ชวนคณุ รว มสำรวจสถาปตยกรรมในเกาะรัตนโกสินทรไปดว ยกัน ตกึ ไทยประเพณี
วิมานพิระอินทร์ ติึกไทยในวังห่ลวง พิระท่นี ั่งอมรินทรวนิ จิ ฉยั มไห่ส้รยพิิมาน A01 Architectural Traditions of the Grand Palace เมอ่ื ครั้งแรกสร้�งกรงุ เทพมห�นครเป็นร�ชธ�นแี หง่ ใหม่นน้ั หวั ใจ ไม่ว�่ ใครก็ต�มทม่ี โี อก�สไดเ้ ข้�ไปในพระบรมมห�ร�ชวัง หลังค�ของพระท่นี ่ังอมรนิ ทรวินิจฉยั มุงดว้ ย หรอื กระท่งั ผทู้ ่ีสนใจศลิ ปสถ�ปตั ยกรรมโดยเฉพ�ะ ไมอ่ �จพล�ด กระเบื้องเคลอื บสเี ขยี วเป็นหลัก ทข่ี อบหลังค� สำ�คญั ของพระนครกค็ อื “พระบรมมห�ร�ชวัง” ซง่ึ ถือเป็นศนู ย์กล�งของ ก�รชมพระท่ีนงั่ อมรนิ ทรวนิ ิจฉยั ไปได้ ถอื เปน็ อ�ค�รที่สำ�คัญ มุงดว้ ยสสี ้ม แลว้ ตดั เส้นระหว�่ งท้งั สองสีด้วย คว�มศักดส์ิ ิทธิ์ และแสดงถึงพระร�ชอ�ำ น�จของพระมห�กษตั ริย์ ค�ำ ว่� หลังหนึ่งภ�ยในพระบรมมห�ร�ชวงั กระเบอ้ื งเคลือบสเี หลอื ง ท่ีเรียกว่� “ลวดสเี หลอื ง” “กรงุ เทพมห�นคร” หม�ยถงึ “พระนครอันย่งิ ใหญ่ดจุ เมอื งแหง่ เทพ” ซ่ีง เทพในทนี่ ี้ก็คือ พระมห�กษตั ริย์ ผทู้ รงเปรยี บพระองคเ์ ปน็ ดั่งพระอินทร์ ตวั พระท่นี งั่ เปน็ อ�ค�รท้องพระโรงแบบจ�รตี ทใี่ ช้สำ�หรับ สำ�หรับทอ้ งพระโรงสว่ นหน้�ทสี่ ร้�งในแนว พระมห�กษัตริย์เสด็จฯ ออกขุนน�ง ออกมห�สม�คม และ ขว�งนน้ั มงุ ด้วยกระเบ้อื งหลังค�สขี �บหรือ วงั หลวงท่สี ร้�งขนึ้ ใหมน่ ี้ จึงเป็นเสมือนภ�พจำ�ลองของวมิ �น ประกอบพระร�ชพิธสี ำ�คัญต่�งๆ ม�ตง้ั แตอ่ ดตี และยังคงใชง้ �น สีน�ำ้ เงินเข้ม เนอื่ งจ�กเปน็ ก�รต่อเติมขนึ้ ม�ภ�ย พระอนิ ทรบ์ นสวรรคช์ ั้นด�วดงึ ส์นน่ั เอง ม�จวบจนทกุ วนั น้ี หลงั ในสมัยรชั ก�ลที่ ๔ When Bangkok was first established as the new capital of Thai- สนั นิษฐ�นว�่ ในสมยั รัชก�ลที่ ๑ ครงั้ เรม่ิ สร�้ งน้ัน ยังเปน็ เรื่องเล่าชาวเกาะ land, the heart of the city was the Grand Palace, which was central โถงโลง่ ไม่มฝี �ผนัง to the king’s absolute power as the king was likened to Indra, a god. มุงกระเบัื้องลักสี ต่อม�ไดก้ ่ออิฐถือปนู ก้ันผนังขน้ึ เพ่มิ เติมในสมัยรชั ก�ลที่ ๓ ก�รมงุ กระเบื้องเคลอื บสีของพระที่น่ังใน The newly built Grand Palace was thus constructed to emulate วังหลวงน้นั เรยี กว่� “มงุ ลกั สี” Indra’s heavenly home. Amarin Winitchai Throne Hall in the Grand Palace was เป็นก�รมุงกระเบ้อื งหลังค�ด้วยสหี นึ่งเป็น constructed in the reign of King Rama I-III (late 18th century - หลกั แลว้ ขัดด้วยกระเบือ้ งอกี สหี นึ่ง (ซ่ึงมัก 10 early 19th century). The Throne Hall followed traditional Thai เปน็ คู่สีตรงข้�ม) โดยกระเบือ้ งเคลือบทใี่ ช้มอี ยู่ File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 10-11 architecture and has long been used for the king’s royal duties ดว้ ยกัน ๕ สี คอื สเี หลือง สสี ้ม สีเขียว สีข�บ and prestigious royal ceremonies, up until today. (นำ�้ เงินเขม้ ) และสีนำ้�ต�ลแดง แต่ส่วนใหญม่ กั ใชส้ สี ้ม สเี ขียว และสขี �บ เปน็ หลกั ต�มดว้ ยก�รใชส้ รี องตดั เสน้ หรือ ลอ้ มเปน็ กรอบ โดยมีทง้ั แบบมุงลักสี ๒ ชัน้ และลักสี ๓ ชน้ั เช่นหลังค�พระทีน่ ั่งอมรินทร วินจิ ฉยั องค์น้ี A 01 Amarin Winitchai Throne Hall D The Grand Palace, Na Phra Lan Rd. A 8.30am-3.30pm T 02 623 5500 / 02 623 5499 A www.royalgrandpalace.th Not Open to the Public 11 14/12/20 14:34
ทอ้ งพระโรง เนอื่ งจากพระที่น่งั อมรินทรวนิ ิจฉยั ใชเ้ พื่อเป็นทอ้ งพระโรง ดังนนั้ พ้ืนท่ีภายในจงึ ต้องสามารถรองรับผูค้ น ทัง้ พระบรม วงศานวุ งศแ์ ละขุนนางตา่ งๆ เปน็ จ�ำ นวนมาก ดว้ ยเหตุนี้จงึ สรา้ งให้เปน็ ห้องโถงขนาดใหญ่ เพอื่ ใหเ้ หมาะ ส�ำ หรบั เป็นทปี่ ระชุมชนน่นั เอง พระที่่�นั่่�งบุษุ บกมาลา ที่ด้านท้ายสุดของหอ้ งโถง เป็นทต่ี ้งั ของพระท่นี ั่งบุษบก มาลามหาจกั รพรรดพิ มิ าน ตัวบษุ บกเปน็ ทรงปราสาทยอดแหลม ใชเ้ ป็นพระราชบลั ลงั ก์สำ�หรับพระมหากษตั รยิ ์เสด็จฯ ขน้ึ ประทับ ในงานมหาสมาคมต่างๆ Diego Delso, delso.photo, License CC-BY-SA ScorpianPK พระที่่�นั่่�งพุุ ดตาน หน้าบันของพระท่นี ง่ั อมรินทรวนิ ิจฉัย พระที่นง่ั สนามจนั ทร์ A02 พระทนี่ ัง่ พดุ ตานกาญจนสิงหาสน์ ต้งั อยู่ดา้ นหนา้ บษุ บก จ�ำ หลกั ลายรปู พระอัมรินทราธิราช ประทบั พระท่ีนัง่ องคน์ อ้ ย ทต่ี งั้ อยดู่ า้ นขา้ งของพระท่นี ง่ั มาลา ภายใต้พระนพปฏลมหาเศวตฉัตร เหนือวิมานปราสาทสามยอด อมรินทรวนิ จิ ฉัย เปน็ ศาลาไม้ขนาดกะทัดรดั ท่ี เปน็ พระราชอาสนท์ ปี่ ระทับของพระเจา้ อยูห่ ัวในงาน รชั กาลท่ี ๒ โปรดเกลา้ ฯ ใหส้ รา้ งขน้ึ เพอ่ื เปน็ ศาลา พระราชพิธสี ำ�คัญตา่ งๆ มาถงึ ตรงน้ี หลายคนอาจสงสัยวา่ ... ประทบั ในยามล�ำ ลอง ท�ำ ไมต้องเป็นรปู พระอมรนิ ทรห์ รอื ด้วยลักษณะท่เี ป็นศาลาโลง่ ทรงไทย หลงั คาจว่ั เสา พระอนิ ทรด์ ้วย? มีชายคาปกี นกท้งั สี่ด้าน ท�ำ ใหพ้ ระท่ีนั่งสนามจนั ทร์ เม่อื แรกเร่มิ ก่อสรา้ งในสมัยรัชกาลที่ ๑ ใชเ้ สาไม้กลม ถือเปน็ ภาพจำ�ของศาลาไทยไดเ้ ป็นอยา่ งดี ต่อมาในสมัยรชั กาลท่ี ๓ ได้ก่ออฐิ หมุ้ เสาไม้เดมิ จนกลาย เหตุท่ีต้องเป็นพระอนิ ทร์น้ัน กส็ ืบเนอื่ ง ท่ีสำ�คัญแมเ้ หน็ ศาลาหลงั กระจิริดเพยี งแค่น้ี เปน็ เสาทรงเหลีย่ มขนาดใหญ่ มาจากรัชกาลท่ี ๑ ทรงเปรยี บพระองคเ์ อง (ด้านในมแี ทน่ ท่ปี ระทบั ขนาดเทา่ ฟูกเตยี งนอนใน ตลอดจนมกี ารเขยี นลวดลายเลยี นแบบผ้าน่งุ โดยมที อ้ งผา้ เป็นด่งั มฆมาณพ สตั บรุ ษุ ทสี่ รา้ งศาลาจนได้ ปัจจบุ ันเทา่ น้นั ) แต่ขอบอกวา่ จว๋ิ แตแ่ จว๋ เพราะดว้ ย เป็นลายดอกไม้ ส่วนหัวเสาและโคนเสา คือ เชงิ ผ้า เขยี นเป็น เปน็ พระอินทร์ เสมอื นกบั พระองค์ทเ่ี พยี ร ฐานานุศักดขิ์ องอาคารท่ีสรา้ งขนึ้ ใหพ้ ระมหากษตั ริย์ ลายกรวยเชงิ ปฏบิ ัติชอบ ส่งั สมบารมีจนไดข้ ึ้นครองราชย์ ได้ประทับแลว้ ก็ต้องจัดเต็มไปดว้ ยการประดับ เปน็ พระมหากษัตรยิ ์ ประดา ไม่ว่าจะการปดิ ทองหรอื ตดิ กระจกวบิ วบั คอสอง ลว้ นน�ำ มาประดับประโคมให้อย่างสมพระเกยี รติ คานทวี่ างพาดระหว่างหัวเสาเหลา่ นี้ เรียกวา่ “คอสอง” และด้วยคติความเชอื่ ดงั กล่าว จงึ ท�ำ หน้าทใ่ี นการรบั น้ำ�หนักโครงสร้างหลงั คาหนา้ จ่วั ใหถ้ ่าย ทำ�ให้รัชกาลที่ ๓ ตงั้ ชื่อพระทีน่ ั่งองคน์ ้ีว่า Sanam Chan Pavilion is a small wooden pavilion ลงมาสูต่ วั เสา “อมรนิ ทรวินจิ ฉัย” ด้วยว่ากษัตรยิ เ์ ป็นดัง่ located next to Amarin Winitchai Throne Hall. It was คอสองคือผนงั กอ่ อฐิ เสรมิ ขนึ้ ทด่ี ้านบนของคานไม้ที่พาด พระอินทรน์ ้เี อง constructed in the reign of King Rama II and was used ระหวา่ งหัวเสา เพ่ือเพิม่ ความแขง็ แรง (เป็นท่มี าของการเรยี ก for informal occasions. คอสองกนั วา่ เคร่ืองกอ่ ท้องไม)้ จากการใช้คานไม้นเ้ี อง ทำ�ให้มขี อ้ จ�ำ กดั เร่อื งความยาว และ The Throne Hall is a vast space, big enough to fit น�ำ้ หนักทสี่ ามารถแบกรบั ได้ จะสงั เกตเหน็ ไดว้ ่าช่วงเสาของ a large number of people. At the center is a throne, พระทนี่ ั่งนีจ้ ึงค่อนขา้ งถี่ placed under a nine-tiered royal umbrella, symbolic of นอกจากนี้แล้วยงั มีการเขยี นภาพเทพชมุ นมุ ตกแตง่ บรเิ วณ the king. On the far end of the hall is another throne. ผนงั ตรงคอสองนอี้ ีกด้วย Both thrones have been meticulously crafted as they were intended for royal ceremonies. พื้น A 02 Sanam Chan Pavilion D พื้นภายในพระทีน่ ั่งปดู ้วยหนิ อ่อนในแนวทแยง เพอ่ื ชว่ ย The Grand Palace, Na Phra Lan Rd. A Outside, the gables of the building feature carving พรางตาใหท้ อ้ งพระโรงแลดูกว้างขวางใหญ่โตขน้ึ 8.30am-3.30pm T of Indra residing above his palace. 02 623 5500 / 02 623 5499 A www.royalgrandpalace.th 12 Not Open to the Public 13 File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 12-13 14/12/20 14:34
พระทีน่ ัง่ ดุสติ มหาปราสาท A03 หนา้ บันทั้งสท่ี ิศของพระท่ีน่งั ดุสติ ฯ ตดิ ต้ังประตมิ ากรรมสลักลอยตวั รูป อาคารทรงจตุรมขุ (คอื มมี ุขส่ีทิศ ท�ำ ใหม้ ีแผนผัง “นารายณ์ทรงสุบรรณ” (นารายณ์ทรงครฑุ สัตว์พาหนะ) อันเป็นสญั ลกั ษณ์ เป็นรปู กากบาท) ยกพ้นื สงู มีหลงั คาเปน็ ทรง ของพระมหากษตั รยิ ์ ซ่งึ เชอ่ื วา่ เป็นนารายณ์อวตาร ตา่ งจากหนา้ บันของ ปราสาทยอดแหลมนี้ คอื พระทน่ี งั่ ดสุ ติ มหาปราสาท พระที่นง่ั อมรนิ ทรวินจิ ฉัยท่ีเปน็ รูปพระอนิ ทร์ อนั เป็นพระท่นี ั่งส�ำ คญั อีกองค์หน่งึ ในหมู่มหา ในอดีตเมอ่ื มพี ระบรมวงศานวุ งศช์ ้นั สูงฝา่ ยใน ปราสาทภายในพระบรมมหาราชวัง องคป์ ระกอบหลังคาและหน้าจั่วของพระทน่ี ่ัง บางพระองค์ส้นิ พระชนม์ ก็โปรดเกลา้ ฯ ใหต้ ้งั พระ ยอดปราสาทของพระท่นี ่งั องค์น้ี เรียกว่าทรง ดุสิตฯ ประดับด้วยเคร่ืองลำ�ยองตา่ งๆ ซ่ึงใช้แสดงถึง ศพบนพระทน่ี ัง่ ดุสติ มหาปราสาทน้ี จนกลายเป็น “จอมแห” ซ่ึงถอื วา่ มสี ัดส่วนท่สี วยงามเป็นเอกลักษณ์ ฐานานุศกั ด์ขิ องงานสถาปัตยกรรมดงั น้ี ธรรมเนยี มปฏบิ ัติทีส่ ืบตอ่ มาจนถงึ ปัจจบุ ัน ดว้ ยทรวดทรงทส่ี อดประสานลงตวั รบั กบั โครงหลงั คา นาคสะดงุ้ คือ เคร่อื งไมป้ ระดบั หลังคาที่สะบดั เม่ือแรกสร้างโถงภายในมีเสาต้งั อยสู่ ่ีจดุ หนา้ จั่วลดชนั้ สชี่ ้ันที่อยตู่ ่อลงมาทางด้านลา่ ง เปน็ ลอนโคง้ ขนึ้ ลงไปมา คล้ายนาคเลอื้ ยมาแล้ว เพือ่ รองรบั น�้ำ หนักของยอดหลงั คาปราสาท ต่อมา มุมหลงั คาทงั้ สี่ดา้ น (เรียกกนั ว่า รกั แร้) ตดิ ตัง้ สะดงุ้ เกี่ยวแปไว้ เปน็ เคร่อื งลำ�ยองที่ท�ำ ไดเ้ ฉพาะใน ไดม้ ีการตรวจสอบแล้วว่าเสาดงั กล่าวไมม่ ผี ลตอ่ การ รปู สลักลอย ตัวรปู ครฑุ ยุดนาค เพ่ือใชร้ องรับเครอ่ื ง วดั และวงั หลวงเทา่ นั้น รับนำ้�หนกั โครงสรา้ งหลังคาแต่อยา่ งใด จึงใหร้ ื้อถอน ยอด ปราสาท ตามคติความเช่อื ทางจกั รวาลวทิ ยา หางหงส์ ขึน้ ช่อื วา่ หางของหงส์ แตล่ งท้ายกลบั ออก ท�ำ ให้พ้ืนทเี่ ปดิ โล่งขนึ้ ไมม่ เี สามาบงั ให้รกตา แต่ Dusit Maha Prasat Throne Hall was built in the reign of King Rama I (late 18th century). The layout features four gable ends, and featured on the gables are carvings of Narai on Garuda, which is a symbol of the monarch. The distinctive features of this Throne Hall are the spire on the roof and Garuda and Naga figures on the four corners of the roof. แกะให้กลายเป็นหวั ของนาค หางหงสท์ ่ีพระที่นั่ง เพื่อสรา้ งความมนั่ ใจในความมนั่ คงของโครงสร้างย่งิ ดสุ ติ ฯ มเี อกลกั ษณเ์ ฉพาะทเ่ี รยี กกนั วา่ “นาคเบอื น” ขึน้ รัชกาลที่ ๖ จึงให้สรา้ งเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก นาคเบอื นในท่นี ี้ไมใ่ ชน่ าคท่วั ไปทแ่ี ชเชอื นเบือนหนา้ มาทดแทนที่ผนงั ท้ังสมี่ มุ ซงึ่ ถอื วา่ เปน็ การนำ� หนี แต่นเี่ ป็นนาคทเ่ี บอื นหน้าจกิ ตาตรงเขา้ หากลอ้ ง เทคโนโลยกี ารก่อสรา้ งสมยั ใหม่ในยุคน้นั มาใชก้ ับ ซ้มุ พระทวารและพระบัญชร (ประตูและหนา้ ตา่ ง) ท�ำ เปน็ จอ้ งถ่ายเสมอื นเซลฟี ถือเป็นลูกเลน่ ของชา่ งในสมัย งานสถาปตั ยกรรมแบบจารตี ประเพณอี ย่างทไ่ี มเ่ คย ซมุ้ ยอดทรงมณฑป คอื ยอดปลายแหลม โดยซุ้มประตูหน้าตา่ ง ต้นกรงุ รตั นโกสินทร์ ทพ่ี บได้เฉพาะทีห่ น้าบันของ ปรากฎมาก่อน ยอดปราสาทเชน่ น้ี เป็นรปู แบบทสี่ งวนไวเ้ ฉพาะพระท่นี ่ังภายใน พระที่นง่ั ดสุ ติ มหาปราสาทแหง่ นี้ และทพ่ี ระทนี่ งั่ วังหลวงเท่านน้ั อาภรณพ์ โิ มกข์ปราสาทท่ตี งั้ อยขู่ ้างกนั เทา่ นน้ั Dusit Maha Prasat Throne Hall has long been used for royal funerals for kings and royal family members, ดงั น้ันหากไปทีว่ ังหน้า (พิพธิ ภัณฑสถานแหง่ ชาติพระนคร and the tradition still continues today. ในปจั จุบัน) จะเห็นได้วา่ ซุม้ ประตูและหนา้ ตา่ ง จะเปน็ ซ้มุ อกี รูป แบบหนงึ่ ที่เรียกวา่ ซมุ้ บันแถลง (ซมุ้ ทรงจ่วั ) เปน็ นยั ทร่ี ู้กนั โดย เร่ืองเล่าชาวเกาะ ท่ัวไปว่าวังหน้านั้นไมอ่ าจเทยี บชั้นทำ�ซุ้มยอดมณฑปได้ กว่าจะเป็นพระท่ีนั่งดุสิต D A 03 Dusit Maha Prasat Throne Hall ครุฑแบกปูนปั้นประดบั ท่ีส่วนยอด The Kingdom and People of Siam รัชกาลท่ี ๑ โปรดเกล้าฯ ใหส้ รา้ งพระที่นั่งจตุรมุขทรงปราสาทขึ้น ตามแบบพระท่นี ัง่ “สรรเพชญปราสาท” A The Grand Palace, Na Phra Lan Rd. ช้นั เรือนธาตุของปรางค์ วัดราชบูรณะ Sir John Bowring 1855 ในพระราชวังหลวงของกรงุ ศรอี ยุธยา โดยให้ชอื่ พระทน่ี ่ังองค์ใหม่น้ีวา่ “อนิ ทราภิเษกมหาปราสาท” T 8.30am-3.30pm จังหวดั อยธุ ยา เปน็ คตทิ ่รี ับมาจากการ เมอื่ แลว้ เสรจ็ ทรงเสดจ็ ฯ รับพระราชพิธีบรมราชาภเิ ษกทีพ่ ระท่ีนัง่ แหง่ น้ี A 02 623 5500 / 02 623 5499 สรา้ งปราสาทหินของขอมตามความ กอ่ นทพ่ี ระที่น่งั อินทราภเิ ษก จะไฟไหมไ้ ปในปี ๒๓๓๒ 14 www.royalgrandpalace.th เชื่อทางจกั รวาลวทิ ยา ทีเ่ ปรยี บองค์ รชั กาลที่ ๑ จึงทรงให้สร้างพระทีน่ ั่งอกี องคข์ น้ึ มาทดแทนในลกั ษณะคล้ายพระทีน่ ง่ั “สรุ ิยาสน์อมรินทร”์ ปรางค์เป็นเขาพระสุเมรุ โดยมีครฑุ ของอยุธยา เพื่อใชเ้ ปน็ ท้องพระโรงออกวา่ ราชการ พระทน่ี ั่งองคใ์ หม่ สรา้ งแลว้ เสรจ็ เฝ้าอยู่ทตี่ นี เขา ในปี ๒๓๓๘ ใหช้ ่อื ว่าพระท่ีน่งั “ดสุ ิตมหาปราสาท” 15 File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 14-15 14/12/20 14:34
พระทน่ี ง่ั อาภรณ์พิโมกขป์ ราสาท A04 พระท่นี ัง่ สทุ ไธศวรรย์ปราสาท A05 เปน็ พระที่นงั่ ขนาดยอ่ มท่ตี ้งั อยูเ่ คยี งกับพระทนี่ ง่ั เป็นพระทน่ี ่งั องคใ์ หญ่ทส่ี ร้างยาวครอ่ มไปตามแนวกำ�แพงพระบรมมหาราชวัง ดสุ ติ มหาปราสาท สรา้ งขน้ึ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ดว้ ย Supanut Arunoprayote ดา้ นทิศตะวันออก ตั้งตระหง่านเหนอื ลานโลง่ ทางด้านหน้า ไมท้ ั้งองค์ มีลักษณะเป็นโถงจตุรมขุ ยอดปราสาท Supanut Arunoprayote แรกสรา้ งในสมยั รชั กาลท่ี ๑ เป็นเพยี งพลบั พลาโถงเครื่องไม้ หลงั คาไมม่ ียอด ไมม่ ผี นงั ยกพนื้ สูงเสมอก�ำ แพงเพ่อื ใชเ้ ปน็ พลับพลา ปราสาท ใช้สำ�หรบั เปน็ ทปี่ ระทับทอดพระเนตรกระบวนแหท่ ่ีทอ้ งสนามไชยดา้ นลา่ ง ส�ำ หรบั ประทับพระราชยาน ไมว่ ่าจะเปน็ พระคชาธาร บริเวณดา้ นหนา้ กำ�แพงพระบรมมหาราชวัง (ช้าง) หรอื พระเสลยี่ ง ถอื วา่ เปน็ พระทนี่ งั่ ทม่ี ีสดั สว่ น ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ ไดเ้ ปลยี่ นเปน็ ผนังก่ออิฐถอื ปนู และเพ่มิ ยอดปราสาท ทรวดทรงอันงดงามเปน็ อยา่ งมาก จนนำ�ไปเปน็ ต้น บนหลังคาด้วย แบบใหก้ บั พระทนี่ ั่งและศาลาอกี หลายองคต์ อ่ มา ยอดปราสาททรงมณฑป เชน่ เดยี วกับพระท่นี งั่ John Thomson ยอดปราสาททรงมณฑป ทมี่ ีการสรา้ งเพิ่มเติมในสมัย รชั กาลที่ ๙ ออกมหาสมาคม ดสุ ิตมหาปราสาท Wouter Hagens รชั กาลท่ี ๓ ซ่งึ ถือเป็นเอกสิทธ์เิ ฉพาะพระท่ีน่ังในวงั หลวง เน่อื งในการพระราชพิธบี รม หลงั คาซอ้ นช้นั ๔ ชนั้ ดาดดว้ ยดีบกุ โดยการน�ำ เทา่ นน้ั จึงจะทำ�ยอดปราสาทได้ ราชาภเิ ษก ปี ๒๔๙๓ ดีบุกมาหล่อเป็นแผน่ แล้วมุงแทนกระเบ้ือง Sutthai Sawan Prasat is located on the หางหงส์แบบ “นาคเบอื น” คอื หวั นาคเบือนหน้า หลงั คาซ้อนชน้ั ๔ ชนั้ แต่ละชน้ั แบ่งย่อยเปน็ ๓ ตบั แตล่ ะ edge of the Grand Palace on Sanam Chai’s หนั ขา้ งมองตรงออกมา เชน่ เดียวกบั พระท่ีนั่งดุสิต ตับมงุ ดว้ ยกระเบอื้ งเคลือบสีแสด ตัดขอบเขยี ว side. It was first built during King Rama มหาปราสาททอี่ ยเู่ คยี งกัน I’s era as an open wooden structure with หน้าบันจำ�หลักลายพระอมั รนิ ทราธริ าช (พระ การแบง่ หลงั คาออกเป็นตบั ย่อยๆ น้ัน ชว่ ยลดทอนระนาบ no walls, used for observing parades at อินทร)์ เชน่ เดยี วกับพระทน่ี งั่ อมรนิ ทรวินจิ ฉยั ขนาดใหญข่ องผนื หลงั คาให้เล็กลง ขณะเดยี วกันการตัดขอบ the field outside the Grand Palace. In King เปน็ สญั ลกั ษณ์แทนกษตั ริย์แห่งกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ หลงั คาดว้ ยกระเบอ้ื งคู่สีตรงข้าม ก็ช่วยย่อยพน้ื ที่หลังคาสีแสด Rama III’s era, brick and mortar walls ทเ่ี ปรยี บตัวเองเป็นดัง่ พระอนิ ทร์ ให้ดไู ม่ต่อเนอ่ื งกันเป็นผนื ใหญผ่ ืนเดยี ว หลงั คาพระท่ีนั่งจึงดูเบา were constructed, and the spire was added ไม่ใหญโ่ ตเทอะทะ หรอื หนาหนกั เทา่ ที่ควรจะเป็น to the roof. In 1950, King Rama IX granted Aphon Phimok Prasat Pavilion a grand audience on the occasion of His was built in the reign of King Rama IV สว่ นระเบยี งท่มี ขุ กลาง ตอ่ ยืน่ ออกมาเพือ่ เป็นทเี่ สดจ็ ออก Majesty’s Royal Coronation Ceremony. (middle 19th century). It is a wooden สีหบญั ชรนน้ั ไดถ้ กู ต่อเติมขึน้ ในปี ๒๔๙๓ เมอ่ื ครงั้ รชั กาลที่ ๙ structure, perched high above the ออกมหาสมาคม เน่อื งในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ground to serve as a platform for mounting on an elephant or a palanquin. The roof tiles are made of tin, while the gables feature Indra’s figures. ภาพพระทน่ี ง่ั ดสุ ติ มหาปราสาท พระราชพิธีโสกันต์เจ้าฟ้า พระท่นี ่งั อาภรณ์พโิ มกขป์ ราสาท (องคใ์ หญ)่ และพระทน่ี ง่ั จฬุ าลงกรณ์ (รัชกาลท่ี ๕) องคจ์ �ำ ลอง ในงานเอก๊ ซ์โป อาภรณพ์ โิ มกขป์ ราสาท (องค์ ในปี ๒๔๐๙ รัชกาลที่ ๔ ทรง ปี ๒๕๐๑ ทีก่ รุงบรสั เซลล์ เลก็ ดา้ นหนา้ ) ทเ่ี พง่ิ สรา้ งใหม่ ยนื อยู่บนเกยหน้าพระท่นี งั่ ประเทศเบลเยยี ม ในหนงั สอื “บนั ทกึ การเดนิ อาภรณพ์ ิโมกข์ปราสาท D A 04 Aphon Phimok Prasat Pavilion ทางของออ็ งรี มโู อต์ ในสยาม ขณะที่เจา้ ฟา้ จฬุ าลงกรณ์ A 04 Sutthai Sawan Prasat D A The Grand Palace, Na Phra Lan Rd. กมั พชู า ลาว และอนิ โดจนี ตอน ประทับบนพระราชยาน The Grand Palace, Sanam Chai Rd. A T 8.30am-3.30pm Everyday กลางสว่ นอน่ื ๆ” เสลีย่ งคานหาม Not Open to the Public T A 02 623 5500 / 02 623 5499 โดย ออ็ งรี มโู อต์ นกั ส�ำ รวจ A www.royalgrandpalace.th ชาวฝรง่ั เศส ทเ่ี ดนิ ทางเขา้ มาใน 16 สยามในสมยั รชั กาลท่ี ๔ 17 File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 16-17 14/12/20 14:34
วิมานกษัติริย์องค์ที่สอง ติึกไทยในวังห่น�า Architectural Traditions of the Front Palace ร้หู รือไม?่ ต�มคติก�รสร�้ งเมอื งแบบจ�รตี ประเพณีนัน้ กรุงเทพฯ มีกษัตริยเ์ ปน็ ผ้ปู กครองถงึ ๒ พระองค์ โดยมี “วังหลวง” เปน็ กษตั ริยอ์ งคท์ ี่ ๑ และมี “วงั หน�้ ” เปน็ อปุ ร�ช หรอื กษตั ริยอ์ งคท์ ่ี ๒ วังหน้� อีกนัยหน่งึ ก็คอื มพี ระบรมมห�ร�ชวงั เปน็ In ancient Thai traditions, a city would Front Palace วังหลวง และพระร�ชวงั บวรสถ�นมงคลเปน็ consist of the Royal Palace, or the supreme วงั หน้� ซงึ่ ในปัจจุบันวงั หน้�ก็คอื พน้ื ทีบ่ รเิ วณ monarch, and the Front Palace (viceroy) วงั หลวง พิพิธภัณฑสถ�นแห่งช�ติ พระนคร น่นั เอง as the second monarch. Grand Palace ทนี ล้ี องม�ดูกันว�่ พระท่นี ัง่ องคต์ ่�งๆ ของ Currently, the Front Palace is the 18 วังหน้� จะเหมือนหรอื แตกต่�งจ�กวงั หลวงกนั ground of the National Museum Bangkok. File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 18-19 อย่�งไรบ�้ ง Let’s see if the royal palace of the second monarch is similar to or different from the Grand Palace. เร่ืองเล่าชาวเกาะ คนห่รือวัง? ... วังห่รือคน? เอะ๊ ...ตกลงค�ำ ว�่ “วงั หน้�” หรอื “พระร�ชวังบวรสถ�นมงคล” น้ี เป็นช่ือคนหรือ ช่ือสถ�นทกี่ นั แน?่ ช�่ งเป็นศพั ทท์ ช่ี วนงงเสียน่ีกระไร แทจ้ ริงแลว้ วังหน้� หรือพระร�ชวังบวรสถ�นมงคล มอี ย่ดู ว้ ยกัน ๒ คว�มหม�ย จะหม�ยถงึ “สถ�นที่” คอื วังท่ปี ระทับของพระมห�อปุ ร�ช ก็ได้ หรือจะหม�ยถึง “บุคคล” และ “ตำ�แหนง่ ” ของผ้ทู ่ีครองวังนั้นอยู่กไ็ ด้เชน่ กัน 19 14/12/20 14:34
พระทนี่ ่งั พุทไธสวรรย์ A06 ผนังก่ออฐิ ถือปนู ท�ำ หน้าทรี่ ับน้ำ�หนักโครงสร้างจากหลังคา พระที่นัง่ พุทไธสวรรย์เปน็ พระท่ีนง่ั องค์ส�ำ คญั องค์หนึง่ ในวงั ถ่ายลงสผู่ นงั ท�ำ ใหไ้ ม่ต้องมเี สามารบั นำ้�หนักโครงหลงั คาโถง หน้า สร้างขนึ้ ในสมัยรัชกาลท่ี ๑ โดยสมเด็จพระบวรราชเจา้ ภายใน พระท่นี ่งั จงึ โปรง่ โลง่ ไม่รกตา มีเพยี งเสาพาไลเฉพาะที่ มหาสรุ สิงหนาท (พระอนชุ าของรชั กาลท่ี ๑ ผคู้ รองต�ำ แหนง่ วัง ด้านนอกเพ่อื รองรบั น้�ำ หนักของชายคาเท่าน้นั หน้าในสมยั นนั้ ) เพือ่ ใชส้ ำ�หรบั ประกอบพระราชพธิ ีตา่ งๆ เช่น เดยี วกบั พระมหาปราสาทในวงั หลวง คอสอง (ผนังระหวา่ งหลงั คากับชายคา) ประดับลวดลาย ครน้ั ในปี ๒๓๓๘ ขณะก�ำ ลังก่อสร้างอยนู่ นั้ ไดอ้ ญั เชญิ พระ ปนู ป้ันอยา่ งจีน ซึง่ ได้ท�ำ ขน้ึ ในคราวปฏสิ งั ขรณใ์ หญส่ มัยสมเดจ็ พุทธสิหงิ ค์ จากเมอื งเชยี งใหม่ลงมายงั พระนคร จึงได้อทุ ิศพระ พระบวรราชเจา้ มหาศักดพิ ลเสพ (วงั หนา้ ในสมัยรชั กาลที่ ๓) ท่นี ง่ั องค์นถี้ วายเป็นหอพระส�ำ หรับประดิษฐานพระพทุ ธสิหิงค์ อันเปน็ ยุคสมยั ทีศ่ ลิ ปะจีนเปน็ ทน่ี ิยมอยา่ งกว้างขวาง แรกสร้างจึงใชช้ ่ือว่าพระทน่ี ัง่ “พทุ ธาสวรรย”์ ต่อมาได้ เปลยี่ นเปน็ พระทนี่ ั่ง “พทุ ไธสวรรย์” ในสมัยรชั กาลที่ ๔ เพ่ือให้ เครื่องลำ�ยองหรือองคป์ ระกอบหลังคาหนา้ จั่วของวังหน้า ลอ้ กับพระท่ีนั่ง “สทุ ไธศวรรย”์ A05 พระท่ีนงั่ ริมร้ัวของวังหลวง มเี พยี งชอ่ ฟ้า ใบระกา และหางหงส์ ไม่อาจท�ำ เป็นนาคสะดงุ้ นัน่ เอง หรอื ลอนโค้งไปมาได้ เพราะเปน็ ของสงวนตามฐานานุศักดิ์ไว้ สำ�หรบั วัดและวังหลวงเทา่ นนั้ ชา่ งวังหน้าจงึ ทำ�ได้แตเ่ พยี งทรง Phutthai Sawan Throne Hall was built during the viceroy of ตรงๆ แอน่ ไปตามระนาบของโครงหลังคา เรียกว่า “รวยระกา” King Rama I’s era (his younger brother). Inside, there is Phra ซึ่งถอื ว่าเป็นสไตลเ์ ฉพาะของสกลุ ชา่ งวังหนา้ ในเวลาต่อมา Phuttha Sihing Buddha statue, which is an important Buddha statue of Thailand, relocated from Chiang Mai. The distinctive หนา้ บันแกะสลักเปน็ รูปพระพรหมสถติ ในวิมาน ๓ หลัง feature of this Throne Hall is the mural paintings of deva (deities) เหตุทีต่ ้องเป็นพระพรหม ก็สบื เนอื่ งมาจากนามเดิมของ and Buddha’s history. พระท่ีนั่ง คอื สุทธาสวรรย์ นนั้ เปน็ ชัน้ สูงสดุ ของรูปพรหม น่ันเอง D A 06 Phutthai Sawan Thron Hall A National Museum Bangkok, Na Phra That Rd. ตดิ ยนั ต์อรหนั ต์แปดทศิ หรอื โป้ยก่วย เครอื่ งรางของจีน ที่ T 9.00am-4.00pm Wed-Sun except public holidays เหนอื วมิ านพระพรหมองคก์ ลาง A 02 224 1370 www.virtualmuseum.finearts.go.th/bangkoknationalmuseums ภาพจติ รกรรมเทพชุมนุมภายในพระท่ีน่งั พุทไธสวรรย์ วาด 20 nationalmuseumbangkok มาตั้งแต่คร้งั ก่อสรา้ งในสมยั รชั กาลที่ ๑ จึงถือวา่ เป็น จดุ เด่นที่ ส�ำ คญั ของพระทนี่ ั่งองคน์ ้ี File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 20-21 ชาลากวา้ งด้านหนา้ พระทนี่ ่ัง เดิมเป็นทป่ี ระดิษฐานพระทน่ี ่งั คชกรรมประเวศ ซึง่ ได้รอื้ ถอนออกไปในสมัยรัชกาลที่ ๕ เร่ืองเล่าชาวเกาะ พระที่นั่งคชกรรมประเวช เมือ่ คราวรชั กาลท่ี ๔ สถาปนาพระอนชุ า คอื เจา้ ฟา้ จุฑามณี ขน้ึ เป็นสมเดจ็ พระมหาอปุ ราชวังหน้า โดยเฉลิมพระนามวา่ “พระบาทสมเด็จพระปน่ิ เกล้าเจา้ อย่หู วั ” มีพระราชอสิ ริยยศเทยี บเทา่ พระมหา กษัตริยน์ ้ัน ในพระราชวงั บวรสถานมงคล หรือวงั หนา้ จงึ เกิดธรรมเนยี มใหม่ คอื การสรา้ งปราสาทขึน้ เป็นครั้ง แรก เพราะโดยปกตแิ ลว้ ตอ้ งสงวนไว้ให้มเี ฉพาะในวังหลวงเท่าน้นั วังหนา้ ไมอ่ าจสร้างพระทีน่ ัง่ ท่ีมียอด เป็นปราสาทอยา่ งพระท่นี ั่งดสุ ติ ฯ ได้ “พระท่นี ั่งคชกรรมประเวศ” จงึ ได้ปลกู ขนึ้ มาทบี่ ริเวณด้านหน้าพระท่นี ัง่ พทุ ไธสวรรย์ เปน็ พระที่นง่ั เครอื่ งไมจ้ ตรุ มขุ ทรงปราสาท ขนาดและสณั ฐานอยา่ งเชน่ พระท่ีน่งั อาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรม มหาราชวงั ทสี่ รา้ งขึน้ ในสมยั รชั กาลที่ ๔ เชน่ กัน ตอ่ มาพระทีน่ ่ังคชกรรมประเวศ ได้รือ้ ถอนไปในสมยั รัชกาลท่ี ๕ เมื่อคราวยกเลกิ ต�ำ แหน่งวงั หน้า เนอื่ งจากอาคารมสี ภาพชำ�รดุ ผุพงั ขณะเดียวกันกถ็ อื เป็นการท�ำ ลายสถานะของวังหนา้ ให้ หมดไปในเชิงสัญลักษณอ์ ีกด้วย 21 14/12/20 14:34
พิระทน่ี ั่งอิศราวนิ ิจฉัย A07 พระท่ีนง่ั อศิ ร�วินิจฉยั พิระทีน่ ั่งศิวโมกขพิิมาน A08 หลังค�พระท่ีน่งั ของวังหน้�จะเปน็ หลังค�ช้นั เดยี ว สร�้ งข้ึนในสมยั สมเดจ็ พระบวรร�ชเจ้�มห�ศกั ดพิ ลเสพ ผนงั อ�ค�รย้�ยไปรับน้ำ�หนกั ช�ยค�ปีกนก พระท่ีนง่ั ศิวโมกขพมิ �น ปัจจุบันใช้เปน็ หอ้ งจัด ไม่มมี ุขลดซอ้ นชน้ั และมุงดว้ ยกระเบือ้ งดนิ เผ�ไมเ่ คลือบ (วงั หน้�ในสมัยรชั ก�ลที่ ๓) เพอ่ื ใชเ้ ป็นพระทนี่ ัง่ ทอ้ งพระโรง แสดงนิทรรศก�รหมนุ เวยี นของพิพธิ ภณั ฑสถ�น สี เนื่องจ�กเป็นข้อปฎบิ ัติทไ่ี ม่อ�จมงุ กระเบื้องหล�กสีลอ้ ม แบบเดียวกับพระที่นง่ั อมรินทรวนิ จิ ฉัยในวังหลวง A01 ภ�ยใน พระที่น่งั พทุ ไธสวรรย์ แห่งช�ติ พระนคร กรอบแบบของวังหลวงได้ สง่ ผลให้พน้ื ทีห่ ลังค�ของวังหน�้ ประดิษฐ�นพระท่นี ัง่ บุษบกเกรินทรงปร�ส�ทท่ตี อนท�้ ยของ ผนังรบั น้ำ�หนักโครงสร้�งของหลังค�โดยตรง สร�้ งขนึ้ ต้งั แตค่ ร�วสร้�งวงั หน�้ ในสมยั สมเด็จ ยังคงเป็นระน�บผนื ใหญ่ ทบึ ตนั ดูหน�และหนกั ไม่อ�จ โถงท้องพระโรง เชน่ เดยี วกับพระที่น่งั บษุ บกม�ล�ในพระท่ีนง่ั พระบวรร�ชเจ�้ มห�สุรสงิ หน�ท (วงั หน้�ในสมยั ไลร่ ะดบั ให้เบ�บ�งออ่ นช้อยต�มแบบหลงั ค�พระทน่ี ่งั ในวัง อมรนิ ทรวินิจฉยั ของวังหลวง รชั ก�ลที่ ๑) เดิมทที ำ�เป็นพระท่นี ง่ั ไมท้ รงโถง ไมม่ ี หลวงได้ จะเหน็ ได้ว่�ฐ�น�นุศกั ดิ์ถอื เป็นเรือ่ งส�ำ คญั ในง�น ภ�ยในมีเส�เพอื่ ใช้ส�ำ หรบั รับน้ำ�หนกั หลังค�หน�้ จวั่ ส่วน ผนัง ใช้เปน็ ท้องพระโรงตัง้ พระที่นงั่ บวรฉตั รสำ�หรับ สถ�ปตั ยกรรมไทยประเพณีเป็นอย�่ งยิ่ง ผนงั อ�ค�รย�้ ยไปรับนำ้�หนักช�ยค�ปีกนกแทน ทำ�ให้มีพน้ื ท่ี พระมห�อปุ ร�ชประทับออกขนุ น�ง ใช้สอยภ�ยในอ�ค�รม�กขึ้น ต่�งจ�กพระท่ีนงั่ พุทไธสวรรยท์ ใ่ี ช้ ตอ่ ม�ในสมัยสมเดจ็ พระบวรร�ชเจ้�มห�ศักดพิ ล เคร่อื งลำ�ยองของวังหน้� มีช่อฟ�้ ใบระก� ห�งหงส์ และ ผนังรบั น้ำ�หนักโครงสร�้ งของหลงั ค�โดยตรง ท�ำ ให้พ้ืนทภ่ี �ยใน เสพ (วงั หน�้ ในสมยั รชั ก�ลที่ ๓) โปรดใหป้ ฏสิ งั ขรณ์ “รวยระก�” ตรงทื่อ แทนทจ่ี ะเปน็ “น�คสะดุ้ง” โคง้ ไปม� แคบ แตแ่ ลกม�ดว้ ยก�รไม่มเี ส�ภ�ยในใหก้ วนต� ขย�ยขน�ดสร้�งใหมเ่ ปน็ เครอื่ งก่ออิฐถอื ปนู ดังเชน่ ซมุ้ พระทว�ร และซุ้มพระบัญชร ซมุ้ ประตูหน�้ ต�่ งของ ในปัจจุบนั นัน่ เพร�ะน�คสะดุ้งเป็นองคป์ ระกอบทส่ี งวนไว้สำ�หรบั วัด พระท่นี ่งั ในวังหน้� ทำ�เปน็ ซุ้มบนั แถลงหรือซมุ้ ทรงจว่ั ต่�งจ�ก จนเม่ือพระท่ีนัง่ อศิ ร�วินจิ ฉัยก่อสร้�งแลว้ เสร็จ และวังหลวงเท�่ นัน้ ซมุ้ ประตหู น้�ต�่ งของวังหลวงท่ที ำ�เป็นซมุ้ ยอดทรงมณฑป เช่น พร้อมประดิษฐ�นพระท่ีน่งั บุษบกดว้ ยน้นั จึงย้�ย ทพี่ ระทน่ี ง่ั ดสุ ติ มห�ปร�ส�ทในพระบรมมห�ร�ชวัง เป็นตน้ ท้องพระโรงไปท่ีนนั่ แทน สว่ นหน�้ บนั ด้�นหน�้ (ทศิ ตะวนั ออก) แกะเป็นรูป น�ร�ยณท์ รงครฑุ ขณะทดี่ �้ นหลงั (ทิศตะวนั ตก) เปน็ รปู Itsara Winitchai Throne Hall was constructed in the viceroy of Siwamok Phiman Audience Hall was built in the พระพรหมทรงหงส์ King Rama III’s era and was used as the royal Throne Hall similar viceroy of King Rama I’s era. Formerly, it was used to the Grand Palace’s Amarin Winitchai Throne Hall. Inside, there as a throne hall of the Front Palace. The front gable เรื่องเล่าชาวเกาะ is a royal throne at the far end of the hall, used for the viceroy’s features a figure of Narai mounted on Garuda, while royal duties. the back features Brahma on Hamsa. Currently, it is จาก “วงั ห่น�า” มาเป็น “มวิ เซียมห่ลวง” used as an exhibition venue for the National Museum เม่อื กรมพระร�ชวังบวรวิชัยช�ญ (วังหน้�ในสมยั รชั ก�ลท่ี ๕) D A 07 Itsara Winitchai Throne Hall A 08 Siwamok Phiman Audience Hall Bangkok’s temporary exhibitions. เสดจ็ ทิวงคตในปี ๒๔๒๘ ตำ�แหนง่ พระมห�อปุ ร�ช หรอื วังหน�้ National Museum Bangkok, Na Phra That Rd. National Museum Bangkok, Na Phra That Rd. กถ็ ูกตัดตอนยกเลิกไป A 9.00am-4.00pm Wed-Sun except public holidays 9.00am-4.00pm Wed-Sun except public holidays และมีก�รตั้งผู้สืบร�ชบลั ลังก์ ในตำ�แหนง่ “มกฏุ ร�ชกุม�ร T 02 224 1370 02 224 1370 ” ข้นึ ม�แทน หมู่พระที่น่งั ในพระร�ชวังบวรสถ�นมงคลจึงรับ A www.virtualmuseum.finearts.go.th/bangkoknationalmuseums www.virtualmuseum.finearts.go.th/bangkoknationalmuseums หน้�ทใี่ หม่ในฐ�นะ “มิวเซียมหลวง” โอนถ�่ ยศลิ ปวัตถจุ �กหอ คองค�เดยี C04 ม�รวบรวมไวท้ นี่ ่ี ซึ่งตอ่ ม�ได้พฒั น�ม�เป็น พิพิธภณั ฑสถ�นแหง่ ช�ติ พระนคร ในทส่ี ุด พระทนี่ ่งั เหล่�น้ี นอกจ�กจะใชเ้ ปน็ ห้องจัดแสดงวัตถโุ บร�ณ ของช�ตอิ ันประเมินค�่ มิได้แลว้ องคพ์ ระทนี่ ั่งเองยงั ถือได้ว�่ เป็นวัตถุจดั แสดงชิ้นใหญ่ในพพิ ธิ ภัณฑ์ ท่แี สดงให้เห็นถึงศลิ ป สถ�ปัตยกรรมแบบไทยประเพณีของสกลุ ช�่ งวงั หน�้ ดว้ ย นอกจ�กนี้ พพิ ธิ ภัณฑสถ�นแห่งช�ติพระนครยงั มี สถ�ปตั ยกรรมอื่นๆ ที่ไมใ่ ชผ่ ลง�นของวังหน�้ ซง่ึ ไดป้ ลูกสร้�ง ผนวกเข�้ ม�ในภ�ยหลัง ดังเชน่ ศ�ล�สำ�ร�ญมุขม�ตย์ ซึง่ สร้�ง ในสมัยรัชก�ลที่ ๕ และพระทีน่ ง่ั ลงสรง ในรชั ก�ลที่ ๖ นับไดว้ �่ เป็นผลง�นด�้ นสถ�ปตั ยกรรมชน้ิ เอกที่ควรค่�แก่ ก�รนำ�เสนอใหช้ นรนุ่ หลงั ได้รบั ชมเปน็ อย่�งยง่ิ 22 nationalmuseumbangkok nationalmuseumbangkok 23 File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 22-23 14/12/20 14:34
บ้้านพี่่�เรือื นน้้อง ใครๆ คงคดิ ว่าสถาปตั ยกรรมไทยแบบจารตี ประเพณนี ัน้ ดเู หมือนกนั ไปหมด โดย วังั หลวง VS วัังหน้้า เฉพาะอย่างยงิ่ พระทนี่ ั่งทัง้ หลายท่ีปลูกสร้างกนั ในพระบรมมหาราชวัง และพระราชวงั บวรสถานมงคล แม้มองโดยรวมแล้วอาจดูคลา้ ยคลึงกันเป็นอย่างมาก แตห่ ากพินจิ พิเคราะห์ดว้ ยสายตาอันถถ่ี ้วนแลว้ จะเหน็ แจง้ วา่ องคป์ ระกอบทางสถาปตั ยกรรมใน “วังหลวง” กบั “วงั หนา้ ” น้ัน มีความเหมือนที่แตกต่างกันอยา่ งไรบา้ ง เรามคี �ำ ตอบ... รปู แบบไทย รปู แบบพมา่ พระบรมมหาราชวัง (วงั หลวง) พระราชวงั บวร (วงั หนา้ ) หลงั คายอดปราสาท สร้างยอดปราสาทได้ สรา้ งยอดปราสาทไม่ได้ • พระทนี่ ่ังดสุ ิตมหาปราสาท (ยกเวน้ พระท่ีน่งั คชกรรมประเวศ ซ่งึ สรา้ งเพื่อเฉลมิ พระเกียรติยศ • พระที่นงั่ สุทไธสวรรย์ พระปน่ิ เกล้าเจ้าอยหู่ ัว • พระทน่ี ่ังอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท เทียบเทา่ พระเจ้าแผ่นดนิ ) ศาลาสำ� ราญมุขมาตย์ A09 รปู แบบชวา รปู แบบตะวนั ตก หลงั คาซอ้ นชัน้ และกระเบือ้ งมุงหลังคา สร้างข้ึนในสมัยรัชกาลท่ี ๕ ถอื เป็นศาลาไทยประเพณี ที่ไม่ใช่ประเพณีนยิ ม ออกแบบโดยกรมพระยานรศิ รานวุ ัดตวิ งศ์ Samran Mukkhamat Thai Pavilion was หลงั คาซอ้ นชน้ั ไม่มีหลงั คาซ้อนช้ัน นายช่างใหญแ่ ห่งยคุ ซึ่งทรงใสอ่ งค์ประกอบทม่ี คี วามแปลกใหม่ built in the reign of King Rama V (late โครงหลังคาถกู ลดทอน โครงสรา้ งหลงั คาหน้าจั่วผนื ใหญ่ นอกเหนอื จากขนบการสรา้ งสถาปัตยกรรมไทยแบบจารตี ทม่ี ี 20th century), designed by Prince Naris. เป็นผนื ยอ่ ยหลายผืน ลดหล่ันกันไป ผนื เดยี ว มาแต่ดง้ั เดิม โดยมีการผสมผสานรูปแบบสถาปตั ยกรรมของ It features Thai architectural style with มงุ กระเบ้อื งดนิ เผาไม่เคลอื บ ไทย พมา่ ชวา และตะวนั ตก เขา้ ด้วยกัน influences from other cultures. Formerly, มงุ กระเบ้อื งเคลอื บสี ไมม่ ีการมงุ ลักสี เมอ่ื แรกสรา้ งต้ังอยู่ท่สี วนแงเ่ ต๋ง ในพระราชวังดุสติ (ใน it was located elsewhere, but later moved ใชก้ ารมุงลักสี ๒ สี หรอื ๓ สี อาณาบรเิ วณของพระท่ีนง่ั วิมานเมฆ) กระทัง่ มิวเซยี มหลวงที่ to the premise of the National Museum วังหน้า ไดร้ ับการจดั ตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานสำ�หรับพระนคร Bangkok in the 1920s during King Rama เคร่อื งลำ� ยอง นาคสะดุ้ง ในสมัยรัชกาลที่ ๗ จึงไดช้ ะลอศาลาสำ�ราญมุขมาตย์มาปลกู VII’s era as an architectural example for ขา้ งๆ พระทีน่ ่ังอิศราวินิจฉัย ในพ้ืนที่วงั หนา้ แหง่ นี้ Thai people to see. นาคสะด้งุ เคร่อื งล�ำยอง หางหงส์ รวยระกา (ลอนคดโค้งไปมา) ซมุ้ พระทวาร พระบญั ชร (ตรงๆ แอน่ โคง้ ไปตามโครงหลังคา) ศาลาลงสรง A10 หางหงส์ เปน็ ศาลาทรงจตุรมขุ ขนาดกะทัดรดั สรา้ งขึ้นในสมัยรชั กาล หางหงส์ ไม่มนี าคเบอื น ท่ี ๖ เพอื่ ใช้เปน็ สถานที่ประทับส�ำ หรับทรงพระเครอ่ื งใหญ่ มีนาคเบอื น (ตดั ผม) เดมิ ทสี ร้างทีพ่ ระราชวงั สนามจนั ทร์ จังหวัดนครปฐม (มีท่ีพระที่นัง่ ดุสติ มหาปราสาท แล้วโปรดฯ ใหย้ า้ ยมาปลกู ในพพิ ิธภัณฑสถานแหง่ ชาติ พระนคร และพระทีน่ ่ังอาภรณพ์ ิโมกขป์ ราสาท) โดยต้ังเด่นอยูบ่ ริเวณประตทู างเข้ามาจวบจนทุกวนั นี้ ซุ้มยอดทรงมณฑป ซุม้ บันแถลง หรอื ซมุ้ ทรงจวั่ Long Song Thai Pavilion was built in the 1910s during the หรอื ทรงปราสาท reign of King Rama VI as a haircut venue. The pavilion was later moved to the premise of the National Museum Bangkok. หนา้ บนั D A 09 Samran Mukkhamat Thai Pavilion A 10 Long Song Thai Pavilion A National Museum Bangkok, Na Phra That Rd. National Museum Bangkok, Na Phra That Rd. T 9.00am-4.00pm Wed-Sun except public holidays 9.00am-4.00pm Wed-Sun except public holidays ลงรกั ปดิ ทองประดบั กระจก ลงรกั ปิดทองประดบั กระจก A 02 224 1370 02 224 1370 www.virtualmuseum.finearts.go.th/bangkoknationalmuseums www.virtualmuseum.finearts.go.th/bangkoknationalmuseums 24 nationalmuseumbangkok nationalmuseumbangkok 25 File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 24-25 14/12/20 14:34
เหล้าเก่าในขวดใหม่ ตึกใหม่ไทยประเพณี พลับพลาโถงจตุรมขุ ใชเ้ ปน็ ที่สำ�หรบั พระบาท สมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงออกรับแขกบ้าน Old Booze, New Bottle แขกเมอื งของประเทศ หลังคามุขลด ๒ ชนั้ มงุ กระเบือ้ งเคลือบสี นอกจากวังหลวง วงั หนา้ และวัดวาอารามตา่ งๆ ทเี่ ปน็ สถาปัตยกรรมรูปแบบไทย ประดับชอ่ ฟ้า ใบระกา หางหงส์ นาคสะดงุ้ ประเพณที ่หี ลงเหลอื อยใู่ นเกาะรัตนโกสนิ ทรแ์ ล้ว ก็ยังมสี ถาปตั ยกรรมไทยทสี่ ร้างขนึ้ ใหม่ หนา้ บนั ปดิ ทองประดับกระจก ลว้ นครบตาม ในสมยั ปัจจบุ นั ปรากฏใหเ้ ราได้เหน็ กนั อยู่บา้ ง ดงั ผลงานการออกแบบทั้งสามชน้ิ ของ คณุ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบจารตี ประเพณี สถาปนิกชั้นครูจากกรมศิลปากร พลอากาศตรี อาวุธ เงนิ ชูกล่ิน ผซู้ ่งึ ไดร้ ับเกียรติเชิดชู ท่ีสรา้ งข้ึนเพ่อื พระมหากษตั ริย์ เปน็ ศิลปินแหง่ ชาติ สาขาศิลปสถาปตั ยกรรม (สถาปัตยกรรมไทย) ในปี ๒๕๔๑ พระทน่ี ั่งลานพลับพลามหาเจษฎาบดนิ ทร์ A12 In addition to palaces and temples, the Old Town area of Bangkok is home to some พ้นื ท่เี ดมิ ตรงนีเ้ คยเปน็ ที่ตัง้ ของโรงภาพยนตรย์ อดนิยมใน newly built traditional Thai architecture, designed by an architectural expert from อดตี “ศาลาเฉลมิ ไทย” ก่อนจะมาเป็นลานพลบั พลามหาเจษฎา the Fine Arts Department Arvuth Ngoenchuklin, a national artist in Thai architecture. บดนิ ทรอ์ ย่างทเี่ ห็นในปัจจบุ ัน ศาลาเฉลิมไทยรื้อไปในปี ๒๕๓๒ เพอ่ื เปดิ มมุ มองใหก้ บั ศาลหลกั เมืองกรุงเทพ A11 วหิ ารวดั ราชนดั ดา และโลหะปราสาททีถ่ ูกบดบงั อยเู่ บอื้ งหลัง ศาลหลักเมืองมมี าตงั้ แต่สถาปนากรงุ รัตนโกสนิ ทร์เปน็ และเนือ่ งจากโบราณสถานทัง้ สองสร้างขึ้นในสมยั รชั กาลท่ี ๓ ราชธานี เดมิ ทีเปน็ เพียงศาลาธรรมดาๆ เท่านน้ั ตอ่ มารชั กาล ลานบริเวณนจี้ ึงตงั้ ชื่อตามพระอศิ รยิ ยศของพระองคก์ ่อนทีจ่ ะ ท่ี ๔ ทรงใหป้ รับปรงุ ยกเป็นยอดปรางค์ ตามอย่างศาลทกี่ รุง ข้ึนครองราชย์ คือ “กรมหม่ืนเจษฎาบดินทร”์ เกา่ โดยอาคารจตรุ มุขท่มี ีเคร่อื งยอดเป็นปรางคน์ ้นั ถือเป็นพระ ราชนยิ มในรชั กาลน้กี ว็ า่ ได้ จะเห็นไดว้ ่าปราสาทพระเทพบิดร Maha Chetsadabodin Royal Pavilion was formerly home to a “ศาลาเฉลิมไทย” ก่อนจะมาเป็นลานพลับพลา ในวัดพระแก้ว ท่ีมียอดเปน็ ปรางค์นั้น กส็ ร้างข้นึ ในสมยั รชั กาล cinema which was demolished in 1989 to reveal the view of the มหาเจษฎาบดนิ ทร์ ที่ ๔ เช่นกนั Iron Stupa (Loha Prasat) at the back. จนกระท่ังปี ๒๕๒๓ ศาลหลักเมืองไดม้ ีการเปลี่ยนแปลงคร้ัง ใหญอ่ กี หน เพ่ือเตรยี มฉลองงานสมโภชกรุงรัตนโกสนิ ทร์ ครบ A 11 Bangkok City Pillar Shrine A 12 Maha Chetsadabodin Royal Pavilion D ๒๐๐ ปี ในปี ๒๕๒๕ โดยกอ่ สร้างข้นึ ใหมเ่ ป็นอาคารเคร่ืองปนู Lak Mueang Rd. Maha Chetsadabodin Park, A ทรงยอดปรางค์เชน่ เดยี วกบั ศาลเดิม มีหลงั คาซ้อนชัน้ และ 6.30am-6.30pm Ratchadamnoen Klang Rd. T หนา้ บนั ประดบั กระเบือ้ งเคลือบ 02 222 9876 9.00am-8.00pm A bangkokcitypillarshrine.com 02 224 8807 / 02 224 4599 Bangkok City Pillar Shrine was built when Bangkok was 27 established as the capital city. Later, in the reign of King Rama IV, it was renovated and featured a cruciform floor plan with a corn 14/12/20 14:34 cob-shaped spire. It went through another major renovation on the occasion of the Bangkok Bicentennial 1982 celebration. 26 File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 26-27
พิระที่นั่งสันติชิ ยั ปราการ A13 ในปี ๒๕๔๒ ได้มกี �รปรับปรุงภูมิ ทศั นโ์ ดยรอบปอ้ มพระสุเมรุ เพือ่ ให้เป็น ง�นดี ไม่ทันเวล� สวนส�ธ�รณะขน�ดยอ่ มและครัง้ นน้ั เอง คุณค่�ไม่มี ได้มกี �รสร�้ งพระท่นี งั่ สนั ตชิ ัยปร�ก�ร หน้�บันประดบั ตร�สญั ลกั ษณ์ง�น ข้นึ ม�ส�ำ หรับใชใ้ นง�นพระร�ชพิธี Fibo4me เฉลมิ พระชนมพรรษ�ครบ ๖ รอบ พยุหย�ตร�ท�งชลม�รค ในวโรก�สเฉลิม ของรชั ก�ลท่ี ๙ มีเส�ทะลุผ�่ น พระชนมพรรษ�ครบ ๖ รอบของรชั ก�ล ช�ยค�ปีกนก ขึ้นไปรบั มุขประเจดิ ท่ี ๙ ดว้ ย มุขประเจดิ คอื หน�้ บนั ทีท่ ำ�ยนื่ ลอย ออกม�จ�กหลงั ค�ซ้อนชน้ั Santi Chai Prakan Royal Pavilion: In 1999, the area around Sumen Fort was renovated to create a public park and to build a royal pavilion for the Royal Barge Procession on the occasion of His Majesty King Bhumibol Adulyadej’s 72nd or 6th cycle birthday anniversary. เร่ืองเล่าชาวเกาะ พิลอากาศติรี อาวธุ เงินชก้ ลิน่ พระเมรเุ จ้�ฟ�้ เพชรรัตนร�ชสดุ �ฯ สถ�ปนิกไทยผู้เช่ียวช�ญด้�นสถ�ปตั ยกรรมไทย จ�ก ณ ท้องสน�มหลวง มุขประเจิด กรมศลิ ป�กร และศลิ ปินแหง่ ช�ติ ส�ข�ศิลปสถ�ปัตยกรรม ผลง�นชน้ิ สุดท�้ ยของอ�วุธ เงินชกู ลนิ่ ศ�ล�ก�รเปรียญ วดั ใหญส่ วุ รรณ�ร�ม จงั หวัดเพชรบุรี (สถ�ปตั ยกรรมไทย) ในปี ๒๕๔๑ (เดิมคือตำ�หนกั หรอื ท้องพระโรงฝ�่ ยใน ในพระร�ชวัง จบก�รศกึ ษ�ส�ข�สถ�ปตั ยกรรมไทย จ�กมห�วทิ ย�ลยั อ�จ�รยอ์ �วุธยงั เปน็ ผู้ออกแบบพระ หลวงของกรงุ ศรอี ยธุ ย�) และพระวหิ �รหลวง วัดมห�ธ�ตุ ศลิ ป�กร จ�กน้ันเข�้ รบั ร�ชก�รเป็นสถ�ปนกิ ประจ�ำ กองทัพ เมรุอีกถึง ๓ องค์ คอื พระเมรสุ มเดจ็ จงั หวัดนครศรธี รรมร�ช อ�ก�ศ จนได้ยศเรืออ�ก�ศเอก แต่อ�ชพี ทห�รคงไม่ใชท่ �ง พระศรนี ครนิ ทร�บรมร�ชชนนี สมเด็จ ทัง้ สองแหง่ ต่�งสร�้ งข้ึนในสมัยอยุธย�ตอนปล�ย และมี จึงโอนม�รบั ตำ�แหน่งน�ยช่�งศิลปกรรม ประจ�ำ กองหัตถศลิ ป์ ย่� (๒๕๓๙), กรมหลวงนร�ธิว�สร�ช มขุ ประเจดิ ด้วยกนั ทง้ั คู่ กรมศิลป�กร ก่อนจะไดเ้ ลอ่ื นเปน็ หวั หน�้ ฝ�่ ยบูรณปฏิสงั ขรณ์ นครินทร์ (๒๕๕๑) และ เจ้�ฟ�้ เพชร กองสถ�ปตั ยกรรมไทย ในอีก ๓ ปีต่อม� รตั นร�ชสุด�ฯ (๒๕๕๕) D A 13 Santi Chai Prakan Royal Pavilion วดั ใหญส่ ุวรรณ�ร�ม วดั มห�ธ�ตุ ผลง�นดี ก�รง�นเจริญก�้ วหน�้ จนได้เปน็ ผ้เู ชยี่ วช�ญด�้ น A Santi Chai Prakan Park, Phra Athit Rd. จงั หวดั เพชรบุรี จังหวัดนครศรธี รรมร�ช บูรณปฏิสังขรณแ์ ละสถ�ปัตยกรรมไทย และร้ังตำ�แหนง่ อธบิ ดี สว่ นง�นบรู ณะปฏสิ งั ขรณก์ ม็ ี บูรณะ T 5.00am-9.00pm กรมศลิ ป�กรในที่สดุ เม่อื ปี ๒๕๔๕ วัดพระแกว้ พระปฐมเจดีย์ เป็นอ�ทิ A อ�จ�รย์อ�วุธมีผลง�นออกแบบแนวไทยประเพณที ีโ่ ดดเดน่ แถมยงั เป็นผอู้ อกแบบวัดพระร�มเก้� ม�กม�ย ที่มกี ล่�วถงึ ในเลม่ นี้กม็ ี ศาลหลกั เมือง (๒๕๒๓) A11, ก�ญจน�ภิเษก อีกด้วย 28 พระท่นี ่งั พลับพลามหาเจษฎาบดนิ ทร์ (๒๕๓๒) A12, พระทน่ี ่งั File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 28-29 สนั ติชัยปราการ (๒๕๔๒) A13 และง�นบรู ณะมณฑปโลหะ ท่�นอ�วุธเสยี ชีวิตลงเม่ือปี ๒๕๕๖ ปราสาท วดั ราชนดั ดา ให้เปน็ ยอดทองแดงรมดำ� (๒๕๓๙) B06 ท้ิงผลง�นใหเ้ ร�เชยชมไวม้ �กม�ย 29 14/12/20 14:34
ท้้องพระโรงแบบไทย วัังเจ้้านายใช่่จะเว่่อร์์วััง ทอ้ งพระโรงวงั ทา่ พระ A15 ทอ้ งพระโรงวังทา่ พระ สร้างขึ้นในสมยั รัชกาลท่ี ๒ เพ่ือเป็นที่ Thai-style Royal Audience Halls วา่ ราชการของกรมหมื่นเจษฎาบดนิ ทร์ (พระยศของรัชกาลที่ ๓ ก่อนข้ึนครองราชย)์ ซงึ่ ประทับอยู่ ณ วงั ทา่ พระนี้ (กรมหมื่น หลงั จากได้เย่ียมยลความวิบวับอลังการ สมกับที่ได้ช่อื ว่าเป็นพระราชวงั อย่างวงั หลวงของ The Audience Hall at Tha Phra Palace เจษฎาบดินทร์ เปน็ พระราชขโอรสของรชั กาลที่ ๒ กับเจ้าจอม พระมหากษตั ริย์ และวังหน้าของพระมหาอุปราช กันมาแล้ว ในเกาะรตั นโกสนิ ทร์ท่ีคุณยนื อย่นู ้ีก็ was built in the reign of King Rama II. It มารดาเรยี ม มพี ระนามเดิม พระองค์เจา้ ชายทับ) ยงั มวี งั เจา้ นายระดับรองๆ ลงมาให้ไดเ้ ย่ยี มชมอกี ดว้ ยกนั ถึง ๓ หลัง was used by Prince Chetsadabodin (later หลังจากนน้ั จึงมเี จา้ นายระดับพระองคเ์ จา้ เขา้ ครองอีกหลาย King Rama III) to perform royal duties, and พระองค์ จนถึงรชั กาลที่ ๕ พระองคเ์ จ้าจิตรเจริญ หรอื กรม ว่าแตว่ ่า...วังเจ้านายจะเว่อร์วงั แคไ่ หน? มรี ูปแบบเหมือนหรอื ต่างกนั อย่างไรบา้ ง? เราลอง later became the audience hall of Prince พระยานริศรานุวัดติวงศ์ เสดจ็ มาครอง ไดม้ ีการต่อเตมิ ตกึ ฝรั่ง ไปดูกัน Naris, who was an expert on Thai art เป็นทีป่ ระทับอยู่ทางด้านหลงั อกี ๒ หลงั คอื ตำ�หนักกลาง และ and architecture. Today, it is home to the ตำ�หนกั พรรณราย ทอ้ งพระโรงของเจ้านายระดบั พระองคเ์ จา้ (โอรสของพระมหากษัตริยอ์ นั ประสตู แิ ต่เจา้ จอม Silpakorn University Art Gallery. ส่วนตวั ท้องพระโรงเอง ก็มกี ารปรับปรงุ ให้รว่ มสมัยขนึ้ ด้วย มารดาสามญั ชน) เปน็ เรอื นเคร่อื งไมร้ ปู แบบเรยี บง่ายตรงไปตรงมาอยา่ งเรอื นไทยทเ่ี ราคุ้นตา ตัว ผนังก่ออฐิ ถือปนู และตดิ ตั้งลูกกรงเหลก็ หลอ่ จากเมืองฝร่ังท่ี เรือนทาสดี ินแดง หนั ดา้ นแปหรอื ดา้ นยาวออกหนา้ วัง ยกพืน้ สูงขึน้ มาเล็กนอ้ ย ทำ�ให้มบี นั ไดใหญ่ กำ�แพงแก้ว ทอดขนึ้ เรอื นทดี่ ้านน้ี ปจั จุบันท้องพระโรงวังท่าพระ คอื หอศิลปข์ องมหาวิทยาลยั ศลิ ปากร วังทา่ พระ น่ันเอง หลังคาเป็นหน้าจวั่ ชั้นเดียว ไมม่ ลี ดชน้ั มงุ ด้วยกระเบ้ืองดนิ เผาไมเ่ คลือบ (กระเบื้องเกลด็ เตา่ ) และมีชายคาปกี นกโดยรอบ ผศ.ดร.กรรณิกา ์ร สุ ีธ ัรตนา ิภรม ์ย ทอ้ งพระโรงวงั บ้านหมอ้ A16 ทอ้ งพระโรงวงั บ้านหม้อ สร้างข้ึนในสมัยรัชกาลที่ ๓ ย่าน หนา้ บันท้งั ผนื เปน็ ลายลูกฟกั ไม่อาจลงรกั ปดิ ทองหรอื ประดบั กระจกวิบวับอยา่ งในวังหลวง ชุมชนบ้านหมอ้ ริมคลองตลาดหรอื คลองคเู มอื งเดมิ หรอื วังหน้าได้ จงึ เป็นทอ้ งพระโรงท่สี ดุ แสนสมถะ ไม่ไดเ้ ว่อร์วงั ด่ังวังเจ้านายเลยแม้แตน่ อ้ ย เพอื่ เปน็ ที่ประทับของพระองค์เจา้ กญุ ชร กรมพระพทิ ักษ์ เทเวศน์ (โอรสของรัชกาลที่ ๓ กับเจา้ จอมมารดาศิลา) ในอดตี Thai-style royal audience halls were not all extravagant. For lower-tier royal ใช้เปน็ ท่ีออกว่าราชการ และเป็นทซี่ ้อมโขนละคร members, their audience halls were simple-looking wooden structures on stilts, ปจั จุบันวังบา้ นหม้ออยใู่ นความดูแลของราชสกุลกุญชร และ painted with rouge. They looked similar to traditional Thai houses with gable roofs ไม่ไดเ้ ปดิ ให้เขา้ ชม แตเ่ รายังอาจพอจะชะเง้อชะแง้ดูท้องพระ covered with terracotta tiles. The palaces looked very ordinary, far from being โรงไดจ้ ากภายนอก เพียงเข้าซอยเจา้ คุณเทเวศร์ (ทีอ่ ย่ขู ้างวงั ) extravagant. ไปสกั ๒๐๐ เมตร จะเห็นประตวู ังบ้านหม้ออย่ทู างขวา (แต่เดิม ทอ้ งพระโรงจะเข้าจากทางด้านนี้เปน็ หลัก) ต�ำหนกั แดง A14 ภาพของหลงั คาทมี่ งุ ดว้ ยกระเบ้อื งดนิ เผา และประดบั ดว้ ย ช่อฟ้าท่หี ัวท้าย ตั้งตระหง่านอยูเ่ บ้อื งหลงั ประตู กค็ อื ท้องพระโรง ถา้ เป็นสมัยนต้ี อ้ งเรียกต�ำ หนกั ติดลอ้ เพราะยา้ ยที่ต้งั มาแลว้ ถึง วังบ้านหม้อนเ้ี อง ๓ ครั้งดว้ ยกัน เดมิ ทีต�ำ หนกั แดง ปลูกอยภู่ ายในเขตพระราชฐานช้นั ในของ พระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นต�ำ หนักของสมเดจ็ พระศรีสรุ เิ ยนทรา บรมราชนิ ี ในรชั กาลท่ี ๒ ตอ่ มาในสมัยรชั กาลท่ี ๓ ได้ยา้ ยไปปลูก The Audience Hall at Ban Mo Palace ทพี่ ระราชวังเดมิ (ของพระเจา้ ตาก ฝ่ังธนบรุ ี ภายในกองบัญชาการ was built in King Rama III’s era and was ทหารเรอื ขา้ งวัดอรณุ ฯ ในปัจจุบนั ) เพื่อเป็นที่ประทับของเจ้าฟา้ the residence of Prince Kunjara, King The Red Residence was built in King จุฑามณี (พระราชโอรสของพระศรสี ุริเยนฯ เจา้ ของต�ำ หนักเดิม) Rama III’s son. It was used for royal Rama II’s era as his Queen’s residence. ครนั้ เมอื่ เจ้าฟา้ จุฑามณไี ด้สถาปนาเปน็ พระบาทสมเดจ็ พระปิน่ เกลา้ duties and khon practice. At present, it is Formerly, it was located inside the maintained by the Kunjara family and is not Grand Palace, before being moved to the วังหน้าในสมยั รชั กาลที่ ๔ จงึ ไดช้ ะลอต�ำ หนกั แดงหลงั น้ี มาปลูก open to the public. National Museum Bangkok in the reign of ไว้ทพ่ี ระราชวังบวรสถานมงคลด้วย ซ่งึ ปจั จุบนั ก็คอื พืน้ ทีข่ อง King Pinklao, the second king in the reign พิพิธภณั ฑสถานแห่งชาติพระนคร น่ันเอง A 14 The Red Residence A 15 The Audience Hall at Tha Phra Palace A 16 The Audience Hall at D of King Rama IV. National Museum Bangkok, Na Phra That Rd. Silpakorn University, Na Phra Lan Rd. Ban Mo Palace A ตำ�หนักแดงจงึ นบั เปน็ สถาปัตยกรรมแห่งหน่ึงทแี่ สดงใหเ้ ห็นถงึ รูป 9.00am-4.00pm Wed-Sun except public holidays 02 623 6115-22 T 30 แบบของท้องพระโรงเจ้านายในสมยั ต้นรตั นโกสนิ ทร์ไดเ้ ปน็ อยา่ งดี 02 224 1370 www.su.ac.th/th/wangthapra.php 128 Atsadang Rd. A www.virtualmuseum.finearts.go.th/bangkoknationalmuseums Not Open to the Public nationalmuseumbangkok 31 File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 30-31 14/12/20 14:34
“หลมุ เส�” สนั นษิ ฐ�นได้ว่�ท้องพระโรงหลังนี้มี เส�ไม้ เพ่อื ใชร้ องรบั หลงั ค�หน้�จ่วั มุงกระเบือ้ ง จ�กก�รศึกษ�อ�ค�รทอ้ ง พระโรงของเจ้�น�ยชน้ั พระองคเ์ จ�้ ทส่ี ร้�งขึน้ ในสมัยรัชก�ลท่ี ๓ เชน่ ท้องพระโรงวงั บ้�นหม้อ และวังท่�พระ ล้วนเปน็ อ�ค�ร เครื่องไมห้ ลังค�หน�้ จั่วมงุ กระเบอ้ื งดว้ ยกนั ทงั้ สิน้ ก�รขุดค้นท�งโบร�ณคดียังเจอแนวซุงและอิฐท่ใี ชเ้ ปน็ ฐ�นร�กของบนั ไดท�งเข้�ท้องพระโรงดว้ ย เป็นบันไดก่ออิฐ ถือปูน สูงประม�ณ ๓-๕ ขั้น ตงั้ อยู่ท่ีด�้ นย�วของท้องพระโรง ซ่ึงเป็นด้�นหน�้ ของวัง “คลองร�ก” (Strip footing) คือฐ�นร�กท่ใี ช้รองรับน�ำ้ หนกั ผนงั มลี กั ษณะเปน็ ไมซ้ ุงว�งเรียงต่อกันไป แนวของก�รว�งซงุ ท�ำ ใหท้ ร�บถงึ ขอบเขตของตวั อ�ค�ร เปน็ หลักฐ�นส�ำ คัญท่ีช่วย อธบิ �ยลักษณะท�งก�ยภ�พของท้องพระโรงให้ชัดเจนยิง่ ขน้ึ ทอ� งพิระโรงวังท�ายวดั พิระเชติพุ ิน A17 In 2006, the archeological excavation ชวนกันม�ชม “มวิ เซยี มใตด้ นิ ” ทสี่ ถ�นี A 17 Underground Site Museum ในปี ๒๕๔๙ เม่ือมีก�รขุดคน้ โบร�ณคดี ที่ด้�นหน�้ ตึก was undertaken in front of the Ministry of รถไฟฟ้�สน�มไชย ท�งออกท่ี ๑ ทแี่ สดง MRT Sanam Chai Station, Exit 1 กระทรวงพ�ณชิ ยเ์ ดิม C15 หลังจ�กที่กระทรวงไดย้ �้ ยทีท่ �ำ ก�ร Commerce building after the Ministry re- หลักฐ�นท�งโบร�ณคดขี องพนื้ ท่ตี รงน้ี ดว้ ย 6.00am-12.00pm ไปอยูท่ ี่อ่นื แล้ว ได้ค้นพบฐ�นร�กของท้องพระโรงวงั ท่ีสร้�งขน้ึ located to another place. The foundations ก�รจำ�ลองหลุมขดุ คน้ โบร�ณคดีแสดง ม�ตงั้ สมัยรชั ก�ลที่ ๓ ท�ำ ใหส้ �ม�รถสันนษิ ฐ�นรปู แบบของวัง of the Audience Hall found led us to envi- ฐ�นร�กของวงั เก่� ไดว้ �่ sion the design of the palace in the early ท้องพระโรงมีลักษณะเชน่ ทอ้ งพระโรงของวงั เจ้�น�ยชนั้ 19th century. At MRT Sanam Chai Station Exit 1, พระองคเ์ จ�้ คอื เป็นเรือนไทยหนั ด้�นย�วออกท�งหน�้ วงั you can explore an underground site หลังค�ชั้นเดยี วไมม่ ีมขุ ลด มุงหลงั ค�ดว้ ยกระเบ้ืองดนิ เผ�ไม่ The Audience Hall, similar to other museum which brings you archeo- เคลือบ ยกพ้นื สงู มบี นั ไดก่ออิฐถอื ปูนส�ำ หรับข้นึ ลงประม�ณ audience halls belonging to other sons logical evidence from this very area. ๓-๕ ขัน้ ใตถ้ นุ โลง่ ภ�ยในทอ้ งพระโรงเปน็ โถงย�วสำ�หรบั ออก of the king, was a Thai-style pavilion, We have created an archeological ว�่ ร�ชก�ร with its long side facing the front. The excavation to show you the foundations roof was made with unglazed, terracotta of a former palace. 32 roof tiles and the pavilion was built on stilts. Its stairs were made of bricks and D mortar, about 3-5 steps in height. There A was space under the building. Inside the T Audience Hall, there was a long hall for A state activities. 33 File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 32-33 14/12/20 14:34
ร้ัวรอบัขอบัเมือง ป้อมมห่ากาฬ A19 ป้อมปร�ก�รรูปทรงแปดเหลย่ี มมีท้งั หมด ๓ ช้ัน สร้�งขน้ึ คร�วสถ�ปน�กรุงเทพฯ ในรชั ก�ลท่ี ๑ เช่นเดียว ชัน้ ในสุดเป็นหอรบมหี ลังค� สูง ๑๕ เมตร ใบ Fortifications of Bangkok กบั ป้อมพระสุเมรุ และไม่เคยไดใ้ ช้ง�นในก�รปอ้ งกนั ข้�ศกึ เชน่ เสม�เหล่ียม ต�่ งจ�กเสม�ของกำ�แพงเมือง เดยี วกนั ทพ่ี �ดผ�่ นป้อมซง่ึ มลี กั ษณะเปน็ ยอดแหลม ในก�รสร�้ งร�ชธ�นีแหง่ ใหม่ไม่อ�จข�ดส่ิงก่อสร้�งอันม่นั คงแข็งแรงส�ำ หรับเปน็ ป้อมมห�ก�ฬเปน็ ปอ้ มใหญ่ต้งั อยู่ท�งทิศตะวนั ออกของ ปร�ก�รปอ้ งกนั พระนครได้ ดังนั้นเมือ่ คร�วสถ�ปน�กรุงรัตนโกสินทรข์ ึน้ ในปี ๒๓๒๕ พระนคร รมิ คลองคเู มืองเชอ่ื มต่อไปยงั คลองมห�น�ค เชงิ กำ�แพงพระนคร ปอ้ มปร�ก�ร และหอรบ จึงถอื เปน็ ส่ิงกอ่ สร�้ งสำ�คญั พืน้ ฐ�นทขี่ �ดไมไ่ ด้ สะพ�นผ�่ นฟ้�ลลี �ศ เป็น ๑ ใน ๒ ปอ้ ม (จ�กท้งั หมด ๑๔ ส�ำ หรบั ร�ชอ�ณ�จักรในสมัยโบร�ณ ปอ้ มทสี่ ร้�ง) ที่ยงั คงเหลือให้เหน็ อย่ใู นปจั จุบัน When Bangkok was first established as the capital city, it needed strong struc- Mahakan Fort was constructed in King Rama I’s era to protect tures to protect its safety. Therefore, city walls and forts were constructed. the city from enemies. It is located by a moat on the eastern side of the city. It is one of the two remaining forts today. เม่ือคร�วสถ�ปน�กรงุ เทพฯ เป็นร�ชธ�นี ในสมยั รชั ก�ลที่ ๑ มี Phra Sumen Fort ก�รสร�้ งป้อมปร�ก�รต�มแนวกำ�แพงพระนครจำ�นวนท้ังสิน้ ๑๔ ปอ้ ม พรปะ้อสมุเมรุ เพ่ือใชร้ กั ษ�พระนคร ต�มยุทธวธิ กี �รรบแบบโบร�ณ กC�ำitแyพWงเaมมllอื หปง�อ้ กม�ฬ แตใ่ นปัจจุบนั เหลือให้เหน็ อยูเ่ พยี ง ๒ ป้อม คอื ป้อมพระสเุ มรุ และ Mahakan fort ป้อมมห�ก�ฬ เท่�นั้น ปอ้ มแปดเหล่ยี ม ๓ ชน้ั ป้อมพิระสุเมรุ A18 สงู ๑๙ เมตร ชัน้ นอกสดุ กา� แพิงเมือง A20 ประติเ้ มอื งพิระนคร ปอ้ มพระสุเมรุเป็นป้อมใหญอ่ ยหู่ วั มใี บเสม�เป็นเหลีย่ ม แรกสร้�งเป็นประตูไม้ ท�ดินแดง มุมกำ�แพงเมอื งด้�นทิศเหนอื ริมแม่นำ้� ช้ันทส่ี อง มใี บเสม�ยอดแหลม ก�ำ แพงพระนครทห่ี น้�วัดบวรนิเวศ เปน็ ส่วนหน่ึงของแนว เจ�้ พระย� ตรงป�กคลองบ�งลำ�พู ซึง่ แบบเดียวกบั เสม�ก�ำ แพงเมือง ก�ำ แพงเมอื งทสี่ ร�้ งขึ้นล้อมรอบกรงุ ตงั้ แตส่ มัยรัชก�ลท่ี ๑ เป็น ตอ่ ม�ก่ออิฐต่อเติมด้�นบนเป็นหอรบใน ถือเปน็ ชยั ภูมอิ ย่�งดใี นก�รปอ้ งกันข้�ศกึ ภ�ยในมีห้องเกบ็ อ�วธุ และดินปืน กำ�แพงหน� ๑.๘๐ เมตร สงู ๖ เมตร มใี บเสม�ยอดแหลม ต�่ ง สมยั รชั ก�ลที่ ๓ แบบป้อมเพชรของกรุงศรอี ยุธย� แตท่ ว่� ช้นั ในสุดเปน็ หอรบมีหลังค� จ�กใบเสม�เหลยี่ มของตัวปอ้ ม ครั้นม�ถึงรัชก�ลท่ี ๕ ไดร้ ้อื แล้วสร้�ง ป้อมนไ้ี ม่เคยได้ใช้ง�นต�มวัตถุประสงค์ ใหมเ่ ปน็ ประตยู อด และก่ออฐิ ถอื ปนู แทน ของก�รกอ่ สร้�งเลย แมแ้ ตป่ ้อมมห�ก�ฬ The City Wall in front of Bowon Niwet Temple is part of the Old ประตเู มอื งกรุงเทพ มที ั้งสน้ิ ๖๓ เองกเ็ ช่นกนั City Wall built in the reign of King Rama I. นอกจ�กน้แี ล้วชอ่ื ป้อมพระสุเมรุ ยงั ประตู เป็นประตูใหญอ่ ย�่ งประตทู ่หี น�้ ถกู นำ�ไปตัง้ เป็นชื่อถนนในย�่ นนดี้ ้วย โดย รูปถ�่ ยป้อมพระสเุ มรรุ �วปล�ยรชั ก�ลที่ ๕ วดั บวรน้ี ๑๖ ประตู และเป็นประตูเล็ก ถนนดังกล่�วเลียบไปต�มก�ำ แพงเมือง ครัง้ หนึ่งหอรบได้เคยพงั ทล�ยไป จงึ ไดร้ ูปถ�่ ย เร่ืองเล่าชาวเกาะ อย่�งประตชู ่องกุดตรงกำ�แพงเมืองข้�ง ด้�นทศิ เหนือของพระนคร เก�่ เปน็ หลักฐ�นชน้ิ สำ�คญั ทชี่ ว่ ยในก�รบรู ณะ ซ่อมแซมปอ้ มให้กลับคนื สู่สภ�พเดิม ลาวสร�างป้อม ปอ้ มมห�ก�ฬทั้งสิน้ ๔๗ ประตูด้วยกนั Phra Sumen Fort was constructed in ทบี่ อกว�่ กรงุ เทพฯ เมอื งเทพสร้�งนนั้ คว�มจรงิ แล้วห� King Rama I’s era at the mouth of Bang ใช่ฝมี ือเทพท่ไี หน แตเ่ ป็นฝมี ือขนั้ เทพของช่�งหลวงช่�ง Lamphu Canal (the city moat), on a strate- สบิ หมู่ต่�งห�ก ที่ฝ�กผลง�นเอ�ไว้ ส่วนก�รสร�้ งป้อม เลยทีเดยี ว gic location vital to safeguarding the city. และกำ�แพงพระนครนัน้ ไดม้ ีก�รเกณฑ์ช�วล�วจ�กเมอื ง It is one of the two remaining forts today. เวยี งจนั ทน์ และหวั เมอื งริมแมน่ �้ำ โขงม�เปน็ แรงง�นขุด Bangkok City Gate was formerly made ฐ�นร�กสร�้ งป้อม ก่อก�ำ แพงรอบพระนคร of wood. In the reign of King Rama V, it was torn down and reconstructed using โดยเมือ่ กอ่ สร้�งแล้วเสรจ็ ช�วล�วเหล�่ นีก้ ็ห�ได้กลบั brick and mortar, with a spire at the top. ถ่นิ ฐ�นของตนเองไม่ ห�กแต่ต�่ งคนต�่ งลงหลกั ปักฐ�นอยู่ A 18 Phra Sumen Fort A 19 Mahakan Fort A 20 City wall D ในบ�งกอกสืบลูกหล�นเปน็ คนพระนครต่อๆ กนั ม� Santi Chai Prakan Park, Maha Chai Rd. Phra Sumen Rd. A Phra Athit Rd. T ใครเลยจะรู้ว่�...คุณอ�จมบี รรพบรุ ุษเป็นพวก 5.00am-9.00pm A ล�วสร�้ งปอ้ มเหล่�นกี้ ็เป็นได้ 34 35 File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 34-35 14/12/20 14:34
ห่อกลอง A21 Phra PBirnidKgleao A13 A18 หอกลองดงั้ เดิม สร้�งขึ้นในสมยั Phra Athit Rd. รชั ก�ลท่ี ๑ บนพ้ืนที่ป่�ช�้ วดั โพธ์ิ แต่เดมิ นั้นสร้�งเป็นอ�ค�รไม้ ๓ ชนั้ ท�ดินแดง Chao Fa Rd. Chakrabongse Rd. A20 ไม่มฝี � พอถงึ สมยั รชั ก�ลที่ ๕ โปรดฯ ให้ รื้อลง เน่ืองจ�กไม่มีคว�มจำ�เปน็ อีกตอ่ ไป Khaosan Rd. Tanao Rd. Dinso Rd. อกี ทง้ั จะใชพ้ ื้นที่เพ่อื สร�้ งพระร�ชอทุ ย�น แผนทีป่ ี ๒๔๓๐ (กล�งรัชก�ลท่ี ๕) สวนเจ�้ เชตุ (กรมก�รรักษ�ดินแดนใน A0A907A1A40A60A810 Ratchadamnoen Klang Rd. Phra Sumen Rd. แสดงต�ำ แหน่งหอกลอง ทห่ี น�้ วัดโพธิ์ ปัจจุบัน) นน่ั เอง หอกลองทีเ่ ร�เหน็ ในปจั จุบนั ซ่ึงตงั้ Sanam Ratchadamnoen Nai Rd. A12 A19 เรื่องเล่าชาวเกาะ อยูร่ มิ ถนน หน้�กรมก�รรักษ�ดนิ แดน Luang ตรงข้�มวัดโพธิ์นี้ จ�ำ ลองขนึ้ ม�ใหมใ่ น Maha Rat Rd. ในแต่ละช้นั จะมีกลองส�ำ คญั เพ่อื ใชต้ แี จ้งสัญญ�ณแตกต�่ งกนั ไปดงั น้ี ว�ระสมโภชกรงุ รตั นโกสนิ ทรค์ รบ ๒๐๐ ปี • กลองย่ำ�พระสรุ ิยศ์ รี อยู่ชน้ั ล่�ง ใช้ส�ำ หรับบอกเวล� ในปี ๒๕๒๕ A15 A11 • กลองอัคคพี ิน�ศ อยชู่ นั้ สอง ใช้ส�ำ หรับแจ้งไฟไหม้ • กลองพฆิ �ตไพรี อยชู่ ัน้ ส�ม ใช้สำ�หรบั ตบี อกสัญญ�ณเวล�ข�้ ศกึ ยกทัพ Drum Tower was originally built as Na Phra Lan Rd. ประชดิ พระนคร ซึ่งกลองพฆิ �ตไพรนี ี้ หน้�กลองยงั คงใหม่ ไม่มีสกึ ลงไป a 3-story wooden tower in the reign of เลย เหตเุ พร�ะไมเ่ คยไดใ้ ชง้ �นน่นั เอง (เชน่ เดียวกบั ป้อมปร�ก�ร ท่ไี ม่เคย King Rama I, used to tell the time as well A04 A01 Sanam Chai Rd. Atsadang Rd. A01 พระท่นี ่งั อมรินทรวนิ จิ ฉัย มไหสูรยพมิ �น ใช้ปอ้ งกนั ข�้ ศึกเลยเชน่ กัน) as to alert the public in case of fire or A03 A02 Fueang Nakhon Rd. A02 พระที่น่ังสน�มจนั ทร์ war. It was later demolished. The new one A03 พระท่นี ง่ั ดสุ ติ มห�ปร�ส�ท ห�กใครอย�กร้วู ่�หน้�กลองทัง้ ส�มใบจะเก�่ ใหม่แค่ไหน ลองไปพิสจู น์ was built to emulate the original one on A05 A04 พระท่นี ั่งอ�ภรณพ์ ิโมกข์ปร�ส�ท ดูได้ด้วยต�ตนเอง ท่พี ิพธิ ภัณฑสถ�นแห่งช�ติ พระนคร (วังหน้�เดมิ ) มี the occasion of the Bangkok Bicentennial A05 พระที่นั่งสทุ ไธศวรรย์ปร�ส�ท กลองท้งั ส�มใบจัดแสดงอยู่ Celebration in 1982. A06 พระทน่ี ง่ั พุทไธสวรรย์ A07 พระที่น่งั อิศร�วินจิ ฉัย เกย A22 Thai Wang Rd. A22 Charoen Krung Rd. A08 พระทน่ี ง่ั ศวิ โมกขพิม�น เกย คือแท่นสำ�หรบั เทียบพระร�ชย�น A09 ศ�ล�สำ�ร�ญมุขม�ตย์ เพอ่ื ใช้สำ�หรบั ขึน้ -ลงพ�หนะ A21 A16 A10 ศ�ล�ลงสรง เกยท่ีตัง้ อยู่หน้�วดั โพธ์ิน้ี สร้�งขึ้น A11 ศ�ลหลกั เมอื งกรงุ เทพ ม�ใหม่ในตำ�แหน่งเดมิ หลังจ�กทีม่ กี �ร Chao Maha Sanam Chai A12 พระทีน่ ่ังล�นพลับพล�มห�เจษฎ�บดินทร์ ทุบท้งิ ไปด้วยเหตผุ ลง�่ ยๆ ท่ีว่�เกะกะ Station A13 พระที่นง่ั สนั ตชิ ยั ปร�ก�ร ท�งเท้�ส�ธ�รณะ A14 ตำ�หนักแดง Rat A17 A15 ท้องพระโรงวังท�่ พระ Mounting platform is a platform used A16 ท้องพระโรงวังบ�้ นหม้อ ขบวนเสดจ็ ถว�ยผ�้ พระกฐินของรัชก�ล for mounting into and out of royal vehicles. Rd. A17 ท้องพระโรงวังท�้ ยวัดพระเชตพุ นฯ ท่ี ๔ หยดุ น่ิงชวั่ ขณะ เพอ่ื ให้จอหน์ ทอม A18 ป้อมพระสุเมรุ สนั ชกั ภ�พนี้ที่หน้�วัดโพธ์ิ ห�กสงั เกตดู P A19 ป้อมมห�ก�ฬ ใหด้ จี ะพบว�่ มีเกยตั้งอยู่ เพื่อใชส้ �ำ หรบั A20 ก�ำ แพงเมือง ประตูพระนคร ขนึ้ -ลง เสล่ียงพระที่นง่ั นนั่ เอง h A21 หอกลอง A22 เกย A 22 Mounting platform r In front of Wat Pho, Sanam Chai Rd. a y a River D A 21 Drum Tower MBreidmgoreial A In front of Wat Pho, T Sanam Chai Rd. A 36 File 1_A GUIDE_A_P1-37.indd 36-37 14/12/20 14:34
วัดเก่าก่อนต้ังกรุง ศาลาการเปรยี ญวัดโพธ์ิ B01 วดั พระเชตพุ นฯ เป็นวดั โบราณทสี่ ร้างข้นึ ราว ๓๐๐ กว่าปี Former Temples before Bangkok’s Foundation มาแล้ว ตัง้ แต่สมยั อยธุ ยา ในรชั กาลสมเด็จพระเพทราชา เดิม ชอ่ื วดั โพธาราม เรียกติดปากกนั ว่า “วดั โพธ”ิ์ เมอื งบางกอกมมี าต้งั แต่คร้งั สมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยาเปน็ ราชธานีแล้ว ใชว่ า่ เพง่ิ จะตั้งขึ้นมา แต่ก่อนพระอโุ บสถหลังด้งั เดิมของวัดโพธิ์ ต้งั อยทู่ ห่ี ัวมมุ คราวสถาปนากรุงรัตนโกสนิ ทร์ เมือ่ ปี ๒๓๒๕ เทา่ น้ัน แต่ในครัง้ กอ่ น บางกอกยังเป็น กาำ แพงวัดดา้ นใต้ในปัจจุบนั แคเ่ พียงเมอื งหนา้ ดา่ นคอยตรวจตราสำาเภาทั้งหลายกอ่ นแล่นขึ้นไปค้าขายยังกรงุ ศรี กระทงั่ เมอื่ รชั กาลที่ ๑ สร้างพระอโุ บสถข้นึ ใหมท่ างทิศเหนือ โบสถ์หลังเกา่ จึงเปลย่ี นมาเปน็ ศาลาการเปรียญแทน ภายในเกาะรตั นโกสินทรจ์ ึงมีวดั วาอารามเก่าแก่ท่ีสรา้ งขน้ึ มาต้ังแต่สมยั อยธุ ยา โดยมี ไหนมาลองดูกันสวิ ่า...พระอุโบสถหลังเก่าน้ีหันหนา้ ไปทาง อย่ดู ้วยกนั ๔ วดั ไล่ไปตามแม่นา้ำ จากเหนือลงใต้ได้ ดงั น้ี ทศิ ไหน?!! Before King Rama I established Bangkok as the capital city in 1782, Bangkok was only a small port town, a checkpoint for merchant ships before entering Ayutthaya city. Therefore, in old Bangkok, there were four ancient temples which had been built since the Ayutthaya Era. ศาลาการเปรียญ พระอโุ บสถ วดั กลางนา ช่อื เดิมสมัยอยุธยา ชื่อใหม่คราวสถาปนากรุงเทพฯ ใช่แลว้ ! ทิศตะวันตก... เพราะพระประธานหนั หนา้ สู่แมน่ า้ำ วดั สลกั แสดงวา่ สมัยอยุธยานน้ั ผู้คนจะพายเรอื พากนั มาเขา้ วดั จากทาง วัดกลางนา วัดชนะสงคราม (วัดตองปุ) นา้ำ เป็นหลกั วัดโพธาราม วดั สลกั วัดมอญสดุ ถนนข้าวสารกลางยา่ นทัวริสต์ วดั เลยี บ วดั โพธาราม วดั มหาธาตุ ในขณะท่ีพระอโุ บสถหลงั ใหม่หนั ไปทางทิศตะวนั ออก หรอื วัดเกา่ แก่กลางยา่ นแผงพระทา่ พระจันทร์ หันหลังใหก้ ับแมน่ า้ำ เพราะหนา้ วดั เปล่ียนไปอยทู่ างด้านถนน วัดเลยี บ วัดพระเชตุพน (วัดโพธ)์ิ สนามไชยแทนนน่ั เอง วัดพระนอนองคใ์ หญ่ท้ายพระบรมมหาราชวัง อลงั สดุ ในยา่ นท่าเตยี น จนกระท่งั ในสมัยรชั กาลท่ี ๓ พระอโุ บสถหลงั เกา่ น้ี มีการ วดั ราชบูรณะ บูรณะทำาให้เปล่ยี นแปลงไปจนไม่เหลอื ลักษณะทางสถาปตั ย- วัดเก่าแก่เชิงสะพานพทุ ธ ทเ่ี ห็นอยู่ในปจั จบุ นั กรรมของอยธุ ยาให้เห็นอกี เลย คอื สรา้ งข้นึ ใหม่เพราะโดนระเบดิ ลงจนหาย เรยี บไปท้งั วัด ตอนสงครามโลกครง้ั ทสี่ อง Sermon Hall of Wat Pho faces the river on the west. It was formerly an ordination hall in the Ayutthaya Era. Later, King Rama I built a new ordination hall on the northern side, facing the east. บุษบกธรรมาสนเ์ ครือ่ งยอดทรงปราสาท Inside, there is an exquisite pulpit. ภายในศาลาการเปรียญวัดโพธิ์ ที่สรา้ งขึน้ ในสมยั รตั นโกสินทร์ตอนต้น 38 B 01 Sermon Hall of Wat Pho D File 2_B GUIDE_P36-73.indd 38-39 2 Sanam Chai Rd. A 8.00am-6.30pm T 02 226 0335 A www.watpho.com watphonews 39 14/12/20 14:37
วัดใหม่คร้ังต้ังกรุง หลังคาซอ้ นชน้ั ๓ ช้นั มงุ กระเบือ้ งดนิ เผาเคลือบสีน้าำ เงนิ ขอบสเี หลือง เชงิ สแี ดง หรอื ทีเ่ รยี กวา่ มงุ ลักสี ๓ ชนั้ มเี ครอ่ื งลำายอง ประกอบดว้ ย New Temples ช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้ง หางหงส์ ปดิ ทองประดบั กระจก ซงึ่ ทำาได้เฉพาะ when Bangkok was Founded กบั หลังคาวดั และพระทน่ี ั่งในพระบรมมหาราชวงั เท่านั้น วดั พระแก้ววังหลวง B02 ส่วนครุฑยดุ นาคท่ีประดับอยู่ วัดพระศรรี ตั นศาสดารามหรือวัดพระแกว้ เปน็ รายรอบฐานพระอโุ บสถ วดั ประจำาวงั หลวงท่ีอยู่คู่กับพระบรมมหาราชวงั ของ ซึง่ ต่อมาได้กลายเป็นเอกลกั ษณ์ กรุงรัตนโกสนิ ทร์ เช่นเดยี วกับวัดพระศรสี รรเพชญ์ อย่างหน่ึงของวดั พระแกว้ น้นั ในพระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา พระอุโบสถ กม็ าจากความเชือ่ เร่อื งสณั ฐาน วดั พระแกว้ น้ันสร้างข้ึนคราวสถาปนากรงุ เทพฯ หน้าบนั จาำ หลักไม้รปู พระนารายณ์ทรง จกั รวาลในไตรภมู ทิ ี่เปรยี บ เปน็ ราชธานี และมกี ารกอ่ สรา้ งตอ่ เตมิ เรือ่ ยมา นั่น พระอุโบสถถือเปน็ ไฮไลท์สาำ คญั ของวัดพระศรี ครุฑยดุ นาค สญั ลกั ษณ์ท่ีแสดงวา่ พระอโุ บสถดังเขาพระสุเมรุ สะท้อนให้เห็นวา่ วดั แหง่ นไี้ ดร้ ับการอุปถัมภ์อย่าง รตั นศาสดาราม เพราะเป็นท่ีประดษิ ฐานพระแกว้ เป็นวัดท่ีกษตั ริยส์ ร้าง ศูนย์กลางของจกั รวาลที่มฝี งู ตอ่ เนื่องโดยพระมหากษตั รยิ แ์ ห่งราชวงศ์จักรี ถือวา่ มรกต พระค่บู า้ นคเู่ มอื งของกรงุ เทพฯ ทไี่ ดอ้ ัญเชิญ The gable features wooden carving ครฑุ เฝา้ อยู่บรเิ วณตีนเขานัน่ เอง เปน็ อีกหนง่ึ ของความสดุ ยอดในงานสถาปัตยกรรม มาจากเมืองเวียงจันทน์ เม่อื คราวไปตีอาณาจกั รล้าน of Narai on Garuda to symbolize Garuda images adorn แบบไทยจารีตทไี่ มอ่ าจพลาดได้ ช้างไดใ้ นสมัยกรงุ ธนบรุ ี (สว่ นพระราชวงั บวรสถาน that it was built by a monarch. the base of the ordination ภายในวัดมีสิ่งกอ่ สรา้ งนอ้ ยใหญ่กระจดั กระจาย มงคล หรือวงั หนา้ ก็มีพระท่ีน่งั พุทไธสวรรย์ สาำ หรบั hall, symbolizing garudas อยู่มากมาย เรยี กไดว้ า่ อดั แน่นเตม็ พืน้ ท่ภี ายในพระ ประดษิ ฐานพระพทุ ธสิหงิ ค์ ซง่ึ อัญเชิญลงมาคราวไป guarding Mount Meru. ระเบยี ง จนคนร่นุ ใหม่อาจจะรูส้ กึ ระเกะระกะ...เยอะ ตเี มอื งเชยี งใหม่ในสมยั รชั กาลที่ ๑) ส่งิ ! ไม่ตรงตามมาตรฐานความงามของศตวรรษน้ี แตใ่ นความเยอะนีล่ ะ่ ...คอื ความงามตามจารีต The ubosot (ordination hall) houses a revered ของไทย เปน็ ความอลังการงานสรา้ งทชี่ า่ งหลวง Buddha image, the Emerald Buddha, brought to the city ได้ฝากฝีมอื ไว้ทุกกระเบียดของวดั หลวงแห่งกรุง from Vientiane, Laos. รตั นโกสินทร์ หลายๆ คนคงเคยไดม้ าเยี่ยมยลวัดพระแกว้ กัน Supanut Arunoprayote ผนงั และเสาด้านนอกพระอุโบสถประดบั ด้วย แล้ว ต้งั แต่คร้ังมาทัศนศึกษากับโรงเรียน แต่มา กระเบอ้ื งเคลอื บหลากลวดลายหลายสสี ัน บา้ ง คราวนี้คณุ จะชมวดั พระแก้วได้อยา่ งทรงภูมมิ ากย่งิ กเ็ ปน็ กระเบ้ืองเคลอื บกงั ไสแบบจนี ลวดลาย ขนึ้ ดว้ ยหนังสอื คู่มอื เล่มน้ี ดอกไม้ และลายนก เช่นท่ลี กู ต้งั บนั ไดทางเขา้ พระอโุ บสถ หรือที่พนกั ระเบียงด้านนอก Wat Phra Kaeo is the epitome of traditional Thai ซึง่ ส่งั ทำาจากประเทศจนี โดยตรงในสมัย architecture, a Thai equivalent of the Baroque. It is รชั กาลท่ี ๓ situated on the ground of the Grand Palace. It was The walls and pillars are decked with built when Bangkok was established as the capital city, porcelain tiles custom made in China. and has been constantly maintained. D B 02 Wat Phra Kaeo พระพุทธสหิ ิงคป์ ระดษิ ฐาน พระแกว้ มรกตประดษิ ฐาน A The Grand Palace, Na Phra Lan Rd. ภายในพระทนี่ ัง่ พุทไธสวรรย์ ภายในวัดพระแก้ว วงั หลวง T 8.30am-3.30pm วงั หน้า 41 A 02 623 5500 / 02 623 5499 14/12/20 14:37 www.royalgrandpalace.th 40 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 40-41
ฐานไพที คอื ชานชาลายกพืน้ เร่ืองเล่าชาวเกาะ สรา้ งข้นึ ในสมยั รัชกาลท่ี ๔ ประกอบด้วย สิง่ ก่อสร้างสาำ คญั ๓ หลงั คือ ปราสาท ยักษ์คู่ หรือจะสู้ ยักษ์โหล พระเทพบดิ ร พระมณฑป และพระศรี รัตนเจดีย์ ลกั ษณะของยอดปรางค์ ยักษท์ วารบาลตวั ใหญท่ ่ียืนเปน็ คู่ เฝา้ ประตูวดั พระแก้วนี้ กลายเปน็ ภาพ ยอดปราสาท และยอดเจดยี ์ ทีเ่ รยี งต่อ จาำ ที่นาำ มาใช้แสดงความเป็นไทยอยเู่ สมอ และมกั ปรากฎตัวเป็นพรเี ซน็ เตอร์ กันเป็นแถวเป็นแนวแบบนี้ ได้กลายเปน็ โฆษณาตามสอ่ื ต่างๆ ท่เี กยี่ วกับการท่องเทยี่ วอยู่เป็นประจาำ ภาพจำาของวัดพระแก้วไปเสียแล้ว หากไดล้ องเดินนับดูจะพบวา่ ยักษ์ทวารบาลมีอยู่ทง้ั สิน้ ๖ คู่ รวม ๑๒ รูห้ รอื ไม่? สิง่ กอ่ สร้างทัง้ สามมี ตน แต่ละตนมสี ีหนา้ สกี าย และแต่งองค์ทรงเครื่องดว้ ยสที ตี่ า่ งกนั ออกไป ความหมายที่ลึกซึ้งอย่างไรบ้าง? ซ่ึงทง้ั หมดต่างถอดแบบมาจากเครอ่ื งแต่งกายของการแสดงโขน พระศรีรัตนเจดีย คือ เจดีย์ทรงระฆัง มมุ กาำ แพงแกว้ รอบฐานไพที ประดับ ทวารบาลยกั ษ์เหลา่ นี้ L A ทบี่ ุด้วยกระเบ้อื งโมเสกสีทอง ภายใน ดว้ ยพนมหมาก สรา้ งในสมัยรชั กาล ลว้ นตกแตง่ ดว้ ยกระเบือ้ ง K B บรรจพุ ระบรมสารรี ิกธาตุ ซ่ึงกค็ ือ ที่ ๔ ด้วยเปน็ เครอื่ งบูชาพระรัตนตรัยท่ี เคลือบ อันเปน็ เทคนคิ สญั ลักษณ์แทน “พระพุทธ” พระองค์โปรดอยา่ งย่งิ แบบจนี ทำาให้เราเดาได้ไม่ J C ยากเลยวา่ สร้างข้นึ ในสมัย I D พระมณฑป คอื สิ่งก่อสรา้ งตรงกลาง ส่วนสัตวห์ ิมพานตบ์ นฐานไพทีบรเิ วณ รชั กาลท่ี ๓ น่นั เอง มียอดปราสาท เปน็ ที่สำาหรับไว้ตู้ ดา้ นหนา้ และรอบๆ ของปราสาทพระเทพ H พระไตรปฎิ ก ซงึ่ ก็คอื “พระธรรม” บิดร หล่อขึ้นในสมัยรัชกาลท่ี ๕ จะเหน็ ยกั ษเ์ ซเลบทีเ่ รารู้จกั กนั G ได้ว่าเหล่าเทพและยักษ์ บ้างคร่งึ นก บ้าง ดี นั่นคือ “ทศกัณฐ์” ที่ ปราสาทพระเทพบดิ ร คือ อาคาร ครึ่งสิงห์ เหล่าน้ี ลว้ นสะท้อนให้เห็นถึง มี ๑๐ หนา้ กายสเี ขยี ว FE จตรุ มขุ ยอดปรางค์ ใชเ้ ป็นทสี่ ำาหรับ แนวคดิ ทางจักรวาลวทิ ยาในพทุ ธศาสนา ยนื คูก่ บั “สหัสเดชะ” ผู้มี บาำ เพญ็ พระราชกุศล นัน่ ทำาให้มี ทีเ่ ปรียบพระอารามเปน็ เขาพระสุเมรุ กายสีขาว เฝ้าประตูดา้ น พระภิกษเุ ข้ามาทำาพิธี จึงหมายถึง แกนกลางของจักรวาล มหี มสู่ ตั ว์ใหญ่ ทิศตะวันตก เชิงฐานไพที “พระสงฆ”์ น้อยในปา่ หิมพานตเ์ ฝ้าอยทู่ ่เี ชงิ เขา ด้านใต้ เมือ่ รวมกันแลว้ จงึ กลายเปน็ สำาหรับยกั ษ์แบกที่ฐานเจดยี ด์ า้ นหนา้ ...ไหนลองดูสิวา่ ...หา “พระรัตนตรยั ” นัน่ เอง ปราสาทพระเทพบดิ ร ตามคตทิ างพทุ ธ กันเจอม้ัย? น้ัน ถือวา่ ยักษ์ เป็นเทพารกั ษท์ ่ชี ว่ ยค้ำาชู ท่ีสาำ คญั คอื ยอดเจดีย์ ยอดปราสาท พระศรีรตั นเจดยี ์ พระมณฑป ปราสาทพระเทพบดิ ร พระศาสนาเชน่ กนั A สุรยิ าภพ B อินทรชติ C มังกรกัณฐ์ D วริ ฬุ หก และยอดปรางค์ ทงั้ สาม ยังมคี วามสงู “พระพุทธ” “พระธรรม” “พระสงฆ์” E ทศครี ีธร F ทศครี วี ัน G จักรวรรดิ H อศั กรรณมาลาสูร คือ ๔๐ เมตร เท่ากนั อีกด้วย ส่ือให้รู้ Himavanta mythological figures are half- ว่า พระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ ล้วนมี พระศรรี ตั นเจดยี ์ เจดีย์ทรงระฆงั อันเป็นพระราชนิยมในสมยั god, half-animal creatures guarding Mount ความสาำ คัญเทา่ เทยี มกนั รชั กาลท่ี ๔ แต่มาบุกระเบ้อื งโมเสกสที องในสมัยรัชกาลท่ี ๕ Meru. There are six pairs of giants serving เมื่อคราวฉลองกรุงเทพฯ ครบ ๑๐๐ ปี ในปี ๒๔๒๕ as guardians minding the gate, each with In the reign of King Rama IV, a golden โดยกระเบ้ืองโมเสกสที องนัน้ เปน็ ของนอกท่นี าำ เขา้ มาจากยโุ รป its own unique colors and expression. stupa, a scriptures hall, and the Royal เจดีย์ทรงระฆังแบบนี้ จะพบไดอ้ กี ที่วดั บวรนเิ วศวหิ าร B07 และ Pantheon were built forming a single line. วัดราชประดษิ ฐ์ B09 เพราะต่างเป็นอารามท่ีสร้างขึ้นในสมัย The three buildings are of the same height รชั กาลท่ี ๔ ท้ังสนิ้ and are now the image of Wat Phra Kaeo. The golden stupa is decorated with gold I ทศกณั ฐ์ J สหัสเดชะ K ไมยราพ L วริ ุณจำาบัง mosaic tiles imported from Europe. 42 43 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 42-43 14/12/20 14:37
WatSuthatBangkok ก่อนจะขึ้นไปไหว้หลวงพ่อโต ลอง หากไปถึงวดั สทุ ัศนแ์ ล้วอย่าใหเ้ สยี เทีย่ ว ลองเดินชมบริเวณ แหงนขน้ึ ไปดูท่ีหน้าบันพระวิหาร จะเห็น ก�ำ แพงวดั ดา้ นทศิ ตะวันออกดู จะเห็นสง่ิ กอ่ สรา้ งกระจุกกระจกิ วดั สุทศั น์เทพวราราม B03 เป็นรูปสลักพระอนิ ทรก์ ายสีเขียวทรง ทีเ่ รยี กกันวา่ “สัตตมหาสถาน” จำ�ลองสถานทีท่ ีพ่ ระพุทธเจ้า ชา้ งเอราวณั พระวหิ ารแหง่ นีจ้ งึ ถอื ได้วา่ ประทบั ภายหลังการตรัสรู้ ๗ แห่ง ถือเปน็ งานศิลปะจัดวางใน มหาวหิ ารใจกลางพระนครทส่ี รา้ งขนึ้ ในปลายรชั กาลท่ี ๑ สำ�หรับ เปน็ สวรรค์ช้ันดาวดึงส์ ซึ่งตง้ั อยบู่ นยอด สมัยนั้นก็ว่าได้ ทั้งหมดลว้ นสรา้ งขน้ึ ในสมยั รัชกาลท่ี ๓ จึงมกี าร ประดิษฐานพระศรีศากยมนุ ี หรือหลวงพอ่ โต ทอี่ ญั เชญิ มาจากวัดมหาธาตุ เขาพระสเุ มรุ สอดคลอ้ งกับคติการสร้าง ใชง้ านศลิ ปกรรมแบบจนี อยา่ งหนิ แกะสลักเป็นรปู เกง๋ จนี เขา้ สุโขทัย กรุงเทพฯ ที่ว่าเป็นเมืองแหง่ พระอนิ ทร์ มาประกอบกบั ตน้ ไมห้ ลากหลายพันธ์ุ เพอ่ื ใชเ้ ปน็ สญั ลักษณ์ (โลโกข้ องกรุงเทพฯ จงึ ทำ�เป็นรูปพระ แทนสถานทท่ี ง้ั ๗ น้นั วัดสุทศั นโ์ ดดเดน่ ด้วยมพี ระวิหารหลวงเปน็ ประธานของวดั ล้อมรอบ อินทรท์ รงชา้ ง) พระทน่ี ั่งอมรินทรวนิ ิจฉยั ดว้ ยระเบยี งคต ในพระบรมมหาราชวัง ก็มหี นา้ บนั เปน็ เรื่องเล่าชาวเกาะ พระอินทรด์ ้วยเชน่ กนั มีพระอโุ บสถหลังใหญ่ ตง้ั ขวางพระวหิ ารอยูด่ ้านหลัง หลวงพ่ อโต แผนผังของวัดสุทัศน์จงึ มคี วามงดงาม เปน็ ระเบยี บ ไดส้ ดั สว่ น เฉกเชน่ ส่วนพระอโุ บสถหลังมหมึ า ทอ่ี ยดู่ ้าน ขน้ึ ช่ือก็บอกอยแู่ ล้วว่าเป็นพระองค์ใหญ่ อัญเชิญมาจากเมอื งสโุ ขทยั โดย เดยี วกับแผนผงั ของวดั โพธิ์ เพราะต่างเป็นวดั ที่สรา้ งข้ึนในสมัยรัชกาลที่ ๑ หลงั พระวหิ ารน้ัน จัดวา่ มคี วามยาวถอื ลอ่ งแพมาทางแม่น้�ำ เจา้ พระยา แตเ่ มื่อมาถงึ จดุ หมายแล้วกลับยกเขา้ เมอื ง และท้ังคูก่ เ็ นน้ เรอื่ งผงั ภมู จิ กั รวาลเปน็ ส�ำ คญั แตก่ ารกอ่ สรา้ งวดั สทุ ศั น์น้นั เป็นอันดับหน่งึ ของประเทศเลยกว็ า่ ได้ ไม่ได้ ด้วยมสี ณั ฐานใหญก่ วา่ ชอ่ งประตูพระนคร! จำ�ต้องยอมรอ้ื ประตูเมอื ง ใชเ้ วลาเน่นิ นานกวา่ มาก เพราะมาแล้วเสร็จเอากล็ ว่ งเข้าในสมัยรัชกาล ด้วยมคี วามใหญ่ไซส์สูสีกบั พระอุโบสถ ออก แลว้ จึงชักลากพระศรีศากยมนุ ีเข้ามายงั พระนครได้ ที่ ๓ แล้ว และวหิ ารพระนอนวัดโพธ์ิ ใหญข่ นาดไหน ทา่ น�ำ้ ที่ชกั ลากหลวงพ่อขึ้นมาจงึ เรียกกนั ว่า “ทา่ พระ” และเปน็ ท่ีมาให้ น่ะหรือ?!! ก็ขนาดทีต่ ้องซอ้ นหลังคาถึง วงั ท่ีต้งั อยูต่ รงนนั้ เรียกกันว่า “วงั ท่าพระ” A15 (มหาวทิ ยาลยั ศิลปากรใน Wat Suthat: A large temple at the center of the city, Wat Suthat was ๔ ช้นั ยงั ไมพ่ อ! แต่ละชัน้ ยังแบง่ ยอ่ ยอกี ปัจจบุ นั ) นนั่ เอง built in the reign of King Rama I to house a big bronze Buddha image which ๔ ตับ ซ่งึ เปน็ เทคนคิ ทช่ี ่วยซอยระนาบ หลายคนคงสงสยั ว่า ถ้าพระองคใ์ หญ่ขนาดเข้าประตเู มืองไม่ได้ แล้วท�ำ ไม had been brought to the city from Sukhothai. The construction was completed หลังคาใหเ้ ล็กลง จะได้ไมด่ เู ทอะทะ ขณะ หลวงพอ่ ถงึ เข้าไปประดิษฐานอยู่ในวหิ ารได?้ !! in the reign of King Rama III. The layout of the temple followed the concept เดยี วกันด้านสุนทรียะก็ไลร่ ะดบั กนั อยา่ ง โถ...ง่ายนดิ เดยี ว กแ็ ค่สรา้ งพ้นื วิหารและก่อฐานพระข้ึนมาก่อน แลว้ คอ่ ย of the Buddhist universe, with the main vihara symbolizing Mount Meru, สวยสดงดงาม ยกหลวงพอ่ โตข้นึ ไปประดษิ ฐานไว้ จากนนั้ จงึ กอ่ ก�ำ แพง และท�ำ หลงั คาคลมุ which was considered the center of the universe. A cloister surrounds the ขน้ึ ภายหลงั ไม่ตอ้ งใชป้ าฏหิ าริย์แต่อยา่ งใด temple, and on the roof gable there is a carving of Indra on Airavata, his แต่เด๋ยี วกอ่ น...ลองสงั เกตดทู ี่หน้า จักรวาลที่วัดสุทัศน์ three-headed elephant, a god who resides on Mount Meru. This is in line with บนั สิ แบบแผนดงั้ เดิมในการสรา้ งปราสาทหนิ ของอาณาจกั รขอมน้ัน จะมีปราสาท the concept of Bangkok being Indra’s city. The ordination hall is located on องค์กลางเปน็ ประธาน เปรยี บด่งั ยอดเขาพระสุเมรุ อันเปน็ แกนของจกั รวาล the back of the vihara, and the roof gable which faces the east features the คราวนไ้ี ม่ใช่พระอินทร์แล้วนะ แตด่ า้ น ดังจะเหน็ ได้ชดั เจนจากแผนผังของนครวดั sun, and the western gable features the moon orbiting the earth (the ordina- ทิศตะวันออกกลับเปน็ รปู พระอาทติ ย์ ตอ่ มาในสมยั อยุธยาตอนต้น ไดร้ บั คติจากขอมมา แต่เปลี่ยนให้สร้างพระ tion hall) following the ancient belief of the universe. (คตกิ ารสรา้ งอุโบสถในสมยั รตั นโกสินทร์ ปรางคเ์ ป็นประธานของวัดแทน จะหันหนา้ ส่ทู ิศตะวันออกเปน็ หลกั ) ส่วน พอถงึ สมัยต้นรตั นโกสินทร์ พระวิหารหลวงกลบั กลายมาเป็นประธานแทน ทศิ ตะวันตกเป็นรปู พระจันทร์ นนั่ เพราะ การใช้ปรางค์ ตวั พระอุโบสถเองหมายถึงชมพทู วีป มีศาลาตง้ั ประจ�ำ ทมี่ มุ ทั้งสี่ของพระวหิ าร คือ ทวีปทง้ั ส่ี ตามท่ีระบไุ วใ้ น ตามคตคิ วามเช่ือของคนสมยั โบราณท่ีวา่ คมั ภรี ์ไตรภมู ิ โลก คอื ศนู ยก์ ลางของจักรวาล มีพระ สว่ นระเบยี งคตที่ล้อมอยู่โดยรอบ กค็ อื กำ�แพงจกั รวาล นน่ั เอง อาทติ ยแ์ ละพระจันทรโ์ คจรอยโู่ ดยรอบ แผนผังของวัดสทุ ศั น์จงึ มีความงดงามตามตำ�ราด้วยประการฉะน้ี กาลิเลโอไม่พอใจในสิง่ นี!้ ! D B 03 Wat Suthat Thepwararam A Giant Swing, 146 Bamrung Mueang Rd. T 8.00am-9.00pm A 02 622 2819 watsuthatt.com 44 WatSuthatBangkok 45 14/12/20 14:37 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 44-45
วัดน้อยใหญ่ในรัชกาลท่ี ๓ วัดพระเชตพุ น B04 Wat Pho is an ancient temple from the วดั พระเชตุพน เดิมเป็นวัดราษฎร์ชือ่ วดั “โพธาราม” เปน็ วัด Ayutthaya Era. In the reign of King Rama I, Temples in the Reign of King Rama III เกา่ แกต่ ัง้ แต่สมยั อยุธยา ตอ่ มาเมอ่ื สถาปนากรุงรัตนโกสนิ ทร์ a new ordination hall was built, and the เป็นราชธานี ในรชั กาลที่ ๑ จึงมกี ารสถาปนาวัดโพธข์ิ ึ้นใหมใ่ ห้ layout replicates the Buddhist universe ลถุ งึ สมัยรัชกาลท่ี ๓ เปน็ ยคุ เศรษฐกจิ อ้ฟู ู่ บ้านเมอื งเฟื่องฟดู ว้ ยธรุ กจิ เปน็ พื้นทีใ่ นอุดมคติทางพทุ ธศาสนา with Mount Meru at the center. การคา้ ส�ำ เภาระหว่างประเทศ ราชสำ�นกั จึงผุดโปรเจกต์ทเ่ี กี่ยวเนื่องกับ มกี ารสรา้ งพระอุโบสถหลังใหม่ให้ตง้ั อยกู่ ่ึงกลาง แล้วราย การปรับภมู ิทศั น์ของเมืองขนานใหญ่ รอบดว้ ยระเบยี งคตเปน็ ชั้นๆ เสมอื นเป็นการจ�ำ ลองสณั ฐาน จกั รวาลทกี่ ล่าวไว้ในไตรภูมใิ ห้เป็นรปู ธรรม โดยมีพระอโุ บสถ เริ่มจากการบรู ณะวัดเก่าแก่ท่สี รา้ งมาแต่คร้งั รัชกาลที่ ๑ อย่างวดั โพธ์ิ เปรียบเปน็ สวรรคช์ นั้ ดาวดงึ สบ์ นเขาพระสเุ มรุ อนั ถอื ว่าเปน็ ด้วยการขยายพระอโุ บสถให้ใหญข่ นึ้ รวมถงึ เมกะโปรเจกตอ์ ยา่ งการสรา้ ง แกนกลางของจกั รวาล ส่วนพระระเบียงท่ีล้อมรอบเปน็ เสมอื น วหิ ารพระนอนอันสุดแสนจะโอฬารขน้ึ มาในบริเวณเกาะเมอื ง ก�ำ แพงจักรวาล และมีพระวิหารทศิ เปน็ ด่ังทวีปทง้ั สี่ แผนผังของวัดพระเชตพุ น ที่สรา้ งขน้ึ ใหม่ในสมัยรัชกาลท่ี ๑ นอกจากนีแ้ ล้วยงั มวี ัดนอ้ ยใหญ่สถาปนาขึ้นมาใหมอ่ ยา่ งมากมาย น้ี จึงถือว่ามีความซบั ซอ้ นสวยงามยิง่ นกั อาทิ วัดเทพธิดาราม วัดราชนัดดา วัดมหรรณพาราม รวมไปจนถึงวดั บวรสุทธาวาส และวดั บวรนเิ วศ ของวังหน้าดว้ ย 47 กรงุ เทพฯ ในสมยั รชั กาลท่ี ๓ จึงได้ช่ือว่าเปน็ เมืองทีใ่ หญโ่ ตและม่ังค่งั 14/12/20 14:37 มคี วามเจรญิ รุ่งเรอื งเฉกเช่นที่กรงุ ศรอี ยธุ ยาเคยมแี ละเคยเปน็ อย่าง แทจ้ รงิ In King Rama III’s era, the Kingdom was at its peak in inter- national trade, and old temples from King Rama I’s era were restored while the magnificent Chapel of the Reclining Buddha was constructed. Additionally, many new temples, big and small, were built all over the city. 46 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 46-47
พระอโุ บสถ วดั พระเชตุพน ในสมัยรชั กาลที่ ๔ พระอุโบสถ ระเบียงคต พระอุโบสถทส่ี รา้ งขึน้ ใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๑ เดมิ ยังมขี นาด ทร่ี ะเบยี งคตดา้ นทิศตะวนั ตกฝง่ั เหนือ (ดา้ นหลงั พระอโุ บสถ เลก็ กะทัดรดั ตง้ั อยู่อยา่ งอ้างว้างท่ามกลางลานโล่งภายในพระ ม่งุ หน้าไปวหิ ารพระนอน) อยา่ ลืมลองแวะไปชมชอ่ ฟา้ พระ ระเบยี ง คร้ันเม่ือเข้าสรู่ ัชกาลท่ี ๓ จึงไดข้ ยายพนื้ ที่โบสถเ์ สียใหม่ อโุ บสถทอ่ี ยบู่ นแท่นจดั แสดง ชอ่ ฟ้าน้ี คาดวา่ เปน็ ของดง้ั เดมิ ให้ย่งิ ใหญก่ วา่ เดิม เพื่อใหม้ ีความสมส่วนสอดรับกบั ระเบยี งคต ตง้ั แต่แรกสรา้ งในสมยั รชั กาลท่ี ๓ ท่ีโกลนจากทอ่ นไม้ขนาดใหญ่ โดยรอบ มคี วามยาวกว่า ๕ เมตร ลงรกั ประดับกระจก จะเห็นได้ว่ามีเสาพาไล เป็นเสาเหลี่ยมเรยี บเกลยี้ งขนาด และหากสงั เกตใหด้ จี ะเหน็ ว่าชอ่ ฟ้าสดุ อลังน้ี ตงั้ อย่ทู ่ดี ้าน ใหญ่ ข้นึ ไปรับชายคาโดยไม่มีบัวหวั เสาและคันทวย ซึ่งถอื เปน็ หนา้ พระพุทธรปู ตรงฐานบรรจอุ ัฐขิ องพระยาอนมุ านราชธน รปู แบบสุดฮิตทถ่ี กู จริตในสมยั รชั กาลท่ี ๓ ยง่ิ นัก นกั เขียนนกั ปราชญผ์ ใู้ ช้นามปากกาว่า “เสฐยี รโกเศศ” น่ีเอง The new ordination hall built in the era of King Rama I was The cloister around the ordination hall features a row of small, and the version that we see today was expanded in King Buddha statues. On the northwestern wing, the original gable apex Rama III’s time. A unique feature of architecture from King Rama of the hall is showcased, which is larger than one would expect III’s era is eaves on all the four sides of the hall, with large it to be. rectangular columns supporting them. D A ช่อฟา้ และเคร่ืองไมห้ ลงั คาทีจ่ ดั แสดงอยู่ใน C ระเบยี งคต A BB At the entrance of the ordination hall, ก่อนจะข้ึนไปไหว้พระประธานขา้ งในพระอโุ บสถ หากไดย้ นื เดินเลยขน้ึ ไปทางเหนือ ทม่ี ุมระเบยี งคต จะมีช้ินสว่ นเครอื่ ง C if you look up, you will see mural paintings อยู่ทมี่ ุขโถงด้านหน้านี้ ถือวา่ คณุ ไดย้ ืนอยู่ ณ ศูนย์กลางของ ไม้จากหลังคาพระอุโบสถ อยา่ งเชน่ นาคสะดุ้ง ใบระกา และ on the ceiling, featuring the sun on one จักรวาล และหากไดล้ องแหงนหนา้ ข้นึ ไปสาำ รวจดูตรงคอสอง หางหงส์ จดั แสดงอย่บู นผนงั สนั นษิ ฐานวา่ เปน็ ของด้ังเดิม D end and a crescent moon on the other. The จะพบกับภาพจติ รกรรมพระอาทติ ย์ทรงราชรถอยดู่ ้านหน่งึ ต้งั แตส่ มัยรัชกาลที่ ๓ เช่นกนั sun and the moon orbit Mount Meru, which ส่วนอีกด้านจะเปน็ รูปพระจนั ทร์ข้างแรม หันราชรถไปในทิศทาง 49 the hall symbolizes. ทแี่ สดงการโคจรทักษิณาวรรต (วนขวา) รอบพระอุโบสถ ไมน่ ึกเลยวา่ ...เครือ่ งไมท้ เ่ี ราเห็นลิบๆ อยู่ไกลๆ บนหลังคา 14/12/20 14:37 นั้น เอาเข้าจริงดใู กลๆ้ จะมีขนาดใหญ่เบ้อเริ่มเทม่ิ ไดถ้ ึงเพียงน้ี ในระเบยี บจักรวาลทช่ี าวสยามในอดตี ยึดถือกนั มาน้นั เชือ่ วา่ D B 04 Wat Pho เขาพระสเุ มรเุ ปน็ ศนู ยก์ ลางของจักรวาล โดยมพี ระอาทติ ยแ์ ละ A Sanam Chai Rd. พระจนั ทร์โคจรรอบ แสดงให้เหน็ ว่าพระอโุ บสถแห่งนีก้ ค็ อื T 8.30am-5.30pm เขาพระสเุ มรุ ส่วนซมุ้ ประตูทำาเปน็ ซมุ้ ทรงมงกุฎจอมแห A 02 226 0335 หมายถงึ ยอดไพชยนตม์ หาปราสาท วมิ านของพระอนิ ทร์ www.watpho.com ในสวรรคช์ ้ันดาวดึงส์นน่ั เอง 48 watphonews File 2_B GUIDE_P36-73.indd 48-49
วหิ ารทิศ ภาพลบั ขา้ งหลงั บานหนา้ ต่างภายในวิหารทศิ มภี าพลบั ซอ่ นอย.ู่ ... หลงั บานหน้าตา่ ง ภาพเขยี นของชนชาวต่างชาตติ ่างภาษานานาประเทศ ที่คนสยามในสมยั น้นั ไดเ้ รม่ิ วหิ ารทศิ ท้งั ส่หี ลงั สรา้ งข้นึ ต้ังแต่สมยั คบคา้ สมาคมกนั ในยุคเฟอ่ื งฟู ภาพไหนเปน็ ชนชาตอิ ะไรบ้างยังไม่อาจฟันธงใหแ้ นช่ ัดจัดเจน รชั กาลท่ี ๑ หน้าบันวหิ ารทิศเหนือและ วิหารทศิ ได้ แต่ชาวสยามสมยั นน้ั ก็รู้จักชาวดอดชิ (ชาวดัตช์) กนั แล้ว อีกทั้งยังมชี าวหรมุ่ โต้ระกี่ ใต้ เปน็ รูปนารายณท์ รงครุฑ (วังหลวง) (ชาวตรุ กี) ชาวหรูชปตี ะสบาก (ชาวเซน้ ตป์ ีเตอร์สเบิร์ก หรอื รสั เซีย) หรือแม้แต่ชาวหุ้ยหยุ สว่ นหนา้ บนั วหิ ารทิศตะวันออกและ (ชาวอุยกรู )์ อนั หา่ งไกล ก็น่าจะเคยเดินทางมาคา้ ขายกับสยามมาเปน็ เวลาชา้ นานแลว้ ตะวันตก เป็นรปู พระลักษณท์ รงหนมุ าน หนา้ บนั วิหารทศิ เหนือและใต้ เป็นรปู นารายณท์ รงครฑุ (วังหน้า) พระลกั ษณ์เหยยี บบนบา่ ของหนมุ าน เพอื่ ส้กู ับอนิ ทรชิต ใช้เปน็ ลัญจกรหรอื โลโก้สำาหรบั วงั หน้า พระลกั ษณ์ กค็ ือ นอ้ งพระราม เปรยี บได้กบั วงั หน้าพระอนชุ าวังหลวง เครอื่ งหมายนี้จึงแสดงว่าวหิ ารทิศสร้าง โดยฝีมอื ช่างวังหนา้ นน่ั เอง (แต่ด้วยเหตุ ใดไมท่ ราบแนช่ ดั รูปสลักพระลักษณ์ ทรงหนุมานทคี่ วรจะต้องมกี ายสที องน้ัน ปัจจุบนั กลบั ประดับด้วยกระจกสีเขียว เปน็ พระรามไปเสยี แลว้ ทำาใหค้ วาม หมายของหนา้ บันคลาดเคลือ่ นไป) หน้าบันวิหารทิศตะวนั ออกและตะวนั ตก เปน็ รูปพระลักษณ์ทรงหนมุ าน 51 The four Vihara Pavilions were constructed in King Rama I’s 14/12/20 14:37 era. The gable features sculptures of Narai on Garuda (sym- bolizing the Royal Palace status) and Lakshmana on Monkey (symbolizing the Front Palace status, as it was built by craftsmen of the Front Palace). 50 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 50-51
เจดยี ส์ ร่ี ชั กาล รัชกาลท่ี ๒ เจดียใ์ หญ่ ๔ องค์ ท่ีเรียงแถวกันดา้ นหลังพระอุโบสถ ดา้ น หนา้ วิหารพระนอน นนั้ ถือเปน็ ภาพจาำ ของวดั โพธิ์ก็วา่ ได้ รัชกาลที่ รัชกาลท่ี ๔ ๑ แตใ่ ครเลยจะรูว้ า่ ...เจดีย์ทงั้ สี่ มีท่มี าทไี่ ปและได้มกี ารสร้าง ขน้ึ เปน็ ลาำ ดบั ดังนี้ รชั กาลที่ ๓ พระเจดียองคก ลาง ประดับด้วยกระเบื้องเคลอื บสีเขยี ว คือ พระมหาเจดีย์ประจาำ รัชกาลท่ี ๑ สรา้ งขึ้นองคแ์ รก เปน็ Four-Reign Pagodas are a popular เรื่องเล่าชาวเกาะ เจดยี เ์ หล่ยี มยอ่ มุมไมส้ บิ สองเพ่มิ มมุ เปน็ ยีส่ บิ มมุ (ซงึ่ เป็นทรง photography spot among tourists. There เจดยี ์ทน่ี ิยมในสมัยอยธุ ยาตอนปลาย ปจั จุบนั ดา้ นหน้าวัด are four large pagodas. At the center is เจดีย์วัดโพธ์ิ ชนะสงคราม ก็ยงั มเี จดยี ์ทรงนีอ้ ย)ู่ a pagoda of King Rama I, decorated with วดั โพธ์ถิ ือได้ว่าเป็นวดั ทม่ี ีเจดีย์มากท่สี ุด green mosaic tiles. To the right is a pagoda ในประเทศ นอกจากพระมหาเจดีย์ เลา่ กนั ว่า...ด้านในพระเจดยี บ์ รรจุซากของพระศรสี รรเพชดา built for King Rama II, decorated with white ส่รี ชั กาลที่เป็นจดุ หมายตาของพระอาราม ญาณ อนั เป็นพระพุทธรูปยืนขนาดใหญอ่ งค์สาำ คญั อย่างยิ่งของ mosaic tiles. To the left is a pagoda with แล้ว ยงั มีเจดยี ร์ ายขนาดเลก็ ๗๑ องค์ ราชอาณาจักรอยธุ ยา ดว้ ยแต่เดิมประดิษฐานภายในวหิ ารหลวง yellow mosaic tiles built for King Rama III, ท่ดี า้ นนอกระเบยี งคต เปน็ เจดีย์รูปทรง วัดพระศรสี รรเพชญ วดั ประจาำ วังหลวงกรงุ ศรอี ยุธยา (แบบ and the last one is decorated with blue เหล่ยี มยอ่ มุมไม้สบิ สอง เดยี วกบั วดั พระแกว้ ) ซง่ึ เสียหายอยา่ งหนักคราวเสยี กรงุ mosaic tiles, built in the reign of King เจดีย์หม่หู า้ ฐานเดียว ๒๐ องค์ รูปทรง Rama IV. เหล่ยี มยอ่ มุมไมส้ ิบสองเชน่ กัน พระเจดียอ กี สององคท ขี่ นาบขา งองคกลาง สร้างเป็นลำาดบั นอกจากนีย้ ังมพี ระปรางคท์ ีล่ านรอบ ต่อมาในสมยั รชั กาลท่ี ๓ พระอโุ บสถอกี ๔ องค์ นบั รวมกนั ไดท้ ั้งสิ้น ๙๙ องค์ เลย องคข์ วาประดบั กระเบือ้ งเคลอื บสขี าว ถวายแดร่ ชั กาลท่ี ๒ ทีเดียว!!! องคซ์ า้ ยประดบั กระเบ้ืองเคลอื บสีสม้ เป็นเจดียป์ ระจาำ รัชกาลที่ ๓ 53 ลำาดบั สดุ ทา้ ย คอื เจดียป ระดบั กระเบื้องเคลอื บสขี าบ (สีน้าำ เงินเขม้ ) ทีอ่ ย่ดู า้ นหลังเจดยี ์องคก์ ลาง 14/12/20 14:37 สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๔ มลี กั ษณะแตกต่างจากหม่พู ระเจดยี ์ ก่อนหน้าน้ี คือ เปน็ เจดีย์เหลยี่ มย่อมุมไมส้ ิบสองมีฐานสงู มีซุม้ ทิศประดับทงั้ สีด่ า้ น รชั กาลท่ี ๔ ได้มพี ระราชดาำ รสั เกีย่ วกับหมพู่ ระมหาเจดีย์ ทัง้ สีน่ ้วี ่า “พระเจา้ แผน่ ดนิ ท้ังสี่พระองค์นัน้ ท่านไดเ้ คยเหน็ กนั ทงั้ สีพ่ ระองค์ จึงควรมเี จดียอ์ ย่ดู ว้ ยกนั ต่อไปอย่าให้ตอ้ งสรา้ ง ทุกแผน่ ดินเลย” จงึ เปน็ อันสิน้ สดุ ธรรมเนยี มการกอ่ สร้างเจดยี ์ ประจำารชั กาลภายในวัดโพธแิ์ ต่เพยี งเท่านี้ หากลองเดนิ เขา้ ไปที่ลานขา้ งใน จะไดช้ มการประดบั กระเบือ้ ง เคลอื บของพระเจดยี อ์ ย่างใกล้ชิด บริเวณน้ีถือเปน็ จุดถา่ ยรปู ยอดนิยมอีกแหง่ หนง่ึ และท่ีสาำ คัญอยา่ ลืมชมนิทรรศการนา่ สนใจ ทแี่ สดงประวตั คิ วามเป็นมาของวดั โพธอ์ิ ย่างละเอียด พรอ้ มกบั รูปภาพเก่าและของจดั แสดง ท่พี ระระเบยี งด้านทิศตะวันตกดว้ ยนะ 52 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 52-53
วิหารพระพุ ทธไสยาส พระบาทประดับมุกลายมงคล วหิ ารพระนอน วดั โพธิ์ สร้างขน้ึ ในปี ๒๓๗๕ ในสมัยรัชกาลที่ ๓ ต้ัง ๑๐๘ ประการ ที่กลางพระบาท อยู่ที่มมุ กาำ แพงวัดฝงั่ เหนอื ท้ายพระบรมมหาราชวัง ถา้ มาจากทางท่า ประดับลวดลายเป็นวิมานพระอนิ ทร์ เตยี น จะเห็นวหิ ารตระหงา่ นมาแตไ่ กล (พระอโุ บสถวดั โพธ์ทิ ี่วา่ มีขนาด ด้วยยงั คงยดึ คตกิ รงุ รัตนโกสินทร์ ใหญม่ ากแล้ว ยังต้องพา่ ยใหก้ บั วิหารพระนอน ดว้ ยมีขนาดใหญ่กว่า เป็นเมอื งแห่งพระอินทร์อยู่ ในการ กันมาก) ถือได้ว่าเปน็ เมกะโปรเจกต์ในสมัยนัน้ เลยก็วา่ ได้ ดว้ ยเปน็ การ ก่อสร้างได้สรา้ งองค์พระขนึ้ มากอ่ น สร้างพระพุทธรูปปางไสยาสขนาดใหญม่ หมึ า เพื่อเป็นแลนดม์ าร์คให้ แลว้ จึงคอ่ ยสรา้ งพระวิหารมาครอบ กับพระนครใหม่แหง่ นี้ ทับองคพ์ ระในภายหลัง โดยองค์ ด้วยเปน็ อาคารขนาดมหึมา มีผนื หลังคาที่มีพ้นื ท่ี พระพุทธไสยาสจะประดษิ ฐานอยู่ กวา้ งมาก การหาทอ่ นซุงขนาดใหญ่และยาวเพอื่ นาำ ระหว่างเสาร่วมใน ซึง่ ใช้รับนาำ้ หนกั มาก่อสรา้ งโครงหลังคาจึงเปน็ เร่อื งยาก ของหน้าจ่ัวหลงั คา มีทางเดินประ แตช่ ่างไทยมเี ทคนิค โดยทำาหลงั คาลดชัน้ แทน ทกั ษณิ โดยรอบ ลด ๓ ชั้น เสาพาไลรอบวิหาร เป็นเสา พระพุทธไสยาสเป็นพระพุทธรูปก่ออฐิ แตล่ ะชั้นยงั แบง่ ยอ่ ยออกเปน็ อกี ๔ ตบั เหลย่ี มเกล้ยี ง ไมม่ ีบัวหัวเสา ถอื ปนู แลว้ ลงรกั ปดิ ทอง ยาว ๔๒ เมตร ซง่ึ นอกจากจะทำาใหห้ าไมท้ ี่มขี นาดพอดีเพอ่ื นำา สงู ถงึ ยอดเกตุมาลา ๑๕ เมตร มาใชก้ ่อสร้างได้แลว้ ยังชว่ ยทอนระนาบของหลงั คา เป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะของ 1เ ม5ต ร อันกว้างใหญใ่ หเ้ ลก็ ลง หลงั คาจงึ ดเู บา ไมร่ สู้ ึกวา่ วัดรัชกาลท่ี ๓ ทรงสร้าง 42.5 เมตร หวั โต สว่ นตวั เสาลอยท่ตี ้ังขึน้ ไปรบั การลดชัน้ ของหลังคานีย้ งั ช่วยนาำ สายตาทำาให้ ชายคาโดยตรงเหล่านี้ ยงั ช่วยดึง อาคารให้ยดื สงู ดูทรงเพรยี วขน้ึ ได้ ความยาวของวิหารดูสั้นลงดว้ ย The Chapel of the Reclining Buddha was constructed in the reign of King Rama III in 1832. แรกเรม่ิ เดมิ ทเี สน้ ทางการนมัสการ คอื เขา้ ทางประตูดา้ นซา้ ย ซ่ึงเปน็ ดา้ นหลงั ของ It was one of the largest buildings in the city, built พระเศยี ร แลว้ สาธชุ นจะเรมิ่ ตน้ เดินจากทีด่ ้านหลังองค์พระ เวียนขวาเมอื่ ถึงพระบาท to house one of the largest brick and mortar แลว้ จงึ เดนิ ยอ้ นกลับมาสู่พระพกั ตร์ นบั เป็นอุบายอนั แยบยลในการสร้างเส้นทางที่วาง Buddha statues, the fifth largest in the country. ไฮไลทไ์ ว้ท่ีตาำ แหน่งทา้ ยสดุ The feet of the statue are decorated with mother- of-pearl inlay. At the center of each foot is a ซุ้มประตูหน้าตา่ ง แต่ในปจั จบุ ันทางวดั กำาหนดให้เข้าทางประตขู วา ซง่ึ ย้อนเส้นทางในอุดมคติ pattern of Indra’s heaven, which represents นน้ั มีการประดับ เมือ่ เข้าไปปบุ กเ็ จอกบั พระพักตรป์ ับ แชะภาพไหวข้ อพรกันไดท้ ันทีเลย Bangkok, a city believed to be home to the god. ดว้ ยลวดลายปูนปนั้ ดอกไม้อย่างเทศ หากได้เดนิ ชมจิตรกรรมฝาผนังโดยรอบ จะพบว่า ทบ่ี รเิ วณด้านหลังพระเศยี รเปน็ เรอ่ื งพระสาวิกาเอตทคั คะ ทเ่ี ป็นภกิ ษณุ ี ๑๓ องค์ พระนอนทไ่ี หน 53ย า ว สมเดจ็ พระศากยมณุ ีศรีสุเมธบพิตร ๒ 50ย า ว พระศรีเมืองทอง ๓ 47ย า ว พระนอนจกั รสหี ์ ๔ 43ย า ว พระพทุ ธไสยาสน์ ๕ 42.5ย า ว พระพุทธไสยาส นอนยาวที่สุด?!! เมตร วดั ขนุ อินทประมูล อ่างทอง เมตร วดั พระนอนจักรสหี ว์ รวหิ าร เมตร วดั พระพุทธไสยาสน์ เมตร วดั พระเชตพุ นฯ เมตร วัดบางพลใี หญก่ ลาง สมุทรปราการ สงิ หบ์ ุรี เพชรบุรี กรงุ เทพฯ แม้พระนอนวดั โพธ์ิจะองคโ์ ตใหญ่ กห็ าใช่จะยาวสดุ ในประเทศไม่ แตถ่ งึ กระนน้ั กย็ งั ตดิ Top 5 นะจะ ...วา่ แตว่ า่ ...คณุ เคยไปนมัสการ ๑พระนอนครบทง้ั หา้ อันดับนี้ แล้วหรือยงั ? File 2_B GUIDE_P36-73.indd 54-55 14/12/20 14:37
ลน่ั ถัน พระมณฑป เขามอ พระมณฑป เขาศวิ ลึงค์ สร้างขนึ้ ใหมใ่ นสมัยรัชกาลที่ ๓ ดูจาก เขามอ หรอื สวนหย่อมกระจุกกระจิก๊ โดยรอบบรเิ วณวัดนน้ั การตกแตง่ ดว้ ยกระเบื้องเครอื่ งถว้ ย มมี าตัง้ แต่ครั้งปฏสิ ังขรณ์ใหญ่ในสมัยรชั กาลที่ ๓ แลว้ ลั่นถัน ก็น่าจะรูไ้ ดว้ า่ สรา้ งในสมัยใด ปัจจุบนั เพ่งิ บูรณะแลว้ เสร็จสวยกรบ๊ิ เลยทเี ดียว โดยการนำาหนิ ท่เี ดมิ ก่อเปน็ ภเู ขาในสวนขวาของพระบรม ทวารบาลทเี่ ฝา้ ประตวู ดั โพธมิ์ า มหาราชวงั มาจัดแตง่ เป็นสวนเขามอประดบั ทนี่ ี่ บา้ งกม็ เี จดีย์ กนั เป็นคู่ เช่นเดยี วกบั ทวารบาล The Scripture Hall was built in the หรือเสาโคมแบบจีนประดบั บ้างก็ตกแต่งดว้ ยรูปสลักหนิ เปน็ คน ยกั ษข์ องวดั พระแก้ว แต่ทีน่ ี่เป็น reign of King Rama III, decorated with หรอื สตั วต์ า่ งๆ ทใ่ี ช้เปน็ อับเฉาถ่วงนาำ้ หนกั เรือสำาเภาให้กนิ น้าำ รูปสลกั หนิ ชายชาวจนี หรอื ไม่กฝ็ รั่ง Chinese ceramics which were popular ร่างใหญ่ มหี นวดเครายาว บา้ งถอื during his era. ในวดั โพธ์ิมีเขามออยู่ทงั้ สนิ้ ๒๔ ลกู แต่ทเ่ี ป็นจุดเชค็ อนิ มาก งา้ ว บ้างถือกระบอง ยืนจังกา้ เฝา้ ท่สี ุดในปัจจบุ ันกค็ อื เขาศวิ ลึงค์ ซ่งึ ตั้งอยู่บริเวณด้านหนา้ วหิ าร อยู่ขา้ งประตู เรื่องเล่าชาวเกาะ ทิศตะวนั ตก (วหิ ารท่มี หี นา้ บนั เป็นพระลกั ษณท์ รงหนุมาน) ด้วยเพราะมลี งึ ค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขา จึงเป็นท่ีนิยม นี่ไม่ใชย่ ักษว์ ัดโพธิ์ตนท่ีไปไฝว้ ยักษ์วัดโพธ์ิอยู่ท่ีไหน? ของผคู้ นท่ีมากราบไหวบ้ นบานขอลกู กนั เปน็ จาำ นวนมาก กับยกั ษ์วัดแจ้ง เพราะมนั คอื ลัน่ ถัน จากกรณีพพิ าทระหว่างยกั ษว์ ดั โพธิ์ กบั หรอื ทหารนักรบจีน รปู สลกั หินท่ี ยกั ษ์วัดแจง้ กลายเปน็ ตาำ นานสุดคลาสสิก Miniature Mountains are small gardens which simulate Chinese ส่ังนำาเขา้ มาจากเมืองจีนเปน็ การ ของยา่ นท่าเตียน landscape. They are decorated with Chinese lanterns and stone เฉพาะ เพอื่ ใหม้ าเฝา้ ประตวู ัดโพธิ์นี้ วา่ กันวา่ ยักษ์ทัง้ สองยกพวกตะลุมบอน statues. One of the most famous mountains is the one with Siva ไม่ใชอ่ ับเฉาทใ่ี ช้ถว่ งท้องเรอื สาำ เภา กันบานปลายจนถงึ ข้นั ข้ามแมน่ ำา้ มาตกี นั Linga on the top. กนั เรือโคลง อยา่ งทห่ี ลายๆ คน ทท่ี า่ เตยี น ร้อนถึงพระอศิ วร พระอินทร์ เข้าใจกัน รวมถึงยกั ษว์ ัดพระแกว้ ตอ้ งออกมาไกล่ เขาฤาษดี ดั ดน เรื่องเล่าชาวเกาะ เกลย่ี เจรจาหยา่ ศกึ แม้วา่ จะทาำ ไปด้วย Gate Guardians are large stone อารมณ์ชว่ั วบู กเ็ ถอะ แต่ผิดกต็ ้องว่ากนั ไป เขามอวดั โพธิ์มักมรี ปู หลอ่ ของษดี ดั ตนแทรกอยู่ ซึง่ ถือ เขามอ statues of Chinese and Western ตามผดิ ยักษว์ ดั โพธจ์ิ ึงถูกลหุโทษโดยการ เป็นส่วนหน่งึ ในนโยบายเผยแพรต่ ำาราแพทยแ์ ผนโบราณสู่ เขามอ คือ สวนหนิ แบบจนี ที่จำาลองภมู ิ warriors imported from China. These ย่อใหต้ วั เลก็ แลว้ ขังไวใ้ นซุม้ ประตูหนา้ สาธารณะ แต่ละกระบวนท่าลว้ นใชใ้ นการแก้ปวดเม่ือยตามหลัก ประเทศตามธรรมชาตใิ ห้เป็นสวนขนาด are different from the gate guard- พระมณฑปนัน่ เอง โยคะของโยคอี นิ เดีย ยอ่ ม ก่อด้วยหินทำาเปน็ ภเู ขา ประดบั ด้วย ians at Wat Phra Kaeo which are ไหนลองไปหาดูส.ิ .. ยักษใ์ หญ่ กลายเปน็ พนั ธุไ์ ม้ สายนำ้า และมักมีสถูปเจดียห์ รอื yaksa (giant). ยกั ษ์เล็ก อยา่ งท่คี ิดไว้มั้ย? แรกสร้างในสมัยรชั กาลที่ ๑ ยังเปน็ ดินปั้น ตอ่ มาได้ทาำ เป็น ศาลจำาลองหรือสิ่งศกั ดิ์สทิ ธิ์ ประดิษฐาน รปู หล่อโลหะเนือ้ ชนิ (ดบี ุกผสมตะกัว่ ) ในสมยั รชั กาลที่ ๓ อยู่บนยอดเขา ปจั จบุ นั มีการหลอ่ เพ่มิ เติมขึน้ มาอีกหลายตน หากมองตามคตพิ ทุ ธ-ฮินดู เขามอ ยงั เป็นการจำาลองจกั รวาลตามโลกทศั น์ Yogi Poses adorn the miniature mountains. They are sculptures ของคนสยามในสมยั โบราณดว้ ย โดย cast from tin and lead alloy, depicting traditional medicine knowledge เปรียบเป็นทอี่ ยู่ของพระอนิ ทร์บนยอด for the public to learn. These poses are based on Indian yoga เขาพระสเุ มรุ พระสถปู เจดียจ์ ำาลอง คอื practice and can help relieve muscle pain. พระเจดยี ์จุฬามณี บนสวรรคช์ น้ั ดาวดึงส์ ตน้ ไมท้ ี่ปลูกประดับ เปรียบไดก้ ับปา่ 56 หิมพานต์ เชงิ เขาพระสุเมรุ ส่วนสระนาำ้ ใน File 2_B GUIDE_P36-73.indd 56-57 เขามอ ก็คือทะเลสที นั ดร ท่ีล้อมรอบเขา พระสุเมรุน่ันเอง เกง่ เชอื่ มโยงจรงิ นะ 57 14/12/20 14:37
วดั พระแกว้ วังหนา้ B05 ScorpianPK วดั ราชนัดดา B06 วดั บวรสทุ ธาวาส เปน็ วดั ประจำ�พระราชวงั บวรสถานมงคล เปน็ วดั กษตั รยิ ส์ รา้ งในสมยั รชั กาลท่ี ๓ บรเิ วณชานพระนคร หรือวังหน้า เชน่ เดยี วกับวัดพระแกว้ ทเี่ ป็นวดั ประจำ�วงั หลวง ดา้ นทศิ ตะวนั ออก หลงั ปอ้ มมหากาฬ เคยี งกนั กบั วดั เทพธดิ าราม ถงึ แม้ว่าจะไม่ได้ประดษิ ฐานพระแก้วมรกตดงั ชอ่ื แต่ก็ยงั คง ทส่ี รา้ งมาแล้วกอ่ นหน้า เป็นการสร้างขึ้นเพ่ือเฉลิมพระเกียรติ เรยี กอย่างลำ�ลองว่า “วดั พระแกว้ วังหนา้ ” แกพ่ ระเจา้ หลานเธอ พระองค์เจ้าหญงิ โสมนัสวฒั นาวดี (หลาน ตวั วดั สร้างขึ้นในสมัยสมเดจ็ พระบวรราชเจา้ มหาศักดพิ ล ปู่ของรัชกาลท่ี ๓) ซ่งึ ก�ำ พรา้ พระบิดาตงั้ แต่ทรงพระเยาว์ ท�ำ ให้ เสพ (วังหนา้ ในสมัยรชั กาลที่ ๓) ปัจจบุ ันต้ังอยู่ภายในพนื้ ท่ี รัชกาลที่ ๓ ทรงน�ำ มาเลีย้ งดอู ยา่ งพระราชธดิ าของพระองค์เอง สถาบันบัณฑติ พัฒนศิลป (วทิ ยาลยั นาฏศิลป์เดมิ ) ใชเ้ ป็นท่ี ดว้ ยเหตนุ ี้จงึ ต้งั ช่ือวัดใหม่แห่งนว้ี า่ ราชนัดดาราม อนั หมายถึง ส�ำ หรับประกอบพธิ ีไหว้ครู ครอบครู ของบรรดานกั ศึกษาและ หลานของกษตั รยิ ์ นนั่ เอง ศลิ ปินของกรมศิลปากร ยงั ไม่มกี ารเปดิ ใหบ้ ุคคลภายนอกเขา้ ชมแต่อย่างใด Wat Ratcha Natda was built in King Rama III’s era, located แลว้ อะไรละ่ ?..ที่บง่ บอกวา่ สร้างข้นึ ในสมัยรัชกาลท่ี ๓ behind Mahakan Fort, to honor the King’s granddaughter whom he เสาพาไลขนาดใหญ่ ทรงเหลยี่ มเรียบๆ ท่รี องรบั ชายคาโดย had raised. รอบ ถือเป็นความนยิ มในยคุ นั้น เชน่ เดียวกบั คอสอง (ผนังซึ่ง อยู่ระหว่างหลังคากบั ชายคา) ทีป่ ระดับด้วยปนู ป้ันรปู พวงอบุ ะ โลหะปราสาท รปู แบบเหมือนกบั พระทน่ี ัง่ พุทไธสวรรยใ์ นวังหนา้ A06 และวดั บวรนเิ วศ B07 กถ็ อื เป็นพระราชนิยมในสมยั รชั กาลท่ี ๓ เช่นกนั โลหะปราสาทของวัดราชนัดดานี้ ถือเปน็ หนึง่ เดยี วใน ประเทศไทย ทีส่ ร้างขึน้ ในสมยั รัชกาลท่ี ๓ ตามคตโิ ลหะ ก ิสณธร ราชโอรส ปราสาทของลังกาเพอ่ื เปน็ สถานปฏบิ ัตธิ รรมของพระสงฆ์ ผิดแผกจากขนบทั่วไปดว้ ยเรานิยมสร้างสถูป อยา่ งเชน่ เจดีย์ Wat Phra Kaeo at the Front เรื่องเล่าชาวเกาะ หรือพระปรางค์ เพ่ือประดษิ ฐานพระสารรี กิ ธาตุ มากกวา่ ท่ีจะ ภาพรา่ งสนั นษิ ฐาน โลหะปราสาทสร้างคา้ ง Palace was constructed in the reign สร้างสถานปฏิบัตธิ รรมเพื่อเปน็ ประธานของวัด โลหะปราสาทท่ศี รีลังกา ไว้ต้ังแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ of King Rama III. It features large ข้อยกเว้นของวัดวังหน้า rectangular columns which support องคป์ ระกอบทางสถาปตั ยกรรมหลายอย่างท่ีปกติไมอ่ าจทำ�ได้ในพระท่นี ง่ั Loha Prasat, or Iron Stupa, was built in the reign of King the eaves surrounding the ordination ของวังหน้าท้ังหลาย Rama III, following Sri Lankan traditions. It was meant to be a hall, following the popular design of อย่างพระท่นี ั่งอิศราวินิจฉยั และพระท่ีน่งั ศวิ โมกขพมิ าน ท่ไี มอ่ าจท�ำ place for monks to stay and meditate, but instead was used as that era. As it belonged to the Front หลังคาลดชน้ั ได้ หรือพระทนี่ งั่ ตา่ งๆ ซึง่ มีรวยระกาตรงๆ แอ่นโคง้ ไปตามโครง a stupa housing Buddha’s relics on the top floor. Even though its Palace, the temple is not allowed to หลังคาตามฐานานศุ ักดขิ์ องวงั หนา้ แตเ่ มื่อเปน็ “วัด” กลับมขี ้ออนุโลมให้ name suggests, all 37 spires are made from copper, rather than have a spire on the roof. Currently, it สร้างใหท้ ำ�ได้ กลา่ วคือ วดั ของวงั หนา้ สามารถทำ�หลงั คาลดช้นั และมีเครอ่ื ง iron. There is a spiral staircase at the center of Loha Prasat, is located on the premise of College ลำ�ยองทห่ี นา้ บันทำ�เป็นนาคสะดุ้งได้ connecting the six floors. of Dramatic Arts and is not open to อยา่ งไรก็ตาม วดั พระแกว้ วังหนา้ ก็ยังไม่อาจเทยี บช้ันกับวงั หลวงได้ ดว้ ย the public. ยังไมอ่ าจทำ�เครือ่ งยอดปราสาทบนหลงั คาน่ันเอง เร่ืองเล่าชาวเกาะ จะสังเกตได้วา่ ผงั อาคารจตุรมขุ และหลังคาลดชั้น เชน่ น้ี หากมเี คร่อื ง D B 05 Wat Phra Kaeo at the Front Palace ยอดทรงปราสาทจะไดส้ ดั สว่ นสวยงามเป็นอย่างยิ่ง ดังเชน่ พระทนี่ ั่งดสุ ิตฯ วัดโสมนัส B 06 Wat Ratcha Natda / Loha Prasat D A Bunditpatanasilpa Institute, Rachini Rd. หรอื พระท่นี งั่ สทุ ไธศวรรย์ ในพระบรมมหาราชวัง เมือ่ ผลัดแผ่นดิน พระองคเ์ จา้ หญิงโสมนัส “ราชนัดดา” ของรัชกาลท่ี ๓ Maha Chai Rd. A T Not Open to the Public แตเ่ นอ่ื งจากธรรมเนียมทไี่ มอ่ าจท�ำ ยอดปราสาทอย่างเชน่ วังหลวงได้ ไดท้ รงอภิเษกกบั พระมหากษตั ริยอ์ งค์ต่อไปคอื รชั กาลท่ี ๔ และไดส้ ิ้น 9.00am-5.00pm T A 02 224 1370 จงึ ได้งดท�ำ เสยี จะเห็นว่าล�ำ ดบั ชัน้ ของฐานานศุ กั ด์ถิ อื เปน็ เรอ่ื งส�ำ คัญ พระชนมห์ ลงั ใหก้ ำ�เนิดพระโอรส ทำ�ให้รัชกาลที่ ๔ ทรงโทมนสั จนใหส้ รา้ ง 02 224 8807 / 089 683 5953 A อยา่ งยิ่งในงานสถาปัตยกรรมไทย วัด “โสมนัส” ขนึ้ ทีน่ อกเมอื ง เลยี บคลองผดุงกรงุ เกษม เพอ่ื เป็นอนสุ รณ์ watratchanadda สมเดจ็ พระนางเจา้ โสมนัสวฒั นาวดี จึงเป็นที่มาใหม้ กี ารสร้างวดั ถงึ ๒ วัด 59 คอื วดั ราชนดั ดา (หลานรกั ) ในสมยั รชั กาลท่ี ๓ และวัดโสมนสั (เมยี รัก) ในสมัยรชั กาลที่ ๔ อีกทัง้ เน่อื งจากทรงกำ�พรา้ พระบิดาแต่เดก็ ผ้ทู ่ีเล้ยี งดพู ระองคเ์ จ้าโสมนสั มาตอนทรงพระเยาว์กค็ ือพระปติ ุจฉา (ปา้ ) หรือพระองคเ์ จ้าวิลาส กรม หม่ืนอัปสรสดุ าเทพ ซง่ึ เปน็ พระธิดาองคโ์ ตของรัชกาลท่ี ๓ ผู้ซง่ึ เป็นต้น กำ�เนดิ ของวดั “เทพธิดาราม” ที่ต้งั อย่เู คยี งกันน่นั เอง 58 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 58-59 14/12/20 14:37
ยอดทง้ั หมดมี ๓๗ ยอด ศิลปะลูกผสม ชั้นลา่ งมีด้านละ ๗ ยอด รวมเปน็ ๒๔ พระราชนิยม ในรัชกาลที่ ๓ ชน้ั สองมดี า้ นละ ๔ รวมเปน็ ๑๒ ชัน้ บนสุดเปน็ หลังคาทรงจตุรมุขยอดปราสาท มีขนาดใหญส่ ุด Hybrid Architecture รวมท้ังหมดเปน็ ๓๗ ยอด อันหมายถงึ โพธิปักขยิ ธรรม ๓๗ ประการ อนั เป็นหลักธรรมนำ�ทางสูน่ ิพพาน มบี ันไดเวยี นอยู่ด้านใน สถาปตั ยกรรมลกู ผสมครึ่งไทยครึ่งจีน อนั เปน็ รูปแบบใหม่ท่นี ิยมใน เป็นแกนกลางของอาคาร เพ่ือนำ�ขนึ้ ไปยงั ชนั้ บน สมยั รชั กาลท่ี ๓ นัน้ ได้ประยุกต์เอาเทคนคิ การกอ่ สร้างของจนี มาผสาน เขา้ กับสถาปตั ยกรรมแบบจารีตของไทย มกี ารนำ�งานก่ออฐิ ถอื ปูนมาใช้ ว่ากันวา่ ตน้ เค้าของโลหะปราสาทมาจากศรีลงั กา โดยชา่ ง ถึงแม้จะสร้างเสรจ็ สมบูรณแ์ ล้วกต็ าม กับหน้าบันแทนงานเคร่อื งไม้ (ช่างไทยถนดั งานไม้ ชา่ งจนี ถนดั งานปูน) ไดเ้ ดินทางไปถงึ กรงุ อนุราธปรุ ะเพอ่ื ไปถอดแบบจากซากแลว้ มา แต่โลหะปราสาท วดั ราชนัดดา หนึ่งเดียว แล้วปน้ั ลวดลายปนู หรือตกแต่งด้วยกระเบอื้ งถ้วยชามจนี แทนการแกะไม้ ดดั แปลงใหม้ ีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยไมผ่ สมจีนเลย ในโลกนี้ กไ็ ม่เคยใชเ้ ปน็ ท่ีปฏบิ ตั ขิ องภิกษุ ปดิ ทองประดบั กระจก ท�ำ ใหเ้ คร่ืองไม้อยา่ ง ช่อฟา้ ใบระกา หางหงส์ ถงึ แมจ้ ะเป็นพระราชนยิ มในสมยั รชั กาลท่ี ๓ ก็ตาม โลหะ เลยสักครัง้ แถมยงั เปล่ยี นสถานะไปเป็น ทปี่ ระดบั อยบู่ นหลังคา จงึ แทนท่ดี ้วยงานปนู ซึ่งคงทนมากกวา่ ขณะที่ ปราสาทจงึ ไดก้ ่อสรา้ งขน้ึ พรอ้ มกับการสถาปนาวดั ใหม่ โดย สถานที่สักการะบูชา เชน่ เดียวกับเจดยี ์ ผัง รูปทรง ขนาด และสดั สว่ น ยังคงเปน็ แบบไทยอยู่ แตเ่ คร่อื งประดบั มสี มเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาตเิ ปน็ แม่กองก�ำ กบั การ ตามคตนิ ิยมของชาวไทยอีกด้วย เม่ือ เปน็ อยา่ งจีน เรยี กได้วา่ เบา้ หนา้ เปน็ ไทย แตใ่ สเ่ สื้อผ้าแบบคนจนี น่ันเอง สร้าง มกี ารบรรจุพระบรมสารีริกธาตขุ ึน้ ท่ี ดังจะเหน็ ได้ชัดทวี่ ดั บวรนิเวศ B07 วัดเทพธดิ าราม B08 และวดั มหรรณ- ปราสาทด้านบนสุด ในปี ๒๕๓๘ พาราม ซึ่งแสดงอตั ลักษณท์ บี่ ง่ บอกไดว้ ่าเปน็ งานทส่ี รา้ งขน้ึ มาในสมยั แต่เนื่องจากเป็นโปรเจกต์ในช่วงปลายรชั กาล จงึ ทำ�ได้เพียง รชั กาลที่ ๓ แคก่ ่อศลิ าแลงสลบั กับอิฐเทา่ นนั้ ยังไมท่ นั ได้ฉาบปนู ด้วยซ้�ำ ก็สนิ้ พรอ้ มกนั น้ี ในอีกปตี อ่ มา นาวาอากาศ รัชกาลเสยี แลว้ การกอ่ สรา้ งทัง้ หมดจึงหยุดชะงักลง จนในสมัย เอก อาวุธ เงินชกู ลิ่น สถาปนิกจากกรม Thai architecture with Chinese style was popular in King รัชกาลท่ี ๕ จึงไดด้ ำ�เนินการต่อโดยก่อคหู าสร้างยอดเปน็ ปนู ศลิ ปากร ยังไดอ้ อกแบบยอดใหม่ให้เปน็ Rama III’s era. Such architecture used Chinese-style brick แต่ก็ยังไม่แล้วเสร็จสมบรู ณ์ กระทั่งมีการก่อสร้างขนานใหญข่ ึ้น โลหะอกี ดว้ ย เพอื่ ใหส้ มกบั เป็นปราสาท and mortar construction, which was more durable, to replace มาใหม่ในยุคปัจจุบนั คอื ตง้ั แตป่ ี ๒๕๐๖ จนถึง ๒๕๒๕ เพื่อให้ ยอดโลหะตามชือ่ ท่ีเรยี ก โดยยอดใหมน่ ้ี wooden gables. The gables were then decorated with Chinese แล้วเสรจ็ ทนั คราวสมโภชกรงุ รัตนโกสินทรค์ รบ ๒๐๐ ปี นี้เอง ทำ�จากโลหะและทองแดงรมด�ำ ดเู ขม้ ขลัง porcelain tiles. In summary, while the shape was Thai, the ทรงพลงั ย่ิง และเพ่ิงมาปิดทองวาววับ decoration was Chinese. ในยคุ หลังเมอ่ื ราวปี ๒๕๕๕-๖๐ ท�ำ ให้ได้ ความร้สู กึ ทแ่ี ตกต่างออกไป 61 14/12/20 14:37 หากลองเดนิ วนขน้ึ ไปยงั ช้ันบนสุด บริหารบ้นั ท้ายกนั สกั นิด อาจหนา้ มดื สักหน่อย แตไ่ ดเ้ บริ ์นแคลอรห่ี ลักรอ้ ย ไดช้ มววิ หลกั ล้านเลยนะจะบอกให้ เรื่องเล่าชาวเกาะ โลหะปราสาทในท�ำเนียบโลก ตามรปู ศัพท์ หมายถึง ตึกท่ีมีเครอ่ื งยอดเป็นโลหะ มมี าตั้งแต่ครง้ั พทุ ธกาลแลว้ ทีอ่ ินเดียก็เรียกวา่ “โลหะปราสาท” เชน่ กัน โดยสร้างข้ึนเพ่อื ใชเ้ ป็นสถานทีป่ ฏิบัตธิ รรมของสงฆ์ โลหะปราสาทหลังแรกสรา้ งโดยนางวสิ าขาแหง่ เมืองสาวัตถี เป็นปราสาท ๒ ชัน้ มพี ันห้อง ยอดเป็นทองคำ� หลังท่ีสองอยทู่ ่ีกรุงอนุราธปุระ ในลังกา เปน็ ปราสาท ๙ ชัน้ พนั ห้อง หลงั คาเป็นแผ่นทองแดง ปัจจบุ นั เหลือแต่ซากเสา หลังท่ีสามล่าสุด อยทู่ วี่ ดั ราชนัดดา ยืนตระหง่านสวยสง่า เปน็ ฉากหลังใหก้ บั ลานมหาเจษฎาบดนิ ทร์นน่ั เอง 60 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 60-61
Cut & Paste รักแท้แพ้ปูนสอ วดั บวรนเิ วศวหิ าร B07 Wat Bowon Niwet was built by the เดมิ ชือ่ “วดั ใหม”่ หรอื “วัดวงั หน้า” เพราะสร้างโดยสมเด็จ Front Palace of King Rama III. The King วิธีการประดับตกแตง่ ดว้ ยเครอ่ื งถ้วยหรือ ทำ�ลงไปเพราะขาดรัก ! ...นั่นคอื ทมี่ าของเทรนด์ พระบวรราชเจ้ามหาศกั ดิพลเสพ (วงั หน้าในสมยั รชั กาลที่ ๓) invited his brother Prince Mongkut, who กระเบ้ืองเคลือบของจนี เรียกว่า “เจยี งเหนียง” ใหมใ่ นสมยั รชั กาลท่ี ๓ ตั้งอยูบ่ ริเวณชานพระนคร ริมก�ำ แพงเมอื งด้านเหนอื ด้วย was a monk at the time, to reside in this (剪粘 ziang niang) เปน็ เทคนิคท่ีมาจากทางตอน อาณาบริเวณทางด้านเหนือของพระนครน้ถี ือวา่ อยูใ่ นเขต temple, where he remained for 14 years ใต้ของจนี แถบฮกเกย้ี นและแต้จิว๋ อนั เปน็ ถน่ิ ท่อี ยู่ รกั ...ในทีนคี้ ือ ยางไม้ชนิดหนึ่ง ท่ีน�ำ มาใชท้ า ปกครองของกรมพระราชวงั บวร until he later became King Rama IV. ของชาวจนี ส่วนใหญใ่ นประเทศไทย ถนอมผิวไม้ เพ่อื เคลือบให้ไมม้ คี วามคงทน สูแ้ ดดสู้ คร้นั เมื่อพระบวรราชเจา้ มหาศักดิพลเสพสิ้นพระชนมล์ ง ฝน ไมผ่ ุกรอ่ นพงั ไปโดยง่าย ต�ำ แหนง่ วงั หนา้ จงึ ว่าง รชั กาลที่ ๓ กท็ รงมิไดส้ ถาปนาใครข้ึน ค�ำ ว่า “เจียง” หมายถงึ การตดั กระเบ้อื งออก มาแทน เป็นชิน้ ๆ และน�ำ มา “เหนียง” คอื แปะบนปูน เพื่อ และรกั ยงั ท�ำ หน้าทเี่ ปน็ เสมือนกาวในการยดึ วสั ดุ แต่กลบั อาราธนาพระอนชุ า คอื เจ้าฟ้ามงกุฏ ซง่ึ ขณะนั้น ประกอบรา่ งเป็นลวดลายต่างๆ ตามตอ้ งการ ตกแตง่ อยา่ งทองค�ำ เปลว หรอื กระจกอกี ดว้ ย ทรงผนวชอยู่ที่วัดสมอราย (วดั ราชาธิวาส) ให้ย้ายมาครองวดั ใหม่แหง่ นี้แทน พร้อมกบั เปลยี่ นชื่อวดั เป็น “วดั บวรนิเวศวหิ าร” พดู งา่ ยๆ ก็คอื เทคนคิ “ตดั แปะ” หรอื Cut & เม่อื หนา้ บนั และเครือ่ งล�ำ ยองของพระอุโบสถและ ประกาศเปน็ นยั ให้ร้วู ่าอารามแหง่ นเี้ ป็นวัดของบวรสถานวงั Paste นั่นเอง วิหารทง้ั หลายนน้ั ลว้ นทำ�จากไม้ แกะสลกั ลวดลาย หนา้ คือ เจ้าฟา้ มงกฏุ และสงวนต�ำ แหน่งวงั หน้าไวใ้ หก้ ับเจ้าฟา้ ลงรักปดิ ทอง ประดบั กระจก ดว้ ยกนั ทง้ั สนิ้ ทำ�ให้ มงกุฏทีท่ รงผนวชเป็นพระภกิ ษอุ ยู่ จวบจนกระทง่ั ไดข้ ึ้นครอง ในสถาปตั ยกรรมจีน นิยมท�ำ การตัดแปะแบบนี้ ยางรกั เป็นวตั ถุดบิ ที่มคี วามตอ้ งการสงู จากกรมชา่ ง ราชย์เปน็ กษัตรยิ อ์ งคต์ ่อไป คือ รชั กาลท่ี ๔ น่นั เอง ในส่วนของสนั หลังคา และซ้มุ ประตูหนา้ ตา่ ง โดยมัก ในราชสำ�นกั กรุงเทพฯ โดยเฉพาะในสมยั รัชกาลที่ ๓ ตัดแปะใหเ้ ป็นรูปเทพเจา้ หรอื เซยี นตา่ งๆ บา้ งเปน็ รปู ดอกไม้มงคลกม็ ี แต่ลมุ่ น้ำ�เจา้ พระยาไม่มีต้นรกั ท�ำ ให้ตอ้ งส่งั ยาง รกั นำ�เข้า ร้อนถึงเมืองเชียงใหม่ทีต่ ้องส่งบรรณาการ Porcelain tile decoration was a technique from เป็นยางรกั มาให้จำ�นวนมาก เน่อื งจากราชส�ำ นกั the South of China, known as Ziang Niang. The word สยามตอ้ งการใชใ้ นปรมิ าณมหาศาลสำ�หรับโครงการ “zaing” means to cut the tiles into little pieces, while ก่อสรา้ งวัดวาอารามและวังตา่ งๆ ท่ัวพระนคร “niang” means to paste something on plaster. The technique is to cut and paste shard work to form การกอ่ หนา้ บันด้วยอิฐและตกแต่งด้วยกระเบอ้ื ง various patterns, and it was a popular method in King เคลอื บ ปราศจากช่อฟา้ ใบระกา หางหงส์ จงึ เปน็ Rama III’s era. เทคนิคทางการก่อสรา้ งทีช่ า่ งสมยั นัน้ คิดขนึ้ มา ใหม่ เพื่อใชแ้ กป้ ญั หารักขาดแคลน และช่วยให้การ ก่อสร้างสะดวกรวดเรว็ มากยง่ิ ขึ้น Lacquer is varnish resin derived from a tree, used to coat wood and as adhesive for gold leaves or mirror tiles, which were crucial to architecture in the era of King Rama III since many temples were constructed. Chinese-style brick and mortar construction was a solution to the shortage of lacquer at the time. 62 B 07 Wat Bowon Niwet D File 2_B GUIDE_P36-73.indd 62-63 248 Phra Sumen Rd. A 8.00am-5.00pm T 02 629 4854 / 02 281 5052 A www.watbowon.org WatBovoranivesVihara 63 14/12/20 14:37
พระอุโบสถ หนา้ บนั ก่ออฐิ ถอื ปูน ประดับดว้ ยลายพานรองรบั ดา้ นในมีพระประธาน ๒ องค์ด้วยกัน พระขรรค์ มมี หามงกฎุ ครอบ องคใ์ หญท่ ีอ่ ย่ดู ้านหลงั คือ หลวงพ่อโต (หรอื พระอโุ บสถวดั บวรนิเวศถอื ว่าเปน็ ตวั อยา่ งของ หลวงพอ่ เพชร) เปน็ พระสมยั อยุธยาทอี่ ัญเชญิ มา งานสถาปัตยกรรมลูกผสมในสมยั รชั กาลท่ี ๓ ท่ี The Ordination Hall features a roof decorated จากเพชรบุรี ต่างจากวัดอนื่ อย่างเดน่ ชดั กลา่ วคอื with Chinese tiles, while the gable was constructed องคน์ ้อยท่อี ยดู่ า้ นหนา้ คือ พระพุทธชนิ สหี ์ เป็น with brick and mortar, decorated with Chinese porce- พระสมยั สโุ ขทยั จากวดั มหาธาตุ พิษณุโลก หลงั คาหนา้ จัว่ ไม่มีลดชนั้ แตแ่ ทนทีจ่ ะมุงด้วย lain. Inside, there are two main Buddha statues, and เคยสงสยั กนั บ้างมย้ั ว่า...เราเอาพระพุทธรูป กระเบอ้ื งเคลือบตามอย่างวดั ไทยอ่นื ๆ กลบั มุงดว้ ย the walls feature famous mural paintings with Western ใหญข่ นาดนี้เขา้ มาในพระอุโบสถไดอ้ ยา่ งไร? กระเบ้อื งรางแบบจนี influence. อันท่จี ริงแลว้ ในการสร้างอโุ บสถ จะเร่ิมท่กี าร สรา้ งฐานอาคารขน้ึ มาก่อน จากนน้ั จึงอัญเชิญ ส่วนหนา้ บนั แทนท่จี ะเป็นเคร่อื งไม้ ก็เปน็ อย่าง เรื่องเล่าชาวเกาะ พระพุทธรปู ขึ้นไปประดษิ ฐาน แลว้ จึงก่อผนังและ จนี คือ กอ่ อิฐถอื ปนู ประดับด้วยลายพานรองรบั สร้างหลังคาคลุมในภายหลัง พระขรรค์ มีมหามงกุฎครอบ (พระราชลญั จกรของ เกง๋ จีนในพระราชวังเดมิ ของ ตอนบนเหนือหน้าต่างภายใน มีภาพจิตรกรรม เจา้ ฟา้ มงกฏุ ซงึ่ มาครองวัดนก้ี ่อนข้นึ ครองราชยเ์ ป็น พระเจ้าตาก ปัจจุบันอย่ภู ายใน ฝาผนงั อันเปน็ ปริศนาธรรมที่มีชอื่ เสยี งมาก ดว้ ย รัชกาลท่ี ๔) กองบญั ชาการกองทพั เรอื ฝ่งั เปน็ ฝีมือของขรวั อนิ โข่ง จติ รกรหัวก้าวหนา้ ในสมยั ธนบรุ ี นน้ั ทไี่ ดน้ ำ�เอาเทคนคิ การวาดภาพแบบฝรง่ั มาใช้ จะสงั เกตไดว้ า่ ไมม่ ีเครอ่ื งไม้ประดบั หลังคาอยา่ ง โดยเฉพาะทัศนวิทยา หรอื Perspective กับอาคาร ชอ่ ฟ้า ใบระกา นาคสะด้งุ หรือหางหงส์ ปรากฏอยู่ มาดูกันสวิ ่า...หนา้ บนั ของเกง๋ ในภาพ ซ่งึ แสดงให้เห็นบ้านเรือนแบบฝร่งั ทคี่ าดว่า เลย จีนน้ี กับหนา้ บนั ของอุโบสถวัด มีการก่อสรา้ งกันมาบา้ งแล้วในสมยั น้นั ด้วย บวรนเิ วศ คลา้ ยคลงึ กนั หรือไม่? สว่ นคอสองระหวา่ งหลงั คาหน้าจั่วกบั ชายคา เสารับมขุ ดา้ นหนา้ เปน็ เสาหิน บานประตูไมแ้ กะสลัก ประดับด้วยกระเบอ้ื งเคลอื บอย่างจนี เชน่ เดียวกบั อ่อนทรงเหลย่ี มเซาะร่อง อย่างวจิ ิตรงดงาม วัดบวรสทุ ธาวาส B05 และพระท่นี ั่งพุทไธสวรรย์ สลกั เปน็ ลายหวั เสาอย่างฝรั่ง ด้วยลายแก้ว ๗ ประการ A06 ซึง่ ลว้ นตงั้ อย่ใู นวังหนา้ และสร้างในสมัยรชั กาล อันไดแ้ ก่ บวั แกว้ ที่ ๓ ทง้ั ส้นิ วังแกว้ นางแก้ว ขนุ พลแกว้ ขนุ คลังแก้ว จกั รแกว้ และแก้วมณี คูค่ วรแก่ พระจกั รพรรด์ิยง่ิ นกั 64 65 14/12/20 14:37 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 64-65
พระเจดยี ์ วดั เทพธิดาราม B08 Wat Thepthidaram was constructed วัดน่ารกั ทีค่ นมักมองข้าม...ดว้ ยว่าวดั เทพธดิ าราม เปน็ วัด using King Rama III’s favorite style at the ท่ีด้านหลงั ของพระอโุ บสถ มีเจดยี ท์ รงระฆงั ต้งั เล็กๆ ต้งั เคยี งกบั วดั ราชนดั ดาทม่ี ีโลหะปราสาทเป็นจดุ หมายตา time. It was built in honor of the King’s อยู่ องค์พระเจดยี ์บดุ ว้ ยกระเบื้องโมเสกสที อง เชน่ สำ�คัญ ทำ�ใหน้ กั ท่องเทยี่ วมกั ข้ามคลองไปชมวัดขา้ งๆ กันเสยี first daughter, so the temple was decorated เดยี วกับพระศรรี ัตนเจดยี ภ์ ายในวดั พระแก้ว มากกว่า with feminine elements, such as swans ทว่าวดั เล็กๆ แห่งน้ี อันทจี่ ริงแลว้ ไมอ่ าจพลาดชมไดเ้ ลย on the roof gable of the ordination hall, จะเหน็ ไดว้ ่าตำ�แหน่งของพระเจดยี แ์ ละพระ แมแ้ ต่นอ้ ย sculptures of Buddhist nuns inside the อโุ บสถเป็นรูปแบบการวางผังในสมยั รชั กาลท่ี ๔ ดว้ ยท่ีมาของชือ่ วัดว่า “เทพธดิ าราม” นนั้ มาจากรัชกาลท่ี ๓ vihara, and stone statues of women. ท่มี ักมีเจดยี เ์ ป็นประธานของวดั และมีพระอโุ บสถ ไดส้ รา้ งวดั น้เี พือ่ ประทานให้กบั พระเจา้ ลูกเธอ พระองค์เจ้าวิลาส อยดู่ า้ นหน้า ซึง่ จะพบไดท้ ว่ี ัดราชประดิษฐ์ B09 อีก กรมหม่ืนอปั สรสุดาเทพ พระราชธดิ าองค์โตองค์โปรดนัน่ เอง แห่ง เนอ่ื งจากเป็นสถาปัตยกรรมทีก่ ่อสร้างข้นึ ในยุค รายละเอียดขององค์ประกอบต่างๆ จึงมีความงดงามในรปู เดยี วกนั แบบเฉพาะตวั หากได้เดินขน้ึ ไปบนลานประทกั ษณิ รอบพระเจดีย์ The Pagoda is bell-shaped and decorated with gold อโุ บสถ ลอดซุ้มเขา้ ไปสคู่ หู าภายในเพ่อื นมัสการพระบรม mosaic tiles, which used to be a popular style in King สารรี กิ ธาตุ แล้วล่ะก็ ลองสงั เกตดทู ี่เหนอื ซ้มุ ประจ�ำ Rama IV’s era. The layout, which saw the ordination อโุ บสถวดั เทพธิดาเปน็ อีกแหง่ หน่งึ ที่แสดงศิลปะพระราช ทศิ จะมีรปู สตั ว์ยืนอยู่ ๔ ตัว เปน็ สญั ลกั ษณแ์ ทนดนิ hall placed at the front and the pagoda at the back, นิยมในสมัยรัชกาลท่ี ๓ ได้อย่างชดั เจน แดนทีร่ ายรอบราชอาณาจกั รสยามในขณะนน้ั ได้แก่ was also a popular style in that era. หนา้ บนั กอ่ อฐิ ถอื ปนู แบบจนี ไมม่ ชี ่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ มา้ แทน ฝรัง่ เศส แต่ประดับด้วยกระเบือ้ งเคลือบรูปหงส์คู่ นก แทน อเมรกิ า ช้าง แทน ล้านชา้ ง (หรอื ลาว) หลังคามงุ กระเบื้องสแี บบไทย มีเสาพาไลเหลี่ยมรับชายคา สงิ ห์ แทน สหราชอาณาจกั ร และมีระเบียงโดยรอบ แต่ไม่มคี อสองประดบั กระเบอ้ื งเคลือบ อยา่ งเช่นวดั บวรนิเวศ B07 และวดั บวรสุทธาวาส B05 66 B 08 Wat Thepthidaram D File 2_B GUIDE_P36-73.indd 66-67 70 Maha Chai Rd. A 8.00am-5.00pm T 02 621 1178 A www.watthepthidaramqr.com/web/index.php 67 14/12/20 14:37
เร่ืองเล่าชาวเกาะ บา้ นแตจ้ วิ๋ โบราณ ทางตอนใต้ วัดสายหวาน วัดโฉมใหม่ ในรัชกาลที่ ๔ ของจนี เป็นหมตู่ กึ ล้อมรอบ ด้วยเปน็ วดั ทส่ี ร้างข้ึนเพ่ือลูกสาว ทำาให้มอี งค์ คอร์ตเล็กๆ ภายใน ประกอบทีแ่ สดงความเปน็ หญงิ ให้เราได้ชมกัน New Style of Temples in King Rama IV’s Era หน้าบนั ประดบั กระเบอื้ งเคลือบรูปหงสค์ ู่ ซ่งึ หงสใ์ นคตคิ วามเชอ่ื แบบจนี นั้น ถือเป็น ในสมัยรัชกาลที่ ๔ พระราชนิยมในการกอ่ สรา้ งวดั ได้แปรเปล่ยี นไป สัญลกั ษณ์แทนฮองเฮา หรือสตรผี ู้สงู ศกั ดิ์ จึง ดว้ ยโปรดใหส้ รา้ งเจดยี ์ทรงระฆงั อย่ตู รงกลางเป็นประธานของวดั มีพระ หมายถึง พระองค์เจ้าวลิ าส กรมหมื่นอัปสรสุดา วหิ ารหรือพระอโุ บสถอยูด่ า้ นหนา้ ทาำ ให้วดั ทีส่ รา้ งข้นึ ในรชั สมยั น้ี ล้วน เทพ นน่ั เอง มีแบบแผนตามขนบใหมเ่ ชน่ เดยี วกันทงั้ หมด อยา่ งวดั ราชประดิษฐ์ B09 ภายในพระวหิ าร มรี ูปหล่อภิกษณุ จี ำานวน วัดโสมนสั หรอื วดั มกฏุ กษตั ริยาราม ๕๒ องค์ แต่ละองค์มีกรยิ าท่าทางแตกตา่ งกัน ประดษิ ฐานอยเู่ บื้องหน้าพระประธาน The royal traditions for temple architecture changed in the reign of King Rama IV. He preferred a bell-shaped pagoda at กฏุ ิตกึ แบบจนี the center of the temple, and the ordination hall was placed at the front. แต่เดมิ วัดในสยามจะสร้างกฏุ แิ บบไทยกัน คือ เปน็ หมู่เรอื นไทยเคร่อื งไม้ ใตถ้ ุนสงู มุมตา่ งๆ ภายในวดั ประดบั ตกแตง่ ดว้ ยตกุ ตา เจดีย์วัดราชประดษิ ฐ์ เจดียว์ ดั โสมนสั เจดียว์ ัดมกุฏกษัตริยาราม อับเฉา แกะสลกั จากหิน ซ่งึ ในน้นั จาำ นวนหน่ึงจะ แตห่ มูก่ ุฏดิ า้ นหลงั ของวัดเทพธดิ ารามน้ี เป็น เป็นตุกตาอาหมวยในชุดคอสตูมแบบจนี และไทย เรื่องเล่าชาวเกาะ สถาปตั ยกรรมทไ่ี ดร้ ับอิทธิพลจากจนี ในสมัยรชั กาล รวมอยู่ด้วย ท่ี ๓ จึงได้เปล่ียนจากกุฏไิ ม้มาเป็นกฏุ ิตกึ เราจึง หงษ์คู่มังกร วัดในรัชกาลที่ ๔ เจดีย์เป็นใหญ่ ได้เห็นหมู่กฏุ ิเป็นอาคารกอ่ อิฐถือปนู ยกพน้ื สงู มี หน้าบันพระอโุ บสถวัดเทพธดิ ารามประดับดว้ ยกระเบอื้ ง วัดในสมัยรัชกาลท่ี ๔ มักใหค้ วามสาำ คัญกับเจดยี ์ โดยมีวิหารอยู่ด้านหน้า (วหิ ารมกั สร้างให้ หลังคาเครอ่ื งไมแ้ บบไทย และมี “คอร์ต” หรอื ลาน เคลอื บรูป “หงส”์ คู่ อนั เปน็ สัญลักษณ์แทนเจา้ นายสตรี มขี นาดใหญ่กว่าพระอโุ บสถ) ซึ่งเปน็ การวางผงั ท่ีคล้ายกับสมยั อยธุ ยาตอนต้น ทมี่ ีปรางค์เปน็ โลง่ เล็กๆ ที่ด้านใน ขณะเดียวกันท่อี กี วัดหน่งึ ก็มหี นา้ บนั เป็นลกู ผสมไทยจีน ประธานของวัด ล้อมรอบดว้ ยระเบยี งคต ดา้ นหน้าเปน็ พระวหิ าร ส่วนด้านหลงั เป็นพระอุโบสถ ตามสไตล์รชั กาลท่ี ๓ ดว้ ยเชน่ กัน แตห่ น้าบนั เป็นรปู “มงั กร” อันเป็นคติทร่ี ับมาจากแผนผังของปราสาทหนิ แบบขอมทจี่ ำาลองสัณฐานจกั รวาลมาอกี ที รปู แบบกฏุ ติ ึกดังกลา่ วจะพบเห็นไดต้ ามหมู่กฎุ ิ อนั หมายถึงบรุ ษุ ซึ่งกค็ อื พระองค์เจา้ อรรณพ ผ้สู ร้างวดั แต่ดว้ ยรชั กาลท่ี ๔ ทรงโปรดเจดยี ์มากกว่าปรางค์ จงึ ให้สรา้ งเจดยี เ์ ปน็ ประธานของวัดแทน ของวดั โพธ์ิ วัดสทุ ศั น์ วดั มหาธาตุ และวดั เทพธดิ า “มหรรณพาราม” ข้ึนมานัน่ เอง อย่างวัดมกฏุ กษัตริยาราม และวดั โสมนัส ก็มีเจดีย์เปน็ ใหญ่เช่นกัน รามแหง่ น้ี ทงั้ หมดลว้ นเป็นหมตู่ ึกทไ่ี ด้รับอทิ ธพิ ล หากได้ชมหนา้ บันรปู หงสท์ ่ีวดั เทพธดิ าแล้ว กอ็ ยา่ ลมื ไปดู การก่อสร้างแบบจีน และสรา้ งขึ้นในสมยั รัชกาลท่ี หนา้ บนั รูปมงั กรและนมสั การหลวงพอ่ พระร่วงทองคาำ อนั ๓ ทัง้ สน้ิ เป็นที่นบั ถอื ของผูค้ นในย่านเสาชงิ ช้า ทว่ี ดั มหรรณพ บนถนน ตะนาว เยือ้ งศาลเจา้ พอ่ เสือกันดว้ ยนะ ทสี่ าำ คญั สนุ ทรภู่ กวเี อกแหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ เคยจำาพรรษาอยูท่ วี่ ัดเทพธดิ านด้ี ว้ ย ปจั จบุ นั ทาง วัดไดอ้ นรุ กั ษ์กฏุ สิ นุ ทรภู่ (คณะ ๗) ไวเ้ ป็นอย่างดี พรอ้ มกับจดั ทำาเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดยอ่ มเรยี กวา่ “วรรณศิลปส์ โมสร” อีกด้วย Chinese-style brick and mortar monas- หนา้ บันรปู หงส์ หน้าบันรปู มังกร teries. Traditionally, monks’ living quarters were wooden structures on stilts, but here, due to the Chinese influence, they were made of brick and mortar, with Thai- style wooden roofing and a small inner courtyard. 68 69 14/12/20 14:37 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 68-69
เสมาของวัดราชประดษิ ฐ์เป็นเสา ภาพเสด็จฯ ทอดพระเนตร สีมาหิน เรียกกนั ว่า มหาสมี า ฝังไว้ สรุ ิยปุ ราคาทีต่ �ำ บลหว้ากอ ล้อมรอบทั้งบรเิ วณวดั ท�ำ ใหส้ ามารถท�ำ Supanut Arunoprayote สงั ฆกรรมทจี่ ุดใดกไ็ ด้ในเขตวัด โดยไม่ ภายในวหิ ารบริเวณดา้ นหลงั บาน จ�ำ เปน็ ต้องประกอบพิธเี ฉพาะแต่ในพระ ประตหู น้าต่าง ยังเป็นงานประดบั มกุ วดั ราชประดิษฐ์ B09 อุโบสถเท่าน้ัน ถือวา่ เป็นปรากฏการณ์ เขยี นสแี บบญ่ีปุ่น ท่ีเรยี กวา่ งาน เปน็ วดั ไซสม์ นิ ทิ ม่ี รี ายละเอยี ดนา่ ค้นหา แตไ่ ฉน ใหมใ่ นเวลานน้ั เลยทเี ดียว “ก�ำ มะลอ” ของนอกทผ่ี ลิตจากเมอื ง เลยคนท่วั ไปกลับไม่นยิ ม ซำ�้ รา้ ยบางคนยังไมร่ ู้จักอกี วิหารหลวง นางาซากิ เพอื่ การสง่ ออกโดยเฉพาะ ตา่ งหาก น่ันอาจเป็นเพราะวัดราชประดิษฐ์นนั้ แทรกตัวอยู่ วหิ ารหลวงหันหน้าไปทางทิศเหนอื และใชเ้ ป็น ที่ส�ำ คัญยงั มจี ิตรกรรมฝาผนังภายใน อย่างสงบ ท่ดี า้ นหลงั สวนสราญรมย์ และท�ำ เนียบ พระอโุ บสถของวัดไปด้วย เป็นภาพเสดจ็ ทอดพระเนตรสุรยิ ุปราคา องคมนตรี ทต่ี ำ�บลหวา้ กอ เมอ่ื ปี ๒๔๑๑ ดว้ ย แต่ มาดูกันสิว่า...วดั ที่วา่ จว๋ิ น้ี จะแจ่มขนาดไหน ทหี่ น้าบนั เป็นปูนปัน้ ปดิ ทองประดบั กระจกรปู วาดใหเ้ ปน็ บริเวณด้านหนา้ ของพระท่นี งั่ วดั ราชประดิษฐ์เปน็ วัดสรา้ งใหม่ในปลายรัชกาล พระมหาพิชยั มงกุฎบนพานแวน่ ฟ้า อันเป็นพระบรม อมรินทรวินจิ ฉัยแทน ท่ี ๔ เพ่อื เปน็ วดั ประจำ�รัชกาล และท�ำ ให้ราชธานี ราชอสิ รยิ ยศของพระมหากษัตรยิ ์ มีวัดสำ�คัญครบทงั้ ๓ วัด ตามราชประเพณโี บราณ หาเจอกันมัย้ ? ดงั เช่นกรงุ ศรีอยธุ ยา คือ วัดมหาธาตุ วัดราชบรู ณะ หลงั คามุงดว้ ยกระเบอ้ื งกาบอู ย่างในสมยั อยธุ ยา และวัดราชประดษิ ฐ์ จะเหน็ ได้ว่าท่ดี า้ นสกดั (ด้านหน้า และดา้ นหลัง) Inside the vihara, the door panels are และทดี่ นิ ที่ใชส้ ร้างวดั น้นั ก็คือสวนกาแฟหลวง ของพระวิหาร ไม่มีชายคาโดยรอบอย่างพระอุโบสถ decorated with Japanese-style mother-of- นัน่ เอง ในสมัยรชั กาลท่ี ๓ แล้ว pearl inlays crafted in Nagasaki. On one สว่ นเสาพาไลดา้ นข้างกเ็ ปน็ เสากลม ประดับ of the walls, there is a mural depicting Wat Ratcha Pradit is a tiny temple situated behind หวั เสาอยา่ งสวยงาม ตา่ งจากพระราชนยิ มในสมยั King Rama IV watching the solar eclipse Saranrom Park. It was built in King Rama IV’s era as รชั กาลท่ี ๓ อกี เชน่ กัน in 1868. the symbolic temple of his reign. Originally, the area นอกจากนี้แล้วไมน่ า่ เชอ่ื ว่า วัดเล็กๆ แห่งนจี้ ะมี used to be a royal coffee farm. ความพเิ ศษทเ่ี รยี กได้ว่า Unseen อยา่ งยงิ่ ในสมัยนั้น การวางผังวดั ในสมยั รัชกาลท่ี ๔ ปาสาณเจดีย์ คอื ผนังวิหารปูดว้ ยหนิ ออ่ นสลบั สี ซึ่งเปน็ วสั ดุชนดิ วหิ ารจะสรา้ งอยู่ด้านหน้าพระเจดยี ์ทรง The Vihara serves as the ordination hall. Its roof ใหมจ่ ากอติ าลี ระฆงั คือเปน็ เอกลักษณ์ประจำ�รชั กาล สำ�หรบั พระเจดีย์วัดราชประดษิ ฐ์ gable is decorated with gold and the Great Crown นี้ บดุ ว้ ยหินอ่อนเชน่ เดียวกับพระวหิ าร of Victory, which was King Rama IV’s emblem. It was เรื่องเล่าชาวเกาะ หลวงทอี่ ยู่ทางด้านหน้า เปน็ เจดยี ์ทรง built of Italian marble, which was a novel material at ระฆัง อันเปน็ พระราชนิยมในสมยั รชั กาล the time. สวนกาแฟหลวง ที่ ๔ ดงั จะเห็นได้จาก พระศรรี ตั นเจดยี ์ กาแฟ หรอื ทชี่ าวสยามสมยั กอ่ นเรียกกันวา่ “ข้าวแฝ”่ นนั้ (เจดีย์โมเสกทอง) ในวัดพระแก้ว หนึง่ D B 09 Wat Ratcha Pradit เป็นทน่ี ยิ มในบ้านเรามาช้านานแล้ว และพระเจดียป์ ระธานหลงั พระอโุ บสถ A 2 Saranrom Rd. สมัยรัชกาลที่ ๓ ทรงโปรดปรานกาแฟมาก ถึงขนาดให้มกี าร วัดบวรนิเวศ อกี หนึ่ง ...ก็เป็นทรงระฆัง T 9.00am-6.00pm ปลูกสวนกาแฟหลวง ในท่ีแปลงเลก็ ๆ ขา้ งกบั ตึกดนิ (อาคารที่ แบบน้เี ชน่ กัน นัน่ กเ็ พราะล้วนสรา้ งขึน้ ใน A 02 622 2076 ไวเ้ ก็บดินปนื เดมิ ตงั้ อยูร่ ิมถนนสนามไชย บริเวณดา้ นหนา้ พระ สมยั คงิ มงกุฎด้วยกนั ทัง้ ส้ิน Watrajapradit ทนี่ ั่งสุทไธศวรรย์ปราสาท ปัจจบุ นั คอื บรเิ วณพระราชวังสราญ 70 รมย์นนั่ เอง) เพือ่ เกบ็ ผลผลติ มาใช้ในราชสำ�นัก A bell-shaped pagoda decorated with ดว้ ยวา่ ของมนั ตอ้ งม!ี กาแฟถอื เปน็ เครือ่ งด่มื ทเี่ ก๋ไก๋ marble, built behind the main vihara, ไฮโซอย่ใู นสมัยนน้ั แถวฝ่งั ธนบรุ ีเลยไมย่ อมน้อยหน้า following King Rama IV’s favorite style. สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยรู วงศ์ (ดศิ บุนนาค) จงึ มี สวนกาแฟดว้ ยเชน่ กนั ก่อนทจ่ี ะยกสวนน้นั สร้างเป็นวัดประยูร 71 วงศาวาสในเวลาตอ่ มา 14/12/20 14:37 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 70-71
วัดไทยสไตล์ฝร่ัง พระอโุ บสถ Western-style Thai Temples สำ�หรับพระอุโบสถน้นั เปน็ รปู แบบมาตรฐาน ส�ำ หรบั วดั กษตั ริย์สรา้ ง กล่าวคอื หลงั คาซอ้ นชัน้ ๒ ลว่ งถงึ รชั กาลที่ ๕ พน้ื ท่ภี ายในเกาะเมอื งพระนครคับคัง่ ไปด้วยวดั นอ้ ยใหญ่ทปี่ ลูก ชั้น มีเครอื่ งลำ�ยองประดบั หน้าบนั เคร่ืองไม้แกะสลกั สรา้ งกนั เร่ือยมาตง้ั แตต่ น้ กรงุ รตั นโกสินทร์ ลงรักปดิ ทองประดบั กระจก เปน็ รปู สลกั พระนารายณ์ ทรงครฑุ และพระราชลัญจกรของรัชกาลที่ ๕ ทำ�ใหใ้ นรชั สมัยพระพทุ ธเจ้าหลวง จงึ มวี ัดที่ทรงสรา้ งอยู่เพียง ๒ แหง่ เท่านนั้ คอื วดั ราชบพธิ เม่อื แรกข้นึ ครองราชย์ เพื่อใหเ้ ป็นวัดประจ�ำ รัชกาล และวัดเบญจมบพธิ บานประตปู ระดบั มกุ ทด่ี ้านหนา้ พระอโุ บสถ ลวด ในชว่ งปลายรชั กาล ท่ีตงั้ อยู่บรเิ วณชานเมอื งแถบพระราชวังดุสิต ลายเคร่อื งราชอสิ รยิ าภรณ์ ไดร้ บั การยกย่องใหเ้ ปน็ หนง่ึ ในงานประดับมกุ ชิน้ เยย่ี ม ด้วยเปน็ ยคุ ที่วัฒนธรรมจากโลกตะวนั ตกได้แพรห่ ลายเข้ามาสู่สยาม จงึ ไมแ่ ปลกใจ เลย หากวดั ไทยจะได้รบั อิทธิพลจากสถาปตั ยกรรมแบบฝรั่งกบั เขาด้วย เดิมทเี ป็นประตหู น้าต่างของปราสาทพระเทพ บิดรในวัดพระแกว้ มากอ่ น แตเ่ กิดเหตเุ พลงิ ไหม้ จงึ Western-style Thai Temples began in the reign of King Rama V during ชะลอมาตดิ ตัง้ ทีว่ ัดราชบพิธแทน which period Western influences started to arrive in Siam. It is not a surprise that Thai temples were also influenced by Western architecture. หากสงั เกตดใู ห้ดีจะเหน็ ความปราณตี ในการฉลุ เปลือกหอยมุกออกมาเปน็ ลวดลายอนั สุดแสนจะ Wat Ratcha Bophit was constructed in the early years of King วัดราชบพิธ B10 ละเอียดบอบบาง สมกับเป็นงานฝีมือของสำ�นักกรม พระเจดยี ์ Rama V’s reign as the symbolic temple of his reign. The temple เพชรเม็ดงามของวัดหลวงในเกาะ หมนื่ ทิวากรวงศป์ ระวัติ เจา้ กรมช่างมกุ ในสมัยนั้น has a perfect layout, with a pagoda at the center, enclosed in a รัตนโกสินทร์ ทส่ี รา้ งขน้ึ สมัยตน้ รชั กาลท่ี พระเจดีย์เป็นทรงระฆัง เชน่ เดียวกบั เจดีย์ที่ circular cloister, similar to that in the temple of King Rama IV. ๕ เพอ่ื สถาปนาให้เป็นพระอารามหลวง นอกจากนแี้ ล้ว ความโดดเดน่ อกี อย่างหน่งึ ของ สร้างในสมัยรัชกาลท่ี ๔ อยา่ งพระศรรี ตั นเจดยี ์ ใน ประจำ�รชั กาล ในยคุ ท่ีสถาปัตยกรรม วัดราชบพธิ ท่ที �ำ ใหม้ งลงตำ�แหนง่ ขวญั ใจชา่ งภาพ วดั พระแก้ว, เจดียว์ ัดบวรนเิ วศ, หรอื ปาสาณเจดยี ์ แบบตะวนั ตกเริม่ รกุ คืบเขา้ มายงั แผ่นดิน กค็ อื กระเบอื้ งเบญจรงคล์ ายเทพนมท่ีประดบั ผนงั ของวัดราชประดิษฐ์ แตเ่ จดียข์ องวัดราชบพธิ ปูดว้ ย สยาม และเสาโดยรอบพระอโุ บสถและพระระเบียง กระเบื้องเบญจรงค์ แทนทจ่ี ะเปน็ กระเบือ้ งโมเสกสี แผนผังของวัดราชบพิธถือว่ามีความ ทองหรอื หนิ อ่อนอย่างวดั อน่ื ๆ นา่ สนใจ เนอื่ งจากส่งิ กอ่ สรา้ งส�ำ คัญล้วน กระเบือ้ งเบญจรงคเ์ หล่านส้ี ่งั ผลิตเป็นการเฉพาะ ต้งั อยู่บนฐานไพทีเดยี วกนั ทัง้ หมด จากเมอื งจีน ดว้ ยการสง่ ลวดลายไปให้ช่างชาวจนี สว่ นระเบยี งคตท่ลี ้อมรอบเจดีย์กไ็ ม่ได้มีผังเปน็ โดยมีเจดยี ์ทรงระฆงั เปน็ ประธาน วาด ฉะนนั้ หากมองดูดๆี จะเห็นเทพนมตนี๋ ้อยตาต่ี รปู ส่เี หลีย่ มหรือคดดงั ช่อื เพราะเป็นระเบยี งกลม ของวดั ล้อมรอบด้วยพระระเบียงกลม มงุ้ ม้ิงไปอีกแบบ ลอ้ ไปกบั ฐานพระเจดยี ์ ชว่ ยในการร่นระยะทางและ มลี านประทักษิณวนรอบเจดีย์ และมี เวลาในการเดนิ ประทักษณิ รอบเจดียไ์ ด้ อาคารประจ�ำ ทงั้ สท่ี ิศ ดา้ นหน้าเป็นพระ และเช่นเดยี วกบั วดั ราชประดิษฐ์ ท่ีก�ำ แพงวดั ราช อุโบสถ ดา้ นหลงั เปน็ พระวหิ าร และด้าน บพิธกม็ กี ารประดับมหาสมี า เพื่อใช้บอกอาณาเขต The Bell-shaped Pagoda is decked with painted ข้างเปน็ พระวหิ ารทิศ ของพระอาราม (ปกติจะตั้งสีมาท่รี อบพระอโุ บสถ porcelain tiles custom-made from China, depicting ซง่ึ เปน็ แบบแผนเดยี วกนั กับวัดที่ เทา่ น้ัน) การท�ำ สังฆกรรมจึงไมจ่ �ำ เปน็ ต้องกระท�ำ Chinese-looking divine gods. สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๔ อันมเี จดีย์เป็น ภายในพระอโุ บสถเพียงแห่งเดียว หากแตส่ ามารถ ประธาน และมอี โุ บสถอยเู่ บ้ืองหน้า ท�ำ ณ จุดใดก็ได้ภายในบริเวณวดั The Ordination Hall’s gable decoration shows Narai on Garuda and King Rama V’s royal emblem. The door panels are exquisitely decorated, formerly located in Wat Phra Kaeo in the Grand Palace. After a fire, they were relocated to this temple. D B 10 Wat Ratchabophit A Fueang Nakhon Rd. T 6.00am-6.00pm A 02 222 3930 73 WatRajabopit2412 72 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 72-73 14/12/20 14:37
Phra PBirnidKgleao Phra Athit Rd. Phra Sumen Rd. B05 River Chao Fa Rd. B07 Tanao Rd. Phraya Khaosan Rd. Ratchadamnoen Klang Rd. Chao Phra Chan Rd. Na Phra That Rd. Ratchadamnoen Nai Rd. Maha Rat Rd. Sanam Atsadang Rd. Tanao Rd. B06 Luang B08 เหน็ เปน็ วดั ทมี่ สี ถาปตั ยกรรมแบบไทยจารตี ทงั้ ใบระกาและ Na Phra Lan Rd. Bamrung Mueang Rd. Maha Chai Rd. ชอ่ ฟ้าชะเองิ เอยขนาดนี้ แต่ภายในกลบั ตกแต่งอยา่ งฝรั่งจา๋ เลย B03 นะจะจะบอกให้ อนั น้ถี ือเป็นไฮไลทข์ องวัดราชบพิธอกี อย่างเลย B02 ก็ว่าได้ Sanam Chai Rd. B09 Atsadang Rd. ดเู ผนิ ๆ อาจลืมตวั นกึ วา่ อยูใ่ นโบสถ์คริสตแ์ บบฝรง่ั ทม่ี ี B10 Fueang Nakhon Rd. หลังคาทรงสูง ฝา้ เพดานโคง้ อย่างศลิ ปะโกธคิ ปดิ ทองเขม้ ขลัง สุดอลังการ ส่วนผนังด้านบนเหนอื หนา้ ต่าง Thai Wang Rd. Charoen Krung Rd. ประดับด้วยลวดลายดอกไมร้ ่วงอย่าง B04 ท่ผี นงั ระหวา่ งช่องหน้าตา่ งลองสงั เกตดู จะเหน็ การตกแต่ง ฝรัง่ บนพน้ื สีเขียว แต่เดิมบรเิ วณนเี้ คย Sam Yot ในชอ่ งตรงกลางด้วยรปู อณุ าโลม (ลักษณะคล้ายเลข ๙) สลบั เปน็ ภาพจติ รกรรมพุทธประวตั ิ แต่ลบ B01 Station กับอกั ษร “จ” (จฬุ าลงกรณ์) ท่ีชอ่ งถัดไป เป็นเช่นนีว้ นโดยรอบ ออกไปเม่ือคราวปฏิสังขรณใ์ หญ่ในสมัย Sanam Chai พระอุโบสถ รชั กาลที่ ๗ Station B01 ศาลาการเปรียญวัดโพธิ์ B02 วัดพระแก้ววงั หลวง น่นั คือลวดลายทอี่ อกแบบโดยกรมพระยานรศิ รานวุ ัดติวงศ์ สำาหรับพระวหิ ารน้ัน ใชเ้ ป็นหอไตร Maha Rat Rd. B03 วดั สทุ ศั นเทพวราราม นายชา่ งหลวงชา่ งใหญ่แหง่ รชั สมยั พระพทุ ธเจ้าหลวง เกบ็ พระไตรปิฎก มขี นาดและลักษณะ B04 วดั พระเชตพุ น สถาปัตยกรรมเช่นเดยี วกบั พระอโุ บสถ B05 วดั พระแกว้ วังหนา้ ทบั หลงั เหนือช่องหน้าต่าง กเ็ ปน็ ลวดลายอยา่ งฝรง่ั หาก ภายในกต็ กแต่งแบบฝรงั่ เชน่ กนั แต่เปน็ B06 วดั ราชนดั ดา สงั เกตให้ดจี ะมีลายเทพนมค่ันอยู่ที่ปลายของแตล่ ะช่อง และ สชี มพู เนอ่ื งจากเป็นสปี ระจำาวันพระราช B07 วดั บวรนิเวศวิหาร ที่ตรงกลางของบางช่องจะประดับพระปรมาภิไธยยอ่ “จปร” สมภพของรัชกาลท่ี ๕ นน่ั เอง B08 วัดเทพธดิ าราม เอาไว้ดว้ ย B09 วดั ราชประดษิ ฐ์ B10 วัดราชบพธิ เหนอื ขน้ึ ไปเป็นบวั ตกแตง่ รองรับฐานเสา ประดบั ลวดลาย เครอื เถาอยา่ งฝรั่ง และมหี ัวช้างอยู่ใต้ฐานของเสาทุกต้น ทั้งหมดน้ีลว้ นเปน็ รายละเอยี ดการตกแต่งแบบไทยที่ สอดแทรกไว้ในสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกไดอ้ ยา่ งกลมกลนื The interior of the ordination hall features a Gothic style with Thai elements, such as gilded elephants’ heads on its friezes. 74 File 2_B GUIDE_P36-73.indd 74-75 14/12/20 14:37
Search
Read the Text Version
- 1 - 34
Pages: