ประเภทของนาฏศิลป์ไทย ป.6

บทเรยี นนาฏศิลป์ เรื่อง ประเภทของนาฏศิลปไ์ ทย ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี6 สอนโดย ครสู ถาพร แดงโสภา โรงเรยี นอนุบาลนครนายก

มฐ. ศ 3.1 ตวั ชว้ี ดั ท่ี 6/3 แสดงนาฏศลิ ปแ์ ละละครงา่ ยๆ

ประเภทของนาฏศลิ ปไ์ ทย ระบา รา ฟ้อน เซิ้ง ละคร โขน

ระบา ศิลปะการรา่ ยราที่แสดงพรอ้ มกนั เป็นหมู่ ไม่ดาเนิน เร่อื งราว ใช้เพลงบรรเลง อาจมีเนื้อร้องหรือไมม่ ีเนื้อร้องกไ็ ด้ เน้น การแปรแถวในลกั ษณะต่าง ๆ อย่างมีระเบียบงดงามและเน้นความ พรอ้ มเพียงเป็นหลกั เช่น ระบาชมุ นุมเผา่ ไทย ระบา โบราณคดี ระบานกสามหมู่ ระบาเชียงแสน ระบาสโุ ขทยั ระบา ทวารวดี ระบาลพบรุ ี ระบาศรีวิชยั เป็นต้น

ระบาลพบรุ ี ระบาสโุ ขทยั ระบาเชียงแสน

รา การแสดงท่าทางการเคล่ือนไหวร่างกายประกอบจงั หวะเพลง รอ้ งหรอื เพลงบรรเลงจะเป็นศิลปะการราเด่ียว ราคู่ ราประกอบ เพลง ราอาวธุ ราทาบทหรอื ราใช้บท โดยเน้นท่วงท่าลีลาการร่ายรา ที่งดงาม เช่น ราสีนวล ราฉุยฉาย เป็นต้น

ราฉุยฉายพราหมณ์ ราหนุมานจบั นางสพุ รรณมจั ฉา รารจนาเส่ียงพวงมาลยั

ฟ้อน ระบาที่มีนักแสดงพรอ้ มกนั เป็นหมู่ เป็นการแสดงของภาคเหนือเน้น ความพร้อมเพรียง มกั มีอปุ กรณ์ประกอบการแสดง เป็นศิลปะการรา่ ยราท่ี มีลีลาเฉพาะในท้องถิ่นล้านนา ที่เป็นการเคลื่อนไหวแขน ขา ยืดยบุ เข่าตาม จงั หวะ เพื่อความอ่อนช้อยสวยงาม เช่น ฟ้อนเมอื ง ฟ้อนเงีย้ ว ฟ้อนม่านมุ้ ยเชียงตา ฟ้อนสาวไหม ฟ้อนลาวดวงเดือน เป็นต้น

ฟ้อนเงีย้ ว ฟ้ อนสาวไหม ฟ้อนภไู ท

เซ้ิง การรอ้ งราทาเพลงแบบพืน้ เมืองอีสาน ลีลาและจงั หวะการ ร่ายราจะรวดเรว็ กระฉับกระเฉง การแต่งกาย จะแต่งกายตามแบบ พืน้ เมืองของชาวอีสาน ส่วนใหญ่การเซิ้งจะใช้สาหรบั นากระบวน แห่ต่าง ๆ แต่ต่อมาภายหลงั ได้มีการปรบั ปรงุ การเซิ้งแบบใหม่ เพ่ิมเติมขึน้ มาอีก เช่น เซิ้งสวิง เซิ้งกระต๊ิบข้าว เซิ้งโปงลาง เซิ้งตงั หวาย

เซิ้งโปงลาง เซิ้งกระต๊ิบข้าว เซิ้งแหย่ไข่มดแดง

ละคร มหรสพอย่างหนึ่งที่แสดงเป็นเรื่องราว โดยนาภาพจาก ประสบการณ์และจิตนาการของมนุษยม์ าผกู เป็นเรือ่ ง มีจดุ ม่งุ หมายเพื่อ แสดงอารมณ์ความรสู้ ึกก่อให้เกิดความบนั เทิง และความ สนุกสนาน เพลิดเพลินโดยมีนักแสดงเป็นผสู้ ่ือความหมาย และเร่ืองราว ต่อผชู้ ม

ละครนอก ละครพนั ทาง ละครชาตรี

โขน ศิลปะการแสดงนาฏศิลป์ ชนั้ สงู ของไทย อากปั กิริยาของตวั ละครจะมี ทงั้ การรา และการเต้นที่ออกท่าทางเข้ากบั ดนตรี นักแสดงจะถกู สมมติให้ เป็นตวั ยกั ษ์ ตวั ลิง มนุษย์ เทวดา โดยการสวมหน้ากากหรอื เรียกว่า “หวั โขน” ส่วนนักแสดงเป็นมนุษย์ และเทวดาจะไมส่ วม หวั โขน การแต่งกายแต่งยืนเครื่องครบถ้วนตามลกั ษณะของ ยกั ษ์ ลิง มนุษย์ นักแสดงไม่ต้องร้องหรอื เจรจาเอง เพราะจะมีผพู้ ากย์ เจรจาขบั ร้องแทน

โขนฉาก โขนหน้าจอ โขนกลางแปลง

อ้างอิงแหล่งที่มา : เนื้อหา,ภาพประกอบ https://std40816.wordpress.com/ http://lakornpanta.blogspot.com/ https://www.pinterest.com/ https://sites.google.com/site/sciencechut imakuna/content01/content02/content0 2-1

แบบฝึ กหดั ให้นักเรียนเขียนคาตอบลงสมดุ ถา่ ยรปู ขณะเรียน ส่งท่ี โน้ต อย่าลืมเขียนช่ือ ชนั้ เลขที่ นะจะ๊ 1. นาฏศลิ ป์ ไทยมีก่ีประเภท………………ได้แก่……………………………… 2. การแสดงท่ีใช้ผู้แสดงคนเดยี วหรือเป็ นคู่ เน้นลีลาความอ่อนช้อย หมายถงึ ................................. 3. การแสดงท่ีเน้นความพร้อมเพรียง เป็ นการแสดงของทางภาคเหนือ หมายถงึ ................................. 4. การแสดงของภาคอีสาน เน้นความสนุกสนาน แสดงถงึ เร่ืองราว หมายถงึ ................................. 5. การแสดงนาฏศลิ ป์ ชัน้ สูง หมายถงึ .................................