(Organic chemistry)
1 สารประกอบอินทรยี ์ ผลการเรยี นรู้ : สืบคน้ ข้อมูลและนําเสนอตัวอย่างสารประกอบอินทรยี ท์ ่มี ีพนั ธะเด่ยี ว พนั ธะคู่ หรอื พนั ธะสามท่พี บในชีวติ ประจําวนั C
สารประกอบอนิ ทรีย์ (organic compound) เป็นพืน้ ฐานกระบวนการของสิ่งมีชีวิตบนโลกแทบทงั้ สิ้นสารประกอบเหล่านี้ มีโครงสรา้ งหลากหลายมาก ลกั ษณะการนาไปใช้ของสารประกอบอินทรียก์ ม็ ี มากมาย โดยเป็นได้ทงั้ พืน้ ฐาน หรอื เป็นองคป์ ระกอบสาคญั ของผลิตภณั ์์ ในครั้งอดตี กาลกแ็ บ่งตามแหล่งทม่ี าของสารน่ันออง นักอรียนคดิ ว่า สารทพี่ บได้ตามธรรมชาตใิ นสง่ิ มชี วี ติ คอื สารอนิ ทรยี ์ แนวคดิ นีใ้ ช่หรือไม่ ส่วนอน่ื ๆ คอื สารอนินทรยี ์ อย่างไร
• ตอ่ มาในปี ค.ศ. 1828 ฟรีดรชิ เวอเลอร์ (Fridrich Wohler) นกั เคมีชาวเยอรมันจงึ สามารถ เตรยี มยูเรยี ซึ่งเป็นสารอินทรยี ์ จากการเผาแอมโมเนียมไซยาเนต ซงึ่ เปน็ สารอนนิ ทรีย์ได้ดังนี้
ปัจจบุ นั สารประกอบอนิ ทรยี ์ จึงหมายถึง สารทม่ี ี คารบ์ อนเป็นองคป์ ระกอบหลกั และมธี าตอุ ่ืน ๆ เปน็ องค์ประกอบรว่ ม เชน่ ธาตุ H , O, N, P, S, Cl, และ Br เปน็ ต้น ดงั นัน้ สารอินทรียท์ กุ ชนดิ จะตอ้ งมธี าตุ C อยู่ด้วยเสมอ จงึ กลา่ วได้วา่ สารอินทรีย์ คอื สารประกอบของคาร์บอน
ความรู้เพม่ิ เติม สารที่มคี ารบ์ อนเป็นองค์ประกอบบางชนิด ไม่จัดเปน็ สารอนิ ทรยี ์ เชน่ 1. สารที่เปน็ อญั รปู ของธาตคุ ารบ์ อน เชน่ เพชร แกรไฟตแ์ ละ ฟลุ เลอรนี 2. ออกไซดข์ องคาร์บอน เชน่ CO , CO2 3. เกลอื คารบ์ อเนต เช่น CaCO3 (หินปนู ) , KCO3 4. เกลอื คาร์ไบด์ เชน่ CaC2 5. ไฮโดรเจนคาร์บอเนต (HCO3 - ) เช่น NaHCO3 (ผงฟู) 6. เกลือไซยาไนด์ เช่น KCN เกลอื ไซยาเนต เช่น NH4OCN 7. เกลอื ไทโอไซยาเนต เช่น KSCN
พนั ธะของคารบ์ อนในสารประกอบอินทรยี ์ คารบ์ อน (Carbon) เป็นธาตุในหมู่ 4A มเี วเลนซอ์ ิเลก็ ตรอนเทา่ กับ 4 จึง สามารถใช้เวเลนซ์ อิเลก็ ตรอนร่วมกับอะตอมอ่ืนได้ 4 พนั ธะ เกดิ เป็นพันธะโคเวเลนต์ ทําใหม้ ีเวเลนซ์อิเล็กตรอนครบ 8 ตาม กฎออกเตต ตัวอย่าง ธาตุคารบ์ อน 1 อะตอม ใช้เวเลนซอ์ ิเล็กตรอนรว่ มกับไฮโดรเจน 4 อะตอมเกิด เป็นมีเทน (CH4 ) เขยี น โครงสรา้ งลวิ อิสแสดงได้ดงั นี้
การเกิดพนั ธะโคเวเลนต์ระหวา่ งธาตคุ ารบ์ อนกับกับธาตุคาร์บอนด้วยกนั เอง และกบั ธาตอุ ่นื ๆ ใน สารประกอบอนิ ทรยี ์บางชนิด
การเชือ่ มตอ่ กันของอะตอมของคารบ์ อน ในโมเลกุลของสารประกอบอนิ ทรีย์ อาจมีลักษณะเปน็ โซต่ รง (straight chains) โซก่ ง่ิ (branched chains) เป็นวง (cyclic) และอาจสรา้ งพนั ธะเด่ียว, พนั ธะคู่ หรือพันธะสาม
จากการทํากจิ กรรมที่ 1 เพราะเหตใุ ด สารประกอบอนิ ทรยี ์จงึ มเี ปน็ จาํ นวนมากในธรรมชาติ
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: