46 หลักคำสอนของศาสนา พราหมณ์-ฮินดู 1. ปิตฤธรรม คือการปฏิบัติหน้าที่ของบิดาต่อบุตร 2. มาตฤธรรม คือการปฏิบัติหน้าที่ของมารดาต่อบุตร 3. อาจารยธรรม คือการปฏิบัติหน้าที่ของครูอาจารย์ต่อ ศิษย์ 4. บุตรธรรม และ ศิษยธรรม คือการปฏิบัติหน้าที่ของบุตร ต่อบิดามารดา และการปฏิบัติหน้าที่ของลูกศิษย์ต่อครู อาจารย์ 5. ภราตฤธรรม คือการปฏิบัติหน้าที่ของพี่ต่อน้องและน้อง ต่อพี่ 6. ปติธรรม คือการปฏิบัติหน้าที่ของสามีต่อภรรยา 7. ปัตนีธรรม คือการปฏิบัติหน้าที่ของภรรยาต่อสามี 8. สวามี-เสวกธรรม คือการปฏิบัติหน้าที่ของสวามี (นายจ้าง) ต่อเสวก (ลูกจ้าง) และการปฏิบัติหน้าที่ของ เสวกต่อสวามี 9. ราชธรรม คือการปฏิบัติหน้าที่ของพระราชา (หรือ รัฐบาล) ต่อประชาชนในด้านประชาชนมีหน้าที่ถวายความ เคารพนับถือพระราชาอย่างสูงสุด
47 พิธีกรรม พิธีกรรมของชาวฮินดูแบ่งเป็น 4หมวด ดังนี้ 1. กฎสาหรับวรรณะ 1.1 การแต่งงาน ผู้ที่จะแต่งงานกันต้องเป็นคนวรรณะ เดียวกัน จะแต่งงานข้ามวรรณะไม่ได้ หากผู้ใดฝ่าฝืนกฎ ต้องมีโทษถึงประณาม 1.2 อาหารการกิน การกิน มีกาหนดสิ่งของว่ากินได้หรือไม่ ได้ และบุคคลในวรรณะใดจึงจะปรุงหุงต้มอาหารให้ 1.3 การทำมาหากิน ต้องอยู่ในเขตจำกัดว่าพวกนั้นเกิดมา ในตระกูลนั้น ในวรรณะนั้นต้องทำมาหาเลี้ยงชีพนั้น 1.4 เคหสถานที่อยู่ ในกฎของเดิมห้ามการมีถิ่นฐานบ้าน ช่องอยู่นอกเขตประเทศอินเดีย และห้ามเดินเรือไปในทะเล แต่ในบัดนี้ไม่ค่อยถือกัน 2. พิธีประจำบ้าน ผู้เป็นฮินดูต้องทำพิธีประจำบ้านละเว้นไม่ ได้ ต้องอาศัยพราหมณ์นักบวชเป็นผู้ทำ พิธีสังสการ ซึ่ง เป็นพิธีประจำบ้านไว้ 12 ประการที่คนในชั้นทวิชาติ คือ พราหมณ์
ศาสนาคริสต์ 48 ความเป็นมาของศาสนาคริสต์ ศาสนาคริสต์มีต้นกำเนิดในเอเชียตะวันตก (อิสราเอลในปัจจุบัน) และแผ่ขยายไปตามทวีปต่าง ๆ ทั่ว โลก ในเอเชียตะวันออกไกลนั้น คริสต์ศาสนาได้ถูกนำมา เผยแพร่โดยคณะผู้สอนศาสนา (Missionary) ที่ติดตาม มา พร้อมกับการค้าขายการล่าอาณานิคม เพื่อเหตุผลบาง ประการในทางการเมืองและการปกครองในแถบเอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ โปรตุเกส สเปน และ เนเธอร์แลนด์ โปรตุเกสและสเปนได้นำเอาคริสตศาสนามา เผยแผ่ให้กับดินแดนที่เข้าครอบครองมากที่สุด ทำให้ ประเทศที่เดิมเคยถูกสเปนและโปรตุเกสปกครองมานั้นมีผู้ นับถือ คริสต์ศาสนามาก และมีวัตถุก่อสร้างโบราณซึ่งเป็น โบสถ์และศาสนสถานหลงเหลือเป็นร่องรอย ของ ประวัติศาสตร์เหล่านั้นมากมาย เช่น ในฟิลิปปินส์ มาเก๊า ติมอร์ ฯลฯ นอกจากนั้นในสมัยต่อมา ฝรั่งเศสก็ได้เดินทาง มาหาอาณานิคมในดินแดนแถบนี้ด้วยจนได้เวียดนาม กัมพูชา และลาวเป็นเมืองขึ้น นอกจากนี้ฝรั่งเศสยังได้นำ คริสต์ศาสนา (นิกายโรมันคาทอลิก) ไปเผยแพร่ใน โปรตุเกสและสเปน แต่ไม่ได้รับการต้อนรับเท่าไรนัก มีผู้ นับถือไม่มากเหมือนดินแดนที่เคยอยู่ในการปกครองของ โปรตุเกสและสเปน
ความเป็นมาของศาสนาคริสต์ในประเทศไทย 49 ศาสนาคริสต์เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่คริสต์ ศตวรรษที่ ๑๖ เริ่มแรกคือศาสนาคริสต์ นิกาย โรมันคาทอลิก การเข้ามาของศาสนาคริสต์ไม่ได้เข้ามาใน รูปแบบของเหล่าอาณานิคม แต่เข้ามา ในรูปแบบของการ เผยแพร่ศาสนาแก่คนทั่ว ๆ ไป และในรูปของผู้สอนศาสนา ให้กับบรรดาชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวโปรตุเกส ที่มาค้าขายและตั้งหลักแหล่งอยู่ในกรุงศรีอยุธยาเสียส่วน ใหญ่ ซึ่งในสมัยนั้น เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๒ ทรงท า สัญญาทางพระราชไมตรีกับโปรตุเกสที่เข้ามายึดครองเกาะ มะละกา ชาวโปรตุเกสเดินทางเข้ามาประกอบกิจการต่าง ๆ ในกรุงศรีอยุธยา
50 ในแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิที่ทางสร้างความ สัมพันธ์อันดีกับชาวโปรตุเกส คณะมิชชันนารี มายังสยาม ในช่วงระหว่าง พ.ศ. ๒๑๐๗ – ๒๑๑๐ คณะนักบวชที่ตอบ รับและเดินทางเข้ามายังสยามประเทศ รุ่นแรก พ.ศ. ๒๑๑๐ ได้แก่ คณะนักบวชโดมินิกันโดยบาทหลวงเฟอร์นัน โด เอด ซังตา มารีอา อธิการเจ้าคณะ แห่งเมืองมะละกา ได้ส่งบาทหลวงเยโรมินา ดา ครู้ส และบาทหลวงเซบาสติ ดอ โด กันโต มาจากมะละกานั้น ได้รับพระราชทานบ้านพัก และเริ่มงานเผยแผ่ศาสนา ถือเป็นครั้งแรกของการเผยแผ่ คริสต์ศาสนา อย่างเป็นทางการในกรุงสยาม คณะมิชชันนารีชาวตะวันตกที่เข้ารุ่นแรกคือ ชาวโปรตุเกส และสเปนมากกว่าชาติอื่นๆต่อมาในแผ่นดินสมเด็จพระ นารายณ์มหาราช กรุงวาติกันได้ตั้งสมณกระทรวงเผยแพร่ ความเชื่อ เนื่องจากแต่เดิมอาศัยพระราชอำนาจของ กษัตริย์โปรตุเกสและสเปนที่บัญชาให้ออกไปค้นหาดินแดน ใหม่และถือโอกาส นำเอาคำสอนศาสนาคริสต์ไปเผยแผ่ด้วย ซึ่งต่อมามีความขัดแย้งในแนวทางปฏิบัติที่ต้องอยู่ภายใต้ การอุปถัมภ์ ของโปรตุเกสและสเปน จึงเป็นเหตุให้ ศาสนจักรโดยพระสันตะปาปาต้องหาทางเผยแผ่ศาสนา ตามแนวทาง ของศาสนจักรเอง และเมื่อถึงสมัยกรุง รัตนโกสินทร์ คริสต์ศาสนานิกายโปรเตสแตนท์ก็ได้เข้ามามี บทบาท ในประเทศไทย นอกจากจะได้เผยแพร่ศาสนาแล้ว ยังได้ท าคุณประโยชน์แก่ประเทศไทยเป็นอันมาก เช่น การ ศึกษา การแพทย์และการสังคมสงเคราะห์ เป็นต้น
นิกาย 51 ปัจจุบันประเทศไทยรับรองฐานะองค์การทางศาสนาคริสต์ ๒ นิกาย ๑. นิกายโรมันคาทอลิก มีสภาประมุขแห่งบาทหลวง โรมันคาทอลิกเป็นศูนย์กลาง แบ่งการปกครอง เป็น ๑๐ เขตมิซซัง คือมิซซังกรุงเทพ ราชบุรี สุราษฎร์ธานี จันทบุรี เชียงใหม่ นครสวรรค์ อุบลราชธานี ท่าแร่-หนองแสง อุดรธานีและนครราชสีมา โบสถ์วัดนักบุญยอแซฟ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ภายในโบสถ์วัดนักบุญยอเซฟ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา
๒. นิกายโปรเตสแตนท์ มี ๔ องค์การ คือ 52 ๒.๑ สภาคริสตจักรในประเทศไทย ปกครองคณะเพ สไบเทเรียน คณะคริสเตียนเชิร์ช (ดิสไซเปิลส์ ออฟไค รส์) คณะลูเทอแรนเชิร์ชออฟอเมริกาในประเทศไทย เป็นต้น ๒.๒ สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย ปกครองคณะ คริสเตียนแอนด์มัชชันนารีอัลไลแอนซ์ คณะเวิร์ลด์ไวด์ อีแวนเจไลเซชั่นครูเสด นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอื่น ๆ เช่น นิกายลูเธอร์แรน เป็นต้น ๒.๓ มูลนิธิคริสตจักรคณะแบ๊บติสต์ปกครองคริสต จักรแบ๊บติสต์ในประเทศไทย ๒.๔ มูลนิธิคริสตจักรเซเว่นธ์เดย์แอ๊ดเวนตีสแห่ง ประเทศไทย คริสตจักรที่ ๑ สาเหร่ เป็นคริสตจักรแห่งแรกของนิกาย โปรเตสแตนท์ ก่อตั้งโดยคณะเพรสไบเทีเรียน ใน พ.ศ. ๒๔๐๐
53 คัมภีร์ คัมภีร์ไบเบิล เรียกโดยย่อว่า พระคัมภีร์เป็นหนังสือที่บอก เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้า มนุษย์ความบาป และแผนการ ของพระเจ้าในการช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความพินาศ เป็นหนังสือที่บันทึกหลักธรรมคำสอนของศาสนาคริสต แบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ พระคัมภีร์เก่า หรือพันธสัญญา เดิม และพระคัมภีร์ใหม่ หรือพันธสัญญาใหม่ พันธสัญญาเดิม (Old Teatament) ภาคนี้ เป็น คัมภีร์ของศาสนายิว จารึกเป็นภาษาฮิบรู เล่าเรื่อง พระเจ้าสร้างโลกจนถึงสมัยก่อนพระเยซูประสูติ เช่น ความเป็นมาของชนชาติยิว บัญญัติ 10 ประการ ศาสดาพยากรณ์ ฯลฯ พันธสัญญาใหม่ (New Testament) จารึกเป็น ภาษากรีก เล่าเรื่องตั้งแต่พระเยซูประสูติ การเผย แพร่ศาสนา รวมถึงเรื่องราวของอัครสาวก และสาวก ด้วย ภาคนี้ชาวยิวไม่ยอมรับว่า เป็นคัมภีร์ ในศาสนา ตน เพราะไม่ยอมรับพระเยซูว่า เป็นบัตรของพระเจ้า
54 หลักธรรมคำสอน 1.หลักคำสอนเรื่อง ตรีเอกานุภาพ คือ การ นับถือพระเจ้า องค์เดียว แบ่งเป็น ๓ ภาค พระบิดา หมายถึง พระบุตร หมายถึง พระเจ้า ผู้สร้างโลก พระเยซู ตรีเอกานุภาพ พระจิต หมายถึงวิญญาณ บริสุทธิ์ ในจิตใจของ ชาวคริสต์ ที่มีศรัทธา
2.เรื่องความรัก ศาสนาคริสต์ เป็นศาสนาที่ได้ชื่อว่า 55 เป็นศาสนาแห่งความรัก สอนให้รักพระเจ้า รักเพื่อน มนุษย์ เหมือนรักตัวเอง ๑. ความรักของมนุษย์ กับพระเจ้า เปรียบได้ดัง เช่นความรัก ของ พ่อ กับ ลูก ๒. ความรักของมนุษย์ที่มีต่อมนุษย์ด้วยกัน พระ เยซูสอนให้รัก เพื่อนบ้าน หรือก็คือรักมนุษย์ทั้งโลก เรียนรู้ที่จะรักศัตรู รู้จัก การให้อภัยและเสียสละ บัญญัติ ๑๐ ประการ ๑. จงนับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ พระยะโฮวาห์ ๒.อย่าออกนามพระเจ้าโดย ไม่สมเหตุ ๓. ถือวันพระเจ้าเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ ๔.จงนับถือบิดามารดา ๕. อย่าฆ่าคน ๖. อย่าผิดประเวณี ๗. อย่าลักทรัพย์ ๘. อย่าใส่ความนินทาว่าร้ายผู้อื่น ๙. อย่าคิดมิชอบ ๑๐.อย่าโลภในสิ่งของผู้อื่น
55 วิดีโอ เรื่อง ศาสนา
56 สถานการณ์ปัญหา ต้นข้าว ต้องการที่จะศึกษาเรื่องศาสนา เธอจึงได้ อ่านและหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆเพราะพี่สาวของเธอ ได้เปลี่ยนศาสนาเนื่องจากสามีของพี่สาวนับถือ ศาสนาที่ต่างกันจึงต้องเปลี่ยนศาสนาตามสามีของ เธอแต่ในวัยนหยุดต้นข้าวต้องไปอยู่กับพี่สาวชั่วคราว เธอจึงต้องการที่จะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาต่างๆ เพื่อที่จะทำตัวให้ถูกและไม่ทำอะไรผิดพลาดขณะที่เธอ ไปอยู่กับพี่สาว ภารกิจ 1.หลักคำสอนของศาสนาต่างกันอย่างไร 2.กฎหรือข้อบังคับของศาสนามีผลต่อการใช้ ชีวิตประจำวันอย่างไร ฐานความช่วยเหลือ 1.ศาสนาพุทธ ศีล 5 ข้อ ได้แก่ 1.ห้ามฆ่าสัตว์ 2.ห้ามลักทรัพย์ 3.ห้ามประพฤติผิดในกาม 4.ห้ามโกหก 5.ห้ามดื่มเครื่องดองของมึนเมา
57 2.ศาสนาอิสลาม 1.ห้ามกราบไหวรูปป้ั น 2.ห้ามเชื่อโชคลาง 3.ห้ามเล่นการพนัน 4.ห้ามเสพเครื่องดองของเมา 5.ห้ามผิดประเวณีกับผู้หญิงที่มิใช่ภรรยาของตน 6.ห้ามกินหมูสัตว์ที่ตายเอง สัตว์ที่เป็นโรคและสัตว์ที่ นำไปบูชายัญในศาสนาอื่น ๆ 7.ห้ามกระทำการใดๆที่สร้างความเดือดร้อนแก่ตนเอง ต่อผู้อื่นและต่อประเทศชาติ 8.ห้ามแสวงหากำไรจากการกักตุนสินค้า 9.ห้ามฆ่าสัตว์ทุกชนิดโดยเจตนาและไม่มีเหตุผล 10.ห้ามกินดอกเบี้ย 3.ศาสนาพราหมณ์- ฮินดู ไม่กินเนื้อและปลาไหล เพราะถือว่าวัวเป็นสัตว์ ศักดิ์สิทธิ์ ปลาไหลไม่ทาน เพราะเรื่องเล่าทางศาสนา จึงไม่ทาน
58 4.ศาสนาคริสต์ (1) อย่ามีพระเจ้าอื่นนอกจากเรา (2) อย่าทำรูปเคารพสำหรับตนหรือกราบไว้รูป เหล่านั้น (3) อย่าเอ่ยพระนามของพระเจ้าโดยไม่สมเหตุ (4) จงถือวันอาทิตย์เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ (5) จงนับถือบิดามารดา (6) อย่าฆ่าคน (7) อย่าผิดประเวณี (8) อย่าลักทรัพย์ (9) อย่าคิดมิชอบ (10) อย่าโลภสิ่งใดของผู้อื่น
59 แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม https://www.m-culture.go.th https://image.mfa.go.th https://www.m-culture.go.th http://xnk3cvjh4b2b3m.com https://www.m-culture.go.th
บทสรุป 60 สถาบันศาสนาเป็นจุดรวมใจของประชาชนทั่วไป เพระเป็นประเพณีประจำชีวิตของแต่ละคนที่จะ ต้องเกี่ยวข้องกับศาสนาอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่เกิด จนตาย ตั้งแต่สมัยโบราณประชาชน ปฏิบัติศาสน กิจด้วยความเคารพศรัทธา แต่เพราะเหตุที่สถาบัน ศาสนามีพระเป็นผู้รับผิดชอบ ถ้าผู้รับผิดชอบ ทำตัวดี ก็ทำให้ประชาชนเคารพนับถือ แต่ถ้าผู้รับ ผิดชอบทำตัวไม่ดี ประชาชนก็ไม่เคารพนับถือ การ ไม่เคารพนับถือพระทำให้ประชาชนถอยห่างจาก ศาสนาด้วย การที่ประชาชนถอยห่างจากศาสนา ทำให้ตังเขาเองห่างจากศีลธรรมด้วยชีวิตที่ไม่มีศีล ธรรมจะประสบความเดือดร้อน เมื่อแต่ละคนเดือด ร้อนสังคมก็เดือดร้อนสรุปแล้วความเดือดร้อนทั้ง มวลนี้ น่าจะมาจากพระที่ปฏิบัติจนให้คนเบื่อหน่าย ข้อนี้อยากจะถามใจตัวเองว่า เราไม่อยากเข้าวัด เพราะการปฏิบัติตนของพระใช่หรือไม่ ศาสนาทุก ศาสนาส่วนใหญ่จะเป็นศาสนาเทวนิยม คือ ยอมรับนับถืออำนาจ ของพระผู้เป็นเจ้ามีแปลกอู่ เฉพาะพุทธศาสนาและศาสนาเชนเท่านั้น ที่ปฏิเสธ อำนาจของพระผู้เป็นเจ้า การที่ศาสนาส่วนใหญ่ นับถือพระผู้เป็นเจ้านี้ทำให้เกิดเงื่อนใขในการ ตัดสินศาสนาได้อย่างหนึ่งว่า ศาสนา เป็นจริงหรือ ไม่จริง ซึ่งมักมีคนอ้างเสมอ เช่น อ้างว่าศาสนทุก ศาสนาเขานับถือพระเจ้ากันทั้งหมด มี ศาสนาพุทธ เท่านั้นไม่นับถือ แสดงว่าศาสนาที่นับถือพระเจ้า นั้นถูกต้องเป็นจริง
61 แบบทดสอบ 1.บุคคลใดปฏิบัติตนได้ถูกต้องตามหลัก ธรรมพระพุทธศาสนา ก.ภูมิงดกินอาหารก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ข.ภาเกิดลูกใหม่จึงทำพิธีล้างบาปให้กับลูก ค.รินดำเนินชีวิตตามหลักศีล 5 เป็นประจำ ง.พลแสดงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าด้วย การ 2.\"คัมภีร์อัลกุรอาน\" เป็นคัมภีร์ของศาสนา ใด ก.คริสต์ ข.พราหมณ์-ฮินดู ค.อิสลาม ง.พุทธ
62 3. ศาสนามีประโยชน์ต่อมนุษย์อย่างไร ก.เป็นที่พึ่งทางใจ ข.เป็นที่ชี้นำวิถีชีวิต ค.เป็นที่ชี้แนะพิธีกรรม ง.เป็นที่ชี้แนวทางในวิญญาณ 4.ศาสนาทุกศาสนา สอนตรงกันใน เรื่องใด ก.พระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรพสิ่ง ข.สิ่งที่มีค่าสูงสุดในชีวิต คือ การดับ กิเลส ค.ผู้เคร่งครัดในศาสนาจะได้ขึ้น สวรรค์ ง.ให้แต่ละบุคคลรู้จักบังคับจิตใจของ ตนเอง
63 แหล่งอ้างอิง https://www.wongnai.com https://th.m.wikipedia.org https://www.satit.up.ac.th
ประวัติผู้จัดทำ 64 นางสาว นิจจารีย์ รินเสน รหัสนักศึกษา 65181100314 คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขา สังคมศึกษา ห้อง 3
Search