แบบบันทึกองคค์ วามรรู้ ายบุคคลKM ชือ่ เจา้ ขององค์ความรู้ นายฮารง ฮาแว แบแอ อายุ 59 ปี ตาแหน่ง ผู้นาอช.ชาย ตาบลซากอ อาเภอศรีสาคร จังหวัดนราธวิ าส
แบบบนั ทึกองค์ความรรู้ ายบุคคล ชื่อองค์ความรู้ ผนู้ าอาสาพฒั นาชุมชน ( ผู้นา อช. ) ช่ือเจ้าขององคค์ วามรู้ นายฮารง ฮาแว ชอื่ เลน่ แบแอ วัน/เดอื น/ปเี กิด 4 กันยายน 2503 อายุ 59 ปี ศาสนา อิสลาม ประกอบอาชีพ ทาสวน ระดับการศกึ ษาสงู สดุ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ประวตั กิ ารดารงตาแหนง่ อช./ผ้นู า อช.........4.......ปี ทม่ี าและความสาคัญในการจัดทาองค์ความรู้ ด้วยกรมการพัฒนาชุมชน ได้ดาเนินงานตามโครงการพัฒนาผู้นาอาสาพัฒนาชุมชนตามมติ คณะรัฐมนตรีตั้งแต่วันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๑๒ มาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 50 ปี ด้วยแนวคิดท่ีว่า งาน พัฒนาชุมชน คนในชมุ ชน ย่อมมีความรู้ ความเข้าใจตอ่ ปัญหาไดด้ ีกว่า โดยมเี ป้าประสงคท์ ี่จะสนบั สนุนใหผ้ ู้นา อช.เป็นนักพัฒนาภาคประชาชน สามารถทางานทดแทนเจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนได้ และได้มอบหมายให้ผู้นา อช.เข้ามามีบทบาทในการเป็นผู้ส่งเสริม สนับสนุน และประสานการดาเนินงานด้านการพัฒนาชุมชน มีเป้าประสงค์ให้เกิดกระบวนการเรียนรู้ การพัฒนาคน เพื่อให้มีความสามารถในการบริหารงานในหมู่บ้าน/ ชุมชนของตนเองให้เกดิ การพฒั นาเปล่ยี นแปลง เพ่ือช่วยให้ประชาชนในพ้ืนที่มคี ุณภาพชีวิตท่ีดขี ้ึน และสังคม เกิดการสามัคคี เก้อื กลู ชว่ ยเหลือซึง่ กันและกัน และจากการที่ได้ปฏิบัติงานในพื้นที่อาเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส การที่จะพัฒนาพ้ืนท่ีให้เกิดการ เปล่ียนแปลง จาเป็นต้องพัฒนาคน ซ่ึงประชาชนและผู้นาชุมชนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีวิถีชีวิตท่ี เรียบง่าย ยึดขนบธรรมเนียมประเพณี หลักศาสนา ในการดารงชีวิต ผู้นาส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจในการ บริหารงานชุมชนค่อนข้างน้อย พัฒนากรจึงต้องหาตัวกระตุ้นให้ผู้นาชุมชนมีความรู้ ความเข้าใจในการ บริหารงานชุมชน ให้ประชาชนรู้จักช่วยตนเองและเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหมู่บ้านของตนได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ริเร่ิมและสนบั สนุนการดาเนินงานพัฒนาหมู่บา้ นของตนเอง จึงเล็งไปท่ีผ้นู า อช. ซ่งึ ได้มองเห็น แลว้ วา่ เป็นผทู้ มี่ ีจิตอาสาท่จี ะพัฒนาหมู่บา้ นของตนเอง 1.เทคนิคการทางานผ้นู าอาสาพฒั นาชมุ ชน การพัฒนาพนื้ ทใ่ี ดพืน้ ที่หนง่ึ นนั้ จาเปน็ ต้องรูจ้ กั บริบทของแต่ละพืน้ ทีอ่ ยา่ งแท้จรงิ โดย ใชเ้ ทคนคิ ในการสื่อสารที่อ่อนน้อมถ่อมตน ปฏบิ ตั ิงานให้เป็นมติ ร แสดงความจรงิ ใจ เขา้ หาและทา ความรู้จกั กับผู้นาในพ้นื ที่ พูดคยุ กบั ประชาชน ใหค้ วามสาคัญกับทกุ ปัญหา ไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั แิ ละ ยอมรบั ความคิดเหน็ ต่างของประชาชน 2.หลกั การทางานของผ้นู าอาสาพฒั นาชมุ ชน 2.1 มีการวางแผนทุกครั้ง ก่อนลงมอื ปฏิบตั ิงาน เพ่ือให้การทางาน ไปตามขนั้ ตอนอยา่ งเป็น ระบบ 2.2 พัฒนาตนเอง ใฝ่รู้ ศกึ ษาข้อมูลอย่างสม่าเสมอ 2.3 มีความม่ันในในตัวเอง กลา้ แสดงออก สามารถประสานงานไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ ทันท่วงที
2.4 ยึดหลักประชาชนเป็นศูนย์กลางในการคดิ และตดั สินใจในการแกไ้ ขปัญหา โดยประชาชน มสี ว่ นร่วมทกุ ขน้ั ตอน 3.ผลงานทภี่ าคภมู ิใจในการเป็นผู้นาอาสาพัฒนาชุมชน ได้นาความรู้ความสามารถที่ได้รับและพัฒนาจากการเป็นผู้นาอาสาพัฒนาชุมชน มาใช้ ประโยชนใ์ นการป้องกันและแก้ไขปญั หายาเสพติดในหมบู่ ้าน/ชมุ ชน ดงั นี้ คือ 1.ส่งเสริมและแนะนาอาชีพ แก่ผู้พ้นโทษและผู้ถูกคุมประพฤติให้มีอาชีพสุจริตทา และ สามารถพึง่ ตนเองได้และมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวในระดบั หน่ึง 2.เป็นวิทยากรให้ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับยาเสพติดให้กับเยาวชนในพื้นท่ีให้ทราบถึงพิษ ภัยของยาเสพตดิ 3.ได้ปฏิบัติภารกิจของผู้นาอาสาพัฒนาชุมชนอย่างเต็มท่ี เต็มกาลังความสามารถ มีความ เสยี สละ และมจี ิตอาสา จนได้รับใบประกาศเกยี รตบิ ัตร “คนดีศรีทักษณิ ประจาปี 2562”
Search
Read the Text Version
- 1 - 3
Pages: