บทเรียนนาฏศิลป์ เรอื่ ง ประวตั ิความเป็นมาของนาฏศิลป์ ไทย ชนั้ ประถมศึกษาปี ที่ 4 โดย ครสู ถาพร แดงโสภา โรงเรียนอนุบาลนครนายก
มฐ. 3.2 ตวั ชี้วดั ป.4/1 อธิบายประวตั ิความเป็นมาของ นาฏศิลป์ หรอื ชดุ การแสดงอย่างง่ายๆ
ความหมายของนาฏศิลป์ นาฏศิลป์ หมายถงึ ศลิ ปะการฟ้อนรา หรอื ความรแู้ บบแผนของการ ฟ้อนรา เป็นสง่ิ ทม่ี นุษยป์ ระดษิ ฐข์ น้ึ ดว้ ยความประณีตงดงาม ใหค้ วามบนั เทงิ โน้มน้าวอารมณ์และความรูส้ กึ ของผู้ชมใหค้ ลอ้ ยตาม ศลิ ปะประเภทน้ีต้อง อาศยั การบรรเลงดนตรี และการขบั รอ้ งเขา้ รว่ มดว้ ย เพอ่ื สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ คณุ คา่ ยงิ่ ขน้ึ หรอื เรยี กวา่ ศลิ ปะของการรอ้ งราทาเพลง
ที่มาของนาฏศิลป์ ทวั่ ไป ≫ มาจากธรรมชาติ • มนุษยเ์ ลยี นแบบการเคลอ่ื นไหวตามธรรมชาติ เชน่ ลมพดั ดอกไม ้ บานหรอื การเคลอ่ื นไหวทแี่ สดงความรสู ้ กึ เชน่ การกระโดดโลด เตน้ การรอ้ งไห ้ การปรบมอื แสดงความดใี จ เป็ นตน้ ≫ มาจากการเซน่ บวงสรวงเทพเจา้ • สมัยกอ่ นมนุษยต์ อ้ งอาศยั ลทั ธคิ วามเชอ่ื เป็ นเครอ่ื งยดึ เหนย่ี วจติ ใจ จงึ แสดงกริ ยิ าอาการตา่ งๆ เพอื่ เป็ น การแสดงความเคารพบชู า และทาใหเ้ ทพเจา้ พงึ พอใจ เชน่ การถวายอาหาร การสวดออ้ นวอน สรรเสรญิ เป็ นตน้ และตอ่ มากม็ กี ารฟ้อนราถวาย
➢ ทม่ี าของนาฏศลิ ป์ ไทย สนั นษิ ฐานวา่ น่าจะมที ม่ี าจากแหลง่ กาเนดิ ๔ แหลง่ มาจากการละเลน่ ของชาวบา้ นในทอ้ งถน่ิ • เนอ่ื งจากชาวบา้ นแตล่ ะทอ้ งถนิ่ ไดม้ กี จิ กรรมรอ้ งราทาเพลง ในเวลาวา่ งหลงั เสร็จจากการทางานหรอื ทานาทาไร่ ตอ่ มา พัฒนาเป็ นการแสดงนาฏศลิ ป์ ขน้ึ เชน่ การราโทน การเตน้ กา ราเคยี ว เป็ นตน้ มาจากการแสดงทเ่ี ป็ นแบบแผน • ในสมยั กอ่ นนาฏศลิ ป์ ไทยทเ่ี ป็ นมาตรฐาน มกั มแี หลง่ กาเนดิ ใน วงั หลวงโดยผฝู ้ ึกเป็ นอาจารยท์ างนาฏศลิ ป์ สอนใหแ้ กศ่ ษิ ยท์ ี่ อยใู่ นวงั
มาจากการรบั อารยธรรมของอนิ เดยี • ประเทศอนิ เดยี มอี ารยธรรมเกา่ แก่ มกี ารละครทเ่ี จรญิ รงุ่ เรอื ง และมกี าร นับถอื เทพเจา้ คอื พระอศิ วร ซง่ึ ถกู ยกยอ่ งวา่ เป็ นราชาแหง่ การรา่ ยรา ดงั นัน้ ความเชอ่ื และตาราการฟ้อนราบางสว่ น จงึ มบี ทบาทตอ่ วงการ นาฏศลิ ป์ ไทย มาจากการเลยี นแบบธรรมชาติ • เป็ นการแสดงทสี่ รา้ งสรรคม์ าจากทา่ ทางตามธรรมชาตขิ องมนุษย์ โดย อาจจะมกี ารปรับเปลยี่ นทา่ ทางใหส้ วยงามกวา่ ทา่ ทางธรรมชาตบิ า้ ง แตก่ ็สามารถสอื่ ความหมายใหผ้ อู ้ นื่ เขา้ ใจได ้
การเลียนแบบธรรมชาติ ศิลปะทุก ๆ อย่างย่อมมาจากธรรมชาติทงั้ ส้นิ การฟ้อนก็ดดั แปลงปรบั ปรุงมาจากธรรมชาติ เช่นเดยี วกบั ศลิ ปะสาขาอ่นื ๆเป็นการเคล่อื นไหวอวยั วะต่างๆตงั้ แต่ศรี ษะลงมาถงึ เทา้ มนุษยเ์ ราทุกคนตอ้ งมี อารมณ์ รกั โกรธ เศร้าโศก บางขณะบางชวั่ เวลาก็มคี วามบนั เทงิ เรงิ ใจ และมกั จะแสดงกริ ยิ าท่าทาง เหล่านนั้ ออกมาใหผ้ อู้ ่นื เขา้ ใจความหมาย กริ ยิ าต่าง ๆ เหลา่ น้ีไดน้ ามาปรบั ปรุงใหเ้ หมาะสมไดส้ ดั สว่ น จน กลายเป็นท่าฟ้อนรา เช่น การเต้นเป็นจงั หวะ ยกขา ชูแขน เอยี งไหล่ หมุนตวั ในระยะแรกอาจไม่ งดงาม แตต่ อ่ มาภายหลงั ไดป้ รบั ปรงุ และกาหนดสดั สว่ นใหส้ วยงามขน้ึ ตามลาดบั
การแสดงอารมณ์ของมนุษย์ ยิ้ม โกรธ หวั เราะดใี จ ร้องไห้
การเซ่นสรวงบชู า มนุษยแ์ ต่โบราณมามคี วามเช่อื ถอื ในสง่ิ ศกั ดสิ ์ ทิ ธิ ์ จงึ มกี ารบูชา เซ่นสรวง เพ่อื ขอให้สง่ิ ศกั ดสิ ์ ิทธิป์ ระทานพรให้ตนสมปรารถนา หรอื ขอให้ขจดั ปัดเป่ าส่งิ ท่ีตนไม่ ปรารถนาใหส้ น้ิ ไป การบูชา มวี ธิ กี ารตามแต่จะยดึ ถอื มกั ถวายสง่ิ ทต่ี นเหน็ ว่าดหี รอื ท่ี ตนพอใจ เช่น ขา้ วปลาอาหาร ขนมหวาน ผลไม้ ดอกไม้ จนถงึ การขบั รอ้ ง ฟ้อนรา เพอ่ื ใหส้ งิ่ ทต่ี นเคารพบชู านนั้ พอใจ
ขอพรสง่ิ ศกั ดสิ ์ ทิ ธิ ์ ถวายสง่ิ ของเมอ่ื พอใจ ขบั รอ้ ง ฟ้อนรา
การรบั อารยธรรมของอนิ เดยี อทิ ธพิ ลของประเทศเพ่อื นบา้ นจากประวตั ศิ าสตรข์ องประเทศไทยทย่ี าวนาน ว่า เมอ่ื ไทยมาอยใู่ นสวุ รรณภูมใิ หม่ๆ นนั้ มชี นชาตมิ อญ และชาตขิ อมเจรญิ รุ่งเรอื ง อยกู่ ่อนแลว้ ชาตทิ งั้ สองนนั้ ไดร้ บั อารยะธรรมของอนิ เดยี ไวม้ ากมายเป็นเวลานาน พระ อศิ วร ซ่งึ ถูกยกย่องว่าเป็นราชาแห่งการร่ายรา เม่อื ไทยมกี ารตดิ ต่อกนั อย่างใกล้ชดิ กบั อนิ เดยี ไทยจงึ พลอยไดร้ บั อารยะธรรมอนิ เดยี ไวห้ ลายดา้ น เช่น ภาษา ประเพณี ตลอดจนศลิ ปะการแสดง ไดแ้ ก่ ระบา ละครและโขน
รบั อารยธรรมของอนิ เดยี
แบบฝึ กหดั ให้นักเรียนตอบคำถำมต่อไปนี(้ ทำใส่สมุดไม่ต้องลอกโจทย์จ้ำ) 1. ท่ีมาของนาฏศลิ ป์ ทว่ั ไป มาจากท่ีใดบ้าง……………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………… 2. ท่ีมาของนาฏศิลป์ ไทย มาจากที่ใดบ้าง…………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………… 3. ผ้ทู ่ีได้รับการยกยอ่ งวา่ เป็นราชาแหง่ การร่ายคาคือใคร………………………………………..
จบกำรนำเสนอค่ะ
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: