Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore งานวิจัยกะหล่ำปลี ปี 65 ครูเมย์ PDF

งานวิจัยกะหล่ำปลี ปี 65 ครูเมย์ PDF

Description: งานวิจัยกะหล่ำปลี ปี 65 ครูเมย์ PDF

Search

Read the Text Version

ก คำนำ เอกสารฉบบั นี้จัดทาขนึ้ เพือ่ รายงานผลการศึกษาการปลกู กะหล่าปลี โดยวธิ ีเกษตรธรรมชาติเพอื่ ดูการ เจริญเติบโตและผลผลิตของกระหลา่ ปลีทีป่ ลกู ภาคใต้ ซ่ึงศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดน ชมุ พร ไดด้ าเนินการทดลองปลกู กะหลา่ ปลี โดยวธิ ีเกษตรธรรมชาติ ตงั้ แตว่ ันที่ ๒๑ ธนั วาคม 256๔ โดยจดั ทา เปน็ แปลง สาธิต ทดลอง เกบ็ ข้อมูลดา้ นการเจริญเตบิ โต ดา้ นผลผลติ ตลอดจนตน้ ทุนการผลติ และนาความรู้ท่ี ไดจ้ ากการศกึ ษาทดลอง มาถา่ ยทอดใหก้ ับประชาชน และผู้สนใจท่ีมาศกึ ษาดงู าน ผู้ศึกษา ทดลอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานผลการศึกษา ทดลอง ฉบับน้ี จะเป็นประโยชน์สาหรับ ผู้ปฏิบัติงานด้านเกษตรธรรมชาติและประชาชนทว่ั ไป ขอขอบคุณนายสพุ รรณ ฐินะกุล ผู้อานวยการ ศฝช. ชุมพร นายสมจิตร เต็นรัมย์ รองผู้อานวยการ ศฝช.ชุมพร ท่ีให้คาปรึกษา ให้คาช้ีแนะ และขอขอบคุณ บุคลากร ศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนชุมพรทุกท่าน ท่ีมีส่วนร่วมในการดาเนินงานใน คร้งั นี้ นางสาวสมจิต แก้วบุตร ครูอาสาสมัครการศกึ ษานอกโรงเรียน

สำรบญั ข เร่อื ง หนำ้ คำนำ ก สำรบัญ ข บทคดั ยอ่ การปลกู กะหลา่ ปลโี ดยวิธเี กษตรธรรมชาติ เพื่อดกู ารเจรญิ เตบิ โตและ ค ผลผลิตของกระหล่าปลที ี่ปลกู ภาคใต้ 1 บทท่ี 1 บทนำ 1 ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา 1 2 วตั ถุประสงค์ของการทดลอง 2 ขอบเขตของการทดลอง 3 คานิยามศัพทเ์ ฉพาะ 6 ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการทดลอง 7 บทที่ 2 หลักวิชำกำร 7 การปลูกกะหล่าปลี 7 หลักวิชาการทีน่ ามาใช้ 11 ๑2 บทที่ 3 กำรดำเนนิ กำร 12 การวางแผนการทดลอง อปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการทดลอง 13 ๑3 วธิ ีการดาเนินงาน สถานทีท่ าการทดลอง ๑4 การบันทึกข้อมลู ๑4 ๑4 การวเิ คราะหข์ อ้ มูล บทที่ 4 ผลกำรดำเนนิ งำน ผลการศกึ ษาทดลอง วิจารณ์ผลการทดลอง บทที่ 5 สรุปผลกำรดำเนนิ กำร สรุปผลการดาเนนิ งาน ประเด็นปญั หาอุปสรรค แนวทางการพัฒนา ภำคผนวก บรรณำนกุ รม

ค บทคัดยอ่ การศึกษา ทดลอง ในครง้ั น้ีมีวตั ถุประสงค์ เพอื่ รายงานผลการศึกษาทดลองการปลูกกะหลา่ ปลี โดยวิธี เกษตรธรรมชาติ เพ่ือดูการเจรญิ เตบิ โตและผลผลติ ของกระหล่าปลที ี่ปลูกภาคใต้ ซ่ึงศนู ย์ฝึกและพัฒนาอาชีพ ราษฎรไทยบริเวณชายแดนชุมพร ได้ดาเนินการปลูกกะหล่าปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ โดยจัดทาเป็นแปลง สาธติ ทดลอง การปลกู กะหลา่ ปลโี ดยวธิ ีเกษตรธรรมชาติ การจัดการวัชพชื และศตั รพู ืชท่ีพบในแปลง และนา ความรูท้ ไี่ ด้รบั เผยแพร่ให้กบั ประชาชน และผูส้ นใจมาศกึ ษาดูงาน โดยมผี ลการศึกษาทดลอง ดังน้ี กำรดำเนนิ งำน การปลูกกะหล่าปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ เพ่ือดูการเจรญิ เติบโตและผลผลิตของกระหล่าปลที ่ีปลกู ภาคใต้ เป็นการปลกู แบบยกแปลง สูงประมาณ ๓๐ เซนตเิ มตร กวา้ ง ๑ เมตร ยาว 10 เมตร จานวน 4 แปลง ซง่ึ ทกุ แปลงจะปลูกระยะห่างระหว่างต้น ๕๐ เซนติเมตร ระหวา่ งแถว ๔๐ เซนตเิ มตร ใน ๑ แปลงมี ๑ แถว - ปลูกโดยวิธกี ารเพาะกล้าในกระบะเพาะก่อนจงึ นาไปปลกู ลงแปลง - หลงั เพาะกลา้ มใี บจรงิ ๒-๓ ใบ จงึ นาไปปลกู ลงแปลง - เตรยี มหลุมปลูกกวา้ ง ๑๐ เซนติเมตร ลึกประมาณ ๕ เซนติเมตร รดน้าให้ชุ่มกอ่ นปลูก เตรยี มปลกู ในตอนเย็น ก่อนปลูกคลมุ ฟาง จานวน ๔ แปลง เพ่ือรกั ษาความชื้นในดนิ และคมุ วชั พืช - เม่อื อายปุ ระมาณ ๒ สปั ดาห์ กาจดั วชั พืช พรวนดนิ คลมุ แปลงไวเ้ หมือนเดิม - เม่อื อายุ อายุ ๕๐-๖๕ วัน กะหลา่ ปลจี ะเริ่มหอ่ และเกบ็ ผลผลติ เม่อื อายุ ประมาณ ๙๘ วัน สรุปผลกำรดำเนนิ งำน การปลูกกะหล่าปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ เพื่อดูการเจริญเติบโตและผลผลิตของกระหลา่ ปลที ี่ปลูก ภาคใต้ ได้มกี ารวางแผนการทดลอง ซึง่ มีรายละเอยี ดดังต่อไปนี้ สภาพดินแปลงทป่ี ลกู กะหล่าปลี ไถพรวนเพอ่ื ปรบั แต่งหน้าดินในแปลง โดยการใช้คนในการพรวนดิน ตามความเหมาะสม เปลย่ี นจากบริเวณแปลงเปน็ ทางเดนิ สลบั กัน เพื่อปรับเปลีย่ นพื้นท่คี วามอุดมสมบรู ณ์ของ ดิน ผลจากการปลกู กะหลา่ ปลีโดยวิธเี กษตรธรรมชาติ เพื่อดูการเจริญเตบิ โตและผลผลติ ของกระหล่าปลที ปี่ ลกู ภาคใต้ พบวา่ กะหล่าปลี มีการเจริญเติบโตได้ดี มีแมลงศัตรพู ชื รบกวนไม่มาก ผลผลติ ท่ีได้ มขี นาดนา้ หนักโดย เฉล่ีย ดังน้ี การเตรียมแปลงโดยการยกแปลงสงู ประมาณ ๓๐ เซนติเมตร จานวน ๔ แปลง แบบท่ี ๑ จานวน ๔ แปลงคลุมดว้ ยฟางข้าว ผลผลิตทไ่ี ด้ มขี นำดน้ำหนักโดยเฉลยี่ ดงั นี้ กำรทดลองแบบท่ี 1 คลุมแปลงดว้ ยฟำงขำ้ ว - แปลงท่ี ๑ น้าหนกั โดยเฉลีย่ ๑.๙ กิโลกรัม - แปลงที่ ๒ นา้ หนกั โดยเฉล่ยี ๑.๕ กิโลกรมั - แปลงท่ี ๓ นา้ หนกั โดยกเฉลี่ย ๑.๗ กโิ ลกรัม - แปลงท่ี ๔ นา้ หนักโดยกเฉล่ีย ๒.๒ กโิ ลกรมั ผู้ศึกษา ทดลอง ได้เก็บข้อมูลการศึกษาทดลองปลูกกะหล่าปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ เพ่ือดูการ เจริญเติบโตและผลผลติ ของกระหล่าปลที ปี่ ลูกภาคใต้ ดังนี้ พบว่า จากข้อมูลที่ได้จากการทดลองมีความแตกต่างกันด้านน้าหนัก มีน้าหนักโดยเฉลี่ยเรียงลาดับ จากนอ้ ยไปหามากดังน้ี การทดลองแบบท1่ี แปลงทคี่ ลุมดว้ ยฟางข้าว แปลงท่ี ๑ น้าหนักโดยเฉลยี่ ๑.๙กโิ ลกรมั แปลงที่ ๒ น้าหนักโดยเฉลยี่ ๑.๕ กิโลกรมั แปลงท่ี๓ นา้ หนกั โดยเฉลีย่ ๑.๗ กิโลกรัม แปลงที่ ๔ น้าหนกั โดยกเฉลย่ี ๒.๒ กิโลกรมั

1 บทที่ 1 บทนำ 1. ควำมเปน็ มำและควำมสำคัญของปญั หำ เนื่องจากศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนชุมพร ได้รับนโยบายจากสานักงาน กศน. ให้รับผิดชอบ ส่งเสริม สนับสนุน และเผยแพร่การปลูกพืชผักโดยวิธีเกษตรธรรมชาติให้กับประชาชน บริเวณชายแดน สว่ นใหญ่ในการเพาะปลูกแตล่ ะฤดูกาล ประชาชนขาดความรู้ความเขา้ ใจและขาดการบริหาร จัดการดินที่ทาการเพาะปลกู พืช ในการเพาะปลูกทุกคร้ังหรือแม้แต่เมอื่ แลว้ เสร็จฤดูกาลสว่ นใหญ่ จะทาตาม ความเชื่อ และความเขา้ ใจของตนเอง โดยไม่มกี ารเกบ็ ข้อมูลหรอื เปรียบเทียบว่าการทาแตล่ ะครงั้ ผลผลติ ที่ได้มี ความแตกต่างกนั หรือไม่ ทาอย่างไรให้ผลผลิตมากน้อยต่างกัน จากกรณีปัญหาดงั กลา่ ว ทางศนู ยฝ์ ึกและพฒั นาอาชพี ราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนชมุ พรจงึ ไดก้ ารศกึ ษา การปลกู กะหลา่ ปลโี ดยวิธีเกษตรธรรมชาติ เพ่อื ดูการเจริญเติบโตและผลผลิตของกระหล่าปลที ป่ี ลกู ภาคใต้ วา่ มี ผลเกิดจากการทดลองอย่างไร ซ่ึงดาเนินการปลูก โดยใช้กระบวนการเกษตรธรรมชาติ เพื่อให้ดินแสดง ศักยภาพออกมาในรปู แบบของผลผลติ ทด่ี ี เป็นพนื้ ท่ีเกษตรธรรมชาตทิ ี่ปลอดภัย เพราะไมใ่ ช้สารเคมีใดๆ และ ต้องการทราบผลการศึกษา ทดลอง ว่ากะหล่าปลีท่ีปลูกภาคใต้ จะมีความแตกต่างกนั ในด้านใดบ้างเช่น การ เจรญิ เตบิ โต ผลผลิต ตน้ ทุน ต่อแปลง โดยทกุ ขน้ั ตอนวิธีการปลูกจะใชก้ ระบวนการเกษตรธรรมชาติ เปน็ องค์ ความรูใ้ นการเรยี นรู้ และยดึ ศาสตร์พระราชา ซ่ึงเป็นปรัชญาทส่ี ามารถนามาประยุกตใ์ ช้กับการทาการเกษตรสู่ การพฒั นาอย่างยั่งยืน เพ่อื เผยแพรอ่ งค์ความรู้ผา่ นทางช่องทางตา่ งๆ เพื่อเป็นประโยชน์แกผ่ ูท้ ส่ี นใจต่อไป 2. วตั ถุประสงค์ของกำรทดลอง 1. เพ่ือทราบผลการศึกษา ทดลอง เปรียบเทียบการเจริญเติบโตและผลผลติ ของกระหล่าปลที ป่ี ลกู ภาคใต้ 2. เพ่ือจัดทาแปลง สาธิต ทดลอง การปลูกกะหล่าปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ และสร้างองค์ความรู้ ดา้ นการเกษตรกรรมโดยเน้นวิธีเกษตรธรรมชาติ และนาความรทู้ ไ่ี ด้จากการทดลองไปเผยแพร่ และขยายผลสู่ ประชาชนตามแนวชายแดน 3. ขอบเขตของกำรทดลอง - สถานท่ีปลูก แปลงสาธติ ภายในบริเวณศูนย์ฝกึ และพฒั นาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนชมุ พร

2 4. คำนิยำมศพั ท์เฉพำะ กะหลา่ ปลี มชี อื่ วิทยาศาสตร์ Brassica oleracea L. Var.capitata อยใู่ นวงศ์ Cruciferae โดยลักษณะ ของกะหลา่ ปลเี ปน็ พชื ลม้ ลกุ มสี ณั ฐานกลม ส่วนใหญส่ เี ขยี ว แตส่ ีอื่นก็มี อาทิ ขาวและมว่ ง มถี ิ่นกาเนดิ แถบเมดิ เตอเรเนียน เปน็ พืชเศรษฐกิจชนิดหนงึ่ เปน็ ทีต่ อ้ งการของตลาด มีคุณคา่ ทางโภชนาการ คอื จะช่วยบารงุ กระดกู และฟนั ซึง่ ในกะหลา่ ปลอี ดุ มไปด้วยแคลเซยี ม และฟอสพอรสั จะเปน็ ผลดตี อ่ การเสริมสรา้ งและบารงุ กระดูก (วิ กิพเิ ดีย) ส่วนมากจะปลกู โดยใชส้ ารเคมี แต่ที่ศนู ย์ฝกึ และพฒั นาอาชพี ราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนชมุ พร เกษตรธรรมชำติ หมายถึง การทาการเกษตรท่ีไมใ่ ชป้ ๋ยุ เคมี และสารเคมีทางการเกษตรทกุ ชนิด แตจ่ ะให้ ความสาคญั ของดนิ เป็นอันดับแรก ด้วยการปรบั ปรงุ ดนิ ให้มพี ลงั ในการเพาะปลูก เหมือนกับดนิ ในป่าทม่ี ีความ อุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ โดยการนาทรพั ยากรธรรมชาติที่มีอย่อู ย่างจากดั มาใช้ให้เกิดประโยชน์สงู สุด เป็น วธิ ีการท่ีไมก่ อ่ ใหเ้ กิดผลเสียตอ่ สภาพแวดลอ้ ม ไม่เป็นอันตรายต่อเกษตรกรและผ้บู รโิ ภค สามารถใหผ้ ลผลิตทีม่ ี ทัง้ ปรมิ าณและคุณภาพ เปน็ ระบบเกษตรที่มคี วามย่งั ยืนถาวร เป็นอาชพี ที่มน่ั คง ปัจจุบันเกษตรกรส่วนใหญใ่ ช้ปัจจัยภายนอกชุมชนเข้ามาใช้ในการผลติ อย่างมากมาย เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่า หญ้า ยาฆ่าแมลง ฯลฯ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่าน้ีลว้ นส่งผลกระทบด้านสุขภาพอนามัย ต่อทั้งตัวผู้ใช้ และผู้บริโภค และท่ีสาคัญยังทาลายส่งิ แวดลอ้ มเช่นกัน การศึกษาวิธีการปลกู กะหล่าปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ กรณีศึกษา แปลงสาธิตทดลอง ศฝช.ชุมพร จึงเป็นการปรับปรุงระบบการผลิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ การฟื้นฟู สภาพแวดลอ้ มใหม้ คี วามสมดลุ และผลผลิตที่ไดค้ วามปลอดภยั ทั้งตอ่ ตัวผู้บริโภค ฟำงขำ้ ว หมายถงึ ฟางทีไ่ ดห้ ลงั จากการเก็บเกย่ี วข้าว 5. ประโยชนท์ ไ่ี ด้รบั จำกกำรทดลอง 1. ทราบผลการศกึ ษา ทดลอง การปลูกกะหลา่ ปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติเกษตรธรรมชาติ เพือ่ ดูการ เจรญิ เตบิ โตและผลผลติ ของกระหล่าปลที ี่ปลูกภาคใต้ 2. มีแปลงสาธิต ทดลอง ปลูกกะหล่าปลีภายในศูนย์ฝกึ และพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบรเิ วณชายแดน ชุมพร 3. สามารถนาความรู้จากการทดลอง ไปถ่ายทอด และเผยแพร่ให้กบั ประชาชน และผูส้ นใจที่มาศึกษา ดูงาน

3 บทท่ี 2 หลกั วชิ ำกำร เร่อื ง กำรปลูกกะหล่ำปลีโดยวธิ เี กษตรธรรมชำติ เพ่อื ดกู ำรเจรญิ เตบิ โตและผลผลติ ของกระหลำ่ ปลีทปี่ ลูก ภำคใต้ ขอ้ มูลทางพฤกษศาสตร์ กะหลำ่ ปลี เปน็ พชื ใบเล้ยี งคู่ ตระกลู ผกั กาด มถี ่ินกาเนิดอย่แู ถบเมดิเตอเรเนียน มี หลายสีเช่นสีขาว สีม่วง สีแดง ซึ่งกะหล่าปลีแบ่งออกเป็น ๓ สายพันธ์ุ คือกะหล่าปลีธรรมดา ( พันธุ์โกเดน เอเคอร์ พันธโุ์ คเปนเฮเกนมารเ์ ก็ต) กะหลา่ ปลแี ดง (ใบเป็นสแี ดงทับทิม ขนึ้ ได้ดีในอากาศหนาวเย็น) กะหล่าปลี ใบย่น (ขน้ึ ได้ดใี นท่ีท่อี ากาศหนาวเยน็ เปน็ พเิ ศษ) แบง่ ตามอายกุ ารเกบ็ เกยี่ ว มพี นั ธหุ์ นกั อายุ ๙๐-๑๒๐ วันพนั ธ์ุ เบา อายุการเก็บเกยี่ ว ๖๐-๗๐ วัน คนไทยเรารจู้ ักบรโิ ภคกันมานาน กะล่าปลี มีสารพิษที่เรยี กว่ากอยโตเจน ซ่ึงเป็นตัวขดั ขวางการดดู ซึมโอโดดีน ทาให้เป็นคอพอกได้ สารชนิดน้ีทาลายได้โดยการนาไปต้ม และถ้ากินใน ปริมาณมากๆและกนิ เป็นประจา จึงจะไดร้ บั สารน้ี ข้อมูลทำงโภชนำกำร กะหล่าปลีประกอบด้วย มีวิตามินซีสงู การนาไปปรุงอาหารควรใช้วิธีนึ่ง จะช่วย คงคุณค่าทางอาหารได้มากทีส่ ดุ ประกอบดว้ ย พลงั งาน/คาร์โบไฮเดรต/น้าตาล/เสน้ ใย/ไขมัน/โปรตนี /วิตามนิ / แคลเซียม/ธาตุเหลก็ กะล่าปลี มีสารพิษท่ีเรียกว่ากอยโตเจน ซ่ึงเป็นตัวขัดขวางการดูดซึมโอโดดีน ทาใหเ้ ปน็ คอพอกได้ ถ้ากินในปริมาณมากๆและกนิ เป็นประจา สารชนิดนท้ี าลายได้โดยการนาไปตม้ ปลูกมากทางภาคเหนอื ของประเทศไทย ฤดูท่ีเหมาะสมคือฤดูหนาว ปลูกได้ดีในสภาพดินรว่ นปนทราย ซ่ึงมสี ภาพความเปน็ กรดเป็นดา่ ง ประมาณ ๕.๐-๗.๕ มีการระบายน้าได้ (แหล่งข้อมูล วิกพิ เิ ดยี ) ดินและกำรเตรยี มกำร กะหล่าปลีเป็นพืชระบบรากฝอย ดังน้ันจึงต้องเตรียมดินให้ร่วนซุยและยกแปลงให้สูงเพื่อใหอ้ ากาศ ถ่ายเทไดด้ ี รากหาอาหารไดไ้ กล และดนิ ตอ้ งระบายนา้ ไดด้ ี ดินมีความอุดมสมบรู ณ์ มคี วามชุม่ ชื่นพอประมาณ ฉะน้ันถา้ มกี ารไถพรวนหรือขุดยอ่ ยดินใหม้ หี น้าดนิ ร่วนโปรง่ และลกึ ก็จะชว่ ยใหร้ ากหาอาหารไดด้ ีในระยะท่ีต้น กะหลา่ ปลกี าลังเจริญ เติบโต ดินต้องมีความช่มุ ชน่ื ตลอดเวลา กำรปลกู กะหลำ่ ปลีโดยวิธเี กษตรธรรมชำติ เพ่ือดกู ำรเจรญิ เติบโตและผลผลิตของกระหล่ำปลีทป่ี ลกู ภำคใต้ ๑. หลังจากเตรียมแปลงขนาด กว้าง ๑ เมตรยาว ๑0 เมตร ท้ังหมด 4 แปลง ขุดหลุมเล็กๆ ระยะห่าง ระหว่างต้น ๕๐ เซนติเมตร ระหวา่ งแถว ๔๐ เซนตเิ มตร ใน ๑ แปลง ทา 1 แถว แล้วปลูกกะหล่าปลี หลมุ ละ ๑ ตน้ คลมุ ฟาง 4 แปลง แลว้ รดน้าให้ชุ่ม ก่อนปลกู ในตอนเย็น ๒. เม่ืออายุประมาณ ๒ สัปดาห์ กาจัดวัชพืช พรวนดินแปลงที่คลุมด้วยฟาง ส่วนแปลงคลุมพลาสติกไมม่ ี วชั พืช ๓. เม่ืออายุ อายุ ๕๐-๖๕ วนั กะหล่าปลีจะเรม่ิ ห่อ และเกบ็ ผลผลิตเม่ืออายุ ประมาณ ๙๘ วนั โรคพชื พบโรคพืชที่เรียกวา่ โรคเนา่ เละในกะหลา่ ปลี ซง่ึ เกดิ จากเชื้อแบคทีเรยี เกดิ จากสภาพอากาศ ตอนเชา้ อากาศ ช้ืนมาก ตอนกลางวนั มีแดดจดั และมฝี นในบางวนั ทาใหเ้ ชอ้ื โรคเจริญเตบิ โตได้ดี ลักษณะของความเสียหาย คือ ลาตน้ จะเหี่ยวเน่าเละมกี ลิ่นเหม็น แมลงศัตรพู ืช ๑. ต๊ักแตนหนวดสน้ั พบช่วงกะหล่าปลี ยังเล็กจะกดั กนิ ใบ แตป่ รมิ าณไมม่ าก ไม่สรา้ งความเสยี หาย ๒. หนอนใยผัก/หนอนกระทู้ พบในปริมาณน้อย ช่วงกะหลา่ ปลีกาลังห่อ จะเจาะเขา้ ทาลายยอดออ่ น ทาให้เกิดความเสียหาย แต่มจี านวนไมม่ าก

4 วธิ ีปอ้ งกันและกำจัดโรคและแมลง ๑ วิธีป้องกันโรค ตากดินไว้ประมาณ ๗ วันเพ่ือฆ่าเช้ือโรคในดิน ไม่ปลูกพืชตระกูลกะหลา่ ซ้าในพน้ื ท่ี เดิม ปลกู พชื ชนิดอื่น หนอนใยผกั /หนอนกระทู้ พบไม่มาก วิธปี ้องกันและกาจัด ถา้ พบร่องรอยการทาลายเช่นมีใยขาวๆในผัก/พบข้ี ของหนอน รอยเจาะกดั กินของหนอน ตอ้ งหาตัวให้พบโดยส่องไฟดตู อนกลางคนื จะเห็นตวั หนอน แลว้ จับหนอน มาทาลายทิง้ ๒.ตก๊ั แตนหนวดสนั้ จะเขา้ ทาลายช่วงกะหลา่ ปลีตน้ ออ่ นจะไมส่ ร้างความเสียหายมากนัก ๓. ตรวจแปลงทุกวันตอนเช้าๆและตอนกลางคืนอากาศเย็นๆจะพบตัวหนอนถ้ามี ถ้าอากาศร้อนจะ ซอ่ นตวั อยู่ใต้ใบหาไม่เจอ ๔. ทาความสะอาดทางเดนิ ในแปลงอย่าให้รก จะเปน็ ท่ีอยขู่ องแมลงศัตรูพชื ๕. ปลูกดอกไมไ้ ว้ข้างๆแปลงเพ่อื ล่อและไลแ่ มลง ๖. ปลกู พืชไว้เปน็ แนวกนั ชนเชน่ พรกิ และพชื ที่มกี ลนิ่ เช่นแมงลกั ๒. เกษตรธรรมชำติ (Nature Farmimg) ความสาคญั ของเกษตรธรรมชาติ เกษตรธรรมชาตนิ ับว่าเปน็ การเกษตรท่มี ีความสาคัญมาก ดงั นี้ ๑. ชว่ ยรักษาสภาพแวดล้อม เนอ่ื งจากไมไ่ ด้ใช้ป๋ยุ เคมีและสารเคมีทางการเกษตรทกุ ชนดิ จงึ ไมม่ ี สารพษิ ตกค้างในสภาพแวดล้อม ๒. ชว่ ยปรบั ปรุงดินใหม้ คี วามอดุ มสมบรู ณ์ และเหมาะสมตอ่ การเพาะปลกู จึงช่วยคุ้มครองพื้นที่ การเกษตร ๓. ชว่ ยรกั ษาสมดุลของระบบนเิ วศของแมลง และสมดลุ ของสภาพแวดลอ้ มอ่นื ๆ ๔. ทาให้ได้ผลผลติ ทางการเกษตรทบี่ รสิ ุทธ์ิ และมีคุณภาพดี ๕. เกษตรกรสามารถพ่งึ พาตนเองได้ โดยมกี ารใช้ปัจจัยภายในฟาร์มมาหมุนเวยี นให้เกิดประโยชน์ให้ มากทีส่ ดุ ลดการใชป้ จั จยั ภายนอก ซงึ่ เปน็ การลดตน้ ทนุ การผลิต ๖. เป็นเกษตรทีค่ านงึ ถงึ ลกู หลานในอนาคต ๗. ลดความเสยี่ งเน่ืองจากเปน็ การเกษตรทีผ่ ลิตแบบผสมผสาน และมีความยั่งยนื ๘. ช่วยให้เกษตรกรมีคุณภาพชวี ิตทด่ี ขี ึ้น กลา่ วคือ ปลอดภยั ต่อพิษภยั ของสารเคมตี า่ งๆ สามารถ ประกอบเปน็ อาชีพทมี่ รี ายไดเ้ ล้ียงครอบครวั ไดอ้ ย่างมน่ั คงและย่ังยนื ควำมหมำยของเกษตรธรรมชำติ เกษตรธรรมชาติมมี ากมายหลายรูปแบบแลว้ แตผ่ ู้ที่เปน็ ตน้ แบบรเิ ร่มิ แตอ่ ย่างไรก็ตามแต่ละรปู แบบก็ มุ่งเน้นที่จะช่วยรักษาสภาพแวดล้อม และให้ผลผลิตท่ีปลอดภัยจากสารเคมีท้ังน้ัน สาหรับรูปแบบเกษตร ธรรมชาติที่จะนามาเสนอให้แก่เกษตรกร และเกษตรกรสามารถยอมรับและนาไปปฏิบตั ิได้น้ันตอ้ งรูปแบบที่ สามารถให้ผลผลิตที่เพียงพอต่อการเลี้ยงครอบครัวของเกษตรกรด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะแรกๆ ท่ีเปลี่ยนมาเกษตรธรรมชาติ ในที่นี่จะขอนาเสนอเกษตรธรรมชาติในแนวทางที่ผูเ้ ขียนมีประสบการณม์ ากกวา่ ๑๐ ปี และได้ปฏิบัติอยู่จนทุกวันน้ี โดยได้ยึดแนวพระราชดารดิ ้านเศรษฐกิจพอเพียงและการทาการเกษตรท่ี ชว่ ยอนุรักษ์ดิน อนรุ ักษ์นา้ และส่ิงแวดลอ้ มของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั เป็นหลกั และนาแนวทางเกษตร ธรรมชาตขิ องโมกจิ ิ โอกาดะ มาปรบั ใช้ใหเ้ หมาะสมกบั ท้องถิน่ เกษตรธรรมชาติ หมายถึง การทาการเกษตรที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี ไม่ใช้สารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด ตลอดจนไมใ่ ช้สงิ่ ขบั ถา่ ยจากมนษุ ย์ แต่เน้นการปรบั ปรงุ ดนิ ให้มพี ลงั ในการเพาะปลกู เหมือนกับดนิ ท่อี ยใู่ นป่าที่ มคี วามอดุ มสมบูรณ์ตามธรรมชาติ โดยการนาทรัพยากรธรรมชาตทิ ี่มอี ยอู่ ย่างจากัดมาใช้ให้เกดิ ประโยชน์

5 สูงสุด เป็นวิธีการที่ไม่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสภาพแวดล้อมไม่เป็นอันตรายต่อเกษตรกรและผู้บริโภค สามารถใหผ้ ลผลติ ท่มี ที ้งั ปรมิ าณและคณุ ภาพ เปน็ ระบบเกษตรท่มี คี วามย่ังยืน ถาวรเปน็ อาชีพทีม่ ัน่ คง ดังน้นั คาวา่ ผกั เกษตรธรรมชาติ จึงเปน็ ผกั ที่ผลติ โดยวธิ ีเกษตรธรรมชาตคิ ือไมใ่ ชส้ ารเคมีไม่ใช้ปุ๋ยเคมี รวมทัง้ ไม่ใชส้ ง่ิ ขับถ่ายจากมนุษยใ์ นการปรับปรุงดิน จงึ ปลอดภยั ต่อผูบ้ รโิ ภคมากทส่ี ดุ แต่สาหรับผักปลอดสารพิษ เป็นผักที่ไม่มีสารพิษหรือมีสารพิษตกค้างอยู่ในระดับท่ีปลอดภัยต่อ ผบู้ รโิ ภค ดงั น้ันผกั ปลอดสารพิษจึงอาจแบ่งไดเ้ ปน็ สองกลมุ่ คือกลุ่มแรกเปน็ ผกั ท่ขี ึ้นเองตามธรรมชาตหิ รือผกั ที่ ปลูกโดยวิธีเกษตรธรรมชาติซึ่งไม่มีสารพิษตกค้างในผลผลิต กลุ่มท่ีสองเป็นผักผลิตโดยวิธีท่ัวไปโดยมี การควบคุมการใช้สารเคมีซึ่งอาจมีการใช้สารเคมีในระยะแรก ๆ และงดการใช้เมื่อใกล้เก็บเก่ียวเพ่ือมิให้มี สารพษิ ตกคา้ งอยูใ่ นผลผลิต หรอื ถา้ มีสารพิษตกค้างอยกู่ ็ต้องไม่เกินระดับที่ปลอดภัยตอ่ ผบู้ รโิ ภค แนวคดิ เกีย่ วกับการเกษตรธรรมชาตขิ อง โมกจิ โิ อกาดะ โมกิจิโอกาดะ นักปรัชญาชาวญ่ีปุ่นได้ริเริม่ เกษตรธรรมชาติมาต้ังแต่ ปีพ.ศ. ๒๔๗๘ หลักการเกษตร ธรรมชาติของ โมกิจโิ อกาดะคือการทาให้ความสมดลุ และวิวฒั นาการของมนุษย์ และสิง่ มชี ีวติ มคี วามถาวรด้วย การอนรุ กั ษ์ระบบนเิ วศที่สอดคลอ้ งกับธรรมชาติและใหค้ วามสาคญั ตอ่ ดินเป็นพ้ืนฐาน โมกิจิโอกาดะกลา่ วไวว้ ่า ( มลู นิธเิ อม็ โอเอไทย, ๒๕๓๒ : ๑-๘ ) “ ตัวธรรมชาติเองซง่ึ บรสิ ุทธิ์และไม่มีการแต่งเตมิ นั่นแหละ คือสัจธรรม ฉะนั้นไม่ว่าจะกระทาส่ิงใดก็ ตามมนุษย์ควรยึดธรรมชาติเป็นหลัก การเรียนรู้จากธรรมชาติเป็นเง่ือนไขสูงสุดแห่งความสาเร็จ ” (๒๕ มถิ นุ ายน ๒๔๙๒ ) “ พลังท่ีเป็นหลักสาคัญในการเจริญเติบโตของพชื นัน้ มาจากธาตุดิน โดยมีพลังของธาตุนา้ และธาตไุ ฟ เป็นส่วนเสริม เน่ืองจากการเจรญิ เติบโตของพืชขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของดิน ซ่ึงเป็นพลงั หลักเป็นสาคัญ ดังนั้น เงอ่ื นไขทส่ี าคัญที่สุดของการเพาะปลูกจงึ อย่ทู ี่ตอ้ งปรบั ปรุงดินให้มีคุณภาพดีทัง้ นัน้ เพราะดนิ ยิง่ ดีกจ็ ะยิง่ ได้ผล ส่วนวิธีการปรับปรุงดินก็คือการเพ่ิมความกระปรี้กระเปร่าให้ดิน ซึ่งทาได้โดยการทาดินให้มีความ สะอาดและบรสิ ุทธิ์เพราะว่าดินย่ิงบรสิ ุทธก์ิ จ็ ะยิง่ ทาให้พลงั การเจรญิ เตบิ โตของพืชดขี ้ึน ” ( ๑ กรกฎาคม ๒๔๙๒ ) โมกจิ ิโอกาดะกลา่ ววา่ “ หลกั การของเกษตรธรรมชาตคิ ือการนาพลังอนั สูงส่งตามธรรมชาติของดินมา ใช้ใหเ้ กิดประโยชน์” ( ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๖ ) “ ถ้าหยิบใบไม้แห้งขนึ้ มาหนงึ่ ใบกจ็ ะทราบถงึ วัฏจักรแห่งชีวติ ไดอ้ ย่างดี” หลักเกษตรธรรมชาติก็เป็นหลักการที่เลียนแบบมาจากป่าท่ีสมบูรณ์นั่นเอง ซ่ึงจ ะประกอบด้วยการปฏิบัติ การทางเกษตรทค่ี านึงถึงดนิ พืช และแมลงไปพร้อม ๆ กันคือ ๑. ดิน : ปรับปรุงดนิ ให้มีความอุดมสมบรู ณด์ ี ๒. พืช : ปลกู พชื หลายชนิด ๓. แมลง : อนรุ ักษ์แมลงที่มีประโยชน์ อ้ำงองิ ทพิ วรรณ สทิ ธริ ังสรรค.์ --เกษตรธรรมชาต.ิ --พิมพค์ ร้งั ที่ ๒--กรุงเทพฯ:โอเดียนสโตร์, ๒๕๕๔

6 ๓. หลกั วิชำกำรท่ใี ช้ ใชก้ ระบวนการปลกู พืชโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ โดยวิธกี ารดังน้ี - การปรับปรุงดิน โดยการปลกู พืชตระกูลถั่วเช่นถ่ัวสิสง ถั่วแระญ่ีปุ่น และใช้หญ้าแห้ง ใบไม้แห้งโรย ทางเดนิ ของแปลง เพ่ือรกั ษาความชืน้ ในดนิ และยอ่ ยสลายเป็นปุย๋ ช่วยปรับโครงสรา้ งของดนิ - หลักการปลูกพืชหมุนเวียน ปลูกพืชตามฤดกู าล เช่น ปลูกกะหล่าและผักกาดในฤดูหนาวพชื กินใบ/ ปลูกพชื กินผลเช่นขา้ วโพด/ปลูกพชื กินหัวเช่นมนั เทศญีป่ ่นุ - หลักการอนุรักษ์แมลงที่มีประโยชน์ ปลูกดอกไม้ในแปลงและรอบๆแปลง เช่น การปลูกดาวเรือง เพื่อล่อและไลแ่ มลง

บทที่ ๓ 7 กำรดำเนนิ กำร การปลูกกะหลา่ ปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ เพ่ือดูการเจรญิ เติบโตและผลผลิตของกระหลา่ ปลที ่ีปลกู ภาคใต้ ไดม้ ีการวางแผนการทดลอง ซงึ่ มรี ายละเอยี ดดงั ต่อไปน้ี ๑. กำรวำงแผนกำรทดลอง ดาเนนิ การปลกู กะหลา่ ปลีโดยวธิ ีเกษตรธรรมชาติเพ่ือดกู ารเจรญิ เติบโต และผลผลิตของกระหล่าปลที ี่ปลูกภาคใต้ ได้มกี ารวางแผนการทดลอง ซึ่งมีรายละเอยี ดดังต่อไปนี้ - เตรียมแปลงจานวน 4 แปลง แต่ละแปลงมีขนาดกว้าง ๑ เมตร ยาว ๑0 เมตร โดยมีพ้ืนที่ท้ังหมด ประมาณ 150 ตารางเมตร ๒. วสั ดุ/อุปกรณ์ที่ใช้ - เมลด็ พนั ธ์กุ ะหลา่ ปลี จานวน ๒ ซอง - ฟางอัดกอ้ น 2 กอ้ น - จอบ/เสยี ม/สายยาง/เชือก ๓. วิธกี ำรดำเนินงำน การปลูกกะหล่าปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ ได้มีการวางแผนการทดลอง ซึ่งมีรายละเอียด ดงั ต่อไปนี้ ๓. ๑ การเตรยี มพนื้ ท่ี การเตรยี มแปลงโดยการยกแปลงสงู ประมาณ ๓๐ เซนติเมตร จานวน 4 แปลง โดยแบ่งการทดลอง ออกเป็น 1 แบบ แบบทดลองท่ี 1 จานวน 4 คลมุ แปลงดว้ ยฟางข้าว

8 ๓.๒ เพาะกล้า เตรียมไว้ ให้ต้นกล้ามีใบจริงจานวน ๒ ใบจึงนาไปปลูก หรือประมาณ ๒๐ วัน ตามความ เหมาะสม ๓.๓ ดาเนนิ การปลกู กะหล่าปลี - - ปลูกกะหล่าปลี จานวน 4 แปลง แต่ละแปลงกว้าง ๑ เมตร ยาว ๑0 เมตร ใน ๑ แปลงปลูก จานวน 1 แถว ปลูกด้วยระยะห่างระหว่างต้น ๕๐ เซนติเมตร ระหว่างแถว ๔๐ เซนติเมตร หลุมละ ๑ ต้น คลุมฟางก่อนปลกู เสร็จแล้วรดนา้ ใหช้ ุม่ - รดนา้ วันละครัง้ ในตอนเชา้ ถ้าแปลงมีความชนื้ อยแู่ ลว้ ลดการใหน้ า้ รดน้าโดยการใชส้ ายยาง

9 ๓.๔ การดแู ลรักษา - หลงั จากปลกู ลงแปลง กะหลา่ ปลีอายปุ ระมาณ ๒ สปั ดาห์ ดาเนนิ การกาจัดวัชพืช พรวนดิน แล้วนา ฟางท่คี ลุมในแปลงเหมอื นเดมิ เพ่อื รักษาความช้นื สว่ นแปลงทค่ี ลุมพลาสตกิ ไม่มีวชั พชื - เม่ือกะหล่าปลีหลังปลูกอายุ ๕๐-๖๕ วัน จะเร่ิมห่อ ได้มีการสารวจแปลงทุกวัน เพ่ือสังเกต การเจริญเติบโต และสารวจโรคแมลงศตั รูพืชของกะหล่าปลี ก่อนเก็บผลผลติ

10 ๓.๕ การเกบ็ ผลผลิต กะหล่าปลอี ายปุ ระมาณ 98 วนั จะเริ่มเกบ็ ผลผลติ

11 โรคพชื พบโรคพืชทเ่ี รียกวา่ โรคเนา่ เละในกะหลา่ ปลี ซงึ่ เกิดจากเชอื้ แบคทีเรยี เกดิ จากสภาพอากาศ ตอนเช้า อากาศช้นื มาก ตอนกลางวนั มแี ดดจัด และมฝี นในบางวนั ทาให้ดนิ มคี วามช้ืนมาก เชือ้ โรคเจริญเตบิ โตได้ดี ลกั ษณะของการถูกทาลาย และสร้างความเสยี หาย คอื ลาตน้ จะเหย่ี วเนา่ เละมกี ลนิ่ เหม็น แมลงศตั รูพืช ๑. ต๊ักแตนหนวดสั้นพบชว่ งกะหล่าปลี ยงั เลก็ จะกดั กินใบ แต่ปรมิ าณไม่มาก ไมส่ ร้างความเสียหาย ๒. หนอนใยผัก พบในปรมิ าณนอ้ ย ช่วงกะหลา่ ปลกี าลงั หอ่ จะเจาะเขา้ ทาลายยอดออ่ นทาใหเ้ กดิ ความ เสียหาย แตม่ ีจานวนไม่มาก วธิ ีป้องกันและกำจัดโรคและแมลง ๑. หนอนใยผกั พบไม่มาก วธิ ีปอ้ งกันและกาจดั ถ้าพบร่องรอยการทาลายเชน่ มใี ยขาวๆในผัก/พบข้ีของหนอน รอยเจาะกัดกินของหนอน ต้องหาตัวให้พบโดยส่องไฟดูตอนกลางคืนจะเห็นตัวหนอน แล้วจับหนอนมา ทาลายท้ิง ๒. ต๊ักแตนหนวดส้นั จะเขา้ ทาลายช่วงกะหล่าปลีตน้ ออ่ นจะไมส่ ร้างความเสียหายมากนัก ๓. ตรวจแปลงทุกวันตอนเชา้ ๆและตอนกลางคืนอากาศเยน็ ๆจะพบตัวหนอนถ้ามี ถ้าอากาศร้อนจะซ่อนตวั อยู่ ใตใ้ บหาไม่เจอ ๔. ทาความสะอาดทางเดินในแปลงอยา่ ให้รก จะเป็นที่อยขู่ องแมลงศตั รพู ชื ๕. ไถตากดนิ ประมาณ ๑ สัปดาห์ ก่อนปลกู พืชครัง้ ตอ่ ไป ๖. ปลูกดอกไมไ้ ว้ขา้ งๆแปลงเพอ่ื ลอ่ และไล่แมลง ๗. ตน้ ทุนในการกาจัดวัชพชื และการใสป่ ยุ๋ และพรวนดิน สถำนท่ีทดลอง แปลงสาธิตภายในบรเิ วณศนู ยฝ์ ึกและพฒั นาอาชีพราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนชุมพร กำรบนั ทกึ ขอ้ มูล

12 ๕. กำรเก็บ/กำรบันทึกข้อมลู ๕.๑ นา้ หนักโดยรวมเฉล่ียตอ่ หวั ทงั้ หมด ๑.๘ กิโลกรมั ๕.๒ นา้ หนกั โดยรวมของผลผลิต 37.6 กิโลกรมั ๕.๓ โรคแมลงศัตรพู ืช /โรคเน่า/ตั๊กแตน/หนอนใยผัก/หนอนกระทู้ ๕.๔ ลกั ษณะทวั่ ไป ประเมนิ ภาพรวมอยูใ่ นระดับดี ๖. กำรวเิ ครำะห์ขอ้ มลู นาขอ้ มลู การศกึ ษาทดลองการปลกู กะหลา่ ปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ เพ่อื ดกู ารเจรญิ เตบิ โตและผลผลติ ของกระหลา่ ปลีทป่ี ลกู ภาคใต้ โดยมผี ลรายละเอยี ดดงั นี้ ตำรำงเกบ็ ขอ้ มลู น้ำหนกั ของกะหลำ่ ปลี แปลง นำ้ หนกั โดยรวมต่อแปลง น้ำหนกั โดยเฉลีย่ ตอ่ หัว ๑ 8.8 ๑.๙ ๒ 7.3 ๑.๕ ๓ 9.3 ๑.๗ ๔ 12.2 ๒.๒ 37.6 ๑.๘ นำ้ หนักรวม ตำรำงคำนวณต้นทุน จำนวนเงิน แปลงคลุมฟำงขำ้ ว 40 ๑๐๐ ๑. คา่ เมล็ดพนั ธุ์จาก ศฝช.สรุ นิ ทร์ ๓๐๐ ๒. ค่าฟางข้าว 2 ฟอ่ น 100 ๓.ค่าจ้างแรงงานกาจดั วัชพชื ๕40 ๔.คา่ ปยุ๋ หมกั ใส่ครง้ั ท่ี ๒ รวมทง้ั ส้นิ คดิ เป็นรำยได้ แปลงคลมุ ฟางขา้ ว ไดน้ า้ หนกั รวม 37.6 กโิ ลกรัมX 2๐ บาท = 1,๑28 บาท หมำยเหตุ ถำ้ จำหนว่ ยท้ังหมดคิดเป็นรำยได้ ๑,128 บำท

13 บทท่ี ๔ ผลกำรดำเนนิ งำน ผู้ศึกษา ทดลอง ได้นาข้อมูลการศึกษาทดลองการปลูกกะหล่าปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ เพื่อดูการ เจริญเตบิ โตและผลผลิตของกระหล่าปลีที่ปลกู ภาคใต้ ไดผ้ ลการศึกษา ทดลอง ดงั น้ี พบว่า จากข้อมูลที่ได้จากการทดลองมีความแตกต่างกันด้านน้าหนัก มีน้าหนักโดยเฉล่ียเรียงลาดับ จากนอ้ ยไปหามากดังนี้ กำรทดลองแบบที่1 แปลงที่คลุมด้วยฟางข้าว แปลงที่ ๑ น้าหนักโดยเฉลยี่ ๑.๙กิโลกรมั แปลงท่ี ๒ น้าหนักโดยเฉลย่ี ๑.๕กิโลกรมั แปลงท่ี๓ น้าหนักโดยเฉลี่ย ๑.๗ กิโลกรัม แปลงที่ ๔ น้าหนักโดยกเฉล่ีย ๒.๒ กโิ ลกรัม ผลกำรศึกษำเรือ่ ง โรคแมลงศตั รูพืชของกะหล่ำปลี พบวำ่ สภาพอากาศ และระบบนิเวศทวั่ ๆไปของ แปลง ชว่ งทีป่ ลกู เปน็ ปลายฤดหู นาว บางวันมฝี นตกตอนเชา้ มีหมอกหนาและอากาศร้อนในตอนกลางวัน ทาให้ กะหลา่ ปลีในแปลง มปี ัญหาไม่มาก สว่ นแมลงศัตรูพืชรบกวนมีปรมิ าณน้อย ไม่สรา้ งความเสียหาย วิจำรณ์ผลกำรทดลอง ด้วยลักษณะภูมิประเทศและสภาพอากาศของจังหวัดชุมพร ในบางวันจะมี สองฤดู คอื ฤดูฝน และฤดูร้อน ทาให้มีผลต่อการปลูกพชื ซึง่ ในชว่ งที่กะหลา่ ปลีห่ออากาศร้อนมาก และมีฝนตก ทาใหก้ ะหล่าปลีห่อช้ากว่าปกติ สนั นษิ ฐานว่าเกิดจากอากาศแปรปรวน

14 บทท่ี 5 สรุปผลกำรดำเนนิ กำร ๑.สรุปผลกำรดำเนนิ งำน การปลูกกะหล่าปลโี ดยวิธีเกษตรธรรมชาติ เพื่อดูการเจรญิ เติบโตและผลผลิตของกระหลา่ ปลีท่ีปลูก ภาคใต้ ได้มกี ารวางแผนการทดลอง ซงึ่ มรี ายละเอยี ดดังตอ่ ไปน้ี สภาพดินแปลงทปี่ ลกู กะหลา่ ปลี ไถพรวนเพ่ือปรับแตง่ หน้าดนิ ในแปลง โดยการใชค้ นในการพรวนดิน ตามความเหมาะสม เปลี่ยนจากบริเวณแปลงเป็นทางเดนิ สลบั กัน เพ่อื ปรบั เปลย่ี นพ้ืนท่คี วามอุดมสมบูรณ์ของ ดิน ผลจากการปลูกกะหล่าปลโี ดยวธิ เี กษตรธรรมชาติ เพ่อื ดกู ารเจริญเตบิ โตและผลผลติ ของกระหล่าปลีทีป่ ลกู ภาคใต้ พบวา่ กะหล่าปลี มีการเจริญเติบโตได้ดี มีแมลงศัตรพู ืชรบกวนไมม่ าก ผลผลติ ทไี่ ด้ มขี นาดน้าหนักโดย เฉลี่ย ดังนี้ การเตรยี มแปลงโดยการยกแปลงสงู ประมาณ ๓๐ เซนตเิ มตร จานวน ๔ แปลง แบบที่ ๑ จานวน ๔ แปลงคลุมดว้ ยฟางข้าว ผลผลิตท่ีได้ มีขนาดน้าหนกั โดยเฉลี่ย ดังน้ี การทดลองแบบท่ี 1 คลมุ แปลงด้วยฟางขา้ ว - แปลงที่ ๑ นา้ หนกั โดยเฉลย่ี ๑.๙ กโิ ลกรมั - แปลงท่ี ๒ น้าหนักโดยเฉลยี่ ๑.๕ กิโลกรัม - แปลงท่ี ๓ น้าหนักโดยกเฉลยี่ ๑.๗ กโิ ลกรมั - แปลงท่ี ๔ นา้ หนกั โดยกเฉลยี่ ๒.๒ กิโลกรมั ผู้ศึกษา ทดลอง ได้เก็บข้อมูลการศึกษาทดลองปลูกกะหล่าปลีโดยวิธีเกษตรธรรมชาติ เพื่อดูการ เจรญิ เตบิ โตและผลผลิตของกระหลา่ ปลที ี่ปลูกภาคใต้ ดงั นี้ พบว่า จากข้อมูลท่ีได้จากการทดลองมีความแตกต่างกันด้านน้าหนัก มีน้าหนักโดยเฉล่ียเรียงลาดับ จากน้อยไปหามากดงั นี้ การทดลองแบบท่ี1 แปลงทีค่ ลมุ ด้วยฟางข้าว แปลงท่ี ๑ น้าหนักโดยเฉลี่ย ๑.๙กิโลกรมั แปลงที่ ๒ นา้ หนกั โดยเฉลี่ย ๑.๕ กโิ ลกรมั แปลงท่ี๓ น้าหนักโดยเฉลีย่ ๑.๗ กโิ ลกรมั แปลงที่ ๔ น้าหนกั โดยกเฉลี่ย ๒.๒ กโิ ลกรมั ๒. ประเด็นปัญหำอุปสรรค กะหล่าปลีมีการเจริญเติบโตได้ดี อาจเป็นเพราะช่วงแรกๆของการเจริญเติบโตอากาศเย็นทาให้ กะหลา่ ปลไี ม่มีปญั หา แต่เม่ืออากาศรอ้ นและมีฝนตกทาใหก้ ะหลา่ ปลี เริม่ พบปญั หากะหลา่ ปลหี อ่ ช้า สาเหตุเกดิ จาสภาพอากาศมคี วามชื้นมาก ในตอนเชา้ และรอ้ นจดั ในตอนกลางวนั ทาให้กะหลา่ ปลปี รบั ตัวไมท่ ัน ๓. แนวทำงกำรพฒั นำ ทางเลือกทใ่ี ช้ควรเลอื กปลูกชว่ งตน้ ฤดูหนาว นา่ จะเหมาะสมกว่า เพยี งเราเลือกพชื เลอื กเวลาท่ี เหมาะสม

ภำคผนวก

บรรณำนกุ รม Htt://myveget . com วธิ กี ารปลกู กะหล่าปลี ทพิ วรรณ สทิ ธริ งั สรรค.์ --เกษตรธรรมชาติ.--พิมพค์ รงั้ ที่ 2.--กรุงเทพฯ:โอเดยี นสโตร,์ 2554. .มูลนิธิเอม็ โอเอไทย, 2532 : 1-8 .ศูนย์ฝกึ และพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบรเิ วณชายแดนมุกดาหาร .ศูนยฝ์ กึ และพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนสรุ ินทร์

คณะผู้จัดทำ ท่ีปรึกษำ ฐินะกลุ ผู้อานวยการ เตน็ รัมย์ รองผู้อานวยการ 1. นายสพุ รรณ กาญจนวงศ์ ครชู านาญการพเิ ศษ 2. นายสมจิตร 3. นางสมุ าลี เยน็ ทรวง ครูชานาญการ 4. นายชาตรี ชูแก้ว ครู 5. นายชชั ชยั พลตรี ครูผ้ชู ่วย ๖. นายชวี นิ ผู้ร่วมทำงำน ครูอาสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรียน ๑. นางสาวสมจิต แกว้ บุตร ครอู าสาสมัครการศึกษานอกโรงเรยี น ๒. นางสาวอาพันธ์ เวชสุนทร พนักงานบรกิ าร ๓. นางสุวรรณ หญีตอารัญ จัดทำ/พมิ พ/์ รูปเล่ม ครูอาสาสมัครการศึกษานอกโรงเรียน นางสาวสมจติ แก้วบตุ ร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook