Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore พัฒนาการและการสร้างสรรค์ในทวีปยุโรป

พัฒนาการและการสร้างสรรค์ในทวีปยุโรป

Published by student9044, 2020-06-18 10:44:30

Description: พัฒนาการและการสร้างสรรค์ในทวีปยุโรป

Search

Read the Text Version

ด.ช.อติรุจ สุทธิพนั ธุ์ ม.3/3 ดส.

พฒั นาการดา้ นการเมืองการปกครอง ๒) ระบอบเผด็จการคอมมิวนิสต์ เป็นระบอบการปกครองท่ีอา้ งอุดมการณข์ องลทั ธิมากซใ์ นการสรา้ ง โดยทว่ั ไปกลา่ วไดว้ า่ ในอดีตดินแดนสว่ นใหญข่ องทวีปยุโรปมีกษตั ริยเ์ ป็นประมุขสูงสุด แมแ้ ตใ่ นสมยั กรีก สงั คมท่ีปราศจากชนชนั้ และมีความเสมอภาคกนั ในดา้ นตา่ งๆ โดยชนชน้ั แรงงานเป็นผูป้ กครองประเทศ เรืองอานาจเม่ือกวา่ ๕๐๐ ปีกอ่ นคริสตศ์ กั ราช ระบอบการปกครองแบบกษตั ริยก์ ็เป็นท่ีรูจ้ กั กนั แพร่ ระอบเผด็จการคอมมิวนิสตม์ ีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียว ผูน้ าพรรคคอมมิวนิสตแ์ ละผูน้ ารฐั เป็นคน หลายแลว้ ในสมยั จกั รวรรดิโรมนั (๒๗ ปีกอ่ นคริสตศ์ กั ราช-ค.ศ.๔๗๖) พระประมุขสูงสุด เดียวกนั สหภาพโซเวียตเป็นประเทศแรกท่ีมีการปกครองในระบอบเผด็จการคอมมิวนิสตภ์ ายหลงั การ เรียกวา่ ซีซารห์ รือจกั รพรรดิซ่ึงทรงปกครองอาณาบริเวณกวา้ งขวางครอบคลุมพ้ืนท่ีในยุโรปและ ปฏิวตั ิรสั เซียในเดือนตุลาคม ค.ศ. ๑๙๑๗ หลงั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๒ ก็มีประเทศอ่ืนปกครองในระบอบ บางสว่ นของเอเชียและแอฟริกา เผด็จการคอมมิวนิสตอ์ ีก ๑๖ ประเทศ แตเ่ ม่ือสหภาพโซเวียตลม่ สลายลงใน ค.ศ. ๑๙๙๑ ก็เหลือเพียง ไมก่ ่ีประเทศ เชน่ จีน คิวบา เกาหลีเหนือ เป็นตน้ สว่ นบรรดาประเทศบริวารของสหภาพโซเวียตเดิม ระบอบการปกครองในทวีปยุโรปสมยั ปัจจุบนั (รวมทงั้ รสั เซีย) ก็ตอ้ งปฏิรูปการปกครองตนเองในแนวทางของระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ดว้ ย หลงั สงครามโลกครงั้ ท่ี ๒ ระบอบการปกครองของยุโรปแยกออกเป็น ๒ ระบอบอยา่ งเดน่ ชดั ดงั น้ี ๑) ระบอบประชาธิปไตย เป็นระบอบท่ีเนน้ ความเป็นปัจเจกบุคคลนิยม (individualism) เหตุผลนิยม (rationalism) และเสรีภาพ (freedom) หลกั การสาคญั ของแนวความคิด ประชาธิปไตย คือ สิทธิ เสรีภาพของประชาชน ประชาชนเป็นท่ีมาของอานาจอธิปไตย ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคภายใตก้ ฎหมาย การปกครองระบอบประชาธิปไตยมีตน้ กาเนิดมา ตงั้ แตส่ มยั กรีกโบราณ เม่ือกวา่ ๕๐๐ ปีกอ่ นคริสตศ์ กั ราช โดยนครรฐั เอเธนสเ์ ป็นดินแดนแหง่ แรกท่ีให้ สิทธิแกพ่ ลเมืองเพศชายท่ีเป็นเสรีชนทุกคนมีสิทธิในการเลือกตงั้ และเขา้ น่ังในสภา ทง้ั ยงั ดารงตาแหน่ง ผูป้ กครองได้ ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยเป็นระบอบการปกครองท่ีประชาชนมีอานาจสูงสุด โดยมีรฐั สภาทาหนา้ ท่ีเป็นตวั แทนของประชาชน

พฒั นาการดา้ นเศรษฐกิจ เศรษฐกิจแบบทุนนิยม ระหวา่ ง ค.ศ. ๔๗๖-๑๐๕๐ หรือสมยั กลางตอนตน้ ชาวไร่ชาวนาสว่ นใหญต่ า่ งสูญเสียอิสรภาพและ กลายเป็นทาสติดท่ีดิน ตอ้ งอยูใ่ นสงั กดั ของขุนนางเจา้ ของท่ีดินและดารงชีวิตอยูใ่ นเขตแมเนอร์ ซ่ึงเป็น ปลายคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๘ ไดเ้ กิดแนวคิดทางเศรษฐศาสตรแ์ ละการเมืองท่ีสาคญั คือ แนวคิด ไลสเ์ ซ- เขตท่ีดินในปกครองของขุนนาง และเป็นท่ีเพาะปลูกและอยูอ่ าศยั โดยมีเขตท่ีเป็นท่ีตงั้ ปราสาทของขุนนาง แฟร์ (laissez-faireเป็นคาฝร่งั เศส หมายถึง ปลอ่ ยใหเ้ ป็นเอง) และแนวคิดการคา้ เสรี (free เจา้ ของท่ีดิน และเขตหมูบ่ า้ นซ่ึงเป็นเขตท่ีอยูอ่ าศยั ของพวกทาสติดท่ีดินและชาวไร่ชาวนาบางคนท่ีเป็น trade) ของแอดมั สมิท (Adam Smith) ชาวสกอต เจา้ ของผลงานเร่ือง The เสรีชน เศรษฐกิจในเขตแมเนอรเ์ ป็นเศรษฐกิจพอเล้ียงตนเอง ท่ีชาวไร่ชาวนาตา่ งประกอบอาชีพพอกิน Wealth of Nations (ค.ศ. ๑๗๗๖) ท่ีกาหนดใหอ้ ุปสงค์ (demand) และอุปทาน พอใชแ้ ละผลิตสินคา้ เพ่ือใชเ้ องหรือแลกเปล่ียนกนั การคา้ ท่ีเคยรุ่งเรืองในสมยั จกั รวรรดิโรมนั ตอ้ ง (supply) เป็นตวั กาหนดกลไกของตลาด หยุดชะงกั เป็นเวลากวา่ ๕๐๐ ปี กอ่ นท่ียุโรปจะฟ้ืนตวั จนสามารถสรา้ งความเป็นปึกแผน่ และปลอดภยั จากการรุกรานของพวกอนารยชน จานวนประชากรไดเ้ พ่ิมมากข้ึนและสามารถผลิตสินคา้ เพ่ือการคา้ ดา้ นเศรษฐกิจนน้ั ไลสเ์ ซ-แฟร์ หมายถึง การดาเนินนโยบายภายในท่ีรฐั บาลไมค่ วรเขา้ ไปกา้ วกา่ ยกบั ขายทง้ั ภายในประเทศและสง่ ออกได้ การคา้ เป็นธุรกิจของภาคเอกชนทง้ั ในดา้ นอุตสาหกรรมและการเงิน ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม สง่ เสริมใหน้ ายทุนแขง่ ขนั กนั อยา่ งเสรี ผูบ้ ริโภคจะทาใหก้ ลไกของตลาดเคล่ือนไหวและนาความมง่ั คง่ั มา เศรษฐกิจแบบพาณิชยนิยม สูร่ ฐั ได้ เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีเกิดข้ึนและพฒั นาพรอ้ มๆ กบั การกอ่ ตวั ของรฐั ชาติ เป็นรูปแบบของเศรษฐกิจ คริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๖-๑๘ โดยรฐั เขา้ ควบคุมอุตสาหกรรมและการคา้ ภายในประเทศ สง่ เสริมการดาเนิน เศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม ธุรกิจของพอ่ คา้ การสง่ สินคา้ ออก และกีดกนั การนาเขา้ สินคา้ จากตา่ งประเทศลทั ธิพาณิชยนิยมเป็นผล จากความเช่ือวา่ การควบคุมและการดาเนินธุรกิจตา่ งๆ จะทาใหร้ ฐั มน่ั คง เขม้ แข็ง ดงั นนั้ จึงถือเป็นหนา้ ท่ี เศรษฐกิจแบบสงั คมนิยม (socialism) เป็นระบบเศรษฐกิจท่ีพฒั นามาจากแนวความคิดทาง และความจาเป็นของรฐั ท่ีจะตอ้ งดาเนินการทุกวิถีทางเพ่ือเป็นเจา้ ของทรพั ยากรและโภคทรัพยต์ า่ งๆ และ การเมืองของคารล์ มากซ์ (Karl Marx) นักสงั คมนิยมท่ีมีช่ือเสียงของยุโรป เกิดข้ึนกลาง เขา้ ครอบครองดินแดนตา่ งๆ แลว้ จดั ตง้ั เป็นอาณานิคม เผยแผศ่ าสนา ทา้ ยท่ีสุดก็กอ่ ใหเ้ กิดความขดั แยง้ คริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ เพ่ือตอบโตก้ ารขยายตวั ของลทั ธิทุนนิยมและการเอารดั เอาเปรียบชนชน้ั แรงงาน กนั เองและเขา้ สูส่ งคราม กลายเป็นสงครามท่ีลุกลามในภูมิภาคอ่ืนๆ ของโลก เชน่ สงครามเจ็ดปี ค.ศ. เขาตอ้ งการสรา้ งระบบเศรษฐกิจท่ีเสมอภาค คือ การยกเลิกกรรมสิทธ์ิทรพั ยส์ ินสว่ นบุคคล และใหม้ ีการ ๑๗๕๖-๑๗๖๓) ระหวา่ งฝร่งั เศสและออสเตรีย กบั องั กฤษและปรสั เซีย กอ่ ใหเ้ กิดการรบกนั ทง้ั ในทวีป จดั การทางการผลิตโดยชนชนั้ แรงงาน ซ่ึงชนชน้ั แรงงานจะใชอ้ านาจเผด็จการในการปกครองเพ่ือ ยุโรป อเมริกา และเอเชีย ผลกั ดนั นโยบายสงั คมนิยมใหบ้ รรลุผลสาเร็จ

พฒั นาการดา้ นสงั คมและศิลปวฒั นธรรม มีดงั น้ี การสรา้ งสรรคท์ างศิลปวฒั นธรรม กาเนิดของชนชนั้ กลาง แมว้ า่ ศิลปวฒั นธรรมของกรีก-โรมนั คือ รากเหงา้ ของอารยธรรมตะวนั ตก แตค่ ริสตศ์ าสนาซ่ึงเป็นท่ี ในสมยั กลางตอนตน้ สงั คมของตะวนั ตกประกอบดว้ ย ชนชนั้ ๓ ฐานนั ดร ไดแ้ ก่ กษตั ริย-์ ขุนนาง ยอมรบั ในจกั รวรรดิมนั ตงั้ แตต่ น้ คริสตศ์ ตวรรษท่ี ๔ และมีอิทธิพลอยา่ งมากในโลกตะวนั ตกจนสมยั กลาง นักบวช และชาวไร่-ชาวนา (ทาสติดท่ีดิน) แตเ่ ม่ือมีการฟ้ืนตวั ของเศรษฐกิจและเมืองข้ึนใน ไดช้ ่ือวา่ ยุคแหง่ ศรทั ธา (Age of Faith) ก็คือ พลงั ท่ีแตง่ เติมใหศ้ ิลปวฒั นธรรมของยุโรปบรรลุ คริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๑ สงั คมยุโรปก็เกิดชนชนั้ ใหม่ คือ ชนชน้ั กลางหรือชนชน้ั กระฎุมพี ท่ีประกอบอาชีพ ความงามและความสมบูรณแ์ บบ ทง้ั มีการสรา้ งมหาวิหาร (cathedral) ดว้ ยศิลปะแบบกอทิกไป ตา่ งๆ เชน่ ชา่ งฝีมือ ลูกจา้ ง พอ่ คา้ อาจารย์ นักศึกษา โดยอาศยั อยูใ่ นเขตเมือง ถือวา่ เป็น ชนชนั้ ใหม่ ของสงั คมตะวนั ตก ชนชนั้ กลางเหลา่ น้ีไดร้ ่วมกนั วางรากฐานความเจริญใหแ้ กส่ งั คมยุโรปและปลูกฝงั ทว่ั ยุโรปในระหวา่ ง ค.ศ. ๑๑๐๐-๑๓๐๐ มีจานวนมากกวา่ ๕๐๐ แหง่ ตอ่ มาในยุคฟ้ืนฟศู ิลปะวิทยาการ อุดมการณแ์ ละวิธีการปฏิบตั ิในการอยูร่ ่วมกนั เชน่ สิทธิและหนา้ ท่ีของชาวเมือง การจดั เก็บภาษีและ (Renaissance) ท่ีเร่ิมตน้ ในอิตาลีในกลางคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๔ ยุโรปสามารถฟ้ืนฟกู ารศึกษา คา่ ปรบั เป็นตน้ เพ่ือนารายไดม้ าบริหาร การทานุบารุงแลการป้องกนั เมือง สง่ เสริมและขยายการศึกษา การจดั ตงั้ มหาวิทยาลยั และเกิดการฟ้ืนฟศู ิลปวิทยาการและความเจริญอ่ืนๆ ตลอดจนสง่ เสริมคุณธรรม และผลงานสรา้ งสรรคท์ างดา้ นวิจิตรศิลป์ ของกรีก-โรมนั ข้ึนมาใหม่ ศิลปินตา่ งหวนกลบั ไปสูโ่ ลกของ และใหค้ วามสาคญั แกส่ ิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคปัจเจกบุคคล ซ่ึงเป็นพ้ืนฐานสาคญั ท่ีทาใหส้ งั คม ยุโรปสามารถพฒั นาระบอบการปกครองแบบระบอบประชาธิปไตย ธรรมชาติ จนเกิดเป็นรูปแบบของศิลปะซ่ึงเป็นความงามของธรรมชาติและการวิภาคของมนุษยท์ ่ีจดั วา่ เป็นผลงานอนั ย่ิงใหญข่ องพระเป็นเจา้ มาซกั ซีโอ (Masaccio, ค.ศ. ๑๔๐๑-๑๔๒๘) เป็นจิตรกร การขยายตวั ของเมืองในยุคปฏิวตั ิอุตสาหกรรม อิตาลีคนแรกท่ีนาเทคนิคการวาดภาพ ๓ มิติมาใช้ จนเกิดเป็นแนวคิดใหมท่ ่ีวา่ ลกั ษณะท่ี สมจริง การขยายตวั ของเมืองในยุคปฏิวตั ิอุตสาหกรรมเดน่ ชดั ข้ึนในกลางคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ กลา่ วคือใน ค.ศ. (realism) นัน้ เป็นอยา่ งไร ๑๘๕๑ การสารวจสามะโนครวั ในองั กฤษบง่ ช้ีใหเ้ ห็นเป็นครง้ั แรกวา่ มีประชากรอาศยั อยูใ่ นเขตเมือง มากกวา่ อยูใ่ นเขตชนบท ขณะท่ีประเทศอ่ืนๆ ก็มีแนวโนม้ ของสงั คมเมืองในลกั ษณะเดียวกนั น้ีดว้ ย แต่ ในชว่ งระยะเวลาน้ี งานจิตรกรรมและงานประติมากรรมก็เร่ิมมีความโดดเดน่ มีการสรา้ งงาน เม่ือส้ินคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๑๙ มีเมืองกวา่ ๕๐ แหง่ ท่ีมีประชากรมากกวา่ ๑ ลา้ นคน ปัจจุบนั ประชากรสว่ น ใหญใ่ นทวีปยุโรปมากกวา่ รอ้ ยละ ๕๐-๖๐ อาศยั อยูใ่ นเขตเมืองซ่ึงมีขนาดใหญ่ ประติมากรรมเป็นรูปนักบุญประดบั ประดาตามจตั ุรสั ตา่ งๆ รวมทงั้ ภาพจิตรกรรมฝาผนงั ปูนเปียก (fresco) ตามผนังของโบสถว์ ิหารและบา้ นเรือนตา่ งๆ ศิลปินชาวเฟลมิชหรือดตั ชเ์ ป็นพวกแรกท่ี พฒั นาเทคนิคการวาดภาพสีน้ามนั ท่ีผสมไขข่ าวและน้าแทนสีฝุ่น ซ่ึงสามารถสรา้ งสีออ่ นแก่ ดูโปร่งแสง มี รายละเอียดเหมือนภาพถา่ ยในปัจจุบนั ในเวลาตอ่ มาศิลปินอิตาลีก็นาไปพฒั นาเป็นภาพเขยี นใสก่ รอบ ประดบั ฝาภายในอาคารท่ีพกั อาศยั โดนาเตลโล (Donatello, ค.ศ. ๑๓๖๘-๑๔๖๖) เป็นประติมา กรคนแรกท่ีสรา้ งผลงาน เดวิด (David) เด็กหนุ่มในคมั ภีรไ์ บเบิล เป็นรูปชายหนุ่มเปลือยในทา่ ยืนโดด เดน่ อยา่ งอิสระจากขอ้ บงั คบั ท่ีเคร่งครดั ของสมยั กลาง แตก่ ็สะทอ้ นความเป็นธรรมชาติของมนุษย์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook