่ ”) ๙. ร่วมกันเฉลยคาตอบแต่ละคาถามในแตล่ ะรอบ หลงั แข่งขันเสร็จ พร้อมใหข้ ้อคิด/ เหตุผลในการพจิ ารณาสอ่ื ในแต่ละข้อ พร้อมอภิปรายแนวทางในการนาไปใช้ใน ชวี ติ ประจาวนั ๑๐. รวมคะแนน ทีมที่ได้คะแนนสูงสดุ ได้เล่นต่อในรอบท่ี 4 “พชิ ิตราชาลา่ ท้าส่ือ” หากตอบถูก ทีมผชู้ นะจะได้ตาแหนง่ “ราชาล่าท้าสื่อ” และไดร้ ับรางวลั (ครเู ตรียม รางวลั เลก็ ๆน้อยๆ ให้ผชู้ นะ และรางวัลปลอบใจสาหรบั ทมี ทีเ่ หลอื ) ๑๑. นักเรยี นอภิปรายเกีย่ วกับ “เกมล่าท้าสื่อ” ไดแ้ ก่ - ความประทบั ใจ - เทคนิคในการเล่นเกม เช่น กระบวนการคดิ ทนี่ ามาซึง่ การตัดสนิ ใจ การใชเ้ หตผุ ลเพอ่ื เลอื กเชอ่ื หรือไม่เชื่อ ๑๒. สรุปความสาคัญของการใช้การรวบรวมขอ้ มลู เพ่ือคดิ พิจารณาเสพสอ่ื อยา่ ง
๕๗ รอบคอบ ระมดั ระวัง ตามหลักเหตผุ ล เพ่อื ตัดสินใจเชอ่ื -ไม่เชอื่ ข้อมูลข่าวสารที่ หลากหลาย ขอ้ ควรคานงึ - ครคู วรเลือกสือ่ ท่ีนามาใช้ให้เหมาะสมกับวยั เพ่อื ให้นักเรียนได้รับรู้ได้อย่างหลากหลาย - ครูควรปรบั เปลีย่ นภาพ หรือโจทย์ที่ใชใ้ หเ้ ข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบัน - ครคู วรช้ีให้เห็นว่าตัวเราล้อมรอบไปดว้ ยส่ือนานาชนิด ท้ังสือ่ ส่ิงพิมพ์ และ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์ เนื่องจากมีผอู้ อกแบบ มีผู้ผลิตสอื่ เพ่ือโน้มนา้ วชกั จูงใหเ้ ราเช่อื ใหเ้ ราคดิ คล้อยตามอย่างทเ่ี ขาต้องการ ดังน้นั เราจึงตอ้ งรู้เท่าทนั การโฆษณา เท่าทันต่อเนื้อหาตา่ งๆ ทน่ี าเสนอผา่ นสือ่ เท่าทนั ต่อเทคนิคทีใ่ ช้ในการสร้าง และปรบั แต่งสื่อ สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ - http://www.youtube.com - http://www.m-culture.go.th/ - http://www.inetfoundation.or.th/icthappy/index.php การประเมนิ ผล ๑. แบบสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นรายบคุ คล ๒. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการเขา้ รว่ มกิจกรรมของนักเรียน
๕๘ กตกิ า “เกมลา่ ทา้ สอื่ ” 1. แบง่ ผเู้ ขา้ แข่งขันเปน็ ทีม แตล่ ะทีมจะได้รับอุปกรณ์คือ tablet 1 เคร่ือง เพอ่ื ดสู ื่อมลั ติมีเดีย และคน้ หา ข้อมลู จากอนิ เทอรเ์ น็ต (ใช้ค้นหาได้ทุกรอบการแข่งขนั ) 2. เกมใชร้ ะบบสะสมคะแนน ทีมไดค้ ะแนนรวมจากเกมท้ัง 3 รอบมากทสี่ ดุ เป็นทมี ทชี่ นะ 3. เกมแบง่ เปน็ 3 รอบ แต่ละรอบมีรปู แบบเกมท่ีต่างกัน ดงั น้ี 3.1 รอบท่ี ๑ “ภาพแตง่ ลวงตา” (10 ภาพ ภาพละ 2 คะแนน) รูปแบบเกม ทายว่าภาพใดเป็นภาพทีม่ ีการแต่งเติม ตดั ต่อ หรอื เป็นภาพลวงตา พร้อมให้เหตุผล 3.2 รอบที่ ๒ “ขา่ วนี้มที ่ีมา” (10 คาถาม คาถามละ 5 คะแนน) รปู แบบเกม นกั เรียนดูข่าว แล้วสามารถตรวจเช็กขอ้ มูลวา่ เปน็ ความจริงหรือไม่ การตอบให้บอก วิธกี ารตรวจสอบขอ้ มลู ทถ่ี กู ต้องกับแหลง่ ขา่ วที่เชอื่ ถอื ได้ เช่น ข่าว “สงกรานตป์ ดิ ต้ังแต่วันที่ 12” ตอบวา่ ตอ้ งตรวจสอบกบั “กระทรวงมหาดไทย” เปน็ ตน้ (คาตอบอาจมีมากกวา่ หนง่ึ คาตอบ) 3.3 รอบ “ข่าวจริง-ขา่ วลวง” (3 คาถาม คาถามละ 10 คะแนน) รูปแบบเกม ดคู ลปิ วดี ิโอ/ข่าวท่แี ชรใ์ นโซเชียล แล้วหาขอ้ มูลเพ่อื สนับสนนุ การตอบว่าเช่ือ/ไม่เช่อื เพราะอะไร (เชน่ เชื่อ เพราะพิสจู นไ์ ด้ตามหลักวิทยาศาสตร์/มีประสบการณม์ าก่อน/มีการ อ้างอิงตามหลักวิชาการ (scholarly resources citation) ฯลฯ ไม่เชอ่ื เพราะรูปประกอบมีการ ตัดตอ่ /คน้ หาในเว็บไซต์พบว่าเปน็ ขา่ วปลอมพรอ้ มคาอธิบาย/เปน็ ไปไม่ไดต้ ามหลักวทิ ยาศาสตร์ ฯลฯ) 3.4 รอบ “พิชติ ราชาล่าทา้ ส่ือ” รูปแบบเกม ดูภาพและข้อความทอ่ี ้างว่าเป็นคาพูดของอบั ราฮัม ลนิ คอลน์ แลว้ ตอบวา่ เป็นคาพดู ของลนิ คอลน์ จรงิ หรือไม่ พรอ้ มระบเุ หตุผล โดยไมใ่ ช้อปุ กรณค์ ้นหาขอ้ มูล ให้เวลา 30 วนิ าที 4. ในการคน้ หาข้อมลู ทีมสามารถใชอ้ ปุ กรณ์สว่ นตวั เชน่ โทรศัพท์มอื ถือ ชว่ ยหาข้อมูลได้ แตม่ ีข้อแม้วา่ จานวนอปุ กรณเ์ พิม่ เติมต้องเท่ากนั ทกุ ทีม
๕๙ ตัวอย่างภาพคาถามรอบท่ี 1 “ภาพแตง่ ลวงตา”
๖๐ ตัวอยา่ งคาถามรอบท่ี 2 “ข่าวนีม้ ีที่มา” คำถำม : “จะตรวจสอบขอ้ เทจ็ จริงของข่ำวเหลำ่ นไ้ี ด้จำก...” 1. “ประกาศ คสช. ฉบับท่ี 9 สงั่ ให้สถานศึกษาทุกแห่งหยุดทาการต้งั แตว่ นั ที่ 23 พฤษภาคม 2559 ถงึ 1 สงิ หาคม 2559” 2. “วนั วสิ าขบชู าท่จี ะถงึ นี้ ร้านเจต้ อ้ ยแจกขา้ วมนั ไก่ฟรีทัง้ รา้ น!!!” 3. “ราคาน้ามนั ปรับตัวข้ึนอีก 50 สตางค์” 4. “พายลุ ูกใหญ่จะเข้าสูอ่ า่ วไทยในวนั พรุ่งนี้” 5. “รฐั บาลประกาศเพ่ิมภาษมี ลู คา่ เพ่ิมเป็น 20 เปอรเ์ ซ็นต์” 6. “ธนาคารจะเพ่มิ ดอกเบ้ยี เงินฝากรายบคุ คลเปน็ ร้อยละ 2” 7. “ก่อนขบั รถออกจากบ้าน ต้องติดเครื่องท้ิงไวป้ ระมาณ 5 นาที เพ่ืออุ่นเครอ่ื งยนต์” 8. “สปั ดาหห์ น้าจงั หวดั จะจัดมหกรรมธงฟา้ ราคาประหยดั ” 9. “เดนิ ทางไปฟิลปิ ปินส์ต้องทาวซี า่ หรอื ไม่” ๑๐. “ใชท้ หี่ นีบด้งั จมกู แบบนักระบาใตน้ ้า แลว้ ด้งั จะโด่งข้นึ ” ตัวอยา่ งคาถามรอบท่ี 3 “ข่าวจริง – ข่าวลวง” ขา่ วท่ี 1 ขายยาเสริมความงาม ที่มา Facebook : เมย์-ขายยาลดความอว้ น-และครีมหน้าขาว
๖๑ ข่าวที่ 2 ลดน้าหนักด้วยนา้ ตาล ข่าวที่ 3 ลอกผวิ ขาว ท่ีมา : http://pantip.com/topic/32282625
๖๒ คาถามรอบ 4 “พชิ ิตราชาล่าท้าส่อื ” นค่ี อื คำพูดของลนิ คอลน์ ประธำนำธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกำ จริงหรือไม…่ “อยา่ เชือ่ ทุกอย่างทีค่ ณุ ไดอ้ ่านบนอนิ เทอร์เน็ตแค่เพียงเพราะว่ามีรปู ภาพกับคากลา่ ว (ที่ว่ากันวา่ )คน ๆ น้นั ได้กล่าวไวว้ างอยคู่ กู่ ัน” – อับราฮัม ลินคอล์น “อยา่ เชื่อทกุ อย่างท่คี ุณได้อา่ น บนอนิ เทอรเ์ นต็ แค่เพยี ง เพราะว่ามีรูปภาพกับคากลา่ ว (ท่ีวา่ กนั วา่ ) คนๆนั้นไดก้ ลา่ ว ไว้ วางอยู่คู่กัน” – อับราฮัม ลนิ คอล์น
๖๓ ผังมโนทศั นก์ ารจดั กิจกรรมเพ่มิ เวลารู้ กิจกรรมพัฒนาสมอง (Head) นา้ จะหมดโลกจริงหรอื HEAD การคิดวิเคราะห์ หาแนวทางแก้ปญั หา ในสถานการณ์ภัยแลง้ HAND HEART การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ในบทบาท ร้จู กั บทบาทหนา้ ทท่ี ่ีแตกต่างในสงั คม มี หนา้ ทต่ี า่ งๆ จิตสาธารณะ ตลอดจนมีทัศนคติทด่ี ีใน การทางานรว่ มกับผู้อื่น ตัวชี้วัด • ว ๑.๑ ป.๒/๕, ว ๒.๒ ป.๓/๒-๓, ว ๑.๑ ป.๔/๒, ว ๖.๑ ป.๕/๒, ว ๒.๒ ป.๖/๔, ว ๖.๑ ม.๑/๗, ว ๖/๑ ม.๒/๗, ว ๒.๑ ม.๓/ ส ๕.๒ ป.๕/๓ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน • ความสามารถในการสอ่ื สาร • ความสามารถในการคดิ • ความสามารถในการแก้ปัญหา • ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ • อยู่อย่างพอเพยี ง • มีจติ สาธารณะ
๖๔ น้าจะหมดโลกจรงิ หรือ ควรเรียนรู้อะไรมำกอ่ น ตัวช้วี ัด ว ๑.๑ ป.๒/๕, ว ๒.๒ ป.๓/๑–๒, ว ๑.๑ ป.๔/๒, 1. ทรพั ยากรน้า ว ๖.๑ ป.๕/๒, ว ๒.๒ ป.๖/๔, ว ๖.๑ ป.๖/๓ 2. บทบาทและความรับผดิ ชอบ ว ๖.๑ ม.๑/๗, ว ๖/๑ ม.๒/๗, ว ๒.๑ ม.๓/๓, ของผูน้ า ว ๒.๒ ม.๓/๓, ส ๔.๒ ป.๑/๒, ส ๕.๒ ป.๒/๔, ส ๕.๒ ป.๓/๒, ส ๕/๒ ป.๔/๒, ส ๕.๒ ป.๕/๓ ส ๕.๒ ม.๒/๓, ส ๕.๒ ม.๓/๓ พัฒนำผูเ้ รยี นอย่ำงไร นำกจิ กรรมไปใชอ้ ย่ำงไร ผเู้ รยี นแกไ้ ขปัญหาจากสถานการณ์ทกี่ าหนด เปน็ กิจกรรมทเ่ี หมาะสมกับ ผา่ นสถานการณส์ มมติ เพ่ือรู้จกั และเขา้ ใจบทบาท นักเรียนทุกระดบั ช้นั ในการปลูกฝงั หนา้ ท่ี ที่แตกต่างในสงั คม จติ สานกึ และการแสดงออกถึงการ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน แกไ้ ขปญั หาจากสถานการณท์ ี่กาหนด ความสามารถในการคิด การแก้ปญั หา ควรเลือกใช้คาถามท่เี หมาะกับ การส่อื สาร การใช้เทคโนโลยี และการใช้ทักษะ วัยของนักเรยี น ชวี ิต คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ มีจติ สาธารณะ และอยู่อยา่ งพอเพยี ง เกณฑค์ วำมสำเร็จ ๑. นักเรยี นคดิ วิเคราะห์ แก้ไขปัญหาจากสถานการณท์ ี่กาหนดให้ ๒. นักเรยี นนาเสนอแนวทางแกป้ ญั หาการขาดแคลนนา้ และวิธกี ารอนรุ กั ษน์ า้ ได้ ข้อเสนอแนะ ควรวางแผนการจดั กิจกรรมใหเ้ หมาะสมกบั บรบิ ทของสถานศกึ ษา
๖๕ กระบวนการจัดกจิ กรรม การรวบรวมข้อมลู 1. นักเรียนชมวดี ทิ ศั น์ เรอ่ื ง “น้าจะหมดโลกจรงิ หรอื ” (https://youtu.be/GWyIb6bfkHQ) และจับใจความสาคัญ การประเมินคุณค่า ภาพวดี ทิ ศั น์ เรือ่ ง “น้าจะหมดโลกจรงิ หรอื ” การตัดสินใจ 2. ครูพูดกระตุน้ ชักชวนให้เดก็ เกดิ ความสนใจในกิจกรรมท่ีกาลังจะทา การปฏบิ ัติ - ช่วยกันสงั เกตวา่ มีอะไรทน่ี า่ สนใจในคลปิ บ้าง - นักเรียนมคี วามร้สู ึกอย่างไรกับคลปิ วดี ิโอทช่ี ม 3. ถามคาถาม และอภปิ ราย - นักเรียนเคยเห็นปรากฏการณ์ เช่น น้าแห้งขอด ดินแตกระแหง ฯลฯ ในท้องถ่ิน/ ชมุ ชนของนกั เรียน หรอื ไม่ (เคย/ไมเ่ คย) - นักเรียนคดิ ว่า สิง่ ทีเ่ หน็ เกิดข้ึนจากสาเหตุอะไร (ฝนแลง้ ) - การขาดแคลนน้าส่งผลกระทบต่อตนเอง ครอบครัว ชุมชนและประเทศอย่างไร (ไม่ มีน้าใช้/ประปาไม่ไหล/บ่อบาดาลแห้ง/ข้าวไม่ออกรวง/ผลผลิตทางการเกษตร เสียหาย/เกษตรกรขาดทุน/ราคาสนิ ค้าเกษตรถีบตัวสงู ขน้ึ /ค่าครองชีพสงู ขึ้น/ฯลฯ) 4. แบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม จานวน 6 กลุ่ม สมมติสถานการณ์ให้นักเรียนเป็น นักวิทยาศาสตร์ ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ว่าราชการ นายกรัฐมนตรี นักบริหารจัดการน้า ผู้ส่ือข่าว นักเรยี นออกมานาเสนอบทบาทหน้าท่ี ในประเด็นต่อไปนี้ - สถานการณ์ปญั หาภยั แล้ง - ผลกระทบทเ่ี กิดจากปญั หาภยั แล้ง - แนวทางการแกป้ ญั หาของแต่ละบทบาทท่ีได้รบั - สรุปขอ้ คิดที่เกดิ จากแสดงบทบาทสมมติ 5. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ แสดงบทบาทสมมติตามท่ไี ดร้ บั มอบหมาย 6. เม่ือแต่ละกลุ่มแสดงบทบาทสมมติจบ ครูตั้งคาถามว่า ตามบทบาทการแสดงของเพ่ือนท่ี ผ่านมา นกั เรียนจะมสี ว่ นรว่ มแก้ปัญหาน้าจะหมดโลกไดอ้ ย่างไร 7. อภปิ รายแลกเปลยี่ นความคดิ เห็น และนาเสนอแนวทางแก้ปัญหาในฐานะบทบาทตา่ ง ๆ
๖๖ 8. ถามคาถาม “ในการแก้ปัญหาตามวิธีของนักเรียน นอกจากตัวนักเรียนเองแล้ว ยังต้อง ทางานร่วมกับใครเพื่อบรรลุผลสาเร็จตามแผน (เช่น หากนักบริหารจัดการน้าเสนอให้ สรา้ งเขือ่ น กต็ อบวา่ ต้องไดร้ บั ความร่วมมือจากรฐั บาล ชุมชน เป็นตน้ ) 9. ครูสนทนาเช่อื มโยงถงึ บทบาทของนักเรยี นในการประหยัดทรัพยากรนา้ - นักเรยี นจะมีวิธใี นการประหยดั น้า ในบ้าน โรงเรยี น ชมุ ชนไดอ้ ยา่ งไร - นักเรียนจะมีแนวทางในการรณรงค์ให้เพื่อน ครอบครัว และชุมชนร่วมกัน ประหยดั น้าไดอ้ ยา่ งไร 10.นักเรียนร่วมกันสรุปว่า ปัญหาภัยแล้งเป็นเร่ืองสาคัญท่ีต้องการการแก้ไข และในการ แก้ปัญหานที้ กุ ฝา่ ยตอ้ งมสี ว่ นรว่ ม และต้องทางานรว่ มกัน ข้อควรคานึง ควรพจิ ารณาเลือกเนื้อหาสาระ รปู แบบ ในการนาไปจัดกิจกรรมแกน่ ักเรยี นใหเ้ หมาะสมกับระดับช้นั เรยี น และสอดคลอ้ งกับตวั ชีว้ ัดกบั กลมุ่ สาระการเรียนรทู้ ่ีนาไปบูรณาการ สือ่ และแหล่งเรยี นรู้ ๑. วดี ิทัศน์ เรอ่ื ง “นา้ จะหมดโลกจรงิ หรอื ” (https://youtu.be/GWyIb6bfkHQ) ๒. เวบ็ ไซต์ กรมทรัพยากรน้า http://www.dwr.go.th/home การประเมนิ ผล ๑. ผลงานนกั เรียน ๒. การนาเสนอผลงาน
๖๗ ผังมโนทศั น์การจัดกิจกรรมเพิม่ เวลารู้ กจิ กรรมพัฒนาจติ ใจ (Heart) HEAD มคี วามรู้ ความเขา้ ใจ รูจ้ กั การ คดิ วเิ คราะห์ เพอื่ นามาปฏบิ ัติตนตาม รอยพระราชาได้เหมาะสมกับตนเอง ตามรอยพระราชา HEART ความจงรักภกั ดี ความซาบซึ้ง ความภูมิใจต่อสถาบัน พระมหากษัตรยิ ข์ องไทย HAND HEALTH ปฏิบัติตนโดยใชแ้ นวทางตาม ความสขุ ในการดารงชวี ติ รอยพระราชาในชีวติ ประจาวนั ตามรอยพระราชา ตัวชวี้ ดั • ส ๔.๓ ป.๑/๒, ส ๔.๓ป.๓/๒, ส ๒.๒ป.๔/๓, ส ๓.๑ป.๔/๓, ส ๓.๑ป.๕/๒, ส ๓.๑ม.๑/๓ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น • ความสามารถในการสอ่ื สาร • ความสามารถในการคดิ • ความสามารถในการแก้ปัญหา • ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ • รกั ชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ • ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต • ใฝ่เรียนรู้ • อยู่อยา่ งพอเพียง
๖๘ ตามรอยพระราชา ควรเรียนรู้อะไรมำก่อน ตวั ช้วี ัด - พระราชประวตั ิ พระอจั ฉริยภาพ ส ๔.๓ ป.๑/๒, ส ๔.๓ ป.๓/๒, ส ๒.๒ ป.๔/๓, พระราชกรณยี กจิ โครงการ ส ๓.๑ ป.๔/๓, ส ๓.๑ป.๕/๒, ส ๓.๑ ม.๑/๓ ในพระราชดาริ หลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ในพระมหากษัตรยิ ์รัชกาลปัจจุบนั พฒั นำผู้เรยี นอย่ำงไร นำกิจกรรมไปใชอ้ ย่ำงไร ปลูกฝงั ใหน้ กั เรยี นมีความจงรักภักดี เป็ น กิ จ ก ร ร ม ท่ี เห ม า ะ ส ม กั บ ต่อสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ และนาไปเป็น นักเรียนทุกระดับช้ัน ในการสร้างเสริม แบบอย่างสู่การปฏิบตั ิตนในชีวิตประจาวัน ปลูกฝังจิตสานึก และประพฤติปฏิบัติตน สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน เป็นคนดี ตามรอยพระราชา เพ่ือแสดงความ จงรักภักดีและสานึกในพระมหากรุณาธิคุณ ความสามารถในการคิด การแก้ปญั หา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั การส่อื สาร การใชเ้ ทคโนโลยี และการใช้ ทักษะชีวิต คุณลักษณะอันพึงประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสัตยส์ ุจริต ใฝ่เรียนรู้ อยอู่ ย่างพอเพียง และมงุ่ มน่ั ในการ ทางาน เกณฑ์ควำมสำเร็จ ๑. นักเรยี นสามารถอธิบายความหมาย และความสาคญั ของสถาบนั พระมหากษตั ริย์ ๒. นกั เรียนสามารถนาข้อคิดท่ไี ด้จากกจิ กรรม “ตามรอยพระราชา” มาใช้ในการดาเนินชวี ิต ข้อเสนอแนะ ๑. เหมาะกบั นกั เรยี น ๓๕ - ๔๐ คน ๒. ควรวางแผนกิจกรรมให้เหมาะสมกับบริบทของสถานศึกษา
๖๙ สร้างความตระหนกั กระบวนการจัดกิจกรรม ประเมนิ เชงิ เหตผุ ล ๑. ครูทบทวนความรู้เดมิ เกย่ี วกบั พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั - ในหลวงปจั จบุ ันทรงพระนามว่าอะไร (พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช) - รูปทีน่ กั เรียนคดิ วา่ ทุกบ้านท่ีมคี ือรูปของใคร (รูปของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช) - ทาไมทุกบา้ นจึงมีรูปของในหลวง (เพราะทุกคนรักในหลวง) - ทาไมทุกคนจงึ รักในหลวง (เพราะในหลวงรกั ประชาชน หว่ งใยประชาชน ทรงงานหนักเพื่อความสขุ ของ ประชาชน) ๒. เตรยี มวีดิทศั นเ์ พลง “ในหลวงของแผน่ ดนิ ” (https://youtu.be/LxuHkx-43LU) ครูพดู กระตุ้นเชิญชวนใหน้ กั เรยี นเกิดความสนใจชมวีดิทัศน์ ๓. นักเรยี นชม วีดทิ ศั นเ์ พลง “ในหลวงของแผน่ ดนิ ” ๔. ครถู ามนักเรยี นเก่ียวกับเนอื้ หาของเพลงหลังจากชมวีดทิ ศั น์ ดังตอ่ ไปนี้ - เนือ้ เพลงเลา่ เรือ่ งเกี่ยวกบั ใคร (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช) - ในหลวงทรงงานอะไรบ้าง (ทรงเสด็จเยี่ยมราษฎร ทรงแก้ปัญหาความเดอื ดรอ้ นของประชาชน) - สถานทส่ี ่วนใหญ่ท่ีในหลวงทรงเสด็จพระราชดาเนินไปเป็นแบบใด (เปน็ ถิน่ ทรุ กนั ดาร) - ทาไมในหลวงจงึ เสดจ็ ไปในถนิ่ ทรุ กันดาร (เพราะในหลวงทรงเหน็ วา่ ประชาชนในถนิ่ ทรุ กันดารมีความเดือดร้อน และต้องการ ความชว่ ยเหลอื ) - นักเรยี นสังเกตเหน็ หรอื ไม่วา่ ในหลวงทรงงานทใ่ี ดบา้ ง (ในหลวงทรงงานทกุ ท่ี ทง้ั ในป่า ภูเขา เกาะ กลางแดด กลางฝน) - ห้องทรงงานในหลวงมีอะไรบ้าง (แผนที่ วิทยุสอื่ สาร กล้องถ่ายรปู ดินสอ) - ทาไมในหลวงจึงไม่ประทับอยา่ งสุขสบายในพระราชวัง (เพราะในหลวงอยากเห็นทกุ ขส์ ุขประชาชนของพระองค์) - ทาไมในหลวงจึงทรงงานหนกั
๗๐ (เพราะในหลวงทรงรักและห่วงใยประชาชน) กาหนดคา่ นิยม ๕. แบง่ นักเรยี นเปน็ กลุ่มให้ไปศึกษาพระราชกรณยี กิจต่าง ๆ ของพระบาทสมเดจ็ วางแนวปฏิบตั ิ พระเจ้าอยู่หัวตามหัวข้อท่นี ักเรียนสนใจ จากเวบ็ ไซต์ วดี ทิ ัศน์ ห้องสมุด ฯลฯ ๖. นักเรียนบรรยายพระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวท่ีไดศ้ ึกษามา - พระราชกรณียกิจสาคัญในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ วั มีอะไรบา้ ง (การเสดจ็ เย่ียมราษฎร เปน็ ประจา โครงการแก้มลิง ฝนหลวง เศรษฐกิจพอเพยี ง โครงการ เกษตรในพระราชดาริ โครงการชงั่ หัวมัน ฯลฯ) - พระราชกรณยี กิจทีท่ รงงานเกิดประโยชนต์ ่อราษฎรอย่างไร (ประชาชนมีอาชีพ และสรา้ งรายได้เล้ียงตนเองและครอบครัวได้ การพัฒนาการคมนาคม การแกป้ ญั หานา้ ทว่ ม แก้ปัญหาขาดแคลนนา้ ทใ่ี ช้ในการเกษตร ฯลฯ) - สรุปข้อคิดที่ได้จากการศึกษาค้นคว้าพระราชกรณียกิจ (ความทุ่มเทในการทางาน ความเสยี สละ ความอดทนอดกลนั้ การมจี ติ สาธารณะ ฯลฯ) - จะปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไรเพ่ือตอบสนองพระมหากรุณาธคิ ุณของพระบาทสมเดจ็ พระ เจ้าอยู่หัว (ถวายความจงรักภกั ดีต่อพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั โดยการปฏิบตั ิ ตนเป็นคนดี ปฏบิ ตั หิ น้าทต่ี ามบทบาทหนา้ ทข่ี องตนเอง มีความพอเพียง รักษา สง่ิ แวดล้อม บาเพญ็ ประโยชน์ เพ่ือตอบแทน พระมหากรุณาธคิ ุณใน ปฏิบตั ดิ ว้ ยความชนื่ ชอบ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ) ๗. นักเรยี นทารายงานตามหวั ขอ้ ทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย ๘. นักเรียนแตล่ ะกล่มุ นาเสนอผลงานหนา้ ชั้นเรียน ๙. นกั เรียนประชาสมั พนั ธ์และจัดนทิ รรศการ “ตามรอยพระราชา” เพื่อใหน้ ักเรยี นท้ัง โรงเรียนเข้าร่วมกิจกรรม ๑๐. นกั เรียนรว่ มกันสรุป - พระเจ้าอยู่หัวทรงทาทุกอย่างเพ่ือประชาชนของพระองค์ เพราะพระองค์ รักประชาชน เราสมควรตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณด้วยการถวายความจงรักภักดีต่อพระองค์ ปฏิบัตติ นตามรอยพระราชา สอื่ และแหล่งเรยี นรู้ - วดี ทิ ัศนเ์ พลง “ในหลวงของแผ่นดนิ ” (https://youtu.be/LxuHkx-43LU) กำรประเมนิ ผล ๑. สังเกตพฤตกิ รรมนักเรยี นขณะเขา้ ร่วมกิจกรรม ๒. ประเมินจากการนาเสนอผลงานหน้าชัน้ เรียน
๗๑ เพลง ในหลวงของแผ่นดนิ มอง เหน็ พระเจา้ อยู่หวั ท่ามกลางคนมดื มวั เหมอื นเห็นแสงทองส่องใจ ตื้นตันเพียงได้มอง พนมมือทัง้ สอง ก้มลงกราบด้วยหวั ใจ มอง พระผ้ทู รงเมตตา เฝา้ ดแู ลประชา ท่วั อาณาใกล้ไกล เม่อื ยามอ่อนล้า หมดหวงั พระองค์อยเู่ ป็นหลักนาหัวใจ ยดึ เหนย่ี วอย่ภู ายในว่าวันพรุง่ นี้ยังมีหวงั ในหลวงของแผ่นดิน หล่อรวมใหเ้ ม็ดดินทรายกลายเปน็ แผน่ ดนิ ทย่ี ง่ิ ใหญ่ หยดน้า หยาดเหงื่อพระองค์หยดลงทไี่ หน ทุกขร์ ้อนจะพลันสลายทุกขภ์ ยั จะไม่อาจแผ้วพาน ในหลวงของแผน่ ดนิ ทรงเป็นท่ีรกั และที่พง่ึ พงิ ใหเ้ ราแสนนาน ต้งั แต่เล็ก จนโตจาได้ทุกอยา่ ง ใตร้ ม่ พระบรบิ าล สุขสราญดว้ ยความรม่ เย็น ในหลวงของแผ่นดิน ทรงเปน็ ท่ีรักและที่พงึ่ พิงให้เราแสนนาน ต้ังแต่เลก็ จนโตจาได้ทุกอย่าง ใตร้ ม่ พระบริบาล สขุ สราญด้วยความรม่ เยน็ แผน่ ดินนคี้ อื บ้าน คือแดนสวรรค์ แสนสุขใจ มีทกุ อยา่ งที่ดเี พราะใคร ฉันจะไมล่ ืม ในหลวงของแผน่ ดิน หลอ่ รวมให้เมด็ ดินทรายกลายเปน็ แผ่นดินท่ียง่ิ ใหญ่ หยดนา้ หยาดเหง่ือพระองคห์ ยดลงทไ่ี หน ทกุ ข์ร้อนจะพลนั สลายทุกขภ์ ัยจะไม่อาจแผ้วพาน ในหลวงของแผ่นดิน ทรงเป็นที่รักและท่ีพง่ึ พงิ ให้เราแสนนาน ตง้ั แต่เล็ก จนโตจาได้ทุกอยา่ ง ใต้รม่ พระบริบาล สขุ สราญดว้ ยความร่มเยน็ แผน่ ดนิ นีค้ ือบ้าน คอื แดนสวรรค์ แสนสุขใจ มีทุกอย่างท่ีดเี พราะใคร ฉันจะไมล่ ืม
๗๒ ผังมโนทัศน์การจดั กจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ กจิ กรรมพัฒนาจติ ใจ (Heart) HEAD การฝึกคดิ วเิ คราะห์จากคาถาม ท่คี รกู ระตนุ้ การเขยี น การพูด เพอ่ื การสือ่ สาร พี่ชวนนอ้ งทอ่ งแดนบญุ HEART การปฏบิ ัตติ นเป็นศาสนิกชนท่ดี ี ในศาสนาท่ีตนนบั ถือ การมจี ิตอาสา การบาเพญ็ ประโยชนต์ า่ งๆ ท่วี ดั HAND HEALTH การสวดมนต์ การไหว้ และการ มสี ขุ ภาพจิตทดี่ ีจากการปฏิบัติตน กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ เปน็ พทุ ธศาสนิกชนทด่ี ี ตวั ช้วี ัด • ส 1.2 ป.1/1, ส 4.3 ป.1/2, ส 1.2 ป.2/2, ส 2.1 ป.2/2, ส 1.2 ป.3/1-๒, ส 1.2 ป.4/3, ส ๑.๑ ป.๕/๗, ส ๑.๒ ป.๕/๒-๓ ส 1.1 ป.6/9, ส 1.2 ป.6/1-๔, ส 1.1 ม.2/11 สมรรถนะสาคญั ของผูเ้ รียน • ความสามารถในการการสื่อสาร • ความสามารถในการคดิ • ความสามารถในการแกป้ ัญหา • ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ • ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ • รักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์ • รกั ความเป็นไทย • มีจติ สาธารณะ
๗๓ พ่ชี วนน้องทอ่ งแดนบุญ ควรเรยี นรู้อะไรมำก่อน ตวั ชว้ี ดั - การสวดมนตไ์ หว้พระ ส 1.2 ป.1/1, ส 4.3 ป.1/2, ส 1.2 ป.2/2, - มารยาทในการปฏบิ ตั ิตนในศาสนสถาน ส 2.1 ป.2/2, ส 1.2 ป.3/1-๒, ส 1.2 ป.4/3, ส ๑.๑ ป.๕/๗, ส ๑.๒ ป.๕/๒-๓ ส 1.1 ป.6/9, ส 1.2 ป.6/1-๔, ส 1.1 ม.2/11 พฒั นำผเู้ รียนด้ำนใดบ้ำง นำกจิ กรรมไปใชอ้ ยำ่ งไร ความรู้ การจัดกิจกรรม เรมิ่ จากการสร้างจิตสานึก ข้อปฏิบตั ติ นเป็นศาสนิกชนที่ดี ในศาสนาท่ตี นนบั และกระตุ้นใหเ้ กดิ แรงจูงใจ ในการรว่ ม ถอื กิจกรรม ท้ังทหี่ ้องเรยี นและที่วัด ด้วยความ สมรรถนะ บรสิ ทุ ธิ์ใจ ครูตอ้ งคอยดแู ล แนะนา และเปน็ แบบอยา่ งท่ีดีในการปฏิบัติตน ความสามารถในการการสื่อสาร ความสามารถในการคิด การออกแบบ และการประเมินช้นิ งาน ควร ความสามารถในการแก้ปัญหา เน้นในแงข่ องแนวคิดทน่ี าเสนอ มากกว่า ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ องค์ประกอบของชิ้นงาน ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี คณุ ลกั ษณะ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ รักความเปน็ ไทย มีจิตสาธารณะ มจี ติ สาธารณะ เกณฑค์ วำมสำเร็จ 1. นักเรียนทีเ่ ป็นรนุ่ พี่ปฏิบตั ิตนเปน็ แบบอยา่ งทีด่ ตี ่อรนุ่ นอ้ ง 2. นกั เรียนอธิบายหลกั ปฏิบตั ตติ นท่ีดตี ามศาสนาท่ตี นนับถือได้ 3. การปฏิบตติ นตามหลกั ธรรมทางศาสนาที่ตนนับถือและอยรี ่วมกนั อย่างมคี วามสุข ขอ้ เสนอแนะ เหมาะกบั นักเรียนท้ังกลุม่ เล็กและกลุ่มใหญ่ และจานวนครูทีด่ แู ลกิจกรรมตอ้ งมสี ดั สว่ นท่ี เหมาะสม ดแู ลกิจกรรมอย่างใกลช้ ิด
๗๔ กระบวนการจัดกจิ กรรม การรวบรวมความรู้ 1. สนทนาเกยี่ วกับวดั หรือศาสนสถานในชุมชน โดยใชภ้ าพประกอบ 2. สนทนากบั นกั เรยี นเก่ียวกับการปฏิบตั ิตนเปน็ ศาสนกิ ชนที่ดี การสวดมนต์ไหวพ้ ระ การ ปฏบิ ัตติ นเมอื่ ไปวัด หรอื สถานท่ีสาคัญทางศาสนา 3. ทบทวนเก่ยี วกับสวดมนต์ไหว้พระ และการกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ 4. รว่ มกนั สรุปเก่ยี วกับ การปฏิบัตติ นเปน็ ศาสนิกชนที่ดี และมารยาทในการปฏิบตั ิตนทวี่ ัด 5. มอบหมายให้นกั เรยี นร่นุ พ่ี ไปศึกษาเก่ียวกบั ประวัตขิ องวัดหรอื ศาสนสถาน ภายใน ชมุ ชน จากผนู้ า / ผรู้ ้ใู นชุมชน การประเมินคณุ คา่ 6. นกั เรยี นและครูรว่ มสนทนาถงึ การปฏบิ ัติตนที่เหมาะสมเมอ่ื ไปวดั หรือศาสนสถาน 7. แบ่งกลมุ่ นักเรียนตามความสมัครใจ เพื่อศึกษาสถานทส่ี าคญั ตา่ งๆ ภายในวัดหรือ ศาสนสถานในชมุ ชน 8. จบั คู่ดูแลนอ้ งโดยความสมคั รใจของท้ังสองฝ่าย 9. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ไปคน้ หาคาตอบ โดยพี่แนะนาให้ความรู้เกย่ี วกบั ศาสนสถานและการ ปฏบิ ตั ติ นใหเ้ หมาะสมภายในวัด หรอื ศาสนสถาน 10.พระหรือผู้นาทางศาสนาบรรยายให้ความรู้เก่ยี วกบั หลักธรรมทางศาสนา การสวดมนต์ ไหว้พระ การนงั่ สมาธิ หรือปฏบิ ตั ิกจิ กรรมอืน่ ๆ ตามหลกั ศาสนาท่ตี นนับถือ การตัดสนิ ใจ ๑๑. สนทนาเกีย่ วกบั การปฏิบัติตนที่เหมาะสมและการบาเพ็ญประโยชน์ต่างๆ ทวี่ ัด หรือ ศาสนสถาน โดยใชค้ าถามกระตุน้ ความคิด เชน่ “นกั เรียนคดิ วา่ วัด หรอื ศาสนสถานมีความสาคัญกบั คนในชุมชนหรอื ไม่ อย่างไร” “นักเรยี นคิดวา่ เราควรมีสว่ นช่วยดแู ลรักษาสถานทีส่ าคญั ของวดั หรอื ศาสนสถาน หรือไม่ เพราะเหตุใด” “นกั เรยี นคิดว่า สถานท่สี าคัญในวัดหรือศาสนสถาน สว่ นใดบ้างที่นกั เรียนอยากมี ส่วนช่วยเหลอื ดูแล” “นักเรยี นจะมวี ธิ กี ารอย่างไรและตอ้ งใชว้ สั ดุอปุ กรณ์อะไรบา้ ง” “นกั เรยี นจะมีวิธีการแบง่ หนา้ ท่ีของพ่ีและน้องๆ ในกลุ่มอยา่ งไรจงึ จะทางานได้มี ประสิทธภิ าพท่ีสดุ ” การปฏิบัติ ๑๒. นานกั เรยี นไปวัด หรอื ศาสนสถานในชมุ ชน เพอ่ื ฝึกปฏิบตั กิ ิจกรรมตามท่นี ักเรยี นวางแผนไว้ และ บันทึกภาพกิจกรรม ๑๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั สรุปผลการปฏบิ ตั งิ าน และรว่ มแสดงความคิดเหน็ จากประเด็น คาถาม พร้อมกับส่งตวั แทนมานาเสนอ ดังนี้ “นกั เรยี นร้สู กึ อย่างไรต่อการเปน็ ศาสนกิ ชนท่ดี ”ี “นกั เรียนร้สู ึกพอใจทปี่ ฏิบตั ิกจิ กรรมใดมากที่สุด เพราะเหตใุ ด” “เมอ่ื นักเรยี นไปวดั หรือศาสนสถานนักเรยี นคิดว่าจะปฏิบัตติ นอย่างไรบา้ ง”
๗๕ ๑๔. นักเรียนนวิเราะห์หลักธรรมทไ่ี ดจ้ ากพระหรือผ้นู าทางศาสนา สรปุ เปน็ แนวทางการดาเนนิ ชีวิต และนาไปปฏิบัติใหอ้ ยู่รว่ มกันในสังคมได้อย่างสันตสิ ุข ๑๕. เปดิ ภาพนักเรียนทท่ี ากิจกรรมต่างๆที่วัด และสนทนาเกีย่ วกบั ภาพน้ันๆ ๑๖. นักเรยี นเลา่ เหตกุ ารณ์ท่ีประทบั ใจ ๑๗. นกั เรียนวาดภาพ และเขียนบรรยายภาพทนี่ ักเรียนประทบั ใจ พรอ้ มต้ังชือ่ เรื่อง ๑๘. นกั เรียนนาเสนอผลงานการเขียนเรื่องจากภาพ โดยเลา่ เรอ่ื งจากชน้ิ งานทนี่ กั เรียนทา และ รว่ มกนั ประเมนิ ผลงานทีเ่ พ่ือนนาเสนอ ๑๙. นกั เรียนร่วมกนั สรปุ ขอ้ คิดทไ่ี ด้จากการไปปฏบิ ตั ิกิจกรรมทวี่ ัดหรือศาสนสถาน ขอ้ ควรคานึง 1. ครตู อ้ งศกึ ษาเพิม่ เติม เกย่ี วกับประวตั ิ และขอ้ มูลของวดั หรอื ศาสนสถาน เพื่ออธบิ ายแนะนา นกั เรียนอยา่ งถูกต้อง และควรให้นักเรยี นบนั ทึกกจิ กรรมใหช้ ดั เจน ๒. ครสู ามารถปรบั เปล่ียนกจิ กรรมตามหลกั ศาสนาท่ีนบั ถือ ตามบริบทของสถานศกึ ษา สือ่ และแหล่งเรยี นรู้ 1. วดั หรือศาสนสถานอน่ื ในชุมชน 2. ภาพวดั หรือศาสนสถานในชุมชน 3. ภาพกจิ กรรมที่นักเรยี นปฏบิ ตั ิทีว่ ดั กำรประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรม ความสนใจในการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม 2. ตรวจช้ินงาน การเขยี นเรื่องจากภาพ 3. ประเมนิ ความพึงพอใจ
๗๖ ผงั มโนทัศน์การจดั กจิ กรรมเพิ่มเวลารู้ กิจกรรมพฒั นาทักษะการปฏบิ ตั ิ (Hand) 00 HEAD การคดิ ราคาต้นทนุ ราคาขาย ขนมถว้ ยไทยโบราณ HAND ทกั ษะการทาขนมถว้ ยไทยโบราณ การทาบัญชรี ายรบั รายจา่ ย HEART HEALTH เหน็ ความสาคัญและรู้คณุ คา่ ของ อาชพี ในท้องถนิ่ ท่ีเป็นอาชพี สุจรติ คุณคา่ ของสารอาหารทไี่ ดจ้ ากขนมถว้ ย ไทยโบราณ ส่งผลตอ่ สขุ ภาพ และคุณภาพ การทาบญั ชคี รวั เรอื น ชีวิตทดี่ ีซึง่ เกิดจากการประกอบสัมมาอาชีพ ตัวชีว้ ดั • ง ๑.๑ ป.๑/๑, ง ๑.๑ ป.๒/๑, ง ๑.๑ ป.๓/๓,ง ๑.๑ ป.๔/๒, ง ๑.๑ ป.๕/๑, ง ๑.๑ ป.๖/๑, ง ๔/๑ ม.๑/๑ - ๓, ง ๔.๑ ม.๒/๓ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น • ความสามารถในการสือ่ สาร • ความสามารถในการคดิ • ความสามารถในการแก้ปัญหา • ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ • ใฝเ่ รียนรู้ • อยู่อยา่ งพอเพียง • มงุ่ ม่ันในการทางาน
๗๗ ขนมถ้วยไทยโบราณ ควรเรียนรู้อะไรมำกอ่ น ตัวช้ีวดั - อาชพี ในทอ้ งถ่นิ ง ๑.๑ ป.๑/๑, ง ๑.๑ ป.๒/๑, ง ๑.๑ ป.๓/๓, - ขนมไทยโบราณ ง ๑.๑ ป.๔/๒, ง ๑.๑ ป.๕/๑, ง ๑.๑ ป.๖/๑, ง ๔/๑ ม.๑/๑ - ๓, ง ๔.๑ ม.๒/๓ พฒั นำผู้เรียนอย่ำงไร นำกจิ กรรมไปใช้อย่ำงไร การสร้างเสริมความรู้เก่ียวกับอาชีพใน เปน็ กจิ กรรมทเี่ หมาะสมกับนักเรยี น ท้องถ่ิน อาชีพท่ีสอดคล้องกับความรู้ ความถนัด ทกุ ระดับช้นั ในการสร้างเสริมทกั ษะ และความสนใจของตนเอง โดยการซักถาม เก่ียวกับอาชีพ ตามความรู้ ความถนัด และ อภิปราย และการศึกษาค้นคว้า หาความรู้ ความสนใจของตนเอง ซงึ่ นาไปสู่ จากแหลง่ เรยี นรู้ การประกอบอาชพี ได้ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน • ความสามารถในการส่ือสาร • ความสามารถในการคิด • ความสามารถในการแก้ปัญหา • ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ อย่อู ยา่ งพอเพียง และ มงุ่ ม่นั ในการทางาน เกณฑ์ควำมสำเร็จ ๑. นกั เรียนทาขนมถ้วยไทยโบราณได้ ๒. นักเรียนคดิ หาราคาตน้ ทุนและราคาขายได้ 3. นักเรียนสามารถสรา้ งเสริมรายได้ระหวา่ งเรียนด้วยอาชพี ที่ตนเองมีความรู้ ความถนัด และ ความสนใจ สามารถนาไปสู่การทามาค้าขายได้ ข้อเสนอแนะ ๑. เหมาะกับนักเรยี นไมเ่ กิน ๔๐ คน ๒. ควรวางแผนให้เหมาะสมกับระดบั ชนั้ เรยี นและบริบทของสถานศกึ ษา ๓. ครอู าจจดั กิจกรรม “เสน้ ทางสู่อาชพี ” ในโรงเรยี น เพ่ือใหน้ ักเรียนปฏบิ ตั ิงานอาชีพของ แต่ละกลมุ่ และแลกเปลย่ี นเรียนรู้
การสังเกต รับรู้ ๗๘ กระบวนการจัดกิจกรรม 1. ครูกระตนุ้ ใหน้ ักเรยี นสนใจดว้ ยคาถามต่อไปน้ี - อาชีพในท้องถิน่ ทีน่ ักเรยี นอาศยั อยู่ นักเรยี นรู้จักอะไรบา้ ง - นกั เรยี นคดิ ว่าอาชพี ในท้องถ่ินอะไรบ้างท่ีมมี าตั้งแต่โบราณ - ในท้องถิน่ ท่นี ักเรียนอาศัยอยู่ นักเรยี นมีอาชีพทาขนมโบราณอะไรบ้าง 2. สารวจความสนใจของนักเรยี นแต่ละคนทีม่ ีต่องานอาชีพในท้องถ่ิน 3. ครูสรุปอาชีพในท้องถ่นิ ท่ีนักเรียนสนใจมากที่สุด คือ “การทาขนมถว้ ยไทยโบราณ” การทาตามแบบ ภาพ ขนมถว้ ยไทยโบราณ ทีม่ า http://www.mmo-thai.com/ ๔. นักเรยี นเสนอชอื่ ผรู้ ู้ ในการทาขนมถว้ ยแบบไทยโบราณ และมอบหมายตัวแทน นักเรยี นตดิ ตอ่ และนดั หมายผู้ร้ทู ีเ่ ชยี่ วชาญในการทาขนมถว้ ยไทยโบราณ เพื่อท่ีจะพา นักเรียน ไปศึกษาวธิ ีการ ข้ันตอน ในการทาขนมถ้วยไทยโบราณ ๕. นักเรยี นศกึ ษาข้นั ตอน / วิธีการ / อปุ กรณ์ ในการทาขนมถว้ ยไทยโบราณตามท่ีผู้รู้ สาธติ ใหด้ ูและลงมือปฏบิ ตั ิตาม ภาพ สว่ นผสมขนมถ้วยโบราณ ที่มา http://9leang.com/
๗๙ 5.1 นกั เรยี นลงมือปฏิบตั ิตามข้ันตอน โดยเริม่ จากการเลือกชนดิ ของแป้ง/ นา้ ตาล/ กะทิ / ตามสว่ นผสมท่ผี ู้รูแ้ นะนา 5.2 นกั เรยี นลงมือทาขนมถ้วยไทยโบราณ ตามทผ่ี ู้รู้แนะนา 6. ครสู นทนากับนกั เรียนถึงประสบการณ์ทไี่ ดร้ บั จากการลงมอื ปฏิบัตกิ ับผูร้ ู้ ในการทา ขนมถว้ ยไทยโบราณ - ความรู้สึกในการลงมือปฏิบัติ - รสชาติของขนมถ้วยทีน่ กั เรียนฝกึ ทาเป็นอยา่ งไรบ้าง - นักเรยี นคดิ ว่าสามารถนามาทาเป็นอาชีพไดห้ รือไม่ เพราะอะไร การทาโดยไมม่ ีแบบ 7. นกั เรียนลงมือปฏบิ ตั ิทาขนมถ้วยไทยโบราณ เปน็ กลุ่ม ๘. ตรวจผลงานของนักเรียนเชิงคณุ ภาพดา้ นรสชาติ ความอร่อย ความสวยงาม ๙. นักเรยี นในกลุ่มรว่ มประเมินผลงานของตนเอง เพื่อหาจุดเด่น และจุดท่ีควรปรบั ปรงุ การทางานครั้งต่อไป การฝึกใหเ้ กดิ ทักษะ ๑๐. นกั เรียนคดิ หาต้นทนุ – ราคาขาย ๑๑. นกั เรยี นลงมือปฏิบัตใิ นการทาขนมถ้วย นาไปขาย ทั้งจัดทาบญั ชีรายรับ-รายจา่ ย และบัญชคี รัวเรือน ขอ้ ควรคานงึ ครคู วรแนะนาใหน้ กั เรียนพจิ ารณาเลือกอาชีพในท้องถิน่ ที่ตนเองเลือก โดยเน้นอาชพี สุจริต ความเหมาะสม กบั ระดับชนั้ การมสี ่วนรว่ มจากภูมิปญั ญาท้องถนิ่ และสอดคล้องกับตวั ชี้วดั ของกลุ่มสาระการเรยี นรู้ สอ่ื และแหล่งเรียนรู้ ๑. บคุ คลท่ีประกอบอาชพี ในทอ้ งถ่ิน ๒. บญั ชรี ายรับ-รายจา่ ย ๓. บญั ชีครวั เรือน การประเมินผล 4. สงั เกตพฤติกรรม ความสนใจในการปฏบิ ตั ิกิจกรรม 5. ตรวจผลงาน ขนมถ้วยไทยโบราณ 6. ประเมนิ ความพึงพอใจ
๘๐ ผงั มโนทศั น์การจดั กจิ กรรมเพม่ิ เวลารู้ กจิ กรรมพัฒนาสขุ ภาพ (Health) HEAD คิดวางแผนเพ่อื ประยกุ ต์ใชก้ จิ กรรม ในการพฒั นาตนเองในชวี ิตจริง และคดิ รเิ ร่ิม สรา้ งสรรคก์ ิจกรรมนันทนาการหลากหลาย รปู แบบ เกมหรรษา HEALTH การใช้เวลาว่างในกิจกรรมนันทนาการ ความสนกุ สนาน จติ ใจแจ่มใส สขุ ภาพกายแขง็ แรงด้วย HEART HAND เจตคตทิ ่ดี ีตอ่ การออกกาลังกาย ทกั ษะการเล่นกฬี า การเล่นกีฬา และการรักสุขภาพ ตวั ช้ีวัด • พ 3.1 ป.1/2, พ 3.2 ป.1/1-2, พ.3.1 ป.2/2, พ.3.2 ป.2/2 สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน • ความสามารถในการคดิ • ความสามารถในการแก้ปัญหา • ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ • ซื่อสตั ย์สจุ ริต • มวี นิ ัย
๘๑ เกมหรรษา ควรเรยี นรู้อะไรมาก่อน ตัวชว้ี ดั - การเตรยี มความพร้อมให้กบั พ. 3.2 ป. 4/2 เล่นเกมเลียนแบบและกิจจรรมแบบผลดั รา่ งกายก่อนเลน่ เกมหรือกฬี า พ.3.1 ป.5/4 แสดงทกั ษะกลไกในการปฏิบัตกิ จิ กรรม ท่ตี ้องเคล่ือนไหว ทางกายและเลน่ กฬี า พ.3.1 ป.6/5 รว่ มกิจกรรมนนั ทนาการ อย่างน้อย 1 - การป้องกนั ตนเองจากการเล่น กิจกรรม แลว้ นาความรแู้ ละหลักการท่ีไดไ้ ปใช้เปน็ ฐาน กจิ กรรมหรือกีฬาเบอื้ งตน้ การศกึ ษาหาความรเู้ รอ่ื งอนื่ ๆ พัฒนำผ้เู รียนอย่ำงไร นำกิจกรรมไปใชอ้ ย่ำงไร - นักเรยี นคิดวางแผนสัดส่วนการใช้เวลาใน - กิจกรรมที่ 2 - 3 สามารถปรับเปล่ียน กิจกรรมตามความเหมาะสมกับระดบั ช้ัน แตล่ ะวนั ระหว่างเวลาในการเรยี นและเวลาวา่ ง ของผู้เรยี นและบริบทของสถานศึกษา - กจิ กรรมท่ี 4 นอกจากนักเรยี นจะ - นักเรียนคดิ สรา้ งสรรค์ออกแบบกิจกรรม สร้างสรรค์กิจกรรมนันทนาการขน้ึ มาเอง และเป็นผ้นู าเพ่ือนเล่นแล้ว ถ้าเป็น นนั ทนาการ นกั เรยี นชน้ั ประถมศกึ ษาตอนตน้ อาจ ปรบั เปน็ การสืบค้น ค้นหากจิ กรรม สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน นันทนาการทชี่ อบ • ความสามารถในการคดิ • ความสามารถในการแก้ปญั หา • ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ซ่อื สัตยส์ จุ รติ , มีวนิ ัย เกณฑค์ วำมสำเร็จ นกั เรียนอธบิ ายคุณคา่ ของประโยชน์ของกจิ กรรมนันทนาการ และสามารถนาไปเล่นกับเพ่อื นเพื่อ ผ่อนคลายความเครยี ดและสรา้ งสมั พนั ธท์ ด่ี ีกับเพ่ือนในชว่ งเวลาว่างจากการเรียนในชีวิตประจาวนั ได้ ข้อเสนอแนะ เหมาะกบั นกั เรยี นจานวน 30 - 40 คน และหากจดั กิจกรรมแบบคละช้นั ควรมีกจิ กรรม หลากหลายให้ผ้เู รยี นเลือกเล่นได้ตามความถนดั ความสนใจ
๘๒ กระบวนการจดั กิจกรรมที่ 1 สูตรแบ่งเวลาการเรยี น การสรา้ งความตระหนัก ๑. นกั เรยี นศึกษา Infographic1 หวั ขอ้ “1 วัน” ของเด็กใน “โลกมือ ถอื ” เพือ่ ใชเ้ ปน็ ข้อมลู แสดงความคิดเหน็ จากคาถามของครู เชน่ - จากข้อมลู สอดคลอ้ งกบั พฤตกิ รรมของตวั นักเรียนหรอื ไม่ - ทาอย่างไร เราจะลดเวลาในการใช้มอื ถือใหน้ ้อยลง - หากเราไมอ่ ย่ใู นโลกมือถอื เราจะใช้เวลาทาอะไร - เราจะบริหารเวลาใน 1 วนั อย่างไรจงึ จะเหมาะสม ทมี่ า : สถาบันสือ่ เด็กและเยาวชน (สสย.) สารวจในโครงการติดตามสภาวการณ์เด็กในหัวข้อ “1 วันในชีวิตเด็กไทย” จากสานักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) เดือน มกราคม 2556 โดยกลุ่มตัวอย่าง 3,058 คน ท้ังในกรุงเทพฯ และต่างจังหวดั ได้ สถติ ทิ ่ีนา่ สนใจมากๆ รวมทงั้ เห็นความเปลยี่ นแปลงทีน่ ่าตกใจอยู่ไม่นอ้ ยเลยทเี ดียว หากเปน็ นกั เรยี นชนั้ ประถมศึกษาตอนต้น อาจปรับกจิ กรรมเป็นการพดู คุย การเล่านิทาน ใช้การ์ตนู ภาพ การต์ นู เคล่ือนไหว หรือภาพยนตร์ส้ัน ตามความเหมาะสม 1 อินโฟกราฟิก (infographics) เปน็ การแสดงผลของขอ้ มูลหรือความรู้โดยภาพทอี่ ่านและเขา้ ใจงา่ ย งานกราฟิกประเภทนน้ี ยิ มใชส้ าหรบั ข้อมูลที่มีความซบั ซ้อน ตวั อยา่ งเช่น ป้าย แผนที่ งานวิจยั โดยอินโฟกราฟิกนี้ยังคงนยิ มใช้ในสายงานดา้ น วทิ ยาการคอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ สถติ ศิ าสตร์ เพือ่ ให้แสดงถึงขอ้ มลู ท่ซี ับซอ้ นให้ง่ายขนึ้
ขนั้ สร้ำงสรรค์ชิ้นงำน ๘๓ ๒. ครยู กตัวอย่าง “สูตรแบง่ เวลาการเรยี น” ทมี่ า: ศูนยส์ ง่ เสริมและพัฒนาการเรียนรู้ มหาวทิ ยาลยั สงขลานครนิ ทร์ http://clpd.psu.ac.th นำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ให้นกั เรยี นแตล่ ะคน ออกแบบสตู รแบง่ เวลาเรียนท่ีสอดคล้องกับ นำเสนอผลงำน กจิ กรรมในแต่ละวนั ของนักเรียน สรุปกิจกรรม ๓. นักเรยี นนาเสนอสูตรแบ่งเวลาเรยี น บนบอรด์ แสดงผลงาน ๔. นักเรียนร่วมกนั คดิ “ทาไมเราต้องแบ่งเวลาใหก้ บั กิจกรรมและการพักผอ่ น” “มอี ะไรบ้างที่เราจะทาในชว่ งเวลาพักผอ่ นและในชว่ งกจิ กรรม” “ประโยชน์ของการแบ่งเวลาใหก้ บั กิจกรรมและการพักผ่อนมี อะไรบา้ ง” ขอ้ ควรคานงึ สาหรบั ชนั้ ประถมศึกษาตอนตน้ สามารถใชก้ ารวาด ระบายสี และภาพมาใชใ้ นการทาช้ินงาน สาหรับชน้ั ประถมศึกษาตอนปลาย สามารถใช้โปรแกรมคอมพิวเตอรม์ าใช้ในการทาชน้ิ งาน ข้อเสนอแนะ ตัวอยา่ งช้ินงานของชัน้ ประถมศึกษาตอนตน้
ดาเนนิ กิจกรรม ๘๔ หมายเหตุ กระบวนการจดั กิจกรรมที่ 2 = ครู “เกมเสอื กินววั ” = ววั ๑. ใหน้ ักเรยี นยืนล้อมวงเป็นวงกลม จับมือกัน = เสอื เกม = นักเรยี น ๒. ครูเลือกนักเรียน 1 คน เป็นเสือ อย่นู อกวง นกั เรยี นอกี 1 คน สรุปกิจกรรม เป็นววั อยู่ในวง ๓. เมอ่ื ครูใหส้ ญั ญาณเร่ิมเล่น เสอื ไล่จบั วัวใหไ้ ด้ โดยนกั เรยี นท่ียนื จับ มอื ลอ้ มวง ให้ววั ผ่านได้ แต่ตอ้ งคอยกนั้ ไมใ่ หเ้ สอื ผ่านไปจับวัวได้ ๔. ภายใน 2 นาที ถา้ เสือจบั ววั ได้ เสือชนะ เสือจบั ววั ไม่ได้ วัวชนะ ๕. ตง้ั คาถาม: - หลงั จากเล่นกิจกรรม เกม “เสือกนิ ววั ” นกั เรยี นไดป้ ระโยชน์ อะไร - ชว่ งเวลาใดทเ่ี หมาะกบั การเล่นเกม “เสือกนิ วัว”
๘๕ กระบวนการจดั กิจกรรมท่ี 3 “วิ่งผลดั เปล่ียนบอล” 1. แบ่งนักเรียนออกเป็นกล่มุ กลุม่ ละเท่า ๆ กนั 2. นักเรียนทุกกลุ่มยืนเป็นแถวตอน หลังกรวยประจากลุ่มของตนเอง โดยคน แรกของกลมุ่ ถือลูกบอลเอาไว้ 3. ครูนากรวยไปวางตรงขา้ มแถว หา่ งกนั ประมาณ 10 เมตร 4. เมื่อครูให้สัญญาณเริ่มเล่น นักเรียนคนแรกของทุกแถววิ่งไปอ้อมกรวย แล้วกลับนาบอลมาสง่ ใหเ้ พ่ือนคนต่อไป แล้วตัวเองไปตอ่ ท้ายแถว ทาอยา่ งน้ี ตอ่ ไปเร่อื ย ๆ 5. แถวไหนวงิ่ ครบทุกคนก่อน แถวนนั้ ชนะ หมายเหตุ = นักเรยี น = ทศิ ทาง = ครู สรปุ กิจกรรม 6. ต้งั คาถาม: - หลังจากเลน่ กิจกรรม เกม “เสือกินวัว” นกั เรยี นไดป้ ระโยชน์ อะไร - ชว่ งเวลาใดทีเ่ หมาะกบั การเล่นเกม “เสือกนิ วัว”
๘๖ กระบวกนรกะาบรวจนดั กกาิจรกจรดั รกมิจกการรรเมรียทนี่ 4รูท้ ี่ 4: ““คเกดิ มเอแงชรเบ์ลอน่ ลเ”อง” 1. แบง่ นักเรียนเปน็ กลุม่ ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ คน้ หาหรือ สรา้ งสรรคก์ จิ กรรมนันทนาการ อาทิ เกม การละเลน่ พน้ื เมือง การละเล่นประจาทอ้ งถน่ิ ที่จะนาไปเล่นในยามวา่ งให้เกิดประโยชน์ ตอ่ รา่ งกาย โดยครกู าหนดกรอบการเลือกกจิ กรรมให้นักเรียนดังน้ี - สรา้ งความสมั พันธท์ ่ีดีและความสนุกสนานในหมู่คณะ - ลดความตึงเครียดจากการเรยี น - มกี ติกา กฎ การเลน่ ชัดเจน - พฒั นาการทางานเป็นทมี - เวลาในการเล่นกจิ กรรมแต่ละครัง้ ไม่เกนิ 5 นาที 2. นักเรียนนาเสนอกจิ กรรมนันทนาการตามประเด็นในข้อ 1 ก่อน นาไปเลน่ และ อาจเพิ่มประเด็นการนาเสนอเกยี่ วกบั เหตผุ ลท่ีสนใจกิจกรรมนนั ทนาการนัน้ นอกเหนือจากประเดน็ ในข้อ 1 เช่น จุดเดน่ จุดด้อย และขอ้ จากดั ของเกมต่อผเู้ ลน่ แตล่ ะบคุ คล 3. นกั เรียนทดลองเล่น และเตรยี มเป็นผนู้ าการเลน่ กจิ กรรม นันทนาการ 4. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ผลดั กันนาเพื่อนเลน่ กจิ กรรมของกลมุ่ ตนเอง 5. นกั เรยี นรว่ มกันทา Mind Mapping สรปุ ประโยชนข์ องการเลน่ กจิ กรรมนนั ทนาการ ตวั อย่าง mind mapping “ประโยชนข์ องกิจกรรมนันทนาการ”
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106