โครงการ ผักสวนครู สานกั งาน กศน. จงั หวดั พงั งา องคค์ วามรชู้ ดุ : ผกั กินใบ เรียนรกู้ ารปลกู ผักกาดขาว ใบ ก้าน ผักกาดขาว Brassica pekinensis โดยสานกั งานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวัดพังงา
ผกั กาดขาว ชอ่ื วิทยาศาสตร์ Brassica pekinensis ชือ่ สามัญ Chinese Cabbage วงศ์ Cruciferae ช่ืออน่ื ๆ ผักกาดขาวปลี แปะฉ่าย แปะฉ่ายลุ้ย ลักษณะทว่ั ไป : ผกั กาดขาว เป็นผกั ทีม่ รี ะบบรากตน้ื ก้านใบใหญ่มี สีเขียวอ่อนออกขาว ใบอวบ มีความฉ่าน้่า เส้นลายของใบนูนเด่น แต่อาจมลี ักษณะการห่อปลแี ตกต่างไปตามแตล่ ะสายพันธุ์ ส่าหรับ พันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่ พันธุ์เข้าปลียาว พันธ์ุเข้าปลีกลม และพันธ์ุ เข้าปลีหลวม ผักกาดขาวสามารถรับประทานได้ท้ังแบบสดและ ปรุงสุก กรณีรับประทานสด รสชาติจะออกหวานเล็กน้อย ไม่ขม แม้แตค่ นไม่ชอบรบั ประทานผักเพราะกลวั ขมก็ยังรับประทานได้
ประโยชนข์ องผกั กาดขาว 1. กระตุน้ ระบบขบั ถา่ ย มนี ้า่ และเส้นใยอาหารทไ่ี มล่ ะลายน้่าเปน็ สว่ นประกอบหลกั จงึ ท่าให้ อ้มุ น้่าได้ดี เมือ่ รับประทานผกั กาดขาวลงไปจะสง่ ผลทา่ ให้กาก อาหารในลา่ ไสอ้ อ่ นนุม่ ขับถ่ายไดส้ ะดวกขึน้ สา่ หรับผทู้ ท่ี อ้ งผกู เป็น ประจ่า แนะน่าให้รับประทานผักกาดขาวบอ่ ยๆ จะชว่ ยใหอ้ าการดี ข้นึ ได้ 2. ป้องกันมะเรง็ ลาไส้ มวี ติ ามนิ และแรธ่ าตทุ จี่ า่ เป็นต่อร่างกายหลายชนดิ มเี สน้ ใยอาหาร สูงจึงท่าให้ล่าไส้สะอาดและชว่ ยขจัดสารพิษ นอกจากนย้ี งั เตม็ ไป ด้วยสารตา้ นอนุมลู อิสระทช่ี ว่ ยปกปอ้ งเซลลใ์ นร่างกายไมใ่ ห้ถูก ท่าลายจึงลดความเสยี่ งในการเกดิ มะเร็งล่าไส้ได้เปน็ อยา่ งดี 3. บารงุ เม็ดเลอื ดแดง มปี ริมาณโฟเลตสูงสง่ ผลดีตอ่ เม็ดเลอื ดแดง เหมาะส่าหรบั หญงิ ทอ่ี ยู่ ในช่วงตง้ั ครรภเ์ พราะรา่ งกายต้องการโฟเลตปรมิ าณมาก เพ่ือนา่ ไป เสรมิ พฒั นาการของทารกในครรภช์ ่วง 3 เดือนแรกให้เป็นปกติ และ ป้องกนั ภาวะหลอดเลือดประสาทไม่ปดิ (Neural tube defect)
4. ทาให้ผิวสวย มวี ติ ามินซีและสารต้านอนุมูลอสิ ระเปน็ จา่ นวนมากท่าใหร้ ะบบ ภมู ิคุ้มกนั ในรา่ งกายแขง็ แรง ปอ้ งกันอาการเจ็บปว่ ยไดด้ ี รวมท้ังช่วย ปกป้องเซลล์ในรา่ งกายจากการถูกท่าลาย ทา่ ใหผ้ วิ พรรณสดใส 5. บารุงกระดูก มแี รธ่ าตุทด่ี ตี ่อร่างกายหลายชนดิ รวมถงึ แคลเซียมซึ่งมสี ว่ นชว่ ยบ่ารงุ กระดูกและฟันให้แข็งแรง การรับประทานผักกาดขาวเปน็ ประจา่ จะ ชว่ ยชะลอการเส่ือมของกระดกู สา่ หรบั เดก็ แคลเซยี มท่ีได้รับจะชว่ ย ป้องกันโรคกระดูกอ่อนได้ 6. ทาใหร้ สู้ ึกสดชืน่ มีทองแดงซ่งึ เปน็ แหลง่ พลงั งานทดี่ ขี องร่างกาย ท่าใหร้ า่ งกาย สามารถดดู ซึมธาตุเหลก็ ไปใชไ้ ด้อย่างเตม็ ท่ี สง่ ผลให้สุขภาพแข็งแรง ยง่ิ ข้ึน รา่ งกายมแี รงพลงั ในการท่ากจิ กรรมตา่ งๆ ไดด้ ี จึงสง่ ผลใหร้ สู้ ึก สดช่ืนกระปรีก้ ระเปรา่ ข้นึ นน่ั เอง 7. ช่วยลดไขมันเลว มีคณุ สมบตั ชิ ว่ ยลดไขมนั เลว ท่าให้ร่างกายผลิตไขมันดีได้มากข้ึน สง่ ผลใหร้ ะบบการท่างานตา่ งๆ ในรา่ งกายเปน็ ไปได้อยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ
8. ช่วยซอ่ มแซมรา่ งกายและสรา้ งกล้ามเนอ้ื ใหแ้ ข็งแรง มกี รดอะมโิ นและโปรตนี จ่านวนมากซง่ึ ท่าหนา้ ท่ซี อ่ มแซมรา่ งกายส่วน ที่สกึ หรอและเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ จงึ ทา่ ให้กล้ามเนอื้ และเซลล์มี ความแขง็ แรง และช่วยลดอาการเจบ็ ป่วย 9. ลดนา้ หนกั ผักกาดขาวใหร้ สหวานกรอบอร่อยแต่ไม่ทา่ ใหอ้ ้วนเพราะมเี สน้ ใยสงู มี นา่้ มาก และใหแ้ คลอรตี ่า จงึ เหมาะท่ีจะรับประทานเปน็ เมนลู ดนา้่ หนัก ไดด้ เี พราะจะท่าให้อม่ิ นาน ลดอาการหิวระหวา่ งมอื้ ได้ 10. บรรเทาอาการไอ มวี ิตามนิ ซสี งู มากจึงชว่ ยบรรเทาอาการไอ เจ็บคอ มีเสมหะในชว่ งที่ เปน็ หวดั ได้เป็นอยา่ งดีและยงั สามารถลดไขไ้ ด้อีกด้วย 11. ขบั ปัสสาวะ ผักกาดขาวมนี า้่ เป็นสว่ นประกอบถงึ 96.6% จงึ ชว่ ยขบั ปัสสาวะและ สารพิษออกจากรา่ งกายได้ดี ดงั น้ันในคนท่มี ปี ญั หาปัสสาวะไมอ่ อก เป็นนิ่ว หรือกระเพาะปัสสาวะอกั เสบ การรบั ประทานผกั กาดขาวก็จะ ชว่ ยได้มากทีเดยี ว
12. ป้องกนั โรคตาบอดกลางคืน มวี ิตามินเอและสารเบตา้ แคโรทนี จ่านวนมากจึงชว่ ยในการบา่ รงุ สายตา และปอ้ งกนั โรคตาบอดกลางคนื ได้ รวมถงึ ในคนที่ตอ้ งใชส้ ายตาจ้อง หนา้ จอคอมพิวเตอร์ หรอื สมารท์ โฟนเปน็ เวลานาน การรบั ประทาน ผักกาดขาวจะชว่ ยชะลอการเสือ่ มของจอประสาทตาและดแู ลสขุ ภาพ ตาให้ดีอยู่เสมอได้ 13. แก้โรคเหน็บชา มวี ิตามนิ บชี ่วยบา่ รงุ ระบบประสาท จึงไมท่ า่ ใหเ้ กิดอาการเหนบ็ ชา
คุณคา่ ทางโภชนาการของผกั กาดขาว ผกั กาดขาวจัดวา่ เปน็ พชื ทีม่ ีน้่าและเส้นใยเป็น ส่วนประกอบหลักคอ่ นข้างสงู มวี ติ ามินและแร่ธาตุหลายอยา่ ง จึงช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วย และบ่ารุงสุขภาพได้ดี ผักกาดขาว 100 กรมั มีคุณคา่ ทางโภชนาการ ดงั นี้ คารโ์ บไฮเดรต 5.7 กรมั โปรตนี 0.6 กรัม น่า้ 91.7 กรัม เสน้ ใย 0.8 กรัม วติ ามนิ บี 1 0.02 มิลลิกรมั วิตามินบี 2 0.04 มลิ ลิกรมั วติ ามนิ ซี 30 มิลลกิ รมั แคลเซยี ม 49 มิลลกิ รัม แมงกานสี 1.26 มลิ ลกิ รัม ทองแดง 0.21 มลิ ลิกรมั สังกะสี 3.21 มลิ ลิกรมั โบรอน 2.07 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 34 มิลลกิ รมั ธาตุเหล็ก 0.5 มลิ ลิกรัม โพแทสเซยี ม 196 มิลลิกรัม กรดนิโคติก 0.5 มิลลิกรัม
สรรพคณุ ของผักกาดขาว ชว่ ยเสรมิ สร้างภมู ิคมุ้ กนั มีแคลเซียมช่วยเสริมสร้างกระดกู และฟัน ช่วยบ่ารงุ ร่างกาย บา่ รุงกา่ ลัง ช่วยให้เจริญอาหาร รบั ประทานอาหารได้มากขนึ้ ช่วยแก้กระหาย ช่วยทา่ ใหก้ ลา้ มเน้ือท่างานเป็นปกติ แคลเซยี มมสี ว่ นชว่ ยในการลดความดันโลหติ สงู ช่วยเสริมสรา้ งความแข็งแรงใหผ้ นงั หลอดเลอื ด ช่วยขบั น้า่ นม (ใบ) ผักกาดขาวมีออร์กาโนซัลไฟด์ (Organosulffide) และฟลาโวนอยด์ ท่ชี ่วยปอ้ งกันมะเรง็ และโรคหลอดเลอื ดหวั ใจ
การปลูกผักกาดขาว เป็นผักอายุปีเดียว มีระบบรากต้ืน ใบมีลักษณะห่อปลียาวหรืออาจห่อหลวมๆ ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับพันธ์ุ ใบมีสี ขาวถึงสีเขียวอ่อน ผักกาดขาว นับเป็นผักที่มีความส่าคัญทาง เศรษฐกิจชนิดหนึ่งของประเทศไทย เนื่องจากมีผู้นิยมบริโภคอย่าง แพร่หลาย ใช้บริโภคคือ ส่วนของใบ ซ่ึงมีลักษณะเป็นผืนเดียวกัน ตลอด สามารถบริโภคได้ท้ังแบบสดและน่าไปประกอบอาหาร ตลอดจนเป็นผักท่ีใช้ในอุตสาหกรรมรูปอื่นๆ อีก ซึ่งทางเราได้เรียบ เรยี ง วิธีปลูก ผักกาดขาว แบบส้ันๆเข้าใจง่ายไว้ในบทความน้ี เพ่ือใช้ เป็นแนวทางสา่ หรับคนท่ีสนใจปลกู แหลง่ ปลูกทเ่ี หมาะสม อณุ หภูมิทเ่ี หมาะสมสา่ หรับการปลกู คือ 15-22 องศาเซลเซยี ส (ชว่ งเดอื น ตลุ าคม-กุมภาพันธ์) สามารถปลูกได้ในทุกสภาพดนิ แตท่ ่ดี ที ี่สุด คือ ดินร่วน ระบายนา้่ ดี และมคี วามอุดมสมบรู ณ์สูง ค่า pH ที่เหมาะสมในการปลูกคอื 6 – 6.8 ควรไดร้ บั แสงแดดเตม็ ท่ตี ลอดวนั
การเตรยี มเมลด็ กอ่ นเพาะ ในการเลอื กเมล็ดพันธ์ุนัน้ ควรเลือก เมล็ดพนั ธุ์จากผจู้ า่ หน่ายทนี่ า่ เช่อื ถอื มคี ุณภาพ บรรจอุ ยใู่ นภาชนะท่ปี ้องกัน ความช้ือและอากาศ มกี ารระบขุ ้อมูล ต่างๆไวอ้ ย่างชัดเจน เชน่ ผกั กาดขาวปลี กาญจนา , ผักกาดขาวปลี เฮฟว่ี ตราเจีย ไต,๋ ผกั กาดขาว บก๊ิ เอ็ม ตราไก่, ผักกาดขาว ท็อปเทน็ ตราเทวดา หรือ ผกั กาดขาว โชกนุ ตราศรแดง เป็นต้น การเตรียมดนิ ส่าหรบั แปลงเพาะกล้า ไถดนิ แล้วตากไว้ 5-7 วนั หลงั จากนัน้ ก็คลกุ เคล้าด้วยปุ๋ย คอกหรือปยุ๋ หมกั ที่สลายตัวดแี ล้วใหม้ าก พรวน ย่อยดนิ ใหล้ ะเอยี ด ส่าหรบั แปลงปลกู ไถหรือขดุ ดินใหล้ กึ ประมาณ 30 เซนตเิ มตรและตากดนิ ให้ แหง้ ประมาณ 7-10 วนั ใส่ปุ๋ยคอกหรอื ปยุ๋ หมกั ท่ีสลายตัวดีจากนน้ั คลุกเคลา้ ให้ เข้ากับดิน
การดแู ลรกั ษา ในระยะแรกควรทา่ การพรวนดนิ และ ก่าจัดวัชพชื ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ โดยใชม้ ือถอน หรือเสียมดาย ระมดั ระวงั อย่าใหก้ ระทบตอ่ ต้นและราก * เทคนคิ ให้ตน้ กะเพราแตกใบ ทุกๆ เช้าใหเ้ ด็ดยอดออ่ น ของใบกะเพราทุกวัน (ยอดที่ เปน็ ดอก) อย่าใหอ้ อกดอกได้ การรดน้า หลงั การปลูกให้รดน้่าวนั ละ 2 ครัง้ หรืออาจใหว้ นั เว้น เมอ่ื ต้นกะเพราแตกก่งิ เปน็ พมุ่ ใหญ่ ควรระวงั อยา่ ปลอ่ ยให้มีการท่วมขังของนา่้ ในแปลง *หลังจากท่าการเพาะกลา้ ควรรดน้า่ ดว้ ยบวั รดน้่า เพ่ือป้องกนั การกระจายของเมล็ดพนั ธุ์
การเพาะกล้า การเพาะกล้าผักกาดขาวนัน้ เปน็ การประหยดั เมล็ดพนั ธุ์ นยิ มใชเ้ มลด็ พันธุ์ลกู ผสมทมี่ รี าคาแพง หว่านเมล็ดให้ท่ัวพื้นผวิ แปลง ใช้ปุ๋ยคอกหว่านกลบหนาประมาณ 0.5 – 1 เซนตเิ มตร คลมุ แปลงดว้ ยหญา้ แหง้ หรอื ฟางบางๆ แลว้ รดน่า้ ด้วยบัวฝอยละเอยี ด ให้ทว่ั แปลง
การปลูกผักกาดขาว การปลกู โดยการเพาะกลา้ ๏ ย้ายลงแปลงปลกู เมือ่ ตน้ กลา้ อายุประมาณ 30-35 วัน ๏ การยา้ ยกล้าไปปลกู ควรย้ายในช่วงบา่ ยๆ ถึงเย็น หรือช่วงที่ อากาศมดื คร้ึม ๏ โดยใชร้ ะยะหา่ งระหว่างตน้ และระหว่างแถว 50 x 50 เซนตเิ มตร ๏ คลมุ แปลงด้วยหญ้าแหง้ หรือฟางบางๆ แลว้ รดนา่้ ดว้ ยบัวฝอย ละเอยี ดใหท้ ่ัวแปลง ๏ ผสมเมล็ดพนั ธุ์ด้วยทรายละเอยี ดเนอื่ งจากเมลด็ พนั ธุ์ของ ผกั กาดขาวนั้นมีขนาดเลก็ ๏ หวา่ นเมลด็ พนั ธุท์ ท่ี า่ การผสมกับทรายเรียบร้อยแลว้ ให้ทวั่ แปลง ปลกู ๏ หว่านทบั ดว้ ยปยุ๋ คอกหนาประมาณ 0.5 – 1 เซนติเมตร ๏ คลมุ แปลงด้วยหญา้ แหง้ หรอื ฟางบางๆ แลว้ รดน้า่ ดว้ ยบัวฝอย ละเอียดให้ทั่วแปลง ๏ เม่ือต้นกล้างอกและมใี บจริง 1-2 ใบควรถอนแยกเพือ่ จัดระยะ ๏ เม่อื ต้นกล้ามีอายุ 25-30 วันใหท้ ่าการถอนแยกคร้ังสุดท้าย โดย จัดระยะปลกู ระหวา่ งต้นและระหว่างแถวประมาณ 50 x 50 เซนตเิ มตร
การดแู ลรักษา การรดนา้ เน่อื งจากผักกาดขาวเปน็ ผกั ที่ตอ้ งการ น่้ามาก ควรให้น่า้ สมา่ เสมอ ในระยะแรก ควรให้น่า้ วันละ 3-4 ครั้ง เมอ่ื ผักกาด ขาวมีอายเุ กนิ 7 วนั ไปแลว้ ลดลงเหลือ ใหว้ นั ละ 3 คร้งั เมอ่ื อายุเกิน 1 เดอื น ขึน้ ไป ใหน้ ้า่ วันละ 2 ครงั้ เชา้ และเยน็ ไม่ควรใหน้ ้่าในเวลาทแ่ี ดดจัดเพราะนา่้ อาจรอ้ นท่าใหผ้ กั กาดขาว ซงึ่ บางเสยี หายไดง้ า่ ย ในช่วงผักกาดขาวก่าลงั หอ่ ปลีไมค่ วรให้ขาดน่า้ อยา่ งเดด็ ขาด เพราะจะท่าให้การหอ่ ปลแี ละการเจริญเติบโตไมส่ มบูรณ์ การใส่ปุ๋ย ควรใหป้ ยุ๋ ทม่ี ีสัดสว่ นของธาตไุ นโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปรแต สเซียมในอัตรา 2:1:1 เชน่ ป๋ยุ สูตร 20-10-10 หรอื สูตรใกลเ้ คยี ง โดยให้ในอัตราประมาณ 80-150 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ใสเ่ มื่อผกั กาดขาวมี อายุ 20 วัน
การเก็บเกี่ยว อายุการเกบ็ เกี่ยวของผักกาดขาวน้นั ขึ้นอยกู่ ับสายพันธ์ุ เชน่ ผักกาดขาวปลี กาญจนา มอี ายุเก็บเกย่ี ว 38-40 วัน หลงั หยอด เมลด็ หรอื ผกั กาดขาว บ๊กิ เอม็ ตราไก่ มี อายเุ กบ็ เกยี่ วประมาณ 50- 55 วนั หลังจากหยอดเมลด็ เปน็ ตน้ การเก็บเกยี่ วนน้ั ใชม้ ดี คมๆ ตดั ท่ี โคนต้น แล้วตดั แต่งใบทเ่ี ป็นโรคถูกแมลงทา่ ลายออก แตย่ ังคงเหลือใบ นอกๆไว้ประมาณ 2-3 ใบ เพื่อปอ้ งกนั การกระแทก
โรคในผกั กาดขาว โรคเหี่ยวของผกั กาดขาว สาเหตุ เช้อื รา Fusarium oxysporum ลกั ษณะอาการ มีใบล่างเห่ยี วแหง้ ซีกใดซีกหนึง่ ทา่ ใหใ้ บเบีย้ วงอไป ข้างที่ใบเห่ยี วตอ่ มาใบทางซกี นน้ั จะเหยี วเพมิ่ ขึ้นและเหีย่ วทวั่ ตน้ ใน เวลาตอ่ มา เม่อื ถอนดูรากจะขาดหลดุ จากล่าต้นเพราะผเุ ปอ่ื ยเป็นสี น่้าตาล ผกั กาดขาวท่ีปลูกในสภาพดนิ เหนยี วและดนิ ทรายมกั พบโรค นี้มาก การป้องกันกาจดั ปลกู พชื หมนุ เวยี น ทา่ ลายพชื ทีต่ ดิ เชอื้ ให้หมด ใชส้ ารเคมใี นกลมุ่ Alkylenebis เช่น แมนโคเซป (ฮมั บรูก) (โปรมาเซบ 80) หรือ โพรพิเนบ (แอนทาโคล) เปน็ ต้น ใช้สารเคมีในกลมุ่ Inorganic เช่น คอปเปอร์ ไฮดรอกไซด์ (ฟังกรู าน) เปน็ ต้น
โรคเน่าคอดนิ สาเหตุ เช้อื รา Pythium sp. เกิดเฉพาะในแปลงเพาะกล้าเทา่ นัน้ ลกั ษณะอาการ มแี ผล ชา่้ ทโ่ี คนต้นระดับดิน เน้ือเยอื่ ตรง แผลเน่าและแหง้ ไปอยา่ งรวดเร็ว ถ้าถกู แสงแดดท่าให้ตน้ กลา้ หักพับ ตน้ จะเหี่ยวแห้งตายในเวลารวดเรว็ การปอ้ งกันกาจัด แปลงปลูกควรมีการระบายน่้าท่ดี ี ไมค่ วรหวา่ นเมลด็ ผกั แนน่ เกนิ ไป ใช้สารเคมใี นกลุ่ม Phenylamide เช่น เมทาแลกซลิ (เมทาแลก ซิล) (ลอนซาน 35) เป็นต้น ใช้สารเคมใี นกลุม่ Alkylenebis เชน่ แมนโคเซป (ฮมั บรูก) (โปรมาเซบ 80) โพรพิเนบ (แอนทาโคล) เปน็ ต้น
โรคใบด่างของผักกาดขาว สาเหตุ เช้ือไวรัส Turnip mosaic มเี พล้ยี ออ่ นเปน็ พาหะ ลักษณะอาการ ใบดา่ งเขยี วสลบั เขียวเหลอื งแคระแกรน็ ใบมีขนาด เล็กลง ตามบรเิ วณเส้นใบจะพบเปน็ สีมว่ งปะปนอยู่ เมือ่ รุนแรงขึ้น ใบจะเปลย่ี นเป็นสีเขยี วเหลอื งท้งั ใบ และมีลกั ษณะบิดงอเลก็ นอ้ ย การปอ้ งกนั กาจดั กา่ จดั เพลี้ยออ่ นที่เป็นแมลงพาหะ ใช้สารเคมใี นกลมุ่ carbamate เชน่ คารโ์ บซลั แฟน (พอสซ์) ใช้สารเคมีในกล่มุ Pyrethoid เชน่ ไซเพอร์เมทรนิ (ฮคุ ) หรอื เดลทาเมทริน (เดซิส) เปน็ ตน้ ใช้สารเคมใี นกลุ่ม phenylpyrazole เชน่ ฟโิ พรนลิ (แอสเซนด์) เปน็ ตน้ ใช้สารเคมีในกลมุ่ Neonicotinoid เชน่ ไดโนทีฟูแรน (สตาร์เกลิ จ)ี , ไทอะมีทอกแซม(เซนนา่ ) หรอื อิมิดาโคลพรดิ (ไบรด้า) เปน็ ต้น ฉีดพน่ สารสกัดจากธรรมชาติ เชน่ สะเดา ผสมกับนา่้ ผงซักฟอก เจอื จาง
แมลงศัตรพู ชื เพล้ยี ออ่ น ลักษณะการทาลาย ดูดกินน่า้ เล้ยี งของสว่ นยอด ใบออ่ น ใบแก่และช่อดอก ยอดและใบจะหงิกงอ เม่ือเพลย้ี อ่อนเพิ่ม ขน้ึ เรอ่ื ยๆ พืชก็จะเหี่ยว ใบมสี ีเหลืองและร่วงหลน่ ลา่ ตน้ แคระแกรน็ การปอ้ งกันกาจัด กา่ จัดวัชพชื บรเิ วณแปลงปลกู ใช้สารเคมใี นกล่มุ carbamate เช่น คารโ์ บซัลแฟน (พอสซ์) สารเคมีในกลมุ่ Pyrethoid เชน่ ไซเพอร์เมทรนิ (ฮคุ ) หรอื เดลทาเมทริน (เดซสิ ) เป็นตน้ ใช้สารเคมใี นกลมุ่ phenylpyrazole เชน่ ฟิโพรนลิ (แอสเซนด์) เปน็ ตน้ ใช้สารเคมีในกล่มุ Neonicotinoid เชน่ ไดโนทฟี ูแรน(สตาร์เกลิ จี), ไทอะมีทอกแซม(เซนน่า) หรอื อิมิดาโคลพริด(ไบรดา้ ) เปน็ ต้น ฉดี พ่นสารสกดั จากธรรมชาติ เช่น สะเดา ผสมกับนา่้ ผงซักฟอก เจอื จาง
หนอนกระทผู้ กั ลกั ษณะการทาลาย ตวั หนอนจะกดั กินใบ กา้ นใบ หรอื เขา้ ทา่ ลายหวั ปลี ทา่ ลายเป็นหยอ่ มๆ ตามจดุ ท่ผี เี สอื้ วางไข่ แนวทางการปอ้ งกนั กาจดั เกบ็ ไขแ่ ละตัวหนอนไปทา่ ลาย ใช้สารเคมใี นกลุ่ม Pyrethoid เช่น ไซเพอร์เมทรนิ (ฮุค) หรอื เดลทาเมทริน (เดซิส) เปน็ ตน้ ใช้ (ยาฆ่าแมลงจากธรรมชาติ) ใช้สารเคมีในกลุ่ม Avermectin เชน่ อะบาเมกติน (ตอ็ ดติ) หรือ อมิ าเมก็ ตินเบนโซเอต(เดอะฮกั ) เปน็ ตน้ ใช้สารเคมีในกลมุ่ Oxadiazine เชน่ อนิ ดอกซาคารบ์ (แอมเมท) ใช้สารเคมใี นกลุ่ม Arylpyrrole เชน่ คลอร์ฟีนาเพอร์ หรือ คลอรฟ์ นี าเพอร์(แรมเพจ) เปน็ ตน้
ที่มา http://www.the-than.com/samonpai/P/41.html https://www.honestdocs.co/benefits-of-chinese-cabbage- the-idea-of-eating-healthy-white-cabbage https://www.kasetsomboon.com
Search
Read the Text Version
- 1 - 21
Pages: