Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Lifestyle_and_OA_knee

Lifestyle_and_OA_knee

Published by Thalanglibrary, 2020-11-12 11:07:42

Description: Lifestyle_and_OA_knee

Search

Read the Text Version

ÇÔ¶ÕªÕÇµÔ ¡Ñº รศ.ดร.พญ.ภทั รวณั ย วรธนารัตน



ÇÔ¶ÕªÕÇµÔ ¡Ñº รศ.ดร.พญ.ภทั รวณั ย วรธนารัตน



วิถีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 1 วิถชี ีวติ กบั โรคข้อเข่าเส่ือม รศ.ดร.พญ.ภทั รวณั ย์ วรธนารัตน์

2 | วิถีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เสอื่ ม วถิ ีชวี ิตกับโรคข้อเข่าเส่ือม รศ.ดร.พญ.ภทั รวณั ย์ วรธนารัตน์ ท่มี าและความสาคัญของปัญหา ทา่ มกลางการเปลี่ยนแปลงอยา่ งรวดเร็วของสงั คมโลก ทงั้ ในเรื่องการปรับเปลี่ยนวิถี ชีวิตไปในแบบตะวนั ตกมากขนึ ้ และการเตบิ โตของภาวะสงั คมสงู อายุ ปัจจยั หลกั ๆ เหลา่ นี ้ เป็นต้นเหตขุ องปัญหาสขุ ภาวะของประชาชนที่มีแนวโน้มเพ่ิมขึน้ เรื่อยๆ ดงั จะเห็นได้จาก รายจ่ายด้านสขุ ภาพของประเทศท่ีสงู ขนึ ้ ในแตล่ ะปี โดยเฉพาะอยา่ งยิ่งปัญหาโรคเรือ้ รังใน ประชากรกลมุ่ ตา่ งๆ ดงั นนั้ เพ่ือให้ประเทศไทยสามารถท่ีจะมีข้อมลู สาคญั ในการเตรียมตวั ตอบสนองต่อ ภาวะคกุ คามข้างต้นได้ดีขนึ ้ เครือข่ายระบาดวิทยาสงั คมแห่งประเทศไทยจึงเห็นควรท่ีจะ ริเริ่มการรวบรวมองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกบั วิถีชีวิตและบริบทแวดล้อมในสงั คมท่ีมีผลต่อ โรคเรือ้ รังท่ีเป็นภาระโรคอนั ดบั ต้นๆ ของประเทศ ขอบเขตการทบทวนวรรณกรรมและศึกษาสถานการณ์ ศกึ ษาทบทวนวรรณกรรมและสถานการณ์ เพื่อวิเคราะห์ สงั เคราะห์แนวทางการ ดาเนนิ งานเชิงระบบที่เหมาะสมกบั ประเทศไทย โดยครอบคลมุ หวั ข้อตา่ งๆ ดงั นี ้  องค์ความรู้ในต่างประเทศ และในประเทศไทยเกี่ยวกับวิถีชีวิตของ ประชากรในลักษณะต่างๆ ท่ีได้ รับการศึกษาวิจัยแล้ วพบว่ามี ความสัมพันธ์ในแง่ของบทบาทในลักษณะปัจจัยเส่ียง ปัจจัยป้องกัน ปัจจยั หนนุ เสริม และปัจจยั ลดทอน ตอ่ ภาวะข้อเขา่ เส่ือม ทงั้ ในผ้ทู ี่ยงั ไมม่ ี ภาวะข้อเขา่ เสอื่ ม และในผ้ทู ี่มีภาวะข้อเข่าเสอ่ื มแล้ว

วิถีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 3  องค์ความรู้ในตา่ งประเทศ และในประเทศไทยเก่ียวกบั บริบทแวดล้อมที่ ได้ รั บการศึกษาวิจัยแล้ วพบว่ามี ความสัมพันธ์ ในแง่ของบทบาทใน ลกั ษณะปัจจัยเสี่ยง ปัจจยั ป้องกัน ปัจจยั หนุนเสริม และปัจจยั ลดทอน ตอ่ ภาวะข้อเข่าเส่อื ม ทงั้ ในผ้ทู ่ียงั ไมม่ ีภาวะข้อเข่าเสื่อม และในผ้ทู ่ีมีภาวะ ข้อเข่าเสือ่ มแล้ว  บทวิเคราะห์จดุ แขง็ จดุ ออ่ น โอกาสในการพฒั นา และภาวะคกุ คาม ของ ประเทศไทยในการตอบสนองตอ่ ปัญหาภาวะข้อเขา่ เสือ่ ม  ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อพัฒนาระบบในสังคมไทยให้สามารถ ตอบสนองตอ่ ปัญหาภาวะข้อเขา่ เสอื่ มในอนาคตได้ดยี ิง่ ขนึ ้ โรคข้อเข่าเส่ือม โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคท่ีพบบอ่ ยมากที่สดุ โรคหน่ึงในประชากรทว่ั โลก โดยเฉพาะ ผ้ทู ่ีมีอายุ 50 ปีขนึ ้ ไปพบอบุ ตั กิ ารณ์การเกิดข้อเข่าเสื่อมตัง้ แตร่ ้อยละ 15.6 (Framingham Study)1 ร้อยละ 27.8 ใน the third National Health and Nutrition Examination Survey (NHANES III) 2 ร้อยละ 16.1 ในประเทศจีน3 ร้อยละ 21.2 ในประเทศญ่ีป่ นุ 4 ร้อยละ 37.8 ในประชากรสงู อายุ ประเทศเกาหลี5 ร้อยละ 6-35 ในคนไทย6-7และร้อยละ 60 ในพระสงฆ์ของไทย8 โรคข้อเข่าเสื่อม มีคาจากดั ความตามเกณฑ์การวินิจฉยั โรคข้อเข่าเส่ือมของ The American College of Rheumatology (ACR)9 ดงั นี ้ มีอาการปวดข้อเขา่ และมีป่ มุ กระดกู งอกในภาพรังสีของข้อเขา่ และมีลกั ษณะดงั ตอ่ ไปนีอ้ ยา่ งน้อย 1 ข้อ ได้แก่ 1. อายมุ ากกวา่ 50 ปี 2. ข้อฝืดตงึ น้อยกวา่ หรือเทา่ กบั 30 นาที 3. มีเสยี งกรอบแกรบ (crepitus) มีข้อเขา่ เคลื่อนไหว

4 | วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม การแบ่งความรุนแรงของโรคใช้การแบ่งของ Kellgren-Lawrence grading system10 โดยขนั้ โรคที่ศนู ย์ แสดงถึงไม่มีภาวะโรคข้อเข่าเสื่อม ขนั้ โรคที่หนึ่งแสดงป่ มุ กระดกู งอกบริเวณข้อเข่าเล็กน้อย ขนั้ โรคที่สองมีป่มุ กระดกู งอกชดั เจน ขนั้ โรคท่ีสามมีช่อง ข้อเข่าแคบลง และขนั้ โรคท่ีสม่ี ีชอ่ งข้อแคบลงชดั เจนร่วมกบั มีเนือ้ ใต้กระดกู ออ่ นกระด้าง สาหรับในประเทศไทย โรคข้อเขา่ เสื่อมจดั เป็นภาระโรคท่ีมีความสาคญั เป็นอนั ดบั 611 โรคนีเ้ กิดขึน้ เนื่องจากผิวข้อเข่าเส่ือมสภาพและหลุดลอก ทาให้เกิดอาการข้อเข่า อกั เสบ หากไมไ่ ด้รับการรักษาท่ีถกู ต้องและเหมาะสม ภาวะนีจ้ ะรุนแรงขนึ ้ จนกระดกู ผิวข้อ ทรุดตวั แนวกระดกู ขาโก่งหรือเกผิดรูป ซึ่งอาจทาให้ทุพพลภาพจนไม่สามารถเดินได้ ตามปกติ ปัจจยั เส่ียงของการเกิดโรคได้แก่ ภาวะอ้วน เพศหญิง การใช้งานของข้อเขา่ มาก เกินไปหรือใช้ผิดวิธี การบาดเจ็บของข้อเข่า พนั ธุกรรม การสบู บุหร่ี ฯลฯ ถึงแม้ว่ามีองค์ ความรู้เก่ียวกบั ปัจจยั บางอย่างท่ีน่าจะช่วยป้องกนั โรคข้อเข่าเสื่อม เช่น การงดนง่ั กบั พืน้ การฝึกกล้ามเนือ้ รอบข้อเข่า การฝึกโยคะ การราไท้ เก๊ก เป็นต้น แต่ก็ยงั ไม่ได้เป็นท่ีทราบ และนาไปปฏิบตั ิกนั อย่างแพร่หลายในปัจจบุ นั มีวิธีการรักษาโรคนีม้ ากมายหลายวิธี ได้แก่ การฝึกกล้ามเนือ้ การงดการงอเข่ามากๆ การให้ยาลดอาการปวดอกั เสบ การให้ยากล่มุ สารธรรมชาติที่มีองค์ประกอบของกระดกู อ่อน การฉีดสารเข้าข้อ การส่องกล้องล้างข้อเข่า ไปจนถงึ การผา่ ตดั จดั กระดกู และการเปลย่ี นข้อเข่าเทียม กระบวนการรักษาเหลา่ นีต้ ้องเสีย ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสงู เช่น การเปลี่ยนข้อเข่าเทียมปฐมภูมิในโรงพยาบาลรัฐมีค่าใช้จ่าย ประมาณ 1 แสนบาทตอ่ ราย ในภาวะท่ีสงั คมไทยจะเข้าสสู่ งั คมผ้สู งู อายภุ ายใน 10-15 ปีข้างหน้าและมีสดั สว่ น ผู้สูงอายุมากกว่าร้ อยละ 10 หากสามารถหาแนวทางการป้องกันโรคนีไ้ ด้ น่าจะทาให้ คณุ ภาพชีวิตของประชากรไทยวยั สงู อายดุ ีขนึ ้ และลดคา่ ใช้จ่ายที่ต้องลงทนุ กบั โรคนีเ้พื่อให้

วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 5 ทางรัฐสามารถผนั เงินไปใช้จ่ายด้านสุขภาพในโรคอื่นท่ีจาเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สงู สดุ วถิ ชี วี ิตท่มี ีผลต่อการเกดิ โรคข้อเข่าเส่ือม โรคข้อเขา่ เสือ่ มเกิดจากพหปุ ัจจยั ทงั้ ทางพนั ธกุ รรม เพศหญิง นา้ หนกั ตวั ท่ีมากเกิน การงอเข่า การน่ังกับพืน้ การได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเข่า และมวลกระดูก จ ากการ วิเคราะห์พหปุ ัจจยั ดงั กลา่ วพบวา่ ปัจจยั ทางพนั ธุกรรมและเพศนนั้ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ได้ ในทางตรงกนั ข้ามปัจจยั อื่นๆ ท่ีเกี่ยวข้องกบั วิถีชีวิตนนั้ น่าจะนาไปสกู่ ารปอ้ งกนั โรคใน อนาคตได้ หากสามารถปรับวิถีชีวิตให้เหมาะสม นอกจากนีอ้ าจช่วยให้ผ้ทู ่ีเป็นโรคข้อเข่า เส่ือมสามารถปรับวิถีชีวิตได้ดีขึน้ สามารถอยู่ร่วมกบั โรคข้อเข่าเส่ือมได้อย่างมีคณุ ภาพ และอาจชว่ ยชะลอความรุนแรงของโรคได้อีกทางหนงึ่ พหปุ ัจจยั ที่เป็นสาเหตขุ องโรคข้อเขา่ เส่ือม แสดงแผนภมู คิ วามคดิ รวบยอดได้ดงั นี ้ รูปท่ี 1 ความคดิ รวบยอดของวิถีชีวติ ที่เก่ียวข้องกบั โรคข้อเข่าเสื่อม

6 | วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเข่าเส่อื ม จากรูปท่ี 1 ท่ีแสดงความคดิ รวบยอดพบวา่ พหปุ ัจจยั ท่ีอาจมีผลตอ่ โรคข้อเข่าเสื่อม แบง่ ได้เป็น 2 ประเภทดงั นี ้ 1. ปัจจยั เสี่ยง ได้แก่ ความอ้วนซง่ึ เกิดจากการรับประทานอาหารมากเกินความ ต้องการและการไม่ออกกาลังกาย อาชีพที่ต้องยกของหนัก การงอข้อเข่า มากๆ หรือซา้ ๆ วิถีชีวิตบนพืน้ การบาดเจ็บบริเวณข้อเข่าจากการกีฬาหรือ การได้รับอบุ ตั ิเหตุ 2. ปัจจยั ปอ้ งกนั ได้แก่ การออกกาลงั กายกล้ามเนือ้ เข่า โยคะ ไท้เก๊ก พหปุ ัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การชะลอหรือทวีความรุนแรงของโรคข้อเขา่ เสื่อมแบง่ ได้เป็น 2 ประเภท ดงั นี ้ 1. ปัจจยั หนนุ เสริม ได้แก่ ความอ้วน อาชีพที่ต้องยกของหนกั วิถีชีวิตบนพืน้ การ บาดเจ็บบริเวณข้อเขา่ 2. ปัจจยั ลดทอน ได้แก่ การออกกาลงั กายกล้ามเนือ้ เขา่ โยคะ ไท้เก๊ก วิถีชีวิตท่มี ีผลต่อการเกิดโรคข้อเข่าเส่ือม การอุปโภค/บริโภค ในสงั คมปัจจบุ นั วิถีชีวิตของคนไทยได้ปรับเปลี่ยนไปตามวฒั นธรรมตะวนั ตก ทงั้ ในด้านอาหารการกินท่ีอดุ มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต ไขมนั สงู กากใยตา่ ประกอบกบั อปุ กรณ์ อานวยความสะดวกในชีวติ ประจาวนั ที่มีมากขนึ ้ ทาให้ร่างกายมีการเผาผลาญพลงั งานลด น้อยลงมาก เกิดปัญหาโรคอ้วนตามมา วิถีชีวติ เช่นนีไ้ ด้รับการระบแุ นช่ ดั วา่ กอ่ ให้เกิดความ เส่ียงตอ่ โรคข้อเขา่ เสอ่ื มดงั ที่จะได้ขยายความตอ่ ไป การรับประทานอาหารกับความอ้วน ข้ อเข่าของคนเราประกอบด้ วยกล้ ามเนือ้ เอ็น กระดูกอ่อน กระดูกและ เส้นประสาท ซง่ึ ถือเป็นปัจจยั ภายในท่ีสาคญั ปัจจยั ภายนอกท่ีช่วยในการประคบั ประคอง

วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 7 ให้ข้อเข่ายงั คงสภาพดีประกอบด้วย การฝึกกล้ามเนือ้ การใช้ งานและอาหาร13 การได้รับ แรงกระทาที่มากผิดปกตเิ ป็นระยะเวลานานๆ ไม่วา่ จะเกิดจากนา้ หนกั ตวั การใช้งานหนกั หรือใช้งานข้อเข่าท่ีผิดวิธี อาจทาให้กระดกู ออ่ นในข้อเขา่ เกิดการสกึ หรอ นาไปสกู่ ารอกั เสบ และการเส่อื มของข้อเข่าในท่ีสดุ ความอ้วนเป็นปัญหาที่สาคญั ระดบั โลก ในปัจจุบันคนไทยนิยมบริโภคอาหาร ตะวนั ตกมากขนึ ้ และมีแนวโน้มเกิดโรคอ้วนมากขนึ ้ จากรายงานของกระทรวงสาธารณสขุ ในปีพ.ศ.2555 พบวา่ คนไทยมีภาวะนา้ หนกั เกินจนถึงระดบั อ้วน เป็นจานวนมากกว่า 17 ล้านคน (http://www.anamai.moph.go.th) ในเดก็ กอ่ นวยั เรียนพบโรคอ้วนร้อยละ 7.9 ใน เด็กวยั เรียนพบโรคอ้วนประมาณร้อยละ 6.7 (http://m.thaihealth.or.th) ในวยั ผ้ใู หญ่พบ ร้อยละ 32 นา้ หนกั ตวั ที่มากสง่ ผลให้ข้อตา่ งๆ ต้องรับนา้ หนกั มาก โดยเฉพาะข้อเขา่ ที่พบมี ความเส่ียงตอ่ การเสื่อมมากกวา่ ข้อสะโพก14 จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่านา้ หนกั ตวั มีผลต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม ผลการวิจยั ของ the Norwegian HUNT ในประเทศสวีเดน โดย Mork PJ และคณะ14 ในปี 2555 ศกึ ษาประชากรชาวสวีเดนที่เป็นหญิงจานวน 15,191 ราย และชายจานวน 14,766 ราย เมื่อติดตามประชากรเป็นระยะเวลาทงั้ สนิ ้ 11 ปี พบวา่ ประชากรอ้วนที่มีดชั นีมวลกาย ตงั้ แต่ 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตร เสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมอย่างมีนยั สาคญั ทาง สถิติเม่ือเปรียบเทียบกบั ประชากรปกติที่มีนา้ หนกั น้อยกว่า 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร โดยเมื่อควบคมุ ปัจจยั ท่ีอาจมีผลต่อการเกิดข้อเข่าเสื่อมได้แก่ อายุ การสบู บุหรี่ การออก กาลงั กายและอาชีพ พบวา่ ประชากรหญิงท่ีอ้วนมี relative risk ตอ่ การเกิดโรคข้อเขา่ เสื่อม เท่ากบั 4.37 เท่า และช่วงความเชื่อมนั่ ร้อยละ 95 (3.01-6.33) สว่ นประชากรชายท่ีอ้วนมี relative risk เท่ากบั 2.78 เท่า และช่วงความเชื่อมนั่ ร้อยละ 95 (1.59-4.84) เนื่องจาก นา้ หนักตัวท่ีมากเกินทาให้มีแรงกระทาต่อข้อเข่าสูงกว่าปกติ นอกจากนีย้ ังพบ

8 | วถิ ีชีวติ กบั โรคข้อเขา่ เสื่อม ความสมั พนั ธ์ระหว่างนา้ หนกั ตวั ที่มากขนึ ้ กบั ความเสี่ยงตอ่ การเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมท่ีมาก ขนึ ้ (dose-response relationship) อย่างมีนยั สาคญั ทางสถิตทิ งั้ ในประชากรหญิงและ ชาย (p < 0.01) ผลการวิจยั ดงั กลา่ วสนบั สนนุ การวจิ ยั ท่ีผา่ นมาเป็นอยา่ งดี15-17 เก่ียวกบั แรงกระทา ของนา้ หนกั ตวั ตอ่ กระดกู ออ่ นข้อเขา่ ท่ีมากขนึ ้ จะทาให้มีความเส่ียงตอ่ การเกิดข้อเข่าเส่ือม มากขึน้ อยา่ งชดั เจน รวมทงั้ systematic review ในปี 255518 ท่ีได้รวบรวมการศกึ ษาจาก ทวั่ โลกตงั้ แตป่ ี 2542-2553 จานวนทงั้ สนิ ้ 21 การศกึ ษา พบว่าความอ้วนมีผลตอ่ การเกิด ข้อเข่าเส่ือมทกุ การศกึ ษา โดยมีความเสี่ยงรวม 1.4 เท่า (pooled relative risk 1.35 และ ช่วงความเชื่อมนั่ ร้อยละ 95 เท่ากบั 1.21-1.51) ความอ้วนถือเป็นปัจจยั เส่ียงอิสระ (independent risk) ของข้อเขา่ เส่ือมอย่าง แท้จริง อธิบายโดย ความอ้วนทาให้เกิดแรงกระทาตอ่ ข้อเข่าเพ่ิมมากขนึ ้ 19 ไขมนั ท่ีสะสมใน กล้ามเนือ้ และส่วนต่างๆ ของร่างกายกระต้นุ ให้เกิดอาการอกั เสบของข้อเข่า กล้ามเนือ้ ท่ี ออ่ นแรงประกอบกบั ไขมนั ที่สะสมมากและนา้ หนกั ตวั เกินขนาดทาให้เกิดการเดินและแรง กระทาตอ่ ข้อเข่าท่ีผิดปกติ ซง่ึ ในภาวะปกติ แรงกระทาตอ่ ข้อเข่าขณะเดนิ จะมีคา่ ประมาณ 3-5 เท่าของนา้ หนกั ตวั หากมีการวิ่งร่วมด้วย แรงกระทาต่อข้อเข่าอาจสงู ถึง 10-14 เท่า ของนา้ หนักตัว ซึ่งกระดูกอ่อนในข้อเข่าที่สามารถรับแรงกระทาได้ 3000 ปอนด์ต่อ ตารางนิว้ 20 อาจไมส่ ามารถทนตอ่ แรงกระทาในคนอ้วนได้ ทงั้ หมดนีท้ าให้เกิดข้อเขา่ เส่ือม ในที่สดุ 19 ซง่ึ หากสามารถควบคมุ นา้ หนกั ให้เป็นปกติน่าจะลดโอกาสเกิดข้อเข่าเส่ือมใน ประชากรได้ถงึ ร้อยละ 37 (Population attributable risk 37%)17 สาหรับการศกึ ษาในประเทศไทยพบวา่ นา้ หนกั ตวั ที่มากก่อให้เกิดโรคข้อเขา่ เส่ือม เช่นเดียวกนั 21 โดยดชั นีมวลกาย <20, 20-24-9, 25-29.9 และ 30 กิโลกรัมตอ่ ตารางเมตร

วิถีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 9 พบอบุ ตั กิ ารณ์ของโรคข้อเขา่ เสื่อมร้อยละ 34.6, 39.4, 55.8 และ 77.1 ตามลาดบั หากลด นา้ หนกั ได้ดปี ระมาณการณ์วา่ จะลดโอกาสเกิดข้อเขา่ เสอื่ มในประชากรไทยได้ร้อยละ 1622 การสูบบุหรี่ การสบู บหุ รี่ได้รับการกลา่ วถึงว่าอาจเป็นสาเหตขุ องการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม จาก การทบทวนวรรณกรรมพบว่า การสบู บุหร่ีไม่มีความสมั พนั ธ์กับการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม (Hart DJ และ Spector TD 199323) และบางการศกึ ษาพบวา่ การสบู บหุ รี่ลดโอกาสเกิด โรคข้อเข่าเส่ือม จากการศกึ ษาของ Vrezas I และคณะ17 ในกลมุ่ ผ้ปู ่ วยท่ีมีอาการของโรค ข้อเข่าเสื่อม 295 รายและกลมุ่ ควบคมุ 315 ราย พบวา่ การสบู บหุ รี่ตงั้ แตม่ ากกวา่ 0 ซองปี ไปจนกระทง่ั ถึงมากกว่า 55.5 ซองปี (pack years) ไม่มีความสมั พนั ธ์กบั การเกิดโรคข้อ เข่าเสื่อม ดงั นนั้ การสบู บุหร่ีไม่พบว่ามีความเก่ียวข้องกบั การเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมอย่างมี นยั สาคญั การอยู่อาศยั วิถีการใช้ชีวิตกับพืน้ ถือเป็นความเส่ียงอีกประการหน่ึงของโรคข้อเข่าเสื่อม เน่ืองจากการนงั่ กบั พืน้ มกั ทาในท่าพบั เพียบหรือขดั สมาธิในท่างอเข่ามากกว่า 120 องศา หรือแม้แตก่ ารลงไปนง่ั กบั พืน้ ก็เกิดการงอเข่าในท่ายองก่อนจะลงนง่ั พืน้ หากทาซา้ ๆจะมี ความเสี่ยงตอ่ โรคข้อเข่าเสือ่ ม24 จากการศึกษาคนท่ีมีอายุมากกว่า 40 ปีในประเทศไทยโดยรองศาสตราจารย์ นายแพทย์บญุ สิน ตงั้ ตระกลู วณิชย์21 พบวา่ วิถีการใช้ชีวิตกบั พนื ้ ซงึ่ มีการงอเข่าดงั กลา่ วจน เป็นกิจวตั รเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมชนิดท่ีมีอาการและภาพรังสีข้อเข่า ผิดปกติ 2.3 เท่า (ช่วงความเชื่อมน่ั ร้อยละ 95: 1.3-4.1) เมื่อเปรียบเทียบกบั กล่มุ ที่มีอายุ และเพศเดียวกนั ท่ีนงั่ กบั พืน้ เป็นระยะเวลาน้อย การนงั่ ยองๆ การนงั่ ขดั สมาธิและการนงั่ พบั เพียบเพิ่มความเสี่ยงตอ่ การเกิดโรคนี ้1.9, 2.0 และ 2.4 เท่าตามลาดบั การศกึ ษานีย้ งั

10 | วถิ ีชีวติ กบั โรคข้อเข่าเส่อื ม มีข้อจากดั ด้านการได้มาซงึ่ ข้อมลู ในอดตี ท่ีอาจมีอคติได้ อย่างไรก็ตามการนงั่ ในลกั ษณะนี ้ นิยมในชาวชนบทในประเทศไทยและประเทศเพ่ือนบ้านในแถบเอเชีย การงอเข่ามากเกิน 120 องศาจะทาให้เกิดแรงกดและแรงเฉือนตอ่ กระดกู ออ่ นภายในข้อเข่า 5 และ 3 เท่าของ นา้ หนักตวั ตามลาดบั โดยมีผลต่อกระดูกอ่อนในข้อเข่าบริเวณกระดูกต้นขาส่วนปลาย กระดกู น่องส่วนต้นและกระดกู สะบ้า และอาจช่วยอธิบายเหตผุ ลที่พบโรคข้อเข่าเส่ือมใน ประเทศแถบเอเชียสงู กวา่ ประเทศตะวนั ตก ทงั้ ที่คนเอเชียมีนา้ หนกั ตวั สมั พทั ธ์น้อยกวา่ คน ในประเทศตะวนั ตก อย่างไรก็ดีจากการศกึ ษาความสมั พนั ธ์ระหว่างการนงั่ กบั พืน้ และข้อ เข่าเส่อื มในพระสงฆ์25 พบวา่ การนง่ั กบั พืน้ ไมม่ ีความสมั พนั ธ์กบั การเกิดข้อเขา่ เส่ือม แม้ว่า การศึกษาก่อนหน้านีจ้ ะพบอบุ ตั ิการณ์ข้อเข่าเส่ือมในพระสงฆ์สงู ถึงร้อยละ 608 อธิบาย จากพระสงฆ์มีกิจวตั รที่ต้องนง่ั ทาวตั รเป็นระยะเวลาสนั้ ๆ ไม่มีการยกของหนักร่วมด้วย นอกจากนีห้ ลกั ศาสนาพุทธท่ีใช้กายสติ มีการขยบั เคล่ือนไหวช้าและนุ่มนวล ทาให้แรง กระทาต่อข้อเข่าไม่มากเกินไป อย่างไรก็ดีการศึกษานีม้ ีข้อจากัดเร่ืองอคติด้านความ น่าเช่ือถือของการสอบถามข้อมลู การนง่ั กบั พืน้ ในอดตี (recall bias) พระสงฆ์ท่ีเป็นโรคข้อ เข่าเส่ือมมีแนวโน้มท่ีจะนง่ั กบั พืน้ น้อยลง ทาให้ไมแ่ ตกตา่ งจากกลมุ่ ที่ยงั ไมเ่ ป็นโรคข้อเข่าเสือ่ ม การนอนหลับ/พกั ผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากการขาดการออกกาลงั กายมกั ทาให้กล้ามเนือ้ เข่าอ่อนแรง นาไปส่กู าร เกิดแรงกระทาตอ่ ข้อเข่าที่มากเกิน เป็นเหตใุ ห้เกิดโรคข้อเข่าเส่ือมได้ แล้ววิธีการออกกาลงั กายทัง้ การเล่นกีฬาและการบาดเจ็บจากกีฬาจะเป็นสาเหตุทาให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อม หรือไม่อย่างไร จากการศกึ ษา the Norwegian HUNT ของ Mork PJ และคณะ14 ใน ประชากรชาวนอร์เวย์เพศหญิงจานวน 15,191 คน และเพศชายจานวน 14,766 คน ท่ีมี อายุ 20 ปีขนึ ้ ไปและได้รับการตดิ ตามมากกวา่ 10 ปี พบวา่ การออกกาลงั กายไมม่ ีสว่ นเพิ่ม โอกาสเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมแม้ว่าจะมีนา้ หนกั ตวั มาก โดยพบว่าคนอ้วนท่ีมีดชั นีมวลกาย

วิถีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 11 ตงั้ แต่ 30 กิโลกรัมตอ่ ตารางเมตรขนึ ้ ไป เมื่อออกกาลงั กายเบาๆ (ไม่มีเหง่ือและไม่เหนื่อย) และการออกกาลงั กายหนกั (มีเหงื่อออกมากและเหน่ือยหอบ) มีความสมั พนั ธ์กบั การเกิด ข้อเขา่ เส่ือมอย่างไมม่ ีนยั สาคญั ทางสถิติเม่ือควบคมุ ปัจจยั ท่ีเก่ียวข้องได้แก่ อายุ เพศ การ สบู บหุ รี่และอาชีพ โดยมีความเส่ียงเพิ่มขนึ ้ ร้อยละ 9 (adjusted relative risk 0.89 ช่วง ความเช่ือมน่ั ร้อยละ 95: 0.48-1.65) และร้อยละ 16 (adjusted relative risk 1.16, ช่วง ความเช่ือมนั่ ร้อยละ 95: 0.48-2.82) ตามลาดบั เมื่อเปรียบเทียบกบั กล่มุ คนอ้วนที่ออก กาลงั กายน้อยกว่า 1 ครัง้ ตอ่ สปั ดาห์และสาหรับคนท้วมที่มีดชั นีมวลกายตงั้ แต่ 25-29.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึน้ ไป เมื่อออกกาลังกายเบาๆและการออกกาลังกายหนักมี ความสมั พนั ธ์กบั การเกิดข้อเขา่ เส่ือมอย่างไมม่ ีนยั สาคญั ทางสถิติ โดยมีความเส่ียงเพ่ิมขนึ ้ ร้อยละ 6 (adjusted relative risk 1.06, ช่วงความเชื่อมน่ั ร้อยละ 95: 0.71-1.59) และ เพ่ิมขนึ ้ ร้อยละ 20 (adjusted relative risk 1.20 ช่วงความเช่ือมนั่ ร้อยละ 95: 0.75-1.91) ตามลาดบั เมื่อเปรียบเทียบกบั กล่มุ คนท้วมท่ีออกกาลงั กายน้อยกว่า 1 ครัง้ ต่อสปั ดาห์ อยา่ งไรก็ดีการศกึ ษานีแ้ ม้จะเป็นการศกึ ษาไปข้างหน้าเป็นระยะเวลามากกวา่ 10 ปี แตม่ ี ข้อจากดั คอื ไม่ได้กลา่ วถึงชนิดของการออกกาลงั กายวา่ เป็น high impact sport และไมม่ ี ข้อมลู ของการบาดเจ็บบริเวณข้อเข่าซ่งึ น่าจะมีผลต่อการเกิดข้อเข่าเส่ือม และการให้การ วินิจฉยั วา่ เป็นโรคข้อเขา่ เสื่อมใช้เป็นเพียง self-report เท่านนั้ คณะผ้วู ิจยั ได้สรุปว่ายงั ไม่มี ข้ อมูลเพียงพอที่จะคัดค้ านการออกกาลังกาย เน่ืองจากการออกกาลังกายไม่มี ความสมั พนั ธ์กบั การเกิดโรคข้อเขา่ เส่อื มอย่างชดั เจนในปัจจบุ นั มีการศึกษาที่สนบั สนุนว่าการออกกาลงั กายไม่มีผลต่อการเกิดโรคข้อเข่าเส่ือม ได้แก่ การศกึ ษาของ Panush RS และคณะ26 ที่รวบรวมข้อมลู ของนกั วิ่งชายจานวน 17 คนท่ีว่ิงอย่างน้อย 28 ไมล์ตอ่ สปั ดาห์เป็นเวลานาน 12 ปี เปรียบเทียบกบั กลมุ่ ควบคมุ ที่ ไมไ่ ด้ว่งิ ออกกาลงั กาย พบวา่ ไมม่ ีความแตกตา่ งระหวา่ งอาการปวดบวม อาการทางกระดกู

12 | วถิ ีชีวติ กบั โรคข้อเข่าเสือ่ ม และกล้ามเนือ้ และความผิดปกติในภาพรังสี ในขณะท่ี Sohn RS และ Micheli LJ27 ทาการศกึ ษานกั วิ่ง cross-country จานวน 504 ราย ไมพ่ บความแตกตา่ งของอาการปวด ข้อระหว่างนกั วิ่งที่ว่ิงระยะทางน้อยกับระยะทางมาก อย่างไรก็ดีทงั้ สองการศึกษานีย้ งั มี ข้อจากดั โดยการศกึ ษาแรกไม่มีข้อมลู ของเพศหญิงและมีจานวนประชากรท่ีทาการศกึ ษา เป็นจานวนน้อย ในขณะที่การศึกษาท่ีสองไม่มีกลุ่มควบคุมท่ีไม่เป็นนักว่ิง ทาให้ไม่ สามารถสรุปความสมั พนั ธ์ระหว่างการวิ่งกับการเกิดข้อเข่าเส่ือมได้ชดั เจน ต่อมา Lane และคณะ28 ได้ทาการศกึ ษานกั ว่ิงจานวน 27 รายและกลมุ่ ควบคมุ ที่จบั คดู่ ้วยอายุ พบวา่ เม่ือติดตามผลเป็นระยะเวลา 8 ปี การเกิดโรคข้อเสื่อมมีความก้าวหน้าไม่แตกต่างกนั ระหว่างสองกลมุ่ สอดคล้องกบั การศกึ ษาของ Konradsen L และคณะ29 ที่ทาการตดิ ตาม นกั วิ่งและกล่มุ ควบคมุ ท่ีจบั คู่ด้วยอายุจานวนกล่มุ ละ 27 รายเป็นระยะเวลา 40 ปี และ การศกึ ษาของ Chakravarty EF30 ที่ตดิ ตามนกั วิ่งจานวน 45 รายและกลมุ่ ควบคมุ จานวน 53 ราย เป็นระยะเวลา 18 ปี ในทางตรงกนั ข้าม ผลการศกึ ษาของ McDermott M และ Freyne P31 เก่ียวกบั ความสมั พนั ธ์ระหว่างการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมในนกั ว่ิงที่มีอาการปวดเข่า พบว่านกั ว่ิงที่มี อาการปวดเข่าจานวน 20 ราย มีภาพรังสีปรากฏเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมจานวน 6 ราย ซงึ่ มี ประวตั ิข้อเข่าเสื่อมและขาโก่งร่วมด้วย ทาให้ไม่สามารถสรุปได้ว่าการว่ิงทาให้เกิดข้อเข่า เส่ือมจริงหรือไม่ การศกึ ษาของ Cheng Y และคณะ32 ในผ้ปู ่ วย 17,000 รายพบว่าการ ออกกาลงั กายอย่างหนกั มีความสมั พนั ธ์กบั การเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมในผ้ปู ่ วยที่มีอายนุ ้อย กวา่ 50 ปี แตไ่ มม่ ีความสมั พนั ธ์ในผ้ปู ่วยท่ีมีอายมุ ากกวา่ หรือเทา่ กบั 50 ปี ชนิดของการออกกาลังกายอาจมีผลต่อการเกิดโรคข้ อเข่าเส่ือมได้ ไม่เท่ากัน โดยเฉพาะกีฬาที่มีแรงปะทะมาก อาจทาให้ข้อเข่าได้รับแรงกระทามากเกิน เป็นผลให้ข้อ เข่าสึกหรอได้ จากการศกึ ษาของ Vrezas I และคณะ17 พบว่าการเล่นฟุตบอล เกินกว่า

วิถีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่ือม | 13 4,000 ชว่ั โมง การเล่นวอลเลย์บอล บาสเกตบอลและแฮนด์บอล เป็นเวลานานเกินกว่า 2,100 ชวั่ โมง และการข่ีจกั รยานเกินกว่า 1,050 ชวั่ โมง มีความเส่ียงตอ่ การเกิดโรคข้อเขา่ เส่ือมตงั้ แต่ 2.2-4.0 เท่า ในขณะท่ีการออกกาลงั กายโดยการว่ิง วา่ ยนา้ ไม่มีความสมั พนั ธ์ กบั การเกิดโรคข้อเขา่ เส่ือมอย่างมีนยั สาคญั ทางสถิติ อยา่ งไรก็ดกี ารศกึ ษาเหลา่ นีม้ ีอคตใิ น การวดั เนื่องจากการสอบถามข้อมลู ย้อนหลงั จะเห็นได้ว่าการออกกาลงั กายท่ีต้องใช้แรงมากหรือมีการปะทะมีส่วนทาให้เกิด โรคข้อเข่าเส่ือม หากไม่ใช่กีฬา ส่วนการออกกาลงั กายชนิดอื่นๆยังสรุปผลไม่ได้แน่ชัด ดงั นนั้ การออกกาลงั กายน่าจะยงั มีความจาเป็นในชีวิตประจาวนั เนื่องจากทาให้ร่างกาย แขง็ แรงและชว่ ยควบคมุ นา้ หนกั ไม่ให้อ้วน ซงึ่ เป็นที่ทราบกนั ดแี ล้วว่าความอ้วนเป็นสาเหตุ ของโรคข้อเขา่ เสอ่ื ม การมีสัมพนั ธ์กับคนรัก/คนใกล้ชดิ การมีสมั พันธ์กับคนรัก/คนใกล้ชิดมีส่วนทาให้เกิดข้อเข่าเส่ือมหรือไม่ จากการ ทบทวนวรรณกรรมไมพ่ บวา่ ทา่ ทางหรือการมีสมั พนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชิดเป็นสาเหตทุ าให้ เกิดข้อเข่าเสื่อมโดยตรง อยา่ งไรก็ดีท่างอเข่าจากกิจกรรมดงั กลา่ วอาจมีความเสี่ยงตอ่ การ เกิดโรคข้อเข่าเส่ือมในเพศหญิง จากการศึกษาอาชีพท่ีต้องนงั่ คกุ เข่า24 พบว่าต้องคกุ เข่า นานกว่า 30-60 นาทีจึงจะมีความเส่ียงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม อย่างไรก็ดีหากมี นา้ หนกั ตวั มากร่วมกบั การคกุ เข่า อาจเพิ่มความเส่ียงตอ่ การเป็นโรคข้อเข่าเส่ือมถึง 14.7 เท่า ผลการวิจยั นีย้ งั ไม่สามารถนามาประยุกต์ใช้เพ่ือตอบคาถามความสมั พนั ธ์ระหว่าง การมีสมั พนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชิดกบั การเกิดโรคข้อเขา่ เสื่อมได้อย่างชดั เจน จาเป็นต้องมี งานวจิ ยั รองรับสมมติฐานนีใ้ นอนาคต

14 | วถิ ีชีวติ กบั โรคข้อเข่าเส่ือม การส่ือสาร การสื่อสารมีผลกระทบหรือเป็นสาเหตขุ องโรคข้อเข่าเสื่อมอาจพออนุมานได้ว่า การส่ือสารกบั พระสงฆ์ในวดั ซ่ึงอุบาสก อุบาสิกาจาเป็นต้องน่งั ฟังธรรมกับพืน้ ในท่าพบั เพียบเป็นเวลานานหรือเป็นกิจวตั รอาจเพ่ิมความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมได้ 2.4 เท่า21 เมื่อเปรียบเทียบกบั ผ้ทู ่ีนง่ั พบั เพยี บเป็นระยะเวลาสนั้ ๆ (ตา่ กวา่ 30 นาที) สาหรับการ สอ่ื สารประเภทอ่ืนๆ ได้แก่ การใช้โทรศพั ท์ คอมพิวเตอร์ การเขียนหนงั สือ หากไมไ่ ด้กระทา โดยนงั่ กบั พนื ้ หรือนง่ั เก้าอีใ้ นทา่ งอเขา่ มากกวา่ 120 องศาแล้ว น่าจะไม่มีผลตอ่ การเกิดโรค ข้อเขา่ เสอื่ มแตอ่ ยา่ งใด การทางาน อาชีพที่ต้องยกของหนกั และอาจต้องนง่ั ทากบั พืน้ หรือมีท่างอเข่าซา้ ๆ ทงั้ การนง่ั ยอง คกุ เข่า หรือย่อตวั เป็นสาเหตทุ าให้ข้อเข่าได้รับแรงกระทาท่ีมากเกินกว่าปกติ ทาให้ เกิดโรคข้อเขา่ เส่ือมตามมาได้24 จากการทบทวนวรรณกรรมในปี 255524 พบการศึกษาเก่ียวกับความสัมพันธ์ ระหว่างอาชีพและการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมที่ได้รับการตีพิมพ์ตงั้ แตป่ ี 2534-2553 จานวน 40 เร่ือง อย่างไรก็ดีคณุ ภาพของข้อมลู อยใู่ นเกณฑ์ดมี ากเพียง 5 เรื่อง และอาจมีอคติ 35 เร่ือง และการรวบรวมหลกั ฐานนีเ้ป็นเพียง systematic review ที่ไม่ได้ทาการวิเคราะห์ แบบ meta-analysis พบวา่ อาชีพที่มีการนง่ั ยองๆเป็นประจามากกวา่ 30-60 นาที มีความ เสี่ยงต่อการเกิดข้อเข่าเส่ือมเมื่อเปรียบเทียบกบั คนที่นงั่ ยองๆ น้อยกว่า 30-60 นาที ตงั้ แต่ 0.89-6.90 เท่า คนที่มีอาชีพต้องคกุ เข่าประจามากกว่า 30-60 นาที มีความเส่ียงตอ่ การ เกิดข้อเข่าเสื่อมเม่ือเปรียบเทียบกบั คนท่ีนง่ั คกุ เข่าน้อยกว่า 30-60 นาที ตงั้ แต่ 0.87-4.18 เท่า คนท่ีมีอาชีพที่ต้องขึน้ ลงบนั ไดมากกว่า 15-30 ขนั้ ต่อวนั มีความเส่ียงตอ่ โรคข้อเข่า เสื่อมตงั้ แต่ 0.99-5.10 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกบั คนท่ีขนึ ้ ลงบนั ไดน้อยกว่า 15-30 ขนั้ ตอ่ วนั

วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 15 สาหรับการยกของหนกั มีความเส่ียงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมตงั้ แต่ 0.65-7.31 เท่า ขนึ ้ กบั นา้ หนกั ที่ยกและระยะเวลาการทางาน การเดนิ ทาให้มีความเสี่ยงตอ่ โรคข้อเขา่ เสื่อม ตงั้ แต่ 0.89-2.72 เท่า การยืนทาให้มีความเส่ียงตอ่ ข้อเข่าเส่ือมตงั้ แต่ 0.43-4.10 เท่า หาก ยกของหนักร่วมกับการคุกเข่าหรือน่ังยองจะเพ่ิมความเส่ียงเป็น 5.4 เท่า และหากมี นา้ หนกั ตวั มากร่วมกบั การคกุ เข่าหรือนง่ั ยองจะเพ่ิมความเส่ียงเป็น 14.7 เท่า อาชีพที่มี ความเส่ียงต่อการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมสูงได้แก่ ช่างทาสี (23.1 เท่า) คนงานโรงงาน เคมีภณั ฑ์และพลาสตกิ (16.1 เท่า) คนงานก่อสร้าง เกษตรกร ช่างเหล็กหรือคนทางานใน โรงงาน (6.2 เทา่ ) จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่าความเสี่ยงท่ีเกิดขึน้ ยังไม่มีนัยสาคัญท่ีชัดเจน เนื่องจากการศกึ ษาท่ีรวบรวมมานนั้ มีความหลากหลายและคณุ ภาพคอ่ นข้างตา่ อย่างไรก็ ดีพบว่าการยกของหนกั หรือมีนา้ หนกั ตวั ท่ีมากร่วมกบั การงอเข่าจะมีผลทาให้เพ่ิมความ เสี่ยงตอ่ การเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมอย่างชดั เจน หากมีการทาซา้ เป็นอาชีพ ความเส่ียงจะยิ่ง มากขนึ ้ ตามลาดบั การเรียนรู้ การเรียนรู้อาจมผี ลช่วยปอ้ งกนั การเกิดโรคข้อเข่าเส่ือม แตย่ งั ไมม่ ีการศกึ ษาวิจยั ท่ี ตอบคาถามนีโ้ ดยเฉพาะ มีเพียงการศึกษาที่บ่งบอกว่าความรู้ในการดแู ลตนเองเมื่อเป็น โรคข้อเข่าเส่ือมเช่น การควบคมุ นา้ หนกั อาจช่วยชะลอการเกิดข้อเข่าเส่ือม33 สาหรับการ เรียนรู้ในปัจจุบนั มักเป็นการนง่ั เก้าอีเ้ รียนหรือศึกษาด้วยตนเอง ซ่ึงผ้สู งู อายุที่เข้ารับการ ฝึกอบรมโดยมากมกั นง่ั เก้าอีห้ รือเลือกที่จะนงั่ เก้าอีไ้ ด้ ยกเว้นผ้สู งู อายทุ ี่เคยชินกบั การนงั่ กบั พืน้ หรือนง่ั พบั เพยี บแบบโบราณ เช่น การทาอาหารไทย การทาดอกไม้ใบตอง แกะสลกั การเรียนธรรมะ การสอนมารยาทไทย เป็นต้น หากมีการน่ังกับพืน้ เป็นระยะเวลานานๆ และเป็นกิจวตั รยอ่ มสง่ ผลทาให้เกิดโรคข้อเขา่ เส่ือมดงั ท่ีได้กลา่ วมาแล้วข้างต้น

16 | วถิ ีชีวติ กบั โรคข้อเขา่ เสอื่ ม จากวิถีชีวิตทงั้ 7 มิติท่ีมีผลกระทบตอ่ การเกิดโรคข้อเขา่ เสื่อม พอจะสรุปวิถีชีวิตท่ี เป็นปัจจยั เสย่ี ง ปัจจยั ปอ้ งกนั ปัจจยั หนนุ เสริม และปัจจยั ลดทอนได้ดงั นี ้ ปัจจยั เส่ียง วิถีชีวิตที่เป็นปัจจยั เส่ียงในการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้แก่ การรับประทานอาหารที่ มีไขมันและพลังงานสูง เป็นเหตุให้เกิดโรคอ้วน วิถีชีวิตกับพืน้ ที่มีการงอเข่าเป็นระยะ เวลานานๆ วิถีชีวิตนงั่ ๆ นอนๆ ทาให้กล้ามเนือ้ บริเวณเข่าอ่อนแรง การออกกาลงั กายท่ีมี การปะทะและเกิดการบาดเจ็บของข้อเข่า การทางานท่ีมีการนัง่ ยองร่วมกับการยกของ หนกั การสื่อสารและการเรียนรู้ที่มีวิถีชีวิตกบั พืน้ ปัจจยั เหลา่ นีส้ ่งผลให้เกิดแรงกระทาต่อ ข้อเขา่ มากเกินกวา่ ปกติ ทาให้เกิดโรคข้อเข่าเสอ่ื มในท่ีสดุ ปัจจัยป้องกัน วิถีชีวิตที่เป็นปัจจัยป้องกันที่สาคญั ได้แก่ การรับประทานอาหารและการออก กาลงั กายที่พอเหมาะเพ่ือรักษาสมดลุ ของร่างกายให้มีดชั นีมวลกายอย่ใู นเกณฑ์ปกติและ มีกล้ามเนือ้ รอบเข่าท่ีแขง็ แรง โดยการเลน่ กีฬาท่ีไม่มีการปะทะ ได้แก่ การว่ิงออกกาลงั กาย การวา่ ยนา้ นอกจากนีก้ ารถนอมเข่าโดยการไม่ยกของหนกั ไม่นง่ั กบั พืน้ หรืองอเข่ามากเกิน 120 องศาเป็นระยะเวลานานๆ ก็จะชว่ ยปอ้ งกนั โรคข้อเข่าเส่ือม ปัจจยั หนุนเสริม เม่ือเป็นโรคข้อเขา่ เสื่อมแล้ว หากยงั ไมไ่ ด้กาจดั ปัจจยั เส่ียง ปัจจยั เสี่ยงเหลา่ นนั้ จะ กลบั มาเป็นปัจจยั เกือ้ หนุนให้ข้อเข่าเสื่อมเพ่ิมขึน้ อย่างต่อเน่ือง ปัจจัยเกือ้ หนุนดงั กล่าว ได้แก่ วิถีการนง่ั กินนอนกินที่สง่ ผลให้มีนา้ หนกั ตวั ท่ีมากและการไมอ่ อกกาลงั กาย จะทาให้ กล้ามเนือ้ ข้อเข่ายิ่งอ่อนแรง หากมีข้อเข่าเส่ือมเป็นทุนเดิมอย่แู ล้วจะย่ิงทาให้เกิดการสึก กร่อนของกระดกู ออ่ นในข้อเข่าเพม่ิ มากขนึ ้ ได้ การนงั่ กบั พนื ้ การงอเขา่ การนงั่ ยอง การยก

วิถีชีวติ กบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 17 ของหนกั การออกกาลงั กายที่ทาให้เกิดแรงกระทาตอ่ ข้อเขา่ มากขนึ ้ เช่นการเลน่ กีฬาปะทะ จะยง่ิ ทาให้เกิดการบาดเจ็บตอ่ ข้อเขา่ และเอือ้ ให้ข้อเข่าเสอ่ื มมากขนึ ้ ปัจจัยลดทอน ประเด็นหลกั ของการลดทอนข้อเข่าเสื่อม คงหนีไม่พ้นการควบคุมนา้ หนกั และ ปรับวิถีชีวิต จากการศกึ ษาของ Foy CG และคณะ33 พบวา่ การปรับวิถีชีวิตอย่างเข้มข้น (Intensive lifestyle intervention; ILI) ในคนท่ีมีนา้ หนกั เกินและเป็นเบาหวานร่วมกบั มี อาการปวดข้อเข่า โดยการลดนา้ หนกั ร้อยละ 10 ของนา้ หนกั เริ่มต้นในเวลา 1 ปี ร่วมกบั การออกกาลงั กายในระดบั ปานกลางอย่างน้อย 175 นาทีตอ่ สปั ดาห์ เป็นเวลา 6 เดือน โดยในชว่ ง 6 เดอื นแรกจะต้องเข้ากิจกรรมกลมุ่ ทกุ 3 สปั ดาห์ พบผ้เู ชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษา ด้านวิถีชีวิตเดือนละ 1 ครัง้ และได้รับคาแนะนาให้รับประทานนา้ ปั่นและอาหารว่างชนิด meal bars ทดแทนการรับประทานอาหารปกติ 2 มือ้ และทดแทนการรับประทานอาหาร ว่าง 1 มือ้ ต่อวนั ในเดือนที่ 7-12 ต้องเข้าร่วมกิจกรรมกล่มุ 2 ครัง้ พบผ้เู ช่ียวชาญหรือท่ี ปรึกษาด้านวิถีชีวิตเดือนละครัง้ และให้รับประทานอาหารทดแทนวนั ละ 1 มือ้ พบว่า สามารถลดนา้ หนกั เฉลี่ย 9 กิโลกรัม สามารถทางานได้ดีขนึ ้ และมีอาการปวดเขา่ ลดลงทงั้ ในผู้ที่มีและไม่มีข้อเข่าเส่ือมอย่างมีนยั สาคญั อย่างไรก็ดียงั ขาดข้อมูลเกี่ยวกบั กิจกรรม ดงั กลา่ วกบั การปอ้ งกนั หรือชะลอข้อเขา่ เสอ่ื ม การส่งเสริมกล้ามเนือ้ และกระดูกบริเวณข้อเข่าให้แข็งแรง นอกจากการบริหาร กล้ามเนือ้ บริเวณข้อเข่าแล้ว การราไท้เก๊ก34 การเล่นโยคะ35-38 ก็มีหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ท่ี จะช่วยลดอาการปวด เพ่ิมคณุ ภาพชีวิต เน่ืองจากการราไท้เก๊กช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใน การทรงตวั ของร่างกาย เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนือ้ การบริหารจิตให้สงบช่วยลด อาการปวด อยา่ งไรก็ดีการราไท้เก๊กในผ้ทู ่ีมีดชั นีมวลกายเฉล่ีย 30 กิโลกรัมตอ่ ตารางเมตร ได้ผลดีในช่วง 3 เดือนแรก หลงั จากนนั้ ตงั้ แต่ 3-48 เดือนไม่พบความแตกตา่ งอย่างมี

18 | วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เสอ่ื ม นยั สาคญั เม่ือเปรียบเทียบกบั กลมุ่ ควบคมุ ทงั้ นีอ้ าจเน่ืองมาจากการควบคมุ contamination ระหวา่ งกลมุ่ ทาได้ไมด่ ี กลมุ่ ควบคมุ อาจทราบถึงวธิ ีการราไท้เก๊กและนาไปปฏบิ ตั ติ าม การ เล่นโยคะก็ช่วยลดอาการปวดเข่าได้ดีในผู้ป่ วยท่ีมีโรคข้อเข่าเสื่อม อย่างไรก็ดียังไม่พบ หลกั ฐานที่แน่ชดั ว่าการราไท้เก๊กหรือการเลน่ โยคะช่วยลดทอนหรือชะลอการความรุนแรง ของโรคข้อเข่าเสื่อม ทงั้ นีต้ ้องการการศกึ ษาที่มีการตดิ ตามลกั ษณะทางคลนิ ิกและภาพรังสี เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5-10 ปีว่าโรคข้อเข่าเส่ือมมีความรุนแรงลดลงหรือไม่หลงั การออก กาลงั กายชนิดโยคะและไท้เก๊ก บริบทแวดล้อม บริบทแวดล้อมในลกั ษณะปัจจยั เส่ียง ปัจจยั ปอ้ งกนั ปัจจยั หนุนเสริม และปัจจยั ลดทอน ต่อภาวะข้อเข่าเส่ือม ทงั้ ในผ้ทู ี่ยงั ไม่มีภาวะข้อเข่าเส่ือม และในผ้ทู ่ีมีภาวะข้อเข่า เสื่อมแล้ว ต้องการบริบทแวดล้อมท่ีเอือ้ ตอ่ การปรับวิถีชีวิตให้เกิดการปอ้ งกนั และลดทอน โรค ในสงั คมไทยนนั้ กาลงั ปรับเข้าสสู่ งั คมแบบตะวนั ตกมากขนึ ้ สิง่ อานวยความสะดวกทงั้ การใช้ชีวิตประจาวนั เช่น การใช้บนั ไดเลื่อน การนง่ั เก้าอี ้ การใช้ส้วมชกั โครกน่าจะเป็น วฒั นธรรมตะวนั ตกที่เอือ้ ในการปอ้ งกนั และลดทอนโรคข้อเข่าเสอ่ื มได้ดี เน่ืองจากข้อเขา่ งอ ไม่เกิน 120 องศา สามารถลดแรงกระทาต่อข้อเข่าอย่างชดั เจน นอกจากนีบ้ ริบทของ นโยบายการทางานขององค์กรยงั สง่ ผลตอ่ การเกิดโรคข้อเข่าเสื่อม ในการศกึ ษาของ Chen JC และคณะ39 พบวา่ องค์กรท่ีมีข้อเสนอให้พนกั งานเปลยี่ นชนิดงาน จ่ายเงนิ คา่ ชดเชยการ ขาดงานและการเจ็บป่ วย มีอบุ ตั ิการณ์การเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับ องค์กรท่ีไม่มีข้อเสนอเหลา่ นีไ้ ด้มากถึงร้อยละ 40 อย่างไรก็ตามการศกึ ษานีย้ งั มีข้อจากดั เร่ืองเกณฑ์การรับพนกั งานที่มีแนวโน้มเป็นข้อเข่าเสือ่ มได้น้อย ทาให้อบุ ตั ิการณ์ของข้อเข่า เสอ่ื มต่ากวา่ กลมุ่ เปรียบเทียบ

วถิ ีชีวติ กบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 19 บริ บทแวดล้ อมในสังคม ไทยท่ีอาจส่งผลกระทบต่อการเกิดโรคข้ อเข่าเสื่อมท่ี เป็นไปได้ ประกอบด้วย 1. บริบทแวดล้อมที่เอือ้ ตอ่ โรคอ้วน เช่น อาหารฟาสต์ฟดู ที่เข้าถึงได้ง่าย อปุ กรณ์ อานวยความสะดวกในชีวิตประจาวนั ต่างๆ สงั คมออนไลน์ท่ีต้องอย่หู น้ามือ ถือหรือคอมพิวเตอร์ทัง้ วัน ทาให้ขาดการออกกาลงั กายและเกิดภาวะอ้วน ตามมาได้ ซง่ึ นา้ หนกั ท่ีมากเกินทาให้เกิดแรงกระทาตอ่ ข้อเขา่ ที่มากผิดปกติ และเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมตามมาในท่ีสดุ 2. บริบทแวดล้อมท่ีเอือ้ หรือจาเป็นต้องงอเข่า เช่น สะพานลอย เก้าอีเ้ตีย้ ๆ การ เข้ าวัดฟัง/ปฏิบัติธรรม ความจาเป็ นที่ต้องข้ามสะพานลอยท่ีชันและมี ระยะทางคอ่ นข้างมากเพ่ือความปลอดภยั ในการใช้ถนน ทาให้ผ้ทู ่ีเป็นโรคข้อ เสอื่ มมีอาการกาเริบ การนงั่ เก้าอีเ้ตยี ้ ๆ ในการทางานบ้าน เช่น ซกั ผ้า ล้างจาน เป็นต้น และการเข้าวดั เพื่อปฏิบตั ิธรรมที่ทางวดั ส่วนใหญ่จดั ให้นงั่ กบั พืน้ ซ่ึง หากต้องนง่ั ในท่าพบั เพียบเป็นระยะเวลานานๆ แล้ว จะเกิดแรงกระทาตอ่ ข้อ เข่าเนื่องจากมีการงอเข่าเกินกว่า 120 องศา เป็นสาเหตใุ ห้เกิดโรคข้อเข่า เสอ่ื มหรือทาให้โรคทวีความรุนแรงขนึ ้ ได้ 3. บริบทแวดล้อมที่เอือ้ ต่อการได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเข่า เช่น อบุ ตั ิเหตจุ ราจร คา่ นิยมในการเลน่ กีฬาแบบปะทะ เช่น ฟตุ บอล บาสเกตบอล จากการศึกษาอุบัติการณ์การเกิดโรคข้อเข่าเส่ือมในสังคมผู้มีรายได้น้อย ใน Johnston Country รัฐ North Carolina ประเทศสหรัฐอเมริกา40 ระหวา่ งปีค.ศ. 2003-2004 พบว่าสงั คมท่ีมีผู้มีรายได้น้อยเกินกว่าร้ อยละ 25 มีความสมั พนั ธ์กับการเกิดโรคข้อเข่า เสอื่ ม 1.8 เท่า (odds ratio 1.83, ช่วงความเช่ือมน่ั ร้อยละ 95: 1.43-2.36) ซงึ่ อธิบายจากผู้ ท่ีมีรายได้น้อยต้องอย่ใู นสภาพแวดล้อมท่ีขาดแหล่งอาหารที่ดีต่อสขุ ภาพ เป็นเหตใุ ห้เกิด

20 | วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม ภาวะอ้วน ขาดสถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจหรือสถานท่ีออกกาลังกายท่ีปลอดภัย ทาให้ ร่างกายและจิตใจอ่อนแอ ขาดการดูแลผู้สูงอายุทาให้โรคเป็นมากขึน้ ได้ ข้อมูลเหล่านี ้ สนบั สนนุ วา่ บริบทแวดล้อมมีอิทธิพลตอ่ การเกิดโรคข้อเข่าเสอื่ มในหลากหลายมติ ิ บทวิเคราะห์ ระบบสขุ ภาพของประเทศได้ตระหนกั ถึงโรคข้อเขา่ เส่ือมที่จดั อย่ใู นอนั ดบั ท่ี 6 ของ ภาระโรคในประเทศไทย อย่างไรก็ดีทางผู้เก่ียวข้องได้หามาตรการในการลดภาระโรค ดงั กลา่ วด้วยการลดคา่ รักษาพยาบาล โดยเฉพาะยาท่ีใช้ในการรักษาโรคข้อเขา่ เส่ือม จาก การทบทวนวรรณกรรมเร่ืองปัจจยั เสีย่ งและปัจจยั สง่ เสริมของการเกิดโรคข้อเข้าเส่ือม อาจ ยงั ประโยชน์ให้เกิดมิติในการลดภาระโรคโดยการปรับวิถีชีวิตของคนไทยตงั้ แตว่ ยั เดก็ และ วัยทางานให้ สามารถชะลอหรื อลดอุบัติการณ์ การเกิดโรคข้ อเข่าเสื่อมในวัยสูงอายุได้ ตงั้ แต่การรับประทานอาหารท่ีมีประโยชน์ การออกกาลังกายท่ีไม่เกิดแรงกระทาต่อข้อเข่า มากเกิน การควบคมุ นา้ หนกั วฒั นธรรมการนงั่ กบั พืน้ และการเข้าวดั การวิเคราะห์สวอต ของระบบสาธารณสขุ ในสงั คมไทยเกี่ยวกบั โรคข้อเขา่ เสื่อมมีดงั นี ้ จุดแขง็ 1. รัฐให้ความสนใจกบั โรคข้อเขา่ เส่ือมมากขนึ ้ เน่ืองจากติดอนั ดบั 1 ใน 10 ภาระโรค ของประเทศไทย 2. ราชวิทยาลยั แพทย์ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทยร่วมกบั ราชวิทยาลยั แพทย์เวช ศาสตร์ฟื น้ ฟแู หง่ ประเทศไทยจดั ทาแนวทางเวชปฏิบตั ิในการรักษาโรคข้อเขา่ เส่ือม เพ่อื ให้การดแู ลและฟื น้ ฟสู ภาพข้อเขา่ เป็นไปอยา่ งมีประสทิ ธิภาพสงู สดุ 3. การผลติ แพทย์ผ้เู ช่ียวชาญในดแู ลผ้ปู ่วยโรคข้อเขา่ เสอ่ื มเพมิ่ ขนึ ้ ทกุ ปี

วิถีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 21 จุดอ่อน 1. รัฐบาลมีนโยบายควบคมุ คา่ รักษาพยาบาลที่เก่ียวกบั โรคข้อเข่าเสื่อม 2. นโยบายภาครัฐเน้นการรักษาโรคมากกวา่ การปอ้ งกนั โรคข้อเขา่ เส่ือม โอกาสพัฒนา 1. สานกั งานกองทุนสนบั สนุนการสร้ างเสริมสขุ ภาพ (สสส.) มีนโยบายสร้างเสริม สุขภาพ สามารถนาองค์ความรู้เหล่านีไ้ ปต่อยอดในการสร้ างเสริมสุขภาพและ ปอ้ งกนั โรคข้อเข่าเสื่อม 2. การรณรงค์ลดอบุ ตั ิเหตจุ ราจรท่ีทางสสส.ได้ดาเนินการอย่างต่อเน่ือง ซึ่งช่วยลด อบุ ตั ิการณ์การบาดเจ็บบริเวณขาและข้อเข่าได้ 3. วฒั นธรรมตะวนั ตกเร่ืองการนง่ั เก้าอี ้และใช้ส้วมชกั โครกแพร่หลายทวั่ ประเทศ 4. การใช้บนั ไดเล่ือนของรถไฟฟา้ อานวยความสะดวกในการข้ามถนน ภาวะคุกคาม 1. สงั คมผ้สู งู อายุท่ีจะเกิดขนึ ้ ใน 15 ปีข้างหน้า จานวนผ้ปู ่ วยด้วยโรคข้อเข่าเสื่อมมี แนวโน้มเพิ่มขนึ ้ 2. โรคข้อเขา่ เส่อื มมีสาเหตทุ างพนั ธุกรรมซงึ่ ยงั ไมม่ ีวธิ ีการแก้ไขท่ีชดั เจน 3. ภาวะอ้วนที่เพมิ่ มากขนึ ้ จากอาหารฟาสต์ฟดู และการไม่ออกกาลงั กาย 4. วฒั นธรรมไทยมีวิถีชีวติ กบั พนื ้ เช่น การนง่ั นอน กินข้าว ซกั ผ้า ถบู ้าน 5. กระแสนิยมในการเข้าวดั ฟังธรรม นง่ั สมาธิ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาทาให้ จาเป็นต้องนง่ั กบั พืน้ เป็นระยะเวลานานๆ 6. อาชีพที่ต้องยกของหนกั และนงั่ ยองซา้ ๆ สะสมเป็นเวลานานหลายปี 7. บริบทแวดล้อมที่สนบั สนนุ ข้อเขา่ เส่อื ม เชน่ สะพานลอย เก้าอีเ้ตยี ้ ๆ 8. การออกกาลงั กายที่นิยมในประเทศไทย เป็นกีฬาปะทะ เช่น ฟตุ บอล

22 | วิถีชีวติ กบั โรคข้อเข่าเส่ือม 9. อบุ ตั ิเหตจุ ราจรจากรถจกั รยานยนต์มีอตั ราสงู ประมาณร้อยละ 15 ของอบุ ตั ิเหตุ จราจรทงั้ หมด และมกั ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาและข้อเขา่ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย 1. ในภาวะที่รัฐบาลมีงบประมาณในด้านสาธารณสขุ จากดั และมีความจาเป็น ต้องการลดค่าใช้จ่ายในการรักษาข้อเข่าเสื่อม การป้องกนั และชะลอโรคข้อ เข่าเส่ือมถือเป็นหัวใจสาคญั ดงั นนั้ การรณรงค์ให้มีเข่าดี มีสขุ น่าจะเป็น หนทางท่ีค้มุ คา่ ท่ีสดุ รัฐควรผนั งบประมาณมาใช้ในการปรับกระบวนทศั น์ใน การป้องกนั โรคข้อเข่าเส่ือมระดบั มหภาคในประชาชนทกุ กล่มุ อายุ เนื่องจาก การเกิดโรคข้ อเข่าเสื่อมมีบริ บทท่ีซับซ้ อนและได้ รับอิทธิ พลอย่างต่อเนื่อง ตงั้ แตว่ ยั เดก็ ทงั้ นิสยั การบริโภค วถิ ีการใช้ชีวติ และการทางาน 2. การควบคมุ นา้ หนักจะช่วยลดอบุ ตั ิการณ์การเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมได้มากกว่า ร้อยละ 30 ควรให้ข้อมลู กบั ประชาชนว่าหากนา้ หนกั ตวั เพิ่มขนึ ้ 1 กิโลกรัม ข้อ เข่ารับนา้ หนกั เพิ่มถึง 3 กิโลกรัม เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ควบคมุ นา้ หนกั เพ่ือ ถนอมเข่า เผยแพร่วิธีการควบคมุ นา้ หนกั ที่ถกู ต้องในชีวิตประจาวนั โดยการ ลดหวาน ลดมัน ลดเค็ม ออกกาลังกายด้วยการเดิน ว่ิง ว่ายนา้ ให้กับ ประชาชนโดยไมต่ ้องพง่ึ สถานลดนา้ หนกั 3. การปรับวฒั นธรรมไทยให้เหมาะกบั ยคุ สมยั และช่วยชะลอการเกิดโรคข้อเข่า เสื่อม โดยการให้ความรู้เรื่องการงอเข่าเกิน 120 องศาเป็นระยะเวลานานๆ เป็นสาเหตขุ องการเกิดโรคข้อเขา่ เสอ่ื ม แนะนาให้นงั่ เก้าอีโ้ ดยไม่งอเข่าเกินมมุ ฉาก หลีกเลี่ยงการนัง่ เก้าอีเ้ ตีย้ ๆ นอนเตียงแทนการนัง่ นอนกับพืน้ โดยเร่ิม ตงั้ แต่เด็กจนถึงวยั สูงอายุเพ่ือหัดให้เป็นนิสยั เนื่องจากโรคข้อเข่าเส่ือมเกิด จากแรงกระทาต่อข้อเข่าที่มากผิดปกติสะสมเป็นระยะเวลานาน สาหรับ

วถิ ีชีวติ กบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 23 กิจกรรมทางศาสนา ศาสนสถานควรจดั ให้ผ้เู ข้าร่วมพิธีกรรมต่างๆ นง่ั เก้าอี ้ เป็นหลกั อาจยกธรรมมาสให้สงู ขึน้ เพ่ือให้พระสงฆ์อยู่ในตาแหน่งที่สูงกว่า ฆราวาสที่นงั่ เก้าอี ้มีการบริจาคเก้าอีใ้ ห้กับทางวดั เพ่ือส่งเสริมวฒั นธรรมใน การนง่ั เก้าอีใ้ ห้แพร่หลาย 4. การออกกาลงั กายและการบริหารข้อเข่าเพ่ือเสริมสร้างข้อเข่าที่ดี ควรเน้นการ ออกกาลงั กายท่ีหลีกเลี่ยงการปะทะ เช่น กีฬาที่เล่นคนละฝั่ง กีฬาท่ีเล่นคน เดียว เป็นต้น หากต้องเล่นกีฬาท่ีมีการปะทะ จาเป็นต้องให้ความรู้และฝึก ทักษะในการล้ม ให้เท้าไม่ตาย ไม่มีข้อเข่าบิดหมุนที่จะเป็นเหตุให้เกิดการ บาดเจ็บของข้อเข่าได้ 5. สถานประกอบการควรมีมาตรการในการดแู ลพนกั งานให้มีสขุ ภาวะท่ีดี โดย จดั อาหารให้เหมาะสมในการควบคมุ นา้ หนกั ตวั สง่ เสริมและจดั ให้มีกิจกรรม ออกกาลงั กายเพ่ือควบคมุ นา้ หนกั และเสริมสร้างความแข็งแรงของข้อเข่า จดั ลกั ษณะงานที่มีการนง่ั ยองหรืองอเข่ามากๆ ให้เป็นการนงั่ โดยงอเข่าไม่เกิน มุมฉาก พนักงานท่ีมีหน้าท่ียกของหนักหรือมีอาการปวดเข่า ทางสถาน ประกอบการควรให้หยดุ พกั เปลี่ยนชนิดงานและจ่ายค่าชดเชยให้ หรือใช้ อปุ กรณ์เสริมการทางานโดยใช้เครื่องจกั รท่นุ แรง 6. รณรงค์ลดอบุ ตั ิเหตจุ ราจร ให้ขบั ข่ีปลอดภยั อยา่ งตอ่ เนื่องและมีประสทิ ธิภาพ เพอื่ ลดทงั้ อตั ราตาย ทพุ พลภาพ และข้อเข่าเส่อื มในอนาคต 7. จัดให้ ประชาชนที่เดินถนนมีทางเลือกในการข้ ามถนนอย่างปลอดภัย นอกเหนือจากการขนึ ้ สะพานลอย เช่น ทางม้าลายท่ีมีไฟจราจรอจั ฉริยะ หรือ ปรับเปลี่ยนสะพานลอยให้ขนั้ บนั ไดเตีย้ ลง ทาให้งอเข่าไม่มากเกิน มีท่ีพัก บนั ไดมากขนึ ้ เชน่ เดินบนั ได 10 ขนั้ พกั 1 ครัง้ หรือปรับเป็นบนั ไดเลอ่ื น

24 | วิถีชีวติ กบั โรคข้อเข่าเสื่อม 8. ทาการวิจยั เพ่ือประเมินมาตรการต่างๆ ที่ใช้ในการป้องกันและชะลอข้อเข่า เสื่อมในบริบทไทย ทงั้ ผลท่ีได้รับ ความค้มุ คา่ ในการลดอบุ ตั ิการณ์การเกิดข้อ เข่าเสือ่ ม ลดคา่ รักษาพยาบาลและการเพิม่ คณุ ภาพชีวติ ของประชากรไทย สรุปวถิ ชี ีวติ ท่มี ีผลต่อโรคข้อเข่าเส่ือม โรคข้อเขา่ เสื่อมในประเทศไทยพบได้ร้อยละ 30-60 ในผ้สู งู อายแุ ละพระสงฆ์ โดย มีวิถีชีวิตที่ส่งผลให้เกิดแรงกระทาต่อข้อเข่าท่ีมากผิดปกติและทาให้เกิดโรคข้อเข่าเส่ือม ได้แก่ การนงั่ กินนอนกินและไม่ออกกาลงั กายทาให้มีนา้ หนกั เกิน วิถีชีวิตกบั พืน้ ที่มีการงอ เข่าเกิน 120 องศา วิถีการออกกาลงั กายที่มีการปะทะและอุบตั ิเหตจุ ราจรที่ทาให้มีการ บาดเจ็บบริเวณข้อเข่า เช่นเดียวกบั วิถีการทางานท่ีต้องยกของหนกั และนง่ั ยอง ร่วมกับ บริบทแวดล้อมทางวฒั นธรรมไทย พทุ ธศาสนา (รูปท่ี 2) สภาพแวดล้อมทางกายภาพ เช่น สะพานลอย เป็นต้น ดงั นนั้ การป้องกันและชะลอการเกิดโรคข้อเข่าเสื่อมจาเป็นจะต้อง อาศยั ความร่วมมือของหลายภาคส่วนในการให้ความรู้และรณรงค์ให้ประชาชนชาวไทย ทกุ เพศทกุ วยั ปรับเปล่ียนวถิ ีชีวติ ให้กินสมดลุ ควบคมุ นา้ หนกั ออกกาลงั กายไม่หกั โหม ไม่ น่ังหรือนอนกับพืน้ ทางภาครัฐควรกาหนดนโยบายการป้องกันโรคข้อเข่าเส่ือม จัด สภาพแวดล้อมทางวฒั นธรรมและทางกายภาพให้เหมาะสมตอ่ การใช้งานของข้อเข่าทงั้ ใน ภาครัฐ เอกชน ศาสนสถานและสถานประกอบการ เพ่ือให้ประชาชนไทยมีข้อเข่าท่ีดแี ละมี ความสขุ

วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่ือม | 25 รูปท่ี 2 สรุปวิถีชีวิตกบั ข้อเขา่ เสือ่ ม ผลกระทบของโรคข้อเข่าเส่ือมต่อวิถีชวี ติ โรคข้อเข่าเสื่อมทาให้เกิดอาการปวดบริเวณข้อเข่า อาจมีข้อเข่าบวมอกั เสบ ขยบั เหยียดงอเข่าได้ลาบาก ปัญหาท่ีพบบอ่ ยได้แก่ อาการปวดรอบๆ ข้อเขา่ ทงั้ ด้านหน้า ด้าน ในและด้านหลงั ข้อเข่า บางครัง้ มอี าการปวดร้าวบริเวณหน้าแข้ง อาจพบถงุ นา้ ด้านหลงั ข้อ เขา่ ผ้ทู ี่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมมกั มีปัญหาในการเดินระยะไกล ขนึ ้ ลงบนั ได นงั่ ยองหรือนง่ั กบั พืน้ แล้วลกุ ไม่ขนึ ้ เม่ือเป็นมากขนึ ้ ขาอาจโก่งหรือเกผิดรูป ข้อเขา่ ไมม่ น่ั คง เขา่ ทรุด ซง่ึ ทาให้ เดินลาบากขนึ ้ ปัญหาปวดเข่า เข่าผิดรูปและรบกวนการใช้งาน ส่งผลกระทบตอ่ คณุ ภาพ

26 | วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เสอ่ื ม ชีวิตของประชากรไทยที่เป็นโรคนีค้ ิดเป็นร้อยละ 3 ของการสญู เสียปีสุขภาวะ (รายงาน กระทรวงสาธารณสขุ ประจาปี 2552) การรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมในปัจจุบนั แนะนาให้เริ่มจากรับประทานยาบรรเทา อาการปวด ยาลดอาการอักเสบ ยาเพ่ิมสารหล่อลื่นในข้อ การบริหารข้อเข่า ก ารใส่ อปุ กรณ์พยงุ เข่า การฉีดสเตียรอยด์หรือสารหล่อลื่นเข้าข้อ หากอาการรุนแรงมากขึน้ อาจ พิจารณาผา่ ตดั สอ่ งกล้องเพื่อล้างข้อ ผา่ ตดั จดั กระดกู หน้าแข้งให้ตรง และผ่าตดั เปลี่ยนข้อ เข่าเทียม ทัง้ นีแ้ พทย์และผู้ป่ วยจะพิจารณาเลือกการรักษาท่ีเหมาะสมร่วมกัน เพ่ือ ประโยชน์สงู สดุ ในการดาเนินชีวิตของผ้ปู ่วย โรคข้อเขา่ เสื่อมมีอิทธิพลตอ่ วถิ ีชีวิตทงั้ 7 มิติ ดงั นี ้ การอุปโภค/บริโภค เมื่อเป็นโรคข้อเข่าเส่ือมแล้วการรับประทานอาหารที่มากเกินความต้องการของ ร่างกาย ทาให้นา้ หนกั ตวั มากและเกิดแรงกระทาต่อข้อเข่ามากขึน้ กระดกู อ่อนผิวข้อเกิด การสกึ หรอเพ่ิมมากขึน้ ย่อมทาให้เกิดอาการปวด บวม อกั เสบของข้อเข่า ทาให้เดินและ ลกุ นง่ั ได้ลาบาก แต่โรคข้อเข่าเส่ือมเองไม่น่าจะกระทบต่อการรับประทานอาหารมากนกั จากประสบการณ์การดแู ลผ้ปู ่ วยโรคข้อเข่าเส่ือม อาการปวดเข่าจะจากดั การเคลื่อนไหว ของร่างกาย ผู้ที่เป็นโรคจะรับประทานอาหารได้แต่เคลื่อนไหวได้น้อยลง เป็นเหตุให้ นา้ หนกั ตวั เพิ่มมากขนึ ้ หากผ้ปู ่ วยต้องเป็นคนจ่ายกบั ข้าวหรือทาอาหารด้วยตนเอง โรคข้อ เข่าเสื่อมทาให้ไม่สามารถไปตลาดหรือทากับข้าวเองได้ สะดวก และอาหารท่ีคนใน ครอบครัวจดั หามาให้อาจไม่ถกู ใจ ทาให้รับประทานอาหารได้ น้อยลง ขาที่โก่งผิดรูปอาจ เป็นสาเหตใุ ห้ต้องสวมเสือ้ ผ้าที่ปกปิดข้อเข่า เช่น สวมกระโปรงยาว จากการศกึ ษาผ้ปู ่ วย โรคข้อเข่าเสื่อมในประเทศไทยที่เข้ารับการรักษาด้วยยาและกายภาพบาบดั ที่โรงพยาบาล ในเขตจงั หวดั เชียงใหม่ ขอนแก่นและกรุงเทพมหานคร โดยทีมวิจยั จากราชวิทยาลยั แพทย์

วถิ ีชีวติ กบั โรคข้อเขา่ เส่ือม | 27 ออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทยร่วมกบั ราชวิทยาลยั แพทย์เวชศาสตร์ฟื น้ ฟแู ห่งประเทศไทย พบว่าผู้ป่ วยโรคข้อเข่าเส่ือมชนิดไม่รุนแรงและรุนแรงปานกลางจานวน 970 รายพบว่า ผ้ปู ่ วยกล่มุ นีม้ ีความสามารถไปซือ้ ของนอกบ้านหรือไปจ่ายตลาดลดลง อย่างไรก็ดียงั ไม่มี การศึกษาท่ีกล่าวถึงอาการปวดเข่าเป็นสาเหตใุ ห้รับประทานอาหารมากขึน้ หรือลดการ บริโภคอาหาร หรือปรับเปล่ียนวิถีการอุปโภค/บริโภคตามสมมติฐานข้างต้น ทัง้ นีย้ ัง ต้องการงานวจิ ยั ในเรื่องนีเ้พ่อื หาคาตอบท่ีชดั เจนในอนาคต การอยู่อาศัย การอยู่อาศัยเม่ือเป็นโรคข้อเข่าเส่ือมนนั้ มีข้อจากัดหลายประการ ตงั้ แต่การนั่ง และนอนกบั พืน้ การนง่ั ยอง การนงั่ พบั เพียบ การนงั่ เก้าอีเ้ตีย้ ๆ การนงั่ ส้วมแบบยองๆ การ ขึน้ ลงบนั ได เนื่องจากข้อเข่าเส่ือมทาให้จากัดพิสยั การเคลื่อนไหวของข้อเข่าทงั้ ในท่างอ และเหยียด ผ้ปู ่ วยมกั ไม่สามารถเดินระยะไกลได้ จากการศกึ ษาผ้ปู ่ วยโรคข้อเข่าเส่ือมใน ประเทศไทยท่ีเข้ ารับการรักษาด้ วยยาและกายภาพบาบัดท่ีโรงพยาบาลในเขตจังหวัด เชียงใหม่ ขอนแก่นและกรุงเทพมหานคร พบว่าผ้ปู ่ วยโรคข้อเข่าเส่ือมชนิดไม่รุนแรงและ รุนแรงปานกลางจานวน 970 รายมีอาการปวดในขณะเดินพืน้ ราบ ขึน้ ลงบนั ได อย่เู ฉยๆ ประมาณ 2.5-4.6 จากคะแนนความปวดเต็ม 10 คะแนน ความสามารถในการทางาน ลดลงทงั้ การทางานหนกั การขึน้ ลงบนั ได การเข้าห้องนา้ การขึน้ ลงรถยนต์ การไปจ่าย ตลาด ที่อยู่อาศัยท่ีเหมาะสมกับผู้ป่ วยกลุ่มนีน้ ่าจะเป็นชัน้ ล่าง ห้องนา้ แบบโถชักโครก กิจกรรมต่างๆควรนงั่ เก้าอี ้ หลีกเล่ียงการนง่ั กับพืน้ และห้องนอน ห้องนา้ ห้องครัว ส่วน รับประทานอาหารและสว่ นพกั ผอ่ นควรอยตู่ ดิ กนั เพื่อให้ผ้ปู ่วยเดนิ ไปได้ด้วยตนเอง

28 | วถิ ีชีวติ กบั โรคข้อเข่าเสื่อม การนอนหลับ/พกั ผ่อนหย่อนใจ เนื่องจากโรคข้อเข่าเส่ือมสง่ ผลให้เกิดอาการปวดเข่าจากภาวะข้อเส่ือมและ/หรือ ข้อเข่าอกั เสบ สง่ ผลกระทบตอ่ การนอนหลบั โดยตรง จากการศกึ ษาของราชวทิ ยาลยั แพทย์ ออร์โธปิดกิ ส์แหง่ ประเทศไทยในปีพ.ศ. 2555 พบว่าผ้ปู ่วยโรคข้อเขา่ เสื่อมชนิดไมร่ ุนแรงถึง รุนแรงปานกลางจานวน 970 รายมีอาการปวดข้อเข่าในช่วงเวลากลางคนื เฉล่ีย 3.4 จาก คะแนนความปวดเต็ม 10 คะแนน แม้วา่ อาการปวดในกลมุ่ นีจ้ ะไมม่ ากนกั แตห่ ากมีข้อเขา่ เส่ือมรุนแรง อาการปวดจะมากขึน้ และรบกวนการนอนหลับได้ จากการศึกษาของ Woolhead G และคณะ41 พบวา่ ผ้ปู ่ วยท่ีเป็นโรคข้อเข่าหรือข้อสะโพกเสื่อมร้อยละ 81 มี อาการปวดข้อในเวลากลางคืนจนทาให้ต้องต่ืน และพบได้ในทกุ ความรุนแรงของข้อเส่ือม โดยข้อเสื่อมท่ีมากขนึ ้ จะมีอาการปวดมากขึน้ เช่นเดียวกนั อาการปวดมีความสมั พนั ธ์กบั การพลิกตวั หากเกิดอาการปวดแล้วต้องใช้เวลาเป็นชว่ั โมงในการขยบั ตวั เพื่อหาท่านอนที่ ทาให้อาการปวดบรรเทาหรือหายไป ในทางตรงกนั ข้ามการนอนน่ิงไม่ขยบั ขาทาให้ข้อฝืด ตงึ เป็นสาเหตขุ องอาการปวดข้อขณะนอนเช่นเดียวกนั อาการปวดเหลา่ นีร้ บกวนการนอน หลบั ทาให้นอนหลบั ไมเ่ พียงพอ เม่ือตน่ื เช้ารู้สกึ ไมส่ ดช่ืน มีความกงั วลเกี่ยวกบั อาการปวด ในคืนตอ่ มา สง่ ผลให้รู้สกึ ปวดข้อและเกิดอาการนอนไมห่ ลบั มากขนึ ้ โรคข้อเข่าเสื่อมมีผลกระทบตอ่ การพกั ผอ่ นหยอ่ นใจ เน่ืองจากอาการปวดข้อเข่า และอาการข้อฝืดตงึ รบกวนการเดนิ และการขยบั ข้อเข่า ทาให้ไม่สามารถออกกาลงั กายได้ ตามปกติ โดยเฉพาะการออกกาลงั กายที่เกิดแรงกระทาตอ่ ข้อเขา่ เชน่ การว่ิง แอโรบกิ กีฬาที่มีการปะทะ จากการศกึ ษา systematic review ของ Roddy E และคณะ42 พบวา่ การเดินแอโรบกิ (aerobic walking) และการบริหารกล้ามเนือ้ ข้อเขา่ (quadriceps exercise) ชว่ ยลดอาการปวดเขา่ ในผ้ปู ่วยโรคข้อเขา่ เส่อื มอยา่ งมีนยั สาคญั ทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกบั กลมุ่ ควบคมุ การราไท้เก๊ก34 การเลน่ โยคะ35-38 เป็นการออกกาลงั กายท่ีเหมาะสาหรับผ้สู งู อายแุ ละผ้ปู ่วยที่มีข้อเขา่ เสอ่ื ม

วิถีชีวติ กบั โรคข้อเข่าเส่อื ม | 29 เน่ืองจากเพิม่ ประสทิ ธิภาพในการทรงตวั ของร่างกาย เพมิ่ ความแข็งแรงของกล้ามเนือ้ บริหารจิตให้สงบและชว่ ยบรรเทาอาการปวดเขา่ นอกจากนีก้ ารวา่ ยนา้ ก็เป็นการออกกาลงั กายท่ีช่วยเสริมสร้างความแขง็ แรงของกล้ามเนือ้ โดยอาศยั แรงลอยตวั ของนา้ ชว่ ยลดแรง กระทาตอ่ ข้อเขา่ เช่นกนั การมีสัมพนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชดิ โรคข้อเข่าเสื่อมท่ีมีอาการปวดอกั เสบและข้อฝืดตงึ ย่อมสง่ ผลต่อการมีสมั พนั ธ์กบั คนรักหรือคนใกล้ชิด โดยอาการปวดเขา่ กล้ามเนือ้ เขา่ ออ่ นแรง ข้อเข่าบวมแดงหรือฝืดตงึ อาจทาให้สญู เสียความมน่ั ใจ และอาจทาให้อารมณ์ทางเพศลดลงขณะทากิจกรรมทาง เพศได้ (http://www.arthritisresearchuk.org) ซงึ่ ค่สู มรสต้องปรับตวั เข้าหากนั และปรับ ความเข้าใจกนั ทงั้ สองฝ่าย อาทิเช่น ปรับกิจกรรมทางเพศโดยงดการงอเข่าหรือลงนา้ หนกั บริเวณข้อเข่า ร่วมกนั หาท่าที่รู้สกึ สบายทงั้ สองฝ่ายเพ่ือคงความสมั พนั ธ์ที่ดไี ว้ หรือปรึกษา แพทย์ผ้เู ช่ียวชาญ การใช้ชีวิตคู่ท่ีต้องช่วยกันทางานบ้านหรือทากิจกรรมร่วมกัน หรือคู่สมรสไม่ สามารถประกอบอาชีพได้ตามปกติเนื่องจากโรคข้อเข่าเสื่อมทาให้ขาดรายได้ สิ่งเหล่านี ้ อาจกระทบตอ่ ความสมั พนั ธ์ในครอบครัวได้เช่นเดียวกนั คสู่ มรสต้องพดู คยุ และปรับความ เข้าใจกนั โดยอาจสบั เปลี่ยนการทางานท่ีสามารถทาได้ทงั้ สองฝ่ายโดยไม่กระทบกบั โรคที่ เป็น หาสงิ่ อานวยความสะดวกเพ่ือช่วยผอ่ งถ่ายภาระงานที่จาเป็น การส่ือสาร โรคข้อเข่าเส่ือมมีผลกระทบต่อการสื่อสารตามวิถีไทย เนื่องจากอาการปวดเข่า และข้อเข่าฝืดตึงทาให้เป็นอุปสรรคในการลกุ นง่ั กบั พืน้ ตามมารยาทหรือพิธีการแบบไทย การสื่อสารกับพระสงฆ์ในวัด ควรปรับวีถีชีวิตกับพืน้ เป็ นการนั่งเก้ าอี ้ เพื่อช่วย ประคบั ประคองข้อเข่าให้สามารถใช้งานได้ใกล้เคยี งปกตมิ ากที่สดุ

30 | วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เสือ่ ม การทางาน โรคข้อเข่าเส่ือมมีผลทาให้ข้อเข่ารับแรงกระทาได้น้อยกว่าปกติ เป็นอปุ สรรคต่อ การทางานท่ีต้องยกของหนกั หรือมีการงอเขา่ เช่น การแบกหาม การซอ่ มรถหรือเคร่ืองจกั ร การทาสวน ทานา ทาไร่ งานท่ีต้องนง่ั กบั พืน้ งานสานกั งานท่ีมีการขนึ ้ ลงบนั ไดบ่อยๆ เป็น ต้น ผ้ทู ี่เป็นโรคข้อเข่าเส่ือมอาจต้องปรับวิธีการทางาน เช่น การนงั่ เก้าอีแ้ ทนการนง่ั กบั พืน้ การวางแผนงานให้ขึน้ ลงบนั ไดน้อยท่ีสดุ หรืออาศยั ลิฟต์หรือบนั ไดเล่ือนทดแทน หากไม่ สามารถทาได้อาจต้องปรับเปล่ียนงาน นอกจากนีค้ วรหมน่ั บริหารกล้ามเนือ้ บริเวณข้อเข่า ควบคมุ นา้ หนกั ตวั ให้อยใู่ นเกณฑ์ท่ีเหมาะสม เพื่อให้สามารถใช้งานข้อเขา่ ในการทางานได้ การเรียนรู้ การเรียนรู้โดยทวั่ ไปมกั ไมไ่ ด้รับผลกระทบจากการเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ยกเว้นการ เรียนรู้ตามวิถีไทยท่ีต้องอาศยั การน่ังกับพืน้ ซึ่งในปัจจุบนั ประเทศไทยเป็นสากลมากขึน้ การนงั่ เก้าอีเ้พ่ือทากิจกรรมยอ่ มสง่ เสริมการถนอมข้อเขา่ ให้ใช้งานได้นานยงิ่ ขนึ ้ นอกจากนี ้ การเรียนรู้การดแู ลข้อเข่า ทงั้ การบริหารข้อเข่า การออกกาลงั กายท่ีเหมาะสม การควบคมุ นา้ หนกั ตวั ให้เหมาะสมจะช่วยให้ข้อเข่าที่มีอาการเสือ่ มใช้งานตอ่ ไปได้มากท่ีสดุ

วิถีชีวิตกบั โรคข้อเข่าเส่อื ม | 31 บทวิเคราะห์ โรคข้อเข่าเสอ่ื มกระทบตอ่ วิถีชีวติ ทงั้ 7 มิติ ได้แก่ การอปุ โภค/บริโภค การอย่อู าศยั การนอนหลบั /พกั ผ่อนหย่อนใจ การมีสมั พนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชิด การส่ือสาร การทางาน และการเรียนรู้ทงั้ ทางตรงและทางอ้อม ผลกระทบที่เกิดขนึ ้ สว่ นใหญ่เกิดจากอาการปวดข้อ เขา่ ข้อเข่าฝืดตงึ กล้ามเนือ้ ข้อเขา่ อ่อนแรง สง่ ผลตอ่ การนอน นงั่ ยืน เดิน และวิ่ง อิริยาบถ ดงั กล่าวถือเป็นสิ่งจาเป็นในการใช้ชีวิตประจาวนั ทงั้ ในการพกั ผ่อนนอนหลบั การขบั ถ่าย การทางาน การออกกาลงั กาย การมีสมั พนั ธ์ทางเพศ นอกเหนือจากการปอ้ งกนั โรคข้อเข่า เส่ือมแล้ว จะเห็นได้ว่าการส่งเสริมสขุ ภาวะข้อเข่าเพื่อให้สามารถทากิจวตั รประจาวนั ได้ ตามปกติมีความสาคญั อย่างย่ิงยวด จากการวิเคราะห์ผลกระทบของโรคข้อเข่าเส่ือมต่อ วถิ ีชีวิตสามารถสงั เคราะห์องค์ความรู้ได้ดงั นี ้ 1. โรคข้อเข่าเส่ือมอาจส่งผลต่อการเดินไปตลาดและการประกอบอาหาร โดยไม่มี ข้อมลู สนบั สนนุ ชดั เจนว่ากระทบต่อการอปุ โภค/บริโภค อย่างไรก็ดีแนะนาให้ผ้ทู ่ี เป็นโรคข้อเข่าเสือ่ มควบคมุ นา้ หนกั ตวั และบริหารกล้ามเนือ้ ข้อเขา่ เพ่ือให้คงสภาพ การใช้งานได้มากท่ีสดุ 2. การอยอู่ าศยั ท่ีมีวิถีชีวิตกบั พืน้ และการขนึ ้ ลงบนั ไดเป็นอปุ สรรคตอ่ การใช้ชีวิตของ ผ้ทู ี่เป็นโรคข้อเข่าเส่ือมอย่างชดั เจนและส่งเสริมให้โรครุนแรงมากขึน้ ดงั นนั้ การ ปรับสภาพแวดล้อมภายในบ้านให้เหมาะสมทงั้ การอาศยั อย่ชู นั้ ลา่ งเพ่ือหลีกเล่ียง การขึน้ ลงบนั ได การนง่ั เก้าอีแ้ ทนการนงั่ กบั พืน้ การใช้ส้วมชกั โครกแทนการนง่ั ยอง การใช้เครื่องซกั ผ้าหรือสิ่งอานวยความสะดวกแทนการใช้งานที่ต้องนงั่ เก้าอีเ้ตยี ้ ๆ

32 | วิถีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม 3. อาการปวดเข่ากระทบต่อการนอนหลบั อย่างชัดเจน อาจจาเป็นต้องอาศยั ยา บรรเทาอาการปวด การประคบอุ่น การบริหารกล้ ามเนือ้ บริเวณเข่าเพื่อช่วยให้ สามารถนอนหลบั ได้ดยี ่ิงขนึ ้ 4. ผ้ทู ี่มีข้อเข่าเส่ือมอาจมีอาการปวดบวมบริเวณข้อเข่า ข้อฝืดตึง กระทบต่อความ มน่ั ใจในการมีสมั พนั ธ์กบั คนรัก/คนใกล้ชิด คสู่ มรสหรือครู่ ักจาเป็นต้องปรับความ เข้าใจซงึ่ กนั และกนั ปรับการใช้ชีวิตครอบครัว เปล่ียนท่าทางในการมีสมั พนั ธ์ทาง เพศกับคนรักให้อยู่ในท่าที่สบาย หลีกเล่ียงการงอเข่า คุกเข่าหรือลงนา้ หนัก บริเวณข้อเข่า จะช่วยให้ความสัมพันธ์ยืนยาวและมีความสุขทัง้ สองฝ่ าย อาจ ปรึกษาแพทย์ผ้เู ช่ียวชาญเพ่ิมเตมิ ตามความเหมาะสม 5. การสื่อสารท่ีอาศยั การนง่ั กบั พืน้ เช่น พิธีกรรมทางศาสนา การเข้าหาผ้ใู หญ่ อาจ ต้องปรับวิธีการหรือแจ้งให้ผ้เู ก่ียวข้องทราบ ทงั้ นีห้ ากสงั คมมีความเข้าใจในโรค และความจาเป็นของผู้ที่มีโรคข้อเข่าเสื่อม การอนุโลมให้ใช้เก้าอี ้ หรือปรับ สภาพแวดล้อมในการสื่อสารให้เป็นสากลมากขนึ ้ เช่น การยกธรรมมาสให้สงู และ ให้ผ้ฟู ังนง่ั เก้าอี ้การฟังธรรมทางโทรทศั น์ การส่ือสารทางโทรศพั ท์ท่ีมีรูปภาพ อาจ ชว่ ยเพม่ิ คณุ ภาพชีวติ ของผ้ทู ่ีมีโรคข้อเขา่ เสอื่ มได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 6. การทางานที่ต้องมีการงอเข่ามากเกิน 120 องศา การยกของหนกั การเดนิ ขนึ ้ ลง บนั ไดบ่อยๆ ถือเป็นข้อจากัดของผ้ทู ่ีเป็นโรคข้อเข่าเส่ือม หากเป็นไปได้อาจปรับ สภาพแวดล้อมในการทางานให้ทางานชนั้ ล่าง ใช้เคร่ืองท่นุ แรงแทนการยกของ หนกั การใช้เครื่องจกั รทางานในระดบั ท่ีต้องยอ่ เขา่ แทนการใช้แรงงานคนสามารถ ช่วยอานวยความสะดวกให้ผู้ที่มีโรคข้อเข่าเสื่อมทางานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากย่ิงขนึ ้ อาจมีกฎหรือกฎหมายรองรับงานที่เหมาะสมสาหรับผ้ทู ี่เป็นโรคข้อเขา่ เสอ่ื มให้มีทางเลอื กในชนิดงานที่เหมาะกบั โรคมากขนึ ้

วิถีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เส่ือม | 33 7. การเรียนรู้ในปัจจุบนั มีความเป็นสากลมากขึน้ ยกเว้นการเรียนรู้ในวิถีไทยท่ีต้อง อาศัยการนั่งเรียนกับพืน้ อาจเป็ นอุปสรรคสาหรับผู้ท่ีเป็ นโรคข้ อเข่าเส่ือม จาเป็นต้องปรับให้สามารถเรียนโดยการนงั่ เก้าอีท้ ดแทนการนง่ั กบั พืน้ นอกจากนี ้ ผู้ท่ีเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมจาเป็นต้องเรียนรู้การดูแลรักษาสุขภาพข้อเข่า โดยการ ควบคมุ นา้ หนกั และบริหารข้อเขา่ จากบทสงั เคราะห์ข้างต้นสามารถสรุปได้วา่ โรคข้อเขา่ เส่ือมกระทบตอ่ วิถีชีวิตทงั้ 7 มิติ อย่างไรก็ดีผู้ป่ วยสามารถส่งเสริมสุขภาพข้อเข่าเพ่ือให้สามารถดาเนินชีวิตได้ ใกล้เคยี งปกติ โดยการควบคมุ นา้ หนกั ตวั บริหารกล้ามเนือ้ ข้อเข่า การออกกาลงั กายท่ี ส่งเสริมกล้ามเนือ้ ข้อเข่าและลดแรงกระทาต่อข้อเข่า เช่น การว่ายนา้ การราไท้เก๊ก โยคะ การเดินแอโรบิก หลีกเลี่ยงวิถีชีวิตกบั พืน้ การขนึ ้ ลงบนั ไดบอ่ ยๆ และการยกของ หนกั ทงั้ ที่บ้านและที่ทางาน ปรับท่าทางในการมีสมั พนั ธ์กบั คนรักให้เป็นท่ีพงึ พอใจทงั้ สองฝ่ าย เมื่อมีอาการปวดข้อเขา่ อาจใช้ยาแก้ปวดหรือการประคบอ่นุ หากอาการไม่ดี ขนึ ้ หรือกระทบตอ่ การใช้ชีวิตประจาวนั ในมิติใดมิตหิ นึ่ง ควรปรึกษาแพทย์ผ้เู ช่ียวชาญ เพ่อื ให้คาแนะนาที่เหมาะสมเฉพาะราย บทสรุป โรคข้อเข่าเส่ือมเป็นโรคที่เกิดจากวิถีชีวิตด้านการอปุ โภค/บริโภคท่ีมากเกินความ จาเป็น ทาให้นา้ หนกั ตวั ท่ีมากผิดปกติกระทาต่อข้อเข่า นอกจากนีก้ ารบาดเจ็บจากการ กีฬา การเกิดอบุ ตั ิเหตบุ ริเวณข้อเข่า การมีวิถีชีวิตกบั พืน้ ทงั้ การอย่อู าศยั การส่ือสารและ การเรียนรู้ การทางานที่มีการงอเข่าร่วมกบั การยกของหนกั สง่ เสริมให้เป็นโรคข้อเขา่ เสื่อม การปรับเปล่ียนวิถีชีวิตให้มีนา้ หนักตัวให้เหมาะสม บริหารกล้ามเนือ้ บริเวณข้อเข่า หลีกเล่ียงการเล่นกีฬาแบบปะทะและวิถีชีวิตกบั พืน้ การขบั ขี่ปลอดภยั จะช่วยถนอมข้อ เข่าให้ใช้งานได้นานขนึ ้ เมื่อเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมแล้วตวั โรคเองกระทบตอ่ วิถีชีวิตทงั้ 7 มิติ

34 | วถิ ีชีวติ กบั โรคข้อเขา่ เสอื่ ม ทงั้ ทางตรงและทางอ้อม วิถีชีวิตที่ปรับเปล่ียนเพ่ือป้องกันโรคข้อเข่าเส่ือมสามารถนาไป ปรับใช้สาหรับผู้ท่ีเป็นโรคข้อเข่าเสื่อมได้เช่นเดียวกนั นอกจากนีก้ ารปรับความสมั พนั ธ์ใน ครอบครัวสาหรับคนรักหรือคนใกล้ชิดให้เข้าใจสภาวะข้อเข่าเสื่อมยงั ช่วยให้ชีวิตครอบครัว มีความสขุ ยืนยาวยงิ่ ขนึ ้ เอกสารอ้างองิ 1. Felson DT, Zhang Y, Hannan MT, et al. Risk factors for incident radiographic knee osteoarthritis in the elderly: the Framingham Study. Arthritis Rheum. 1997 Apr;40(4):728-33. 2. Lawrence RC, Felson DT, Helmick CG, et al. Estimates of the prevalence of arthritis and other rheumatic conditions in the United States. Part II. Arthritis Rheum. 2008;58(1):26-35. 3. Jiang L, Rong J, Zhang Q, et al. Prevalence and associated factors of knee osteoarthritis in a community-based population in Heilongjiang, Northeast China. Rheumatol Int 2012;32(5):1189-95. 4. Muraki S, Akune T, Oka H, et al. Incidence and risk factors for radiographic knee osteoarthritis and knee pain in Japanese men and women. A longitudinal population-based cohort study. Arthritis Rheum 2012;64(5):1447-56. 5. Cho HJ, Chang CB, Kim KW, et al. Gender and prevalence of knee osteoarthritis types in elderly Koreans. J Arthroplasty 2011:26(7):994-9.

วิถีชีวติ กบั โรคข้อเข่าเส่อื ม | 35 6. Fransen M, Bridgett L, March L, Damian H, Penserga E, Brooks P. The epidemiology of osteoarthritis in Asia. Int J Rheum Dis 2011;14:113-21. 7. Kuptniratsaikul V, Tosayanonda O, Nilganuwong S, Thamalikitkul V. The epidemiology of osteoarthritis of the knee in elderly patients living an urban area of Bangkok. J Med Assoc Thai. 2002;85(2):154-61. 8. Tangtrakulwanich B, Geater AF, Chongsuvivatwong V. Prevalence, patterns, and risk factors of knee osteoarthritis in Thai monks. J Orthop Sci. 2006;11(5):439-45. 9. Altman R, Asch E, Bloch D, Bole D, Borenstein K, Brandt K, et al. Development of criteria for the classification and reporting of osteoarthritis. Classification of osteoarthritis of the knee. Arthritis Rheum 1986;29:1039-49. 10. Spector TD, Cooper C. Radiologic assessment of osteoarthritis: Whither Kellgren and Lawrence. Osteoarthritis Cart 1993;1:203-6. 11. Bundhamcharoen K, Odton P, Phulkerd S, Tangcharoensathien V. Burden of disease in Thailand: changes in health gap between 1999 and 2004. BMC Public Health 2011;11:59-62. 12. Arden N. Osteoarthritis epidemiology. Best Prac Res Clin Rheum 2006;20(1):3-25. 13. Hansen P, Willick S. Running and osteoarthritis. Clin Sports Med. 2010;3:417-28.

36 | วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเขา่ เสือ่ ม 14. Mork PJ, Holtermann A, Nilsen TI. Effect of body mass index and physical exercise on risk of knee and hip osteoarthritis: longitudinal data from the Norwegian HUNT Study. J Epidemiol Community Health. 2012;66(8):678-83. 15. Sturmer T, Gunther KP, Brenner H. Obesity, overweight and patterns of osteoarthritis: the Ulm Osteoarthritis study. J Clin Epidemiol. 2000;53:307–13. 16. Felson DT. Weight and osteoathritis. Am J Clin Nutr. 1996;63(suppl):430–2. 17. Vrezas I, Elsner G, Bolm-Audorff U, Abolmaali N, Seidler A. Case-control study of knee osteoarthritis and lifestyle factors considering their interaction with physical workload. Int Arch Occup Environ Health. 2010;83(3):291-300. 18. Jiang L, Tian W, Wang Y, et al. Body mass index and susceptibility to knee osteoarthritis: A systematic review and meta-analysis. J Bone Spine 2012;79(3):291-7. 19. Vicent HK, Heywood K, Connelly J, Hurley R. Obesity and weightloss in the treatment and prevention of osteoarthritis. Am Acad Phys Med Rehab 2012;4;S59-S67. 20. Nigg, BM. Biomechanical aspects of running. In: Nigg, BM., editor. Biomechanics of running shoes. Champaign, IL: Human Kinetics Publishers, Inc; 1986. p. 1-25.

วถิ ีชีวติ กบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม | 37 21. Tangtrakulwanich B, Chongsuvivatwong V, Geater AF. Habitual floor activities increase risk of knee osteoarthritis. Clin Orthop Relat Res 2006;454:147-54. 22. Muthuri SG, Hui M, Doherty M, Zhang W. What if we prevent obesity? Risk reduction in Knee osteoarthritis estimated through a meta-analysis of observational studies. Arthritis Care Res 2011;63(7):982-90. 23. Hart DJ, Spector TD. Cigarette smoking and risk of osteoarthritis in women in the general population: the Chingford study. Ann Rheum Dis 1993;52:93–6. 24. Palmer KT. Occupational activities and osteoarthritis of the knee. British Med Bullet 2012;102:147-70. 25. Tangtrakulwanich B, Chongsuvivatwong V, Geater AF. Association between floor activities and knee osteoarthritis in Thai Buddhist monks: The Songkhla study. J Med Assoc Thai 2006;89(11):1902-8. 26. Panush RS, Schmidt C, Caldwell JR, et al. Is running associated with degenerative joint disease? JAMA 1986;255:1152-4. 27. Sohn RS, Micheli LJ. The effect of running on the pathogenesis of osteoarthritis of the hips and knees. Clin Orthop Relat Res 1985;198:106-9. 28. Lane NE, Bloch DA, Jones HH, et al. Long-distance running, bone density, and osteoarthritis. JAMA 1986;255:1147-51. 29. Konradsen L, Hansen EM, Songard L. Long distance running and osteoarthritis. Am J Sports Med 1990;18:379-81.

38 | วิถีชีวติ กบั โรคข้อเขา่ เส่อื ม 30. Chakravarty EF, Hubert HB, Lingala VB, et al. Long distance running and knee osteoarthritis. A prospective study. Am J Prev Med 2008;35:133-8. 31. McDermott M, Freyne P. Osteoarthritis in runners with knee pain. Br J Sports Med 1983;17:84-7. 32. Cheng Y, Macera CA, Davis DR, et al. Physical activity and self reported, physician-diagnosed osteoarthritis: Is physical activity a risk factor? J Clin Epidemiol 2000;53:315-22. 33. Foy CG, Lewis CE, Hairston KG, et al. Intensive lifestyle intervention improves physical function among obese adults with knee pain: finding from the look AHEAD trial. Obesity 2011;19:83-93. 34. Wang C, Schmid CH, Hibberd PL, et al. Tai Chi is effective in treating knee osteoarthritis: A randomized controlled trial. Arthritis Rheum 2009;61:1545-53. 35. Ebnezar J, Nagarathna R, Yogitha B, Nagendra HR. Effects of an integrated approach of hatha yoga therapy on functional disability, pain, and flexibility inosteoarthritis of the knee joint: a randomized controlled study. J Altern Complement Med 2012;18:463-72. 36. Ebnezar J, Nagarathna R, Yogitha B, Nagendra HR. Effect of integrated yoga therapy on pain, morning stiffness and anxiety in osteoarthritis of the knee joint: A randomized control study. Int J Yoga 2012;5:28-36.

วถิ ีชีวิตกบั โรคข้อเข่าเส่อื ม | 39 37. Ebnezar J, Nagarathna R, Bali Y, Nagendra HR. Effect of an integrated approach of yoga therapy on quality of life in osteoarthritis of the knee joint: A randomized control study. Int J Yoga. 2011;4:55-63. 38. Selfe TK, Innes KE. Mind-Body Therapies and Osteoarthritis of the Knee. Curr Rheumatol Rev. 2009;5:204-11. 39. Chen JC, Linnan L, Callahan LF, Yelin EH, Renner JB, Jordan JM. Workplace policies and prevalence of knee osteoarthritis: the Johnston County Osteoarthritis Project Occup Environ Med 2007;64:798–805. 40. Callahan LF, Cleveland RJ, Shreffler J, et al. Associations of educational attainment, occupation and community poverty with knee osteoarthritis in the Johnston County (North Carolina) osteoarthritis project. Arthritis Res Ther 2011;13:R169. 41. Woolhead G, Gooberman-Hill R, Dieppe P, Hawker G. Night pain in hip and knee osteoarthritis: a focus group study. Arthritis Care Res (Hoboken). 2010;62:944-9. 42. Roddy E, Zhang W, Doherty M. Aerobic walking or strengthening exercise for osteoarthritis of the knee? A systematic review. Ann Rheum Dis. 2005;64:544-8.

เก่ียวกับผู้เขียน รศ.ดร.พญ. ภทั รวณั ย์ วรธนารัตน์ จบแพทยศาสตรบณั ฑติ ออร์โธปิดิกส์ และระบาดวทิ ยาคลนิ ิก คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวทิ ยาลยั มหิดล ศกึ ษาตอ่ ด้านออร์โธปิดิกส์เดก็ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา เช่ียวชาญด้านออร์โธปิดิกส์เดก็ ระบาดวทิ ยาคลนิ กิ และ เป็นรองหวั หน้าภาควิชาออร์โธปิดกิ ส์ รามาธิบดี




Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook