Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore นิตยสารสาระวิทย์ ฉบับที่ 111 เดือนมิถุนายน 2565

นิตยสารสาระวิทย์ ฉบับที่ 111 เดือนมิถุนายน 2565

Published by Thalanglibrary, 2022-06-16 02:46:23

Description: นิตยสารสาระวิทย์ ฉบับที่ 111 เดือนมิถุนายน 2565

Search

Read the Text Version

เปดิ โลก นทิ านดาว พงศธร กิจเวช พงศธร กิจเวช (อัฐ) Facebook: คนดูดาว stargazer ดาวจระเข้ ภาพวาด Starry Night over the Rhône โดย Vincent van Gogh พ.ศ. 2431 เห็็นดาวจระเข้้เหนืือแม่่น้้ำโรนในประเทศฝรั่ง� เศส ทhี่t�่มtาpภs:า/พ/en: .Wwiikkiippeeddiiaa.org/wiki/Starry_Night_Over_the_Rh%C3%B4ne มถิ ุนายน 2565 51

เปดิ โลก นทิ านดาว กาลคร้ังหน่ึงนานมาแล้ว ในดินแดนกรีกโบราณ มี ภาพจำลองดาวจระเข้ห้ รืือกระบวยใหญ่่ (เส้้นสีีส้้ม) ในกลุ่�มดาวหมีีใหญ่่ เทพธดิ าองคห์ นง่ึ ชื่อ คลั ลสิ โต (Callisto) เป็นหนงึ่ วัันที่�่ 15 มิิถุุนายน พ.ศ. 2565 เวลา 20:00 น. กรุุงเทพฯ โดยแอป ในผู้ติดตามเทพีอาร์เทมิส (Artemis หรือชาวโรมันเรียกว่า ไดแอนา Celestron SkyPortal ดาวน์โ์ หลดฟรีี Diana) เทพเจ้าแหง่ ดวงจันทร์ เวลาผา่ นไป 16 ปี กษตั รยิ ์ไลเคออน (Lycaon) แหง่ เมอื งอารเ์ คเดยี ซูส (Zeus หรือชาวโรมันเรียกว่า จูปิเตอร์ Jupiter หรือดาว (Arcadia) ได้จับตัวอาร์คัสไปเพื่อจะฆ่าสังเวยบูชาเทพเจ้า อาร์คัสได้ พฤหสั บด)ี ราชาแหง่ เทพเจา้ กรกี เหน็ คลั ลสิ โตกเ็ กดิ สเิ นห่ า เมอ่ื มโี อกาส เรยี กใหซ้ สู ชว่ ย ซสู จงึ ไดส้ าปให้ไลเคออนกลายเปน็ หมาปา่ แลว้ อารค์ สั ตอนอารเ์ ทมสิ ไมอ่ ยู่ ซสู เลยแปลงรา่ งเปน็ อารเ์ ทมสิ หลอกใหค้ ลั ลสิ โต ได้ขึ้นเปน็ กษัตรยิ แ์ ทน เขา้ ใจผิดวา่ เป็นอาร์เทมสิ แล้วท�ำ ให้คัลลิสโตต้งั ทอ้ ง อาร์คัสยังเป็นนายพรานท่ีเก่งกาจ วันหน่ึงอาร์คัสออกล่าสัตว์ หลายเดอื นผา่ นไป วนั หนง่ึ ขณะอาบน�ำ้ ดว้ ยกนั อารเ์ ทมสิ (ตวั จรงิ ) ในป่า บังเอิญพบคัลลิสโตแม่ของตนท่ีถูกสาปให้เป็นหมี คัลลิสโต เหน็ คลั ลสิ โตทอ้ งใหญข่ นึ้ ผดิ ปกตกิ ร็ วู้ า่ คลั ลสิ โตทอ้ ง อารเ์ ทมสิ โกรธมาก จำ�อารค์ ัสทเ่ี ปน็ ลกู ไดจ้ งึ ว่ิงเขา้ มาหา แต่อารค์ ัสจำ�แมไ่ มไ่ ด้ คดิ ว่าเปน็ จงึ ไลค่ ลั ลสิ โตไป คลั ลสิ โตไดค้ ลอดลกู ชายชอื่ อารค์ สั (Arcas) กลางปา่ หมีท่ีจะเข้ามาทำ�ร้าย อาร์คัสจึงเล็งธนูไปที่หมีเพ่ือจะยิงสังหารหมี เฮรา (Hera หรือที่ชาวโรมันเรียกว่า จูโน Juno) มเหสีของซูส เพือ่ ปอ้ งกนั ตัว เม่ือทราบเรื่องคัลลิสโตก็เกิดหึงหวงเลยสาปให้คัลลิสโตกลาย เป็นหมี ส่วนอาร์คัสน้ันซูสได้แอบเอาไปซ่อนไว้ช่วยให้อาร์คัสไม่โดน เฮราสาปไปอกี คน ซสู ฝากอารค์ สั ไวก้ บั เมอา (Maia) ชว่ ยเลย้ี งดอู ารค์ สั จนเตบิ ใหญ่ เมอาเป็นหน่ึงในลูกสาวท้ัง 7 ของยักษ์แอตลาส (Atlas) กับ เทพธิดาพลีโอนี (Pleione) หญิงสาวทั้ง 7 นี้เรียกว่า พลีอาดีส (Pleiades) หรือคนไทยเรียกว่า ดาวลูกไก่ เมอามีลูกชายกับซูสชื่อ เฮอรม์ สี (Hermes หรอื ชาวโรมนั เรยี กวา่ เมอรค์ วิ รี Mercury) เทพเจา้ แหง่ การสอ่ื สาร หรอื ดาวพธุ หรือปรอท เมอาเปน็ เทพเจ้าแหง่ ความ อดุ มสมบูรณ์ และเปน็ ทีม่ าของของชื่อเดือน May (พฤษภาคม) ภาพวาดคััลลิิสโตกับั ซูสู ที่�แ่ ปลงร่่างเป็น็ อาร์เ์ ทมิสิ โดย Jean-Baptiste ภาพถ่่ายแม่่กัับลูกู หมีีขั้้ว� โลก ที่ป่� ระเทศแคนาดา Marie Pierre จิิตรกรชาวฝรั่ง� เศส ประมาณปีี พ.ศ. 2283-2303 ที่ม�่ าภาพ : Wikipedia https://en.wikipedia.org/wiki/Callisto_(mythology) มถิ นุ ายน 2565 52

เปดิ โลก นทิ านดาว โชคดที ซี่ สู เหน็ เหตกุ ารณท์ นั เวลา และเพอ่ื ไมใ่ หเ้ กดิ โศกนาฏกรรม คนแต่ละชาติอาจมองเหน็ ดาวตา่ งกนั เชน่ คนอเมริกันเห็นดาว ลูกฆ่าแม่ ซูสจึงเสกให้อาร์คัสกลายเป็นหมีมีหางยาว (หมีปกติมีหาง สว่างในกลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นดาวกระบวยตักน้ำ�ใหญ่ (Big Dipper) สั้น) แล้วจับหางของอาร์คัสโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า กลายเป็นกลุ่มดาว คนไทยเหน็ เป็นดาวจระเข้ หมเี ลก็ (Ursa Minor) จากนน้ั กเ็ สกใหค้ ลั ลสิ โตหางยาวขน้ึ แลว้ จบั หาง นิทานไทยเลา่ วา่ กาลครงั้ หน่งึ นานมาแลว้ มเี ศรษฐคี นหนง่ึ แอบ ของคลั ลสิ โตโยนตามอารค์ สั กลายเปน็ กลมุ่ ดาวหมใี หญ่ (Ursa Major) เอาทรัพย์สมบัติไปซ่อนไว้ตรงท่าน้ำ�หน้าบ้านโดยไม่ได้บอกให้ ใครรู้ ทงั้ สองกลมุ่ ดาวนน้ั มรี ปู รา่ งคลา้ ยกนั อยใู่ กลก้ นั และเคลอ่ื นทวี่ นหากนั เมอื่ เศรษฐตี ายไปยงั เปน็ หว่ งทรพั ยส์ มบตั จิ งึ มาเขา้ ฝนั ภรรยา ให้ไปขดุ เฮราเมื่อทราบเรื่องก็สาปให้กลุ่มดาวท้ังสองไม่ให้ลงจากท้องฟ้าเพื่อ แลว้ แบ่งไปท�ำ บุญอทุ ศิ สว่ นกศุ ลใหต้ น แต่ภรรยาเมือ่ ต่นื ขนึ้ มากน็ กึ ว่า ไม่ใหก้ ินน้ำ� เป็นเพยี งความฝันจงึ ไมไ่ ดส้ นใจ ภาพแสดงการหาตำแหน่่งดาวเหนืือโดยใช้้ดาวที่�่เป็็น 2 ขาหน้า้ ของดาว ตอ่ มาเศรษฐไี ด้ไปเกดิ เปน็ จระเขต้ วั ใหญม่ าวา่ ยน�ำ้ วนอยใู่ กลท้ า่ น�ำ้ จระเข้้หรืือดาวกระบวยใหญ่่ หนา้ บา้ น ภรรยาเศรษฐีนกึ ได้ถงึ เรอ่ื งที่เศรษฐีมาเข้าฝัน จงึ ใช้ใหค้ นไป ที่ม�่ าภาพ : NASA ขดุ ดเู จอทรพั ยส์ มบตั เิ ปน็ อนั มาก จงึ แบง่ สว่ นหนง่ึ ไปท�ำ บญุ ทอดกฐนิ ทว่ี ดั https://solarsystem.nasa.gov/news/1944/what-is-the-north- ขณะทข่ี บวนเรอื ทอดกฐนิ ออกจากทา่ มจี ระเขต้ วั ใหญว่ า่ ยน�ำ หนา้ star-and-how-do-you-find-it/ จนถงึ วดั จระเขก้ จ็ มหายไป และไมม่ ใี ครเหน็ จระเขต้ วั ใหญต่ วั นน้ั อกี เลย จึงถือเป็นประเพณีจนถึงทุกวันน้ีว่า เวลาทอดกฐินจะปักธง รูปจระเข้ไว้ที่วัด เทวดาไดเ้ สกใหม้ ดี าวจระเขบ้ นทอ้ งฟา้ เพอ่ื เตอื นใจใหค้ นท�ำ ความดี มีบทสกั วาที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกบั ดาวจระเข้คอื “สักั วาดาวจระเข้้ก็็เหหก ศีีรษะตกหันั หางขึ้�้นกลางหาว เป็น็ วันั แรมแจ่่มแจ้้งด้ว้ ยแสงดาว น้้ำค้า้ งพราวปรายโปรยโรยละออง ลมเรื่่�อยเรื่่�อยเฉื่�อ่ ยฉิวิ ต้อ้ งผิิวเนื้�อ ความหนาวเหลืือทานทนกมลหมอง สกุุณาดุุเหว่่าก็็เร่่าร้้อง พอแสงทองส่อ่ งฟ้า้ ขอลาเอย” ภาพถ่่ายกลุ่�มดาวหมีีใหญ่่ (ดาวจระเข้)้ และกลุ่�มดาวหมีีเล็็ก โดย Jerry ภาพธงกฐินิ รููปจระเข้้ Lodriguss ที่่ม� าภาพ : Wikipedia: กฐิิน ทhี่t่�มtาpภs:า/พ/ap: oNdA.SnAasa.gov/apod/ap130421.html มถิ ุนายน 2565 53

เปดิ โลก นทิ านดาว ภาพถ่่ายดาวเหนืือ (ตรงกลางภาพ) ที่่ใ� ช้เ้ วลานาน จะเห็็นดาวต่่าง ๆ ภาพจากการ์ต์ ูนู เรื่่อ� ง ฤทธิ์ห� มัดั ดาวเหนืือ หรืือ หมััดเทพเจ้า้ ดาวเหนืือ เคลื่่อ� นที่ห�่ มุุนรอบดาวเหนืือ (Fist of the North Star) พระเอกมีีรอยจุดุ รูปู เหมืือนดาวจระเข้ห้ รืือดาว ดโดายวหMมุaนุ riเoกิดิKเoป็nน็ aเnส้gน้ วงกลมรอบดาวเหนืือ ถ่่ายในประเทศเยอรมนีี กระบวยที่ห่� น้า้ อกและท้อ้ ง hที่tม่� tาpภs:า/พ/ap: oNdA.SnAasa.gov/apod/ap200407.html ที่่ม� าภาพ : https://www.flickr.com/photos/kami_sama_explorer/4906062822 สหพันธด์ าราศาสตร์สากล (International Astronomical Union ดาวจระเขน้ นั้ ชว่ ยสามารถใชห้ าดาวเหนอื (Polaris) โดย 2 ขาคหู่ นา้ ยอ่ วา่ IAU) ไดจ้ ดั ใหม้ กี ารโหวตตงั้ ชอ่ื สามญั ใหแ้ กด่ าว 47 Ursae Majoris ของจระเข้ (ดาว Merak และ Dubhe) ลากเปน็ เสน้ ตรงไปประมาณ ในกลุ่มดาวหมีใหญ่ เพ่ือให้เรียกง่ายแทนชื่อดาราศาสตร์ที่อาจ 5 เทา่ จะเจอดาวเหนือตรงปลายหางของหมีเล็ก เรียกยากและจำ�ยากกว่า ผลโหวตปรากฏการณ์ช่ือดาว “ชาละวัน ดาวเหนือเป็นดาวที่เหมือนปักหมุดอยู่บนท้องฟ้าด้านทิศเหนือ (Chalawan)” ของสมาคมดาราศาสตร์ไทยชนะจากการประกาศเม่ือ ไมข่ น้ึ และตกเชน่ ดาวดวงอนื่ มปี ระโยชนส์ �ำ หรบั หาทศิ เหนอื และชว่ ย วันท่ี 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558 พร้อมกับช่ือดาวเคราะห์บริวารของ การเดินทางในเวลากลางคืน ดาวชาละวันคือ ดาวตะเภาแก้ว (Taphao Kaew) และดาวตะเภา บางคนอาจเข้าใจผิดว่าดาวเหนือเป็นดาวที่สว่างมากที่สุด ทอง (Taphao Thong) นบั เปน็ ครงั้ แรกทีช่ อ่ื ดาวสากลเปน็ ชื่อไทย ชือ่ บนทอ้ งฟา้ ความจรงิ แลว้ ดาวเหนอื เปน็ ดาวทสี่ วา่ งไมม่ าก อนั ดบั ความ ชาละวันเป็นชื่อจระเข้ในนิทานพ้ืนบ้านของไทยเร่ืองไกรทอง ช่ือ สว่างปรากฏการณ์ 2.0 พอเห็นได้ในเมืองใหญ่อย่างเช่นกรุงเทพฯ ตะเภาแกว้ และตะเภาทองเป็นชือ่ ลูกสาวเศรษฐใี นเรอื่ ง ในคืนทท่ี อ้ งฟา้ แจม่ ใส เรื่องย่อมีอยู่ว่า ที่เมืองพิจิตรมี 2 สาวพ่ีน้องลูกสาวเศรษฐีช่ือ ดาวเหนือจะอยสู่ ูงจากขอบฟ้าเท่ากับละตจิ ดู ท่เี ราดูอยู่ ตัวเช่น ที่ ตะเภาแก้วและตะเภาทองลงเลน่ นำ้�ในคลอง จระเข้ชาละวันเห็นเขา้ กรงุ เทพฯ ละตจิ ดู 14 องศา ดาวเหนอื กส็ งู 14 องศา, เชยี งใหมล่ ะตจิ ดู ก็ชอบจึงคาบเอานางตะเภาทองไปไว้ท่ีถำ้�ทองของตน แล้วแปลงร่าง 19 องศา ดาวเหนือกส็ ูง 19 องศา, โตเกียว ประเทศญป่ี ุ่น ละตจิ ดู เปน็ มนษุ ยร์ ปู งามใชเ้ วทมนตรส์ ะกดใหต้ ะเภาทองหลงรกั และยอมเปน็ 36 องศา ดาวเหนอื ก็สูง 36 องศา, ทข่ี ั้วโลกเหนือ ละติจูด 90 องศา ภรรยา ดาวเหนือกอ็ ยสู่ งู 90 องศา หรือกลางศรี ษะ, ถ้าเป็นประเทศทีอ่ ย่ใู ต้ ฝา่ ยเศรษฐเี สยี ใจมาก ออกประกาศวา่ หากใครปราบจระเขช้ าละวนั เส้นศูนย์สูตรจะมองไม่เห็นดาวเหนือ ตัวอย่างเช่น ซิดนีย์ ประเทศ ตัวนี้ได้ จะมอบสมบัติของตนให้คร่ึงหน่ึง พร้อมกับให้แต่งงานกับ ออสเตรเลยี จะไมส่ ามารถเหน็ ดาวเหนอื ไดเ้ ลย จงึ ใชก้ ลมุ่ ดาวกางเขนใต้ นางตะเภาแก้ว (Crux) หาทศิ ใต้แทน มีคนอาสามาหลายคนแต่ถูกชาละวันฆ่าตายหมด จนในท่ีสุดมี ในเดือนมิถุนายนตอนหัวคำ่�ดาวจระเข้จะอยู่ทางทิศตะวันตก- หนุ่มหล่อจากนนทบุรีช่ือ “ไกรทอง” มาปราบชาละวันสำ�เร็จ ได้ท้ัง เฉยี งเหนอื ลองออกไปดูกันนะครับ สมบัติ นางตะเภาแกว้ นางตะเภาทอง และนางวมิ าลา (จระเขภ้ รรยา เกา่ ของชาละวัน) เปน็ ภรรยาด้วย มถิ นุ ายน 2565 54

by อาจารย์เจษฎ์ อยมา่ นังอนเอ๋ปน้ี น็ เ่ี อง https://www.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/ งานวิิจััยล่่าสุุดระบุุ นักวิชาการน้ันถกเถียงกันมานานกว่า 50 ปีแล้วว่า ไก่บ้าน มีจุดกำ�เนิดมาจากที่ไหนและเม่ือไหร่กันแน่ ? โดยมีการเสนอ จุุดกำำ�เนิิดของ ทั้งบริเวณหุบเขา Indus Valley ของประเทศอินเดีย บริเวณ ไก่่บ้้านอยู่่�ที่่� ประเทศจนี ตอนเหนือ และบริเวณเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ประเทศไทย จึงมีการใช้ซากกระดูกของไก่ท่ีขุดค้นพบในบริเวณต่าง ๆ กว่า 600 จดุ ใน 89 ประเทศ โดยจะต้องทำ�การวิเคราะห์กอ่ นว่า มีีผลงานวิจิ ัยั ตีพี ิมิ พ์ใ์ นต่า่ งประเทศ 2 ฉบับั ระบุถุ ึงึ จุดุ กำ�ำ เนิดิ กระดูกไก่เหล่านั้นถูกกลบฝังในดินท่ีบริเวณนั้นตั้งแต่แรกจริง ๆ ของ \"ไก่บ่ ้้าน (domesticated chicken)” ว่า่ น่า่ จะเริ่�มจาก หรอื วา่ มนั ถกู เคลอื่ นยา้ ยมาจากบรเิ วณอน่ื มาทบั ถมกบั ดนิ ตะกอน การที่�มนุษุ ย์์ทำ�ำ นาปลูกู ข้้าว เมื่�อ 3,500 ปีกี ่อ่ นนี้�เอง โดยเกิิดขึ้�นใน ทม่ี อี ายุโบราณกวา่ แถบเอเชียี ตะวันั ออกเฉียี งใต้้ ซึ่�งมีปี ระเทศไทยเราเป็น็ จุดุ ศูนู ย์ก์ ลาง หลังจากที่สามารถระบุช่วงเวลาท่ีของซากกระดูกไก่จาก และเป็็นจุุดเริ่�มต้้นที่�มนุุษย์์นำ�ำ เอาไก่่ป่่า (wild fowl) มาเลี้�ยง จดุ ส�ำ รวจ นักวิจยั ก็ได้ใช้ขอ้ มูลอ้างองิ ทางประวัติศาสตร์เก่ียวกับ จนกลายเป็็นอาหารหลักั จานหนึ่�งของมวลมนุษุ ยชาติิ ไก่และการดำ�รงชีพของผู้คนในสังคมของจุดสำ�รวจแต่ละแห่ง งานวิจัยเหล่าน้ีได้ช้ีให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่าง \"ไก่และ มาพัฒนาเป็นแนว scenario ของการเพาะเล้ียงไก่บ้านและ ข้าว\" ว่ามีวิวัฒนาการมาเป็นสัตว์เลี้ยงและพืชเพาะปลูกของ การแพรก่ ระจายในจุดนั้น ๆ มนุษย์มาด้วยกัน โดยไก่ท่ีถูกเพาะเลี้ยงข้ึนนี้ถูกส่งออกไปยัง ผลลัพธ์ท่ีได้ก็คือ จุดเร่ิมต้นของเรื่องน้ีเกิดข้ึนในทุ่งนาของ ฟากตะวนั ตกของโลก เพอื่ เปน็ สตั วส์ วยงาม (ไมไ่ ดเ้ พอ่ื เปน็ อาหาร) เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยซากกระดูกไก่บ้านท่ีเก่าแก่ที่สุด ดังน้ันการเพาะปลูกธัญพืชน่าท่ีจะเป็นตัวกระตุ้นสำ�คัญของ น้ันมาจาก \"บ้านโนนวัด\" ของประเทศไทยเรา ซ่ึงเป็นแหล่ง การเพาะเลีย้ งไก่บา้ นขึ้นมา เกษตรกรรมท�ำ นาขา้ ว ทม่ี อี ายใุ นชว่ ง 1250-1650 ปกี อ่ นครสิ ตกาล ชาวนาในยุคนั้นทำ�นาข้าวแบบแห้ง โดยเพาะปลูกพืชไร่บนดิน ที่เปียกชื้นในฤดูฝน แทนท่ีจะเป็นนาข้าวท่ีน้ำ�ท่วมขังอย่างใน ปัจจุบัน ซึ่งน่ีอาจจะเป็นเหตุให้เมล็ดข้าวตามพื้นนากลายเป็น แหล่งอาหารให้แก่สัตว์ปีกท่ีเป็นบรรพบุรุษของไก่ในบริเวณ บา้ นโนนวัด นักวิจัยคาดว่านาข้าวที่บ้านโนนวัดได้ล่อไก่ป่า (red jungle fowl) ผู้หวิ โหย มากินเมล็ดข้าวเปลือก รวมไปถึงข้าวฟา่ ง (millet) ที่เพาะปลูกในบริเวณน้ีด้วย นำ�ไปสู่การท่ีผู้คนท้องถ่ินเริ่ม เพาะเลย้ี งไกใ่ นชว่ งเวลาราว 3,500 ปีก่อน นักวิจัยก็ได้คาดด้วยว่าไก่บ้านนั้นแพร่กระจายไปยังชุมชนใน ประเทศจนี ตอนกลาง เอเชียตอนใต้ และดนิ แดนเมโสโปเตเมยี (ซ่ึงคือประเทศอิหร่าน และอิรัก ในปัจจุบัน) เม่ือประมาณ 3,000 ปีกอ่ นเทา่ น้ัน ไมน่ า่ จะนานไปกวา่ นี้ ข้อมูลจาก https://bit.ly/3NCqggA มถิ ุนายน 2565 55

ปน้ั น�ำ้ เปน็ ปลา ดร.ชวลิต วิทยานนท์ 5 ชนิิดพัั นธุ์์�ต่า่ งถิ่น่� รุกุ ราน ตััวล้้างผลาญระบบนิิเวศไทย การเอาสิ่�งมีชี ีีวิติ ที่�เป็็นชนิิดพัันธุ์์�ต่า่ งถิ่�นรุุกราน (invasive alien 1 species) เข้้ามาแต่ล่ ะชนิิด ไม่ว่ ่า่ จะด้ว้ ยเหตุุผลอะไร แต่ห่ ลักั ๆ แล้ว้ ก็เ็ พื่�อสนองตัณั หาหรือื ผลประโยชน์ท์ างการค้า้ แก่ค่ นไม่ก่ี่�คน ปลากดเกราะ, ซัักเกอร์์ แล้้วก็็ถููกปล่อ่ ยทิ้�งในธรรมชาติิ จะด้ว้ ยความมัักง่่าย หรือื คิิดน้อ้ ย ว่่าไม่น่ ่า่ มีอี ะไรเกิิดขึ้�น แต่ส่ิ่�งที่�เกิดิ ขึ้�นนั้�น มัันมากเกิินกว่่าที่่�คิิดนักั Pterygoplichthys disjunctivus ถิ่�นเดิิมจากอเมริิกาใต้้ ชนดิ พนั ธต์ุ า่ งถน่ิ ทร่ี กุ รานทถ่ี กู ปลอ่ ยในธรรมชาตนิ น้ั หลายชนดิ เอามาเลี้�ยงเป็็นตััวกำ�ำ จััดตะไคร่่น้ำำ��ในบ่่อปลา แต่่หลุุดไปเป็็นปลาเด่่น แข็งแกรง่ มันอยรู่ อดได้ แถมยงั จัดการกบั ชนิดพนั ธท์ุ ้องถิน่ ของ ในแหล่ง่ น้ำ�ำ �จืดื หลายแห่่งและทนต่่อน้ำำ��เน่่าได้้ ประเทศไทยจนเหย้ี น ตวั มนั เองสามารถปกั หลกั และกระจายพนั ธ์ุ จนกลายเป็นชนิดพันธุ์เด่นในส่ิงแวดล้อม สร้างความเสียหาย ตอ่ ระบบนเิ วศ สง่ ผลกระทบเปน็ ลกู โซต่ อ่ ทงั้ สง่ิ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสังคม ป้ันน้ำ�เป็นปลาในฉบับน้ี จึงขอนำ�เสนอชนิดพันธ์ุต่างถิ่น รกุ รานสดุ แสบ 5 ชนดิ ทส่ี รา้ งหายนะแกส่ ง่ิ มชี วี ติ และสงิ่ แวดลอ้ ม ไทยมากที่สดุ มาใหร้ ู้จักกนั 2 หมอคางดำ�ำ (blackchin tilapia) Sarotherodon melanotheron ถิ่�นเดิิมจากแอฟริิกาตะวัันตก สััตว์์นรกที่่�ผู้้�ผููกขาดทางอาหารรายหนึ่�งเอาเข้้ามาทดลอง พอไม่ไ่ ด้้ผลก็็ปล่่อยทิ้�ง เป็็นปลาที่�ทนต่่อความเค็ม็ ในทุกุ ระดับั เชื่�อว่่าไม่เ่ กินิ 10 ปีี คงอ้้อมแหลมมลายูไู ปถึงึ อิินเดีียแน่่ ปััจจุุบัันกลายเป็็น ชนิิดพันั ธุ์�เด่น่ แห่่งพื้�นที่�ชุ่�มน้ำ�ำ �สามร้้อยยอด ที่�สร้้างความเดือื ดร้้อนให้แ้ ก่ช่ าวประมงและผู้�เลี้�ยงกุ้�งทั่�วอ่่าวไทยตอนบน มถิ นุ ายน 2565 56

ปน้ั น�ำ้ เปน็ ปลา 3 หอยเชอร์ร์ ีี Pomacea canaliculata ถิ่�นเดิิมจากอเมริิกาใต้้ ถููกนำำ�มาเลี้�ยงเป็น็ หอยประดับั ตู้�ปลา และยัังมีรี ้า้ นซีีฟููดชื่�อดังั แถวสามย่่าน ทดลองนำำ�มาแทนเมนูเู ป๋า๋ ฮื้�อ แต่ห่ ลุดุ ไปเป็น็ ศัตั รูใู นนาข้า้ วสร้า้ งความเสียี หายแก่ช่ าวนานับั พันั ล้า้ นบาททั่�วประเทศ และกระทบต่อ่ นิเิ วศ น้ำำ��จืดื ทั่�วทุกุ ภูมู ิภิ าค 4 5 ไมยราบยักั ษ์์ กุ้้ง� ก้้ามแดง Mimosa pigra ถิ่�นเดิมิ จากอเมริกิ ากลาง ไร่ช่ ามีชีื่�อนำำ�เข้า้ Cherax quadricarinatus ถิ่�นเดิมิ จากออสเตรเลียี มาเป็็นพืืชคลุมุ ดิินและแนวรั้�ว แต่ก่ ระจายไปทั่�วภููมิิภาค และ กุ้�งเลี้�ยงสวยงามที่่�มีผี ู้้�ริเิ ริ่�มไปทดลองเลี้�ยงเป็น็ เมนูเู ด็ด็ ปัจั จุบุ ันั กลายเป็น็ วัชั พืชื ร้า้ ยที่�ไปแทนที่�พรรณไม้ท้ ้อ้ งถิ่�นจนหมด รวมถึงึ เริ่�มพบหลุุดไปในแหล่่งน้ำ�ำ �หลายแห่่ง เป็็นอีีกชนิิดที่่�ต้้อง ไปลดจำำ�นวนพืืชอาหารของควายป่า่ ฝููงสุดุ ท้า้ ยในห้ว้ ยขาแข้้ง จัับตามองก่อ่ นสายเกินิ แก้้ มถิ นุ ายน 2565 57

QSucizi บ้านนักคดิ เต่าทะเล เตา่ ตนุ เต่ามะเฟอื ง เตา่ กระ เตา่ เดือย ฉ บัั บ ที่�่ แ ล้้ ว เ ห มีี ย ว ข อ ใ ห้้ ช่่ ว ย จำ�ำ แ น ก เตา่ บก เตาบวั เตา่ เหลอื ง เต่่า 12 ชนิิดที่่�เหมีียวรู้้�จััก ว่า่ เป็็นเต่า่ ทะเล เต่่าบก หรืือเต่า่ น้ำ��ำ จืืด ไปดูเู ฉลยกันั เลยฮะ เตา่ หกดำ เตา่ นา เตา่ แก้มแดง เต่าดำ เตา่ จักร ผู้้ไ� ด้้รัับรางวััลประจำำ�ฉบัับที่่� 110 เตา่ นา้ํ จดื Tumbler สวทช. ได้แ้ ก่่ เตา่ หับ คุุณสรรพวีรี ์์ ประสิิทธิิรััตน์์ ผ้า้ พัั นคอผ้้าฝ้้ายมััดย้้อม ได้แ้ ก่่ ด.ญ.ปฏิิมาภรณ์์ สวนปาน วัันที่่� 8 มิิถุุนายน ของทุุกปีีเป็็น “วัันมหาสมุุทรโลก” เรามาเล่น่ เกมหาคำำ�ศัพั ท์์ที่เ�่ กี่ย�่ วกับั มหาสมุทุ รกันั ดีีกว่า่ ฮะ เหมีียวซ่อ่ นไว้้ทั้้�งหมด 10 คำ�ำ อยู่่�ในแนวนอน 5 คำ�ำ และ แนวตั้้ง� 5 คำำ�ฮะ รางวลั ประจำ�ฉบับท่ี 111 รางวััลพิิ เศษ Tumbler อพวช. จำำ�นวน 1 รางวัลั กระบอกน้ำ�ำ� สวทช. กิิฟต์์เซต I Love Science จำ�ำ นวน 1 รางวััล (สมุุดโน้ต้ +กระเป๋๋าผ้า้ ) จำ�ำ นวน 2 รางวััล ส่งคำ�ตอบมารว่ มสนกุ ได้ท่ี หมดเขตส่งค�ำ ตอบ วันท่ี 30 มถิ ุนายน พ.ศ. 2565 กองบรรณาธิการสาระวิทย์ ฝา่ ยสรา้ งสรรค์สอ่ื และผลิตภณั ฑ์ ค�ำ ตอบจะเฉลยพรอ้ มประกาศรายชื่อผไู้ ด้รับรางวัล สำ�นกั งานพฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาติ ในสาระวทิ ย์ ฉบับที่ 112 ส�ำ หรับของรางวัล 111 อทุ ยานวทิ ยาศาสตร์ประเทศไทย ถ.พหลโยธนิ ต.คลองหนงึ่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120 เราจะจดั ส่งไปใหท้ างไปรษณีย์ หรือสง่ ทางโทรสารหมายเลข 0 2564 7016 หรือทาง e-mail ที่ [email protected] อย่าลืมเขยี นชื่อ ทีอ่ ยู่ มาดว้ ยนะฮะ มิถนุ ายน 2565 58

มถิ นุ ายน 2565 59

Sci เขา้ หู โนต้ ความร้ฉู บบั ย่อ ปริทัศน์ เทียนทอง โน้ตความรู้ฉบับย่อจากการพูดคุยกับแขกรับเชิญใน Podcast รายการ Sci เข้าหู ของนิตยสารสาระวิทย์ ซึ่งเป็น รายการที่รวบรวมผู้คนในแวดวงวิทยาศาสตร์มาร่วมพูดคุยและให้ความรู้ในประเด็นที่น่าสนใจ เกาะติดกระแส วิทยาศาสตร์ไทยและวิทยาศาสตร์โลกไปพร้อมกัน ทุกวันอังคารที่ 2 และ 4 ของเดือน ทางเฟซบุ๊กเพจนิตยสาร สาระวิทย์ หรือติดตามย้อนหลังที่ https://www.nstda.or.th/sci2pub/podcast-sci-in-ear/ Q : นวัตั กรรมถุุงห่่อทุุเรีียน Magik Growth ช่่วยเกษตรกรชาวสวนทุเุ รีียน ได้อ้ ย่่างไรบ้า้ ง ? ในปััจจุบุ ัันทุเุ รีียนเป็็นผลไม้ส้ ่่งออกอัันดับั ต้น้ ๆ ของไทย สามารถทำำ�เงินิ เข้้าประเทศได้น้ ัับแสนล้้านบาท แต่่ ชาวสวนทุุเรีียนยัังประสบกัับปััญหาเรื่�่องโรคแมลงศััตรููพืืชและสััตว์์กััดแทะที่่�ทำำ�ลายทุุเรีียนในระยะพัั ฒนาผล จนเกิิดความเสีียหาย ถึึงแม้้ว่่าจะใช้้ถุุงตาข่่ายทางการเกษตรห่่อทุุเรีียนเพื่�่อป้้องกัันแมลงศััตรููพืืช แต่่ก็็ยััง ประสบปััญหาว่่าไม่่สามารถป้้องกัันเพลี้้�ยแป้้งกัับราดำ�ำ ได้้ ทำ�ำ ให้้ผิิวทุุเรีียนไม่่สวยและเกิิดความเสีียหาย เกษตรกรส่่วนใหญ่่จึึงแก้้ปััญหาโดยใช้้สารเคมีียาฆ่่าแมลงในการฉีีดพ่่ น ซึ่�่งนอกจากจะเพิ่่� มต้้นทุุนแล้้ว ยัังเกิดิ ปััญหาสุขุ ภาพตามมาอีีกด้้วย เพื่�่ อแก้้ปััญหาดัังกล่่าว ทีีมวิิจััยสิ่่�งทอ กลุ่่�มวิิจััยเทคโนโลยีีโพลิิเมอร์์ขั้้�นสููง ศููนย์์เทคโนโลยีีโลหะและวััสดุุ แห่่งชาติิ หรืือเอ็็มเทค ได้้ร่ว่ มมืือกับั คณะเทคโนโลยีกี ารเกษตร สถาบันั เทคโนโลยีีพระจอมเกล้า้ เจ้า้ คุุณทหาร ลาดกระบััง นำำ�องค์์ความรู้้�เรื่�่องวััสดุุศาสตร์์พัั ฒนาสููตรผสมเม็็ดพลาสติิก ร่่วมกัับเทคโนโลยีีการขึ้้�นรููป นอนวููฟเวน หรืือผ้้าที่่�เกิิดจากการขึ้้�นรููปจากเส้้นใยโดยตรง ซึ่�่งมีีคุุณสมบััติิให้้น้ำ�ำ �และอากาศผ่่านเข้้าออกได้้ โดยง่า่ ย รวมถึงึ มีคี ุณุ สมบัตั ิกิ ารคัดั เลืือกช่ว่ งแสงที่่�เหมาะสมกับั เซลล์ร์ ับั แสงที่่�ผิวิ ผลไม้้ จนได้เ้ ป็น็ นวัตั กรรม วิจิ ััยต้น้ แบบชื่อ�่ ทางการค้า้ ว่า่ Magik Growth หรืือ นวัตั กรรมถุุงห่่อผลไม้น้ อนวููฟเวน ช่่วยให้้ทุเุ รีียนที่่�ห่อ่ ด้ว้ ยถุงุ ห่่อ Magik Growth สามารถสร้า้ งสารสำ�ำ คัญั ในผลไม้ท้ ั้้�งแป้้ง น้ำำ��ตาล สารต้้านอนุุมูลู อิิสระต่่าง ๆ โดยได้ท้ ดลองทั้้�งในระดับั ห้อ้ งปฏิบิ ัตั ิกิ ารและระดับั ภาคสนามในพื้้�นที่่�สวนทุเุ รียี น อำำ�เภอแกลง จังั หวัดั ระยอง ตั้้�งแต่ป่ ีี พ.ศ. 2562 ถึึงปััจจุบุ ััน มีกี ารจััดเก็็บข้อ้ มูลู ผลวิิจััยอย่่างเป็็นระบบ พบว่่าช่่วยเกษตรกรประหยััด ต้้นทุุนและเป็็นมิิตรต่่อสิ่่�งแวดล้้อมจากการลดใช้้สารเคมีีในการกำ�ำ จััดแมลงศััตรููพืืช เพิ่่� มน้ำำ�� หนัักและ คุุณภาพผิวิ ผลทุุเรีียนให้ก้ ลายเป็น็ ทุุเรีียนเกรดพรีีเมีียมได้้ และยังั นำ�ำ มาใช้ซ้ ้ำ�ำ�ได้ถ้ ึงึ 2 ฤดููกาล ผลิิตอีีกด้้วย นวััตกรรมถุุงห่่อทุุเรีียน Magik Growth จึึงตอบโจทย์์ “ระบบเศรษฐกิิจหมุุนเวีียน” ที่่�สามารถนำ�ำ วััสดุุต่่าง ๆ กลัับมาใช้้ประโยชน์์ให้้มากที่่�สุุด รวมทั้้�งตอบโจทย์์ “ระบบ เศรษฐกิิจสีีเขีียว” ที่่�มีกี ารมุ่่�งเน้้นแก้้ปััญหามลพิิษเพื่่�อลดผลกระทบต่่อโลก ผลักั ดันั การพััฒนาเศรษฐกิจิ ไทยให้้เติบิ โตอย่่างยั่่�งยืืน ดร.ณัฐั ภพ สุุวรรณเมฆ (ดร.โป้ง้ ) ฟังั บทสััมภาษณ์เ์ ต็็มได้้ที่่� NSTDA Podcast นักั วิิจััย รายการ Sci เข้า้ หูู EP 13 Magik Growth นวัตั กรรมถุุงห่่อผลไม้้ ทีมี วิิจััยสิ่่ง� ทอ กลุ่่�มวิิจััยเทคโนโลยีโี พลิิเมอร์์ขั้้น� สููง ศููนย์์เทคโนโลยีโี ลหะและวัสั ดุุแห่่งชาติิ (MTEC) https://www.nstda.or.th/sci2pub/sci-in-ear-ep13 มถิ ุนายน 2565 60

ค�ำ คม นกั วทิ ย์ ดร.น�ำ ชัย ชีววิวรรธน์ The dangerous man is the one who has only one idea, because then he'll fight and die for it.\" - Francis Crick - คนที่อันตรายที่สุด คือคนที่มีความคิดแบบเดียวเท่านั้น ด้วยเหตุนั้น เขาจะสู้จนตัวตายเพื่อมัน - ฟรานซิส คริก - ที่่�มาภาพ https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Francis_Crick.png ฟรานซิส ครกิ (8 มิถุนายน พ.ศ. 2459 – 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2547) ฟรานซิส แฮร์รี คอมป์ตัน คริก เป็นนักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ได้ร่วมกับเจมส์ วอตสัน (James Watson) นักอณูชีววิทยาชาวอเมริกัน ค้นพบโครงสร้างรูปเกลียวคู่ของดีเอ็นเอและทำ�นายกลไกการสร้างสายดีเอ็นเอใหม่ขึ้นจากสายเก่าได้เป็นครั้งแรกของโลก เขาได้รับ รางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยาหรือการแพทย์ ปี ค.ศ. 1962 (พ.ศ. 2505) ร่วมกับคริก และมอริซ วิลคินส์ (Maurice Wilkins) นักวิทยาศาสตร์อีกคนที่มีส่วนไขความลับโครงสร้างของดีเอ็นเอ ใบสมคั รสมาชกิ สทิ ธิพเิ ศษส�ำ หรบั สมาชิก - ได้รับ “นิตยสารสาระวทิ ย์” e-magazine https://www.facebook.com/SarawitNSTDA รายเดอื นอย่างต่อเน่ืองทางอเี มล โดยไมเ่ สยี ค่าใช้จ่าย hhttttppss::////wwwwww..ffaaนccิeeติ bbooยookkส..ccooาmmร//สSSaaาrrรaawwะiiวttิNNทิ SSยTTDD์AA์ - ซื้อหนงั สือของ สวทช. ได้รบั ส่วนลด 20% ณ ศูนย์หนงั สือ สวทช. https://www.facebook.com/SarawitNSTDA อทุ ยานวทิ ยาศาสตร์ประเทศไทย https://bookstore.nstda.or.th/ สามารถสมัครผ่านชอ่ งทางออนไลน์ไดท้ ี่ลิงก์ https://forms.gle/jnj86w6J58Y9Nqqb8 ติดต่อกองบรรณาธิการสาระวิทย์ หรือ ได้ทางอีเมล Scan QR Code [email protected] ท่ีอยู่ ฝา่ ยสรา้ งสรรค์สอื่ และผลติ ภัณฑ์ (MPC) ส�ำ นักงานพัฒนาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยแี หง่ ชาติ 111 อุทยานวทิ ยาศาสตร์ประเทศไทย ถ.พหลโยธนิ ต.คลองหน่งึ อ.คลองหลวง จ.ปทมุ ธานี 12120 สาระวทิ ย์เปน็ นิตยสารอิเล็กทรอนิกส์ (e-magazine) รายเดือน มีจุดประสงค์เพ่ือเผยแพร่ขอ้ มลู ข่าวสารและความรู้ดา้ นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทง้ั ของไทยและต่างประเทศ 61ให้แกก่ ลมุ่ ผู้อา่ นทเ่ี ป็นเยาวชนและจปดั รทะ�ำชโาดชยนทฝว่ัา่ ไยปสทรีส่า้ งนสใจรใรนคเส์รือ่่อื แงดลงัะกผลล่าติ วภโณัดยฑด์ าสว�ำ นน์โกัหงลาดมนไพถิด้ฟัฒนุ รนาที าย่ี วwนิทwยw2าศ.5nาs6สtdต5aร.์แoลr.ะtเhท/คscโiน2โpลuยbแี /หหง่ รชอื าบตอิ (กสรวบั ทเชป.น็ )สมาชกิ ไดโ้ ดยไมเ่ สียค่าใช้จ่ายใดๆ ข้อความต่าง ๆ ท่ปี รากฏในนติ ยสารอเิ ลก็ ทรอนิกสฉ์ บบั นีเ้ ป็นความเห็นโดยอิสระของผูเ้ ขยี น ส�ำ นักงานพัฒนาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาตไิ ม่จำ�เปน็ ตอ้ งเหน็ พอ้ งด้วย ภาพประกอบทใี่ ช้ในเลม่ อยูภ่ ายใตส้ ทิ ธ์ใิ ชง้ านจาก Shutterstock.com

Sci Coral Bleaching Gallery โลกร้อ้ นมลายสีีสันั ปล่อ่ ยไว้้นานวันั ชีีพวาย ปรากฏการณ์ป์ ะการังั ฟอกขาว คืือ ภาวะที่่�ปะการังั มีสี ีซี ีดี จาง จนมองเห็็นเป็็นสีีขาว เป็็นผลมาจากอุุณหภููมิิของน้ำ�ำ �ทะเล ที่่�สููงขึ้้�น ทำ�ำ ให้้สาหร่่าย Symbiodinium ที่่�อาศััยอยู่่� ในเนื้้�อเยื่�่อของปะการััง ผลิิตอนุุมููลอิิสระที่่�เป็็นพิิ ษต่่อ เนื้้�อเยื่อ�่ ปะการังั ปะการังั จึงึ ต้อ้ งขับั สาหร่า่ ยออกจากร่า่ งกาย เหลืือเพีียงเนื้้�อเยื่่�อใสที่่�ห่่อหุ้้�มโครงสร้้างหิินปููนสีีขาว ภาวะ เช่่นนี้้�ไม่่เพีี ยงพรากสีีสััน แต่่พรากแหล่่งอาหาร จนอาจ พรากชีีวิติ ของปะการััง และยัังส่ง่ ผลกระทบต่่อระบบนิิเวศ ทางทะเลอีกี ด้้วย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook