บทที่ สาระสำ� คญั ของประชาธิปไตย สาระสำ� คัญของประชาธิปไตยเปรียบเทียบกบั องคป์ ระกอบของตน้ ไม้ ในการเรียนรู้เรื่องประชาธิปไตยน้ี ได้ประยุกต์เอาส่วนประกอบต่าง ๆ ของต้นไม้มาเปรยี บเทียบกบั ประชาธปิ ไตย 388 วชิ าพลเมอื งดีวถิ ปี ระชาธปิ ไตย 1. ประโยชน์ = ดอกผล (Fruits) 5. กลไก/ระบบ = กง่ิ , ก้าน (Branches) 4. สถาบัน = ล�ำต้น (Trunk) 3. หลกั การ = ราก (Roots) 2. ค่านยิ ม = ดนิ (Soil)
ส่วนตา่ ง ๆ ของตน้ ไมน้ ้ี เปรยี บได้กับองคป์ ระกอบของประชาธิปไตยท่สี �ำคัญ คอื 1. ดอกผลของต้นไม้ = ประโยชน์ของประชาธปิ ไตย 2. ดินท่ปี ลูกต้นไม้ = คุณค่าหรอื ค่านิยมประชาธปิ ไตย 3. รากของต้นไม้ = หลักการประชาธปิ ไตย 4. ล�ำต้น = สถาบนั หรือองค์กรในระบอบประชาธิปไตย 5. กิง่ ก้านของต้นไม้ = กลไกและกระบวนการในระบอบประชาธปิ ไตย 1. ดอกผลหรอื ประโยชนข์ องประชาธปิ ไตย (Democracy Benefits) ความคาดหวงั ตามธรรมชาตขิ องการปลกู ตน้ ไม้ เชน่ ปลกู มะมว่ ง กเ็ พราะตอ้ งการ มะม่วงท่ีมีรสหวาน ผลผลิตดี เป็นต้น หรือหากเป็นไม้ดอกก็ต้องการดอกไม้ที่สมบูรณ์ สวยงามคณุ ภาพดี ก้านแขง็ แรงส่งขายได้ราคา ดังนั้น ดอกผลของประชาธิปไตยก็คือ การกินดีอยู่ดี ความสุขของประชาชน คณุ ภาพชวี ติ ทดี่ ี ความสนั ตสิ ุข ประเทศมคี วามเจรญิ ม่ันคง สงั คมสงบสขุ เป็นต้น 2. คา่ นิยม (Values) หรืออดุ มการณป์ ระชาธปิ ไตย ิวชาพลเ ืมอง ีดวิ ีถประชาธิปไตย 389 คำ� วา่ “คณุ คา่ หรอื คา่ นยิ ม (Values) ทดี่ ที ม่ี ตี อ่ ประชาธปิ ไตย” เปรยี บไดก้ บั ดนิ (Soil) ทปี่ ลกู ตน้ ไม้ ตน้ ไมจ้ ะเจรญิ เตบิ โตตอ้ งปลกู ในดนิ ดมี คี วามอดุ มสมบรู ณ์ มปี ยุ๋ หรอื สารอาหาร ที่มคี ุณค่า หากขาดสารอาหารในดนิ ทีส่ �ำคญั แล้ว ต้นไม้กอ็ าจตายหรอื ไม่ให้ผลผลติ ทดี่ ีได้ ถ้าเป็นต้นไม้ประชาธปิ ไตย ค่านยิ ม (ส่งิ ท่ีสงั คมให้ความนิยมยดึ ถอื ) คณุ ธรรม (สงิ่ ดี ๆ ทเ่ี รานำ� มาปฏบิ ัติ) อุดมการณ์ (แนวคดิ ความเช่อื ) ดี ๆ ที่เราควรปลูกฝังแก่เยาวชน และประชาชนเพอ่ื ให้เป็นประชาธปิ ไตย เช่น - ความรกั ชาติ - ความซอ่ื สัตย์สจุ ริต - ความเสยี สละ - ความมรี ะเบยี บวนิ ัย - ความรบั ผิดชอบ - ความอดทน อดกลน้ั - การตรงเวลา - ความสามคั คี - การยอมรับความแตกต่าง - การเคารพกฎหมาย กฎ กตกิ า - หลกั เศรษฐกจิ พอเพียง - ค่านิยมหลัก 12 ประการ
390 วชิ าพลเมอื งดีวถิ ปี ระชาธปิ ไตย 3. หลกั การประชาธิปไตย (Principles) “หลกั การ” เปรยี บไดด้ งั ราก (Root) ของตน้ ไมท้ ที่ ำ� หนา้ ทด่ี ดู ซมึ สารอาหารจากดนิ ถ้ารากไม่มั่นคง แข็งแรง หย่ังไม่ลึก ต้นไม้ก็จะไม่เติบโต อาจเห่ียวเฉาหรือตายได้ เหมือนหลักการประชาธิปไตย ถ้าหลักไม่ดีหรือไม่มีหลักประชาธิปไตยก็อาจล่มสลายได้ หลกั การประชาธปิ ไตยที่การปกครองระบอบอ่นื ไม่มี ได้แก่ 1) หลกั อำ� นาจอธปิ ไตยเป็นของประชาชน 2) หลกั สิทธแิ ละเสรภี าพ 3) หลกั ความเสมอภาค 4) หลกั ภราดรภาพ 5) หลักเหตผุ ล 6) หลกั นติ ิธรรม 4. สถาบันทส่ี ่งเสรมิ ประชาธิปไตย (Institutions) “สถาบัน” เปรียบได้ดังลำ� ต้นของต้นไม้ที่มีโครงสร้างใหญ่สุด มีความแข็งแรง ล�ำต้นที่สมบูรณ์จะทนทานต่อพายุลมแรง ย่ิงล�ำต้นมีความสมบูรณ์แข็งแรงมากเท่าใด กส็ ามารถแตกกง่ิ ก้านสาขาออกไปได้มากเท่าน้นั โครงสรา้ งสงั คม และองคก์ รตา่ ง ๆ ทม่ี สี ว่ นเสรมิ สรา้ งและสนบั สนนุ ประชาธปิ ไตย เช่น รัฐสภา รัฐบาลศาล รัฐธรรมนูญ สถาบันทางกฎหมาย คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน สถาบนั ครอบครวั สถาบนั การศกึ ษา สถาบนั ศาสนา องคก์ รภาคประชาสงั คม พรรคการเมอื ง สอื่ มวลชน ฯลฯ
5. กลไกและกระบวนการสรา้ งความโปรง่ ใสในระบอบประชาธปิ ไตย (Mechanisms & Processes) ถ้าเปรียบกับบริษัท หรือโรงงานที่ต้องมีระบบควบคุมคุณภาพการท�ำงาน ทเี่ รยี กว่า ควิ ซี (QC) แล้ว ดงั น้นั กลไกและระบบ หรอื กระบวนการ ซงึ่ เปรียบเสมอื นกิ่งก้าน ของตน้ ไมป้ ระชาธปิ ไตย ทที่ ำ� หนา้ ทใ่ี นการตรวจสอบคณุ ภาพการทำ� งานของสถาบนั /องคก์ ร และหน่วยงาน ให้เกดิ ความโปร่งใส มปี ระสิทธิภาพ เพ่อื ประโยชน์สุขของประชาชน ิวชาพลเ ืมอง ีดวิ ีถประชาธิปไตย 391
392 วชิ าพลเมอื งดีวถิ ปี ระชาธปิ ไตย บทที่ การทุจรติ กบั องคก์ ร ตรวจสอบเพอื่ ความโปร่งใส การทุจรติ คดโกงมีผลกระทบตอ่ สงั คมและประเทศชาติอยา่ งไร ในเม่ือ “การโกง” เป็น “มะเรง็ ร้าย” ทค่ี ุกคามสงั คม มันจึงไม่ต่างอะไรจาก “สนมิ (การโกง) ทก่ี ดั กรอ่ นเหลก็ (สงั คม)” หากปลอ่ ยใหเ้ วลาลว่ งเลยนานเขา้ โครงหลงั คา บ้านหรืออาคารขนาดใหญ่ท่เี ป็นเหลก็ กจ็ ะผุกร่อนและสลายไปในท่ีสุด ดังส�ำนวนท่ีว่า “สนิมเหล็กเกิดแต่เน้ือในตน” กัดกร่อนตัวเองจนไม่เหลือ อะไรแล้วเราจะอยู่กันอย่างไรจะน่ิงเงียบเป็น “คุณเฉย” ท�ำตาปริบ ๆ โดยไม่ช่วยกัน หาทางป้องกนั หรือแก้ไขสถานการณ์ “มะเรง็ ร้าย” ที่ก�ำลังคุกคามสงั คมก่อนทท่ี ุกอย่าง จะสายไปกว่าน้อี ย่างนน้ั หรือ ความหมายของ “การทุจรติ ” “การทุจริต” หรือ “การคอร์รัปชัน” หรือ “การฉ้อราษฎร์บังหลวง” หรือ ทเ่ี ขา้ ใจกนั งา่ ย ๆ วา่ “การโกง” นนั้ เปน็ พฤตกิ รรมแสดงถงึ การไมซ่ อ่ื สตั ยส์ จุ รติ ของบคุ คล หรอื คณะบคุ คลทร่ี ว่ มมอื กนั ทำ� ความชวั่ โดยเจตนา มกี ารไตรต่ รองวางแผนอยา่ งมขี น้ั ตอน หรือมีกระบวนการท่แี ยบยลจนยากที่จะจบั ได้ไล่ทนั
“การโกง” ส่วนใหญ่เกดิ จาก “ความโลภ” ของมนุษย์ โดยเฉพาะผู้ท่มี อี ำ� นาจ ิวชาพลเ ืมอง ีดวิ ีถประชาธิปไตย 393 หน้าท่ีมีต�ำแหน่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ หรือผู้ใกล้ชิดท่ีรู้เห็นลู่ทางที่จะกอบโกย ผลประโยชน์เข้าตนและพวกพ้องการทุจริตเกิดข้ึนในทุกระดับ ทุกกลุ่มคน โดยเฉพาะ ในโครงการขนาดใหญ่ใช้งบประมาณจำ� นวนมาก มกั ถกู ตั้งข้อสงั เกตว่าน่าจะมี “การทจุ ริต คอร์รัปชัน” มีการเรยี กเปอร์เซ็นต์ หรือค่า “คอมมชิ ชน่ั ” อย่างต่�ำร้อยละ 10 บางโครงการ สูงถึงร้อยละ 30 - 40 ซ่ึงถ้าเป็นไปตามนั้นก็แสดงว่าโครงการพัฒนาแต่ละโครงการ ซง่ึ กวา่ จะตกถงึ ประชาชนกล็ ่าช้าไม่ทนั การณอ์ ยแู่ ลว้ แตพ่ อมกี ารด�ำเนนิ การกลบั ปรากฏว่า ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการเพียงร้อยละ 60 - 70 ของเงินงบประมาณเท่านั้น ยังไม่นับเงนิ ค่าใต้โต๊ะเพอ่ื ให้ได้งานค่าสมยอมกัน หรอื ท่ีเรยี กกนั ว่า “ค่าฮว้ั ” รวมถงึ อาจมี เมด็ เงนิ สว่ นอนื่ อกี ทท่ี ำ� ใหผ้ ลประโยชนข์ องสว่ นรวมและโอกาสในการพฒั นาประเทศเสยี ไป เมื่อเป็นเช่นนี้การพัฒนาประเทศจึงขาดความต่อเนื่องแม้จะมีการเลือกต้ัง ตัวแทนท้ังระดับชาติและระดับท้องถ่ิน แต่ตัวแทนที่เลือกเข้าไปก็ไม่สามารถแก้ปัญหา ของประชาชนได้อย่างเตม็ ท่ี ทำ� ให้ประชาชนเกดิ ความเบอื่ หน่ายไม่สนใจการเมอื ง ไม่เหน็ ประโยชน์ของการเลือกตัวแทน เพราะคิดว่าเลือกใครเข้าไปต่างก็โกงกินเหมือนกันหมด ถือคตวิ ่า “โกงได้ไม่ว่าขอให้ข้าได้ประโยชน์” และเมื่อมีการเลอื กต้ังก็มีแนวโน้มว่าจะเลอื ก คนที่ให้เงินให้ส่ิงของในช่วงหาเสียงเลือกตั้งแก่ตน หรือถือคติว่า “เงินไม่มากาไม่เป็น”
394 วชิ าพลเมอื งดีวถิ ปี ระชาธปิ ไตย ส่วนผู้ที่ลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งก็คิดว่าท�ำแล้วคุ้มกับการลงทุน เพราะถ้าได้รับเลือกต้ัง ก็รีบถอนทุนให้ได้มากที่สุด เพ่ือเก็บสะสมทุนไว้ ส่วนผลก�ำไรนั้นน�ำมาใช้ในการเลือกตั้ง ครั้งต่อไป ความคิดและพฤติกรรมสมยอมได้ประโยชน์ร่วมกันของทั้งฝ่ายผู้ให้และผู้รับ โดยไม่ค�ำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของชาติเสียหายเช่นนี้ นับว่าเป็นอันตรายอย่างย่ิงต่อ การปกครองระบอบประชาธปิ ไตยของเรา ข้อมลู ภาพลักษณค์ วามโปร่งใสของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การกล่าวหาว่าประเทศไทยมีปัญหาด้านการทุจริตคอร์รัปชัน จำ� นวนมาก โดยไมม่ ขี อ้ มลู ยนื ยนั กอ็ าจไมเ่ ปน็ ธรรมนกั เราจงึ ควรดขู อ้ มลู ทน่ี า่ เชอื่ ถอื จากองคก์ าร เพอ่ื ความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International-TI) ซง่ึ เป็นองค์การนานาชาติ ก่อตงั้ ในประเทศเยอรมนี ได้เร่มิ ท�ำดชั นีภาพลักษณ์คอร์รัปชนั (Corruption Perceptions Index: CPI) สำ� รวจข้อมูลการทจุ ริตจากประเทศต่าง ๆ ทว่ั โลกมาตัง้ แต่ ปี 2538 โดยค่าสงู หมายถึง มีการคอร์รัปชันต�่ำ และหากค่าต�่ำ หมายถึง มีการคอร์รัปชันสูง จากการส�ำรวจพบว่า ประเทศไทยมีภาพลักษณ์ความโปร่งใสในระดับต�่ำมาโดยตลอด โดยในปี 2538 ซ่ึงเป็น ปีแรกทม่ี กี ารส�ำรวจประเทศไทยได้คะแนนเพยี ง 2.79 จากคะแนนเตม็ 10 คะแนน สำ� หรบั ขอ้ มลู ยอ้ นหลงั ตง้ั แตป่ ี 2555 - 2558 จากคะแนนเตม็ 100 คะแนน พบวา่ คา่ ดชั นภี าพลกั ษณ์ คอร์รัปชันยังอยู่ในระดับต่�ำนั่นคือได้ 32 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน ส่วนในปี 2555 ได้ 37 คะแนน ปี 2556 ได้ 35 คะแนน ปี 2557 ได้ 38 คะแนน และปี 2558 กไ็ ด้ 38 คะแนน นบั วา่ อยใู่ นระดบั ตำ�่ มาโดยตลอด ซง่ึ เปน็ เครอื่ งชว้ี ดั ทส่ี ามารถสะทอ้ นใหเ้ หน็ วา่ ประเทศไทย เป็นประเทศท่ีมีปัญหาคอร์รัปชันในระดับที่สูงและมีแนวโน้มที่จะสูงข้ึน ซึ่งน่าเป็นห่วง อย่างย่ิง และท�ำให้เห็นถึงการด�ำเนินงานในการต่อต้านการคอร์รัปชันของประเทศไทย ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันนั้น ยังไม่ประสบความส�ำเร็จเท่าท่ีควร ถึงแม้ว่าประเทศไทย จะได้มีความพยายามในการก�ำหนดและใช้มาตรการในการป้องกัน และปราบปราม การคอร์รัปชันอยู่อย่างต่อเน่ืองมาโดยตลอด แต่ปัญหาการทุจริตก็ไม่ได้ลดน้อยลง ทเ่ี ป็นเช่นน้เี พราะเราไม่ได้แก้ปัญหาทต่ี ้นเหตุคือเรอ่ื งจติ สานกึ ของประชาชน
ผลจากการส�ำรวจดังกล่าวช้ีให้เห็นว่า ประเทศไทยยังมีปัญหาการทุจริต ิวชาพลเ ืมอง ีดวิ ีถประชาธิปไตย 395 คอร์รปั ชันในระดบั สูง ดังนัน้ การณรงค์แก้ไขปัญหาการทุจรติ คอร์รัปชันที่ผ่านมาจงึ นบั ว่า ยงั ไมป่ ระสบความสำ� เรจ็ เท่าทค่ี วร เพราะไมแ่ กไ้ ขทต่ี ้นเหตุ คอื เรอื่ งจติ ส�ำนกึ ของประชาชน ทจ่ี ะมีบทบาทส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการทุจรติ จากการวเิ คราะห์ SWOT จดุ แขง็ จดุ ออ่ น ปญั หาอปุ สรรค และภยั คกุ คาม เกี่ยวกบั การทจุ ริตของสำ� นกั งาน ป.ป.ช. พบวา่ มจี ุดอ่อนคือคนไทยส่วนใหญ่ 1. ไมน่ ำ� ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งมาใช้ (ใชจ้ า่ ยเกนิ ตวั ทำ� ใหม้ ภี าระหนสี้ นิ และ น�ำมาสู่ความอยากได้ใคร่มี การทจุ ริตโดยง่าย ท้ังการทจุ รติ ซ้ือสิทธิขายเสยี งและการทุจรติ โกงกนิ คอร์รปั ชนั ) 2. ไม่ตระหนักผลกระทบการทุจริตมากพอกล่าวคือ เห็นการทุจริตเป็นเร่ือง ปกตธิ รรมดา (โกงได้ไม่ว่าขอให้ตวั เองได้ประโยชน์ หรือเงนิ ไม่มากาไม่เป็น ฯลฯ) 3. ขาดจติ สำ� นกึ เพอ่ื สว่ นรวมและประโยชนส์ าธารณะ (ขาดจติ สำ� นกึ สาธารณะ เหน็ แก่ประโยชน์ส่วนตวั มากกว่าส่วนรวม และขาดความรบั ผิดชอบต่อสังคม) ดังนั้น การจะแก้ปัญหาการทุจริตจึงต้องมุ่งแก้ไขท่ีจิตส�ำนึก และพฤติกรรม ของคนท่ีเกี่ยวข้องกับการทุจริต ซึ่งได้แก่ นักการเมือง พ่อค้า ข้าราชการ และประชาชน รวมท้ังสื่อมวลชนท่ีจะต้องเสนอข้อมูลข่าวสารท่ีถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อการปลูกฝัง
396 วชิ าพลเมอื งดีวถิ ปี ระชาธปิ ไตย คา่ นยิ มทด่ี ใี หแ้ กเ่ ดก็ เยาวชนและประชาชนในปี พ.ศ. 2558 ประเทศไทยจะกา้ วเขา้ สปู่ ระชาคม เศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ดังน้ันจึงต้องเตรียมความพร้อมในหลายด้านที่จะเป็นผู้น�ำ ในภูมิภาคน้ีแต่ในภาพรวมแล้ว ประเทศในกลุ่มอาเซียนส่วนใหญ่จ�ำนวน 10 ประเทศ ที่ได้คะแนนดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันสูง มี 2 ประเทศ คือ สิงคโปร์ และมาเลเซีย ส่วนอีก 8 ประเทศ มีคะแนนต่�ำกว่าค่าเฉลี่ยดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชันของโลก “จะปอ้ งกนั แกไ้ ขปญั หาการทจุ รติ คดโกงไดอ้ ยา่ งไร” นอกเหนอื จากการปราบปรามแลว้ ในด้านการป้องปรามประชาชนต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตากระจายข่าวการโกงให้สังคม รับรู้ด้วยวธิ ีการต่าง ๆ ผ่านสอ่ื ทุกประเภท ทั้งหนงั สือพิมพ์ วทิ ยุ โทรทัศน์ โดยเฉพาะสอื่ “สังคมออนไลน์” มสี ่วนในการเปิดโปงกระบวนการท�ำงานของคนชั่วเหล่าน้ไี ด้อย่างใกล้ชิด และมปี ระสทิ ธภิ าพสงู ยงิ่ ในปจั จบุ นั หากกลมุ่ คนรกั และหว่ งใยสงั คมรวมตวั กนั เปน็ เครอื ขา่ ย ท�ำงานอย่างจรงิ จังกจ็ ะช่วยได้ไม่น้อย ประชาชนต้องช่วยกันปลูกจิตส�ำนึกท่ีดีงาม แผ่เป็นวงกว้างออกไปจนมี ปริมาณมากพอสู่เยาวชน นักเรยี น และประชาชนให้เป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย อยา่ งแทจ้ รงิ หวา่ นปยุ๋ แหง่ ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ลงไปในดนิ ทมี่ คี วามชนื้ และอณุ หภมู พิ อเหมาะ กจ็ ะงอกงามเจรญิ เตบิ โตเปน็ ตน้ ไมพ้ นั ธด์ุ ขี องแผน่ ดนิ ของสงั คมประเทศชาติ ปกปอ้ งสงั คม ให้อยู่รอดปลอดภัยและมีความสุขกันถ้วนหน้าจากเงินภาษีท่ีเป็นน้�ำพักน้�ำแรงของเรา อย่างเตม็ ความภาคภมู ิ มูลเหตุการทจุ รติ การทุจรติ ในวงราชการมมี ูลเหตุหลายประการ เช่น 1. เจ้าหน้าทข่ี าดคุณธรรมและจรยิ ธรรม 2. ขาดกลไกในการลงโทษและการบังคับใช้กฎหมาย 3. ขาดการตรวจสอบและการควบคุม กำ� กับ ดูแล 4. เจ้าหน้าท่ีได้รับค่าตอบแทน/เงินเดือน ไม่พอกับการครองชีพ และมีปัญหา ทางเศรษฐกจิ หรอื อบายมขุ 5. สภาพการท�ำงานเปิดโอกาสเอ้ืออ�ำนวยต่อการกระท�ำทุจริต กระบวนการ ปฏิบัตงิ านมชี ่องโหว่
รปู แบบการทจุ รติ ิวชาพลเ ืมอง ีดวิ ีถประชาธิปไตย 397 การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศไทย หากดูจากภาพลักษณ์การคอรัปชัน (Corruption perceptionindex) ท่ีองค์กรเพ่ือความโปร่งใสระว่างประเทศ (Transparency International) ส�ำรวจจากทัศนะหรือการมองภาพจากกลุ่มนักธุรกิจ และประชาชนท่ัวไป เป็นประจ�ำทุกปี ก็อยู่ในเกณฑ์สูงกว่าประเทศเกิดใหม่เพื่อนบ้านอื่น ๆ เพราะดัชนีน้ี วัดเรื่องการคอร์รัปชันแบบเก่า เช่น รับสินบน ไม่ได้ครอบคลุมเร่ืองปัญหาผลประโยชน์ ทับซ้อนที่นักธุรกิจอาจจะไม่ค่อยสนใจ หรือไม่ได้ตระหนักรับรู้มากข้ึน ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชันในประเทศไทยทั้งแบบเก่าและแบบใหม่ ส่วนใหญ่เกิดมาจากโครงสร้างทาง เศรษฐกิจการเมืองที่มีลักษณะผูกขาดอ�ำนาจอยู่ในมือคนกลุ่มน้อยท่ีมีทั้งทุนความรู้ อำ� นาจทางการเมอื ง อำ� นาจในการครอบงำ� ขอ้ มลู ขา่ วสาร ขณะทป่ี ระชาชนสว่ นใหญย่ ากจน การศึกษาต�่ำ การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่�ำ อยู่อย่างกระจัดกระจายมีการรวมตัวกันน้อย รวมทั้งประเทศไทยมีวัฒนธรรมแบบเล่นพรรคเล่นพวก เป็นผู้ชอบอยู่ใต้การอุปถัมภ์ หวังพึง่ พาคนท่รี วยกว่า หรอื มีอ�ำนาจมากกว่าท่ีให้มาช่วยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นเร่ือง ๆ ให้กับตนได้มากกว่าที่จะเข้าใจเร่ืองสิทธิหน้าท่ีของพลเมือง และความเป็นธรรมในระบอบ ประชาธิปไตยท่ีประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง การแสวงหาผลประโยชน์ของผู้มีอ�ำนาจ หากรู้จกั แบ่งให้ผู้อยู่ให้อปุ ถัมภ์ด้วยมกั ถกู ถอื ว่าเป็นเรื่องปกติ แม้ประเทศไทยจะมีปัญญาชนผู้มีการศึกษาจ�ำนวนหนึ่ง ที่น่าจะรู้เท่าทัน นกั การเมอื งและเจา้ หนา้ ทส่ี ว่ นอน่ื ไดพ้ อสมควร แตส่ ว่ นใหญพ่ วกเขามกั จะมที า่ ทแี บบมงุ่ ท�ำงาน เพ่ือผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจส่วนตนมากกว่าที่จะเป็นพลเมืองดี ที่สนใจการมีบทบาท ทางการเมือง เช่น การตรวจสอบรัฐบาล คนช้ันกลางไทยท่ีคิดในเชิงมุ่งผลประโยชน์ ทางเศรษฐกจิ สว่ นตน มกั จะใชแ้ นวคดิ วา่ นกั การเมอื งกม็ กั โกงกนั ทกุ ฝา่ ย ดงั นนั้ หากใครโกง แล้วท�ำงานเก่ง ท�ำให้เศรษฐกิจโตก็ถือว่าพอรับได้ ประชาชนไทยยังไม่ตระหนักหรือไม่ ถือว่าเป็นการทุจริตคอร์รัปชันด้วยซ�้ำ การขาดความรู้และความตระหนักว่า ปัญหาทุจริต คอรร์ ปั ชนั ทำ� ใหป้ ระเทศชาตสิ มยั ใหมเ่ สยี หายอยา่ งไร มสี ว่ นสง่ เสรมิ ใหป้ ญั หาการคอรร์ ปั ชนั ในประเทศไทยขยายตวั ไดม้ ากขน้ึ เพราะภาคประชาชนออ่ นแอ ขณะทภ่ี าคนกั ธรุ กจิ การเมอื ง ท่ีมีอ�ำนาจเข้มแข็งข้ึน ท้ังอ�ำนาจทางธุรกิจ อ�ำนาจทางความรู้ และสามารถหาประโยชน์ อย่างพลิกแพลงรปู แบบต่าง ๆ มากมาย
398 วชิ าพลเมอื งดีวถิ ปี ระชาธปิ ไตย รูปแบบของการทุจริตคอร์รัปชัน รวมท้ังผลประโยชน์ทับซ้อนในปัจจุบัน ตัวอย่างเชน่ 1. การแสวงหาค่าเช่าทางเศรษฐกิจ เชน่ การผกู ขาด การใหส้ มั ปทาน และการเรยี กเกบ็ ส่วนแบ่งอย่างผดิ กฎหมาย 2. การฉกฉวยทรัพยากรของรัฐมา เป็นของตนเอง และพวกพ้อง 3. การมีผลประโยชน์ทับซ้อน สถานการณ์การเอ้ือประโยชน์ต่อตนเอง โดยที่ เจ้าหน้าท่ีของรัฐมีผลได้ผลเสียส่วนตัว และผลดังกล่าวมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ หรือ การกระทำ� หน้าทโ่ี ดยขาดความเทย่ี งธรรม 4. การใช้อิทธิพลทางการเมืองหาผลประโยชน์จากตลาดหลักทรัพย์ เช่น ปั่นราคาหุ้น 5. ปกปิดการบรหิ ารงานท่ไี ม่ถกู ต้อง การปิดบังข้อมูล และให้การเทจ็ 6. การใชน้ โยบาย กฎหมาย กฎเกณฑ์ ขอ้ บงั คบั ตา่ ง ๆ อยา่ งมอี คตแิ ละลำ� เอยี ง ต่อตนเองและพวกพ้อง หรอื เรยี กว่า คอร์รัปชันเชงิ นโยบาย 7. การใช้อิทธิพลทางการค้า แสดงบทบาทเป็นนายหน้าหรือมีผลประโยชน์ ทับซ้อน จากการค้าต่างตอบแทน 8. การใช้ทรพั ยากรของรฐั ไปในทางมิชอบ การปลอมแปลงเอกสาร การฉ้อฉล การนำ� ทรพั ย์สินของราชการมาใช้ส่วนตัว 9. ไม่กระท�ำการตามหน้าท่แี บบตรงไปตรงมา เช่น การจัดฮ้วั ประมลู 10. การให้และการรบั สนิ บน การขู่เข็ญบังคับ และการให้สิ่งล่อใจ 11. การยอมรบั ของขวญั ทไี่ มถ่ กู ตอ้ ง เชน่ เชค็ ของขวญั มลู คา่ สงู กวา่ ทก่ี ฎหมาย ก�ำหนด 12. ทจุ รติ การเลอื กตัง้ ทงั้ การซอ้ื เสียง และการทจุ รติ ด้วยวธิ กี ารต่าง ๆ
บทที่ ิวชาพลเ ืมอง ีดวิ ีถประชาธิปไตย 399 องค์กรตรวจสอบเพอ่ื ความโปรง่ ใส (องค์กรหรือหนว่ ยงานภายนอก) การปกครองในระบอบประชาธิปไตย เป็นการปกครองท่ีอ�ำนาจอธิปไตย เป็นของปวงชน ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการร่วมคิด ร่วมท�ำ ร่วมรับผิดชอบ และต้องมีมาตรการในการถ่วงดุลอ�ำนาจ ตลอดจนกระบวนการ ตรวจสอบตา่ ง ๆ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความสงบเรยี บรอ้ ยของสงั คม โดยมอี งคก์ รในการตรวจสอบ เพอื่ ความโปร่งใส (องค์กรหรอื หน่วยงานภายนอก) ประกอบด้วย 1. คณะกรรมการการเลือกตง้ั (กกต.) มีอ�ำนาจหน้าท่ีควบคุมด�ำเนินการจัดให้มีการเลือกต้ังสมาชิกสภา ผแู้ ทนราษฎร สมาชกิ วฒุ สิ ภา สมาชกิ สภาทอ้ งถนิ่ และผบู้ รหิ ารทอ้ งถนิ่ และการออกเสยี ง ประชามติให้เป็นไปโดยสุจริตและเท่ียงธรรม สืบสวนสอบสวน วินิจฉัยช้ีขาดปัญหา ส่ังให้มีการเลือกต้ังใหม่ โดยมีอ�ำนาจออกประกาศก�ำหนดการท้ังหลาย อันจ�ำเป็นแก่ การปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย รวมทงั้ มคี ำ� สงั่ ใหข้ า้ ราชการหรอื เจา้ หนา้ ทอ่ี นื่ ของรฐั ปฏบิ ตั กิ าร ทั้งหลายอันจ�ำเป็นตามกฎหมาย รวมทั้งการสนับสนุนทางการเงินแก่พรรคการเมือง และการควบคมุ การดำ� เนนิ กจิ การของพรรคการเมอื ง เชน่ มอี ำ� นาจยน่ื คำ� รอ้ งเพอื่ ใหศ้ าล รัฐธรรมนูญมีค�ำส่ังให้ระงับหรือจัดการแก้ไขการกระท�ำท่ีฝ่าฝืนนโยบาย หรือข้อบังคับ พรรคการเมืองอันอาจเป็นภัยต่อความม่ันคงของรัฐ หรือขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรอื ศีลธรรมอนั ดขี องประชาชน กม็ ีอำ� นาจย่นื ค�ำร้องเพ่ือให้ศาลรฐั ธรรมนูญมคี �ำส่งั ยบุ พรรคการเมอื งน้ันได้
400 วชิ าพลเมอื งดีวถิ ปี ระชาธปิ ไตย 2. คณะกรรมการปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ (ป.ป.ช.) มอี ำ� นาจหนา้ ทไี่ ตส่ วนกรณรี อ้ งขอใหถ้ อดถอนจากตำ� แหนง่ กรณกี ารดำ� เนนิ คดี อาญาของผดู้ �ำรงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง ตลุ าการศาลรฐั ธรรมนญู ผดู้ �ำรงตำ� แหนง่ ในองคก์ ร อสิ ระ หรอื ผวู้ า่ การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ รวมถงึ เจา้ หนา้ ทรี่ ฐั กรณรี ำ่� รวยผดิ ปกติ กระทำ� ความผดิ ฐานทจุ รติ ตอ่ หนา้ ท่ี หรอื กระทำ� ความผดิ ตอ่ ตำ� แหนง่ หนา้ ทร่ี าชการ หรอื ความผดิ ตอ่ ตำ� แหนง่ หน้าท่ีในการยุติธรรม และตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงของทรัพย์สินและ หน้ีสินของเจ้าหน้าท่ีของรัฐ รวมทั้งตรวจสอบความเปล่ียนแปลงของทรัพย์สินและหน้ีสิน ของผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมือง เพ่ือด�ำเนินคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ด�ำรง ต�ำแหน่งทางการเมืองให้ทรัพย์สินที่เพ่ิมขึ้นผิดปกติน้ันตกเป็นของแผ่นดิน ตลอดจน ตรวจสอบและวินิจฉัยกรณีผู้ด�ำรงต�ำแหน่งทางการเมืองว่าจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการ ทรัพย์สินและหน้ีสิน และเอกสารประกอบ หรือจงใจยื่นบัญชีด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบหรือไม่ เพื่อเสนอเร่ืองให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ด�ำรงตำ� แหน่งทางการเมอื งได้วนิ ิจฉยั และพิพากษาต่อไป 3. คณะกรรมการตรวจสอบเงนิ แผน่ ดนิ (คตง.) มีอ�ำนาจหน้าท่ีวางนโยบายการตรวจเงินแผ่นดิน การก�ำหนดหลักเกณฑ์ มาตรฐานเกย่ี วกบั การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ การกำ� หนดหลกั เกณฑแ์ ละวธิ พี จิ ารณาในเรอ่ื งวนิ ยั ทางงบประมาณและการคลงั การใหค้ ำ� ปรกึ ษาและคำ� แนะนำ� เพอ่ื ใหม้ กี ารแกไ้ ขขอ้ บกพรอ่ ง เกย่ี วกบั การตรวจเงนิ แผน่ ดนิ การสงั่ ลงโทษทางการปกครอง การพจิ ารณาวนิ จิ ฉยั ความผดิ วินัยทางงบประมาณและการคลัง และให้ค�ำแนะน�ำแก่ฝ่ายบริหารในการแก้ไขกฎหมาย ระเบียบ หรือข้อบังคับเก่ียวกับการควบคุมของรัฐ หรือในกรณีที่หน่วยงานของรัฐ มีการกระทำ� การไม่เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ และอาจก่อให้ เกดิ ความเสยี หายแกก่ ารเงนิ การคลงั ของรฐั อยา่ งรา้ ยแรง ใหค้ ณะกรรมการตรวจเงนิ แผน่ ดนิ ปรึกษาร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทจุ ริตแห่งชาติ ให้ร่วมกนั มหี นงั สอื แจ้งสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบโดยไม่ชกั ช้า และให้เปิดเผยผลการตรวจสอบต่อประชาชนด้วย
4. ส่อื มวลชน ิวชาพลเ ืมอง ีดวิ ีถประชาธิปไตย 401 เป็นกลไกหนึ่งที่มีบทบาทส�ำคัญท�ำหน้าท่ีในการน�ำเสนอข้อมูล ข่าวสาร ข้อเทจ็ จรงิ ทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อประชาชน เช่น 1. ท�ำหน้าที่เป็นผู้ให้ข่าวสารที่มีสาระและความเป็นจริงต่อประชาชนทั้งทาง ดา้ นการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คมวฒั นธรรม โดยเฉพาะการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตย ประชาชนจำ� เปน็ ตอ้ งอาศยั ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ เหลา่ นไี้ ปใชใ้ นการตดั สนิ เพอ่ื เขา้ รว่ มทางการเมอื ง อย่างถกู ต้อง และอยู่บนพ้นื ฐานของความเป็นจรงิ 2. ทำ� หนา้ ทเ่ี ปน็ ผใู้ หค้ วามรแู้ ละขอ้ คดิ เหน็ ตา่ ง ๆ แกผ่ อู้ า่ น ผชู้ ม และผฟู้ งั เพราะ สื่อมวลชนจะต้องให้ข่าวสารความรู้ ข้อคิดเห็น หรือข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่สอดแทรกลงไป ในสอ่ื พรอ้ ม ๆ กนั ไป สำ� หรบั ความรแู้ ละขอ้ คดิ เหน็ ตา่ ง ๆ น้ี อาจจะเปน็ เรอื่ งการเมอื งการปกครอง เศรษฐกจิ และสงั คมควบคู่กนั ไป 3. ท�ำหน้าที่เป็นผู้คอยทักท้วง ผู้มีอ�ำนาจ หรือมีบทบาทในการตรวจสอบ การปฏบิ ตั ิหน้าทข่ี องเจ้าหน้าท่รี ัฐ 4. ทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ สอ่ื กลางการตดิ ตอ่ ระหวา่ งรฐั บาลและประชาชน สอื่ มวลชนจะเปน็ ผตู้ ดิ ตามเหตกุ ารณเ์ สนอขา่ วสาร ทศั นะทางการเมอื ง เพอื่ ใหผ้ อู้ า่ นไดข้ อ้ มลู ในการตดั สนิ ใจ อย่างเพียงพอ เก่ียวกับการด�ำเนินนโยบายของรัฐบาลหรือนักการเมือง ในขณะเดียวกัน ประชาชนกเ็ สนอความคดิ เหน็ ของตนเองเกย่ี วกบั การเมอื งไปสรู่ ฐั บาลโดยผา่ นสอื่ มวลชนได้
402 วชิ าพลเมอื งดีวถิ ปี ระชาธปิ ไตย 5. ท�ำหน้าท่ีเป็นผู้เช่ือมความส�ำนึกความเป็นประเทศชาติในการเสนอข่าวสาร และขอ้ คดิ เหน็ ตา่ ง ๆ แกส่ าธารณชนของสอื่ มวลชนเปน็ ประจ�ำ สอ่ื มวลชนยงั สามารถทำ� หนา้ ท่ี เชอ่ื มประสานคนท่อี ยู่ในท้องถน่ิ ต่างๆ ให้มคี วามรู้สกึ ร่วมกนั ถึงความเป็นชาตเิ ดียวกัน 6. ทำ� หนา้ ทใ่ี นการรวบรวมกลน่ั กรองขอ้ เรยี กรอ้ ง ตอ้ งการตลอดจนชว่ ยแกป้ ญั หา ขอ้ ขดั แยง้ ตา่ ง ๆ ระหวา่ งกลมุ่ ในสงั คม เนอ่ื งจากในสงั คมหนง่ึ ๆ ยอ่ มมขี อ้ พพิ าทหรอื ขอ้ ขดั แยง้ ทเี่ กดิ จากความเรยี กรอ้ ง ตอ้ งการของกลมุ่ แตล่ ะกลมุ่ ซง่ึ มกั ไมเ่ หมอื นกนั เปน็ หนา้ ทขี่ องรฐั บาล โดยตรง แต่เน่ืองจากรัฐบาลมีหน้าที่ต้องกระท�ำอยู่มากแล้ว สื่อมวลชนก็จะท�ำหน้าท่ี เปน็ กลไกแทนรฐั บาล ซงึ่ ถอื เปน็ การแบง่ เบาภาระของรฐั บาล และเปน็ การปอ้ งกนั มใิ หร้ ฐั บาล ต้องเผชญิ หน้าโดยตรงกบั กลุ่มต่าง ๆ ทีม่ คี วามขดั แย้งหรอื เรยี กร้องกันอยู่ ประการสำ� คญั จะต้องรวบรวมกลน่ั กรองข้อเรยี กร้องความต้องการต่าง ๆ ของแต่ละกลุ่มท่ีแท้จริง 7. ทำ� หน้าท่ใี นการเลือกสรรทางการเมือง เน่ืองจากการเมอื งจะเข้าไปเกยี่ วพนั กับองค์กรของรัฐ และแต่ละองค์กรของรัฐจำ� เป็นต้องมีบุคคลเพ่ือเข้าด�ำเนินงานในองค์กร ต่าง ๆ เกี่ยวกบั บุคคลท่จี ะเข้าดำ� รงตำ� แหน่งต่าง ๆ นี้ ส่ือมวลชนกจ็ ะสามารถเลือกสรรด้วย ในระดบั หนง่ึ 8. ทำ� หน้าทใ่ี นเรอื่ งการหล่อหลอมทางการเมอื ง (Political Socialization) นน่ั คอื สื่อมวลชนจะเป็นตัวการ (Agent) ท่ีส�ำคัญท่ีท�ำให้ประชาชนได้มีการเรียนรู้ทางการเมือง หรอื สอ่ื มวลชนจะมอี ทิ ธพิ ลต่อเจตคติ ความเชอ่ื หรอื การประพฤตปิ ฏบิ ตั อิ ย่างใดอย่างหนง่ึ ต่อองค์กร หรอื กระบวนการทางการเมอื งในฐานะทีเ่ ขาเป็นสมาชกิ อยู่ในสงั คมการเมืองนัน้ 9. ท�ำหน้าที่ช่วยให้ประชาชนสามารถมีอ�ำนาจหรืออิทธิพลต่อรัฐบาล การท่ี ประชาชนทั่ว ๆ ไป จะมีอ�ำนาจในการโน้มน้าวชักจูงรัฐบาลให้กระท�ำสิ่งใดสิ่งหน่ึงตาม ความตอ้ งการของตนนนั้ จำ� เปน็ ตอ้ งกระทำ� ในรปู ของกลมุ่ พลงั ซงึ่ สอื่ มวลชนจะเปน็ เครอื่ งมอื ช่วยได้อย่างดใี นการกระตุ้นให้ประชาชนรวมกลุ่มกนั เพอ่ื ให้มีอ�ำนาจต่อรองกบั รฐั บาล 10. ท�ำหน้าที่เป็นกลไกของกระบวนการทางการเมืองแบบประชาธิปไตย ซึ่งส่ือมวลชนจะมีบทบาทส�ำคัญหลายประการ เช่น ในการก�ำหนดนโยบายของรัฐบาล การเลือกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคการเมือง การบรหิ ารประเทศของรฐั บาล และการท�ำหน้าท่ขี องฝ่ายนติ บิ ัญญัติ เป็นต้น
จากหน้าท่ีของสื่อมวลชนดังกล่าวน้ีจะเห็นว่าส่ือมวลชนในฐานะท่ีเป็นกลไก ิวชาพลเ ืมอง ีดวิ ีถประชาธิปไตย 403 อันหนึ่งในสังคม มีบทบาทหน้าที่ส�ำคัญย่ิงในการปลูกฝังและพัฒนาความคิดเห็นทาง การเมืองท่ถี กู ต้องแก่ประชาชน โดยเฉพาะในระบบการเมอื งแบบประชาธปิ ไตย 5. ภาคประชาชน ภาคประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ มีหน้าท่ีในการปกป้องสิทธิของตน ในการกระทำ� ทถี่ กู ละเมดิ การตรวจสอบการใช้อ�ำนาจรฐั ภาคประชาชนหรอื การรวมกลุ่ม เป็นประชาสังคม เป็นกลุ่มพลังที่มีความส�ำคัญและจ�ำเป็นเนื่องจากทุกกระบวนการของ ระบอบประชาธปิ ไตย จะตอ้ งไดร้ บั ความรว่ มมอื จากประชาชน ตงั้ แตก่ ารปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย การเลือกผู้แทนไปทำ� หน้าทใ่ี นการออกกฎหมาย การทำ� หน้าทใี่ นการตรวจสอบการท�ำงาน ของรฐั การใชอ้ ำ� นาจในการถอดถอนผดู้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทางการเมอื ง การจดั ทำ� ประชาพจิ ารณ์ เพ่อื ให้เกิดการดแู ลประชาชนทกุ คนให้เกิดความเท่าเทียม เสมอภาค และทวั่ ถงึ อีกนยั หนึง่ คอื การเมืองภาคประชาชน ไม่ใช่การเมืองภาคนกั การเมอื งเพยี งส่วนเดยี ว
404 วชิ าพลเมอื งดีวถิ ปี ระชาธปิ ไตย บทท่ี กลไกและกระบวนการตรวจสอบเพอื่ ความโปร่งใส (ภายในองค์กรหรือหนว่ ยงาน) 1. กลไกและระบบหรอื กระบวนการ กลไกและระบบหรอื กระบวนการเปรียบเสมือนกง่ิ ก้านของต้นไม้ ถ้าเปรยี บ กับบริษัทหรือโรงงานท่ีต้องมีระบบควบคุมการท�ำงานท่ีเรียกว่า การควบคุมคุณภาพ หรือ Quality Control (QC) ก็คือ กิง่ และมหี น่วยควบคุมคุณภาพเปรยี บดังก้านของต้นไม้ ท่ีแยกออกมาจากล�ำต้นยังถึงกิ่งก้านแผ่ขยายได้มากเท่าไร จะน�ำไปสู่การออกดอก ออกผลดงั ท่ีคาดหวงั โดยอย่างมากมายเท่าน้ัน ดงั น้นั กลไกและระบบหรอื กระบวนการ ซ่งึ เปรยี บเสมือนกิ่งก้านของต้นไม้ ประชาธปิ ไตยทที่ ำ� หนา้ ทใี่ นการตรวจสอบการทำ� งานของสถาบนั /องคก์ ร และหนว่ ยงาน ให้เกดิ ความโปร่งใสมปี ระสทิ ธภิ าพ เพื่อประโยชน์สขุ ของประชาชน ตัวอย่างเชน่ - รัฐบาลก็มีหน่วยงานภายในท�ำหน้าที่ตรวจสอบควบคุมการท�ำงาน มปี ระมวลจรยิ ธรรมของนกั การเมอื งควบคมุ มใิ หท้ จุ รติ พรรคการเมอื ง กจ็ ะมกี ลไกในการ ควบคมุ การทำ� งานในรปู ของกฎหมาย กฎระเบยี บ มกี ระบวนการทำ� งานทเ่ี ปน็ ประชาธปิ ไตย ภายในพรรค หากทจุ ริตเลอื กตง้ั กถ็ กู ด�ำเนินคดอี าญา และเพกิ ถอนสิทธเิ ลือกต้ัง
- หน่วยราชการข้าราชการในกระทรวงกรมต่าง ๆ ฯลฯ ก็มีระบบราชการ ิวชาพลเ ืมอง ีดวิ ีถประชาธิปไตย 405 และระเบยี บวนิ ยั ควบคมุ การทำ� งานใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพไมใ่ หม้ กี ารคอรร์ ปั ชนั มกี ระบวนวธิ กี าร ทำ� งานทยี่ ดึ หลกั ธรรมาภบิ าล เพอื่ ใหเ้ กดิ ความโปรง่ ใส และสามารถตรวจสอบได้ มขี า้ ราชการ ท่ีมีความซ่อื สัตย์สจุ รติ มคี วามรู้ความสามารถ มีคณุ ภาพเป็นกลไกในการท�ำงาน เป็นต้น ตวั อย่างกลไก และระบบในการตรวจสอบ เช่น - พลเมอื งท่เี ข้มแข็ง (กลไก) - การมสี ่วนร่วมของประชาชน (กระบวนการ) - องค์การเอกชนตรวจสอบการเลอื กตัง้ หรือ ออช. (กลไก) - ระเบียบการใช้จ่ายเงนิ ของพรรค (ระบบ) - การบริหารงานภาครฐั ท่โี ปร่งใสมธี รรมาภบิ าล (ระบบ) - ข้าราชการทม่ี ีคณุ ภาพ (กลไก) - การบงั คบั ใช้กฎหมายทเี่ ข้มแขง็ (ระบบหรอื กระบวนการ) - การถอดถอนหรอื การลงโทษคนทจุ ริต (กระบวนการ) - ประมวลจรยิ ธรรม/ระเบยี บวนิ ัย (กลไก) 2. หลกั ธรรมาภิบาล (Good Governance) หมายถงึ การบรหิ ารจดั การบ้านเมอื งทดี่ ี ประกอบด้วย 6 หลัก คือ 2.1 หลกั นติ ธิ รรม (The Rule of Law) คอื การปฏบิ ตั ติ ามกฎหมาย กฎระเบยี บ ต่าง ๆ ซึ่งรวมถงึ การไม่เลอื กปฏบิ ตั ิ การไม่ท�ำตามอำ� เภอใจ การไม่ละเมิดกฎหมาย และ การไม่ละเมดิ สทิ ธขิ องผู้อื่น 2.2 หลักคณุ ธรรม (Morality) คอื การยดึ ม่นั ถอื มนั่ ในคณุ ธรรมความดีงาม ความถกู ตอ้ งตามทำ� นองคลองธรรม รวมถงึ มคี วามซอ่ื สตั ยจ์ รงิ ใจ และยดึ มนั่ ในความสจุ รติ เป็นแนวทางทถ่ี ูกต้องในการด�ำเนนิ ชวี ติ ทง้ั ความประพฤติและจติ ใจ ซง่ึ แต่ละสังคมกำ� หนด และยอมรับปฏบิ ัตกิ ัน 2.3 หลกั ความโปรง่ ใส (Accountability) คอื ความถกู ตอ้ งชดั เจนปฏบิ ตั ติ าม หลกั การทคี่ วรจะเปน็ รวมถงึ การสรา้ งความไวว้ างใจซง่ึ กนั และกนั มกี ระบวนการตรวจสอบ ความถูกต้องได้ รวมทง้ั การให้และรับข้อมูลทีเ่ ป็นจรงิ ตรงไปตรงมา
406 วชิ าพลเมอื งดีวถิ ปี ระชาธปิ ไตย 2.4 หลกั การมสี ่วนร่วม (Participation) คอื การให้โอกาสบุคคลท่เี กีย่ วข้อง เข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจในเร่ืองต่าง ๆ รวมท้ังการเปิดรับฟังความคิดเห็น เพื่อ รบั คำ� แนะน�ำมาร่วมวางแผนและปฏิบตั ิให้บรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ 2.5 หลกั ความรบั ผดิ ชอบ (Responsibility) คอื ความรบั ผดิ ชอบในงานของตน ความรับผิดชอบต่อการกระทำ� ของตนเอง รวมถึงการตระหนกั และส�ำนกึ ในสทิ ธิและหน้าท่ี 2.6 หลกั ความคุม้ ค่า (Cost-Effectiveness or Economy) คือ การบรหิ าร จดั การใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ การใชท้ รพั ยากรทม่ี อี ยอู่ ยา่ งจ�ำกดั ใหเ้ กดิ ประโยชนอ์ ยา่ งคมุ้ คา่ เช่น การใช้พลงั งานอย่างคุ้มค่า และรกั ษาทรัพยากรธรรมชาตใิ ห้ยง่ั ยนื เป็นต้น 3. การรับรูข้ อ้ มูลขา่ วสารทางราชการ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 หรือกฎหมายข้อมูล ขา่ วสารของราชการ มเี จตนารมณท์ ตี่ อ้ งการใหป้ ระชาชนมโี อกาสอยา่ งกวา้ งขวาง ในการรบั รู้ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการด�ำเนินการต่าง ๆ ของรัฐ เพื่อที่ประชาชนจะได้สามารถ แสดงความคดิ เหน็ และใชส้ ทิ ธทิ างการเมอื งไดถ้ กู ตอ้ งตรงกบั ความเปน็ จรงิ เปน็ การพฒั นา ระบอบประชาธิปไตยให้ม่ันคง ประชาชนมีโอกาสรู้ถึงสิทธิและหน้าที่ของตนอย่างเต็มท่ี สง่ เสรมิ ใหก้ ารบรหิ ารงานของรฐั เปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพและโปรง่ ใส มงุ่ ตอ่ ประโยชนส์ ขุ ของประชาชนมากย่งิ ขน้ึ การคุ้มครองสทิ ธริ บั รู้ข้อมูลข่าวสารตามกฎหมาย ข้อมูลข่าวสาร ของราชการนี้ เป็นการรองรับการคุ้มครองสิทธิรับรู้ข้อมูลหรือข่าวสารสาธารณะที่อยู่ใน ความครอบครองของหน่วยราชการ หน่วยงานของรฐั รัฐวสิ าหกจิ และราชการส่วนท้องถิน่ ตามรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทยอีกด้วย 3.1 สทิ ธริ ับรูข้ ้อมูลขา่ วสารของประชาชน กฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการได้ให้สิทธิแก่ประชาชนหลายประการ ซ่ึงมีรายละเอียดอยู่ในหนังสือเล่มน้ีแล้ว อย่างไรก็ตาม เห็นควรหยิบยกสิทธิท่ีส�ำคัญ 2 เรื่อง ซ่ึงถือได้ว่า เป็นเคร่ืองมือหรือกลไกส�ำคัญของประชาชน และหน่วยงานของรัฐ ในการท�ำให้เจตนารมณ์ของกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการ และของรัฐธรรมนูญใน เรอ่ื งสิทธิรบั รู้บรรลผุ ล กล่าวคือ
3.1.1 สทิ ธิในการเข้าตรวจดูขอ้ มูลข่าวสารของหน่วยงานต่าง ๆ ิวชาพลเ ืมอง ีดวิ ีถประชาธิปไตย 407 กฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการได้ให้สิทธิแก่ประชาชน ในการตรวจดูข้อมูลข่าวสารของหน่วยงานต่าง ๆ ของรัฐ ท้ังในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น โดยกำ� หนดให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง จะต้องจัดเตรียมข้อมูลข่าวสาร อย่างน้อยตามท่ีกฎหมายก�ำหนดรวมไว้ให้พร้อมส�ำหรับประชาชนเข้าตรวจดู โดยจะต้อง จัดเตรียมสถานที่เพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารดังกล่าว จะต้องจัดให้มีรายการบัญชีข้อมูล ข่าวสาร (ดัชนี) ส�ำหรับอ�ำนวยความสะดวกในการตรวจสอบของประชาชนด้วย ทั้งน้ี ประชาชนทกุ คนไม่ว่าจะมสี ่วนได้เสยี หรือไม่ สามารถทจ่ี ะใช้สิทธิเข้าตรวจดขู ้อมลู ข่าวสาร ทก่ี ฎหมายกำ� หนดใหจ้ ดั เตรยี มไวน้ ไี้ ด้ ขอ้ มลู ขา่ วสารทต่ี อ้ งจดั เตรยี มพรอ้ มไวใ้ หต้ รวจ ไดแ้ ก่ (1) ผลการพิจารณาหรือค�ำวินิจฉัยที่มีผลโดยตรงต่อเอกชน เช่น ผลการพิจารณาขออนญุ าตปลูกสร้างอาคาร (2) นโยบายในการดำ� เนนิ การเรอ่ื งหนง่ึ เรอ่ื งใดของหนว่ ยงานของรฐั (3) แผนงาน โครงการ และงบประมาณรายจา่ ยประจำ� ปขี องหนว่ ยงาน ต่าง ๆ ของรฐั (4) คู่มือหรือค�ำสั่งเกี่ยวกับวิธีปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซ่ึงมี ผลกระทบถึงสิทธิหน้าท่ีของเอกชน เช่น หลักเกณฑ์หรือขั้นตอนในการขอรับบริการเรื่อง ต่าง ๆ จากหน่วยงานของรฐั เป็นต้น (5) สงิ่ พมิ พท์ มี่ กี ารอา้ งถงึ ในราชกจิ จานเุ บกษา ซงึ่ เปน็ กรณที ม่ี ขี อ้ มลู ขา่ วสารทป่ี ระชาชนควรรู้ และมไิ ดล้ งพมิ พใ์ นราชกจิ จานเุ บกษา กจ็ ะตอ้ งนำ� เอกสารทอ่ี า้ งถงึ ดังกล่าวรวมไว้ให้ตรวจดู (6) สญั ญาสมั ปทาน สญั ญาทมี่ ลี กั ษณะผกู ขาดตดั ตอน หรอื สญั ญา ร่วมทนุ กบั เอกชน ในการจดั ท�ำบรกิ ารสาธารณะ (7) มติคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการที่แต่งต้ังโดยกฎหมาย หรือ โดยมติคณะรฐั มนตรี (8) ขอ้ มลู ขา่ วสารอน่ื ตามทค่ี ณะกรรมการขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ กำ� หนด ได้แก่
408 วชิ าพลเมอื งดีวถิ ปี ระชาธปิ ไตย - ประกาศประกวดราคา ประกาศสอบราคาของหน่วยงาน ต่าง ๆ จะต้องน�ำมารวมไว้ให้ตรวจอย่างน้อย 1 ปี นับแต่วนั ลงนาม - ผลการพิจารณาจัดซื้อจัดจ้าง ซ่ึงหน่วยงานของรัฐทุกแห่ง จะตอ้ งจดั ทำ� สรปุ ผลการพจิ ารณาจดั ซอ้ื จดั จา้ งเปน็ ประจำ� ทกุ เดอื น แลว้ นำ� มารวมไวใ้ หป้ ระชาชน เข้าตรวจดไู ด้โดยสรปุ ผลการจดั ซื้อจัดจ้างน้ี จะต้องระบรุ ายละเอยี ดอย่างน้อย คอื จดั ซือ้ จัดจ้างโดยวิธีใด มีผู้เข้าร่วมจัดซ้ือจัดจ้างจ�ำนวนกี่รายเป็นใครบ้าง ผู้ใดได้รับการคัดเลือก ในวงเงนิ เท่าใด และสรปุ เหตผุ ลทคี่ ัดเลอื กผู้รับจ้างรายดงั กล่าวด้วย จะเห็นได้ว่า ข้อมูลข่าวสารที่กฎหมายได้ก�ำหนดให้ทุกหน่วยงานต้อง จัดเตรียมรวมไว้พร้อมให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้นี้ จะเป็นประโยชน์อย่างสำ� คัญที่จะช่วย ให้ผู้ท่ีเข้าไปใช้สิทธิตรวจดูสามารถรับข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการด�ำเนินงานต่าง ๆ ของ หนว่ ยงานของรฐั อยา่ งกวา้ งขวาง ชว่ ยใหส้ ามารถนำ� ขอ้ มลู ขา่ วสารดงั กลา่ วมาใชใ้ นกระบวนการ มสี ว่ นรว่ มของประชาชนทจี่ ะใหค้ ำ� แนะนำ� ตา่ ง ๆ แกห่ นว่ ยงานของรฐั ทง้ั ในเรอ่ื งการกำ� หนด นโยบายและในเรื่องของการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณและการใช้อ�ำนาจรัฐในด้าน ตา่ ง ๆ ไดอ้ กี ดว้ ย รวมทงั้ หนว่ ยงานของรฐั เองกย็ งั สามารถใชป้ ระโยชนจ์ ากการจดั ระบบขอ้ มลู ข่าวสารดงั กล่าวเป็นข้อมูลในการพฒั นาการบรหิ ารของหน่วยงานได้ 3.1.2 สิทธใิ นการขอขอ้ มูลข่าวสาร สิทธิขอข้อมูลข่าวสารนี้เป็นสิทธิที่ส�ำคัญของประชาชน นอกจาก สิทธิตรวจดูข้อมูลดังกล่าวแล้ว โดยกฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการได้ก�ำหนดให้ ประชาชนมีสิทธิที่จะขอข้อมูลข่าวสารที่ประชาชนต้องการรู้นอกเหนือจากข้อมูลข่าวสาร ทไ่ี ดร้ บั การจดั เตรยี มไวใ้ หป้ ระชาชนเขา้ ตรวจดู โดยหนว่ ยงานตา่ ง ๆ ของรฐั ทไี่ ดร้ บั คำ� ขอจาก ประชาชน จะต้องดำ� เนินการจดั หาข้อมลู ข่าวสารในเวลาที่เหมาะสม หากข้อมลู ข่าวสารใด หน่วยงานของรัฐจะไม่เปิดเผยก็จะต้องแจ้งเหตุผลเป็นหนังสือให้ประชาชนรับทราบด้วย ทงั้ น้ี หากประชาชนไม่เหน็ ด้วยกับเหตุผลในการตอบปฏเิ สธดงั กล่าว กส็ ามารถทจ่ี ะใช้สิทธิ อทุ ธรณม์ ายงั คณะกรรมการขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ โดยสง่ เรอ่ื งมายงั ส�ำนกั งานคณะกรรมการ ข้อมลู ข่าวสารของราชการได้
ในกรณที ป่ี ระชาชนไดใ้ ชส้ ทิ ธใิ นการเขา้ ตรวจดขู อ้ มลู ขา่ วสารของหนว่ ยงานของรฐั ิวชาพลเ ืมอง ีดวิ ีถประชาธิปไตย 409 หรือใช้สิทธิขอข้อมูลข่าวสารตามที่ประสงค์จะรู้จากหน่วยงานของรัฐแล้ว ประสบปัญหา กฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการได้ให้สิทธิแก่ประชาชนที่จะร้องเรียน หรืออุทธรณ์ มายังคณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของราชการได้ กล่าวคอื (1) ในกรณที ปี่ ระชาชนไปใชส้ ทิ ธเิ ขา้ ตรวจดขู อ้ มลู ขา่ วสารแลว้ พบวา่ หนว่ ยงาน ไมจ่ ดั เตรยี มขอ้ มลู ขา่ วสารไวใ้ หต้ รวจหรอื จดั เตรยี มขอ้ มลู ขา่ วสารไวไ้ มค่ รบถว้ น ตามทกี่ ฎหมาย ก�ำหนด ประชาชนกส็ ามารถทีจ่ ะมีหนงั สือหรอื จดหมายร้องเรยี นมายังคณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของราชการได้ (2) ในกรณีท่ีประชาชนได้ใช้สิทธิยื่นคำ� ขอข้อมูลข่าวสารเร่ืองหนึ่งเร่ืองใดตามที่ ประชาชนตอ้ งการรู้ แตป่ รากฏไมไ่ ดร้ บั ความสะดวกหรอื หนว่ ยงานนงิ่ เฉย หรอื ด�ำเนนิ การลา่ ชา้ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ประชาชนสามารถร้องเรียนมายังคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ของราชการได้ (3) ในกรณที ปี่ ระชาชนไปใชส้ ทิ ธขิ อขอ้ มลู ขา่ วสารเรอื่ งหนงึ่ เรอื่ งใด และหนว่ ยงาน ของรฐั ได้ปฏเิ สธไม่ให้ข้อมูลข่าวสารตามทข่ี อ หากประชาชนไม่เหน็ ด้วยกบั เหตผุ ลทปี่ ฏเิ สธ ไมใ่ หข้ อ้ มลู ขา่ วสารดงั กลา่ ว กส็ ามารถทจ่ี ะมหี นงั สอื หรอื จดหมายอทุ ธรณม์ ายงั คณะกรรมการ ข้อมลู ขา่ วสารของราชการ ซง่ึ ในกรณนี ค้ี ณะกรรมการขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ จะสง่ เรอ่ื ง ไปใหค้ ณะกรรมการวนิ จิ ฉยั การเปดิ เผยขอ้ มลู ขา่ วสารเปน็ ผพู้ จิ ารณาวนิ จิ ฉยั ตอ่ ไปวา่ คำ� สง่ั ไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารนั้น ชอบด้วยหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้หรือไม่ และ ในกรณีนี้คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเห็นว่า คำ� ส่ังไม่เปิดเผยข้อมูล ขา่ วสารดงั กลา่ วไมช่ อบดว้ ยหลกั เกณฑต์ ามทก่ี ฎหมายบญั ญตั ิ กจ็ ะมคี ำ� วนิ จิ ฉยั ใหห้ นว่ ยงาน เปดิ เผยขอ้ มลู ขา่ วสารตามทปี่ ระชาชนรอ้ งขอ ซงึ่ ค�ำวนิ จิ ฉยั นถี้ อื วา่ เปน็ ทสี่ ดุ หนว่ ยงานของรฐั จะต้องปฏบิ ตั ติ ามค�ำวินจิ ฉยั ดังกล่าว
Search
Read the Text Version
- 1 - 25
Pages: