โครงรา่ งวิจัยในช้ันเรียน ชอ่ื เร่ืองวจิ ัย ผลของการใช้เบย้ี อรรถกรทีม่ ตี อ่ พฤตกิ รรมการลกุ ข้ึนออกจากท่ีน่ังขณะครสู อนของ เดก็ ทม่ี ีความบกพร่องทางสติปัญญา ผจู้ ดั ทา นางสาวพชั รนนั ท์ ไชยวงศ์ ทม่ี าและความสาคญั การเสริมแรงดว้ ยการใช้เบ้ยี อรรถกร เป็นข้ันตอนวิธีการท่ีน่าสนใจที่จะนามาใช้ในการปรับพฤติกรรม ของเด็กนักเรียนในห้องเรียน เบ้ียอรรถกรคือ ดาว หรือคะแนนที่ใช้เป็นตัวเสริมแรงให้กับเด็กนักเรียนใน ห้องเรียน โดยที่ดาว หรือคะแนนที่เด็กนักเรียนได้รับจากครูน้ันสามารถนาไปแลกเป็นของรางวัลอื่น ๆ ที่เด็ก นักเรียนชอบหรือต้องการเป็นพิเศษ ทาให้เบี้ยอรรถกรเป็นตัวเสริมแรงที่มีประสิทธิภาพสูงในช่วยให้เด็ก นักเรียนรจู้ กั การรอคอยเพ่ือทาความดีสะสมดาวหรือคะแนนเพ่ือนาไปแลกของรางวัลท่ีตนเองชอบ ซ่ึงมีผลกับ เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาเป็นอย่างมากในการจัดการเรียนการสอน การใช้เบี้ยอรรถกรเป็นตัว เสริมแรงจะสามารถทาให้เด็กเพ่ิมหรือลดพฤติกรรมได้ตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการดังเช่นสาวิตรี ผลเจริญพงศ์ (2551) ได้ทาการศึกษาเรื่องการปรับพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กออทิสติกระดับก่อนประถมศึกษา โดยการ เสริมแรงด้วยเบี้ยอรรถกร พบว่า พฤติกรรมท่ีสังเกตเห็นในแต่ละคร้ังหลังจากการบันทึกความถี่ เด็กมี พฤติกรรมก้าวร้าวลดลงหลังจากการได้รับการปรับพฤติกรรมแบบ ABA และสอดคล้องกับจีระพงศ์ เพียร เจริญ.(2549) ได้ทาการศึกษาและเปรียบเทียบพฤติกรรมการลุกออกจากที่ในชั้นเรียนของเด็กออทิสติกโดย วิธีการเสริมแรงดวยเบ้ียอรรถกรรวมกับการปรับสินไหม โดยมีแบบแผนการทดลองเปนแบบ ( A-B-A-B Design) เด็กท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญาเป็นเด็กท่ีมีสติปัญญาต่าหว่าเด็กปกติท่ัวไป เม่ือวัดระดับ สติปัญญาโดยใช้แบบทดสอบมาตรฐาน มีข้อจากัดในทักษะด้านการปรับตัวอย่างน้อย 2 ทักษะเช่น ทักษะ การดารงชีวิต ทักษะทางสังคม เป็นต้น เด็กนักเรียนจะมีการเรียนรู้ที่ช้ากว่าเด็กนักเรียนกลุ่มปกติและ ความสามารถในการเรยี นรูม้ ีนอ้ ยพัฒนาการชา้ กว่าชว่ งวัยอายุทาให้เกดิ ปัญหาในการเรียนรู้ การทาความเข้าใจ การส่ือสารในห้องเรียนแต่นักเรียนยังสามารถเรียนรู้ ทากิจกรรมต่างๆ ได้โดยต้องอาศัยการสอนซ้าๆทบทวน บ่อยๆเพ่ือทบทวนความจาให้กับเด็กนักเรียนและเด็กจะมีความใฝ่ฝัน ความต้องการ จินตนาการของเด็กเช่น ชอบของเล่น ขนม ของรางวัล เป็นต้น
การปรับพฤติกรรม เปน็ วธิ หี นง่ึ ที่นามาใช้เพอ่ื ลดพฤตกิ รรมทเ่ี ปน็ ปญั หา เป็นกระบวนการที่ใช้หลักการ ทฤษฎีการเรียนรู้ร่วมกับระเบียบวิธีการทางจิตวิทยาการทดลองมาผสมผสานกัน ซึ่งเป็นวิธีการที่สามารถ นามาใช้ในการปรับเปล่ียนพฤติกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ (จีระพงศ์ เพียรเจริญ, 2549) วิธีการแก้ไขหรือ ปรับพฤติกรรมท่ีเป็นปัญหาของเด็ก จะไม่นิยมใช้วิธีการลงโทษเนื่องจากการลงโทษก่อให้เกิดปฏิกิริ ยาทาง อารมณ์ในตัวเด็กได้ เช่น ทาให้เด็กเกิดความโกรธ ความกลัว นักจิตวิทยาหลายท่านเสนอว่าควรใช้วิธีการ ทางบวกแทนการลงโทษ (สาวติ รี ผลเจริญพงศ์, 2551) ดงั นน้ั วธิ ีการลดพฤตกิ รรมการลุกข้นึ ออกจากท่นี งั่ ขณะครสู อนของเด็กท่ีมคี วามบกพร่องทางสติปัญญา โดยการใช้เบ้ยี อรรถกรเป็นการเสริมแรงสอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ผวู้ ิจัยจึงมีความสนใจการใช้เบี้ยอรรถกรมีต่อพฤติกรรมการลุกข้ึนออกจากท่ีนั่งขณะครูสอนของเด็กท่ี มีความบกพร่องทางสติปัญญา ซ่ึงผลท่ีได้จากการวิจัยในครั้งนี้จะช่วยให้เด็กนักเรียนต้ังใจเรียน ให้ความ รว่ มมือทากจิ กรรมในห้องเรียนกับเพื่อนๆได้ดีข้ึนและเป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนในห้องเรียนของ ครูผู้สอนในครง้ั ตอ่ ไป คาถามในการวจิ ยั การใช้เบ้ียอรรถกรจะช่วยลดพฤติกรรมการลุกขึ้นออกจากที่นั่งขณะครูสอนในห้องเรียนของเด็กที่มี ความบกพร่องทางสตปิ ัญญาไดห้ รอื ไม่อยา่ งไร วตั ถปุ ระสงค์ของการวิจยั ๑) เพอ่ื ศกึ ษาพฤติกรรมการลุกข้นึ ออกจากทน่ี ่ังขณะครสู อนของเด็กท่มี คี วามบกพร่องทางสติปัญญาหลังการใช้ เบี้ยอรรถกร ๒) เพ่ือเปรียบเทียบผลของพฤติกรรมการลุกข้ึนออกจากท่ีน่ังขณะครูสอนของเด็กท่ีมีความบกพร่องทาง สตปิ ัญญาก่อนและหลังการใช้เบย้ี อรรถกร ขอบเขตการวิจัย กลมุ่ เป้าหมาย เด็กนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เพศชาย อายุ ๑๖ ปี จานวน ๑ คน รับบริการในศูนย์ การศกึ ษาพเิ ศษประจาจังหวัดลาปาง หอ้ งเรยี นบ้านจาลองทกั ษะชวี ิต (CLC)
ตัวแปรท่ีศกึ ษา ไดแ้ ก่ การใช้เบี้ยอรรถกร ได้แก่ พฤตกิ รรมการลุกขึน้ ออกจากท่ีนง่ั ขณะครูสอน ตวั แปรตน้ ตวั แปรตาม นิยามศพั ทเ์ ฉพาะ ๑. เบี้ยอรรถกร หมายถึง การใช้ตัวเสริมแรงรูปภาพดาว ที่ครูแจกให้นักเรียนเพ่ือให้นักเรียนสะสม โดยมี เง่ือนไขกาหนดข้อตกลงร่วมกับนักเรียนกลุ่มเป้าหมายว่า ถ้านักเรียนน่ังอยู่กับที่ไม่ลุกข้ึนจากท่ีนั่งขณะท่ีครู กาลังสอนอยู่ในห้องเรียนในคาบกิจกรรมเสริมทักษะวิชาโยคะและบริหารกาย เวลา ๑ ช่ัวโมง ต้ังใจเรียนจน หมดเวลานักเรียนจะได้รับรูปภาพดาว ๑ ดวง เมื่อสะสมได้ครบตามจานวนที่ครูกาหนด ๕ ดวง นักเรียน สามารถนามาแลกเป็นของรางวัลได้ตามส่ิงท่ีนักเรียนชอบ คือ สมุดภาพระบายสีรูปช้างก้านกล้วย แต่ถ้าหาก นักเรียนลุกข้ึนออกจากท่ีนั่งขณะที่ครูสอนในห้องเรียน นักเรียนก็จะถูกปรับสินไหมถอดถอนดาวท่ีนักเรียน สะสมไว้ ๒. พฤติกรรมการลุกข้ึนออกจากที่น่ังขณะครูสอน หมายถึง การที่ทุกส่วนของร่างกายเด็กที่มีความบกพร่อง ทางสติปัญญาออกพ้นจากเก้าอี้ของตนเองในห้องเรียน เดินเล่นไปมาในห้องเรียน ไม่สนใจ ไม่ให้ความร่วมมือ ในการทากิจกรรมเสรมิ ทักษะโยคะและบรหิ ารกาย ๓. เด็กท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญา หมายถึง เด็กท่ีมีพัฒนาการช้ากว่าบุคคลท่ัวไปเม่ือวัดเชาว์ปัญญา โดยใช้แบบทดสอบมาตรฐานแล้วมีระดับเชาว์ปัญญาต่ากว่าคนท่ัวไปและความสามารถในการปรับเปล่ียน พฤติกรรมต่ากว่าเกณฑ์ท่ัวไป อย่างน้อย ๒ ทักษะหรือมากกว่า จึงทาให้ไม่สามารถปรับตัวได้เหมือนกับเด็ก ปกตแิ ละมีพัฒนาการทไ่ี ม่เหมาะสมกบั วัย สมมุตฐิ านของการวจิ ยั พฤตกิ รรมการลุกขึ้นออกจากที่นั่งขณะครูสอนของเด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาลดลงหลังจาก การเสรมิ แรงดว้ ยการใชเ้ บ้ยี อรรถกร
กรอบแนวคดิ การวิจัย พฤติกรรมการลุกขน้ึ ออกจากทนี่ ่ังขณะ ครสู อน การใช้เบย้ี อรรถกร ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะได้รบั ๑. พฤติกรรมการลุกขึ้นออกจากท่ีนั่งขณะครูสอนของเด็กท่ีมีความบกพร่องทางสติปัญญาลดลงหลังจากการ เสรมิ แรงดว้ ยการใช้เบี้ยอรรถกร ๒. นักเรียนต้ังใจเรียน ให้ความร่วมมือทากิจกรรมในห้องเรียนร่วมกับเพ่ือนๆได้ดีขึ้นและเป็นแนวทางในการ จดั การเรียนการสอนในห้องเรียนของครูผสู้ อนในคร้ังต่อไป
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: