พระราชประวตั ิ สมเดจ็ พระกนิษฐากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาเจา้ ฟ้ามหาจกั รีสริ ินธร มหาวชริ าลงกรณวรราชภักดีสิริกิจการิณพี รี ยพฒั น รัฐสีมาคุณากร ปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี พระราชสมภพ สมเดจ็ พระกนิษฐาธริ าชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสดจ็ พระราชสมภพเมือ่ วนั เสารท์ ี่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๘ (ตรงกบั วนั ขึ้น ๑๐ ค่า เดอื น ๕ ปีมะแม สปั ตศก) ณ พระทีน่ ่งั อัมพรสถาน พระราชวงั ดุสติ เป็นสมเดจ็ พระเจ้าลกู เธอพระองค์ท่ี ๓ ใน พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภมู ิพลอดลุ ยเดชมหาราช และ สมเด็จพระนางเจา้ สิริกิต์ิ พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนพี ันปีหลวง โดยศาสตราจารย์ นายแพทย์ หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ เปน็ ผู้ถวายพระ ประสูติกาล และไดร้ บั การถวายพระนามจากสมเดจ็ พระสังฆราชเจ้า กรม หลวงวชิรญาณวงศ์ วา่ สมเดจ็ พระเจ้าลกู เธอ เจ้าฟ้าสิรนิ ธรเทพรัตนสุดา กติ ิ วัฒนาดุลโสภาคย์ พร้อมทง้ั ประทานค่าแปลว่า นางแก้ว อันหมายถงึ หญงิ ผู้ ประเสรฐิ และมพี ระนามทข่ี า้ ราชบรพิ าร เรียกทวั่ ไปวา่ ทลู กระหมอ่ มน้อย
พระนาม \"สิรนิ ธร\" นั้น นา่ มาจากสรอ้ ยพระนามของสมเดจ็ พระราช ปติ ุจฉา เจา้ ฟา้ วไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรรี าชสิรินธร ซง่ึ เป็นสมเด็จพระ ราชปติ ุจฉา (ปา้ ) ในพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู ัวภูมพิ ลอดุลยเดช สา่ หรบั สรอ้ ยพระนาม \"กติ วิ ัฒนาดุลโสภาคย์\" ประกอบขนึ้ จากพระ นามาภไิ ธยของสมเดจ็ พระบพุ การี ๓ พระองค์ ไดแ้ ก่ \"กติ ิ\" มาจากพระ นามาภไิ ธยของสมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชินนี าถ พระบรมราชชนนี พันปหี ลวง พระมารดา (แม่) ส่วน \"วฒั นา\" มาจากพระนามาภิไธยเดิมของ สมเด็จพระศรีสวรนิ ทริ าบรมราชเทวี พระพันวัสสาอยั ยิกาเจา้ (คอื สมเด็จพระ นางเจา้ สว่างวฒั นา พระบรมราชเทวี) สมเด็จพระปัยยิกา (ย่าทวด) และ \"อดลุ \" มาจากพระนามาภิไธยของสมเดจ็ พระมหิตลาธเิ บศร อดุลยเดชวกิ รม พระบรมราชชนก สมเด็จพระอยั กา (ปู่)
การศึกษา เมอื่ ปีวนั ท่ี ๒ เดือน ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ พระองคท์ รงเร่มิ เขา้ รบั การศกึ ษาระดบั อนบุ าลทโี่ รงเรยี นจติ รลดา ซึง่ ตั้งอย่ภู ายในบริเวณสวนจิตรลดา พระราชวงั ดสุ ิตขณะมีพระชนมายุ ๓ พรรษาทรงมพี ระสหายรว่ มชนั้ เรียน ๒๐ คน เปน็ โอรสธิดาของพระบรมวงศานวุ งศ์ และบุตรหลานข้าราชการ ตลอดจน มหาดเล็ก ผไู้ ดร้ บั พระมหากรณุ าธคิ ณุ ใหม้ าร่วมเรยี นด้วยโดยปราศจากชั้น วรรณะ วิชาที่ทรงเรียนในช้ันอนุบาลน้ี คอื วชิ าภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เลข คณติ และขบั รอ้ ง พระอาจารยท์ ี่ถวายพระอักษรขณะนน้ั ได้แก่ อาจารย์ทา่ น ผูห้ ญิงทศั นยี ์ บุณยคปุ ต์ อาจารย์ทา่ นผหู้ ญิงองั กาบ บณุ ยษั ฐิติ และอาจารย์ ท่านผูห้ ญงิ สุนามนั ประนชิ เมื่อทรงเรยี นจบช้นั ประถมศกึ ษาตอนปลาย ไดท้ รง สอบรว่ มกับนกั เรียนท่ัวประเทศ โดยใชข้ อ้ สอบของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสอบได้ท่หี น่ึง ได้คะแนน รวมรอ้ ยละ ๙๖.๖๐ อนั นบั ว่าเป็นคะแนนสูงสุดส่าหรบั ระดบั ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี เจด็ จงึ ทรงได้รบั พระราชทานรางวัลเรียนดีจากพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ใน งานแสดงศิลป หตั ถกรรมนักเรยี น ครั้งท่ี ๓๑ ณ กรีฑาสถานแห่งชาติ เมือ่ วันท่ี ๑ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ และทรงศกึ ษาตอ่ ในโรงเรยี นจิตรลดาจนถงึ ระดับ มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย และ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ ก็ทรงสอบไลจ่ บชนั้ มธั ยมศึกษาตอนปลาย ในแผนกศลิ ปะ ด้วยคะแนนสงู สดุ ของประเทศ •
หลังจากน้ัน พระองคท์ รงสอบเขา้ ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา ณ คณะอกั ษร ศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั โดยสามารถทา่ คะแนนสอบเอนทรานซเ์ ปน็ อันดับ ๔ ของประเทศ] ซ่ึงถอื เป็นสมเด็จเจ้าฟ้าพระองคแ์ รกท่ที รงเขา้ ศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาใน ประเทศ จนกระทั่ง ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ พระองค์ทรงสา่ เรจ็ การศกึ ษาไดร้ ับปริญญา อกั ษรศาสตรบณั ฑิต สาขาประวัติศาสตร์ เกียรตินยิ มอนั ดับหน่ึง เหรียญทอง ดว้ ย คะแนนเฉลยี่ ๓.๗๘ พระองคท์ รงเข้าศกึ ษาตอ่ ในระดับปรญิ ญาโท ด้านจารึกภาษาตะวนั ออก (ภาษาสันสกฤตและภาษาเขมร) ณ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร และสาขา ภาษาบาลแี ละภาษาสันสกฤต จาก ภาควชิ าภาษาตะวันออก คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั ในระหว่างน้นั มพี ระราชกิจมากจนทา่ ให้ไม่สามารถทา่ วทิ ยานิพนธ์ในระดบั ปรญิ ญาโทไดพ้ ร้อมกันทั้ง ๒ มหาวิทยาลยั พระองคจ์ งึ ตัดสนิ พระทัยเลือกท่าวทิ ยานิพนธเ์ พ่ือให้ส่าเรจ็ การศกึ ษาทคี่ ณะโบราณคดี มหาวทิ ยาลัย ศลิ ปากรก่อน โดยทรงท่าวทิ ยานพิ นธ์หว้ ข้อเรอ่ื ง “จารกึ พบที่ปราสาทพนมรงุ้ ” ทรง สา่ เรจ็ การศกึ ษาได้รับปรญิ ญาศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต และเขา้ รบั พระราชทานปริญญา บตั รเมือ่ วนั ท่ี ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๒๒ หลังจากนนั้ พระองคท์ รงทา่ วทิ ยานพิ นธ์ หวั ข้อเรื่อง “ทศบารมใี นพทุ ธศาสนาเถรวาท” ทรงส่าเร็จการศึกษาไดร้ ับปริญญา อกั ษรศาสตรมหาบัณฑติ จากคณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย และได้เข้า รับพระราชทานปรญิ ญาบตั รเมอ่ื วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๔ หลังจากนัน้ พระองค์ทรงเขา้ ศึกษาทสี่ ถาบนั เทคโนโลยแี หง่ เอเชยี หรอื สถาบนั เอไอที ในหลักสตู ร เทคโนโลยีการสา่ รวจขอ้ มูลระยะไกล เป็นเวลา ๑ ภาคการศึกษา จนไดร้ ับ ประกาศนียบัตรจากสถาบัน โดยพระองคไ์ ด้ทรงประยกุ ตค์ วามร้ทู ไี่ ดร้ บั ไปใชป้ ระโยชน์ใน การทา่ แผนท่ขี องจงั หวดั นราธิวาส •
พระองค์ทรงเข้าศกึ ษาตอ่ ในระดบั ปริญญาเอก ณ คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ โดยพระองค์ผ่านการสอบคดั เลอื กอยา่ งยอด เย่ยี มดว้ ยคะแนนเปน็ อันดับหนง่ึ ในบรรดาผเู้ ขา้ สอบทัง้ หมด และทรงเป็นนสิ ิต ปรญิ ญาการศึกษาดุษฎบี ัณฑิต สาขาพัฒนศึกษาศาสตร์ รนุ่ ที่ ๔ พระองค์ทรง ทา่ วทิ ยานพิ นธใ์ นหัวข้อเรือ่ ง “การพฒั นานวตั กรรมเสรมิ ทกั ษะการเรยี นการ สอนภาษาไทยสา่ หรบั นกั เรียนช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย” เนอ่ื งจากพระองค์ ทรงตระหนักว่าสภาพการเรยี นการสอนภาษาไทยน้ันมีปญั หา เพราะนักเรียนไม่ คอ่ ยสนใจเรียนภาษาไทย มคี วามรู้ ความสามารถ ทกั ษะในการเข้าใจและใช้ ภาษาไมเ่ พยี งพอ พระองคจ์ ึงทรงน่าเสนอวธิ กี ารสอนภาษาไทยในลักษณะ นวัตกรรมเสรมิ ทกั ษะการเรียนการสอน เพ่อื สง่ เสรมิ ความสนใจในการเรยี น ภาษาไทยของนกั เรยี นและเปน็ ส่ือที่จะช่วยให้ครสู อนภาษาไทยได้ง่ายข้นึ พระองค์ทรงสอบผ่านวทิ ยานพิ นธอ์ ยา่ งยอดเย่ียม สภามหาวทิ ยาลยั อนมุ ัตใิ ห้ ทรงสา่ เร็จการศึกษาในระดบั ปริญญาเอก เม่ือวนั ที่ ๑๗ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๒๙ •
การสถาปนาพระอสิ ริยยศ สยามบรมราชกมุ ารี พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภูมิพลอดลุ ยเดช มี พระราชด่ารวิ ่า สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจ้าฟ้าสิรนิ ธรเทพรตั นสุดา กติ ิ วัฒนาดุลโสภาคย์ ทรงได้รับความสา่ เร็จในการศกึ ษาอย่างงดงาม และทรงไดบ้ า่ เพ็ญพระองค์ใหเ้ ป็นประโยชน์แก่ชาติบ้านเมอื งเปน็ อเนก ปรยิ าย โดยเสดจ็ พระราชดา่ เนนิ ไปทรงเยีย่ มเยยี นราษฎรในภมู ภิ าค ต่าง ๆ อย่เู สมอ ในด้านการพฒั นาบา้ นเมอื ง เสดจ็ พระราชดา่ เนนิ ไป ทรงศกึ ษาและช่วยเหลือกจิ การโครงการตามพระราชด่ารทิ ุกโครงการ พรอ้ มทรงรบั พระบรมราโชบายมาทรงดา่ เนนิ การสนองพระเดช พระคณุ ในดา้ นตา่ ง ๆ นับเปน็ การดแู ลสอดส่องพระราชกรณียกจิ ส่วน หน่ึงตา่ งพระเนตรพระกรรณ ในด้านการพระศาสนา มพี ระหฤทยั ม่นั คงในพระรัตนตรยั และสนพระหฤทยั ศกึ ษาหาความรู้ด้านศาสนา พุทธและศาสนาอืน่ อย่างแตกฉาน ในสว่ นราชการในพระองคน์ ั้น กไ็ ด้ สนองพระเดชพระคุณในพระราชภารกจิ ทที่ รงมอบหมายให้สา่ เร็จ ลลุ ่วงไปดว้ ยดี
สมเดจ็ พระเจ้าลกู เธอ พระองคน์ ี้ กอปรดว้ ยพระจรรยา มารยาท เพยี บพรอ้ มด้วยคุณสมบัติแห่งขัตติยราชกุมารที กุ ประการ เปน็ ท่รี กั ใคร่นบั ถือ ยกยอ่ งสรรเสรญิ พระเกยี รตคิ ณุ กนั อยโู่ ดยท่วั จึง ทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ สถาปนาพระอสิ รยิ ยศและพระอสิ ริยศักดิ์ ให้สูงขึ้น ใหท้ รงรบั พระราชบัญชาและสปั ตปฎลเศวตฉัตร (เศวตฉตั ร ๗ ชัน้ ) เฉลิมพระนามตามทีจ่ ารกึ ในพระสุพรรณบฏั ว่า สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ า เจา้ ฟ้ามหาจกั รีสริ ินธร รัฐสมี าคุณากรปยิ ชาติ สยามบรมราชกมุ ารี เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ นบั เปน็ เจ้านายฝา่ ยในพระองค์ที่ ๑๔ ในราชวงศจ์ กั รี ทไ่ี ดร้ บั การสถาปนาพระอสิ รยิ ยศเป็น สมเดจ็ พระ หรอื กรมพระยา และเปน็ ครง้ั แรกที่สถาปนาพระอสิ รยิ ยศนี้แก่สมเดจ็ พระเจ้าลูกเธอเจา้ ฟา้ จึง เป็นพระเกยี รตยิ ศทส่ี ูงย่ิง
สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ ในการพระราชพิธบี รมราชาภิเษก พุทธศกั ราช ๒๕๖๒ พระบาทสมเด็จ พระวชริ เกลา้ เจา้ อยหู่ ัวมพี ระราชดา่ ริว่า สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรม ราชกมุ ารี เป็นพระโสทรกนิษฐภคนิ ที ี่ได้ทรงร่วมสุขรว่ มทกุ ข์ มาแต่ทรงพระเยาว์ เมอื่ ทรงเจรญิ พระชนมายุ กไ็ ดท้ รงปฏบิ ตั บิ ่าเพ็ญพระราชกรณยี กิจสนองพระเดช พระคุณสมเด็จพระบรมชนกนาถและสมเดจ็ พระบรมราชชนนดี ้วยพระวริ ยิ อตุ สาหะ เป็นคุณูปการแก่ประเทศชาติและอาณาประชาราษฎร์อย่างใหญ่หลวง เปน็ อเนกประการ ครน้ั ในรัชกาลปจั จุบนั ก็ได้ทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กิจแทน พระองค์ ในหลายวาระ และช่วยแบง่ เบาพระราชภารกจิ น้อยใหญท่ ่สี บื เนือ่ งมาแต่ คร้ังรชั สมยั สมเด็จพระบรมชนกนาถ ให้ดา่ เนินลุล่วงไปด้วยความเรยี บรอ้ ย เปน็ ที่ ไว้วางพระราชหฤทัย สมควรจะยกย่องพระเกยี รตยิ ศตามฐานะแหง่ พระบรม ราชวงศ์ จงึ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ มใหเ้ ฉลมิ พระ นามาภิไธยตามที่จารึกในพระสพุ รรณบัฏว่า สมเด็จพระกนษิ ฐาธริ าชเจ้า กรม สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ า เจ้าฟ้ามหาจักรีสริ ินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สริ ิกิจการณิ พี รี ยพฒั น รฐั สีมาคณุ ากรปิยชาติ สยามบรมราชกมุ ารี นับเปน็ เจา้ นาย พระองค์แรกท่ไี ดร้ ับพระราชทานพระเกียรติยศที่ สมเดจ็ พระกนษิ ฐาธริ าชเจา้ โดย ยังทรงพระอสิ รยิ ยศ กรมสมเด็จพระ และ สยามบรมราชกมุ ารี ตามท่ีไดร้ บั พระราชทานจากสมเดจ็ พระบรมชนกนาถ •
พระอัจฉริยภาพ ดา้ นภาษา พระองค์ทรงมคี วามรทู้ างดา้ นภาษาบาลี ภาษาสนั สกฤต และภาษาเขมร ทรงสามารถรบั สง่ั เป็นภาษาอังกฤษ ภาษาฝรง่ั เศส และภาษาจนี และทรงก่าลัง ศึกษาภาษาเยอรมันและภาษาละตนิ อีกด้วยขณะท่ที รงพระเยาวน์ นั้ สมเด็จพระนาง เจา้ สริ ิกติ ์ิ พระบรมราชนิ ีนาถ ทรงสอนภาษาไทยแก่พระราชโอรสและพระราชธิดา โดยทรงอา่ นวรรณคดีเร่ืองต่าง ๆ พระราชทาน และทรงใหพ้ ระองคท์ รงคดั บทกลอน ตา่ ง ๆ หลายตอน ท่าใหพ้ ระองค์โปรดวชิ าภาษาไทยตัง้ แตน่ ้นั มา นอกจากนี้ ยงั ทรง สนพระทยั ในภาษาอังกฤษและภาษาบาลีดว้ ย เมอื่ พระองคท์ รงเขา้ เรียนทีโ่ รงเรียนจิตรลดาน้ัน ทรงไดร้ ับการถา่ ยทอด ความรู้ทางดา้ นภาษาท้งั ภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาเขมร ภาษาอังกฤษ และภาษา ฝรัง่ เศส โดยภาษาไทยนั้น พระองค์ทรงเช่ยี วชาญท้ังดา้ นหลักภาษา วรรณคดี และ ศิลปะไทย เม่ือทรงจบชั้นมัธยมศกึ ษาตอนตน้ พระองคพ์ อรู้แนว่ ่าอย่างไรก็คงไม่ได้ เรียนแผนกวิทยาศาสตร์ จงึ พยายามหดั เรียนภาษาบาลี อา่ นเขียนอักษรขอม เน่อื งจากในสมยั นน้ั ผทู้ ีจ่ ะเรียนภาษาไทยให้กวา้ งขวาง ลึกซ้ึง จะตอ้ งเรยี นท้ังภาษา บาลี สนั สกฤต และเขมร ซ่ึงภาษาบาลีนัน้ เปน็ ภาษาทีพ่ ระองค์สนพระทัยต้งั แต่ทรง พระเยาว์ แตไ่ ดเ้ ร่มิ เรยี นอยา่ งจรงิ จงั ในระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย จนสามารถจา่ การแจกวิภตั ตเิ บอื้ งตน้ ทสี่ ่าคัญได้ และเข้าพระทยั โครงสรา้ งและลักษณะท่วั ไปของ ภาษาบาลีได้ นอกจากน้ี ยังทรงเลอื กเรียนภาษาฝรง่ั เศสแทนการเรยี นเปยี โน เนื่องจากมีพระราชประสงค์ท่ีจะอา่ นหนงั สอื ภาษาฝรัง่ เศสท่มี อี ยใู่ นตหู้ นงั สือ มากกวา่ การซ้อมเปยี โน •
เมอ่ื ทรงเข้าศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย นน้ั พระองค์ทรงเลอื กเรยี นสาขาประวตั ศิ าสตรเ์ ปน็ วชิ าเอก และวิชาภาษาไทย ภาษา บาลี และภาษาสันสกฤตเปน็ วิชาโท ทา่ ให้ทรงศกึ ษาวชิ าภาษาไทยในระดบั ช้นั สูงและ ละเอียดลึกซง้ึ ยิ่งขึ้นท้ังดา้ นภาษาและวรรณคดี สว่ นภาษาบาลีและสันสกฤตนัน้ ทรง ศึกษาทัง้ วิธีการแบบดงั้ เดมิ ของไทย คอื แบบทีเ่ รยี นกนั ในพระอารามต่าง ๆ และ แบบภาษาศาสตรซ์ ึง่ เป็นวธิ ีการตะวนั ตก ตั้งแต่ไวยากรณข์ น้ั พ้ืนฐานไปจนถงึ ข้ันสงู และเรียนตามวิธีการอินเดยี โบราณเป็นพิเศษในระดบั ปรญิ ญาโท ซงึ่ รฐั บาลอนิ เดียได้ ส่งศาสตราจารย์ ดร. สัตยพรต ศาสตรี มาถวายพระอักษรภาษาสนั สกฤต โดย วทิ ยานิพนธ์ในระดับปรญิ ญาโทของพระองค์ เร่อื ง ทศบารมีในพทุ ธศาสนาเถรวาท นน้ั ยังไดร้ ับการยกยอ่ งจากมหามกฏุ ราชวทิ ยาลัยว่า เป็นวิทยานพิ นธ์ทแี่ สดงถงึ พระปรชี าสามารถ ในภาษาบาลพี ุทธวจนะเป็นพเิ ศษ พระปรชี าสามารถทางด้าน ภาษาของพระองค์นนั้ เปน็ ทปี่ ระจักษ์ จงึ ได้รบั การทลู เกล้าถวายปริญญาดุษฎีบณั ฑติ กิตตมิ ศักดทิ์ างด้านภาษาจากมหาวิทยาลัยตา่ ง ๆ ท้ังในและตา่ งประเทศ เช่น มหาวทิ ยาลยั รามค่าแหง มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ มหาวิทยาลัยมาลายา ประเทศ มาเลเซีย มหาวทิ ยาลัยบกั กงิ แฮม สหราชอาณาจกั ร เปน็ ต้น •
ดา้ นดนตรี พระองคท์ รงเป็นผู้เช่ยี วชาญด้านดนตรีไทยผู้หน่งึ โดยทรงใช้เคร่อื ง ดนตรีไทยไดท้ ุกชนิด แต่ท่โี ปรดทรงอย่ปู ระจา่ คือ ระนาด ซอ และฆ้องวง โดยเฉพาะระนาดเอก พระองค์ทรงเริม่ หัดดนตรีไทย ในขณะท่ที รงศึกษาอย่ชู ้นั มัธยมศึกษาปีที่ ๒ โรงเรยี นจติ รลดา โดยทรงเลือกหดั ซอด้วงเป็นเครื่องดนตรี ชน้ิ แรก และไดท้ รงดนตรไี ทยในงานปดิ ภาคเรยี นของโรงเรียน รวมทัง้ งานวนั คนื ส่เู หย้าร่วมกบั วงดนตรจี ิตรลดาของโรงเรยี นจติ รลดาด้วย หลงั จากทท่ี รง เข้าศกึ ษาในระดบั อดุ มศกึ ษา ณ คณะอกั ษรศาสตร์ จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั พระองคท์ รงเข้าร่วมชมรมดนตรีไทยของสโมรสรนิสติ จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลยั และคณะอกั ษรศาสตร์ โดยทรงเลน่ ซอดว้ งเปน็ หลกั และทรงเริ่ม หดั เลน่ เครอ่ื งดนตรไี ทยช้นิ อ่นื ๆ ด้วย
ในขณะทท่ี รงพระเยาว์ เคร่ืองดนตรีทที่ รงสนพระทัยน้นั ได้แก่ ระนาด เอกและซอสามสาย ซงึ่ พระองค์ทรงเร่มิ เรียนระนาดเอกอยา่ งจรงิ จังเม่อื ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ หลงั จากการเสด็จทรงดนตรไี ทย ณ บา้ นปลายเนิน ซ่ึงเป็นวัง ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศเ์ ธอ เจา้ ฟา้ กรมพระยานรศิ รานวุ ัดติวงศ์ โดยมี สิรชิ ัย ชาญ พักจา่ รญู เป็นอาจารยผ์ ้ถู วายการสอน พระองคท์ รงเริม่ เรยี นตั้งแตก่ ารจบั ไมร้ ะนาด การตรี ะนาดแบบต่าง ๆ และทา่ ทีป่ ระทับขณะทรงระนาด และทรงเร่ิม เรียนการตีระนาดตามแบบแผนโบราณ กลา่ วคอื เร่ิมตน้ ด้วยเพลงตน้ เพลงฉ่งิ สามช้ัน แล้วจงึ ทรงต่อเพลงอื่น ๆ ตามมา ทรงท่าการบา้ นดว้ ยการไลร่ ะนาดทกุ เชา้ หลังจากบรรทมต่นื ภายในหอ้ งพระบรรทม จนกระท่ัง พ.ศ. ๒๕๒๙ พระองค์จึงทรงบรรเลงระนาดเอกร่วมกับครอู าวโุ สของวงการดนตรีไทยหลาย ทา่ นตอ่ หน้าสาธารณชนเป็นคร้ังแรก ในงานดนตรีไทยอดุ มศกึ ษา ครง้ั ที่ ๑๗ ณ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ โดยเพลงทที่ รงบรรเลง คอื เพลงนกขม้นิ (เถา) •
ในด้านการขับร้อง พระองคท์ รงสนพระทยั ในดา้ นการขบั รอ้ งเพลงไทย โดย ทรงเรมิ่ ฝึกหดั การขับรอ้ งด้วยพระองคเ์ องเมอื่ คร้งั ยังทรงศึกษาอยู่ ณ โรงเรยี นจิตรลดา ทรงเร่ิมตน้ เรียนการขับรอ้ งกบั เจริญใจ สุนทรวาทนิ อาจารย์ประจา่ ชมรมดนตรไี ทย สโมสรนิสิตจฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั และทรงพระราชนพิ นธบ์ ทขบั รอ้ งเพลงไทยส่าหรับ พระราชทานใหแ้ กส่ ถาบนั การศกึ ษาและวงดนตรีไทยเพ่อื นา่ ไปบรรเลงและขับร้องเนอื่ งใน โอกาสตา่ ง ๆ นอกจากดนตรีไทยแลว้ พระองคย์ งั ทรงดนตรีสากลด้วย โดยทรงเรม่ิ เรยี น เปยี โนตั้งแตพ่ ระชนมายุ ๑๐ พรรษา แตไ่ ด้ทรงเลกิ เรียนหลังจากนนั้ ๒ ปี และทรงฝึก เครอ่ื งดนตรสี ากล ประเภทเคร่ืองเปา่ จากพระบาทสมเดจ็ พระบรมชนกาธเิ บศร มหาภูมิ พลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพติ ร จนสามารถทรงทรัมเปต็ น่าวงดุริยางคใ์ นงาน คอนเสริ ต์ สายใจไทย และทรงระนาดฝรั่งนา่ วงดุรยิ างค์ในงานกาชาดคอนเสริ ต์ •
ด้านพระราชนิพนธ์ พระองค์โปรดการอา่ นหนงั สือและการเขียนมาตัง้ แตท่ รงพระเยาว์ รวมกับพระปรชี าสามารถทางด้านภาษาท้งั ภาษาไทยและตา่ งประเทศ ร้อยแก้ว และร้อยกรอง ดงั น้นั จงึ ทรงพระราชนิพนธห์ นงั สือประเภทต่าง ๆ ออกมา มากกวา่ ๑๐๐ เลม่ ซึง่ มีหลายหลากประเภทท้งั สารคดีทอ่ งเทยี่ วเมอ่ื เสดจ็ พระ ราชด่าเนินเยือนตา่ งประเทศ เช่น เกลด็ หิมะในสายหมอก ทศั นะจากอนิ เดีย มนตร์ ักทะเลใต้ ประเภทวชิ าการและประวัติศาสตร์ เช่น บนั ทกึ เร่ืองการ ปกครองของไทยสมยั อยุธยาและตน้ รัตนโกสินทร์ กษตั รยิ านุสรณ์ หนังสอื สา่ หรับเยาวชน เช่น แกว้ จอมแก่น แก้วจอมซน หนังสอื ทเ่ี กย่ี วขอ้ งกบั พระ บรมวงศานวุ งศไ์ ทย เช่น สมเดจ็ แมก่ บั การศึกษา สมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรม ราชชนนกี ับพระราชกรณียกจิ พระราชจริยาวัตรดา้ นการศึกษา ประเภทพระ ราชนพิ นธ์แปล เช่น หยกใสร่ายค่า ความคดิ ค่านงึ เกจ็ แกว้ ประกายกวี และ หนงั สือทัว่ ไป เช่น นทิ านเรื่องเกาะ (เรื่องนไี้ มม่ คี ติ) เรือ่ งของคนแขนหัก เปน็ ต้น และมีลักษณะการเขยี นที่คลา้ ยคลึงกบั พระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเด็จ พระจลุ จอมเกลา้ เจ้าอย่หู วั กล่าวคือ ในพระราชนพิ นธ์เรอื่ งตา่ ง ๆ นอกจากจะ แสดงพระอารมณ์ขนั แล้ว ยังทรงแสดงการวิพากษ์ วจิ ารณใ์ นแงต่ า่ ง ๆ เปน็ การแสดงพระมตสิ ่วนพระองค์
นอกจากพระนาม \"สิรนิ ธร\" แลว้ พระองคย์ งั ทรงใช้นามปากกาในการพระราช นพิ นธห์ นงั สอื อีก 4 พระนาม ไดแ้ ก่ \"กอ้ นหินกอ้ นกรวด\" เปน็ พระนามแฝงทท่ี รงหมายถงึ พระองคแ์ ละพระสหาย สามารถ แยกไดเ้ ปน็ กอ้ นหิน หมายถงึ พระองค์เอง ส่วนก้อนกรวด หมายถึง กุณฑกิ า ไกรฤกษ์ พระองค์มรี บั สั่งถงึ พระนามแฝงนว้ี ่า “เราตัวโตเลยใชว้ ่า กอ้ นหิน หวานตัวเลก็ เลยใชว้ ่า กอ้ นกรวด รวมกนั จึงเป็น กอ้ นหนิ -กอ้ นกรวด” นามปากกาน้ี ทรงใช้ครั้งเดยี วตอน ประพันธบ์ ทความ \"เรอื่ งจากเมอื งอิสราเอล\" เม่อื ปี พ.ศ. ๒๕๒๐ \"แว่นแกว้ \" เปน็ ช่ือท่ีพระองคท์ รงตั้งขึน้ เอง ซึง่ พระองค์มีรับสั่งถงึ พระนามแฝงน้วี า่ \"ชือ่ แวน่ แกว้ นต้ี ้งั เอง เพราะตอนเดก็ ๆ ช่อื ลูกแก้ว ตัวเองอยากช่อื แกว้ ทา่ ไมถึง เปลีย่ นไปไม่รเู้ หมอื นกัน แล้วกช็ อบเพลงน้อยใจยา นางเอกชื่อ แว่นแกว้ \" พระนามแฝง แว่นแกว้ นี้ พระองคเ์ รมิ่ ใช้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ เมือ่ ทรงพระราชนพิ นธแ์ ละทรงแปลเร่ือง ส่าหรับเด็ก ไดแ้ ก่ แกว้ จอมซน แกว้ จอมแกน่ และขบวนการนกกางเขน \"หนูนอ้ ย\" พระองคม์ ีรับสัง่ ถึงพระนามแฝงนว้ี ่า \"เรามชี ือ่ เล่นทีเ่ รียกกันในครอบครัววา่ น้อย เลยใช้นามแฝงว่า หนูน้อย\" โดยพระองค์ทรงใชเ้ พียงครงั้ เดียวในบทความเรอื่ ง “ป๋องท่ีรกั ” ตพี ิมพ์ในหนงั สือ ๒๕ ปีจติ รลดา เมอื่ ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ และ \"บันดาล\" พระองค์มรี ับสงั่ ถึงพระนามแฝงนว้ี า่ \"ใชว้ า่ บันดาลเพราะคา่ นผ้ี ดุ ขน้ึ มา ในสมอง เลยใชเ้ ป็นนามแฝง ไม่มเี หตุผลอะไรในการใชช้ ื่อนี้เลย\" ซงึ่ พระองค์ทรงใชใ้ น งานแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยท่ที รงทา่ ให้ส่านกั เลขาธกิ ารคณะกรรมการแห่งชาติ วา่ ด้วยการศึกษา วิทยาศาสตรแ์ ละวฒั นธรรมแหง่ สหประชาชาติ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร เมื่อ ปี พ.ศ. ๒๕๒๖ นอกจากนี้ ยังทรงพระราชนิพนธ์เพลงแป็นจ่านวนมาก โดยบทเพลงทีด่ งั และน่ามาขบั ร้องบ่อยครง้ั ได้แก่ เพลง สม้ ต่า รวมท้ัง ยงั ทรงประพันธค์ ่าร้องในบทเพลงพระราช นพิ นธใ์ นพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถ บพติ ร ได้แก่ เพลงรัก และเพลงเมนูไข่ •
Search
Read the Text Version
- 1 - 32
Pages: