Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือแนวทางการเย็บแผล.-นส.ฐานิตา เบ้าสกุล ชั้นปีที่-4

คู่มือแนวทางการเย็บแผล.-นส.ฐานิตา เบ้าสกุล ชั้นปีที่-4

Published by mltunpanchanok12, 2021-08-23 05:25:29

Description: คู่มือแนวทางการเย็บแผล.-นส.ฐานิตา-เบ้าสกุล-ชั้นปีที่-4

Search

Read the Text Version

วชิ าการรักษาพยาบาลเบ้ืองตน้ 2 (พย.1426) คู่มือ แนวทาง การเยบ็ แผล (Suturing) จดั ทาโดย นางสาวฐานิตา เบ้าสกลุ นักศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑติ ช้ันปี ที่ 4 รหัสนักศึกษา 61102301035

คานา คูม่ ือแนวทางการเยบ็ แผล (suturing) ฉบบั น้ีเป็นส่วนหน่ึงของวชิ าการรักษาเบ้ืองตน้ พย. 1426 โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พ่อื อธิบายชนิดของแผลไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง เพือ่ จดั เตรียมอุปกรณ์ สาหรับการ ทาแผล การเยบ็ แผลและตดั ไหมไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง เพื่อสามารถปฏิบตั ิข้นั ตอนการทาความสะอาดแผล แบบ แหง้ และแบบเปี ยก การฉีดยาเฉพาะท่ี การเยบ็ แผล และการตดั ไหม ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและสามารถให้ คาแนะนาและการพยาบาลหลงั ดูแลบาตแผลได้ ซ่ึงการเยบ็ แผลเป็นหตั ถการพ้ืนฐานในการดูแลแผลท่ีอาจ เกิดจากอุบตั ิเหตุ หรือการผา่ ตดั การมีความรู้เกี่ยวกบั แผลเขม็ เยบ็ ชนิดและขนาดของไหมเยบ็ และวธิ ีการ เยบ็ แผลชนิดต่างๆ จะช่วยให้สามารถใหก้ ารดูแลบาดแผลไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ท้งั น้ีผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งยง่ิ วา่ คู่มือฉบบั น้ีจะเป็ นประโยชน์ต่อผทู้ ่ีไดม้ าศึกษาเป็นอยา่ งดี หากมี ขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ดั ทาขอ้ นอ้ มรับในขอ้ ช้ีแนะและจะนาไปแกไ้ ขปรับปรุงและขออภยั ไว้ ณ โอกาส น้ี ผจู้ ดั ทา นางสาวฐานิตา เบา้ สกุล นักศึกษาพยาบาลศาสตรบณั ฑติ ช้ันปี ที่ 4

สารบญั 1 2 การเยบ็ แผล (suturing) 5 ลกั ษณะแผล 5 6 วตั ถุประสงค์ของการทาหัตถการ 7 7 การเตรียมผ้ปู ่ วยก่อนทาหตั ถการ 7 12 อปุ กรณ์ 13 อปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการฉีดยาชา 13 14 ประเภทของการเยบ็ แผล 14 1. เยบ็ แบบธรรมดา ชนดิ ปลอ้ ง (Simple interrupted suture) 15 2. Percutaneous skin suture 3. Dermal closure 15 4. Running suture 16 5. Subcuticular running suture 16 6. Vertical mattress 18 7. Horizontal mattress คาแนะนา การนดั ตรวจ การแนะนาก่อนกลบั บา้ น การตัดไหม/ภูมิคุ้มกันบาดทะยกั อา้ งองิ

1 การเย็บแผล (suturing) การเย็บแผล เป็นหัตถการพ้นื ฐานในการดแู ลแผลท่ีอาจเกดิ จากอบุ ัตเิ หตุ หรือการผา่ ตัด การมีความรู้ เก่ยี วกับแผลเขม็ เยบ็ ชนิดและขนาดของไหมเยบ็ และวธิ กี ารเยบ็ แผลชนิดตา่ ง ๆ จะช่วยให้แพทย์สามารถให้ การดูแลบาดแผลได้อย่างถูกต้องเหมาะสม โดยกอ่ นปฏิบัติหัตถการใด ๆ ควรมีการประเมนิ เสยี กอ่ น โดยเฉพาะอย่างย่ิง เมื่อต้องพบผ้ปู ่วยทีม่ ีบาดแผลมา และจะตอ้ งลงความเหน็ ว่า ควรเยบ็ หรอื ไม่ควรเยบ็ ซง่ึ การประเมินบาดแผล ประกอบดว้ ย 1. ดกู ารสูญเสียเลือด วา่ มีเลือดออกภายนอกให้เห็น หรือวา่ มเี ลือดออกภายใน ซงึ่ ต้องประเมินโดยใช้ สัญญาชีพเป็นหลกั 2. ดขู นาดและลักษณะของบาดแผลว่ามกี ารถลอก ฟกชา้ หอ้ เลือด หรือแผลฉีกขาดหรือไม่ ลกั ษณะแผล 1) แผลถลอก (abrasion wound) อาจเกดิ จากการหกล้ม ลกั ษณะแผลมีการทาลายเฉพาะชั้นผวิ หนัง epidermis มรี อยขดู ขีดหรือถกู ครดู เปน็ รอยถลอก มีเลอื ดไหลซมึ

2 2) แผลฟกชา้ (contusion wound หรอื bruise wound) เกดิ จากการถูกแรงกระแทกจากวตั ถทุ ่ีไม่มี คม เชน่ ถูกไม้ตี หรือการพลัดตกหกล้ม เปน็ ต้น แผลอาจมลี ักษณะเป็นรอยฟกช้า บวม เขียว คล้า เนื่องจาก เส้นเลือดท่ีอยู่ใต้ผิวหนงั มีการฉกี ขาดทาใหม้ ีเลือดออกขงั อยู่ใต้ผิวหนัง แตไ่ ม่มีเลือดออกมาภายนอกผิวหนงั 3) แผลตดั (incision wound) เกิดจากวตั ถสุ ่ิงของหรอื เคร่ืองมือทีม่ ีคมบาด เชน่ มีด เศษกระจก เศษ แก้ว เป็นตน้ ลักษณะของแผลจะเรียบ ปากแผลแคบแตย่ าว ถา้ แผลใหญ่หรือลกี และมีการฉกี ขาดของหลอด เลอื ดใหญร่ ว่ มด้วยจะทาให้มีการตกเลือดไดม้ าก

3 4) แผลฉกี ขาด (lacerated wound) ลกั ษณะขอบแผลไม่เรียบ เนื่องจากมกี ารฉีกขาดหรือทาลาย ผวิ หนังและเน้อื เย่ือไม่เทา่ กัน ผวิ หนังหรือเน้ือเย่ืออาจฉีกขาดหอ้ ยรุ่งรงิ่ มเี ลือดออกมากน้อยขนึ้ กับขนาดและ ความลึกของแผล 5) แผลทะลุทะลวง (penetration wound) เกดิ จากวัตถุที่ว่ิงทาให้เกดิ แรงทะลุผ่านเข้าไปในเนื้อเย่ือ ชัน้ ลกึ ของรา่ งกาย เช่น อาวุธปนื ซึง่ อาจใช้ช่ือเรียกแผลชนิดนวี้ ่าแผลถูกยงิ (gun shot wound)

4 6) แผลถูกแทง (puncture or stab wound) เกิดจากวตั ถุมคี มตาหรือแทงเข้าไป เชน่ ตะปู เขม็ มดี เปน็ ต้น ลกั ษณะบาดแผลจะแคบแตล่ ึก ถ้าถูกแทงอวยั วะที่สาคัญหรือถูกหลอดเลือดใหญ่ จะทาใหม้ ีเลือดออก ขงั อยภู่ ายในรา่ งกายได้ ซงึ่ จะเป็นอันตรายมาก 7) Burn แผลไฟไหมน้ ้ารอ้ นลวก เปน็ บาดแผลทเี่ กดิ จากความร้อนหรอื สารเคมี แผลชนดิ นี้ถา้ เป็นมากจะทาใหผ้ ู้ปว่ ยช็อกได้จากการสูญเสยี น้าซึ่ง จาเปน็ จะต้องรักษาในโรงพยาบาลเพื่อใหส้ ารน้าและเพ่ือ ป้องกัน ภาวะแทรกซ้อนท่ีอาจเกดิ ขนึ้ ภายหลัง

5 วตั ถุประสงค์ของการทาหัตถการ มีดงั นี้ 1. เพอื่ ห้ามเลือด 2. เพอ่ื ดงึ ขอบแผลเขา้ หากัน 3. เพ่อื ส่งเสริมการหายของแผล 4. เพอ่ื ป้องกันไมใ่ ห้เช้ือโรคเข้าไปในแผล 5. เพอ่ื รักษาสภาพปกตขิ องผิวหนัง การเตรยี มผ้ปู ่วยก่อนทาหตั ถการ 1.ซักประวตั ขิ ้อมูลตา่ งๆ จากผู้ปว่ ย ไดแ้ ก่ วัน เวลาท่เี กดิ บาดแผล สาเหตกุ ารเกดิ บาดแผล และการ รักษาบาดแผลก่อนมาโรงพยาบาล 2.ประเมินลกั ษณะบาดแผล ดังน้ี ตาแหนง่ ของบาดแผล ขนาดของบาดแผล ไดแ้ ก่ ความกวา้ ง ความ ยาว ความลกึ โดยวัดเป็นเซนติเมตร ลักษณะเนื้อเยอื่ ในแผลผวิ หนังรอบๆ แผล 3.ประเมนิ ส่ิงแปลกปลอมและส่ิงคัดหลั่งในแผล 4.พิจารณาการจดั การบาดแผล ดังน้ี 4.1 บาดแผลที่ควรเยบ็ ไดแ้ ก่ บาดแผลหลงั จากไดร้ ับอุบัติเหตนุ านไมเ่ กิน 6 ช่ัวโมง หรอื นานเกิน 6 ชว่ั โมง แต่ไมเ่ กิน 12 ชัว่ โมง และแผลมลี กั ษณะขอบแผลเรียบ เนื้อเยื่อในแผลช้าไมม่ าก ไมม่ สี ่ิงแปลกปลอมใน แผล เชน่ แผลท่ีเกิดจากของมีคมบาด เช่น แก้ว มดี เป็นตน้ 4.2 กรณบี าดแผลนานเกิน 12 ชั่วโมง ไม่เย็บแผลและให้นัดทาแผลทุกวนั จะรบั นอนโรงพยาบาล หรือไม่ ให้ปรึกษาแพทย์อีกครั้ง 4.3 บาดแผลท่ีตอ้ งสง่ ตอ่ ไปรักษาทโ่ี รงพยาบาลทันทหี ลังจากใหก้ ารดูแลเบ้อื งตน้ ไดแ้ ก่ บาดแผลทีม่ ี กระดูกหกั รว่ มด้วย แผลท่มี ีเส้นเลอื ดฉกี ขาด บาดแผลทเี่ น้ือเย่ือหายไป จนไมส่ ามารถเอาผิวหนงั มาชิดกันได้ 5. การทาความสะอาดรอบๆ แผล ปฏิบัติดังน้ี

6 - จัดท่าผ้ปู ่วยวางแขน ขา ทม่ี ีบาดแผลบนตะแกรงลา้ งแผล ถ้ามีแผลบริเวณลาตัว สะโพก ศีรษะ ให้ใช้ ผา้ ยางรองใต้แผล มว้ นของยางด้านบนและด้านขา้ งทงั้ สองแลว้ ปล่อยชายด้านล่างลงในตะแกรงล้างแผล - ล้างทาความสะอาดแผลด้วยน้าเกลือสามัญ (0.9% NSS) - ใส่ถงุ มือชนดิ ใชแ้ ลว้ ทิ้ง (Disposable) ใชผ้ ้าก๊อซชุบนา้ เกลอื สามญั (0.9% NSS) เช็ดผวิ หนังรอบๆ แผลโดยเร่มิ จากขอบแผลวนออกไปด้านนอก ให้ห่างจากขอบแผลอย่างนอ้ ย 2 นว้ิ - แผลบริเวณทมี่ ีขนยาวให้ใช้กรรไกรตัดขนน้ันใหส้ นั้ - เกบ็ อุปกรณท์ ่ีใชใ้ นการล้างแผล นาไปทาความสะอาดและเก็บเขา้ ท่ี อุปกรณ์ 1.ชดุ ทาแผล (Set Dressing) ประกอบดว้ ย ปากคีบชนดิ ไม่มีเข้ียว ถ้วยใส่สารละลาย สาลกี ้อน ผ้าก๊อซ 2.น้าเกลือล้างแผล (0.9% normal saline) 3.ใช้วัสดปุ ิดแผล Gauze dressing เลอื กขนาดตามบาดแผล 4.ชุดเย็บแผล ประกอบดว้ ย กรรไกรตดั ไหม คมี จับเข็มสาหรบั เยบ็ แผลแบบมตี ัวลอ็ ค ถ้วยใส่นา้ ยา (สาลี ผา้ ก๊อซ) ปากคีบชนิดไม่มเี ขย้ี ว ปากคบี ชนดิ มีเขยี้ ว ผ้าเจาะกลาง 5.ไหมเยบ็ แผลชนดิ ละลายได้ (Absorbable suture) และไหมเยบ็ แผลชนิดไม่ละลาย (Non-Absorbable suture) 6.ถุงมอื ปราศจากเชอ้ื 7.ชามรูปไต 8.ถงุ ขยะติดเชื้อสีแดง 9.นา้ ยาฆา่ เช้ือ ได้แก่ Povidine หรือ Chlorhexidine

7 อปุ กรณท์ ่ีใชใ้ นการฉดี ยาชา 1. Syringe นิยมใชข้ นาด 5 และ 10 ml ข้ึนกบั ขนาดของบาดแผลที่จะเย็บวา่ ต้องการ anesthetic drug มาก นอ้ ยเพียงใด 2. Needles ที่ใช้จะมี 2 อัน เข็มท่ีใชเ้ จาะดดู ยาชาออกมาจากภาชนะบรรจุ มักจะใชเ้ ขม็ ขนาดใหญ่ (18 gauge) เข็มทใี่ ชส้ าหรบั ฉีดยาชา เข้าไปท่บี รเิ วณทจี่ ะเย็บ ใหพ้ ยายามใช้เขม็ ขนาดเลก็ ๆ เพื่อลดความเจบ็ ปวด ขณะแทงเข็มและฉดี ยาชา 3. การฉดี ยาชาส่วนมากจะใช้ Lidocaine หรอื Xylocaine ขนาด 0.5%,1%,2% มีทั้งผสม (with) Adrenaline และไมผ่ สม (without) Adrenaline เพือ่ ระงับความรูส้ ึกนั้น ควรฉีดชา้ ๆ เน่ืองจากการฉีดยาด้วย ความรวดเรว็ จะทาให้ผปู้ ว่ ย เจบ็ มาก ถ้าหากบาดแผลไม่สกปรกจนเกินไป ควรพิจารณาฉีดยาโดยแทงเข็มเข้า ไปจากด้านในของแผล ผู้ป่วยจะได้ไมเ่ จบ็ ตัวจากการแทงเข็มทผ่ี วิ หนงั อีก ประเภทของการเยบ็ แผล 1. เย็บแบบธรรมดา ชนดิ ปล้อง (Simple interrupted suture ) คอื ใชเ้ ข็มตกั เขา้ ไปทเ่ี น้ือใต้ ผิวหนงั ส่วนท่ีตอ้ งการเยบ็ เพียงคร้ังเดียว แลว้ ผกู เป็นปมไวท้ ่ีด้านข้าง ซึ่งใชก้ ับแผลโดยทวั่ ๆ ไป และไดผ้ ลดใี นการหา้ มเลือด Running lock Stitch เพ่อื เย็บไดเ้ รว็ ไม่เปลืองของท่ใี ช้ในการเย็บกรณที ี่ไม่ ตอ้ ง ระวังเรอ่ื งแผลมากนัก ใช้หา้ มเลอื ดออกจากขอบแผลได้ดว้ ย ขัน้ ตอนการทาหัตถการ 1. เตรียมชุดเยบ็ แผลและอุปกรณใ์ หพ้ ร้อม 2. เตรยี มบริเวณบาดแผลก่อนการเย็บแผล หากมีขนบริเวณที่จะเยบ็ ตอ้ งโกนขนก่อน 3. ทาความสะอาดบาดแผล 4. ฉีดยาชา ควรฉีดเขา้ ในชั้นใตผ้ ิวหนงั หรือ Subcutaneous tissue และควรฉดี ให้ถงึ ก้นแผล ก่อนฉีดยาควร ดูดดวู า่ มเี ลือดหรือไม่ ถา้ บริเวณท่ฉี ดี กว้าง ควรแทงเข็มผ่าน ผวิ หนงั เพียงครัง้ เดยี วเมื่อจะเปล่ยี นตาแหนง่ ทฉี่ ีด ควรถอนเข็มออกมาจนเกือบสุด แลว้ จงึ เปลี่ยนทศิ ทาง ของเขม็ โดยไมต่ ้องถอนเขม็ ออกพ้นผิวหนงั

8 5. เลอื กเข็มใหเ้ หมาะสมกบั แผลทีเ่ ยบ็ ถ้าเปน็ เขม็ ตรงใช้มือจบั เย็บ ถา้ เป็นเขม็ โค้ง ตอ้ งใช้ Needle Holder จับ ประมาณ 1/3 ค่อนมาทางโคนเข็ม สนดา้ ยทีจ่ ะใช้เย็บเข้าที่รูเข็ม 6. การจบั Needle Holder ควรจับใหด้ ้ามอยู่ในอุ้มมือโดยสอดน้ิวโปง้ กับน้วิ นางเข้าไปในเครอื่ งมอื 7. การตกั เข็ม โดยปักลงไปตรง ๆ ใหพ้ อเหมาะ ไม่กวา้ งจนเกินไป โดยตกั ให้ตัง้ ฉาก กบั ผิวหนังหรือเน้อื เยื่อทจ่ี ะ เย็บใช้ข้อมือหมนุ เขม็ ใหป้ ลายเสยขนึ้ แลว้ ปล่อย Needle Holder จากโคน เข็มมาจับปลายทแี่ ทงกบั ผิวหนงั อกี ดา้ นหน่งึ แล้วหมนุ เขม็ ตามความโค้งของเขม็ จัดความยาวของเชอื ก หรอื ดา้ ยทีใ่ ช้เยบ็ ใหเ้ ท่ากัน พรอ้ มกับดึง ขอบแผลให้มาตดิ กัน แล้วผกู เงอ่ื นตาย ผูกดา้ ยโดยใช้ปลาย Needle Holder ตวัดด้ายของมือซา้ ยทาเปน็ บว่ ง อยู่ทีป่ ลาย Needle Holder เอา Needle Holder รอดบ่วงท่ีทาชัน้ นี้ไปจับปลายด้ายอีกขา้ งหนงึ่ ใช้ปลาย Needle Holder ดงึ ปลายด้ายรอดเข้าบว่ ง ดึงให้ ตงึ แล้วเอาด้วยมือซ้ายคล้องปลายคีมซึง่ จบั ปลายดา้ ยอีกข้าง หน่ึงอยู่ ดึงคีมให้ปลายดา้ ยเข้าบว่ งแลว้ ดงึ ใหต้ ึงใช้กรรไกรตดั ไหม ตัดด้ายโดยให้เหลือโคนไวย้ าวประมาณครึง่ เซนติเมตรจะเย็บกี่เข็มก็สดุ แลว้ แต่ ความยาวของแผลโดยทั่วไปจะเย็บแตล่ ะฝเี ข็มห่างกันประมาณ 1 เซนติเมตร จบั เขม็ ท่ีกึ่งกลางของเขม็ ใช้ forceps มีเขยี้ ว จบั ผวิ หนังขอบแผลปักเข็ม ห่างขอบแผลพอสมควรลึกเกือบถงึ กน้ แผล

9 ปักเขม็ ลึกเกือบถึงกน้ แผล ใช้ forceps จบั ประคองเขม็ ทโ่ี ผล่ใน sub cutaneous tissue ปลด needle holder มาจับเขม็ ดงึ ออกมาจากแผล ใช้ forceps จบั เข็ม พลกิ Needle Holder จับเข็มใหม่ เพอื่ เยบ็ ตอ่ จับเขม็ ทก่ี งึ่ กลางของเขม็ ใช้ forceps จับผวิ หนังขอบแผล อีกขา้ งดงึ ให้ตึงปักเขม็ ตอ่ ในชนั้ ใช้ forceps จบั ประคองเข็ม ทโ่ี ผล่ พน้ ผวิ หนงั subcutaneous tissue อกี ข้างลกึ เทา่ ๆ กนั กับขอบแผล ขา้ งแรก ดนั เข็ม ผ่านผวิ หนัง ข้นึ มาหา่ งขอบแผล เทา่ ๆ กัน

10 ปลด needle holder มาจับปลายเข็ม ในลกั ษณะคว่ามอื ดงึ ไหมผา่ นแผล ใหเ้ หลือหางส้ัน ๆ มอื ซา้ ยจบั ไหมม้วน ดึงเข็มออกตามความโค้งของเข็มอย่าใช้แรงงดั ขอบแผล รอบ needle holder เป็นบว่ งไปในลกั ษณะ ม้วนหนา้ ออกไปจากตัว หากไหมลน่ื หรือเย็บแผล ในทีต่ ึง แนะนาให้จบั ไหมม้วนรอบ Pass needle holder ลอดบวง ไปจับปลายไหม needle holder เป็นบว่ งเพ่มิ อกี 1 รอบ เรียกว่า surgical knot อกี ข้างหน่งึ ใช้ needle holder ดึงปลายไหม ลอดบ่วงเข้ามาหาตัว ลอ็ คปมไม่ใหล้ ่นื หลดุ โดยโยกปลายไหมดา้ นสั้นที่ ขณะทีม่ ือซา้ ยจบั ปลายไหมอกี ดา้ นดงึ ในทิศ ออกจากตัว ดึงให้ปมตงึ needle holder จบั อยอู่ อกจากตัว ไปอยูใ่ นแนว เดยี วกบั ไหม ทมี่ อื ซ้ายดงึ อยู่

11 มือซ้ายจับไหมทีจ่ ับอยมู่ ้วนรอบ needle holder Pass needle holder ลอดบว่ งไปจบั ปลายไหม อกี ข้างหนึ่ง เป็นบ่วง ในลกั ษณะมว้ นหลัง ใช้ needle holder ดึงปลายไหม ลอดบ่วงออกไปจากตัว มือซ้ายนาไหมทจี่ ับอยูม่ ้วนรอบ needle holder ขณะทมี่ ือซา้ ยทจ่ี บั ปลายไหม อีกดา้ นหนึง่ ดงึ เปน็ บว่ ง ในลกั ษณะม้วนในทศิ เขา้ หาตวั ดงึ ให้ปมตงึ Pass needle holder ลอดบว่ งไปจบั ปลายไหม อีกด้านหน่งึ ใช้ needle holder ดึงปลายไหมลอดบว่ ง เข้ามาหาตัว ขณะท่มี อื ซา้ ย จบั ปลายไหมอีกขา้ งหนึ่ง ดงึ ไปในทศิ ออกจากตวั ดงึ ให้ปมตงึ

12 สุดท้ายให้ทาความสะอาดแผล แล้วปดิ แผลดว้ ยก๊อสปราศจากเชอ้ื ให้ใช้ Forceps ดึงปมดา้ ย จากนนั้ ใชก้ รรไกรตัดไหมตัดลา่ งปมด้ายหรือบนปมดา้ ยกไ็ ด้แต่ข้อพึงระวงั คือถา้ ตดั ไหมด้านลา่ งปมตอ้ ง ดงึ ด้ายออก ด้านซา้ ยมือแต่ถ้าตดั บนปมด้ายใหด้ งึ ด้ายออกด้านขวา (ดงึ ด้ายออกทิศทางเดียวกบั ด้านท่ีตัดดา้ ย) เพ่ือป้องกัน แผลแยก การตัดไหมโดยท่ัวไปใช้เวลาประมาณ 7 วัน แต่ถา้ เป็นบริเวณใบหนา้ ท่ีมกี าร ไหลเวยี นของเลือดดี แผลแห้งเรว็ อาจใช้เวลาประมาณ 5 วนั นับจากวนั เยบ็ ส่วนใหญก่ ารเย็บจะเป็นแบบธรรมดา ซง่ึ ใชก้ บั แผลทว่ั ไป 2. Percutaneous skin suture เปน็ การเย็บและผกู ทีละปม เพ่อื ใหแ้ ผลหายได้ ดขี อบของแผลด้านในควรจะเหยอออกดา้ นนอก (evert) และไมม่ ชี ่องวา่ งระหว่างขอบแผล มี เทคนิคการเย็บคอื เขม็ ต้ังฉากกับผิวหนงั 90 องศา เยบ็ ถงึ กน้ แผล โดยให้กวามกว้างและความลกึ ท่ีขอบ แผล 2 ขา้ งเท่ากนั

13 3. Dermal closure เปน็ การเยบ็ ชัน้ หนังแท้เขา้ หากนั เย็บใต้ตอ่ รอยต่อระหวา่ งชัน้ หนังแท้กับหนังกาพรา้ เพื่อลดแรงตึงของผวิ หนังและเพื่อความสวยงามของแผล มีเทคนิคการเยบ็ คอื การ มัดปมไวด้ ้านล่างจะลดการรบกวนการหายของแผล และไหมจะอยใู่ นชนั้ หนงั แทเ้ ทา่ น้ัน การเย็บชนั้ นไี้ ม่ เพิ่มความเส่ียงในการติดเชอ้ื ในแผลสะอาด 4. Running suture ช่วยให้การเย็บปิดผิวหนงั เร็วขึน้ ในแผลที่ยาว และความดงึ ของ แผลเท่ากนั ตลอดความยาวของแผล ป้องกันไมใ่ ห้บริเวณใดบริเวณหนึง่ ของแผลแน่นเกนิ ไป ใช้ในแผลทีม่ ี ความเส่ยี งในการตดิ เชื้อต่า มขี ้อเสียคือถา้ ต้องการตัดไหมแค่บางตาแหนง่ จะไม่สามารถทาได้

14 5. Subcuticular running suture นิยมใช้ในศัลกรรมตกแต่งเย็บแผลท่ี บรเิ วณใบหนา้ ใช้ไหมละลายเช่น Monocryl หรอื Vicryl เยบ็ ในชนั้ หนงั แทห้ รือช้นั ไขมัน บรเิ วณทีอ่ ยู่ใต้ตอ่ ชัน้ หนังแท้ 6. Vertical mattress ใชใ้ นแผลที่มคี วามตึงและขอบแผลม้วนเขา้ ดา้ นในสามารถเยบ็ ได้ 2 วธิ ี คือ 1.เย็บบริเวณท่ีอยู่ไกลขอบแผลก่อน 2.เยบ็ บริเวณทีอ่ ยใู่ กล้ขอบแผลก่อน [ใช้เวลาในการเยบ็ ลดลงครง่ึ หนง่ึ การหายของแผลไมแ่ ตกตา่ งกนั ]

15 7. Horizontal mattress ใชเ้ ย็บแผลท่ีมคี วามตึงสงู เพ่ือให้ขอบแผลเผยอออก โดยระยะหา่ ง ของไหมด้านเดยี วกนั ประมาณ 0.5 ซม และสามารถใช้เย็บมุมของ flap ได้ คาแนะนา (แผล, การตัดไหม, วคั ซนี ) การดูแลแผลหลงั การเย็บ ปฏิบัติดังนี้ 1. นัดผู้ปว่ ยมาดแู ผลในวนั รุง่ ขึน้ เพื่อติดตามประเมินบาดแผล ถ้าแผลแห้งดบี ริเวณแผลและรอบแผล ไมบ่ วมแดง นดั ผูป้ ว่ ยมาล้างแผลวันเว้นวนั จนกวา่ จะครบตัดไหม ถา้ พบว่าแผลมี Discharge ซึม แผลบวมแดง ให้นดั ผู้ปว่ ยมาลา้ งแผลทุกวันจนกวา่ จะครบกาหนดตัดไหม

16 2. คาแนะนาท่จี ะใหผ้ ู้ป่วยก่อนกลบั บ้าน - แนะนาให้ผู้ปว่ ยรักษาแผลให้แหง้ และสะอาดอยเู่ สมออย่างน้อย 24 ชวั่ โมงแรก และไม่ควรให้แผล ถูกนา้ จนกว่าแผลจะหาย ถา้ แผลเปียกน้าให้รีบกลบั มาลา้ งแผลทโ่ี รงพยาบาล - ไม่ให้ผ้ปู ่วยเปลย่ี นผ้าปิดแผล หรอื แกะผ้าปิดแผลออกเอง - รบั ประทานอาหารท่ีมปี ระโยชน์ ได้แก่ โปรตนี เชน่ เนอ้ื สตั ว์ นม ถั่วต่างๆ เปน็ ต้น แร่ธาตุตา่ งๆ เชน่ ตบั ไข่แดง ผักใบเขยี วตา่ งๆ แนะนาอาหารทีม่ วี ิตามนิ ซสี งู เช่น ผักใบเขียวต่างๆ มะขามเทศ มะขามป้อม ส้ม ฝรง่ั มะเขือเทศ เปน็ ต้น - แนะนาใหส้ งั เกตอาการผิดปกติที่ต้องรีบกลบั มาโรงพยาบาลทันที ไดแ้ ก่ มีไข้ มีอาการปวดบริเวณ บาดแผลมากกว่าปกติ อาการบวมแดง แสบร้อนบรเิ วณแผล แผลมี Discharge ซมึ มาก เป็นต้น 3. การตัดไหม เน่ืองจากการเกดิ บาดแผลตา่ งๆ นัน้ เกดิ ในอวยั วะท่ีแตกตา่ งกันออกไป ลักษณะของ บาดแผลกม็ ีความแตกต่างกันทงั้ ขนาด ความลกึ ความกว้าง ระดับความรุนแรงที่แตกตา่ งกันออกไปดว้ ย การ นัดให้ผปู้ ว่ ยมารบั การตดั ไหมภายหลังแผลท่ีเย็บแห้งและติดสนิทดีแล้ว โดยการนดั ผปู้ ว่ ยมาตัดไหมน้นั มี ขอ้ พจิ ารณาดงั นี้ - แผลบรเิ วณศรี ษะและหนา้ ควรตดั ไหมเมื่อครบ 5 วนั - แผลบริเวณลาตวั ทม่ี ผี วิ หนังไมต่ ึงมาก ควรตัดไหมเม่ือครบ 7 วัน - แผลบริเวณแขนขา หรือผวิ หนงั ทตี่ งึ มาก ควรตดั ไหมเมื่อครบ 7 – 10 วัน หรอื อาจถึง 10 – 14 วนั ในตาแหน่งท่ีมีการไหวมาก - ในกรณีไมแ่ น่ใจว่าแผลแห้ง หรือติดสนทิ ดแี ลว้ พยาบาลอาจทดลองตดั ไหมอันเว้นอนั ไปกอ่ น ถ้าแผล แหง้ ดีและการติดของแผลแล้วอาจพจิ ารณาตดั ออกใหห้ มดได้ แตถ่ า้ ยังติดไมส่ นทิ ดีกน็ ัดใหม้ าตัดที่เหลือในวัน ต่อไป 4. การให้ภูมิคุม้ กันบาดทะยัก ดงั น้ี ซกั ประวตั ิการได้รับภมู ิคมุ้ กนั บาดทะยัก

17 - ถา้ ยงั ไม่เคยได้รบั วัคซนี บาดทะยักมาก่อน หรอื ได้รับมาแลว้ นานเกนิ 10 ปี ให้ฉีด 3 คร้ัง คร้ังละ 0.5 ซซี ี ฉีดเข้าต้นแขนในวันแรก วนั ท่คี รบ 1เดือน และวันทีค่ รบ 6 เดอื น หลังจากฉดี เข็มแรก (เดอื นที่0, 1, 6) - ถา้ เคยได้รับวคั ซนี บาดทะยักครบ 3 เขม็ มาแล้ว ไม่เกิน 10 ปี จะไม่ฉดี ซ้า - ถา้ เคยได้รับวัคซนี บาดทะยักครบ 3 เขม็ มาแลว้ นานเกิน 10 ปี จะฉีดกระตุ้น 1 คร้ัง - กรณีผรู้ ับบริการอายุ 13 ปีขน้ึ ไป และมีประวตั ิไดร้ ับภมู คิ ุม้ กันบาดทะยักไมช่ ดั เจน จะให้วัคซีน ป้องกันบาดทะยกั เชน่ เดยี วกับผูท้ ไ่ี มเ่ คยไดร้ ับวคั ซนี มาก่อน 5. การใหย้ าปฏิชวี นะ และยาแกป้ วด ปฏบิ ัติดังนี้ ซักประวัตเกย่ี วกบั การแพ้ยากล่มุ Penicillin ถ้าผปู้ ว่ ยไมม่ ปี ระวัติแพ้ยากลุ่มดังกล่าวพิจารณาให้ยาดงั น้ี - แผลปนเป้ือนไมม่ าก ไม่มีสง่ิ แปลกปลอมในแผล เน้อื เยอื่ ได้รับกระทบกระเทือนไม่มาก ขอบแผลเรยี บ เชน่ ของมคี มบาด แก้วบาด ให้ Amoxicillin ตดิ ต่อกนั นาน 5 วนั - แผลปนเป้ือนเนือ้ เย่ือช้า และกระรงุ่ กระริง่ ขอบแผลไมเ่ รียบ และมีส่งิ แปลกปลอมอยู่ในแผลนานเกิน 6 ช่ัวโมง แผลท่ผี ูป้ ว่ ยรักษาโดยทายาแผลแดง หรอื เอาใบไม้ใสใ่ นแผลให้ยา Cloxacillin ตดิ ต่อกนั 5 วัน หรืออาจพิจารณาให้ Dicloxacillin ติดต่อกันนาน 5 วัน - แผลถูกสตั ว์กัด คนกัด ให้ยา Amoxicillin ติดตอ่ กันนาน 5 วนั - กรณผี ู้ป่วยมีประวัตแิ พ้ยากลมุ่ Penicillin ให้ยา Roxithromycin ติดต่อกนั นาน 5 วนั - กรณผี ู้ป่วยมีอาการปวดให้รกั ษาดว้ ยยา Paracetamol หรอื ถา้ มีอาการปวดรุนแรง แผลมขี นาดใหญ่ มีอาการบวมช้ามากอาจให้การรกั ษาดว้ ยยากลุ่ม NASIDs รว่ มดว้ ยก็ได้ โดยควรเลอื ก Ibuprofen เปน็ ยาตัวแรกท่ีจะเลือกใช้

18 อา้ งอิง จุฑารตั น์ ผ้พู ิทักษ์กุล.(2552).การเยบ็ แผล. สืบค้นเมอ่ื วันที่ 20 สิงหาคม 2564 จาก http://pws.npru.ac.th/poopitukkul/data/files. ปยิ ะนนั ท์ วงั กุลางกูร. 2560. การเย็บแผล (suturing). การเย็บแผล (suturing) Binla Book. ภาควชิ าศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สบื คน้ เม่ือวนั ที่ 20 สงิ หาคม 2564 จาก https://meded.psu.ac.th/binlaApp/class05/388_531/Suturing/index3.html อภญิ ญา เพยี รพจิ ารณ์. (2558. คมู่ ือปฏิบัตกิ ารพยาบาลเล่ม 2 (ฉบับปรับปรงุ กรงุ เทพฯ: เจริญสนิทวงศ์การพิมพ์.