สาระนา่ รู้ วันพชื มงคล ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ห้องสมดุ ประชาชนอาเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต
ประวตั ิพระราชพิธี วนั พชื มงคล คือ วันท่กี ำหนดใหม้ พี ระรำชพธิ ีจรดพระนงั คลั แรกนำขวัญ นบั วำ่ เป็นพระรำชพธิ ีทม่ี ีควำมเก่ำแกส่ บื ตอ่ มำต้ังแต่โบรำณเพ่ือเสรมิ สรำ้ งขวญั และกำลงั ใจให้กับเกษตรกรของชำติ อีกทั้งยงั เป็นกำรระลกึ ถึงควำมสำคญั ของเกษตรกรที่มีต่อเศรษฐกจิ ไทย ซ่งึ กำรจดั พระรำชพธิ พี ืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนำขวญั น้มี สี บื เนื่องมำตง้ั แต่ เมอื่ สมัยกรุงศรอี ยุธยำตอนปลำย กำรประกอบพระรำชพธิ จี ะกระทำขึ้นทที่ ้องสนำมหลวง อนั ประกอบดว้ ย 2 พระรำชพธิ ี คอื พระรำชพิธีพชื มงคล และพระรำชพิธีจรดพระนงั คัลแรกนำขวัญ ทม่ี ีควำมแตกตำ่ งกันดังน้ี พิธีพืชมงคล เป็นพธิ ีทำขวัญเมล็ดพนั ธุพ์ ชื ตำ่ งๆ อำทิ ข้ำวเปลอื กจ้ำว ขำ้ วเหนยี ว ขำ้ งฟ่ำง ข้ำวโพก ถ่วั งำ เผือก มนั เป็นตน้ กำรประกอบพิธีพชื มงคลกเ็ พือ่ ให้พนั ธ์เุ หลำ่ น้นั ปรำศจำกโรคภยั และอุดมสมบูรณ์ มีควำมเจรญิ งอก งำมดี พธิ ีแรกนาขวัญ เป็นพธิ ที เี่ ริ่มต้นกำรไถนำเพื่อหวำ่ นเมลด็ ข้ำว ซึง่ กำรประกอบพธิ แี รกนำขวญั นก้ี เ็ พือ่ ใหเ้ ปน็ อำณัติ สัญญำณวำ่ บัดน้ี ฤดกู ำลแห่งกำรทำนำ ทำไร่ และเพำะปลกู ไดเ้ รม่ิ ตน้ ข้นึ แล้ว
ประวัตพิ ระราชพธิ ี พระรำชพธิ จี รดพระนงั คลั แรกนำขวญั เป็นพระรำชพิธีทม่ี ีมำแตโ่ บรำณตงั้ แตค่ รั้ง กรุงสุโขทัยเปน็ รำชธำนี ซึ่งใน สมัยกรุงสโุ ขทัยนนั้ พระมหำกษตั ริยไ์ มไ่ ดล้ งมือไถนำเอง เป็นแต่เพียงเสดจ็ ไปเป็นองคป์ ระธำนในพระรำชพิธี เท่ำน้นั ครั้งถงึ สมยั กรุงศรีอยุธยำ พระมหำกษตั รยิ ์ ไม่ไดเ้ สด็จไปเป็นองค์ประธำน เหมอื นกับสมยั กรุงสโุ ขทัย และจะ ทรงจำศลี เงยี บ ๓ วัน แตจ่ ะมอบอำญำสิทธิ์ให้ เจ้ำพระยำจนั ทกมุ ำร เปน็ ผแู้ ทนพระองค์ โดยทรงทำเหมือนอยำ่ ง ออกอำนำจจำกกษัตริย์ ซึ่งวิธนี ี้ได้ใชต้ ลอดมำถึงปลำยสมยั กรุงศรอี ยธุ ยำ สมยั กรุงรตั นโกสินทร์ ได้มกี ำรประกอบพระรำชพธิ ีนม้ี ำตงั้ แตส่ มยั รัชกำลที่ ๑ แต่ผู้ทำกำรแรกนำเปล่ยี นเป็น เจำ้ พระยำพลเทพ คูก่ ันกบั กำรยนื ชิงช้ำ แตพ่ อถงึ รชั กำลท่ี ๓ ใหถ้ อื วำ่ ผูใ้ ดยืนชิงชำ้ ผู้นัน้ เป็นผแู้ รกนำ ในสมัย รัชกำลท่ี ๔ ไดท้ รงโปรดเกลำ้ โปรดกระหม่อมใหจ้ ัดมีพิธีสงฆ์เพิ่มขึ้นในพระรำชพิธีตำ่ งๆ ทกุ พธิ ี ดงั นั้น พระรำชพธิ ี พืชมงคล จึงไดเ้ ร่มิ มีขึน้ แต่บดั นั้นมำ โดยไดจ้ ดั รวมกับพระรำชพธิ จี รดพระนงั คัลแรกนำขวัญ และมชี ่อื เรียก รวมกันว่ำ พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนงั คลั แรกนาขวัญ
ประวัตพิ ระราชพธิ ี ควำมมุ่งหมำยอนั เปน็ มลู เหตใุ ห้เกิดมพี ระรำชพิธีน้ขี ึ้น พระบำทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลำ้ เจำ้ อยู่หวั ไดพ้ ระรำชทำนพระบรม รำชำธบิ ำยไวใ้ นพระรำชนิพนธ์เรอ่ื ง พระราชพิธสี บิ สองเดือน วำ่ \"การแรกนาท่ีต้องเป็นธุระของผู้ซงึ่ เปน็ ใหญใ่ นแผ่นดินเปน็ ธรรมเนียมนยิ ม มมี าแต่โบราณ เช่น ในเมืองจนี สพ่ี ันปี ล่วงมาแลว้ พระเจ้าแผน่ ดินก็ลงทรงไถนาเองเปน็ คราวแรก พระมเหสี เลย้ี งตัวไหม ส่วนจดหมายเร่ืองราวอันใดใน ประเทศสยามน้ี ท่ีมีปรากฏอยู่ในการแรกนาน้ี กม็ ีอยู่เสมอเปน็ นิตย์ ไมม่ ีเวลาวา่ งเวน้ ดว้ ยการซึ่งผู้นนั้ เปน็ ใหญใ่ น แผ่นดนิ ลงมือทาเองเชน่ น้ี ก็เพ่ือจะใหเ้ ป็นตัวอยา่ งแก่ราษฎรชกั นาใหม้ ใี จหมัน่ ในการท่ีจะทานา เพราะเปน็ สง่ิ สาคญั ท่ี จะได้อาศยั เลย้ี งชวี ติ ทั่วหนา้ เปน็ ตน้ เหตขุ องความตง้ั มน่ั และความเจรญิ ไพบลู ย์ แห่งพระนครท้ังปวง แตก่ ารซ่งึ มพี ธิ ี เจอื ปนต่างๆ ไม่เป็นแตล่ งมอื ไถนาเปน็ ตวั อย่าง เหมอื นอยา่ งชาวนาทัง้ ปวงลงมือไถนาของตนตามปกติ ก็ด้วยความ หวาดหว่ันต่ออนั ตราย คือ น้าฝนนา้ ท่ามากไปนอ้ ยไป ด้วงเพล้ียและสตั ว์ตา่ งๆ จะบงั เกดิ เป็นเหตอุ ันตราย ไมใ่ หไ้ ด้ ประโยชนเ์ ตม็ ภาคภมู ิ และมีความปรารถนาท่ีจะให้ได้ประโยชน์เตม็ ภาคภูมิเป็นกาลัง จงึ ต้องหาทางท่จี ะแกไ้ ขและ หาทางที่จะอุดหนนุ และทจ่ี ะเสย่ี งทายให้รลู้ ว่ งหน้า จะได้เปน็ ที่มัน่ อกม่ันใจโดยอาศัยคาอธิษฐานเอาความสตั ย์เปน็ ท่ีต้งั บ้าง ทาการซึ่งไม่มีโทษ นบั วา่ เป็นการสวัสดมิ งคลตามซ่ึงมาในพระพทุ ธศาสนาบ้าง บชู าเซ่นสรวงตามทีม่ าทางไสย ศาสตร์บา้ ง ใหเ้ ป็นการชว่ ยแรงและเปน็ ที่ม่ันใจตามความปรารถนาของมนษุ ยซ์ งึ่ คิดไม่มที ่ีส้นิ สดุ \"
พระราชพิธพี ชื มงคล ประกาศพระราชพธิ พี ืชมงคล ประกำศพระรำชพธิ พี ชื มงคลนัน้ เปน็ คำถำภำษำบำลีพระรำชนิพนธ์ ในรชั กำลท่ี ๔ อ่ำนทำนองสรภัญญะ จบแลว้ ดำเนนิ ควำมภำษำไทยเปน็ คำร้อยแก้ว เน้อื ควำมเป็นคำอธษิ ฐำน ๔ ข้อดงั น้ี ขอ้ ๑ เปน็ คำนมสั กำรสรรเสริญพระคณุ พระพุทธเจำ้ วำ่ ทรงดับทกุ ขไ์ ด้ มีพระหฤทยั คงที่ ทรงปลูกธรรมให้ งอกงำมจำรูญแก่บรรดำสำวกพทุ ธเวไนยสืบๆ มำ แม้ว่ำโลกจะเรำ่ ร้อนด้วยเพลิงกิเลส พระสทั ธรรมอนั มผี ลเป็น อมตะกย็ ังงอกงำมได้ดว้ ยเดชะพระบำรมขี องพระองค์ บดั น้ีเรำท้งั หลำยบชู ำพระพทุ ธเจำ้ พระองค์นั้นกบั พระธรรม และพระสงฆ์ แลว้ จะปลูกพืช คอื บญุ ในพระรัตนตรัยอันเป็นเน้อื นำบญุ อย่ำงดี พืชคอื บญุ นี้ เมลด็ ผลเป็นญำณ ควำมรอู้ นั เป็นเคร่ืองถำ่ ยถอนทกุ ขใ์ นโลก สำมำรถสง่ ผลใหไ้ ด้ทัง้ ในปจั จบุ นั และในกำลภำยหน้ำสบื ๆ ไป ตำมกำล อันควรจะใหผ้ ลเป็นอุปกำระนำนำประกำร ขอให้พืชคอื บญุ ท่ีเรำหว่ำนแลว้ จงใหผ้ ลตำมควำมปรำรถนำ อน่งึ ขอให้ ขำ้ วกลำ้ และบรรดำพชื ผลท่ีหว่ำนท่เี พำะปลูกลงในท่ีนัน้ ๆ ทั่วรำชอำณำเขต จงงอกงำมจำรญู ตำมเวลำ อย่ำ เสียหำยโดยประกำรใดๆ
ประกาศพระราชพิธีพืชมงคล ข้อ ๒ ยกพระคำถำท่พี ระพทุ ธเจ้ำตรสั แสดงกำรทำนำของพระองค์แก่พรำหมณช์ ำวนำผหู้ นึ่งว่ำ \"ศรัทธำ-ควำมเชื่อ เป็นพชื พันธ์ุขำ้ วปลกู ของเรำ ตบะ-ควำมเพยี ร เผำบำป เปน็ เมลด็ ฝน ปัญญำ-ควำมรอบรู้เป็นแอกและไถ หริ ิ-ควำม ละอำยใจ เปน็ งอนไถ ใจเป็นเชือกชัก สติ-ควำมระลกึ ได้ เปน็ ผำลและปฎกั เรำจะระวังกำยระวังวำจำและสำรวม ระวังในอำหำร ทำควำมซื่อสตั ยใ์ หเ้ ปน็ ท่อไขน้ำ มีโสรัจจะ-ควำมสงบเสง่ียมเป็นทีป่ ลดไถ มวี ิรยิ ะ-ควำมเพียรเป็น แรงงำนชกั แอกไถ เปน็ พำหนะนำไปสทู่ อ่ี ันเกษมจำกเคร่อื งผกู พันทไ่ี ปไม่กลับ ทไ่ี ปแลว้ ไม่เศรำ้ โศก กำรไถของเรำ เช่นนี้ มผี ลเป็นอมตะ มิรู้ตำย บุคคลมำประกอบกำรไถเชน่ ว่ำนี้แล้ว ย่อมพน้ จำกทกุ ข์สิน้ ทุกประกำร” ดงั นี้ มำ ยกขนึ้ เป็นคำอธษิ ฐำนวำ่ ท่ีพระพุทธเจำ้ ตรสั นี้ เปน็ ควำมสัตยจ์ ริง ด้วยอำนำจแห่งควำมสตั ยน์ ้ี ขอให้ขำ้ วกล้ำและ พชื ผลท่หี วำ่ นทีเ่ พำะปลกู จงงอกงำมทั่วภูมิมณฑลอันเป็นรำชอำณำเขต
ประกาศพระราชพิธีพืชมงคล ขอ้ ๓ ยกพระคำถำอนั เปน็ ภำษติ ของพระเตมยี ์โพธิสัตว์ ควำมว่ำ \"บคุ คลผู้ไม่ประทุษรำ้ ยมติ ร โคย่อมจำรูญพนู เกดิ แกเ่ ขำ พชื ทห่ี ว่ำนในนำของเขำย่อมงอกงำมจำเริญ เขำยอ่ มได้รบั บริโภคผลแหง่ พชื พันธ์ุท่หี วำ่ นแลว้ ” และว่ำ \"บคุ คลผู้ไม่ประทุษร้ำยมิตรอนั ศตั รูหมู่อมติ รไม่อำจย่ำยีได้ดุจไม้ไทรมีรำกและย่ำนอันงอกงำมพำยุไม่อำจพดั พำน ให้ลม้ ไปไดฉ้ ันนนั้ ” มำต้งั เปน็ สัตยำธิษฐำนว่ำดว้ ยอำนำจสจั วำจำนี้ ขอให้ขำ้ วกลำ้ และพืชผลท่ีหวำ่ นเพำะปลกู ใน ภมู ิมณฑลท่วั รำชอำณำเขต จงงอกงำมไพบูลย์
ประกาศพระราชพิธีพชื มงคล ข้อ ๔ อ้ำงพระรำชหฤทยั ของพระเจำ้ แผน่ ดนิ ซึง่ ทรงพระเมตตำกรุณำแกป่ ระชำรำษฎร ตั้งพระรำชหฤทยั จะบำรุง ใหอ้ ย่เู ยน็ เปน็ สุขท่ัวหนำ้ เป็นควำมสัตย์จริง ด้วยอำนำจควำมสตั ยน์ ี้ ขอใหข้ ำ้ วกลำ้ และพชื ผลงอกงำมบริบรู ณ์ทั่ว รำชอำณำเขต
ประกาศพระราชพธิ พี ชื มงคล ตอ่ จำกน้นั เป็นกำรกลำ่ วถึงพระพทุ ธรูปศกั ด์ิสทิ ธ์ทิ เ่ี รยี กว่ำ “พระคัณธำรำษฎร์” ทมี่ พี ุทธำนุภำพบนั ดำล ให้ฝนตก อันเป็นพระพทุ ธรปู ที่สำคญั ในพระรำชพธิ นี ้ี แสดงตำนำนโดยลำดับจนรชั กำลท่ี ๑ ได้ทอดพระเนตร และ ไดโ้ ปรดให้หลอ่ ขึ้นใหม่สำหรบั ตัง้ ในพระรำชพธิ ี และต่อน้นั ไปว่ำด้วยกำรพระรำชกุศลท่ีทรงบำเพญ็ ในพระรำชพิธี น้นั ทรงพระรำชอุทิศแก่ เทพยดำทง้ั ปวง แล้วอธษิ ฐำนเพ่อื ใหข้ ้ำวปลำอำหำรอุดมสมบรู ณ์ และฝนตกตำมฤดกู ำล พระสงฆ์จะสวดต่อทำ้ ยกำรสวดมนต์ในพระรำชพธิ ีพืชมงคล ส่วนพระรำชพิธจี รดพระนงั คลั แรกนำขวญั (วันไถหว่ำน) เปน็ พิธพี รำหมณน์ ้นั จะได้ประกอบพิธบี ริเวณมณฑล พธิ สี นำมหลวงโดยได้ตัง้ โรงพธิ ปี ระดษิ ฐำนเทวรปู สำคัญ อำทิ พระอิศวร พระพรหม พระนำรำยณ์ พระอุมำภควดี พระมหำวฆิ เนศวร์ พระลกั ษมี พระพลเทพ และพระโคอุศภุ รำช ซึง่ ในตอนค่ำพระมหำรำชครจู ะทำพิธบี วงสรวง เพ่อื ควำมสวัสดีแกพ่ ชื ผลด้วย
พธิ ีปลกุ เสกเมลด็ พันธขุ์ า้ วพระราชทาน พระรำชพิธพี ืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนำขวัญ จดั ข้นึ เป็นงำนเฉพำะเพอื่ สร้ำงควำมเปน็ สริ มิ งคลแก่กำรผลิตพืชพันธุ์ธญั ญำหำรของประเทศไทย ม่งุ หมำยบำรุงขวญั ใหก้ ำลังใจแก่เกษตรกรของชำติ เมือ่ ย่ำงเข้ำสู่ตน้ ฤดกู ำลเพำะปลกู ทกุ ปี นบั ตงั้ แตโ่ บรำณจวบจนปัจจบุ นั พระรำชพิธีพชื มงคล จรดพระนงั คลั แรกนำขวัญเป็นพระรำชพิธี ๒ พิธรี วมกันคือ พระรำชพิธีพชื มงคลอนั เปน็ พธิ ีสงฆ์ ประกอบพระรำชพธิ วี นั แรกในพระอุโบสถวดั พระศรรี ัตนศำสดำรำม และพระรำชพธิ จี รดพระนังคลั แรกนำขวญั (พิธไี ถหวำ่ น) อนั เป็นพิธพี รำหมณ์ ซึ่งจะประกอบพระรำชพิธีในวันรุ่งขนึ้ ณ มณฑลพธิ สี นำมหลวง เนื่องจำกในปีพุทธศกั รำช ๒๕๖๓ ประเทศไทยและนำนำประเทศทวั่ โลกตอ้ งเผชญิ กบั สถำนกำรณก์ ำร แพรร่ ะบำดของโรคติดเช้อื ไวรัสโค โรนำ 2019 (Covid-19) ซ่ึงมีมำตรกำรและขอ้ ปฏิบตั ิทำงสำธำรณสขุ หลำยประกำรเพือ่ ปอ้ งกนั กำรแพรก่ ระจำยของโรค ดังน้นั กระทรวง เกษตรและสหกรณจ์ งึ ขอพระรำชทำนพระบรมรำชำนุญำตประกอบ \"พธิ ปี ลกุ เสกเมล็ดพนั ธ์ขุ า้ วพระราชทานและพืชพันธ์ุต่าง ๆ\" ณ พระ อุโบสถวัดพระศรรี ัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวงั ในวันอาทติ ยท์ ่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓ โดยนำพันธขุ์ ำ้ วทรงปลูกพระรำชทำนในฤดู ทำนำปี ๒๕๖๒ และพันธพ์ุ ชื ต่ำง ๆ มำเข้ำประกอบพิธี พรอ้ มทง้ั \"พิธีหวา่ นข้าวในแปลงนาทดลอง สวนจิตรลดา\" ในวนั จันทร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เพ่อื ควำมเปน็ สริ ิมงคลและสร้ำงขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรทกุ สำขำ ทั่วประเทศ ในกำรนี้ พระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ ำโปรดอำรำธนำให้สมเดจ็ พระอรยิ วงศำคตญำณ (อมั พร อมพฺ โร) สมเด็จพระสงั ฆรำช สกลมหำสงั ฆปริณำยก เสดจ็ ไปทรงเป็นประธำนในกำรประกอบพิธีปลกุ เสกเมล็ดพันธุ์ขำ้ วพระรำชทำนและพชื พนั ธุ์ต่ำง ๆ พรอ้ มท้ังพระมหำรำช ครูพธิ ศี รีวสิ ทุ ธิคุณ เปน็ ประธำนฝำ่ ยพรำหมณ์ ณ พระอโุ บสถ วดั พระศรีรตั นศำสดำรำม ในพระบรมมหำรำชวัง ในวนั อำทติ ย์ที่ ๑๐ พฤษภำคม ๒๕๖๓ โดยพระรำชทำน พระบรมรำชำนุญำตให้อัญเชญิ พระคันธำรรำษฎร์ใหญ่ (ประทบั นง่ั ) และพระคนั ธำรรำษฎรจ์ นี (ประทบั นัง่ ) ที่ ประดษิ ฐำน ณ หอพระคันธำรรำษฎร์ วดั พระศรรี ตั นศำสดำรำม ไปประดิษฐำนเป็นพระพุทธรปู ประธำนในพิธี ปลกุ เสกเมล็ดพันธ์ขุ ำ้ ว พระรำชทำนและพืชพนั ธุต์ ำ่ ง ๆ พรอ้ มท้ังทรงกรณุ ำโปรดเกล้ำฯ ให้ พลเอก สรุ ยุทธ์ จุลำนนท์ ประธำนองคมนตรี ปฏบิ ตั ิหนำ้ ทปี่ ระธำนฝำ่ ย ฆรำวำสในพธิ ีปลุกเสกเมลด็ พันธ์ุข้ำวพระรำชทำนและพชื พนั ธ์ตุ ่ำง ๆ ณ พระอโุ บสถวัดพระศรีรตั นศำสดำรำม ในพระบรมมหำรำชวัง ในวนั อำทิตยท์ ่ี ๑๐ พฤษภำคม ๒๕๖๓ เวลำ ๑๗.๐๐ น. และปฏบิ ตั หิ น้ำท่ปี ระธำนในพิธหี ว่ำนข้ำวในแปลงนำทดลอง สวนจติ รลดำ ในวนั จนั ทร์ท่ี ๑๑ พฤษภำคม ๒๕๖๓ เวลำ ๑๐.๐๐ น. โดยมปี ลดั กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้หว่ำนขำ้ ว เพื่อเป็นเมล็ดพันธ์ุสำหรับกำรประกอบพระรำชพิธี พชื มงคลจรดพระนังคัลแรกนำขวัญในปีพุทธศักรำช ๒๕๖๔
พระยาแรกนา - เทพีคหู่ าบทอง/เทพีคู่หาบเงิน พระยำแรกนำ ได้แก่ อธิบดกี รมกำรข้ำวโดยตำแหน่ง สำหรับเทพีทงั้ สพ่ี ิจำรณำคดั เลือกจำกภริยำข้ำรำชกำรชนั้ ผู้ใหญใ่ นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภำยหลงั พระยำแรก นำ ไดแ้ ก่ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์โดยตำแหน่ง ส่วนผูท้ ม่ี ำทำหน้ำทเ่ี ป็นเทพคี ูห่ ำบทอง และคู่หำบเงินนนั้ ได้ทำกำรพิจำรณำคัดเลอื กจำกขำ้ รำชกำรหญงิ โสดใน สงั กดั กระทรวงเกษตร และสหกรณท์ ่ีมีตำแหน่งตั้งแต่ ขำ้ รำชกำรพลเรอื นสำมญั ชน้ั โทขึน้ ไป
พระโคแรกนา พระโค ในทำงศำสนำพรำมหณ์ หมำยถงึ เทวดำผทู้ ำหน้ำทเี่ ปน็ พำหนะของพระอศิ วรซ่ึงเปรยี บไดก้ บั กำรใช้ แรงงำนและควำมเขม้ แขง็ และเปน็ สตั ว์เล้ียงทพี่ ระกฤษณะและพระพลเทพดแู ลซ่ึงเปรียบได้กบั ควำมอุดมสมบูรณ์ ดังนน้ั ในกำรประกอบพระรำชพธิ จี รดพระนงั คัลแรกนำขวญั จงึ ได้กำหนดใหใ้ ชพ้ ระโคเพศผ้เู ขำ้ รว่ มพระรำชพิธี เสมอมำตั้งแต่รัชกำลท่ี ๑ เพ่อื เป็นตัวแทนของควำมเขม้ แขง็ และควำมอดุ มสมบูรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณไ์ ดม้ อบหมำยใหก้ รมปศสุ ตั วเ์ ปน็ หนว่ ยงำนดำเนนิ กำรคัดเลอื กโคเพอ่ื เป็นพระ โคตำมหลักเกณฑ์ กล่ำวคือ จะตอ้ งเป็นโคที่มลี กั ษณะดี รปู รำ่ งสมบรู ณ์ มีควำมสูงไม่นอ้ ยกว่ำ ๑๕๐ เซนตเิ มตร ควำมยำวลำตวั ไมน่ อ้ ยกวำ่ ๑๒๐ เซนตเิ มตร ควำมสมบูรณร์ อบอกไม่นอ้ ยกวำ่ ๑๘๐ เซนติเมตร โคทัง้ คจู่ ะตอ้ งมีสี เดยี วกัน ผิวสวย ขนเป็นมนั กริ ิยำมำรยำทเรียบร้อย ฝึกงำ่ ย สอนงำ่ ยไม่ดรุ ้ำย เขำลกั ษณะโคง้ สวยงำมเทำ่ กนั ตำ แจม่ ใส หูไม่มตี ำหนิ หำงยำวสวยงำมดี มีขวญั หน้ำ ขวญั ทดั ดอกไม้ซ้ำยขวำ และขวัญหลงั ถกู ต้อง มขี ำและกบี ข้อ เทำ้ แขง็ แรง มองดูดำ้ นขำ้ งลำตวั จะเป็นสี่เหลี่ยม • ในปี ๒๕๖๓ กรมปศสุ ตั ว์ ไดท้ ำกำรคดั เลือกพระโคแรกนำขวญั จำนวน ๒ คู่ คอื • พระโคแรกนำขวญั ๑ คู่ ได้แก่ พระโคพอ พระโคเพียง • พระโคสำรอง ๑ คู่ ไดแ้ ก่ พระโคเพิม่ พระโคพลู
พระโคแรกนาขวญั พระโคพอ มีควำมสูง ๑๖๕ เซนติเมตร ควำมยำวลำตวั ๒๒๓ เซนติเมตร ควำมสมบรู ณ์ รอบอก ๒๑๓ เซนติเมตร อำยุ ๘ ปี พระโคเพยี ง มีควำมสงู ๑๖๙ เซนตเิ มตร ควำมยำวลำตวั ๒๓๘ เซนตเิ มตร ควำมสมบูรณ์ รอบอก ๒๐๕ เซนติเมตร อำยุ ๘ ปี นายสมชาย ดาทะมสิ บริจำคทรัพย์ซอ้ื พระโคพอ แล้วมอบใหก้ รมปศุสตั ว์ นำนอ้ มเกลำ้ ฯ ถวำย พระบำทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหำภมู พิ ลอดุลยเดช ใชเ้ ปน็ พระโคแรกนำขวัญ ประจำปพี ุทธศกั รำช ๒๕๖๓ นายอาคม วัฒนากลู บรจิ ำคทรัพย์ซ้อื พระโคเพยี ง แลว้ มอบใหก้ รมปศุสตั ว์ นำนอ้ มเกลำ้ ฯ ถวำย พระบำทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหำภูมพิ ลอดุลยเดช ใช้เปน็ พระโคแรกนำขวัญ ประจำปพี ทุ ธศักรำช ๒๕๖๓
พระโคสารอง พระโคเพมิ่ มคี วำมสงู ๑๕๙ เซนติเมตร ควำมยำวลำตัว ๒๓๐ เซนติเมตร ควำมสมบูรณ์ รอบอก ๒๐๑ เซนตเิ มตร อำยุ ๑๐ ปี พระโคพูล มีควำมสูง ๑๕๗ เซนติเมตร ควำมยำวลำตวั ๒๓๘ เซนตเิ มตร ควำมสมบูรณ์ รอบอก ๒๐๕ เซนติเมตร อำยุ ๑๐ ปี นายทฤษดี ชาวสวนเจรญิ อดตี อธบิ ดกี รมปศสุ ัตวบ์ รจิ ำคทรัพยซ์ อื้ พระโคเพมิ่ แลว้ มอบให้ กรมปศสุ ตั ว์ นำนอ้ ม เกลำ้ ฯ ถวำยพระบำทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหำภมู พิ ลอดลุ ยเดช ใชเ้ ป็นพระโคสำรองประจำปพี ทุ ธศักรำช ๒๕๖๓ นายวจิ ารณ์ ภุกพิบูลย์ มอบพระโคพูลใหก้ รมปศุสัตว์ นำนอ้ มเกลำ้ ฯ ถวำยพระบำทสมเดจ็ พระปรมินทรมหำภูมิ พลอดลุ ยเดช ใชเ้ ป็นพระโคสำรองประจำปพี ทุ ธศักรำช ๒๕๖๓ พระโคแรกนาขวญั และพระโคสารอง ประจำปพี ทุ ธศักรำช ๒๕๖๓ เป็นโคพนั ธุข์ ำวลำพูน มีสผี วิ ขำวอมชมพู ขนสี ขำวสะอำด ทัง้ ลำตัวไม่มจี ดุ ดำ่ งดำ หรอื สีอื่นบนลำตวั เขำมสี ีขำว ลำตวั เป็นลำเทยี น เขำทง้ั สองขำ้ งมลี ักษณะโค้งสวยงำม ดวงตำแจ่มใสสนี ้ำตำลอ่อน ขนตำสีชมพู บรเิ วณจมกู ขำว กบี สขี ำว ขนหำงเปน็ พวงสีขำวยำว ลำตวั ช่วงขำหลังและกบี มี ควำมสมบูรณ์แขง็ แรง เวลำยนื และเดนิ สง่ำ
ประวัตโิ คขาวลาพูน โคขำวลำพนู เปน็ โคพืน้ เมอื งสำหรบั ใชง้ ำนด้ังเดมิ ทีพ่ บกันมำกในอำเภอต่ำงๆ ของจงั หวัดลำพนู และเชยี งใหม่ และแพรก่ ระจำยไปยงั อำเภอต่ำงๆ ของจงั หวัดลำปำง พะเยำ และเชียงรำย ทอี่ ยใู่ กลก้ ับจงั หวดั ลำพูนและเชียงใหม่ มี ลกั ษณะทโี่ ดดเดน่ คอื มรี ปู ร่ำงสงู ใหญ่ สงู โปร่ง ลำตวั มสี ขี ำวตลอด พู่หำงขำว หนังสีชมพสู ม้ จมกู สีชมพสู ้ม เนื้อเขำเน้อื กบี สี นำ้ ตำลส้ม จำกลักษณะเดน่ เปน็ สงำ่ ดงั กล่ำว จงึ ไดถ้ ูกคัดเลอื กให้เป็นพระโคในพระรำชพิธจี รดพระนงั คัลแรกนำขวัญ ควำม เป็นมำของโคขำวลำพูนน้ัน ยงั ไมม่ ผี ู้ใดศึกษำไวอ้ ย่ำงจรงิ จงั และยงั ไม่ทรำบแนน่ อนถงึ ถิน่ กำเนดิ ทแ่ี ทจ้ รงิ อยทู่ ใ่ี ดและมี มำแลว้ ตัง้ แตเ่ มอื่ ใด ทีเ่ ริ่มรู้จกั กนั นัน้ มคี วำมเปน็ มำจำกกำรทภ่ี ำควชิ ำสัตวบำล มหำวทิ ยำลยั เชยี งใหม่ ได้รเิ รม่ิ เล้ยี งฝูงโคขำว ต้ังแต่ พ.ศ.๒๕๒๑ แทนฝูงโคเนอ้ื ลกู ผสมพันธตุ์ ำ่ งประเทศ เพือ่ หำทำงศกึ ษำชนี้ ำใหม้ กี ำรอนรุ กั ษ์และปรับปรงุ พนั ธ์ุ โคขำวลำพนู เปน็ โคพ้นื เมืองท่เี กดิ จำกฝีมอื และผลงำนของชำวบ้ำนในจังหวดั ลำพูน มีกำรพัฒนำสำยพนั ธุ์มำนำนกวำ่ ๑๐๐ ปี เลย้ี งกนั แพร่หลำยในจงั หวัดลำพูนและเชยี งใหม่ แลว้ แพร่กระจำยไปยังจังหวดั ลำปำง พะเยำ เชยี งรำย เกิดขึน้ มำ ไดอ้ ยำ่ งไรไมม่ ีหลกั ฐำนแนช่ ดั บำงท่ำนเล่ำวำ่ เกิดจำกกำรกลำยพันธข์ุ องโคพน้ื เมอื งในสมยั พระนำงจำมเทวี ผ้คู รองนครหริ ภญุ ไชยพระองคแ์ รก เมอ่ื ๑,๓๔๐ กว่ำปีมำแล้ว และเป็นสัตว์คู่บำรมขี องชนช้ันปกครอง ในสมยั น้ัน ใชล้ ำกเกวียน แตห่ ริ ภญุ ไชยกล็ ม่ สลำยตัง้ แตค่ รั้งเมอื่ พอ่ ขนุ เมง็ รำยมหำรำชยดึ ครอง อกี ท้ังเป็นเมืองรำ้ ง สมัยพม่ำครองเมือง ชว่ งกรงุ ศรอี ยุธยำ แตกครงั้ ที่ ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐ ในตำรำฝร่งั บำงเลม่ กล่ำวว่ำ ตน้ ตระกลู ของโคพื้นเมอื งในภำคพ้นื เอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ นำ่ จะ เป็นโคยุโรปที่ไมม่ ีหนอก ซ่งึ ต่อมำถกู ผสมขำ้ มโดยโคอินเดยี ที่มีหนอก เพรำะโคในภูมิภำคนีส้ ว่ นใหญ่มีลกั ษณะของทัง้ โค ยโุ รปและโคอินเดยี รวมกัน คือมีเหนยี งคอสนั้ หน้ำผำกแบน และหูเลก็ แบบโคยุโรป มหี นอกแบบโคอนิ เดยี
ประวัติโคขาวลาพูน โคขำวลำพนู มีลักษณะเฉพำะตวั คอื มสี ีขำวปลอดทั้งตัว ซ่ึงแตกต่ำงจำกโคสีขำวพันธุ์อ่นื ๆ ทปี่ ำก จมูก ขอบตำ กีบ เขำ และพหู่ ำงสดี ำ แต่โคขำวลำพนู จะเป็นสีขำวท้งั หมด และไม่ใช่โคเผือกเพรำะตำดำไม่เป็นสชี มพู เนื่องจำกมีลำตวั สขี ำวจงึ ทำใหท้ นควำมรอ้ นจำกแสงแดดไดด้ ีเป็นพเิ ศษ โคขำวลำพนู นบั เปน็ มรดกทำงวัฒนธรรม และสังคมเกษตรกรรมของบรรพบรุ ษุ ชำวล้ำนนำ ดังน้นั เรำไมค่ วรปล่อยปละละเลยใหส้ ูญพันธไุ์ ปโดย รเู้ ท่ำไม่ถึงกำรณ์ ตำมคตขิ องศำสนำพรำหมณ์ ตำมตำนำนกลำ่ ววำ่ โคอุสุภรำชเผอื กผมู้ นี ำมวำ่ พระนนทิ ถือกนั วำ่ เป็นเทพเจ้ำแหง่ สตั วจ์ ตั บุ ำท พระนนทิ จะแปลงรูปเป็นโคให้พระอิศวรทรง ซง่ึ ควำมเช่อื นค้ี นอนิ เดยี จงึ ไมท่ ำนเน้ือ โค จึงมีโคเยอะมำกในประเทศอนิ เดีย ไทยเรำรับควำมเชอื่ ของพรำหมณ์มำ ดังน้นั ในกำรประกอบพระรำชพิธจี รด พระนังคัลแรกนำขวญั เริ่มตง้ั แต่รัชกำลที่ ๑ รำชวงศ์จักรี ได้กำหนดให้มพี ระโคเพศผเู้ ขำ้ รว่ มในพระรำชพธิ ีน้ี
โคขาวลาพนู
ลกั ษณะของโคขาวลาพนู
คันไถ คันไถทีใ่ ช้ในพระรำชพธิ ีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนำขวัญ นอ้ มเกลำ้ นอ้ มกระหมอ่ มสร้ำงถวำย พระบำทสมเด็จพระ บรมชนกำธิเบศร มหำภูมพิ ลอดลุ ยเดชมหำรำช บรมนำถบพิตร เพอื่ ใชใ้ นพระรำชพธิ ดี งั กล่ำวตลอดมำน้ัน สรำ้ งเม่ือปี พ.ศ.๒๕๓๙ โดยกลุ่มเกษตรกรผูเ้ ล้ียงโคนมหนองโพ อำเภอ โพธำรำม จังหวดั รำชบรุ ี เปน็ คนั ไถทท่ี ำจำกไมส้ มอ ซ่งึ ชดุ คนั ไถประกอบด้วย ๑. คนั ไถ ขนำดควำมสงู วดั จำกพนื้ ถงึ เศียรนำค ๒.๒๖ เมตร และ ควำมยำวจำกเศียรนำคถึงปลำยไถ ๖.๕๙ เมตร ทำสแี ดงชำด ตลอดคนั ไถ ที่หัวคนั ไถทำเป็นเศียรพญำนำคลงลักปดิ ทอง ลวดลำยประดับคันไถเป็นลำยกระจังตำอ้อยลงลกั ปดิ ทองตลอดคนั ปลำย ไถหุ้มผำ้ ขำวขลบิ ทองสำหรับมอื จับ ๒. แอกเทียมพระโค ยำว ๑.๔๕ เมตร ตรงกลำงแอกประดบั ดว้ ยรปู ครฑุ ยุดนำคหล่อดว้ ยทองเหลืองลงลักปดิ ทองอยูบ่ นฐำนบัว ปลำยแอกทงั้ สองด้ำนแกะสลกั เป็นรูปเศยี รพญำนำคลงลักปิดทอง ลวดลำยประดับเปน็ ลำยกระจังตำอ้อยลงลักปดิ ทองตลอดคัน ที่ ปลำยแอกแต่ละดำ้ นมลี ูกแอกทั้งสองดำ้ นสำหรับเทียมพระโคพรอ้ มเชอื กกระทำม ๓. ฐานรอง เป็นทส่ี ำหรับตั้งรองรบั คนั ไถพรอ้ มแอก ทำด้วยไมเ้ นอ้ื แข็งทำด้วยสแี ดงชำด มลี วดลำยประดับเป็นลำยกระจงั ตำอ้อย ลงลกั ปิดทอง ท้งั ดำ้ นหัวไถและปลำยไถ ๔. ธงสามชาย เป็นธงประดับคันไถตดิ ตัง้ อยู่บนเศยี รนำค ทำดว้ ยกระดำษและผ้ำสกั หลำด เขียนลวดลำยลงลักปดิ ทองประดับ ด้วยกระจกแวว มีพ่สู ีขำวประดับดำ้ นบนเป็นเครื่องสงู ชนดิ หนงึ่ เพื่อประดบั พระเกยี รติ ธงสำมชำยมีลกั ษณะเปน็ รปู สำมเหลี่ยม ฐำน ยำว ๔๑ เซนติเมตร สูง ๕๐ เซนตเิ มตร และเสำธงยำว ๗๒ เซนตเิ มตร
คนั ไถที่ใชใ้ นพระราชพธิ พี ืชมงคลจรดพระนังคลั แรกนาขวญั
คนั ไถที่ใชใ้ นพระราชพธิ พี ืชมงคลจรดพระนังคลั แรกนาขวญั
สตั ยาธิษฐาน การเสีย่ งทาย การตั้งสัตยาธษิ ฐานหยบิ ผา้ น่งุ แตง่ กาย (การเสีย่ งทายผ้านงุ่ ) \"ผ้ำน่งุ แตง่ กำย” ผ้ำนุ่งซึง่ พระยำแรกนำตงั้ สตั ยำธิษฐำนหยิบนนั้ เป็นผำ้ ลำย มดี ้วยกัน ๓ ผนื คือ หกคบื ห้ำคบื และส่คี บื ผ้ำนงุ่ นี้จะวำง เรียงบนโตกมีผำ้ คลุม เพอื่ ใหพ้ ระยำ แรกนำขวัญหยบิ ถ้ำหยิบไดผ้ ืนใด กจ็ ะมคี ำทำนำยไปตำมกนั คือ ถา้ หยบิ ผา้ ได้ ๔ คืบ พยำกรณ์วำ่ น้ำจะมำกสกั หนอ่ ย นำในทดี่ อน จะได้ผลบรบิ รู ณด์ ี นำในทีล่ ่มุ อำจจะเสยี หำยบำ้ ง ไดผ้ ลไม่เต็มที่ ถา้ หยิบไดผ้ ้า ๕ คืบ พยำกรณ์วำ่ น้ำในปนี ี้จะมปี รมิ ำณพอดี ขำ้ วกลำ้ ในนำจะไดผ้ ลบรบิ ูรณ์ และผลำหำร มังสำหำร จะอดุ มสมบรู ณ์ดี ถ้าหยบิ ได้ผ้า ๖ คืบ พยำกรณ์ว่ำ น้ำจะนอ้ ย นำในทีล่ ุม่ จะไดผ้ ล บรบิ รู ณด์ ี แตน่ ำในทด่ี อน จะเสยี หำยบ้ำง ได้ผลไมเ่ ต็มท่ี
การเสีย่ งทายของกิน ๗ สิ่ง ของกนิ ๗ สงิ่ ทต่ี ้งั เล้ียงพระโคนัน้ มี ข้ำวเปลอื ก ขำ้ วโพด ถัว่ เขยี ว งำ เหลำ้ นำ้ และหญ้ำ ถำ้ พระโคกนิ ส่ิงใดกจ็ ะมีคำ ทำนำยไปตำมน้ันคือ ถำ้ พระโคกนิ ขา้ ว หรอื ข้าวโพด พยำกรณ์ว่ำ ธัญญำหำร ผลำหำร จะบริบรู ณด์ ี ถ้ำพระโคกนิ ถ่วั หรอื งา พยำกรณ์วำ่ ผลำหำร ภกั ษำหำร จะอดุ มสมบูรณด์ ี ถำ้ พระโคกิน น้า หรอื หญ้า พยำกรณ์วำ่ นำ้ ทำ่ จะบรบิ ูรณพ์ อสมควร ธญั ญำหำร ผลำหำร ภักษำหำร มัง สำหำรจะอุดมสมบูรณ์ ถ้ำพระโคกิน เหล้า พยำกรณ์วำ่ กำรคมนำคมจะสะดวกข้ึน กำรค้ำขำย กบั ต่ำงประเทศดขี น้ึ ทำใหเ้ ศรษฐกิจรงุ่ เรือง
ของกนิ ๗ ส่งิ ที่ต้งั เลี้ยงพระโค
เส่ยี งทายพระโค
พันธข์ุ ้าว บญั ชีรำยช่ือพันธข์ุ ำ้ วและนำ้ หนกั ฤดูนำปี ๒๕๖๒ โครงกำรนำทดลองในโครงกำรส่วนพระองค์สวนจติ รลดำ ทีน่ ำเข้ำในพธิ ีปลุกเสกเมล็ดพนั ธุ์ขำ้ ว พระรำชทำนและพชื พันธุ์ต่ำง ๆ สำหรับปี ๒๕๖๓ น้ี กรมกำรขำ้ วได้ดำเนินกำรขอพระรำชทำนพระบรมรำชำนุญำตนำพนั ธุ์ขำ้ วทั้งหมด ๕ พนั ธ์ุ รวมน้ำหนักเมล็ดพันธขุ์ ำ้ วทงั้ สนิ้ ๑,๔๕๘ กิโลกรัม จดั สง่ ใหส้ ำนักเมล็ดพนั ธขุ์ ำ้ วกรมกำรขำ้ ว จดั เปน็ “พนั ธขุ์ ้ำวทรงปลกู พระรำชทำน” และบรรจใุ นซองพลำสตกิ แจกจำ่ ยเพือ่ เป็นม่งิ ขวัญและสริ ิ มงคลในกำรประกอบอำชีพกำรเกษตรตำมประเพณนี ยิ ม เพ่อื ให้เปน็ ไปตำมพระรำชประสงคส์ ืบไป ข้าวนาสวน ลำดับ พันธุข์ ำ้ ว นำ้ หนกั (กโิ ลกรัม) ๑ ขำวดอกมะลิ ๑๐๕ ๕๑๔ ๒ ปทมุ ธำนี ๑ ๒๐๐ ๓ กข ๗๙ ๔๘๙ ๔ กข ๔๓ ๒๐๐ ๕ กข ๖ ๕๕ รวม ๑,๔๕๘
ขอ้ มลู เพมิ่ เติม พระรำชพธิ พี ืชมงคล เป็นพธิ ที ำขวญั พืชพนั ธธ์ุ ัญญำหำรที่ พระมหำกษตั รยิ ์ทรงอธิษฐำนเพอ่ื ควำมอุดม สมบรู ณข์ องพชื พันธ์ธุ ัญญำหำรแหง่ รำชอำณำจกั รไทย ขำ้ วนั้นถือวำ่ เป็นอำหำรหลกั ของประชำชนในภำษำบำลี เรียกวำ่ ปพุ พณั ณะ หรือ บุพพณั ณะ หรอื บุพพณั ณชำติ สว่ นพชื อืน่ ๆ ท่เี ปน็ อำหำรเรยี กว่ำ อปรัณณ หรอื อปรัณ ชำติ หมำยถงึ พชื จำพวกถ่วั งำ เป็นต้น ถ้ำเรยี กควบทั้งสองอย่ำงกเ็ รียกวำ่ บุพพณั ณปรัณณชำติ ทหี่ มำยถงึ พชื ที่ เป็นอำหำรทกุ ชนิด บุพพณั ณปรัณณชำติท่ีนำเข้ำพระรำชพิธีพืชมงคลนัน้ เป็นขำ้ วเปลอื ก มที ั้งขำ้ วเจ้ำ และข้ำวเหนยี ว นอกจำกนี้ มีเมลด็ พืชตำ่ งๆ รวม ๔๐ อยำ่ ง แตล่ ะอย่ำงบรรจถุ ุงผ้ำขำว กบั เผอื กมันตำ่ งๆ พันธุ์พชื เหล่ำน้เี ปน็ ของปลูกงอกได้ ทงั้ ส้ิน นอกจำกน้ียงั มขี ้ำวเปลอื กท่หี ว่ำน ในพธิ ีแรกนำบรรจกุ ระเชำ้ ทองคหู่ นึ่งและเงนิ คูห่ น่งึ เปน็ ขำ้ วพนั ธุด์ ที ่โี ปรด เกลำ้ โปรดกระหม่อม ใหป้ ลกู ในโครงกำรส่วนพระองค์สวนจติ รลดำรโหฐำน และพระรำชทำนมำเขำ้ พระรำชพิธีพชื มงคล พันธขุ์ ำ้ วพระรำชทำนน้ี จะใชห้ วำ่ นในพระรำชพธิ แี รกนำส่วนหนง่ึ อีกส่วนหน่งึ ทเ่ี หลือทำงกำร จะบรรจซุ อง แล้วสง่ ไปแจกจ่ำยแกช่ ำวนำและประชำชนในจังหวดั ต่ำงๆ ใหเ้ ปน็ มง่ิ ขวญั และเปน็ สิรมิ งคลแก่พืชผลที่จะเพำะปลกู ในปนี ้ี
ขอ้ มลู เพิม่ เติม อนง่ึ นบั ตัง้ แต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นตน้ มำ คณะรฐั มนตรไี ด้ประชมุ ปรึกษำลงมติให้วันพระรำชพธิ ีพชื มงคลน้ีเปน็ วันเกษตรกร ประจำปี อีกด้วย ท้งั น้เี พอื่ ใหผ้ มู้ ีอำชีพทำงกำรเกษตรพงึ ระลกึ ถงึ ควำมสำคญั ของกำรเกษตร และร่วมมือกันประกอบพระรำชพิธีพชื มงคลจรด พระนงั คลั แรกนำขวญั เพื่อเปน็ สริ มิ งคลแกอ่ ำชีพของตน ทัง้ ยังกอ่ ให้เกิดประโยชนแ์ ก่เศรษฐกิจของประเทศชำติ จึงได้จดั งำน วัน เกษตรกรควบค่ไู ปกบั งำนพระรำชพิธีพชื มงคลจรดพระนังคลั แรกนำขวัญตลอดมำ ทั้งนี้ ในปีพทุ ธศกั รำช ๒๕๖๓ ประเทศไทยและนำนำประเทศท่วั โลกต้องเผชิญกบั สถำนกำรณ์กำรแพร่ระบำดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรัส โคโรนำ 2019 (Covid-19) ซงึ่ มมี ำตรกำรและขอ้ ปฏิบัตทิ ำงสำธำรณสุขหลำยประกำรเพอื่ ปอ้ งกนั กำรแพร่กระจำยของโรค ดังนนั้ กระทรวงเกษตรและสหกรณจ์ ึงขอพระรำชทำนพระบรมรำชวินิจฉยั งดกำรประกอบพระรำชพิธีพชื มงคลจรดพระนงั คัลแรก นำขวญั ในปีน้จี ำกเดมิ ทสี่ ำนกั พระรำชวงั ได้กำหนดให้ประกอบพระรำชพธิ ีในวนั อำทิตยท์ ี่ ๑๐ และวันจันทรท์ ่ี ๑๑ พฤษภำคม ๒๕๖๓ โดยขอพระรำชทำนพระบรมรำชำนุญำตประกอบพิธี ปลกุ เสกเมลด็ พันธขุ์ ำ้ วพระรำชทำนและพชื พันธ์ุต่ำง ๆ ในวนั อำทติ ยท์ ี่ ๑๐ พฤษภำคม ๒๕๖๓ โดยนำพันธุ์ข้ำวทรงปลกู พระรำชทำนในฤดทู ำนำปี ๒๕๖๒ และพันธ์ุพชื ต่ำง ๆ มำเข้ำประกอบพิธี พร้อมทัง้ พิธี หวำ่ นหว่ำนขำ้ วในแปลงนำทดลอง สวนจติ รลดำ ในวันจันทรท์ ี่ ๑๑ พฤษภำคม ๒๕๖๓ เพอ่ื ควำมเปน็ สิรมิ งคลและสรำ้ งขวญั กำลงั ใจ แก่เกษตรกรทุกสำขำทวั่ ประเทศ
ข้อมูลจาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ https://www.moac.go.th/royal_ploughing-history
Search
Read the Text Version
- 1 - 38
Pages: