Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 71EF11C5-92FB-4AF0-8B42-6FD1EFE2A302

71EF11C5-92FB-4AF0-8B42-6FD1EFE2A302

Published by Jimin Park, 2022-04-28 23:41:10

Description: 71EF11C5-92FB-4AF0-8B42-6FD1EFE2A302

Search

Read the Text Version

ประวัติความเป็นมาของคณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค มหาวิทยาลัยพายัพ โรงพยาบาลแมคคอร์มิคในอดีต คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค มหาวิทยาลัยพายัพเป็นสถาบันการศึกษา พยาบาลที่เปิดสอนเป็นแห่งแรกของภูมิภาคและเป็นแห่งที่สามของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2466 โดย นายแพทย์ เอ็ดวิน ซี คอร์ท (Dr. Edwin C. Cort) มี Ms.Agnes Barland เป็นผู้อํานวยการคนแรก มีการ พัฒนาหลักสูตรให้เป็นหลักสูตร 3 ปี ผู้เรียนรุ่นแรกคือ น.ส.บุญปั๋น สิงหเนตร และ น.ส. ลิเดีย (กาบแก้ว) ประทีปเสน

ต่อมา นส.ศรีวิไล สิงหเนตร ได้รับทุน Rockie Feller ไปเรียนวิชาพยาบาลที่ ประเทศจีน 3 ปีแล้วกลับมาบริหารโรงเรียนรวมเวลา 35 ปี(ค.ศ. 1953-1988) ในปีค.ศ. 1988 เปิดรับนักเรียนระดับชั้น มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 5 หลักสูตร อนุปริญญาของศิริราช ใช้เวลาเรียน 3 ปี ปี พ.ศ. 2513-2516 โรงเรียนได้เข้า ในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทําให้มีสิทธิทัดเทียมโรงเรียนของรัฐบาล มีการ สร้างอาคารหอพัก Cort Hall อาคารศรีวิไล สิงหเนตร อาคารศูนย์กลาง นักศึกษา หอพักใหม่ 8 ชั้น ตามลําดับ ส่วนอาคารเรียน มีสองอาคารคือ อาคารศรีสังวาลย์และอาคารโสมสวลี โดยคณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิคเริ่มต้นจากโรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาลแห่ง โรงพยาบาลแมคคอร์มิค จนพัฒนามาเป็นคณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค มหาวิทยาลัยพายัพ ในปี พ.ศ. 2527 จนถึงปัจจุบันและปัจจุบันคณะพยาบาล ศาสตร์แมคคอร์มิค ได้รับการรับรองการประเมินผลคุณภาพการจัดการศึกษาจาก สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับการรับรอง วิทยฐานะจากสภาการพยาบาล และรับการประเมินคุณภาพภายนอก โดย สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา นอกจากนั้นจากผล สำรวจความนิยมของนักเรียนทั่วประเทศ พบว่าได้รับความนิยมเป็นอันดับ 2 ของ สถาบันการศึกษาเอกชนสาขาพยาบาลศาสตร์

พัฒนาการด้านการจัดการเรียนการสอนของคณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค ตั้งแต่เริ่มเปิดสถาบันจนถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2466 ใช้หลักสูตรการพยาบาล 3 ปี กำหนดขึ้นโดย นาย แพทย์เอ็ดวิน ซี. คอร์ท และ มิส แอคเนส บาร์แลนด์ พ.ศ. 2467 ใช้หลักสูตรและข้อสอบร่วมกับโรงเรียนการพยาบาล สภากาชาดสยาม พ.ศ. 2475-2484 ได้รับอนุญาตให้ใช้หลักสูตรโรงเรียนการพยาบาลสภา กาชาดสยาม หลักสูตรการพยาบาล 3 ปี หลังจากนั้นผู้ที่สำเร็จหลักสูตรการ พยาบาลจะไปเรียนต่อหลักสูตรการผดุงครรภ์ที่โรงเรียนพยาบาลสภากาชาด สยาม (ปัจจุบันคือวิทยาลัยพยาบาล สภากาชาดไทย) ต่ออีก 6 เดือน พ.ศ. 2493 เปิดสอนหลักสูตรวิชาการผดุงครรภ์และอนามัย ครั้งแรกใช้ เวลาเรียน 6 เดือน และในปี พ.ศ. 2496 ขยายระยะเวลาเรียน หลักสูตรวิชาการผดุงครรภ์และอนามัยเป็น 1 ปีเต็ม รวมเรียนวิชาการ พยาบาลด้วยเป็น 4 ปี

พ.ศ. 2501 ปรับปรุงหลักสูตรโดยใช้หลักสูตร 4 ปีเทียบเท่ากับหลักสูตรของ โรงเรียนพยาบาลวชิระ เทศบาลนครกรุงเทพ ตามคำแนะนำของกองการ พยาบาล กระทรวงสาธารณสุข รับผู้เข้าเรียนที่จบชั้น ม.ศ.3 หรือ ม. 6 เดิม พ.ศ. 2503 ในส่วนของหลักสูตรการพยาบาล กระทรวงสาธารณสุขให้เน้น ความสำคัญของการสอนภาคปฏิบัติ โดยให้ควบคุมการดูแลการพยาบาลของ นักเรียนพยาบาล มีผู้ช่วยหัวหน้าตึกซึ่งจบประกาศนียบัตรพยาบาลเป็นผู้ ควบคุมดูแลในการสอน (Clinical Instructor) ซึ่งเรียกว่า ward teaching โดยให้มีการนับชั่วโมง ward teaching ด้วย และได้มีการ ปรับปรุงหลักสูตรการอนามัยโรงเรียนเพื่อให้นักเรียนพยาบาลได้ฝึกหัดการ อนามัยชนบท (Country Clinic) พ.ศ. 2504 ปรับปรุงหลักสูตรโดยใช้หลักสูตรการศึกษาวิชาการพยาบาลและ อนามัย (Diploma in Nursing) และหลักสูตรวิชาการผดุงครรภ์ (Certificate in Midwifery) เทียบเท่ากับหลักสูตรวิชาการพยาบาลและ อนามัยของโรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัยศิริราช คณะ แพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล รับสมัครผู้เข้าเรียนที่จบ ชั้น ม.8 ใช้เวลาเรียนตลอดหลักสูตร 3 ปี 6 เดือน โดยได้ปรับหลักสูตร วิชาการผดุงครรภ์จาก 1 ปีมาเป็น 6 เดือน ตามคำแนะนำของกองการ พยาบาล กระทรวงสาธารณสุข และได้รับการรับรองหลักสูตรเทียบเท่า หลักสูตรอนุปริญญาพยาบาลจากโรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล (เดิมคือโรงเรียนแพทย์ผดุงครรภ์และ หญิงพยาบาลศิริราช) และปัจจุบันคือ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหิดล เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ.2509 ผู้สำเร็จหลักสูตรจะได้รับการรับรอง วิทยฐานะเทียบเท่าอนุปริญญาและได้รับอัตราเงินเดือนเท่ากัน

พ.ศ.2517 เปิดสอน 3 หลักสูตรคือ หลักสูตรอนุปริญญาพยาบาลและอนามัย ใช้เวลาเรียน 3 ปี หลักสูตรประกาศนียบัตรผดุงครรภ์ ใช้เวลาเรียน 6 เดือน และหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (พยาบาล) ใช้เวลาเรียน 4 ปี โดยได้รับ อนุมัติจากทบวงมหาวิทยาลัย เปิดสอนในคณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค วิทยาลัยพายัพ ซึ่งเปิดสอนปีนี้ แต่ปีแรก ๆ เปิดสอน 2 หลักสูตรแรกเท่านั้น หลักสูตรปริญญาตรี 4 ปี ยังไม่เปิดสอน พ.ศ. 2523 คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค ได้งดสอนหลักสูตรอนุปริญญา พยาบาลและอนามัย และเปิดสอนหลักสูตรปริญญาตรีวิทยาศาสตรบัณฑิต (การ พยาบาลและผดุงครรภ์) ระยะเวลาเรียน 4 ปีและได้รับการรับรองวิทยฐานะจาก ทบวงมหาวิทยาลัยในปี พ.ศ. 2525 ผู้สำเร็จหลักสูตร จะได้รับการพิจารณาเงิน เดือนจาก สำนักงาน ก.พ.เทียบเท่ากับผู้ที่สำเร็จหลักสูตรปริญญาตรีจากสถาบัน ของรัฐบาลทุกประการ พ.ศ. 2535 ได้รับการรับรองมาตรฐานการศึกษา สาขาวิชาพยาบาล ศาสตร์ หลักสูตรวิทยา-ศาสตรบัณฑิต (การพยาบาลและผดุงครรภ์) จากทบวงมหาวิทยาลัยระยะเวลา 5 ปี (หนังสือที่ ทม 0207/22211 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2535) พ.ศ.2536 ปรับปรุงหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (การพยาบาลและ ผดุงครรภ์) เป็นหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัญฑิต ได้รับการประเมินโดยสภา การพยาบาล เพื่อการรับรองสถาบันการศึกษา ปีการศึกษา 2536-2538 รับรอง 3 ปี หนังสือที่ สภ.พ. 01/01/141 ลงวันที่ 7 มิถุนายน 2537

พ.ศ.2539 ได้รับการประเมินเพื่อการรับรองสถาบันและมาตรฐานของ วิชาชีพ โดยสภา การพยาบาล เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2539 ตามหนังสือที่ สภ.พ. 01/01/468 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2539 พ.ศ. 2541 ปรับปรุงหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ฉบับปี พ.ศ. 2536 พ.ศ. 2542 ได้รับการประเมินโดยสภาการพยาบาล เพื่อการรับรอง สถาบันการศึกษาสาขาการพยาบาลและการผดุงครรภ์ หลักสูตรพยาบาล ศาสตรบัณฑิต ระยะเวลาที่รับรอง 3 ปีการศึกษา (ปีการศึกษา 2542- 2544) เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2542 ตามหนังสือที่ สภ.พ.01/05/761 ลงวันที่ 24 มิถุนายน 2542 พ.ศ. 2545 สภาการพยาบาล (Thailand Nursing Council) ได้ให้การ รับรองวิทยฐานะ คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค เป็นเวลา 4 ปีการ ศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2545-2548 (หนังสือที่ สภ.พ.01/05/2712 ลง วันที่ 29 พฤษภาคม 2546) พ.ศ. 2546 ปรับปรุงหลักสูตร พยาบาลศาสตรบัณฑิต เพื่อนำไปใช้ในปี พ.ศ.2547 ได้รับการรับรองการประเมินคุณภาพการจัดการศึกษา หลักสูตรพยาบาล ศาสตรบัณฑิต จากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ตั้งแต่ปีการศึกษา 2546 เป็นต้นไป (หนังสือที่ ศธ. 0505/2381 ลงวันที่ 21 สิงหาคม 2546)

พ.ศ. 2547 สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้ให้การรับรองการ ปรับปรุงหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต ในส่วนที่เกี่ยวกับกลุ่มวิชาพื้นฐาน วิชาชีพและกลุ่มวิชาชีพ ตั้งแต่ภาคการศึกษาที่ 1 ปีการศึกษา 2547 เป็นต้นไป (การประชุมครั้งที่ 6/2547 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม 2547) หนังสือที่ ศธ 0505/10676 ลงวันที่ 5 สิงหาคม 2547) พ.ศ. 2547 สภาการพยาบาล ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบ หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิตของคณะพยาบาลศาสตร์แมค คอร์มิค มหาวิทยาลัยพายัพ พ.ศ. 2547 (ในการประชุมครั้งที่ 6/25447 ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2547) หนังสือที่ สภ.พ. 01/05/2626 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2547) พ.ศ. 2549 สภาการพยาบาล ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบหลักสูตร พยาบาลศาสตรบัณฑิตของคณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค มหาวิทยาลัย พายัพ พ.ศ. 2547 (ในการประชุมครั้งที่ 10/2549 ลงวันที่ 15 กันยายน 2547) หนังสือที่ สภ.พ. 01/05/3804 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2547) และในปี เดียวกันนี้ คณะฯได้รับการรับรองการประเมินคุณภาพการจัดการศึกษา หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต จากสำนักงานคณะกรรมการรับรอง มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ) โดยมีผลการประเมินอยู่ใน ระดับดี

พ.ศ. 2553 สภาการพยาบาล ได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบหลักสูตร พยาบาลศาสตรบัณฑิตของคณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค มหาวิทยาลัย พายัพ พ.ศ. 2552 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2553 และได้รับความเห็นชอบจาก สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2553และได้ รับการตรวจเยี่ยมเพื่อรับรองสถาบันการศึกษาการพยาบาลและการ ผดุงครรภ์จากสภาการพยาบาล เมื่อวันที่ 15-16 กรกฎาคม 2554 โดยได้รับ การรับรองสถาบันเป็นเวลา 4 ปีการศึกษา (ปีการศึกษา 2553-2556) ตาม หนังสือที่ สภ.พ.01/05/769 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2553

บูรพาจารย์ในอดีตของคณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค มหาวิทยาลัยพายัพ นายแพทย์ เจมส์ ดับบลิว แมคเคน (Dr. James W. McKean) นายแพทย์ แมคเคน

นายแพทย์ แมคเคน แพทย์มิชชันนารีอเมริกัน เป็นบุคคลสําคัญอีกท่านหนึ่ง ที่เดินทางเข้ามาในเชียงใหม่และในพ.ศ.2447 ริเริ่มสร้างห้องทดลองผลิต วัคซีน สําหรับปลูกฝีดาษโดยใช้เวลาถึง 10 ปี พยายามผลิตวัคซีนนี้ในโรง พยาบาลมิชชันนารีจนสําเร็จและให้การ ฝึกหัดคนปลูกฝี และส่งไปบําบัดผู้ ป่วยตามหมู่บ้านที่ห่างไกล นอกจากนี้ยังได้นําเครื่องจักรเข้ามาผลิตยา ควินิน สําหรับใช้รักษาคนไข้มาลาเรียในเชียงใหม่ นายแพทย์แมคเคน ได้สร้างโรงพยาบาลขึ้นในเชียงใหม่ อยู่ทางด้านฝั่ง ตะวันตกของแม่น้ําปิงโดย ได้รับเงินจาก มิสซิสไซรัส เอช แมคคอร์มิค เพื่อ สร้างตึกอํานวยการโรงพยาบาลแห่งน้ี ใช้ชื่อคร้ังแรกว่า โรงพยาบาล เชียงใหม่ เป็นสถานที่ผลิตวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษและใช้เป็นที่รักษา พยาบาลคนไข้กว่า ๔๐ ปี จึงได้ย้ายจากที่เดิมไปสร้างในที่แห่งใหม่ ซึ่ง กลายเป็นโรงพยาบาลแมคคอร์มิคในปัจจุบัน

ต่อมา นายแพทย์แมคเคน เกิดความสนใจในโรคเรื้อน ซึ่งในสมัยน้ัน บริเวณ เกาะกลางแม่น้ําปิง ทาง ทิศใต้ของสะพานนวรัฐ เมื่อหมดช่วงฤดูฝน จะมีผู้ป่วย โรคเรื้อนเดินทางมาจากหมู่บ้านท่าปี อําเภอจอมทอง พากันเข้ามาอาศัยอยู่ช่ัว คราว และประกอบอาชีพขอทานในตัวเมือง จนถึงฤดูฝน ซึ่งเป็นช่วงที่น้ําท่วม เกาะ ก็จะพากันอพยพกลับไปหมู่บ้านและกลับมาอีก เป็นเช่นน้ีอยู่ทุกปี ซึ่งผู้ ป่วยเหล่านี้เป็นที่น่ารังเกียจกลัวของ ประชาชนทั่วไป และโดยเฉพาะผ้ปู่วยที่ ยังไม่ได้รับการรักษา เป็นช่องทางที่ทําให้เชื้อโรคเรื้อนแพร่กระจายได้ ใน พ.ศ. 2451 นายแพทย์แมคเคน จึงขออนุญาตจาก เจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าหลวงเชียงใหม่ องค์ที่ 8 (พ.ศ. 2444-2452) ใช้พ้ื นที่บริเวณเกาะกลางแม่น้ําปิง จัดสร้างนิคมผู้ป่วยโรคเรื้อน เป็นสถานที่ดําเนิน การ ดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเร้ือนในเชียงใหม่ขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2473 ได้ พัฒนามาจนเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “โรงพยาบาลโรคเรื้อนแมคเคน” โรง พยาบาลโรคเรื้อนแห่งแรกในประเทศไทย มาจนถึงปัจจุบัน โรงพยาบาลแมคคอร์มิคปัจจุบัน

นายแพทย์เอ็ดวิน ซี. คอร์ท (Dr. Edwin C. Cort) นายแพทย์ คอร์ท

นายแพทย์คอร์ท เข้ามารับผิดชอบโรงพยาบาลโรคเรื้อนแมคเคนแทนนาย แพทย์แมคเคนตั้งแต่ พ.ศ. 2456 เป็นต้นมา นายแพทย์คอร์ทได้พัฒนาโรง พยาบาลให้เจริญเป็นที่ยอมรับของผู้คนอย่างกว้างขวาง จนในที่สุด โรงพยาบาลเดิม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็ก รับผู้ป่วยพักรักษาตัวได้ เพียง 8 เตียง มีความคับแคบลง ใน พ.ศ. 2463 จึงมีการสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ ข้ึนที่บ้านหนองเส้ง ต้ัง อยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ําปิง และก่อสร้าง แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2468 ต้ังชื่อ ว่า “โรงพยาบาลแมคคอร์มิค” ตามชื่อของผู้บริจาคเงินทุนในการก่อสร้าง และมีพิธีเปิดโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรม หลวงสงขลานครินทร์ (สมเด็จพระราชบิดา) เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดโรง พยาบาลเมื่อวันที่13 มกราคมพ.ศ.2468 และใน พ.ศ. 2472 พระองค์ยังเสด็จ มาทรงงานแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ กระทั่งเสด็จทิวงคตในเดือน พฤศจิกายน พ.ศ. 2472 ที่กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2459 นายแพทย์คอร์ทได้จัดต้ังโรงเรียนฝึกหัดแพทย์ขึ้น มีนักศึกษาแพทย์รุ่นแรกและรุ่นเดียวก็ยุติลง นอกจากนี้ยังจัดต้ังโรงเรียน พยาบาลและผดุงครรภ์ขึ้น ใน พ.ศ. 2466 เพื่อเตรียมบุคลากร สําหรับ ระบบโรงพยาบาลสมัยใหม่ นับเป็นโรงเรียนพยาบาลและผดุงครรภ์แห่งที่ 3 ของประเทศไทย และแห่ง แรกในส่วนภูมิภาค โดยทําการสอนสืบทอด มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันคือ คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์ มิค มหาวิทยาลัยพายัพ

หมอคอร์ทขณะรักษาผู้ป่วยชาวเชียงใหม่ในยุคนั้น ภายในโรงพยาบาลแมคคอร์มิคในอดีต การรักษาในรพ.แมคคอร์มิค

ศาสตราจารย์กิตติคุณศรีวิไล สิงหเนตร ศาสตราจารย์กิตติคุณศรีวิไล สิงหเนตร

นางสาวศรีวิไล สิงหเนตร เกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2443 ที่บ้านสันป่าข่อย ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นธิดาคนที่ 2 ของนายดวงชื่น และ นางบัวจันทร์ สิงหเนตร นับถือศาสนาคริสต์ตามครอบครัวที่ได้รับเชื่อเป็น คริสเตียนจากศาสนาจารย์ดาเนียล แมคกิลวารี มิชชั่นนารี ผู้บุกเบิกประกาศคริสต์ ศาสนาในเชียงใหม่ มาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คือเจ้าน้อยสิงฆะ และนางเทียมตา (ต้น ตระกูลสิงหเนตร) ด้านการศึกษา อาจารย์เริ่มเรียนที่โรงเรียนเฟรนเนอร์เมมโมเรียล แล้วไปต่อ ที่โรงเรียนพระราชชายาโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง (ปัจจุบันคือ โรงเรียนวัฒนา วิทยาลัย) โรงเรียนปรินส์รอแยลวิทยาลัย เมื่อจบมัธยมปีที่ 7 แล้วได้เป็นครู สอนที่โรงเรียนดาราวิทยาลัย ช่วง พ.ศ.2463-2465 ต่อมา พ.ศ.2466 ได้ทุ นร็อกกี้เฟลเลอร์ไปศึกษาวิชาพยาบาล ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ประเทศจีน กลับมาเมื่อ พ.ศ.2469 ได้เข้าทำงานที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค ต่อมาได้ทุน ไปศึกษาต่อปริญญาตรีทางการศึกษา ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนและศึกษาต่อ ปริญญาโทด้านการพยาบาลสาธารณสุขจนสำเร็จเมื่อ พ.ศ.2482 นับเป็น สตรีไทยคนแรกที่ได้รับปริญญาโททางการสาธารณสุขจากสหรัฐอเมริกา และเป็นคนแรกในการบุกเบิกงาน สาธารณสุขในชนบทของไทย เนื่องจาก ได้เพิ่มวิชาการพยาบาลสาธารณสุข (Public Health Nursing) ในหลักสูตร ของโรงเรียนพยาบาลและผดุงครรภ์แมคคอร์มิค ซึ่งยังคงถือเป็นส่วนสำคัญ ในหลักสูตร ที่ยังปฏิบัติสืบต่อมา

อาจารย์ศรีวิไลนับเป็นสตรีล้านนาที่ได้บุกเบิกและวางรากฐานการศึกษา พยาบาล ซึ่งเป็นแนวทางการศึกษาด้านอาชีพแบบใหม่ของสตรี เป็นผู้ที่ยึด มั่นในอุดมการณ์ของการเป็นพยาบาลที่ดี ดังจะเห็นได้จากการมีน้ำใจชอบ ช่วยเหลือผู้อื่น และมักจะช่วยเกินกว่าที่ได้รับการร้องขอ เป็นผู้ที่อุทิศชีวิตให้ กับงานด้านการศึกษาและด้านสังคมสงเคราะห์อย่างจริงจัง โดยริเริ่มงาน สังคมสงเคราะห์และก่อตั้งสมาคมพยาบาลแมคคอร์มิค เมื่อ พ.ศ.2492 ซึ่งเป็นสมาคมพยาบาลแห่งแรกในประเทศไทย เป็นผู้นำสมาคม ผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม และสนับสนุนด้านการแพทย์ เช่น บริจาคเงินสร้าง โรงอาหารสำหรับแพทย์และพยาบาลที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค หาทุนสนับสนุน การก่อสร้างอาคารเรียน “ศรีสังวาลย์” ตลอดจนริเริ่มทำกิจกรรมต่างๆ ที่เป็น ประโยชน์ต่อผู้ป่วยยากจน และเด็กกำพร้า อาจารย์ศรีวิไล เป็นผู้ที่อนุรักษ์และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมที่ดีงามของล้านนา ทั้ง ในด้านกิริยามารยาทการแต่งกาย และการอบรมศีลธรรมจรรยาแก่ศิษย์ ถือเป็น แม่พิมพ์และปูชนียบุคคลของบรรดาลูกศิษย์ทุกคน และเพื่อเป็นอนุสรณ์ในคุณ ความดีของอาจารย์ ดังนั้นเมื่อมีการสร้างหอพักนักเรียนพยาบาลแมคคอร์มิค จึงให้ ชื่อว่า “อาคารศรีวิไล สิงหเนตร”

อาคารเรียน “ศรีสังวาลย์” อาคาร “ศรีวิไล สิงหเนตร” แม้อาจารย์จะเกษียณอายุการทำงานที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค ในปี พ.ศ.2508 แล้ว แต่อาจารย์ ก็ยังคงอุทิศตนช่วยงานตามโรงพยาบาลต่างๆ จนกระทั่งประสบอุบัติเหตุเมื่ออายุ 81 ปี ต้องหยุดทำงาน และอาจารย์ถึงแก่ กรรมเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ.2530 รวมอายุได้ 87 ปี

อาจารย์ทองม้วน สุขะจรัส อาจารย์ทองม้วน สุขะจรัส

อาจารย์ทองม้วน สุขะจรัส เกิดเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ค.ศ. 1905 ณ กรุงเทพมหานคร สําเร็จการศึกษาระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายจากโรงเรียน กุลสตรีวังหลังหรือโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยในปัจจุบัน และจบระดับ ประกาศนียบัตร​วิชาการพยาบาลและผดุงครรภ์จากโรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาล แห่งโรงพยาบาลแมคคอร์มิค ​รุ่นที่ 3 และเมื่อ ค.ศ. 1929 ได้รับทุนไปศึกษาดู งานที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนียสหรัฐอเมริกาเมื่อเรียนจบการศึกษา วิชาการพยาบาล Dr. Edwin C. Cort ชวนให้ทํางานด้วย แต่ท่านปฏิเสธ เพราะต้องกลับไปทํางานที่โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยตามที่คุณแม่ของท่านได้ให้ สัญญากับอาจารย์ใหญ่ไว้ ในตําแหน่งพยาบาลประจําโรงเรียนเป็นระยะเวลา 2 ปี เมื่อหมดภารกิจที่กรุงเทพฯ ท่านได้กลับมาที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อมาช่วย งาน Dr. Edwin C. Cort ที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค ระหว่างที่อาจารย์ทองม้วน ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลท่านได้สังเกตเห็นหมวก ของอาจารย์ ศรีวิไล สิงหเนตร ว่าเป็นหมวกที่ใส่ง่ายและสะดวก เพราะหมวก ทรงหม้อตาลของท่านนั้นใส่ยาก ความรู้เท่าไม่ถึงการจึงนำหมวกของอาจารย์​ ศรีวิไล มาใส่ขึ้นฝึกปฏิบัติงาน Miss Sadie Lemon หัวหน้าฝ่ายการพยาบาล ขณะนั้นพบเห็นความไม่เหมาะสมจึงเรียกอาจารย์​ทองม้วนมาตักเตือน ว่าไม่ควร นำหมวกของผู้อื่นมาใส่อาจารย์​ทองม้วนจึงอธิบายเหตุผล​ที่กระทำผิด จากนั้น Miss Sadie Lemon จึงมีการสั่งให้มีการเปลี่ยนหมวกทรงหม้อตาลให้มาเป็น หมวกเหมือนที่เหล่าพยาบาลใส่กันในปัจจุบัน โดยเริ่มใช้ใน ค.ศ. 1932

ต่อมาคณะมิชชันนารีไ​ ด้ส่งแพทย์​พยาบาลมาช่วยทำงานที่โรงพยาบาล​แมคคอร์มิค​ อาจารย์​ทองม้วนสังเกตเห็นหมวกพยาบาลมีสัญญลักษณ์ต​ัว S ซึ่งติดบนหมวก ด้านซ้ายจึงเข้าไปสอบถามและได้รับคำตอบว่าตัวอักษร S เป็นสัญญลักษณ์​ของผู้ สำเร็จว​ิชาการพ​ ยาบาลจากมหาวิทยาลัย​สแตนฟอร์ด ดังนั้นท่านจึงเกิดความคิดว่า ถ้าใช้อักษร M ติดที่หมวดพยาบาลเพื่อเป็นสัญญลักษณ์​แสดงว่าได้สำเร็จการ ศึกษาจ​ ากโรงเรียนผดุงครรภ์​และอนามัยแมคคอร์มิคจ​ึงนำเสนอต่อคณะกรรมการ โรงเรียน และได้รับการอนุมัติ​และเริ่มติดตัวอักษร M ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นอาจารย์ทองม้วนถือเป็นคนที่ริเริ่มหมวกสัญลักษณ์ตัวM หมวกสัญลักษณ์ตัว M

บุคลิกภาพของบูรพาจารย์ที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีงาม และยึดมั่นปณิธานของสถาบัน ศาสตราจารย์ศรีวิไล สิงหเนตร และอาจารย์ทองม้วน สุขะจรัส ได้ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีงามและยึดมั่นปณิธานของสถาบันโดย ไดให้ขอคิดเกี่ยวกับการใหที่ยิ่งใหญ่ การใหเ ปน เหตุที่ทำใหมีความสุข กวา การรับ ถ้าผูใดขอจงใหแ กผ ูน ั้น จงรักเพื่อนบานเหมือนรักตัวเอง จง เป็นคนมีน้ำใจ ชวยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยใจจริง และท่านได้สอนให้ เป็นผู้ที่มี “นํ้าใจแหง ไมลที่สอง หรือ The Spirite of the Second Mile” เขาใจเกี่ยวกับอัตลักษณของนักศึกษาพยาบาลศาสตรแ มค คอรมิควา การให ตองใหด ว ยความรัก ใหดว ยความเมตตา ใหด วยความ ชื่นชมยินดี ใหโ ดยไม หวังสิ่งตอบแทนใดๆและให้นอกเหนือสิ่งที่คาด หวังไวด้วยความเต็มใจ และจริงใจที่จะให ต้องปฏิบัติตนกับคน ไขใ หเ หมือนญาติของตนเอง

นายแพทย์เอ็ดวิน ซี. คอร์ท (Dr. Edwin C. Cort) ได้ประพฤติตนเป็นแบบ อย่างที่ดีงามและยึดมั่นปณิธานของสถาบันโดยท่านไม่ เคยมีความย่อท้อต่อ อาชีพของท่านเลยไม่ว่าในตอนนั้นตอนที่เชียงใหม่ประสบปัญหาด้าน สาธารณสุข คือ เกิดการระบาดของไข้ทรพิษ ไข้มาลาเรีย โรคเรื้อน ท่านก็มี วิธีที่จะรักษาผู้ป่วยของท่าน ไม่ว่าจะ เจอปัญหาอะไรท่านก็ไม่เคยยอมแพ้และ ไม่ทิ้งผู้ป่วยของท่านและท่านก็รักษาคนทั้งกายและจิตใจ โดยใช้ศาสนาเป็น สิ่งที่พึ่งทางใจและท่านก็เป็นคนที่มีน้ำใจไมล์ที่สอง นายแพทย์ เจมส์ ดับบลิว แมคเคน (Dr. James W. McKean) หรือหมอ แมคเคนได้ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีงามและยึดมั่นปณิธานของ สถาบันโดยท่านมีความสนใจในโรคเรื้อน ผู้ป่วยโรคเรื้อนในสมัยก่อนน่า สงสาร เพราะถูกสังคมรังเกียจและขับไล่ไสส่ง เนื่องจากคนยังไม่มีความ รู้เรื่องโรคนี้กันมากนัก ผู้ป่วยโรคเรื้อนที่ผิวหนังเหวอะหวะ มือเท้ากุด จึง ไม่สามารถประกอบอาชีพใดในสังคมได้เลย นอกจากเป็นขอทาน ในจุด นี้ท่านเป็นคนที่เห็นแก่ผู้อื่น มองวิกฤตให้เป็นโอกาสและท่านก็สามารถ รักษาเยียวยาผู้ป่วยของท่านได้สำเร็จ

เครื่องแบบนักศึกษาตั้งแต่เริ่มเปิดสถาบันถึงปัจจุบันของคณะ พยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค มหาวิทยาลัยพายัพ ชุดในสมัยก่อน

ชุดนักศึกษาหญิง ชุดนักศึกษาชาย

ชุดแมคหญิง ชุดแมคชาย

ชุดพิธีการหญิง ชุดพิธีการชาย ชุด angel cap ชุดชุมชน

ชุด apron ชุดฝึกปฏิบัติพื้นฐานชาย ชุดก่อนรับหมวก ชุดวันรับหมวก

ชุดฝึกปฏิบัติปี 2 ชุดฝึกปฏิบัติปี 3 ชุดฝึกปฏิบัติปี 4 ชุดฝึกปฏิบัติปี 3 ชาย

ชุดพยาบาลแมคคอร์มิค

ความหมายของสัจจะ-บริการด้วยน้ําใจไมล์ที่สอง คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค มุ่งผลิตพยาบาลวิชาชีพที่มีความรู้ มี สมรรถนะวิชาชีพ มีความคิดสร้างสรรค์ รับผิดชอบสังคม พัฒนาตนสู่ความเป็น สากล และมีคุณธรรม โดยยึดมั่นในสัจจะ-บริการ ด้วยน้ำใจไมล์ที่สอง ซึ่งมา จากพระคริสตธรรม มัทธิว บทที่ 5 ข้อ 41 กล่าวไว้ว่า “ถ้าผู้ใดเกณฑ์ท่านให้ เดินทางไปหนึ่งไมล์ก็ให้เลยไปกับเขาถึงสองไมล์” โดยไมล์ที่หนึ่ง หมายถึง การปฏิบัติหน้าที่ตามบทบาทหลักอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความชื่นชม ยินดี และไมล์ที่สอง หมายถึง การอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือจาก หน้าที่หลักด้วยน้ำใจที่พร้อมจะช่วยเหลือทุกเวลาและทุกสถานที่ด้วยความ เต็มใจ ความประทับใจต่อสถาบัน จากการเข้ามาศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยพายัพ คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค ได้รับความรู้สึกอย่างหลากหลายรูปแบบ ทั้งด้านการคบเพื่อน การเรียนการสอน การมีอาจารย์ที่ดี อบอุ่น ดูแลเอาใจใส่ และรุ่นพี่ก็เป็นกันเอง สถาบันที่นี่สอนให้รู้จักการมีน้ำใจไมล์ที่สอง สถานบันที่นี่ สอนให้รู้จักการดูแลเอาใจใส่เพื่อนมนุษย์ ไม่เลือกคบคน ไม่ดูถูกผู้อื่น ข้าพเจ้า รู้สึกว่าเลือกไม่ผิดที่มาเรียนมาศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่สถาบันนี้ และสถาบันนี้ให้ความรู้สึกเหมือนครอบครัว ทุกคนมีน้ำใจต่อกัน รักกัน รวมถึง ศิษย์เก่าก็ยังมาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัย และคณะเสมอ เหมือนคำว่า “นึกถึงจึงมาหา” ศิษย์เก่าทุกคนคือไม่มีการลืมแมคคอร์มิค หรือมหาวิทยาลัย พายัพเลย มันให้ความรู้สึกและสัมผัสถึงคำว่าแน่นแฟ้น สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณมหาวิทยาลัยพายัพ คณะพยาบาลศาสตร์แมคคอร์มิค ที่ทำให้มาเจอเพื่อน รุ่นพี่ และอาจารย์ที่ดี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook