โครงงานสะเตม็ ศึกษา (STEM Education) เร่ือง สวา่ งสไวดว้ ยสายน้าํ จดั ทาํ โดย 1. นางสาวณฐั ชยา กนั ธุระ เลขท่ี8 2. นางสาวกญั ญาณฐั พนั ธุลี เลขท่ี14 3. นางสาวกชกร ถาคาํ ติ๊บ เลขท่ี22 4. นางสาววชิรญาณ์ หาญยทุ ธ เลขที่26 5. นางสาวสุพิชญา เกิดชยั เจริญ เลขท่ี39 เสนอ คุณครู ดาํ รงด์ โรงเรียนปัว อาํ เภอปัว จงั หวดั น่าน เขตพ้ืนท่ีการศึกษามธั ยมศึกษา เขต 37
ช่ือผจู้ ดั ทาํ : นางสาว ณฐั ชยา กนั ธุระ นางสาว กญั ญาณฐั พนั ธุลี ชื่อเรื่อง นางสาว กชกร ถาคาํ ต๊ิบ สาขาวชิ า นางสาว วชิรญาณ์ หาญยทุ ธ ท่ีปรึกษา นางสาว สุพชิ ญา เกิชยั เจริญ ปี การศึกษา : สวา่ งสไวดว้ ยสายน้าํ : สะเตม็ ศึกษา (STEM Education) : นายปัณณทตั จนั ทร์สุข : 2563 บทคดั ยอ่ โครงการเร่ือง : สวา่ งสไวดว้ ยสายน้าํ จดั ทาํ ข้ึนเพอื่ ศึกษาเเละอธิบายเกี่ยวกบั หลกั การทาง วทิ ยาศาสตร์ที่สามารถเปล่ียนพลงั งานน้าํ เป็นพลงั งานไฟฟ้า และการออกเเบบสร้างเเบบจาํ ลอง ของกงั หนั น้าํ เพอ่ื ผลิตไฟฟ้า
กติ ตกิ รรมประกาศ คาํ ขอบคุณผใู้ หช้ ่วยเหลือต่างๆ ในการทาํ โครงการคร้ังน้ีบรรลุวตั ถุประสงคส์ าํ เร็จลุล่วงไดค้ วาม กรุณาละช่วยเหลือเป็นอยา่ งดียง่ิ จากอาจารยท์ ่ีปรึกษา อาจารยป์ ัณณทตั จนั ทร์สุข ท่ีกรุณาเสียสละเวลาให้ คาํ แนะนาํ ตรวจแกไ้ ขขอ้ บกพร่องดว้ ยความเอาใจใส่ ผศู้ ึกษารู้สึกซาบซ้ึงในความกรุณาของอาจารยแ์ ละ ขอขอบคุณเป็นอยา่ งสูงไว้ ณ ท่ีน้ีดว้ ย ขอขอบคุณอาจารย์ ปัณณทตั จนั ทร์สุข ผเู้ ชี่ยวชาญ(หรือวิทยากรท่ีใหค้ วามรู้)สาํ หรับคาํ แนะนาํ และกาํ ลงั ใจเมื่อเกิดปัญหาในการทาํ โครงการและขอบคุณอาจารยส์ าขาการงานอาชีพและเทคโนโลยี ทุก ท่านที่อบรมสงั่ สอนใหค้ าํ แนะนาํ มาโดยตลอด ขอขอบพระคุณบิดามารดาท่ีสนบั สนุนในการศึกษาและกาํ ลงั ใจและขอบคุณเป็นอยา่ งยง่ิ สาํ หรับผเู้ ขียน เอกสารคน้ ควา้ ตาํ รา หนงั สือ ท่ีทาํ ใหเ้ ขา้ ใจกรทาํ โครงการแจ่มชดั จดั ข้นึ คุณคา่ และประโยชน์อนั พึงมีจากการศึกษาโครงการน้ี ผจู้ ดั ทาํ ขอมอบเป็นเครื่องบูชาพระคุณบิดามารดา ผใู้ ห้ ชีวติ ผมู้ ีพระคุณ ตลอดจนอาจารยแ์ ละทกุ คนท่ีมีส่วนสร้างพ้นื ฐานการศึกษาใหแ้ ก่ผจู้ ดั ทาํ คณะผจู้ ดั ทาํ
สารบญั
บทที่ 1 บทนํา 1.1 ทมี่ าเเละความสําคญั ของโครงงาน ในปัจจุบนั มีความตอ้ งการในการใชไ้ ฟฟ้าเพิ่มข้ึนอยา่ งต่อเนื่อง ในความตอ้ งการใชไ้ ฟฟ้าท่ีมากข้ึน น้นั กลบั กนั แหล่งผลิตไฟฟ้ายงั มีปริมาณที่เท่าเดิม ผลิตไฟฟ้าไดใ้ นปริมาณท่ีเท่าเดิม จึงทาํ ใหไ้ ม่เพยี งพอต่อ ความตอ้ งการ นาํ มาสู่ปัญหาการซ้ือไฟฟ้าจากต่างประเทศ ซ่ึงทาํ ใหต้ อ้ งใชง้ บประมาณมากข้ึน รัฐบาลตอ้ ง เกบ็ ภาษีเเละคา่ ไฟฟ้าเพิ่มมากข้ึน จึงทาํ ใหต้ อ้ งมีการผลิตไฟฟ้าในรูปแบบต่างๆเพอื่ ลดปัญหาความตอ้ งการ ใชไ้ ฟฟ้าท่ีมากเกินกาํ ลงั ผลิตท่ีจะส่งผลทาํ ใหเ้ กิดปัญหาอื่นๆตามมา โดยพลงั งานน้าํ กเ็ ป็นอีกทางเลือกท่ีสามารถสร้างพลงั งานไฟฟ้าได้ โดยการทาํ ใหว้ ตั ถุต่าง ๆ เคลื่อนท่ีหรือหมุน จึงมีการนาํ พลงั งานน้าํ มาใชใ้ นการผลิตไฟฟ้า จากการใชห้ ลกั การถ่ายโอนพลงั งานน้าํ จากแหล่งกกั เกบ็ น้าํ ไปยงั กงั หนั น้าํ ที่ต่อกบั เคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้าท่ีอยใู่ นระดบั ต่าํ กวา่ แหล่งน้าํ เปล่ียนพลงั งาน ศกั ยข์ องน้าํ ใหเ้ ป็นพลงั งานจลนโ์ ดยการหมุนของใบกงั หนั จากน้นั นาํ ไปหมุนแกน เครื่องกาํ เนิดไฟฟ้าเพอื่ เปล่ียนเป็นพลงั งานไฟฟ้า การออกแบบกงั หนั น้าํ เพื่อผลิตไฟฟ้ามีปัจจยั ที่เก่ียวขอ้ ง ไดแ้ ก่ รูปแบบและจาํ นวน ของใบพดั แรงของน้าํ ท่ี กระทาํ กบั ใบพดั รวมถึงวสั ดุที่ใชส้ ร้างใบพดั ในการสร้างแบบจาํ ลองกงั หนั นน้าํ ผลิตไฟฟ้าจาํ เป็นตอ้ งใชค้ วามรู้เกี่ยวกบั การเปล่ียนรูปพลงั งาน และการ ออกแบบและเลือกใชว้ สั ดุท่ี เหมาะสม ทางคณะผจู้ ดั ทาํ ไดเ้ ลง็ เห็นประโยชน์ มีความสนใจเก่ียวกบั เร่ืองดงั กล่าว เเละอยากทราบวา่ การ ออกเเบบจาํ ลองกงั หนั น้าํ เพอ่ื ผลิตไฟฟ้าเเบบใด จะสามารถผลิตไฟฟ้าไดจ้ ริง รวมถึงตอ้ งการที่จะศึกษาเเละ อธิบายหลกั การทางวทิ ยาศาสตร์เกี่ยวกบั พลงั งานศกั ยแ์ ละพลงั งานจลนท์ ี่เก่ียวขอ้ งกบั การทาํ งานของ กงั หนั น้าํ เพอื่ ผลิตไฟฟ้า เเละตอ้ งการพิสูจน์วา่ กงั หนั น้าํ สามารถผลิตไฟฟ้าใชจ้ ริงได้ มีกลไกการทาํ งาน อยา่ งไร ทางคณะผจู้ ดั ทาํ จึงจดั ทาํ โครงงาน เร่ือง สวา่ งไสวดว้ ยสายน้าํ ข้ึนมาเพราะเหตุผลขา้ งตน้ 1.2 วตั ถุประสงค์ 1. ศึกษาเเละอธิบายเกี่ยวกบั หลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ท่ีสามารถเปลี่ยนพลงั งานน้าํ เป็นพลงั งาน ไฟฟ้า 2.ออกเเบบเเพอ่ื สร้างเเบบจาํ ลองของกงั หนั น้าํ เพ่ือผลิตไฟฟ้า 1.3 สมมุตฐิ านการศึกษา กงั หนั น้าํ สามารถใชพ้ ลงั งานน้าํ เพอื่ ผลิตไฟฟ้าท่ีใชง้ านไดจ้ ริง
1.4 ขอบเขตของโครงงาน 1.ศึกษาพลงั งานของน้าํ ท่ีสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 2.ศึกษาการสร้างแบบจาํ ลองกงั หนั น้าํ 3.ศึกษาหลกั วทิ ยายาศาสตร์เกี่ยวกบั พลงั งานที่เก่ียวขอ้ งกบั การทาํ งานของกงั หนั น้าํ
บทท2ี่ เอกสารและแนวคดิ ทเ่ี กย่ี วข้อง 2.1 กลไกการทาํ ของกงั หันนํา้ การทาํ งานของกงั หนั น้าํ จะปล่อยน้าํ จากอา่ งเกบ็ น้าํ เหนือเขื่อนซ่ึงอยใุ่ นระดบั ท่ีสูงกวา่ ใหไ้ หลลงมา ตามอุโมงคส์ ่งน้าํ ไปที่กงั หนั ของเคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้า ซึงอยใู่ นระดบั ที่ต่าํ กวา่ เมื่อกงั หนั หมุนจะทาํ ใหแ้ กนของ เคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้า ท่ีติดอยหู่ มุนไปตามดว้ ย เกิดการเปลี่ยนแปลงพลงั งานจลน์ของการหมุนของแกนเคร่ือง กาํ เนิดไฟฟ้าเป็นพลงั งานไฟฟ้าและส่งไปตามสายส่งไฟฟ้า ส่วนประกอบของระบบกงั หนั ลมขนาดใหญ่ สาํ หรับผลิตไฟฟ้า มีดงั น้ี 2.1.1 ใบพดั เป็นตวั รับพลงั ลมและเปล่ียนใหเ้ ป็นพลงั งานกล 2.1.2 เพลาแกนหมุน ซ่ึงรับแรงจากแกนหมุนใบพดั และส่งผา่ นระบบกาํ ลงั เพอื่ หมนุ และปั่นเครื่อง กาํ เนิดไฟฟ้า 2.1.3 หอ้ งส่งกาํ ลงั ซ่ึงเป็นระบบปรับเปล่ียนและควบคุมความเร็วในการหมุน ระหวา่ งเพลาแกน หมุนกบั เพลาของเคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้า 2.1.4 หอ้ งเครื่อง ซ่ึงมีขนาดใหญ่และมีความสาํ คญั ต่อกงั หนั ลม ใชบ้ รรจุระบบต่างๆ ของกงั หนั 2.1.5 เครื่องกาํ เนิดไฟฟ้า ทาํ หนา้ ท่ีเปลี่ยนพลงั งานกลเป็นพลงั งานไฟฟ้า 2.1.6 ระบบควบคุมไฟฟ้า ซ่ึงใชร้ ะบบคอมพวิ เตอร์เป็นตวั ควบคุมการทาํ งาน 2.1.7 ระบบเบรค เป็นระบบกลไกเพอ่ื ใชค้ วบคุมการหยดุ หมุนของใบพดั และเพลาแกนหมุนของ กงั หนั 2.1.8 แกนคอหมุนรับทิศทางลม เป็นตวั ควบคุมการหมุนหอ้ งเครื่อง เพ่ือใหใ้ บพดั รับทิศทางลมโดย ระบบอิเลคทรอนิคส์ 2.1.9 เสากงั หนั ลม เป็นตวั แบกรับส่วนที่เป็นตวั เคร่ืองท่ีอยขู่ า้ งบน 2.2 รูปแบบของกงั หันนํา้ กงั หันนํา้ (Hydraulic turbines) คือ เครื่องมือสร้างการหมุนใหก้ บั เคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้า กงั หนั น้าํ ทาํ หนา้ ท่ีเปล่ียนพลงั งานจากการไหลของน้าํ ไปเป็นการหมุนของเพลา เป็นอุปกรณ์ที่มีใบพดั ถูกติดต้งั ที่เพลา หมุน หรือแผน่ จานหมุน (โรเตอร์) มีท่อทางน้าํ ไหลผา่ นใบกงั หนั แรงของน้าํ ไปกระทบกบั กงั หนั ความเร็ว
รอบของการหมุนข้ึนอยกู่ บั ความดนั ของน้าํ ท่ีไหลมากระทบใบกงั หนั ผลท่ีไดจ้ ะเกิดแรงบิด (Torque) จนทาํ ใหเ้ พลาเกิดการหมุน กงั หนั น้าํ มีหลายรูปแบบ การนาํ แต่ละรูปแบบไปใชง้ านจะข้ึนอยกู่ บั ความตอ้ งการใช้ งานอยา่ งเหมาะสม 2.2.1 กงั หนั แบบแรงกระแทก (Impulse Turbine) กงั หนั แบบแรงกระแทกเป็นกงั หนั ที่หมุนโดย อาศยั แรงฉีดของน้าํ จากท่อส่งน้าํ ท่ีรับน้าํ จากที่สูง หรือหวั น้าํ สูง ไหลลงมาตามท่อที่ลดขนาดลง มายงั หวั ฉีดกระแทกถงั หนั ไม่หมุน และตอ่ แกนกบั เคร่ืองกาํ เนิดผลิตไฟฟ้าออกไป 2.2.2 กงั หนั แบบแรงสะทอ้ น (Reaction Turbine) กงั หนั แบบแรงสะทอ้ นเป็นกงั หนั ท่ีหมุน โดย ใชแ้ รงดนั ของน้าํ ที่เกิดจากความต่างระดบั ของน้าํ ดา้ นหนา้ และดา้ นทา้ ยของกงั หนั กระทาํ ต่อใบพดั ระดบั ดา้ นทา้ ยน้าํ จะอยสู่ ูงกวา่ ระดบั บนของปลายท่อปล่อยน้าํ ออกเสมอ กงั หนั ชนิดน้ีเหมาะกบั อ่าง เกบ็ น้าํ ที่มีความสูงปานกลางและต่าํ กงั หนั แรงสะทอ้ น 2.2.3กงั หนั ฟรานซิส (Francis Turbine) เป็นกงั หนั แบบท่ีใชก้ ารไหลชา้ ของปริมาณน้าํ ใน ใบพดั เป็นแบบแฉกและไหลออกขนานกบั แกน ซ่ึงแสดงวา่ มีการเปลี่ยนทิศทางการไหลในขณะ ผา่ นใบพดั กงั หนั ฟรานซิสมีท้งั แบบแกนนอนและแกนต้งั 2.3หลกั การทางวทิ ยาศาสตร์ทอ่ี ธิบายการเปลยี่ นพลงั งานนํา้ เป็ นพลงั งานไฟฟ้า 2.3.1 การเปล่ียนพลงั งานน้าํ เป็นพลงั งานไฟฟ้า พลงั งานของมวลน้าํ ท่ีเคล่ือนท่ี มนุษยน์ าํ มาใชโ้ ดยไดม้ ีการสร้างกงั หนั น้าํ (Water Wheel) เพ่อื ใชใ้ นการงานตา่ งๆ ในอินเดียและชาวโรมนั กไ็ ดม้ ีการประยกุ ตใ์ ชเ้ พอ่ื ใชใ้ นการโม่แป้ง จากเมลด็ พืชในจีนใชพ้ ลงั งานน้าํ เพือ่ สร้าง Pot Wheel เพ่อื ใชใ้ นวดิ น้าํ เพอื่ การชลประทาน โดย ในช่วงทศวรรษ 1830 ซ่ึงเป็นยคุ ที่การสร้างคลองเฟ่ื องฟถู ึงขีดสุดกไ็ ดม้ ีการประยกุ ตเ์ อาพลงั งานน้าํ มาใชเ้ พ่อื ขบั เคลื่อนเรือข้ึนและลงจากเขา โดยอาศยั รางรถไฟท่ีลาดเอียง (Inclined Plane Railroad : Funicular) พลงั งานน้าํ เป็นพลงั งานท่ีไดจ้ ากแรงอดั ดนั ของน้าํ เป็นการนาํ พลงั งานจากแรงของน้าํ ท่ี เคลื่อนท่ีหรือไหลจากบริเวณที่สูงกวา่ ลงสู่ตาํ แหน่งท่ีต่าํ กวา่ โดยอาศยั หลกั การของแรงโนม้ ถ่วง ของโลก พลงั งานศกั ยข์ องน้าํ ถูกเปล่ียนเป็นพลงั งานจลน์อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเปล่ียนน้ีคือกงั หนั น้าํ (Turbines) น้าํ ที่มีความเร็วสูงจะผา่ นเขา้ ท่อแลว้ ใหพ้ ลงั งานจลน์ทาํ ใหก้ งั หนั น้าํ หมนุ ขบั เครื่อง กาํ เนิดไฟฟ้า การผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าพลงั น้าํ การผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าพลงั น้าํ จะใชห้ ลกั การ ปล่อยน้าํ จากอ่างเกบ็ น้าํ เหนือเขื่อนซ่ึงอยใู่ นระดบั สูงกวา่ ใหไ้ หลลงมาตาม อุโมงคส์ ่งน้าํ ไปที่กงั หนั ของเครื่องกาํ เนิดไฟฟ้าซ่ึงอยใู่ นระดบั ท่ีต่าํ กวา่ เม่ือกงั หนั หมุนจะทาํ ใหแ้ กนของเครื่องกาํ เนิดไฟฟ้า ท่ีติด อยหู่ มุนตามไปดว้ ย เกิดการเปลี่ยนพลงั งานจลน์ของการหมุนของแกนเคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้าเป็น พลงั งานไฟฟ้าและส่งออกไปตาม สายส่งไฟฟ้านน่ั เอง ภาพการทาํ งานของโรงไฟฟ้าพลงั น้าํ ชุด จาํ ลองการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลงั น้าํ จากภาพดา้ นขวามือ ถา้ เราปล่อยน้าํ จากที่สูงลงไปยงั เคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้าที่อยใู่ นระดบั ท่ี ต่าํ กวา่ พลงั งานศกั ยข์ องน้าํ จะถ่ายโอนใหก้ บั กงั หนั ของเครื่อง
กาํ เนิดไฟฟ้า ทาํ ใหก้ งั หนั เคลื่อนท่ี โดยการหมุนรอบแกน เมื่อกงั หนั หมุนจะทาํ ใหแ้ กนของเคร่ือง กาํ เนิดไฟฟ้าที่ติดอยกู่ บั กงั หนั หมุนตาม เกิดการเปลี่ยนพลงั งานจลน์ของการหมุนของแกนเครื่อง กาํ เนิดไฟฟ้า เป็นพลงั งานไฟฟ้า ซ่ึงถา้ มีการติดต้งั โวลตม์ ิเตอร์ท่ีเครื่องกาํ เนิดไฟฟ้า จะสงั เกตไดว้ า่ ค่าท่ีอ่านไดจ้ ากโวลตม์ ิเตอร์จะมีการ เปล่ียนคา่ ไป ซ่ึงกค็ ือมีพลงั งานไฟฟ้าเกิดข้นึ นน่ั เอง 2.3.2 ศกั ยภาพพลงั งานน้าํ ประเทศไทยมีปริมาณน้าํ ที่สามารถใชห้ มุนเวยี นภายในประเทศรายปี ค่อนขา้ งนอ้ ยเม่ือ เทียบกบั ประเทศอ่ืน ๆ จะเห็นวา่ ศกั ยภาพของพลงั งานน้าํ ของประเทศไทยถือวา่ อยใู่ นเกณฑ์ ค่อนขา้ งต่าํ แต่กไ็ ม่นบั เป็นปัญหาในการใชน้ ้าํ เพราะเป็นเพยี งการนาํ พลงั งานจากน้าํ มาใชแ้ ต่ไมไ่ ด้ นาํ น้าํ มาทาํ ลายเพราะน้าํ กย็ งั ไหลเวยี นต่อไปนนั่ เอง 2.3.3 การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลงั งานนน้าํ การผลิตไฟฟ้าจากพลงั งานน้าํ เป็นวธิ ีการผลิตกระเเสไฟฟ้าที่ถูกท่ีสุดวธิ ีหน่ึงพลงั งานน้าํ เกิด จากการเปล่ียนแปลงพลงั งานศกั ยภาพใหเ้ ป็นพลงั งานกล อุปกรณ์ที่ใชใ้ นการเปลี่ยนน้ี คือ กงั หนั น้าํ น้าํ ท่ีมีความเร็วสูงจะผา่ นเขา้ ท่อแลว้ ใหพ้ ลงั งานกลกลบั กงั หนั น้าํ ไปหมุนขบั เคลื่อนกาํ เนิดไฟฟ้า โดยวธิ ีการผลิตมีดงั น้ี 2.3.3.1 เกบ็ น้าํ ไวใ้ นอ่างน้าํ โดยการก่อสร้างเขื่อน เพ่อื ใหร้ ะดบั น้าํ ที่เกบ็ อยสู่ ูงกวา่ โรงไฟฟ้า 2.3.3.2 ปล่อยน้าํ ลงมาตามท่อไปยงั อาคารโรงไฟฟ้า โดยควบคุมปริมาณน้าํ ใหไ้ ดต้ าม ตอ้ งการ 2.3.3.3 น้าํ จะถกู ส่งเขา้ เคร่ืองกงั หนั ลมพลกั ดบั ใบพดั ของกงั หนั น้าํ ทาํ ใหก้ งั หนั หมุนดว้ ย ความเร็วสูง ซ่ึงเเบ่งเป็น 2 ประเภท คือ กงั หนั น้าํ ประเภทหวั ฉีด และกงั หนั น้าํ ประเภทอาคยั แรงปฎิกิริยา 2.3.3.4 เพลาของเคร่ืองกงั หนั ที่ต่อเขา้ กบั เพลาของเคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้าจะหมนุ ทาํ ใหเ้ คร่ือง กาํ เนิดไฟฟ้าหมุนตามไดด้ ว้ ย 2.4 ไฟฟ้า 2.4.1 ไฟฟ้า ไฟฟ้าเป็นพลงั งานรูปหน่ึงท่ีสามารถทาํ งานได้ และมีความสาํ คญั มากเพราะนาํ มาใชก้ บั อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดต่าง ๆ ท่ีอาํ นวยความสะดวกในการดาํ รงชีวติ เราใชป้ ระโยชน์จากกระแสไฟฟ้า ท่ีผลิตข้ึนผา่ นเครื่องใชไ้ ฟฟ้า โดยต่อสายไฟระหวา่ งเครื่องกาํ เนิดไฟฟ้าไปยงั เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า เช่น พดั ลม โทรทศั น์ วิทยุ เตารีด เมื่อเปิ ดสวิตชแ์ ลว้ เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าจะทาํ งานโดยเปล่ียนพลงั งาน ไฟฟ้า เป็นพลงั งานรูปอื่น เช่น พลงั งานแสง พลงั งานเสียง พลงั งานกล
2.4.1.1 ไฟฟ้าสถิต (Static electricity หรือ Electrostatic Charges) เกิดจากการนาํ วตั ถุสอง ชนิดมาขดั สีหรือถูกนั ทาํ ใหป้ ระจุไฟฟ้าที่อยใู่ นวตั ถุน้นั เกิดการเคล่ือนที่ และวตั ถุน้นั สามารถแสดงอาํ นาจไฟฟ้าได้ ตวั อยา่ งเช่น เม่ือนาํ ผา้ แหง้ มาถูกบั ท่อพีวซี ี ทาํ ใหเ้ กิดอาํ นาจ ไฟฟ้าที่ท่อพวี ซี ี เม่ือนาํ เขา้ ใกลก้ ระดาษชิ้นเลก็ ๆ ท่อพวี ซี ีจะดูดเศษกระดาษได้ 2.4.1.2ไฟฟ้ากระแส (Current Electricity) เกิดจากการเคลื่อนท่ีของประจุไฟฟ้าไหลผา่ น ตวั นาํ ไฟฟ้าจากแหล่งกาํ เนิดไฟฟ้าไปยงั เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า ไฟฟ้ากระแส แบ่งไดเ้ ป็น 2 ชนิด คื 1.ไฟฟ้ากระแสตรง (Direct Current = D.C.) เป็นกระแสไฟฟ้าที่มีทิศทางการไหลของ กระแสไฟฟ้าไปทางเดียวกนั ตลอดเวลา คือจะไหลจากข้วั บวกไปข้วั ลบ เช่น กระแสไฟฟ้าจากแบตเตอร่ี ถ่านไฟฉาย และเซลลส์ ุริยะ เป็นตน้ 2.ไฟฟ้ากระแสสลบั (Alternating Current = A.C.) เป็นกระแสไฟฟ้าที่มีทิศทางการไหล ของกระแสไฟฟ้าไหลกลบั ไปกลบั มาอยา่ งรวดเร็วตลอดเวลาระหวา่ งข้วั บวกกบั ข้วั ลบ เป็นกระแสไฟฟ้าท่ีเราใชต้ ามอาคารบา้ นเรือน เป็นไฟฟ้าท่ีเกิดจากการหมุนของไดนาโม กระแสสลบั จากเคร่ืองจกั รหรือแหล่งพลงั งานอื่น ๆ เช่น พลงั น้าํ จากเขอ่ื น หรือพลงั งาน ลม เป็นตน้ 2.4.2 ไฟฟ้ากระแส ไฟฟ้าที่เราใชก้ นั ทวั่ ไป เกิดข้ึนจากการเคล่ือนท่ีของประจุไฟฟ้าไหลผา่ นตวั นาํ ไฟฟ้าจาก จุดหน่ึงไปยงั อีกจุดหน่ึง เรียกวา่ ไฟฟ้ากระแส แหล่งกาํ เนิดไฟฟ้ากระแสมีหลายวิธี ไดแ้ ก่ 2.4.2.1 ไฟฟ้าจากปฏิกิริยา ถา้ เราจุ่มแผน่ ทองแดงและแผน่ สงั กะสีลงในกรดกาํ มะถนั เจือ จางโดยวางใหห้ ่างกนั ต่อหลอดไฟระหวา่ งแผน่ โลหะท้งั สอง หลอดไฟจะติด สวา่ ง เซลลไ์ ฟฟ้าน้ีเรียกวา่ เซลลเ์ ปี ยก หรือเซลลไ์ ฟฟ้าของโวลตา ซ่ึงเกิดปฏิกิริยาเคมี ระหวา่ งแผน่ โลหะกบั กรดกาํ มะถนั จะทาํ ใหเ้ กิดกระแสไฟฟ้าไหลในวงจรจากแผน่ ทองแดงไปยงั แผน่ สงั กะสี เรียกวา่ เซลลแ์ หง้ ไฟฟ้าท่ีไดจ้ ากปฏิกิริยาเคมี มีทิศทางการ ไหลแน่นอนจากข้วั บวกไปยงั ข้วั ลบ เช่น ไฟฟ้าจากถ่านไฟฉาย แบตเตอร่ีรถยนต์ เรียก การไหลน้ีวา่ ไฟฟ้ากระแสตรง 2.4.2.2 ไฟฟ้าจากเคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้า ไฟฟ้าที่เราใชต้ ามอาคารบา้ นเรือนเป็นไฟฟ้าที่เกิด จากเคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้าหรือที่เรียกวา่ ไดนาโม หรือเจเนอเรเตอร์ ซ่ึงภายในประกอบดว้ ย
ขดลวดทองแดงเคล่ือนท่ีตดั เสน้ แรงแม่เหลก็ หรืออาจเคล่ือนที่แม่เหลก็ ตดั ขวดลวดทองแดง ที่อยกู่ บั ที่ กจ็ ะเกิดกระแสไฟฟ้าในขดลวดไหลกลบั ไปกลบั มาระหวา่ งข้วั บวกและข้วั ลบ เรียกวา่ ไฟฟ้ากระแส-สลบั 2.4.2.3 ไฟฟ้าจากพลงั งานแสงอาทิตย์ เราสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าจากอุปกรณ์ท่ี เรียกวา่ โซล่าเซลล์ หรือ เซลลแ์ สงอาทิตยท์ ี่ทาํ หนา้ ท่ีเปลี่ยนพลงั งานแสงอาทิตยใ์ หเ้ ป็น พลงั งานไฟฟ้าได้ นอกจากน้ีมนุษยย์ งั พยายามนาํ พลงั งานจากธรรมชาติอื่นๆ มาผลิต กระแสไฟฟ้า เช่น พลงั งานลม พลงั งานจากความร้อนใตพ้ ภิ พ พลงั งานจากคล่ืนใน ทะเล เป็นตน้ 2.4.3 การผลิตกระแสไฟฟ้า ในชีวติ ประจาํ วนั เราใชพ้ ลงั งานหรือกระแสไฟฟ้าจากแหล่งกาํ เนิดต่าง ๆ ไม่วา่ จะเป็น กระแสไฟฟ้าจากสถานีไฟฟ้าที่ส่งมาตามสายไฟ เขา้ สู่อาคารบา้ นเรือน หรือจากเซลลไ์ ฟฟ้าเคมี ซ่ึง ในสภาวการณ์ปัจจุบนั ท่ีปริมาณการใชพ้ ลงั งานไฟฟ้าทวมี ากข้ึนเร่ือย ๆ จึงมีการคิดคน้ วิธีการต่าง ๆ ที่จะนาํ ไปใชผ้ ลิตกระแสไฟฟ้าใหเ้ พียงพอกบั ความตอ้ งการและมีตน้ ทนุ ต่าํ อะตอมของธาตุแต่ละ ชนิดจะประกอบดว้ ยโปรตอนท่ีเป็นประจุไฟฟ้าบวกและอิเลก็ ตรอนท่ีเป็นประจุฟ้าลบในจาํ นวนที่ เท่ากนั ซ่ึงทาํ ใหธ้ าตุชนิดน้นั มีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้าวตั ถุทุกชนิดเมื่ออยสู่ ภาพเป็นกลางทาง ไฟฟ้าจะไม่แสดงอาํ นาจประจาํ ไฟฟ้าออกมา การนาํ วตั ถุ 2 ชนิดมาเสียดสีกนั (ถูกนั ) จะเกิด การถ่ายเทประจุไฟฟ้า ทาํ ใหว้ ตั ถุ 2 ชนิด แสดงอาํ นาจไฟฟ้าออกมาได้ เช่น การนาํ แทง่ พลาสติกกบั ผา้ ขนสตั ว์ อิเลก็ ตรอนจากผา้ ขนสตั วจ์ ะถ่ายเทไปยงั แท่งพลาสติก ทาํ ใหแ้ ท่งพลาสติกมีจาํ นวน อิเลก็ ตรอนมากกวา่ จาํ นวนโปรตอน จึงแสดงอาํ นาจไฟฟ้าลบ (ประจุไฟฟ้าลบ) ส่วนผา้ ขนสตั วท์ ่ี สูญเสียอิเลก็ ตรอนจะมีจาํ นวนโปรตอนมากกวา่ อิเลก็ ตรอน จึงแสดงอาํ นาจไฟฟ้าบวก 2.4.4เซลลไ์ ฟฟ้าเคมี เซลลไ์ ฟฟ้าเคมี เป็นแหล่งกาํ เนิดไฟฟ้าชนิดหน่ึงท่ีเปล่ียนพลงั งานเคมีเป็นพลงั งานไฟฟ้า แบ่งออกเป็น 2 ประเภท 2.4.4.1เซลลไ์ ฟฟ้าปฐมภูมิ เป็นเซลลไ์ ฟฟ้าที่ใชแ้ ลว้ ไม่สามารถนาํ มาประจุไฟฟ้า (ชาร์จไฟ) ใหม่ได้ เช่น ถ่านไฟฉาย ถ่านใส่นาฬิกาขอ้ มือ 2.4.4.2 เซลลไ์ ฟฟ้าทุติยภูมิ เป็นเซลลไ์ ฟฟ้าท่ีใชแ้ ลว้ สามารถนาํ มาประจุไฟฟ้า (ชาร์จไฟ) ใหม่ได้ เช่น แบตเตอร่ีรถยนต์ แบตเตอรี่ในโทรศพั ทม์ ือถือ
2.4.5 ถ่านไฟ 2.4.5.1 ถ่านไฟฉาย (Dry cell) เป็นเซลลไ์ ฟฟ้าเคมี ที่มีลกั ษณะเป็นกอ้ น เม่ือใชไ้ ปเรื่อย ๆ กระแสไฟฟ้าจะลดลง จนกระทง่ั หมดกระแสไฟฟ้า (ความต่างศกั ยไ์ ฟฟ้า ระหวา่ งข้วั เป็น ศูนย)์ ในท่ีสุด ถ่านไฟฉายมีท้งั ประเภทใชแ้ ลว้ ทิ้ง และประเภทท่ีนาํ มาประจุ หรือชาร์จ ไฟฟ้าไดใ้ หม่ 2.4.5.2 ถ่านอลั คาไลน์ (Alkaline cell) มีรูปลกั ษณะคลา้ ยกบั ถ่านไฟฉาย ม่ีอายกุ ารใชง้ าน ยาวนานกวา่ ถา่ นไฟฉายธรรมดาและมีราคาแพงกวา่ 2.4.5.3 ถ่านลิเทียม (Lithium Cell) ส่วนใหญ่จะมีขนาดเลก็ คลา้ ยกบั เมด็ กระดุมมกั ใชก้ บั อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีขนาดเลก็ คลา้ ยกบั เมด็ กระดุมมกั ใชก้ บั อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีขนาดเลก็ เช่น เคร่ืองคิดเลข นาฬิกาขอ้ มือ โทรศพั ทม์ ือถือ เป็นตน้ ขอ้ ดีของถ่านลิเทียมกค็ ือ สามารถรักษา ระดบั พลงั งานไฟฟ้าในเซลลใ์ หม้ ีค่าคงท่ีตลอดอายกุ ารใชง้ าน 2.4.6แบตเตอรี่ เป็นการนาํ เซลลไ์ ฟฟ้าเคมีต้งั แต่ 2 เซลลข์ ้ึนไปมาต่อพว่ งเขา้ ดว้ ยกนั เพอื่ ใหม้ ีพลงั งานไฟฟ้า มากข้ึน แบตเตอรี่ที่ใชป้ ัจจุบนั สามารถประจุไฟฟ้า (ชาร์จไฟ) ใหม่ไดป้ ระมาณ 700 คร้ัง จึงมีราคา แพงแต่อายกุ ารใชง้ านท่ียาวนานเช่น แบตเตอร่ีพาหนะ แบตเตอร่ีโทรศพั ทม์ ือถือ เป็นตน้ สาํ หรับ แบตเตอรี่ท่ีใชก้ บั ยานพาหนะจะมีคุณลกั ษณะพเิ ศษ คือ สามารถประจุไฟฟ้า (ชาร์จไฟ) สะสมไว้ อยา่ งต่อเน่ือง เม่ือเคร่ืองยนตท์ าํ งานโดยจะต่อสายพานเคร่ืองยนตไ์ ปเชื่อมกบั ไดนาโมทาํ งาน สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าสู่แบตเตอร่ีได้ 2.4.7 ไดนาโม ไดนาโม (Dynamo) เป็นเคร่ืองผลิตกระแสไฟฟ้าโดยอาศยั หลกั การเหน่ียวนาํ แม่เหลก็ ไฟฟ้า เปล่ียนลงั งานกลเป็นพลงั งานไฟฟ้า หลกั การทาํ งานของไดนาโมกค็ ือการหมุน ขดลวดตดั สนามแม่เหลก็ หรือเคลื่อนแท่งแม่เหลก็ ผา่ นขดลวดอยา่ งรวดเร็ว ฟลกั แม่เหลก็ จะ เปลี่ยนแปลงและเหน่ียวนาํ ทาํ ใหเ้ กิดกระแสไฟฟ้าเรียกวา่ กระแสไฟฟ้าเหน่ียวนาํ ไดนาโม มี ส่วนประกอบที่สาํ คญั คือ ข้วั แม่เหลก็ 2 ข้วั (ข้วั N และS ) สาํ หรับทาํ ใหเ้ กิดสนามแม่เหลก็ ขดลวด ไฟฟ้าพนั รอบแกนเหลก็ อ่อนสาํ หรับหมุนตดั กบั เสน้ แรงแม่เหลก็ วงแหวนจะเชื่อมอยทู่ ี่ปลายขดลวด เพอ่ื หมุนแปรงขดลวดแปรงจะครูดกบั วงแหวนซ่ึงจะนาํ กระแสไฟฟ้าที่ผลิตข้ึนไดใ้ หไ้ หลออกไปใช้ ประโยชน์
2.4.8 แหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า การผลิตกระแสไฟฟ้าในปัจจุบนั ส่วนใหญ่จะใชพ้ ลงั งานน้าํ เป้นแรงดนั ไปหมุนกงั หนั ของ เคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้าเพราะระบบมีความซบั ซอ้ นนอ้ ยกวา่ รวมไปถึงมีราคาถูกและจดั หาไดง้ ่าย ทาํ ให้ เกิดมลพษิ ต่าํ กวา่ การผลิตไฟฟ้าดว้ ยวธิ ีอื่น ๆ 2.5 น้าํ 2.5.1 พลงั งานน้าํ สิ่งท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติและหมุนเวยี นใชไ้ ดอ้ ยา่ งไม่มีวนั หยดุ และถือเป็นปัจจยั หลกั ท่ี สาํ คญั ต่อการดาํ รงชีวิตของสรรพชีวติ ในโลกน้ี นอกจากการอุปโภคเเละบริโภคน้าํ การใช้ ประโยชน์จากน้าํ มานานแลว้ น้าํ ฝนตกสู่พ้นื โลก บางส่วนถูกกกั เกบ็ โดยธรรมชาติในท่ีสูง หรือไหล ซึมลงสู่พ้นื ดิน หรือไหลลงสู่แม่น้าํ \"อ่างเกบ็ น้าํ \" หรือเขื่อน ฝาย การเคล่ือนท่ีของน้าํ จากที่สูงสู่ที่ ต่าํ รูปแบบท่ีคุน้ เคยคือ การสร้างเข่ือนเกบ็ กกั น้าํ เพอื่ สะสมพลงั งานศกั ย์ เมื่อเปิ ดประตูท่ีปิ ดก้นั ทางเดินของน้าํ พลงั งานศกั ยท์ ่ีสะสมอยู่ จะเปล่ียนเป็นพลงั งานจลน์ สามารถนาํ ไปฉุด กงั หนั และต่อเช่ือมเขา้ กบั เคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้าเกิดเป็นกระแสไฟฟ้าข้นึ และ พลงั งานของมวลน้าํ ท่ี เคล่ือนท่ี มนุษยน์ าํ มาใชโ้ ดยไดม้ ีการสร้างกงั หนั น้าํ (Water Wheel) เพอ่ื ใชใ้ นการงานต่างๆ ใน อินเดียและชาวโรมนั กไ็ ดม้ ีการประยกุ ตใ์ ชเ้ พอ่ื ใชใ้ นการโม่แป้งจากเมลด็ พืชในจีนใชพ้ ลงั งานน้าํ เพ่ือสร้าง Pot Wheel เพอ่ื ใชใ้ นวดิ น้าํ เพอื่ การชลประทาน โดยในช่วงทศวรรษ 1830 ซ่ึงเป็นยคุ ท่ี การสร้างคลองเฟ่ื องฟถู ึงขีดสุดกไ็ ดม้ ีการประยกุ ตเ์ อาพลงั งานน้าํ มาใชเ้ พอื่ ขบั เคล่ือนเรือข้ึนและลง จากเขา โดยอาศยั รางรถไฟที่ลาดเอียง พลงั งานน้าํ เป็นพลงั งานท่ีไดจ้ ากแรงอดั ดนั ของน้าํ เป็นการ นาํ พลงั งานจากแรงของน้าํ ท่ีเคลื่อนที่หรือไหลจากบริเวณที่สูงกวา่ ลงสู่ตาํ แหน่งที่ต่าํ กวา่ โดยอาศยั หลกั การของแรงโนม้ ถ่วงของโลก พลงั งานศกั ยข์ องน้าํ ถูกเปล่ียนเป็นพลงั งานจลน์อุปกรณ์ท่ีใชใ้ น การเปล่ียนน้ีคอื กงั หนั น้าํ (Turbines) น้าํ ท่ีมีความเร็วสูงจะผา่ นเขา้ ท่อแลว้ ใหพ้ ลงั งานจลน์ทาํ ให้ กงั หนั น้าํ หมุนขบั เคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้า 2.5.2ประเภทของพลงั งานน้าํ 2.5.2.1 พลงั งานน้าํ ตกหรือจากเขื่อน เป็นพลงั งานท่ีเกิดจากการเเปลงรูปของพลงั งานศกั ย์ ของน้าํ ซ่ึงอยใู่ นที่สูงกวา่ ไหลตกลงสู่เบ้ืองล่าง กลายเป็นพลงั งานจลนม์ า จากธรรมชาติเรา เรียกกวา่ พลงั งานน้าํ ตก แต่ ถา้ มาจากแหลง่ ธรรมชาติเราเรียกวา่ พลงั งานน้าํ ตก
2.5.2.2 พลงั งานน้าํ ข้ึนน้าํ ลง เกิดจากแรงดึงดูดระหวา่ งมวลดวงจนั ทร์และโลก สามารถ ทาํ นายช่วงเวลาท่ีเกิดน้าํ ข้นึ น้าํ ลงไดอ้ ยา่ งแม่นยาํ การข้ึนลงของน้าํ เกิดจากอิทธิพลของ พลงั งานจลน์และพลงั งานศกั ยจ์ ากการเคล่ือนท่ีของโลกและดวงจนั ทร์ 2.5.2.3 พลงั งานคลื่นทะเล เกิดจากการพดั พาของน้าํ จดั เป็นพลงั งานอีกรูปเเบบหน่ึง ซ่ึง เกิดจากการท่ีมีลมพดั พ้นื ผวิ ของทะเลหรือมหาสมุทร การเคลื่อนท่ีของคล่ืนจะมีลกั ษณะ เป็ นคลื่น 2.5.3การผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลงั งานนน้าํ การผลิตไฟฟ้าจากพลงั งานน้าํ เป็นวธิ ีการผลิตกระเเสไฟฟ้าที่ถูกที่สุดวธิ ีหน่ึงพลงั งานน้าํ เกิด จากการเปล่ียนแปลงพลงั งานศกั ยภาพใหเ้ ป็นพลงั งานกล อุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเปล่ียนน้ี คือ กงั หนั น้าํ น้าํ ที่มีความเร็วสูงจะผา่ นเขา้ ท่อแลว้ ใหพ้ ลงั งานกลกลบั กงั หนั น้าํ ไปหมุนขบั เคล่ือนกาํ เนิดไฟฟ้า 2.5.3.1. เกบ็ น้าํ ไวใ้ นอ่างน้าํ โดยการก่อสร้างเขื่อน เพือ่ ใหร้ ะดบั น้าํ ท่ีเกบ็ อยสู่ ูงกวา่ โรงไฟฟ้า 2.5.3.2 ปล่อยน้าํ ลงมาตามท่อไปยงั อาคารโรงไฟฟ้า โดยควบคุมปริมาณน้าํ ใหไ้ ด้ ตามตอ้ งการ 2.5.3.3 น้าํ จะถูกส่งเขา้ เครื่องกงั หนั ลมพลกั ดบั ใบพดั ของกงั หนั น้าํ ทาํ ใหก้ งั หนั หมุนดว้ ยความเร็วสูง ซ่ึงเเบ่งเป็น 2 ประเภท คือ กงั หนั น้าํ ประเภทหวั ฉีด และ กงั หนั น้าํ ประเภทอาคยั แรงปฎิกิริยา 2.5.3.4 เพลาของเคร่ืองกงั หนั ท่ีต่อเขา้ กบั เพลาของเคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้าจะหมุนทาํ ใหเ้ คร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้าหมุนตามไดด้ ว้ ย 2.5.4 ประเภทของโรงไฟฟ้าพลงั งานน้าํ 2.5.4.1 โรงไฟฟ้าเเบบมีน้าํ ไหลผา่ นตลอดปี จะผลิตไฟฟ้าโดยการใชน้ ้าํ ท่ีไหลตาม ธรรมชาติของลาํ น้าํ หากน้าํ มีปริมาณมากเกินไปกวา่ ที่โรงไฟฟ้าจะรับไดก้ ต็ อ้ งทิ้ง ไป 2.5.4.2 โรงไฟฟ้แบบมีอ่างเกบ็ น้าํ ขนาดเลก็ จะสามารถควบคุมผลิตไฟฟ้าให้ สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการใชไ้ ดด้ ีกวา่ โรงไฟฟ้าเเบบน้ีน้าํ ไหลผา่ นตลอดปี และ โรงไฟฟ้าขนาดเลก็ บา้ นสนั ติ จงั หวดั ยะลา
2.5.4.3 โรงไฟฟ้าเเบบมีอ่างเกบ็ น้าํ ขนาดใหญ่ ซ่ึงสามารถเกบ็ กกั น้าํ ในฤดูฝนและ สามารถไปใชใ้ นฤดูแลง้ ได้ เพราะสามารถควบคุมการใชน้ ้าํ ในการผลิตกระเเส ไฟฟ้าเสริมในช่วงที่มีความตอ้ งการใชไ้ ฟฟ้าสูงไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพสูงตลอดท้งั ปี 2.5.4.4 โรงไฟฟ้าเเบบสูบน้าํ กลบั สามารถสูบน้าํ ท่ีปล่อยจากอ่างเกบ็ น้าํ ลงลา แลว้ กลบั ข้ีนไปเกบ็ ข้ึนไปเกบ็ ไวใ้ นอ่างเกบ็ น้าํ เพ่ือใชใ้ นการผลิตกระแสไฟฟ้าไดอ้ ีก เช่น เวลาเท่ียงคืนนาํ ไปสะสมไวใ้ นรูปของการเกบ็ น้าํ ในอ่างเกบ็ น้าํ เ◌ืพอ่ื ท่ีจะ สามารถใชผ้ ลิตกระเเสไฟฟ้าไดอ้ ีกคร้ัง 2.5.5 การใชป้ ระโยชน์ของพลงั งานน้าํ การสร้างเข่ือนเป็นการเกบ็ กกั น้าํ เอาไวใ้ ชใ้ นช่วงท่ีไม่มีฝนตก ทาํ ใหไ้ ดแ้ หล่งน้าํ ขนาดใหญ่ การใชพ้ ลงั งานน้าํ เป็นการใชเ้ ฉพาะส่วนที่อยใู่ นรูปพลงั งานซ่ึงไม่ใช่เป็นเน้ือมวลสารดงั น้นั เมื่อใช้ พลงั งานไปแลว้ เน้ือมวลสารของน้าํ กย็ งั คงเหลืออยู่ น้าํ ท่ีถูกปล่อยออกมายงั มีปริมาณและคุณภาพ เหมือนเดิมสามารถนาํ ไปใชป้ ระโยชนอ์ ยา่ งอื่นไดอ้ ีกมากมาย 2.5.6 ผลกระทบที่เกิดจากการใชพ้ ลงั งานจากน้าํ ผลิตกระแสไฟฟ้า การใชพ้ ลงั งานจากน้าํ ในการผลิตกระแสไฟฟ้า จะไม่ก่อใหเ้ กิดผลกระทบกบั ส่ิงแวดลอ้ ม แต่ในการสร้างเขื่อนเพือ่ เกบ็ กกั น้าํ จะมีปัญหาส่ิงแวดลอ้ มที่ควรคาํ นึงถึงคือการ สูญเสียพ้ืนท่ีป่ าอยา่ งมหาศาล การอพยพราษฎรออกจากพ้ืนท่ี สตั วป์ ่ าสูญเสียท่ีอยอู่ าศยั หรืออาจ ตอ้ งสูญพนั ธุ์ไป แร่ธาตุต่างๆ ที่มีอยใู่ นพ้นื ที่จะตอ้ งจมอยใู่ ตน้ ้าํ ไม่สามารถนาํ มาใชป้ ระโยชนไ์ ด้
บทที่ 3 วธิ ีการดําเนินงานโครงงาน 3.1 วสั ดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือ 3.1.1 ฝาขวดน้าํ พลาสติก 8 อนั 3.1.2 มอเตอร์ 3 โวลต์ 1 ตวั 3.1.3 ปื นกาว 1 อนั 3.1.4 กรรไกร 1 อนั 3.1.5 ไมเ้ สียบลูกชิ้น 8 ไม้ 3.1.6 คตั เตอร์ 1 อนั 3.1.7 หลอดLED 3 โวลต์ 1 หลอด 3.1.8พลาสติกเจาะรูสาํ หรับเสียบใบพดั 1 อนั 3.2 ข้นั ตอนการทาํ โครงงาน 3.2.1 การออกแบบชิ้นงาน 3.2.1.1 แบบร่างของโมเดลกงั หันนํา้
3.2.2 ข้นั ตอนการทาํ โมเดล 1. นาํ โฟมบอร์ดมาตดั เป็นฐานตามแบบร่างที่ออกแบบไว้ 2. เจาะฝาขวดน้าํ ใหเ้ ป็นรู แลว้ นาํ ไมเ้ สียบลูกชิ้นมาเสียบ เพอ่ื นาํ มาทาํ เป็นใบพดั ของกงั หนั 3. นาํ ใบพดั ของกงั หนั มาประกอบกบั ฐานและมอเตอร์ปั่นไฟ 4. ติดต้งั กงั หนั น้าํ กบั ถงั น้าํ 5. จากน้นั เติมน้าํ ลงในถงั น้าํ ใหน้ ้าํ ไหลลงท่ีกงั หนั เพอ่ื ทาํ ใหม้ อเตอร์ทาํ การผลิต กระแสไฟฟ้า 6. สามารถตรวจสอบผลผลิตการกระแสไฟฟ้าไดจ้ ากการติดของหลอดไฟท่ีต่อมาจาก มอเตอร์
บทท่ี 4 ผลการดาํ เนินงาน 4.1 ผลการทาํ งานของชิ้นงาน 1. ปล่อยน้าํ จากที่สูง 2.เปิ ดมอนิเตอร์ใหท้ าํ งานโดยจะทาํ ใหก้ งั หมุน 3. ทดสอบการติดของหลอดไฟ 4.2 ผลการทดสอบประสิทธิภาพการทาํ งาน 4.2.1 ผลการทดสอบ 1. กงั หนั น้าํ หมุนขบั เครื่องกาํ เนิดไฟฟ้า ทาํ ใหไ้ ฟติดไดจ้ ริง 2. สามารถผลิตไฟฟ้าไดจ้ ริง 3. การทาํ งานของพลงั งานน้าํ ท่ีเป็นเป็นพลงั งานไฟฟ้าทาํ ได้ โดยพลงั งานศกั ยข์ องน้าํ ถูก เปล่ียนเป็นพลงั งานจลนซ์ ่ึงอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการเปล่ียนน้ีคือกงั หนั น้าํ น้าํ ที่มีความเร็วสูงจะผา่ นเขา้ ท่อแลว้ ใหพ้ ลงั งานจลนท์ าํ ใหก้ งั หนั น้าํ หมนุ ขบั เครื่องกาํ เนิดไฟฟ้า 4.2.2 แนวทางปรับปรุงพฒั นาจากผลการทดสอบ 1. ปรับเปล่ียนใบพดั กงั หนั
บทท5่ี สรุปผลและข้อเสนอแนะ
บรรณานุกรรม ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ(สสวท.). (2559). สวา่ งไสว ดว้ ยสายน้าํ . [ออนไลน์ ]. เขา้ ถึงไดจ้ าก: http:// www.stemedthailand.org/wp- content/uploads/2016/04/M3teacher., สืบคน้ เมื่อ 24 สิงหาคม 2563 2558 , ออนไลน์ : http://www.sites.google.com เมื่อ 25/09/2563 (2561, ออนไลนhttps://www.egat.co.th/index.php?=217 เม่ือ27/09/63 ) (2563 , ออนไลน์ : https://sites.google.com/site/scikroonop/phlangngan-fifa-khux-xari เมื่อ 21/09/2563) (2563 , ออนไลน์ : https://sites.google.com/site/pang5477/phlangngan-fifa เม่ือ 27/09/2563) (2563 , ออนไลน์ : https://sites.google.com/site/kruuaul/1-kar-phlit-krasae-fifa เม่ือ 27/09/2563) (2558,ออนไลน์https://sites.google.com/site/energyandenvironment00/phlangngan-na เม่ือ 25/09/63) (2558,ออนไลน์https://sites.google.com/site/phlangnganthdthaencte/neuxha/phlangngan-na เม่ือ 25/09/63) (2558, ออนไลน์: http://www.thummech.com เม่ือ21/09/63) (2558,ออนไลน:์ https://sites.google.com/site/rongfifaphlangnganna/rong-fifa-phlangngan- na/chnid-khxng-kanghan-na เมื่อ25/09/63) (2558,ออนไลน:์ https://sites.google.com/site/rongfifaphlangnganna/rong-fifa-phlangngan- na/chnid-khxng-kanghan-na เม่ือ25/09/63) (2559 , ออนไลน์ : http://http://www.stemedthailand.org 25/09/2563 )
ภาคผนวก
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: