àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ÃÒÂÇªÔ Ò âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃìáÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅÐÅÙ¡âÅ¡ àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙé รายวิชา โลก ดาราศาสตรและอวกาศ 6 เรื่อง ทรงกลมฟา้ และลกู โลก ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 สาระการเรยี นรูวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี (เพิม่ เตมิ ) ช่ือ …………………………………………………………………… ช้นั ……………………………….เลขที่…………………….. â´Â ¹Ò§ÊÒdz°Ñ ¸¹ÑÞÒ ºÞØ ¶§Ö µÓá˹§è ¤ÃÙ ¤È. 2 กลมุ สาระการเรยี นรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี โรงเรยี นราชประชานุเคราะห 31 อำเภอแมแ จม จังหวดั เชียงใหม สำนกั บรหิ ารงานการศึกษาพิเศษ สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน â´Â¤Ø³¤Ã³Ù Ѱ¸¹ÑÞÒ ºØÞ¶§Ö ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅØèÁÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÇéÙ Ô·ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÕ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ÃÒÂÇªÔ Ò âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃìáÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅК٠âÅ¡ 1. ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅК٠âÅ¡ ทรงกลมฟา (celestial sphere) เปน ทรงกลมสมมติขนาดใหญท่ีมีรัศมอี นนั ต มีจดุ ศนู ยก ลางของโลก เปน จดุ ศนู ยก ลางของทรงกลมฟา มดี วงดาวและวัตถุทองฟาตา งๆ ปรากฏอยูบนผิวของทรงกลมฟาน้ี • ทรงกลมสมมติท่ผี สู งั เกตการณจินตนาการประหนึ่งวาดวงอาทิตย ดวงจนั ทร ดาวเคราะห และดวงดาว ตา ง ๆ เปน เพยี งวัตถุบนทรงกลมฟา และวัตถุตา ง ๆ น้นั เคล่ือนที่ไปเนื่องมาจากการหมนุ ของโลก • การใชแนวคิดของทรงกลมฟา จะชวยใหผูสังเกตการณสามารถทำความเขาใจถงึ การเคล่อื นทขี่ องวัตถุ ทองฟา ตา ง ๆ ท่ีคอนขางมคี วามซบั ซอนไดโ ดยงา ย ทรงกลมฟา้ แบบไมม่ ีเส้นขอบฟา้ ทรงกลมฟาน้ีเราอาจจะเริ่มกำหนดตำแหนง และพิกัด วิธีการกำหนดพิกัดบนทรงกลมฟาสามารถทำได หลายวิธี แตโดยสวนมากเรามักจะกำหนดพิกดั โดยเรม่ิ จากแกน ขั้วทั้ง 2 ดา น และวงกลมใหญ เชน เดียวกบั โลกของเราท่กี ำหนดพิกดั โดยข้ัวโลกเหนอื ขั้วโลกใต และเสนศนู ยสูตร ดงั รูป â´Â¤Ø³¤Ã³Ù °Ñ ¸¹ÞÑ Ò ºÞØ ¶§Ö ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅèØÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÇéÙ Ô·ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÕ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ÃÒÂÇªÔ Ò âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃìáÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅÐÅÙ¡âÅ¡ ทรงกลมฟา แบบมเี สนขอบฟา เราไมส ามารถสังเกตทรงกลมฟาไดทัง้ หมดไปพรอ ม ๆ กัน แต ณ เวลาใดเวลาหนง่ึ คร่งึ หนงึ่ ของ ทรงกลมฟา จะถกู บดบังไปดวยพน้ื ดินที่เรายนื อยู เราสามารถมองพืน้ ดนิ นีแ้ ผอ อกเปน วงกลมไปรอบ ๆ ตวั ผูส งั เกตบดบงั ครง่ึ หน่งึ ของทรงกลมฟา ท่ีอยูภายใตเ ทา ของเรา เราเรียกเสน ขอบของผืนดนิ น้ีวา เสนขอบฟา (horizon) ทอ งฟาที่ผสู งั เกตจะสามารถเห็นไดในเวลาหนงึ่ ๆ อาจจะแบง ออกไดเ ปน เสน ขอบฟา ขอบฟา ทางทิศเหนือ ขอบฟา ทางทศิ ใต ขอบฟา ทางทศิ ตะวันออก และขอบฟาทางทศิ ตะวนั ตก ดงั รูป â´Â¤³Ø ¤ÃٳѰ¸¹ÑÞÒ ºÞØ ¶Ö§ ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅØÁè ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙéÇ·Ô ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙé ÃÒÂÇªÔ Ò âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅÐÅÙ¡âÅ¡ • ปรากฏการณทสี่ งั เกตไดเ ม่ือผูสงั เกตอยบู ริเวณตางๆ ของโลก ผสู งั เกตจากขัว้ โลกเหนือและขว้ั โลกใต ผสู งั เกตทีอ่ ยูข้ัวโลกเหนอื จะสามารถสังเกตเหน็ ขัว้ ฟาเหนือไดบ รเิ วณเหนือศีรษะของผสู ังเกตพอดี ในขณะท่ีขัว้ ฟาใตจะอยูใตเทา ของผูสังเกต ซ่งึ หมายความวา ขัว้ ฟาใตจะถูกบดบงั อยภู ายใตผืนดนิ ในขณะ เดียวกนั ผสู ังเกตในบรเิ วณขั้วโลกใตจ ะพบข้วั ฟาใตอยเู หนอื ศีรษะของผสู ังเกต แตไมส ามารถสังเกตเหน็ ขั้วฟา เหนอื ได â´Â¤Ø³¤Ã³Ù °Ñ ¸¹ÞÑ Ò ºÞØ ¶Ö§ ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅÁèØ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÇÙé ·Ô ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
ผูสังเกตจากเสนศนู ยส ตู ร àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙ ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅÐÅÙ¡âÅ¡ สำหรับผสู ังเกตทอ่ี ยูบริเวณเสนศูนยส ตู รนน้ั จะพบวา ขัว้ ฟาเหนอื และขว้ั ฟาใตจะอยบู รเิ วณเสนขอบฟา พอดี โดยเสน ศนู ยส ูตรฟาจะพาดผา นทศิ ตะวนั ออกและทิศตะวันตกลากขึ้นไปถงึ เหนือศรี ษะของผสู ังเกต และ จะพบวาทุกจดุ บนทรงกลมฟาจะเคลอื่ นที่ข้นึ และตกเปนมมุ ตั้งฉากกบั เสนขอบฟาพอดี ผสู งั เกตจากบรเิ วณอน่ื ๆ สำหรับผสู ังเกตจากบรเิ วณอ่ืน ๆ บนโลก ตำแหนงของข้ัวฟา เหนอื จะขนึ้ อยูกับละติจูดของผูสงั เกต เชน ผูส ังเกตจากจังหวัดกรุงเทพมหานคร (13 องศาเหนือ) จะพบวา ขั้วฟาเหนือจะอยเู หนอื ขอบฟา ทาง ทศิ เหนือข้นึ ไป 13 องศา เสน ศนู ยส ตู รฟาเอยี งไปทางใต 13 องศา และจะเห็นดาวขน้ึ และตกเปน มุม 13 องศา กับเสน ขอบฟา ผสู ังเกตทบี่ รเิ วณนีจ้ ะพบวา มดี าวท่ีอยูใ กลขว้ั ฟาเหนือบางดวงท่ีไมม วี ันตกลับขอบฟา และ มดี าวบางบริเวณใกลขว้ั ฟา ใตทีไ่ มเ คยโผลข น้ึ มาเหนอื ขอบฟาเลย พจิ ารณาดวงอาทติ ยไดวาเปน เพยี งวตั ถหุ น่งึ บนทรงกลมฟา ท่ีหมุนไปพรอ มๆกบั ทรงกลมฟา แตในความ เปน จรงิ แลว ตำแหนง ของดวงอาทิตยบนทรงกลมฟาจะคอยๆเปลย่ี นแปลงไปเร่ือยๆ ตามแนวทเี่ รียกวา เสน้ สรุ ยิ วถิ ี (ecliptic) â´Â¤³Ø ¤ÃٳѰ¸¹ÑÞÒ ºØÞ¶§Ö ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅèÁØ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃéÇÙ ·Ô ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙé ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃìáÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅÐÅÙ¡âÅ¡ Ẻ½¡Ö Ë´Ñ ·Õè 1:·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅК٠âÅ¡ ใหน ักเรียนตอบคำถามตอไปนี้ โดยการเขียนอธิบายคำตอบมาใหเ ขาใจ 1. ทรงกลมฟาและโลกมีความสัมพนั ธก ันอยางไร ทรงกลมฟา กับโลกมีความสัมพันธกนั โดยทรงกลมฟา มีโลกเปน จดุ ศูนยก ลาง เมอ่ื เรามองขึน้ บน ทองฟาจะเห็นทรงกลมฟาเพียงครึ่งเดียว และหากเรากมมองทะลุพ้ืนโลกได ก็จะเห็นทรงกลมฟาอีกคร่ึงหนึ่ง เมื่อ รวมกับคร่ึงดานบนก็จะกลายเปนทรงกลมฟาท้ังหมด โดยทรงกลมฟาทำใหสามารถระบุพิกัดหรือเปรียบเทียบ ตำแหนง ของวัตถุบนทองฟา และสังเกตการเคล่อื นทขี่ องวตั ถเุ หลา นัน้ จากบนโลกไดง ายขน้ึ 2. ในชวงเดอื นมีนาคมถึงเดอื นกันยายน ถา เรายนื อยูบรเิ วณขั้วโลกเหนอื จะสังเกตเหน็ ดาวเหนอื อยบู ริเวณใด และสงั เกตเหน็ ดวงอาทิตยขน้ึ และตกเปน อยางไร ถา เราอยูบริเวณขั้วโลกเหนอื จะสงั เกตเหน็ ดาวเหนอื อยเู หนอื ศีรษะ แตจ ะไมเ ห็นการข้นึ และ ตกของดวงอาทติ ย จะเห็นดวงอาทิตยอยูระหวางเสนขอบฟาจนถงึ มมุ เงยไมเ กนิ 23.5 องศา â´Â¤³Ø ¤ÃٳѰ¸¹ÞÑ Ò ºØÞ¶§Ö ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅÁèØ ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙÇ·Ô ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙé ÃÒÂÇªÔ Ò âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅÐÅÙ¡âÅ¡ 3. อา นสถานการณ แลว ปฏิบัติตามที่กำหนด นายวเิ ศษอาศัยอยูทกี่ รงุ เทพมหานคร ซ่งึ อยูล ะตจิ ูดประมาณ 15 ํN ใหนักเรยี นวาดภาพทรงกลม ฟา แลวระบุตำแหนงจุดยอดฟา (Zenith) ข้วั ฟาเหนือ (North Celestial Pole) เสน ศนู ยส ตู รฟา (Celestial Equator) พรอ มทง้ั ระบมุ ุมที่ขว้ั ฟา เหนือทำกับขอบฟาลงในทรงกลมฟา ทน่ี ายวิเศษ สามารถสงั เกตเห็นไดจากกรุงเทพมหานคร â´Â¤³Ø ¤ÃÙ³°Ñ ¸¹ÞÑ Ò ºÞØ ¶§Ö ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅèÁØ ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÇéÙ Ô·ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÕ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙé ÃÒÂÇªÔ Ò âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃìáÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍ×è § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅÐÅÙ¡âÅ¡ 4. ระบุจุดและเสนบนรูปทรงกลมฟาทก่ี ำหนด พรอมท้ังอธบิ ายความหมายของจดุ และเสน 4.1 ข้ัวฟา เหนือ คือ บริเวณของทรงกลมฟา ที่ข้วั โลกเหนอื ของโลกช้ไี ป ผสู งั เกตในซกี โลกเหนอื จะมองเหน็ ข้วั ฟา เหนอื เปนมมุ เงยเทา กับละตจิ ูดของผูสังเกตอยู 4.2 ข้ัวฟา ใต คือ บรเิ วณของทรงกลมฟาที่ขัว้ โลกใตของโลกชีไ้ ป สำหรบั ผูสงั เกตในซีกโลกใตจ ะมองเหน็ ขว้ั ฟาใตเปนมมุ เงยเทากับละติจูดของผูสงั เกตอยู ซ่งึ ผสู ังเกตในซกี โลกเหนือจะไมส ามารถมองเหน็ ขั้วฟา ใตไ ด เนือ่ งจากข้ัวฟาใตจะอยตู ํ่ากวา ขอบฟา 4.3 เสน ศนู ยส ตู รฟา คือ เสนวงกลมที่อยูในระนาบเดยี วกับเสนศนู ยส ตู รของโลก ซึ่งจะขยายวงกวา งออกไปถงึ ระยะอนนั ต เสนน้ีจะปรากฏบนทรงกลมฟาของผสู ังเกตแตกตางกัน โดยขน้ึ อยูกับละตจิ ูดของผูสังเกต 4.4. เสนขอบฟา คือ แนวบรรจบของทรงกลมฟา สวนบนกบั ทรงกลมฟาสว นลาง ซึง่ อยใู นแนวระดับสายตาของ ผสู งั เกต 4.5 จดุ เหนือศรี ษะ คือ จดุ บนทรงกลมฟา ท่ีอยูเ หนือศีรษะของผสู งั เกต 4.6 จุดใตเ ทา คอื จดุ บนทรงกลมฟาท่อี ยูใตเทาของผูสังเกต 4.7 เมริเดียน คือ เสนทล่ี ากจากขอบฟาทางทศิ เหนือผา นจดุ เหนอื ศีรษะไปยงั ขอบฟา ทางทิศใตของผสู้ งั เกต เสนน้ีจะแบง ทรงกลมฟาออกเปนซีกตะวนั ออกและซกี ตะวันตก â´Â¤³Ø ¤Ã³Ù Ѱ¸¹ÑÞÒ ºØÞ¶§Ö ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅÁØè ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙÇé Ô·ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÕ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙ ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃìáÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅК٠âÅ¡ 5. พจิ ารณาภาพ แลว อธิบายปรากฏการณที่สังเกตไดเม่ือผูสงั เกตอยบู รเิ วณขัว้ โลก 5.1 ผสู ังเกตทอ่ี ยูบ รเิ วณขว้ั โลกเหนือจะมองเห็นดาวเหนืออยูท่ีตำแหนง ใดบนทรงกลมฟา ขั้วฟา เหนือและจุดเหนือศีรษะ 5.2 ผสู ังเกตที่อยบู ริเวณขว้ั โลกเหนือจะมองเหน็ ดวงอาทิตยอ ยูทีต่ ำแหนงใดบนทรงกลมฟา อยูท ่เี สน ขอบฟาจนถึงมมุ เงยไมเกนิ 23.5 องศา 5.3 ผสู ังเกตท่อี ยูบริเวณขว้ั โลกใตจะมองเหน็ ดาวเหนือแตกตางจากผูส ังเกตท่ีอยบู รเิ วณข้วั โลกเหนืออยางไร ผสู ังเกตทอี่ ยูบรเิ วณขั้วโลกใตจะมองไมเ หน็ ดาวเหนือ 5.4 ผสู ังเกตบรเิ วณขวั้ โลกเหนือจะไมส ามารถสังเกตเห็นตำแหนงใดบนทรงกลมฟา ได ขั้วฟาใตและจดุ ใตเ ทา 5.5 อธบิ ายเสน ทางการเคล่ือนทป่ี รากฏของดาวฤกษท ่ีผูส ังเกตบริเวณขัว้ โลกมองเหน็ เนือ่ งจากขั้วฟา มที ิศทางต้ังฉากกับเสนขอบฟา ทรงกลมฟา จะมลี ักษณะการหมนุ ทข่ี นานไปกบั เสน ขอบฟา ทำใหเสน ทางการเคลื่อนทป่ี รากฏของดาวฤกษห มนุ เปน วงกลมรอบข้ัวฟา และไมมดี าวดวงใดทข่ี น้ึ และตกจาก ขอบฟา เลย 5.6 อธิบายเสน ทางการเคลื่อนทปี่ รากฏของดวงอาทติ ยท ่ีผสู งั เกตบรเิ วณขั้วโลกมองเห็น ดวงอาทติ ยจ ะเคล่ือนทขี่ นานไปกบั เสน ขอบฟา และหมุนเปนวงกลมรอบขัว้ ฟา โดยมีตำแหนงปรากฏ ระหวา งเสนขอบฟาจนถงึ มมุ เงย 23.5 องศา และจะไมขึ้นและตกจากขอบฟา เปนเวลา 6 เดือน 5.7 ผสู ังเกตที่อยูบ ริเวณขว้ั โลกไมส ามารถกำหนดทิศไดเพราะเหตุใด เพราะผสู งั เกตขว้ั โลกไมส ามารถสังเกตเห็นการข้นึ และตกของดวงอาทิตย ทำใหไมส ามารถกำหนดทิศได â´Â¤³Ø ¤Ã³Ù °Ñ ¸¹ÑÞÒ ºØÞ¶§Ö ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅÁèØ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃéÙÇÔ·ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙ ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍ×è § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅК٠âÅ¡ 6. พจิ ารณาภาพ แลว อธบิ ายปรากฏการณท่ีสังเกตไดเมื่อผูสงั เกตอยูบรเิ วณเสนศูนยส ูตร 6.1 ผสู ังเกตจะมองเหน็ ดาวเหนอื อยทู ่ีตำแหนงใดบนทรงกลมฟา ผูสงั เกตจะมองเหน็ ดาวเหนอื อยูท่ีเสนขอบฟาทางทิศเหนอื 6.2 ผสู ังเกตจะมองเหน็ ดวงอาทติ ยอยูที่ตำแหนงใดบนทรงกลมฟา ดวงอาทิตยขึ้นท่ีตำแหนงทางทิศตะวนั ออกเคลอื่ นท่ผี านจดุ เหนือศีรษะและตกทางทิศตะวนั ตก 6.3 ผสู ังเกตจะมองเหน็ ข้ัวฟา เหนือและขั้วฟาใตอยทู ่ีตำแหนงใดบนทรงกลมฟา ผสู ังเกตจะมองเหน็ ข้วั ฟาเหนอื อยูท่ีเสน ขอบฟาทางทิศเหนือและมองเหน็ ขว้ั ฟาใตอ ยูที่เสน ขอบฟา ทางทิศใต 6.4 ผสู ังเกตจะมองเห็นเสนศนู ยส ตู รฟา อยูที่ตำแหนง ใดบนทรงกลมฟา เสน ศนู ยสูตรฟาจะพาดผานทศิ ตะวันออกและทิศตะวันตกลากขนึ้ ไปถึงเหนอื ศรี ษะของผูสงั เกตและจะ พบวาทกุ จุดบนทรงกลมฟา จะเคลอ่ื นท่ีขน้ึ และตกเปนมุมตัง้ ฉากกับเสน ขอบฟา พอดี 6.5 อธิบายเสน ทางการเคลอื่ นที่ปรากฏของดาวฤกษที่ผสู ังเกตมองเหน็ เน่อื งจากขว้ั ฟามที ิศทางขนานกับเสนขอบฟา ทรงกลมฟาจะมลี ักษณะการหมุนที่ตั้งฉากไปกบั เสน ขอบ ฟา ดาวฤกษจ ะเคลอ่ื นที่ขึ้นทางทศิ ตะวนั ออกและตกทางทิศตะวนั ตกเปนมมุ ต้ังฉากกับเสน ขอบฟา 6.6 อธิบายเสน ทางการเคล่อื นท่ปี รากฏของดวงอาทติ ยทผ่ี ูส ังเกตมองเหน็ ดวงอาทิตยจ ะเคลื่อนที่ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวนั ตกเปน มุมต้ังฉากกับเสนขอบฟาโดย เฉยี งไปทางทิศเหนอื ไมเ กิน 23.5 องศา และเฉยี งไปทางทศิ ใตไ มเกิน 23.5 องศา â´Â¤³Ø ¤Ã³Ù Ѱ¸¹ÞÑ Ò ºÞØ ¶Ö§ ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅØèÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙéÇÔ·ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙé ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅК٠âÅ¡ 7. พจิ ารณาภาพ แลวอธิบายปรากฏการณทสี่ ังเกตไดเม่ือผูสงั เกตอยบู รเิ วณละตจิ ดู ตางๆ 7.1 ผสู งั เกตจะมองเหน็ ดาวเหนอื อยูที่ตำแหนง ใดบนทรงกลมฟา ตำแหนงของดาวเหนอื จะขน้ึ อยกู ับละติจูดของผสู ังเกต เชน ผูสงั เกตอยทู ่ีละติจดู 13 องศาเหนือ สงั เกตเห็นดาวเหนอื อยเู หนอื ขอบฟา ทางทศิ เหนือเปน มุมเงย 13 องศา 7.2 ผูสงั เกตจะมองเหน็ ดวงอาทิตยอยูทตี่ ำแหนง ใดบนทรงกลมฟา ดวงอาทติ ยขึน้ ที่ตำแหนง ทางทศิ ตะวันออก เคล่ือนท่ผี านจดุ เหนือศีรษะและตกทางทิศตะวนั ตกและทำ มุมกับเสน ขอบฟา เทากับละติจดู ของผูสังเกต 7.3 ผูสงั เกตจะมองเห็นขั้วฟาเหนอื และข้ัวฟาใตอยทู ่ีตำแหนงใดบนทรงกลมฟา ตำแหนงของข้ัวฟา ขึน้ อยูกับละติจูดของผสู งั เกต ถาผสู ังเกตอยบู รเิ วณซกี โลกเหนือ จะมองเห็นขว้ั ฟา เหนือเปนมมุ เงยเทา กบั ละติจูดของผูสงั เกตและมองไมเ ห็นข้ัวฟาใต ถาผสู ังเกตอยบู รเิ วณซีกโลกใตจะมองเหน็ ข้ัว ฟาใตเ ปนมุมเงยเทา กับละตจิ ูดของผูสังเกตและมองไมเ หน็ ข้ัวฟาเหนอื 7.4 อธิบายเสนทางการเคล่ือนที่ปรากฏของดาวฤกษท ีผ่ สู ังเกตมองเหน็ ดาวฤกษจะข้ึนทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก โดยทำมุมกบั เสนขอบฟาเทา กับละติจดู ของผู สังเกต สว นดาวฤกษทอี่ ยูใกลขั้วฟาจะเคลือ่ นท่เี ปน วงกลมรอบข้วั ฟา และไมตกลบั ขอบฟา สวนดาวฤกษท ี่อยูใตเ สน ขอบฟา จะไมโผลพนขอบฟาเลย 7.5 อธบิ ายเสนทางการเคลือ่ นทปี่ รากฏของดวงอาทิตยท ผี่ ูสังเกตมองเห็น ดวงอาทิตยข้ึนท่ีตำแหนงทางทิศตะวันออก เคลื่อนทีผ่ านจดุ เหนือศรี ษะและตกทางทิศตะวันตกและทำ มุมกบั เสนขอบฟา เทา กับละติจูดของผสู ังเกต â´Â¤³Ø ¤ÃÙ³°Ñ ¸¹ÞÑ Ò ºÞØ ¶§Ö ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅèÁØ ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙéÇÔ·ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍ×è § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅК٠âÅ¡ 8. ตอบคำถามเกี่ยวกบั การเคล่ือนทป่ี รากฏของดวงอาทิตยบนทรงกลมฟาใหถูกตอง 8.1 อธิบายความหมายของเสนสุรยิ วถิ ี เสนสุริยวถิ ี คอื เสนแสดงเสนทางการเคล่ือนที่ปรากฏของดวงอาทิตยบนทองฟา ในรอบ 1 ป เกดิ จาก การทีโ่ ลกโคจรรอบดวงอาทติ ยเ ปน วงรี โดยดวงอาทติ ยจ ะเคลือ่ นทป่ี รากฏเปนแนววงกลมทำมมุ 23.5 องศากบั เสนศนู ยส ูตรฟา 8.2 อธิบายเสน ทางการเคล่ือนท่ีปรากฏของดาวฤกษทผี่ ูสงั เกตมองเหน็ ดวงอาทติ ยเคล่ือนทปี่ รากฏไปตามเสนสรุ ิยวถิ เี ปน มุม 360 องศา ในระยะเวลาประมาณ 365.25 วัน หรือ 1 ป ดวงอาทติ ยจึงเคล่อื นทีไ่ ปดวยอัตราเรว็ ประมาณ 1 องศาตอวัน โดยมที ศิ ทางจากทศิ ตะวนั ตกไปยังทิศ ตะวันออก ตรงขามกบั การหมุนของทรงกลมฟา 8.3 ถาผูสงั เกตบนโลกถา ยภาพตำแหนงปรากฏของดวงอาทติ ยทตี่ ำแหนงและเวลาเดียวกนั ในแตละสัปดาห ตลอดทัง้ ป เม่ือนำภาพถายทั้งหมดมาซอนกันจะเห็นภาพการเคล่อื นท่ีของดวงอาทิตยเ ปน อยา งไร มรี ูปรางคลา ยเลข 8 หรอื เครื่องหมายอินฟน ิตี โดยรปู แบบการเคล่อื นทข่ี องดวงอาทติ ย ในลกั ษณะน้ี เรยี กวา แอนะเลมมา ซงึ่ มีประโยชน ในการทำนากิ าแดด 8.4 จากขอ 8.3 รปู แบบการเคลอ่ื นทีด่ ังกลา วเกิดขน้ึ ไดอยางไร เนอ่ื งจากแกนโลกทีเ่ อยี ง 23.5 องศา และวงโคจรของโลกทีโ่ คจรรอบดวงอาทิตยเปน รูปวงรีทำให ตำแหนง ของดวงอาทติ ยท ี่ปรากฏขน้ึ ในเวลาเดียวกนั ของแตล ะวนั ตา งกัน 8.5 ผสู งั เกตท่ีอยใู นตำแหนงตางกันบนโลก จะสงั เกตเห็นดวงอาทิตยเ คล่ือนที่ปรากฏบนเสนสรุ ิยวิถีเหมอื นหรอื แตกตางกนั อยา งไร แตกตา งกัน เพราะเสน ทางปรากฏของการขึ้นและตกของดวงอาทิตยจ ะเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลา และ ตำแหนงละตจิ ูดของผสู งั เกต â´Â¤Ø³¤ÃٳѰ¸¹ÞÑ Ò ºØÞ¶Ö§ ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅèÁØ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙéÇÔ·ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙé ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃìáÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅК٠âÅ¡ 9. ตอบคำถามเกี่ยวกบั กลมุ ดาวจกั รราศีใหถ ูกตอง 9.1 อธิบายความหมายของกลมุ ดาวจักรราศี กลุม ดาวท่ีปรากฏบนทรงกลมฟาตามแนวเสนสรุ ยิ วิถี ประกอบดวยกลมุ ดาว 12 กลุม ไดแก กลมุ ดาวแกะ กลมุ ดาววัว กลุมดาวคนคู กลุมดาวปู กลมุ ดาวสิงโต กลุม ดาวหญงิ สาว กลมุ ดาวคนั ชัง่ กลุมดาวแมงปอง กลมุ ดาว คนยงิ ธนู กลุม ดาวแพะทะเล กลมุ ดาวคนแบกหมอนํ้า และกลมุ ดาวปลา 9.2 ในเวลากลางคืนเราสามารถสังเกตเห็นกลมุ ดาวจักรราศีไดกกี่ ลุมและจะมองไมเห็นกลุม ดาวใดเพราะเหตุใด ในเวลากลางคนื เราสามารถสังเกตเหน็ กลุมดาวจกั รราศีไดทง้ั หมด 11 กลุมดาว และไมส ามารถสังเกตเหน็ กลมุ ดาวจกั รราศีทีม่ ตี ำแหนงตรงกับดวงอาทิตย 9.3 การสังเกตตำแหนง ของกลมุ ดาวจักรราศที ำใหทราบขอ มลู ใด การสังเกตตำแหนง ดวงอาทิตยเทยี บกบั กลุมดาวจกั รราศีจะทำใหเราสามารถทราบไดถงึ เดือนและฤดูกาล ท่ีกำลงั จะมาถึง 9.4 กลมุ ดาวจกั รราศใี ดท่ีดวงอาทติ ยเ คลื่อนทผ่ี า นเปนกลมุ ดาวกลมุ แรกในรอบป และทำใหทราบถึงขอมลู ใด กลมุ ดาวแกะ เปน กลมุ ดาวกลุมแรกท่ดี วงอาทิตยเ คลื่อนท่ผี าน ณ จุดท่เี สนสุริยวถิ ีตดั กบั เสน ศูนยสูตรฟา พอดี ซ่ึงเปน ชว งเวลาเร่มิ ตนของฤดูรอน 9.5 มนษุ ยน ำขอ มลู กลุมดาวจกั รราศีไปประยกุ ตใชในดา นใด มนุษยน ำขอมูลกลุม ดาวจกั รราศีไปพฒั นาการศกึ ษาดา นโหราศาสตร ดว ยความเช่ือท่วี า หากอทิ ธิพล ของดวงอาทิตยสามารถสองผานกลมุ ดาวจักรราศมี าทำใหดอกไมผลบิ านข้ึนได การอา นอิทธพิ ลของดวงอาทิตย ผา นกลมุ ดาวจกั รราศีในวันท่ีมนษุ ยถ ือกำเนิดข้นึ มาเพ่ือทำนายโชคชะตาของมนษุ ย â´Â¤Ø³¤ÃٳѰ¸¹ÑÞÒ ºÞØ ¶Ö§ ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅØÁè ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÇÙé Ô·ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÕ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
2. ¾¡Ô ´Ñ ·Íé §¿Òé àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙé ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅК٠âÅ¡ หากเราตองการบอกตำแหนงถงึ วตั ถุใด ๆ บนทองฟา เราสามารถทำไดโดยการบอกพิกดั ทอ งฟา (celestial coordinates) ซ่งึ การบอกพิกัดบนทองฟา สามารถทำไดหลายวิธขี ึ้นอยูกับระนาบอา งอิง พกิ ดั ขอบฟ้า ระบบพิกดั ขอบฟา (horizontal coordinates) เปนระบบพิกดั ท่ีใหผ สู งั เกตเปน ศูนยกลางของทรงกลมฟา โดยใชขอบฟาของผสู งั เกตเปนตวั อางอิง ระบบนยี้ งั สามารถเรยี กไดว า ระบบอลั ตาซิมทุ (Alt/Az Coordinate System) โดยใชม ุมทศิ (azimuth) และมุมเงย (altitude) ในการระบุตำแหนงของวตั ถบุ นทอ งฟา ระบบน้ี เปนระบบท่ีคอนขางงายและเปนธรรมชาติสำหรบั ผูสงั เกต ดังรูป ปญหาอยางหนึ่งของระบบพกิ ัดขอบฟานี้ คือ ตำแหนง ของวัตถุบนทองฟา ในระบบนจี้ ะเปลย่ี นพกิ ัด ไปเร่ือย ๆ ตามเวลาและตำแหนง ท่สี ังเกต เน่ืองจากทรงกลมฟา มีการเคล่ือนท่เี มอื่ เทยี บกับผสู ังเกต ดังนน้ั ผสู ังเกต ณ คนละตำแหนง จะมีการสงั เกตวัตถุบนทองฟา เดียวกนั คนละตำแหนง เชน ในขณะท่ดี วงอาทติ ย กำลังตกขอบฟาทางทิศตะวันตกของกรุงเทพมหานคร ผสู ังเกตท่ีประเทศอังกฤษจะเห็นดวงอาทติ ยอยูสูง 36 องศาเหนือของขอบฟาทางทิศใต และเม่ือเวลาผานไปอีก 6 ช่ัวโมง ชาวองั กฤษจงึ จะเห็นดวงอาทิตยกำลังตก ขอบฟา ทางทศิ ตะวนั ตก ¾¡Ô ´Ñ ȹ٠ÂÊì µÙ Ã พกิ ัดศนู ยส ูตร (equatorial coordinates) เปนระบบพิกัดทใ่ี ชโ ลกเปน ศูนยกลาง และอางองิ กับเสน ศนู ยสูตรฟาบนทรงกลมฟาโดยตรง ในระบบพกิ ัดนี้พิกดั ของวตั ถจุ ะไมข ึ้นอยกู บั ตำแหนงของผสู ังเกตและ ผูส งั เกต ณ ตำแหนง ใด ๆ บนโลก จะมพี ิกดั ของวตั ถใุ ด ๆ บนทอ งฟาอยูในระบบพิกัดเดยี วกันเสมอ จงึ มักจะเปน พกิ ดั ทใ่ี ชก นั มากที่สดุ ในทางดาราศาสตร เหมาะแกการระบุถงึ ตำแหนงดาวหรือวตั ถทุ องฟา ทสี่ ามารถสังเกตได ลงในแผนทด่ี าว ดังรปู â´Â¤³Ø ¤ÃÙ³°Ñ ¸¹ÑÞÒ ºØÞ¶Ö§ ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅèØÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÇéÙ ·Ô ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙ ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍ×è § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅÐÅÙ¡âÅ¡ ใน 1 วัน ดวงอาทิตยเ ปนเพียงวตั ถุหนง่ึ ท่อี ยูบนทรงกลมฟา มคี า เดคลิเนชันและคาไรตแ อสเซนชัน ทแ่ี นน อน แตเมอ่ื เวลาผา นไปในรอบป พิกัดของดวงอาทิตยจะมกี ารเปลี่ยนไป เนื่องจากโลกมีการโคจรไป รอบๆ ดวงอาทติ ย ดังน้ี วนั ท่ี ชอื่ เรยี ก พกิ ดั เดคลเิ นชนั พกิ ดั ไรตแอสเซนซัน 21 มนี าคม วสนั ตวิษุวัต (vernal equinox) (Dec) (RA) 21 มถิ นุ ายน ครีษมายนั (summer solstice) 00 0h 21 กนั ยายน ศารทวษิ วุ ตั (autumnal equinox) +23.50 6h 21 ธนั วาคม เหมายนั (winter solstice) 00 12 h -23.50 18 h â´Â¤Ø³¤ÃٳѰ¸¹ÞÑ Ò ºÞØ ¶Ö§ ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅÁèØ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃéÙÇ·Ô ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙé ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍ×è § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅÐÅÙ¡âÅ¡ ในวนั ท่ี 21 มีนาคม และ 21 กนั ยายน ดวงอาทติ ยจะอยูบนเสนศนู ยส ูตรฟา เนอื่ งจากเสนศนู ยสูตรฟา จะถกู แบงครึง่ โดยเสน ขอบฟา ไมวาผสู งั เกตจะอยูบ นละติจูดใดก็ตาม นน่ั หมายความวา ใน 2 วนั นด้ี วงอาทิตย จะใชเ วลาโผลพน ขอบฟา และอยูใตข อบฟาเปน เวลาเทา ๆ กนั คอื เปนวันท่ีกลางวันและกลางคนื ยาวเทา กัน จึงเรียกวา วิษุวตั (equinox; equal night and day) ในวันที่ 21 มิถนุ ายน ดวงอาทติ ยจะอยคู อนมาทางเหนือจากเสน ศนู ยส ูตรฟามากท่ีสดุ น่นั คือ จะเปน วันท่ีกลางวันยาวทีส่ ุด เปนตัวบงบอกถงึ ฤดูรอน ในวันท่ี 21 ธันวาคม ดวงอาทิตยจ ะอยูคอนมาทางใตของ ทรงกลมฟา มากทสี่ ุด สำหรับผสู งั เกตในซกี โลกเหนือจะพบกลางคนื ยาวทีส่ ดุ ซ่งึ เปนตัวบงบอกถึงฤดูหนาว หากผูส งั เกตไปอยูในซีกโลกใต จะพบวา ในวันท่ี 21 มิถนุ ายนดวงอาทิตยจะอยูใตข อบฟานานกวา นั่นหมายความ วา ผูสังเกตในซกี โลกใตจ ะเปนฤดหู นาวในเดอื นมิถุนายน สลับกบั ผูสงั เกตในซีกโลกเหนือ ดังนัน้ คำวา ครีษมายัน (summer solstice) สำหรบั เดือนมถิ นุ ายนจึงใชไดกับซีกโลกเหนอื เทานั้น ¾Ô¡´Ñ ÊÃØ ÂÔ Ç¶Ô Õ ในระบบพิกดั สรุ ิยวถิ ี เนอื่ งจากแกนโลกทำมุมเอียงกับวงโคจรหรือระนาบสุริยวิถี ทำใหเ สนสุริยวิถีทำมมุ กบั เสนศูนยสตู รฟา เกดิ จุดตัดข้ึน 2 จุด เรานยิ ามใหจดุ ตดั บรเิ วณตำแหนงของดวงอาทติ ยในวนั วสันตวษิ ุวตั มคี าลองจจิ ูดสรุ ิยวถิ เี ปน ศนู ย และมคี าเปนบวกไปในทางตะวนั ออกตามแนวสรุ ยิ วถิ ี ระนาบสรุ ยิ วถิ ี (ecliptic plane) เปน ระนาบของระบบสุริยะเมื่อสงั เกตจากโลก ในระบบพิกัดสุริยวิถี น้ันเราใชร ะนาบสรุ ยิ วถิ ีเปนระนาบอา งอิง แทนท่จี ะเปนระนาบศนู ยสูตรฟา แบบในระบบพิกดั ศูนยส ูตร เราจะพบ ดาวเคราะหใ นระบบสุริยะทุกดวงไดไ มห างจากระนาบนี้ไปมากนกั ขั้วฟาเหนอื สรุ ิยวิถี (North Ecliptic Pole) และขว้ั ฟา ใตสรุ ยิ วถิ ี (South Ecliptic Pole) ระนาบ สรุ ยิ วิถไี ดท ำการแบงทรงกลมฟาออกเปน 2 สวน โดยบริเวณสว นที่ช้ีออกจากระนาบเปน มุมฉากพอดีคือ แกนสรุ ิยวถิ ี ซึง่ เราสามารถแบงออกไดเ ปนขั้วฟาท้งั สอง ละตจิ ดู สุริยวิถี (ecliptic latitude) เปน มมุ ทห่ี างจากระนาบสรุ ิยวิถใี นลักษณะเดียวกับละตจิ ดู ของโลก โดยใชเ สน สรุ ยิ วถิ เี ปน จดุ อางอิง ลองจิจดู สุริยวถิ ี (ecliptic longitude) เปนมุมที่วัดไปตามแนวสรุ ยิ วิถีเชนเดยี วกับเสนลองจิจดู ของโลก â´Â¤³Ø ¤ÃٳѰ¸¹ÞÑ Ò ºÞØ ¶Ö§ ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅØèÁÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙéÇÔ·ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
¾¡Ô ´Ñ ¡ÒáÅ¡ç «Õ àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙé ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅÐÅÙ¡âÅ¡ นอกจากพิกัดขอบฟา พิกัดศูนยสูตร และพิกัดสุริยวิถีแลว เรายังสามารถใชระนาบของกาแล็กซีทาง ชางเผือกเปนระนาบอางอิงไดอีกดวย ระบบพิกัดน้ีเหมาะแกการศึกษากาแล็กซีทางชางเผือก แบงพิกัดออกเปน ละติจดู กาแลก็ ซี (galactic latitude) และลองจจิ ูดกาแล็กซี (galactic longitude) โดยมที ิศของลองจิจูดกาแล็กซี ท่ี 0 องศา ชี้ไปยังศูนยกลางกาแล็กซีบริเวณกลุมดาวคนยิงธนู (sagittarius) และทิศบวกในละติจูด กาแล็กซีช้ีไป หาขวั้ เหนอื ของกาแล็กซี ซงึ่ ชไี้ ปยังบริเวณกลมุ ดาวโคมา เบเรนซิ (coma berenices) Ẻ½Ö¡Ë´Ñ ·èÕ 1.2:¾Ô¡´Ñ ·Íé §¿Òé ใหน กั เรยี นตอบคำถามตอไปนี้ โดยการเขียนอธิบายคำตอบมาใหเ ขาใจ 1. อธบิ ายวิธีการบอกพกิ ัดดวยระบบพิกัดขอบฟา ระบบพิกัดขอบฟา เปน ระบบพิกัดท่ีใหผสู ังเกตเปนศูนยกลางของทรงกลมฟา โดยใชขอบฟาของผูสังเกตเปน ตวั อา งอิง ใชม ุมทิศ (azimuth) และมมุ เงย (altitude) ในการระบุตำแหนงของวตั ถุบนทองฟา ระบบนเี้ ปนระบบที่ คอ นขางงา ยและเปน ธรรมชาติสำหรับผูส งั เกต 2. อธิบายความหมายของมุมทิศและมุมเงย มุมทิศ (azimuth) แทนดวยสัญลักษณ h เปนมุมท่ีบอกวาผูสังเกตกำลังหันไปทิศใด กำหนดใหมุมทิศเปน 0 องศาที่ทิศเหนือ โดยวัดไปตามขอบฟาจากทิศเหนือไปตามเข็มนาิกา มุมทิศมีคาระหวาง 0-360 องศา มุมเงย (altitude) แทนดวยสญั ลกั ษณ A เปนมุมท่ีบอกวาวัตถุน้ีอยูสูงจากขอบฟา ณ มุมทิศไปก่ีองศา เชน จดุ เหนือศีรษะ จะมมี มุ เงย 90 องศา 3. ขอจำกดั ของการบอกพกิ ดั ดวยระบบพิกดั ขอบฟาคืออะไร อธิบายพรอ มยกตวั อยางประกอบ ตำแหนงของวัตถุบนทองฟาในระบบพิกัดนี้จะเปล่ียนพิกัดไปเรื่อยๆ ตามเวลาและตำแหนงที่สังเกตเน่ืองจาก ทรงกลมฟามีการเคล่ือนที่เม่ือเทียบกับผูสังเกต ดังน้ัน ผูสังเกตที่อยูคนละตำแหนงจะมีการสังเกตวัตถุบนทองฟา เดยี วกนั แตม ีพิกัดขอบฟาตางกัน เชน ในขณะท่ีดวงอาทิตยก ำลงั ตกบนขอบฟาทางทิศตะวันตกของประเทศไทย ผู สังเกตทีป่ ระเทศองั กฤษอาจจะเห็นดวงอาทติ ยอ ยสู งู จากขอบฟาทางทศิ ใตเปนมมุ เงย 36 องศา 4. ผูส ังเกตทป่ี ระเทศไทยสงั เกตเห็นกลุมดาวนายพรานอยบู ริเวณขอบฟา ตะวันออกเวลา 19.00 น.เมอ่ื เวลาผานไป 2 ช่วั โมง ตำแหนง ของกลมุ ดาวนายพรานในระบบพกิ ัดขอบฟาจะมกี ารเปลย่ี นแปลงอยา งไร เมื่อเวลาผานไปพิกัดขอบฟา ของกลุมดาวนายพรานจะเปลี่ยนแปลงไป ผูสังเกตจะเห็นกลมุ ดาวนายพรานอยู สูงจากขอบฟา มากขนึ้ หรือมีมมุ เงยเพ่ิมข้นึ เน่อื งจากทรงกลมฟามีการเคล่อื นทเี่ ม่ือเทียบกบั ผูสงั เกต â´Â¤Ø³¤Ã³Ù °Ñ ¸¹ÑÞÒ ºØÞ¶Ö§ ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅÁèØ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙéÇÔ·ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÕ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃìáÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍ×è § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅÐÅÙ¡âÅ¡ 5. ผสู ังเกตที่ประเทศไทยและผสู งั เกตที่ประเทศญี่ปุน จะสังเกตเห็นดาวเหนือมีพิกัดขอบฟา เหมือนหรือแตกตา งกัน อยา งไร ผูสังเกตท่ีประเทศไทยและผูสังเกตที่ประเทศญ่ีปุนจะเห็นดาวเหนือมีพิกัดขอบฟาตางกัน โดยดาวเหนือจะมี มุมเงยเทา กับละตจิ ูดของผสู ังเกต 6. กรุงเทพมหานครตง้ั อยูท่ีละตจิ ดู 13.8 Nํ ในวันเหมายัน ผสู ังเกตทอี่ ยบู รเิ วณน้ีจะเหน็ ดวงอาทติ ยขามเมริเดียน สงู จากขอบฟาทางทิศใด และเปน มุมเงยกอี่ งศา ในวันเหมายัน ดวงอาทิตยจะอยูคอนไปทางใตสดุ ซ่ึงตำแหนงใตส ุดท่ีดวงอาทิตยจ ะอยไู ดก็คอื -23.5 ํ หรืออยู ตํ่ากวาเสนศูนยสูตรฟา 23.5 ํ (เน่ืองจากแกนโลกเอียง 23.5 ํ) สำหรับกรุงเทพมหานครตั้งอยูท่ีละติจูด 13.8 Nํ ข้ัว ฟา เหนือจะยกข้ึนมา 13.8 ํ ดังนัน้ เสนศูนยสูตรฟา จะอยคู อนไปทางใต 13.8 ํ จึงเหน็ ดวงอาทิตยอยูต่ํากวา เสนศนู ย สูตรฟาอีก 23.5 ํ นั่นคือ ดวงอาทิตยจะคอนไปทางใต โดยอยูเหนือเสนขอบฟา 90 ํ - 23.5 ํ - 13.8 ํ = 52.7 ํ ขณะท่ผี านเมริเดียน 7. วิชยั อยูท่ลี ะติจูด 20 Nํ ลองจจิ ูด 100 Eํ แลว สงั เกตเหน็ ดาว A อยเู หนอื ศรี ษะพอดี ถา ปกรณอยทู ลี่ ะติจดู 15 Nํ ลองจจิ ดู 100 ํE ในเวลาเดยี วกัน ปกรณจะสังเกตเห็นดาว A อยใู นตำแหนง ใด ปกรณอยูลองจิจูดเดียวกันกับวิชัย จึงเห็นดาว A อยูบนเสนเมริเดียน แตปกรณอยูละติจูดใตกวาวิชัย 5 ํN ปกรณจะเหน็ ดาว A คอ นไปทางเหนือ 5 ํ จากจดุ ยอดฟา 8. นักปราชญช าวกรกี คนหนึง่ ชื่อ เอราทอสเทนีส (Eratosthenes) อาศัยอยูท ีเ่ มืองไซรีนี (Cyene) ซง่ึ มเี พยี ง 1 วัน ทส่ี ามารถสงั เกตเหน็ เงาสะทอ นของดวงอาทติ ยอยใู นบอนาํ้ ได (ดวงอาทติ ยอยกู ลางศรี ษะ) ถา เมอื งไซรนี ีอยใู น ซีกโลกเหนือ เมอื งนี้จะมลี ะตจิ ดู เทาใด และสามารถสงั เกตเหน็ เงาสะทอ นของดวงอาทิตยไ ดตรงกับวันท่เี ทา ใด ใน 1 ป พิกัดเดคลเิ นชันของดวงอาทิตยจะมีการเปล่ียนแปลงคอนไปทางเหนือและใตไมเกิน +/- 23.5 ํ จาก เสนศูนยสูตรฟา จึงสามารถพบดวงอาทิตยอยูเหนือศีรษะไดก็ตอเม่ือคาเดคลิเนชันของดวงอาทิตยมีคาเทากับคา เดคลิเนชันท่ีกลางศีรษะ โดยประเทศในแถบศูนยสูตรจะสามารถพบปรากฏการณนี้ไดปละ 2 ครั้ง เชน ที่ กรุงเทพมหานคร จะพบคาเดคลิเนชันกำลังเคลื่อนท่ีไปทางเหนือสูวันครีษมายัน และพบอีกคร้ังเมื่อดวงอาทิตย กำลังเคลื่อนกลับลงมาทางใตสูวันวสันตวิษุวัต การที่เมืองไซรีนีสามารถพบปรากฏการณนี้ไดเพียงครั้งเดียว แสดง วาดวงอาทิตยจะอยูเหนือศีรษะที่ตรงจุดวนกลับพอดี นั่นคือ เมืองนี้จะตองมีคาเดคลิเนชันบริเวณเหนือศีรษะ เทากับ +23.5 ํ ตรงกับละติจูด 23.5 ํN ซ่ึงเรียกละติจูดนี้วา ทรอปกออฟแคนเซอร (Tropic of Cancer) และใน วันทีด่ วงอาทิตยมคี า เดคลิเนชัน +23.5 ํ จะตรงกบั วันทีก่ ลางวนั ยาวทสี่ ุดในซีกโลกเหนือซึง่ ก็คอื วนั ครษี มายนั â´Â¤³Ø ¤Ã³Ù Ѱ¸¹ÞÑ Ò ºÞØ ¶Ö§ ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅèØÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃéÙÇ·Ô ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙ ÃÒÂÇªÔ Ò âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅК٠âÅ¡ 9. ใหนกั เรยี นปฏิบตั กิ ิจกรรมตอ ไปน้ี 9.1 เขยี นแผนภาพทรงกลมฟา แสดงตำแหนง ตอ ไปนี้ จุดเหนอื ศรี ษะสำหรับผูสังเกตอยทู ีเ่ สน ศนู ยสตู ร และ ตำแหนง ของดาวปรากฏ ณ มุมทิศ 70 องศา และมุมเงย 40 องศา 9.2 ดแู ผนภาพ แลว หาคา มมุ ทิศและมมุ เงยของดาว A และดาว B ดาว A มีคามมุ ทิศเทากับ 150 องศา และคา มุมเงยเทากบั 50 องศา ดาว B มคี ามมุ ทิศเทา กับ 200 องศา และคามุมเงยเทากับ 70 องศา â´Â¤³Ø ¤ÃٳѰ¸¹ÑÞÒ ºØÞ¶§Ö ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅÁèØ ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÇÙé ·Ô ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ÃÒÂÇªÔ Ò âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅÐÅÙ¡âÅ¡ 10. ระบคุ าของมมุ เงยและมุมทศิ ใหสอดคลองกบั ขอความตอไปน้ี กำหนดใหอัตราเร็วของการหมุนรอบตัวเองของ โลก มคี าเปน 15 องศาตอ 1 ชั่วโมง ขอ ขอ ความ มุมเงย มมุ ทศิ 1 ดวงจนั ทรอยใู นทิศตะวันออกเฉยี งใต อยสู งู จากเสน ขอบฟา 30 ํ 135 ํ 45 ํ 315 ํ เปน มมุ 30 ํ 65 ํ 45 ํ 2 ดาวดวงหน่งึ อยทู างทศิ ตะวนั ตกเฉียงเหนือและอยูก่งึ กลาง 20 ํ 180 ํ 0ํ 270 ํ ระหวา งเสนขอบฟา และจดุ เหนือศรี ษะ 0ํ 90 ํ 3 ดาวเสารอยูหา งจากจดุ เหนือศีรษะ 25 ํ ทางทิศตะวันออก 25 ํ 90 ํ 80 ํ 90 ํ เฉียงเหนือ 35 ํ 270 ํ 4 ดาวดวงหน่งึ ปรากฏทางทิศใต วัดจากเสนขอบฟา โดยใชม อื 80 ํ 270 ํ ประมาณไดเปน 2 กำปน 5 ดวงอาทติ ยตกลับขอบฟาทีเ่ กาะสุมาตรา ประเทศอนิ โดนเี ซีย มีพกิ ัดภมู ศิ าสตร คือ 0 ํ 00’ N 102 ํ 00’ E 6 ดวงอาทิตยกำลังขึ้นจากขอบฟา ในวันวสนั ตวิษวุ ตั จะมีคามุมเงยและ มุมทิศเปน เทาไร 7 ถาดาวดวงหนงึ่ มคี ามมุ เงยเปน 10 ํ และมมุ ทิศเปน 90 ํ เมื่อผา นไป 1 ชว่ั โมง จะมคี า มุมเงยและมุมทศิ เปนเทาไร 8 ถา ดาวดวงหนึง่ มีคามมุ เงยเปน 50 ํ และมุมทิศเปน 90 ํ เม่ือผา นไป 2 ช่ัวโมง จะมคี า มุมเงยและมุมทศิ เปน เทา ไร 9 ถาดาวดวงหนง่ึ มีคามมุ เงยเปน 80 ํ และมุมทิศเปน 90 ํ เม่ือผา นไป 3 ชว่ั โมง จะมีคามมุ เงยและมุมทิศเปนเทา ไร 10 ถาดาวดวงหนงึ่ มคี ามมุ เงยเปน 50 ํ และมุมทิศเปน 90 ํ เมื่อผา นไป 8 ชวั่ โมง จะมคี า มมุ เงยและมุมทศิ เปน เทาไร 11. อธบิ ายความหมายของการบอกพกิ ดั ดวยระบบพิกัดศูนยสูตร 11.1 การบอกพกิ ัดดว ยระบบพิกัดศนู ยสตู รมีวธิ ีการอยางไร ระบบพิกดั ศูนยส ตู ร เปนระบบพิกดั ที่ใชโลกเปน ศูนยกลางและอางองิ กบั เสน ศูนยส ูตรฟา บนทรงกลมฟา โดยตรง ในการระบตุ ำแหนง พกิ ัดบนทรงกลมฟาใชวธิ ีใกลเคียงกบั พกิ ดั ละติจูดและลองจิจูดบนโลก โดยในระบบ พิกดั ศนู ยส ตู รแบงพกิ ัดออกเปนเดคลิเนชนั (Declination) และไรตแอสเซนชนั (Right Ascension) 11.2 อธิบายความหมายของเดคลเิ นชนั และไรตแอสเซนชนั เดคลิเนชัน (Declination; Dec) แทนดวยสัญลักษณ ������������(delta) จะมีลกั ษณะคลา ย ๆ กบั ละติจดู บนโลก ใชบ อกระยะเชิงมุมของดาววาอยูห า งจากเสน ศูนยสูตรฟา เทา ใด มีคา -90 ถึง 90 องศา โดยถา วัดไปทาง ทศิ เหนอื มคี าเปนบวก แตถ า วัดไปทางทิศใตจะมีคาเปน ลบ ไรตแ อสเซนชัน (Right Ascension; RA) แทนดวยสญั ลกั ษณ α (Alpha) จะมีลักษณะคลา ย ๆ กับเสน ลองจิจดู บนโลก คอื มุมทีห่ า งจากเสน อางองิ บนทรงกลมฟา โดยเสน อา งอิง คอื เสนที่ลากผา นจดุ วสนั ตวษิ ุวตั หนวยของ RA จะมลี กั ษณะที่ตางออกไปโดยใชห นวยเปนช่ัวโมง (h) นาที (m) และวนิ าที (s) โดยรอบเสน ศูนยส ูตร ฟาจะแบง ออกเปน 24 ช่วั โมง â´Â¤Ø³¤Ã³Ù °Ñ ¸¹ÑÞÒ ºØÞ¶Ö§ ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅÁèØ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÇéÙ ·Ô ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÕ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙ ÃÒÂÇªÔ Ò âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅК٠âÅ¡ 11.3 ระบบพิกดั ศนู ยส ูตรแตกตางจากระบบพิกัดขอบฟา อยางไร อธิบายพรอมยกตวั อยางประกอบ ในระบบพิกดั ศนู ยสูตร พกิ ัดของวตั ถุจะไมข้ึนอยูกบั ตำแหนง ของผูสังเกตและผสู งั เกต ณ ตำแหนง ใด ๆ บนโลกจะมพี ิกัดของวตั ถุใดๆ บนทอ งฟาเปนพิกัดเดียวกันเสมอ เชน ผสู งั เกตที่ประเทศไทยและผสู ังเกตทีป่ ระเทศ ญีป่ ุน จะระบุพิกัดศูนยส ตู รของดาวเวกาเปน พิกัดเดียวกัน คือ RA = 18h 36m 56s และ Dec = +38 ํ 47’01” แต ในระบบพิกัดขอบฟา ผูสังเกตจะตอ งสังเกต ณ ตำแหนงเดียวกนั จงึ จะเห็นดาวเวกาอยูในตำแหนงเดยี วกัน 11.4 ผสู ังเกตที่ประเทศไทยและผูสังเกตท่ีประเทศญีป่ ุนจะสังเกตเห็นดาวเหนือมีพิกัดศูนยสตู รเหมือนหรือ แตกตางกัน อยา งไร ผสู ังเกตทอี่ ยูทั้ง 2 ประเทศ จะเห็นดาวเหนือมีพิกดั ศนู ยสูตรเดียวกนั โดยดาวเหนือจะมพี ิกัดศนู ยส ตู ร คอื RA = 02h 31m 49s และ Dec = +89 ํ 15’50” 12. แสดงวธิ ีคดิ เพือ่ หาคำตอบ 12.1 ไบรทอยกู รุงเทพฯ (13 ํ 45 N, 100 ํ 31 E) มองเหน็ ดาวดวงหนึ่งเปนมุมเงย 63 ํ 48 และ มุมทิศ 180 ํ 00 เขาจึงโทรศัพทใหวนิ ดดู าวดวงเดียวกันในทนั ที ถา วนิ อยูทป่ี นงั ประเทศมาเลเซยี (5 ํ 25 N, 100 ํ 19 E) วนิ จะตอ งมองดาวดวงน้ีทีต่ ำแหนง มมุ เงยเทา ไร และตองหนั หนาไปทางทศิ ใด เน่อื งจากคาลองจจิ ูดของพิกัดภูมศิ าสตรท ่ไี บรทและวินอยู มีคา ตางกันไมม าก จงึ ประมาณใหท ัง้ 2 คนอยู ในเสน ลองจจิ ดู เดียวกนั เนอื่ งจากไบรทมองเหน็ ดาวดวงนด้ี วยมุมทศิ 180 ํ 00 ตรงกบั ทิศใตพอดี และวนิ อยูในละตจิ ูดทน่ี อยกวา ไบรท 13 ํ 45’ - 5 ํ 25’ = 8 ํ 20’ ดงั นนั้ วินจะตอ งมองดาวดวงนด้ี ว ยมุมเงย 63 ํ 48’ + 8 ํ 20’ = 71 ํ 68 = 72 ํ 08’ N โดยหนั หนา ไปทาง ทศิ ใต 12.2 ซารา อยูท ี่ประเทศนวิ ซีแลนด (41 ํ 17’ S, 174 ํ 47’ E) เหน็ กลมุ ดาวกางเขนใตอ ยทู เ่ี มรเิ ดียน ถากลุม ดาวกางเขนใตมคี าไรตแ อสเซนชันประมาณ 12.5 ชัว่ โมง และเดคลิเนชนั ประมาณ -60 ํ แลว ซารา จะตองมองกลุม ดาวน้ีดว ยมุมทิศและมุมเงยเทาไร กลุมดาวกางเขนใตอยูทตี่ ำแหนง (12.5h, -60 )ํ ผูสังเกตท่เี สนศูนยส ูตรจะเห็นดาวดวงนีเ้ ปนมุม 60 ํ วดั จากจดุ เหนอื ศรี ษะไปทางทิศใต จะไดว า ขณะท่กี ลุมดาวกางเขนใตอยูทีเ่ มรเิ ดยี น ผสู ังเกตท่ีประเทศนิวซีแลนดจ ะอานคา มมุ เงยเปน 60 ํ 00’ - 41 ํ 17’ = 18 ํ 43’ ทางทิศใต ดงั น้ัน ซารา จะตองมองกลมุ ดาวนี้ดว ยมมุ ทิศ 180 ํ และมุมเงย 18 ํ 43’ 12.3 ในวนั ท่กี ลางวนั ยาวนานท่ีสดุ บมุ ซง่ึ อยูในประเทศเกาหลใี ต อานเวลาไดเปน 10.00 น. แตในเวลา เดียวกันน้ี เอซ่งึ อยทู ี่พกิ ดั ภูมิศาสตร (13 ํ 31’ N, 99 ํ 48’ E) เหน็ ดวงอาทติ ย ข้นึ สงู สุดพอดี แลว ตำแหนง ละตจิ ดู ของบุมและเออยหู างกนั ก่ีองศา และมมุ เงยกับมุมทิศที่เอเห็นดวงอาทติ ยขนึ้ สูงสดุ มคี า เทา ไร เน่อื งจาก บุมอา นเวลาไดเ ปน 10.00 น. สวนเอเห็นดวงอาทติ ยข ้นึ สูงสดุ ในเวลา 12.00 น.ดงั น้ัน ท้ัง 2 คน จะอยูหางกนั เปน เวลา 2 ชว่ั โมง เนอื่ งจาก โลกหมนุ รอบตวั เอง 24 ช่วั โมง คิดเปน มุม 3600 360 ������������ 2 จะไดว า เม่ือโลกหมนุ ไปได 2 ช่วั โมง คดิ เปนมมุ 24 = 300 ดงั นน้ั ตำแหนงละติจดู ของบุมและเออยูห างกัน 300 เนอ่ื งจาก ในวันดังกลาวเปน วนั ครีษมายัน ดวงอาทิตยจะมีคา มุม Dec = +23.50 â´Â¤Ø³¤ÃٳѰ¸¹ÞÑ Ò ºÞØ ¶Ö§ ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅèØÁÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃÇÙé ·Ô ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÕ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃÙé ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅÐÅÙ¡âÅ¡ ผสู งั เกตท่ีเสน ศนู ยส ตู รจะเหน็ ดวงอาทติ ยด วยมุมเงย 23.50 หรอื 230 30’ วดั จากจุดเหนือศรี ษะไปทางทิศ เหนอื จะไดว า เอซ่ึงอยูท่ีละตจิ ูด 13 ํ 31 N จะอานคามุมเงยเปน 23 ํ 30’ - 13 ํ 31’ = 9 ํ 59’ทางทศิ เหนือ ซงึ่ มมี ุมทิศเปน 0 ํ0’ 12.4 ในคนื หนึ่ง ดาวอังคารที่อยทู ี่ตำแหนง (4h18m, 20 4ํ 4’) มนิ ตรายนื หนั หนาไปทางทิศใต เหน็ ดาวอังคารผานเสน เมรเิ ดียนฟาเปนมุมเงย 62 0ํ 6’ ละติจูดที่มินตรากำลังยืนอยคู ือละติจดู ใด ขณะที่ดาวอังคารอยตู ำแหนง (4h18m, 20 4ํ 4’) ผสู ังเกตทเ่ี สนศนู ยสตู รจะเห็นดาวอังคารดวย มุม 20 4ํ 4’ วัดจากจุดเหนอื ศีรษะไปทางทิศเหนือ เน่อื งจากมนิ ตราเห็นดาวองั คารเปนมมุ เงย 62 0ํ 6’ ทางทิศใต ตรงกับมมุ 90 ํ00’ - 62 ํ06’ = 27 5ํ 4’ เม่ือวัดจากจดุ เหนือศีรษะไปทางทิศใต แสดงวา มนิ ตราอยูในละติจดู คอนไปทางขวั้ โลกเหนือ ดังนน้ั ละติจูดที่มนิ ตรากำลงั ยืนอยู คอื 20 ํ44’ + 27 5ํ 4’ = 47 9ํ 8’ = 48 3ํ 8’ N 12.5 ผูสังเกตท่ีอยูท ีภ่ ูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุน (35 2ํ 1’ 29” N , 138 ํ 43’ 52” E) และทีแ่ หลมพรหม เทพ จงั หวัดภเู ก็ต (7 ํ45’ 36” N, 98 ํ 18’ 30” E) จะสามารถมองเหน็ ดาวแอลฟาเซนเทารี (14h 39m 36s, -60 ํ 50’ 2”) ไดห รอื ไม เพราะเหตุใด ดาวแอลฟาเซนเทารีอยูที่ตำแหนง (14h 39m 36s, -60 ํ 50’ 2”) ผสู ังเกตท่ีเสน ศูนยส ตู รจะเหน็ ดาวดวงนี้ เปน มุม 60 ํ 50’ 2” วัดจากจุดเหนือศรี ษะไปทางทิศใต จะไดวา ผูสงั เกตท่ีอยูทภ่ี ูเขาไฟฟูจิจะอานคา มมุ เงยเปน 90 ํ 00’ 00” - (35 ํ 21’ 29” + 60 ํ 50’ 2”) = -5 ํ 71 ‘3” ทางทิศใต สว นผสู งั เกตทแ่ี หลมพรหมเทพจะอานคา มุมเงยเปน 90 ํ 00’ 00” - (7 ํ 45’ 36” + 60 ํ 50’ 2”) = 21 ํ 24’ 22”ทางทิศใต ดงั นน้ั ผสู ังเกตที่ภูเขาไฟฟจู ิ ประเทศญป่ี ุน จะไมเหน็ ดาวแอลฟาเซนเทารี แตผ สู งั เกตท่แี หลมพรหมเทพ จงั หวัดภูเก็ต จะเหน็ ดาวแอลฟาเซนเทารเี ปน มมุ เงย 21 ํ 24’ 22” ทางทศิ ใต เม่ือดาวข้ึนสงู สุดจากขอบฟา 12.6 เมอื่ ดาวพฤหัสบดโี คจรเขา สูก ลมุ ดาวประจำราศธี นู วัดพิกัดไดเปน (19h 25m, -25 ํ 20’) ใน ขณะที่ดาวพฤหัสบดีกำลงั เคล่ือนผา นเสน เมรเิ ดียนฟา มุมเงยและมมุ ทศิ มีคา เปน 45 ํ 17’ และ 0 ํ 0’ ตามลำดับ ผูสงั เกตอยูท่ีละตจิ ูดใด และดาวพฤหสั บดีอยูทีล่ องจิจดู กาแล็กซเี ทา ไร ขณะทด่ี าวพฤหสั บดอี ยูท่ีตำแหนง (19h 25m, -25 ํ 20’) ผูสงั เกตที่เสน ศนู ยสตู รจะเหน็ ดาวพฤหสั บดดี วย มมุ 25 ํ 20’ วดั จากจดุ เหนือศรี ษะไปทางทิศใต เนอื่ งจากผูสงั เกตเหน็ ดาวพฤหสั บดีเปน มุมเงย 45 ํ 17’ ทางทิศเหนือ ตรงกับมุม 90 ํ 00’ - 45 ํ 17’ = 44 ํ 43’ เม่ือวัดจากจุดเหนือศีรษะไปทางทิศเหนือ แสดงวา ผูส ังเกตอยูในละตจิ ดู คอนไปทางขัว้ โลกใต ดงั น้ัน ละติจดู ที่ผูสังเกตกำลงั ยืนอยู คอื 25 ํ 20’ + 44 ํ 43’ = 69 ํ 63’ = 70 ํ 03’ S เนอ่ื งจาก ดาวพฤหัสบดีอยใู นกลมุ ดาวประจำราศธี นู คอื กลมุ ดาวคนยงิ ธนู (sagittarius) ดังนั้น ดาวพฤหัสบดีจงึ อยูท่ลี องจิจดู กาแล็กซีประมาณ 0 ํ â´Â¤Ø³¤Ã³Ù Ѱ¸¹ÑÞÒ ºÞØ ¶Ö§ ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅèØÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙÇé ·Ô ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙ ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅÐÅÙ¡âÅ¡ 13. ตอบคำถามเก่ยี วกบั พกิ ัดสรุ ยิ วถิ แี ละระบบพกิ ัดกาแล็กซใี หถูกตอง 13.1 อธบิ ายวิธีการบอกพิกัดดว ยระบบพิกดั สรุ ิยวถิ ี ระบบพิกดั สุรยิ วถิ ี เปนระบบทีบ่ อกพิกัดเชนเดียวกับพิกดั ของทรงกลมท่วั ไป เน่ืองจากแกนโลกทำมุมเอยี ง กับวงโคจรหรอื ระนาบสรุ ิยวิถี ทำใหเสน สุรยิ วถิ ีเอยี งทำมุมกับเสน ศูนยส ตู รฟา เกดิ จุดตัดข้ึน 2 จุด เรานยิ ามให จดุ ตดั บริเวณตำแหนง ของดวงอาทติ ยที่จดุ วสนั ตวษิ ุวตั มคี าลองจิจดู สุริยวถิ ีเปน ศูนย และมีคา เปน บวกไปในทาง ตะวนั ออกตามแนวสุรยิ วิถี สวนคา ละตจิ ูดสุริยวิถี เปนมุมท่ีหา งจากระนาบสรุ ยิ วิถี โดยใชเสน สรุ ยิ วถิ เี ปน จุดอางอิง 13.2 อธิบายความหมายของละติจดู สุรยิ วถิ ีและลองจิจูดสุรยิ วถิ ี ละตจิ ูดสรุ ยิ วถิ ี (ecliptic latitude) เปนมมุ ทห่ี า งจากระนาบสรุ ยิ วิถี ในลกั ษณะเดยี วกับละตจิ ูดของ โลก โดยใชเ สนสุริยวิถีเปนจุดอางองิ เขยี นแทนดวยสัญลกั ษณ β (Beta) มีคาเปน บวกในทางเหนอื และติดลบเมือ่ ไปทางทิศใต ลองจจิ ูดสรุ ยิ วถิ ี (ecliptic longitude) เปนมุมที่วดั ไปตามแนวสุรยิ วิถใี นลักษณะเดียวกบั เสน ลองจจิ ดู ของโลก สามารถเขยี นแทนดวยสัญลกั ษณ λ (Lambda) แตเน่ืองจากทรงกลมมีลกั ษณะสมมาตรรอบ ๆ แกน จงึ จำเปน ตองนยิ ามจดุ 1 จดุ ข้ึนมาเพื่อเปน จุดอางองิ คือจดุ ตดั บริเวณตำแหนงของดวงอาทติ ยทีจ่ ุดวสันต วิษวุ ัตมคี า ลองจจิ ดู สรุ ยิ วถิ ีเปนศูนยและมีคาเปน บวกไปในทางตะวันออกตามแนวสรุ ิยวถิ ี 13.3 อธิบายวธิ ีการบอกพิกดั ดว ยระบบพิกดั กาแลก็ ซีทรงกลมมลี ักษณะสมมาตรรอบๆ แกน จงึ จำเปน ตอง นิยามจุด 1 จดุ ขน้ึ มาเพื่อเปนจุดอางองิ คือ ระบบพิกัดกาแลก็ ซี เปน ระบบพกิ ดั ทใี่ ชร ะนาบของกาแล็กซที างชางเผอื กเปนระนาบอา งองิ เหมาะแก การศึกษากาแลก็ ซีทางชา งเผือก แบง พกิ ัดออกเปนละตจิ ดู กาแลก็ ซี (galactic latitude) และลองจิจดู กาแล็กซี (galactic longitude) โดยมีทิศของลองจจิ ูดกาแล็กซีที่ 0 องศา ชี้ไปยังศนู ยกลางกาแล็กซีบริเวณกลมุ ดาวคนยงิ ธนู และทิศบวกในละตจิ ูดกาแลก็ ซชี ้ีไปหาขว้ั เหนือของกาแลก็ ซซี ึง่ ชี้ไปยังบรเิ วณกลมุ ดาวโคมาเบเรนิซ 3. ¡ÒáÓ˹´àÇÅÒº¹âÅ¡ àÇÅÒÊÃØ ÂÔ ¤µÔ àÇÅÒÊØÃÔ¤µÔà»ç¹àÇÅÒ·èÕÍÒé §Í§Ô ¨Ò¡µÓá˹§è ¢Í§´Ç§ÍÒ·ÔµÂì à¡Ô´¨Ò¡¡ÒÃÊ§Ñ à¡µ¡ÒÃà¤ÅÍè× ¹·èբͧ ´Ç§ÍÒ·ÔµÂì¼Òè ¹·éͧ¿Òé ¢Í§¼éÊ٠ѧࡵ àÃҹѺàÇÅÒ·è´Õ ǧÍÒ·µÔ Âìãªé㹡ÒÃ¡ÅºÑ ÁÒÍÂè·Ù èµÕ Óá˹§è à´ÔÁº¹·éͧ¿Òé Í¡Õ ¤ÃÑé§ÇÒè à»ç¹àÇÅÒ 1 Çѹ ËÃ×Í 1 ÇѹÊÃØ Ô¤µÔ»ÃÒ¡¯ (apparent solar day) áÅÐàÃÒàÃÂÕ ¡àÇÅÒ·´èÕ Ç§ÍÒ·ÔµÂì ¼Òè ¹àÁÃàÔ ´Õ¹¾Í´ÇÕ èÒ໹ç àÇÅÒà·èÂÕ §Çѹ ÍÂèÒ§äáçµÒÁ àÃҨоºÇÒè àÇÅÒ·è´Õ ǧÍÒ·µÔ Âìãªé㹡ÒáÅѺÁÒÍÂÙµè Óá˹è§à´ÔÁº¹·éͧ¿Òé (1 Ç¹Ñ ÊØÃÔ¤µÔ»ÃÒ¡¯) ¨ÐäÁàè ·Òè ¡¹Ñ µÅÍ´·éѧ»Õ ·àÕè »¹ç àª¹è ¹éÕà¹Íè× §¨Ò¡âÅ¡ÁÕǧ⤨Ãà»ç¹Ç§ÃÕ ·ÓãËàé ÇÅÒ·Õè㪵é Òè §¡Ñ¹ ºÒé §àÅ硹éÍ áµèËÒ¡¹ÓÁÒà©ÅÕÂè Ç¹Ñ ÊØÃÔ¤µÔ»ÃÒ¡¯µÅÍ´·é§Ñ »ÕáÅÇé ¨Ðä´éÇèÒ àÇÅÒà©ÅÕÂè ã¹ 1 Ç¹Ñ ¨ÐÁÕ¤Òè à·Òè ¡ºÑ 24 ªèÑÇâÁ§¾Í´Õ àÃÒàÃÂÕ ¡àÇÅÒ 24 ªÇèÑ âÁ§ÇÒè 1 ÇÑ¹ÊØÃÔ¤µ»Ô Ò¹¡ÅÒ§ (mean solar day) àÇÅÒÊÒ¡Å ¡ÒÃãªàé ÇÅÒÊÃØ ÂÔ ¤µ»Ô Ò¹¡ÅÒ§¨Ð·Óã˼é éÙÊ§Ñ à¡µ·ÍèÕ ÂÅè٠ͧ¨¨Ô ´Ù ·áèÕ µ¡µÒè §¡¹Ñ ¨ÐÁàÕ ÇÅÒ·äÕè Áµè ç¡¹Ñ (¼éÊÙ §Ñ ࡵ·èÕ Í·èÙ Ò§µÐÇ¹Ñ ÍÍ¡¨ÐàË¹ç ´Ç§ÍÒ·µÔ ¼ì Òè ¹àÁÃàÔ ´ÂÕ ¹¡Íè ¹) à¾Íè× ¤ÇÒÁÊдǡ㹡Òù´Ñ ËÁÒÂàÇÅÒ ¨§Ö ä´Áé ¡Õ Òà ¡Ó˹´àÇÅÒÊÒ¡Å è èâ â è â´Â¤Ø³¤Ã³Ù Ѱ¸¹ÑÞÒ ºÞØ ¶§Ö ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅÁØè ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÇÙ Ô·ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
àÇÅÒ´ÒÃÒ¤µÔ àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅК٠âÅ¡ àÇÅÒ´ÒÃÒ¤µÔ (sidereal time) ໹ç ÊèÔ§·èպ͡¶§Ö µÓá˹觴ÒÇ à»¹ç àÇÅÒ·èãÕ Ëâé Å¡ËÁ¹Ø ¨¹´ÒǴǧà´ÁÔ ¡ÅºÑ ÁÒ·èÕµÓá˹è§à´ÁÔ â´Â 1 Ç¹Ñ ´ÒÃÒ¤µ¨Ô Ðãªàé ÇÅÒ·§éÑ ÊÔé¹ 23 ªèÇÑ âÁ§ 56 ¹Ò·Õ ¹Ñ¹è ¤×Í 1 Ç¹Ñ ´ÒÃÒ¤µ¨Ô ÐÊÑ¹é ¡ÇèÒ 1 Ç¹Ñ ÊØÃÔ¤µÔÍÂèÙ 4 ¹Ò·Õ àÇÅÒ´ÒÃÒ¤µÔ ¤Í× àʹé äõìáÍÊૹªÑ¹ (RA) ·èÕÍÂèÙº¹àÁÃÔà´ÂÕ ¹ ³ »¨Ñ ¨ºØ ѹ¹éÕ ´§Ñ ¹é¹Ñ ËÒ¡àÃÒ·ÃÒº¾¡Ô Ñ´ ¢Í§´ÒÇ·ÕèͺèÙ ¹àÊé¹àÁÃàÔ ´Õ¹¡ç¨Ð·ÃÒºàÇÅÒ´ÒÃÒ¤µ·Ô ѹ·Õ ¶éÒÁÕ´ÒÇ·èàÕ ÃÒ·ÃÒº¾Ô¡´Ñ áµÍè ÂÙèËÒè §¨Ò¡àʹé àÁÃàÔ ´Õ¹à·èҡѺÁÁØ ªèÇÑ âÁ§ àÃÒ¡Êç ÒÁÒöËÒàÇÅÒ´ÒÃÒ¤µÔä´éàª¹è ¡Ñ¹ ¨Ò¡¡ÒäӹdzÇÒè ´Ç§´Òǹ¨Õé ÐãªéàÇÅÒÍ¡Õ à·èÒäáÇèҨж֧àÊé¹àÁÃÔà´Õ¹ µÒÁÊÁ¡Òà Ẻ½¡Ö Ë´Ñ ·èÕ 3 àÃÍè× § ¡ÒáÓ˹´àÇÅÒº¹âÅ¡ 1. ตอบคำถามเก่ยี วกบั เวลาสุรยิ คติปรากฏใหถ ูกตอง 1.1 เวลาสรุ ยิ คติมีการกำหนดเวลาอยา งไร และใชว ัตถทุ องฟาใดอา งอิง เวลาสุรยิ คติเปนเวลาทอ่ี างอิงจากตำแหนงปรากฏของดวงอาทิตย เกิดจากการสังเกตการเคลือ่ นที่ของดวง อาทิตยผ า นทองฟา ของผูสังเกต เรานบั เวลาทีด่ วงอาทติ ยใชในการกลบั มาอยูท่ตี ำแหนงเดิมบนทอ งฟา อีกครัง้ วา เปนเวลา 1 วัน 1.2 ชว งเวลา 1 วันสรุ ิยคตปิ รากฏยาวนานเทา ไร และใชสงิ่ ใดเปนตวั กำหนดชว งเวลาดงั กลาว เวลาสรุ ยิ คติปรากฏ เปนเวลาที่ไดจ ากการสงั เกตดวงอาทิตยจรงิ ที่เคล่อื นท่ีอยบู นทอ งฟาของผสู ังเกต ชวงเวลาระหวางการเห็นจุดศูนยก ลางของดวงอาทติ ยผ า นเมรเิ ดยี นคร้ังแรกถึงครง้ั ถดั ไปเรียกวา 1 วันสรุ ยิ คติ ปรากฏ 1.3 ชว งเวลา 1 วนั สุริยคตปิ รากฏแตล ะวนั ยาวนานเทากันหรอื ไม เพราะอะไร หากเราสงั เกตดวงอาทิตยจ ากตำแหนงและเวลาเดยี วกันในคนละวนั เราจะพบวา ดวงอาทติ ยจ ะมีการ เล่อื นตำแหนง ไป และเปลีย่ นตำแหนงไปตลอดชว งระยะเวลา 1 ป เวลาที่ดวงอาทติ ยใ ชในการกลบั มาอยตู ำแหนง เดมิ บนทองฟา (1 วันสรุ ิยคติปรากฏ) จะไมเ ทากันตลอดทั้งป ทำใหช ว งเวลา 1 วันสรุ ิยคติปรากฏแตล ะวนั ยาวนาน ไมเ ทากนั 1.4 ปจจัยท่ีสง ผลตอ ความไมค งทขี่ องชว งเวลา 1 วันสรุ ยิ คติปรากฏมีอะไรบา ง อธิบายพรอมให เหตผุ ลประกอบ ประการแรกเกิดจากการเอยี งของแกนโลกท่ที ำใหเกิดฤดูกาล เมอ่ื เขา ใกลฤ ดรู อนมากข้นึ ดวงอาทิตยจะอยู สูงขึ้นจนกระทง่ั หา งจากเสน ศูนยส ูตรฟา 23.5 องศา และลดตํา่ ลงมาจนอยูต่ํากวาเสนศูนยสูตรฟา 23.5 องศา ใน ฤดหู นาว ประการท่สี องเกิดจากการทว่ี งโคจรของโลกเปน วงรแี ละมีความเร็วโคจรที่เปลี่ยนไป ทำใหใ นบางคร้งั ดวง อาทิตยกลับมาอยทู ต่ี ำแหนงเดิมเร็วขึ้น และในบางครง้ั ก็ชา ลง 1.5 เวลาสรุ ิยคตปิ รากฏนำมาใชก ำหนดเวลาสากลบนโลกไดห รอื ไม เพราะเหตุใด ไมไ ด เนอ่ื งจากชว งเวลา 1 วันสรุ ิยคตปิ รากฏแตละวันยาวนานไมเ ทากัน â´Â¤Ø³¤ÃٳѰ¸¹ÞÑ Ò ºÞØ ¶§Ö ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅèØÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙÇé ·Ô ÂÒÈÒʵÃáì ÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÕ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙ ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃáì ÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍ×è § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅÐÅÙ¡âÅ¡ 2. ตอบคำถามเกย่ี วกบั เวลาสรุ ิยคตปิ านกลางใหถูกตอ ง 2.1 เวลาสรุ ยิ คติปานกลางมีการกำหนดเวลาอยางไร และใชวัตถุทองฟาใดอา งองิ เวลาสุริยคตปิ านกลางกำหนดโดยใหมีดวงอาทิตยสมมติเคล่ือนท่ีบนเสน ศูนยสูตรฟาดว ยอตั ราเร็วสมํา่ เสมอ 2.2 ในเวลา 1 วันสุรยิ คติปานกลางยาวนานเทาไร และใชสงิ่ ใดเปนตัวกำหนดชว งเวลาดังกลาว กำหนดโดยใชช วงเวลาระหวางการเห็นจุดศนู ยกลางของดวงอาทติ ยผ านเมรเิ ดยี นครง้ั แรกถึงครั้งถดั ไป เรยี กวา 1 วันสรุ ยิ คติปานกลาง ซงึ่ มชี วงเวลาเทากบั 24 ชว่ั โมง 0 นาที 0 วินาที 2.3 เวลาสุริยคติปานกลางแตกตา งจากเวลาสรุ ิยคติปรากฏอยา งไร เวลาสุริยคติปานกลางกำหนดใหดวงอาทิตยสมมตเิ คลื่อนท่ีบนเสน ศนู ยส ตู รฟาดว ยอัตราเร็วคงท่ี แตเ วลา สรุ ยิ คติปรากฏนน้ั ดวงอาทติ ยจะเคล่อื นที่ปรากฏบนเสนสรุ ิยวถิ ี ชว งเวลา 1 วันสรุ ิยคตปิ านกลางจะยาวนานเทากัน แตช ว งเวลา 1 วนั สรุ ิยคตปิ รากฏยาวนานไมเ ทากนั 2.4 ผสู งั เกตที่อยใู นตำแหนง ตางกนั บนโลกมีเวลาสรุ ยิ คตปิ านกลางเดยี วกันหรือไม เพราะเหตุใด ผูส งั เกตทอ่ี ยูทีล่ ะติจูดเดียวกนั จะมีเวลาสรุ ยิ คติปานกลางตางกนั เน่อื งจากดวงอาทิตยจะผานเมริเดียนไม พรอมกนั แตผ สู ังเกตที่อยูลองจจิ ูดเดยี วกันจะมเี วลาสุริยคติปานกลางเดียวกัน เน่ืองจากดวงอาทติ ยผ านเมรเิ ดยี น พรอมกัน 2.5 เวลาสุริยคติปานกลางนำมาใชกำหนดเวลาสากลบนโลกไดหรือไม เพราะเหตใุ ด ไมได เนอ่ื งจากผสู ังเกตท่อี ยูล องจจิ ูดท่แี ตกตางกนั จะมเี วลาทไี่ มต รงกัน (ผสู ังเกตที่อยทู างตะวนั ออกจะ เห็นดวงอาทิตยผ านเมริเดยี นกอน) 2.6 การใชเวลาสรุ ยิ คตปิ านกลางเปนขอมลู ในการกำหนดเวลาสากล ตองมีการกำหนดขอมลู ใดเพ่ิมเติม เพือ่ ใหค นบนโลกที่อยูใกลเคียงกนั มีเวลาสุรยิ คตปิ านกลางเดียวกนั จงึ กำหนดเวลาสรุ ิยคติ ปานกลางท่ี เมริเดยี นหลัก ซึ่งกำหนดใหเปนเสนลองจิจูดที่ 0 องศา เปนเวลาสากล และแบง เวลามาตรฐานออกเปน ชั่วโมง โดย เทียบเวลาสากลทีเ่ มืองกรีนิช â´Â¤Ø³¤Ã³Ù °Ñ ¸¹ÞÑ Ò ºØÞ¶§Ö ¤ÃªÙ Ó¹ÒÞ¡Òà ¡ÅÁèØ ÊÒÃСÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÇÙ Ô·ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÕ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÂÕ ¹ÃéÙ ÃÒÂÇªÔ Ò âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃìáÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿Òé áÅÐÅÙ¡âÅ¡ 3. ตอบคำถามเกยี่ วกบั เวลาสากลและการกำหนดเขตเวลาบนโลกใหถ ูกตอง 3.1 การกำหนดเวลาสากลใชตำแหนงใดบนโลกเปน ตำแหนงอา งอิง ใชเ สน เมริเดียนหลัก (prime meridian) หรอื เสน ลองจิจูด 0 องศา ทอี่ ยทู ่ีเมืองกรนี ชิ กรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เปน ตำแหนง อา งอิง 3.2 การกำหนดเขตเวลามาตรฐานสากลของโลกใชส งิ่ ใดเปน ตวั กำหนดพน้ื ท่ขี องเขตเวลา ใชเสน ลองจิจูดกำหนดเขตเวลามาตรฐานสากล โดยกำหนดให 1 เขตเวลามอี าณาเขต 15 องศา 3.3 เขตเวลามาตรฐานสากลของโลกแตล ะเขตมเี วลาแตกตางกันอยางไร เขตเวลามาตรฐานสากลแตล ะเขตมีเวลาแตกตางกัน 1 ช่วั โมง หมายความวา เสนลองจจิ ูดตางกนั 15 องศา จะมีเวลาตางกัน 1 ชั่วโมง หรอื เสนลองจจิ ูดตา งกัน 1 องศา จะมีเวลาตา งกนั 4 นาที 3.4 การกำหนดเวลามาตรฐานของประเทศโดยอา งองิ จากเขตเวลามาตรฐานสากลเปน อยา งไร ประเทศทมี่ ีอาณาเขตไมเกนิ 15 องศาลองจจิจดู จะอยูในเขตเวลามาตรฐานสากลเดียวและมีเววลา มาตรฐานของประเทศเพียงเวลาเดยี ว สวนประเทศท่มี ีอาณาเขตมากกวา 15 องศาลองจิจูด จะอยใู นเขตเวลา มาตรฐานสากลหลายเขต และมีเวลามาตรฐานของประเทศหลายเวลา ข้นึ อยูกับอาณาเขตของประเทศ 3.5 ประเทศแตล ะประเทศมกี ารกำหนดเวลามาตรฐานเหมอื นหรือแตกตางกนั อยางไร การกำหนดเวลามาตรฐานในแตละประเทศไมไดขน้ึ อยกู ับเสน ลองจิจูดเพียงอยางเดยี ว แตยงั มีการใช อาณาเขตของรัฐ ประเทศ หรือเขตการปกครองเปน เกณฑใ นการกำหนดเขตเวลารวมดว ย â´Â¤Ø³¤Ã³Ù °Ñ ¸¹ÑÞÒ ºØÞ¶Ö§ ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅèØÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÇéÙ Ô·ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÂÕ ¹ÃÒª»ÃÐªÒ¹àØ ¤ÃÒÐËì 31
4. ตอบคำถามเกี่ยวกบั เวลาดาราคติใหถูกตอง àÍ¡ÊÒûÃСͺ¡ÒÃàÃÕ¹ÃéÙ ÃÒÂÇÔªÒ âÅ¡ ´ÒÃÒÈÒʵÃìáÅÐÍÇ¡ÒÈ 6 àÃÍè× § ·Ã§¡ÅÁ¿éÒáÅК٠âÅ¡ 4.1 เวลาดาราคตมิ ีการกำหนดเวลาอยา งไร และใชวัตถุทองฟาใดอางองิ เวลาดาราคติ เปนการบอกเวลาโดยอาศัยตำแหนงของดาวฤกษหรือจดุ คงท่บี นทองฟาเปนจุดอางองิ เน่อื งจากโลกหมุนรอบตัวเองดว ยคาบคอนขา งคงที่ ระยะเวลาในระบบเวลาดาราคตจิ ึงคอนขา งคงที่ เพราะไม ขึ้นอยกู ับการโคจรรอบดวงอาทติ ยของโลก 4.2 ชว งเวลา 1 วนั ดาราคตยิ าวนานเทา ไร และใชสิง่ ใดเปน ตัวกำหนดชว งเวลาดังกลาว นักดาราศาสตรไ ดกำหนดใหใชจ ุดวสนั ตวษิ ุวัตเปนจุดอา งองิ ในการนับเวลาดาราคติ ชวงเวลาระหวา งท่ี จุดวสนั ตวษิ วุ ัตเคลื่อนที่ผานเมริเดยี น 2 คร้งั ติดกัน นับเปน 1 วันดาราคติ โดย 1 วันดาราคติ จะใชเ วลาทั้งสิ้น 23 ช่วั โมง 56 นาที 4.3 ชว งเวลา 1 วนั ดาราคตยิ าวนานเทา กบั 1 วันสุริยคตหิ รอื ไม เพราะเหตุใด เวลาดาราคติ คอื เวลาทีโ่ ลกหมุนรอบตวั เองจนดาวฤกษอา งอิงกลบั มาที่ตำแหนงเดมิ โดย 1 วนั ดารา คติจะใชเวลาท้ังสิ้น 23 ชวั่ โมง 56 นาที น่นั คือ 1 วันดาราคตจิ ะสัน้ กวา 1 วันสุรยิ คติอยู 4 นาที เนอื่ งจากในขณะ ท่ีโลกหมุนรอบตวั เองโลกจะโคจรรอบดวงอาทิตยไปดวยทำใหโลกโคจรเปล่ยี นตำแหนง ไปเลก็ นอยเปนระยะทาง เชิงมุมประมาณ 1 องศา ดวงอาทติ ยจ ึงยังไมผ านเมริเดียน ดงั น้ัน เมอ่ื ครบ 1 วันดาราคติ ผูสังเกตจึงเห็นดวง อาทิตยอยทู างตะวนั ออกเปนมมุ ประมาณ 1 องศา จนโลกหมุนรอบตัวเองตอ ไปอกี 1 องศา ดวงอาทิตยจ ะผา นเม รเิ ดยี นจึงครบ 1 วนั สุริยคติปรากฏ 4.4 เราสามารถคำนวณเวลาดาราคตไิ ดโดยใชข อมลู ใด ถา มดี าวฤกษท ่ีทราบพิกัดศูนยสตู ร แตอ ยูห างจากเสน เมรเิ ดียนเทา กบั มุมชวั่ โมง สามารถหา เวลาดาราคติไดจ ากการคำนวณวาดาวฤกษน้ีจะใชเ วลาอีกเทา ไรกวาจะถงึ เสน เมรเิ ดยี น ตามสมการ เวลาดาราคติ = ไรตแอสเซนชนั + มมุ ชัว่ โมง หรือ ST = RA + HA 4.5 การกำหนดเวลาสากลบนโลกไมน ิยมใชเ วลาดาราคติเพราะเหตใุ ด เพราะเวลาดาราคติใชงานไดไมส ะดวก เนื่องจากไมส อดคลองกบั การดำเนนิ ชวี ิตของมนุษย 4.6 ถาสังเกตเห็นดาวเวกา (RA = 18 h 36 m) อยูบนเสน เมริเดียนพอดี แสดงวาขณะที่สังเกตน้ัน เปน เวลาดาราคตเิ ทา ใด เวลาดาราคติ 18 ชั่วโมง 36 นาที 4.7 จากขอ 6 เมือ่ เวลาผานไป 1 ช่ัวโมงหลงั จากดาวเวกาผานเสน เมรเิ ดียน จะเปนเวลาดาราคตเิ ทา ใด เวลาดาราคติ 19 ชั่วโมง 36 นาที 4.8 ถา ปจจุบันตรงกับเวลาดาราคติ 8 ชัว่ โมง 45 นาที จะสามารถสงั เกตเหน็ ดาวซิริอสั (RA = 6 h 45 m) ในบริเวณใดของทองฟา บรเิ วณทางดา นตะวันตกเลยเสน เมรเิ ดยี นไป 2 ชั่วโมง หรือ 30 องศา â´Â¤³Ø ¤Ã³Ù °Ñ ¸¹ÑÞÒ ºÞØ ¶Ö§ ¤ÃÙªÓ¹ÒÞ¡Òà ¡ÅÁèØ ÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙéÇÔ·ÂÒÈÒʵÃìáÅÐà·¤â¹âÅÂÕ âçàÃÕ¹ÃÒª»ÃЪҹØà¤ÃÒÐËì 31
Search
Read the Text Version
- 1 - 27
Pages: