บทที่ ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 1 พระราชบญั ญตั จิ ดั ระเบยี บราชการ กระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 พระราชบัญญตั ิ จดั ระเบยี บราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 ภมู ิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วนั ท่ี 31 มกราคม พ.ศ. 2551 เป็นปีท่ี 63 ในรชั กาลปัจจบุ ัน กระทรวงกลาโหม กระทรวงกลาโหม (องั กฤษ: Ministry of Defence) เปน็ หนว่ ยงานราชการไทย ประเภทกระทรวง มหี นา้ ทปี่ อ้ งกนั ประเทศ เพม่ิ ขดี ความสามารถ และรกั ษาผลประโยชน์ ของชาติ สร้างความร่วมมือด้านความม่ันคงกับประเทศเพ่ือนบ้าน ประเทศในกลุ่ม อาเซียน และมิตรประเทศ เพ่ือลดความหวาดระแวงสร้างสันติภาพ ให้ความส�ำคัญ ในการตอบสนองนโยบายเร่งด่วนของคณะรัฐมนตรี ท่ีเก่ียวข้องกับการด�ำเนินการ
2 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร ของกระทรวงกลาโหม ตลอดจนภารกจิ อนื่ ตามทไ่ี ดร้ บั มอบหมายเปน็ การเฉพาะ และมหี นา้ ที่ พิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ ท้ังในฐานะท่ีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ของประเทศ และทรงด�ำรงต�ำแหน่งจอมทัพไทย รวมท้ังสนับสนุนการด�ำเนินการตาม พระราชประสงค์ ประวตั ิ กระทรวงกลาโหมตงั้ อยทู่ แ่ี ขวงพระบรมมหาราชวงั เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร ตรงข้ามวดั พระศรีรัตนศาสดาราม เดมิ เป็นโรงช้าง โรงม้า และโรงสีข้าวของทหาร ในสมัย รัชกาลท่ี 5 จอมพล เจ้าพระยาสรุ ศกั ด์มิ นตรี (เจมิ แสง-ชโู ต) ได้กราบบังคมทูลขอพระบรม ราชานญุ าตสร้างเป็นโรงทหารถาวรขน้ึ ต่อมาจงึ จดั ต้งั เป็นกระทรวงกลาโหม สถานทต่ี ั้งกระทรวงกลาโหมในปจั จุบนั เลขท่ี 7 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวงั เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร สัญลักษณ์ กระทรวงกลาโหมมตี ราท่ใี ช้เป็นสญั ลกั ษณ์ของกระทรวงอยู่ 2 อย่าง ได้แก่ ตราพระคชสีห์ ตราพระคชสีห์ ในพระธรรมนูญใช้ตรากล่าวไว้ว่า ตราพระคชสีห์เป็นตราของเจ้าพระยา มหาเสนาบดี ผู้ด�ำรงต�ำแหน่งสมุหพระกลาโหมในระบบการปกครองแบบจัตุสดมภ์ มีท้ังตราใหญ่ ตรากลาง และตราน้อย เม่ือมีการจัดรูปแบบการบริหารราชการแผ่นดิน ส่วนกลางเป็น 12 กระทรวง ในปี พ.ศ. 2435 ตำ� แหน่งสมุหพระกลาโหมได้เปลีย่ นแปลง
มาเป็นต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ดูแลกิจการทหารท้ังหมดของประเทศ ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 3 ตราพระคชสีห์จึงใช้เป็นตราประจ�ำต�ำแหน่งเสนาบดีกระทรวงกลาโหมสืบมาจนกระทั่ง ถึงสมัยเปล่ียนแปลงการปกครอง จึงมีการเปล่ียนแปลงแบบตราส�ำหรับต�ำแหน่งรัฐมนตรี วา่ การกระทรวงกลาโหมเสยี ใหมใ่ นปี พ.ศ. 2482 (ตามหลกั ฐานทปี่ รากฏในราชกจิ จานเุ บกษา) อย่างไรก็ตาม ตราพระคชสีห์ยังคงนับเป็นหน่ึงในสัญลักษณ์ของกระทรวงกลาโหม และ ถกู ใชเ้ ปน็ องคป์ ระกอบในการออกแบบตราสญั ลกั ษณต์ า่ ง ๆ เพอ่ื สอื่ ความหมายถงึ ขา้ ราชการ ฝ่ายทหารสบื มาจนถึงปัจจบุ นั ตราจักรสมอปีก ตราจักรสมอปกี ตราจักรสมอปีกปรากฏหลกั ฐานครง้ั แรกในประกาศส�ำนกั นายกรฐั มนตรี เรือ่ ง กำ� หนดภาพเครอื่ งหมายราชการ ตามพระราชบญั ญตั เิ ครอ่ื งหมายราชการ พทุ ธศกั ราช 2482 ลงวันที่ 10 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2482 ตีพมิ พ์ในราชกิจจานเุ บกษา เล่ม 56 วนั ท่ี 11 มนี าคม พ.ศ. 2482 หน้า 2373 ซ่งึ บรรยายลกั ษณะไว้ดังน้ี เครือ่ งหมายราชการสว่ นรวมแหง่ กระทรวงกลาโหม ตราประจำ� รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงกลาโหม เปน็ รปู จกั ร มสี มอสอดขดั ในวงจกั ร ด้านซ้ายขวามรี ปู ปีกนกกางอยู่ภายใต้รูปพระมหามงกุฎ (ไม่จ�ำกดั สีและขนาด) นอกจากน้ีในประกาศดังกล่าวยังลงภาพเครื่องหมายราชการของกระทรวง กลาโหมในหนว่ ยทไ่ี มข่ น้ึ หนว่ ยกองทพั ตพี มิ พใ์ นราชกจิ จานเุ บกษา เลม่ 56 วนั ท่ี 11 มนี าคม พ.ศ. 2482 หน้า 2375 ซ่งึ บรรยายลกั ษณะของเคร่ืองหมายไว้ว่า
4 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร เครื่องหมายราชการในหน่วยท่ีไม่ขึ้นหน่วยกองทัพ เป็นรูปจักรมีสมอสอดขัด ในวงจักร ด้านซ้ายขวามรี ูปปีกนกกาง (ไม่จ�ำกดั สแี ละขนาด) ตราจักรสมอปีกท้ังสองแบบน้ีนับเป็นเคร่ืองหมายราชการตามพระราชบัญญัติ เครือ่ งหมายราชการ พุทธศักราช 2482 ซ่งึ ส่วนราชการต่าง ๆ ในสงั กัดกระทรวงกลาโหม ได้ใช้เป็นต้นแบบในการออกแบบเครอ่ื งหมายราชการประจ�ำสงั กัดของตนมาถงึ ปัจจุบนั หน่วยงานในสงั กดั กระทรวงกลาโหม มกี ารแบ่งส่วนราชการออกเป็น 3 หน่วยงาน ขนึ้ ตรงดง้ั นี้ • สำ� นกั งานรฐั มนตรี (สร.) มหี นา้ ทเี่ กย่ี วกบั ราชการทางการเมอื งของรฐั มนตรี และมหี น้าทร่ี ับผิดชอบก�ำกับดแู ลสำ� นักงานจเรทหารทว่ั ไป • ส�ำนกั งานปลดั กระทรวงกลาโหม (สป.) มีหน้าทเ่ี กย่ี วกบั งานนโยบายและ ยทุ ธศาสตร์ งานราชการประจ�ำทั่วไปของกระทรวง • กองทพั ไทย (ทท.) มหี นา้ ทเี่ ตรยี มกำ� ลงั กองทพั ไทย การปอ้ งกนั ราชอาณาจกั ร และด�ำเนินการเกย่ี วกบั การใช้ก�ำลงั ทหารตามอำ� นาจหน้าทข่ี องกระทรวงกลาโหม ควบคมุ การปฏบิ ัติงานของกองบญั ชาการกองทพั ไทย กองทพั บก กองทัพเรอื และกองทพั อากาศ หนว่ ยงานในก�ำ กบั ดูแล กระทรวงกลาโหม มีองค์การมหาชน รฐั วสิ าหกจิ และองค์การของรฐั ในความ ก�ำกับดูแล ดงั น้ี • องคก์ ารมหาชน ๐ สถาบันเทคโนโลยปี ้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) • รัฐวิสาหกจิ ๐ บริษทั อู่กรงุ เทพ จ�ำกดั • องค์การของรัฐ แต่ ไม่ใช่รฐั วิสาหกจิ ๐ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศกึ
ตราราชการกองทพั บก ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 5 กองทพั บก กองทัพบกไทย (คำ� ย่อ: ทบ.; องั กฤษ: Royal Thai Army) เป็นกองทัพท่มี ปี ระวตั ิ ความเปน็ มายาวนานทสี่ ดุ และมขี นาดใหญท่ สี่ ดุ ของกองทพั ไทย กอ่ ตง้ั เปน็ กองทพั สมยั ใหม่ ขนึ้ ในปี พ.ศ. 2417 เหตผุ ลสว่ นหนงึ่ คอื เพอ่ื รบั มอื กบั การคกุ คามรกุ แบบใหมจ่ าการชาตติ ะวนั ตก ภารกจิ หลัก พระราชบญั ญตั จิ ดั ระเบยี บราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2503 มาตรา 14 กำ� หนด อ�ำนาจและหน้าที่กระทรวงกลาโหมและหน้าที่ของกองทัพบกไว้ว่า “กองทัพบกมีหน้าที่ เตรยี มกำ� ลังทางบก และป้องกันราชอาณาจกั ร มีผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้บงั คับบัญชา รับผิดชอบ” การแบ่งเหลา่ ในปจั จบุ นั กองทพั บกไทย มกี ารแบง่ ประเภทเหลา่ ทหารบก ออกเปน็ เหลา่ ตา่ ง ๆ ดงั ต่อไปน้ี เหลา่ รบ เหล่ารบ เป็นเหล่าหลักท่ีใช้ในการรบ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่หลักในสนามรบ ประกอบด้วย
6 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร 1. ทหารราบ (ร.) เป็นก�ำลังรบหลกั ของกองทัพบกไทย มกี �ำลงั พลมากท่ีสุด มหี นา้ ทเี่ ขา้ ยดึ ครองและรกั ษาพนื้ ท่ี ทหารราบมาตรฐาน ทหารราบเบา ทหารราบยานเกราะ 2. ทหารม้า (ม.) แบ่งออกเป็นสามแบบคือ ทหารม้าลาดตระเวน ทหารม้า บรรทุกยานเกราะ ยานสายพาน หรือยานหุ้มเกราะเป็นพาหนะในการรบ ทหารม้ารถถัง ใช้รถถังเป็นอาวธุ หลกั ในการปฏบิ ัตกิ ารรบ เหล่าสนับสนนุ การรบ เหล่าสนบั สนนุ การรบ เป็นฝ่ายสนบั สนุนการรบ โดยมากมกั ปฏบิ ตั งิ านควบคู่ กับหน่วยรบในสนามรบ ประกอบด้วย 1. ทหารปืนใหญ่ (ป.) ใช้ปืนใหญ่ ในการยงิ สนับสนุนให้กับหน่วยก�ำลังรบ 2. ทหารช่าง (ช.) เป็นฝ่ายช่วยเหลือทางเทคนิคด้านงานช่าง ก่อสร้าง ซ่อม หรือทำ� ลาย สง่ิ ก่อสร้างต่าง ๆ 3. ทหารส่ือสาร (ส.) เป็นฝ่ายช่วยเหลือทางเทคนิคด้านงานส่ือสาร และ ด้านเทคโนโลยตี ่าง ๆ 4. ทหารการข่าว (ขว.) ข่าวกรอง เหลา่ ชว่ ยรบ เหลา่ ชว่ ยรบ เปน็ ฝา่ ยสง่ กำ� ลงั หรอื สง่ิ อปุ กรณช์ ว่ ยเหลอื การรบ โดยมากปฏบิ ตั งิ าน แนวหลังในสนามรบ ประกอบด้วย 1. ทหารสรรพาวธุ (สพ.) เป็นฝ่ายสนับสนนุ ส่งิ อปุ กรณ์จ�ำพวก อาวธุ กระสุน วตั ถรุ ะเบดิ ตลอดจนยานพาหนะในการรบ 2. ทหารพลาธกิ าร (พธ.) เปน็ ฝา่ ยสนบั สนนุ สงิ่ อปุ กรณจ์ ำ� พวก อาหาร เครอื่ งแตง่ กาย เชอื้ เพลิง ยทุ ธภณั ฑ์ส่วนบุคคล 3. ทหารแพทย์ (พ.) เป็นฝ่ายสนับสนุนสิ่งอุปกรณ์ในกลุ่มเวชภัณฑ์ และ สงิ่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ รวมถงึ เป็นฝ่ายรกั ษาพยาบาลให้กับทหารและครอบครวั ทหาร
เหล่าสนับสนุนการชว่ ยรบ ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 7 นอกจากนี้ยังมีหน่วยอื่น ๆ ท่ีมิได้เป็นหน่วยท่ีเก่ียวข้องกับการรบโดยตรง ประกอบด้วย 1. ทหารสารบรรณ (สบ.) มหี นา้ ทด่ี ำ� เนนิ การดา้ นธรุ การ เอกสาร ทะเบยี นประวตั ิ และงานสสั ดี 2. ทหารการเงนิ (กง.) ปฏบิ ตั งิ านดา้ นการเงนิ บญั ชี งบประมาณ และการเบกิ จา่ ย งบประมาณ 3. ทหารพระธรรมนญู (ธน.) ดำ� เนนิ การด้านกฎหมาย การศาลทหาร 4. ทหารแผนที่ (ผท.) มหี น้าทสี่ ำ� รวจและจดั ทำ� แผนทแ่ี ละภาพถ่ายทางอากาศ (ขนึ้ การบงั คบั บญั ชากบั กองบญั ชาการกองทพั ไทย) 5. ทหารการสตั ว์ (กส.) มหี น้าท่ดี แู ลสัตว์ในราชการกองทัพ 6. ทหารดรุ ยิ างค์ (ดย.) มหี น้าทใ่ี ห้ความบนั เทงิ สนั ทนาการ 7. ทหารสารวตั ร (สห.) มีหน้าทร่ี กั ษาความสงบเรยี บร้อย ดแู ลวินัยของทหาร การเชลย 8. ทหารขนส่ง (ขส.) เป็นฝ่ายอำ� นวยความสะดวกเรือ่ งการขนส่งกำ� ลงั พล และ การเคลอ่ื นย้ายส่งิ อปุ กรณ์
8 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร บทท่ี พระราชกฤษฎกี าแบง่ สว่ นราชการ และก�ำกหอนงดทหพั นบา้ กทข่ีพอ.งศส.ว่2น5ร5า2ชการ การจัดส่วนราชการ กองทพั บก แบ่งส่วนราชการเป็น 7 ส่วนดงั นี้ 1. ส่วนบัญชาการ 2. ส่วนกำ� ลังรบ 3. ส่วนสนบั สนุนการรบ 4. ส่วนส่งกำ� ลงั บ�ำรุง 5. ส่วนภูมภิ าค 6. ส่วนการศกึ ษา 7. ส่วนช่วยการพฒั นาประเทศ 1. สว่ นบญั ชาการ มหี น้าทค่ี วบคมุ บงั คบั บญั ชา วางแผน อำ� นวยการ ประสานงาน และกำ� กบั การให้การดำ� เนินงานของกองทพั บก ทง้ั ในยามปกติ และยามสงคราม เป็นไปอย่างมี ประสิทธิภาพและรวดเรว็ 1.1 สว่ นบญั ชาการ (ฝา่ ยเสนาธกิ าร) - สำ� นกั งานเลขานกุ ารกองทพั บก (สลก.ทบ.) - กรมก�ำลังพลทหารบก (กพ.ทบ.)
- กรมข่าวทหารบก (ขว.ทบ.) ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 9 - กรมยทุ ธการทหารบก (ยก.ทบ.) - กรมส่งกำ� ลงั บำ� รุงทหารบก (กบ.ทบ.) - กรมกิจการพลเรอื นทหารบก (กร.ทบ.) - ส�ำนกั งานปลดั บัญชีกองทพั บก (สปช.ทบ.) 1.2 ส่วนบญั ชาการ (ฝา่ ยกจิ การพเิ ศษ) - กรมสารบรรณทหารบก (สบ.ทบ.) - กรมการเงนิ ทหารบก (กง.ทบ.) - กรมการสารวัตรทหารบก (สห.ทบ.) - กรมจเรทหารบก (จบ.) - กรมสวสั ดกิ ารทหารบก (สก.ทบ.) - กรมดรุ ยิ างค์ทหารบก (ดย.ทบ.) - หน่วยบญั ชาการรักษาดนิ แดน (นรด.) - ศูนย์ไซเบอร์กองทพั บก (ศซบ.ทบ.) - สำ� นกั งานตรวจสอบภายในทหารบก (สตน.ทบ.) - ส�ำนกั งานวจิ ยั และพฒั นาการทางทหารกองทัพบก (สวพ.ทบ.) - ส�ำนกั งานพระธรรมนูญทหารบก (สธน.ทบ.) 1.3 ส่วนบญั ชาการ (ฝ่ายยุทธบรกิ าร) - กรมการทหารช่าง (กช.) - กรมสรรพาวธุ ทหารบก (สพ.ทบ.) - กรมแพทย์ทหารบก (พบ.) - กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) - กรมพลาธกิ ารทหารบก (พธ.ทบ.) - กรมยทุ ธโยธาทหารบก (ยย.ทบ.) - กรมการสัตว์ทหารบก (กส.ทบ.) - กรมการทหารสื่อสาร (สส.) - กรมวทิ ยาศาสตร์ทหารบก (วศ.ทบ.)
10 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร 2. สว่ นกำ�ลงั รบ เป็นก�ำลังรบหลักของกองทัพบกท่ีใช้ในการต่อต้านศัตรูผู้มารุกรานเพ่ือปกป้อง ราชอาณาจกั รไทยและมกี �ำลังรบมากทส่ี ุด มพี ื้นทร่ี บั ผิดชอบตามภูมิภาคต่าง ๆ ดงั ต่อไปนี้ 2.1 กองทพั ภาคที่1(ทภ.1)รบั ผดิ ชอบพน้ื ทภี่ าคกลาง(บางสว่ น)ภาคตะวนั ออก และภาคตะวนั ตก ตัง้ กองบญั ชาการท่เี ขตดสุ ติ กรุงเทพมหานคร หน่วยรบท่ีส�ำคัญ คือ 2.1.1 กองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (พล.1 รอ.) ตั้งอยู่ท่ีเขตดุสิต กรงุ เทพมหานคร 2.1.2 กองพลทหารราบที่2รกั ษาพระองค์ในสมเดจ็ พระบรมราชชนนี พนั ปหี ลวง (พล.ร.2 รอ.) ตั้งอยู่ทค่ี ่ายพรหมโยธี อำ� เภอเมืองปราจีนบรุ ี จังหวัดปราจีนบรุ ี 2.1.3 กองพลทหารราบท่ี 9 (พล.ร.9) ตง้ั อยทู่ คี่ า่ ยสรุ สหี ์ ตำ� บลลาดหญา้ อำ� เภอเมอื งกาญจนบุรี จังหวดั กาญจนบรุ ี 2.1.4 กองพลทหารราบที่ 11 (พล.ร.11) ตง้ั อยทู่ ค่ี า่ ยสมเดจ็ พระนงั่ เกลา้ ตำ� บลคลองนา อำ� เภอเมอื งฉะเชงิ เทรา จงั หวัดฉะเชิงเทรา 2.1.5 กองพลทหารม้าท่ี 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) ตั้งอยู่ที่ เขตพญาไท กรงุ เทพมหานคร 2.2 กองทพั ภาคที่ 2 (ทภ.2) รบั ผดิ ชอบพนื้ ทภ่ี าคตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ทงั้ หมด ตั้งกองบญั ชาการท่คี ่ายสรุ นารี จังหวดั นครราชสมี า หน่วยรบทสี่ �ำคัญ คือ 2.2.1 กองพลทหารราบท่ี 3 (พล.ร.3) ตงั้ อยทู่ คี่ า่ ยสรุ นารี จงั หวดั นครราชสมี า 2.2.2 กองพลทหารราบท่ี 6 (พล.ร.6) ตง้ั อยทู่ ค่ี า่ ยสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกมหาราช ตำ� บลโพธิ์สัย อ�ำเภอศรีสมเดจ็ จังหวดั ร้อยเอ็ด 2.2.3 กองพลทหารม้าท่ี 3 (พล.ม.3) ต้ังอยู่ท่ีค่ายเปรมติณสูลานนท์ ตำ� บลบัวเงนิ อ�ำเภอน้ำ� พอง จงั หวัดขอนแก่น 2.3 กองทพั ภาคท่ี 3 (ทภ.3) รบั ผดิ ชอบพน้ื ทภี่ าคเหนอื ทงั้ หมด และภาคกลาง (บางส่วน) ตงั้ กองบญั ชาการทค่ี ่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก หน่วยรบ ทสี่ ำ� คัญ คอื
2.3.1 กองพลทหารราบที่ 4 (พล.ร.4) ตงั้ อยทู่ คี่ า่ ยสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 11 ต�ำบลบ้านคลอง อำ� เภอเมอื งพษิ ณุโลก จังหวดั พิษณุโลก 2.3.2 กองพลทหารราบที่ 7 (พล.ร.7) ตัง้ อยู่ที่ค่ายเจ้าขุนเณร ตำ� บล ดอนแก้ว อำ� เภอแม่รมิ จังหวดั เชยี งใหม่ 2.3.3 กองพลทหารม้าที่ 1 (พล.ม.1) ต้ังอยู่ทค่ี ่ายพ่อขนุ ผาเมือง ตำ� บล สะเดียง อำ� เภอเมอื งเพชรบูรณ์ จงั หวัดเพชรบูรณ์ 2.4 กองทพั ภาคท่ี 4 (ทภ.4) รบั ผดิ ชอบพนื้ ทภี่ าคใตท้ ง้ั หมด ตง้ั กองบญั ชาการ ที่ค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช และมีกองอ�ำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) ตั้งอยู่ท่ีค่ายสริ นิ ธร จังหวดั ปัตตานี เพอื่ ดแู ลปัญหา 3 จงั หวดั ชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะ หน่วยรบทสี่ �ำคัญ คอื 2.4.1 กองพลทหารราบท่ี 5 (พล.ร.5) ต้ังอยู่ที่ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร ต�ำบลกะปาง อำ� เภอทุ่งสง จงั หวดั นครศรีธรรมราช 2.4.2 กองพลทหารราบท่ี 15 (พล.ร.15) เปน็ กองพลทหารราบชายแดนใต้ ตง้ั อยู่ท่ีค่ายสมเดจ็ พระสุรโิ ยทยั อ�ำเภอหนองจิก จงั หวดั ปัตตานี 2.5 หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ตั้งกองบัญชาการอยู่ท่ีค่าย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช จังหวัดลพบุรี รับผิดชอบภารกิจเก่ียวกับสงครามพิเศษ หน่วยรบทส่ี �ำคญั คอื 2.5.1 กองพลรบพิเศษท่ี 1 (พล.รพศ. 1) มที ต่ี ง้ั ทคี่ ่ายเอราวัณ ตำ� บล เขาสามยอด อ�ำเภอเมอื งลพบรุ ี จงั หวัดลพบุรี 2.6 หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ (นปอ.) ตัง้ อยู่กองบญั ชาการ อยทู่ เ่ี ขตดอนเมอื ง กรงุ เทพมหานคร มภี ารกจิ เกยี่ วกบั การปอ้ งกนั ภยั ทางอากาศ การตอ่ ตา้ น อากาศยาน หน่วยรบท่สี �ำคัญ คือ 2.6.1 กองพลทหารปืนใหญต่ อ่ ส้อู ากาศยาน (พล.ปตอ.) ตง้ั อยู่ทเ่ี ขต ดุสติ กรุงเทพมหานคร 2.6.2 ศนู ยต์ อ่ สปู้ อ้ งกนั ภยั ทางอากาศกองทพั บก (ศปภอ.ทบ.) ตง้ั อยทู่ ี่ เขตดอนเมอื ง กรงุ เทพมหานคร มหี นา้ ทสี่ ำ� คญั ในดา้ นการเฝา้ ตรวจทางอากาศ คน้ หาอากาศยาน พิสจู น์ฝ่าย แจ้งเตอื น และควบคมุ การปฏบิ ัติ
12 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร 3. ส่วนสนับสนุนการรบ ส่วนสนับสนุนการรบ มีหน้าที่สนับสนุนส่วนก�ำลังรบ เพื่อให้บรรลุภารกิจของ ส่วนกำ� ลังรบ ปกติจะใช้ในลกั ษณะรวมการแต่ในบางกรณีเมือ่ มีความจำ� เป็นอาจพจิ ารณา แบ่งมอบให้กบั ส่วนราชการใด ๆ ได้ตามความเหมาะสมมีส่วนต่าง ๆ ดงั ต่อไปน้ี 3.1 กองพลทหารปืนใหญ่ (พล.ป.) ดูแลพ้นื ทีท่ ว่ั ประเทศ มีท่ีตง้ั อยู่ที่ค่ายสิริกิต์ิ 3.2 กองพลทหารชา่ ง (พล.ช.) ดแู ลพน้ื ทที่ ว่ั ประเทศ มที ต่ี ง้ั อยทู่ ค่ี า่ ยบรุ ฉตั ร จ.ราชบรุ ี 3.3 หน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.) มที ตี่ ัง้ อยู่ที่กรุงเทพมหานคร 3.4 หน่วยบญั ชาการป้องกนั ภัยทางอากาศมที ี่ตั้งอยู่ท่ีกรุงเทพมหานคร 3.5 กรมบนิ มที ต่ี ้ังอยู่ท่ี จ.ลพบุรี 3.6 กรมทหารสอื่ สารท่ี 1 มที ต่ี งั้ อยทู่ ่ี คา่ ยกำ� แพงเพชรอคั รโยธนิ จ.สมทุ รสาคร 3.7 กองร้อยวทิ ยาศาสตร์มีทต่ี ้ังอยู่ท่ีกรงุ เทพมหานคร 3.8 กองพันทหารช่างท่ี 51 มที ่ตี ัง้ อยู่ทค่ี ่ายบุรฉตั ร จ.ราชบรุ ี 4. สว่ นส่งก�ำ ลงั บ�ำ รงุ ส่วนส่งก�ำลงั บ�ำรุง มีหน้าท่สี นบั สนนุ ส่วนราชการอ่ืน ๆ ทางด้านส่งก�ำลงั บำ� รุง เชน่ หนา้ ทใ่ี นการควบคมุ อำ� นวยการกำ� หนดความตอ้ งการจดั หา, ผลติ , เกบ็ รกั ษา, ซอ่ มบำ� รงุ และแจกจ่ายสง่ิ อปุ กรณ์ประเภทต่าง ๆ 4.1 กรมการทหารช่าง (กช.) ต้ังอยู่ค่ายภาณุรังษี ต�ำบลพงสวาย อ�ำเภอ เมอื งราชบรุ ี จังหวดั ราชบรุ ี 4.2 กรมการทหารสอ่ื สาร (สส.) ตงั้ อยถู่ นนพระรามที่ 5 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรงุ เทพมหานคร 4.3 กรมสรรพาวธุ ทหารบก (สพ.ทบ.) ตง้ั อยถู่ นนทหาร แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสติ กรงุ เทพมหานคร 4.4 กรมพลาธกิ ารทหารบก (พธ.ทบ.) ต้งั อยู่ถนนตวิ านนท์ ตำ� บลท่าทราย อ�ำเภอเมอื งนนทบรุ ี จังหวดั นนทบรุ ี
4.5 กรมแพทยท์ หารบก (พบ.) ตงั้ อยถู่ นนพญาไท แขวงทงุ่ พญาไท เขตราชเทวี ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 13 กรงุ เทพมหานคร 4.6 กรมการขนสง่ ทหารบก (ขส.ทบ.) ตง้ั อยถู่ นนประดพิ ทั ธ์ แขวงถนนนครไชยศรี เขตดสุ ิต กรงุ เทพมหานคร 4.7 กรมการสตั วท์ หารบก (กส.ทบ.) ตง้ั อยคู่ า่ ยทองฑฆี ายุ ตำ� บลธรรมศาลา อำ� เภอเมอื งนครปฐม จงั หวดั นครปฐม 4.8 กรมวทิ ยาศาสตรท์ หารบก (วศ.ทบ.) ตง้ั อยถู่ นนพหลโยธนิ แขวงเสนานคิ ม เขตจตุจกั ร กรงุ เทพมหานคร 4.9 กรมยทุ ธโยธาทหารบก (ยย.ทบ.) ตงั้ อยถู่ นนพหลโยธนิ แขวงเสนานคิ ม เขตจตจุ กั ร กรงุ เทพมหานคร 4.10 ศนู ยก์ ารบนิ ทหารบก (ศบบ.) ตง้ั อยคู่ า่ ยสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทรา อำ� เภอ เมอื งลพบรุ ี จงั หวดั ลพบุรี 5. สว่ นภมู ภิ าค ส่วนภูมิภาค มีหน้าท่ีปกครองบังคับบัญชาหน่วยทหารตามท่ีได้รับมอบหมาย พ้ืนท่ีและดูแลระเบียบวินัยทหารนอกกรมกอง และมีหน้าท่ีเก่ียวกับการระดมสรรพก�ำลัง การสัสดี การศาลทหาร การคดกี ารเรอื นจ�ำ การเกณฑ์พลเมือง การสนับสนนุ หน่วยทหาร ในเขตพ้ืนท่รี บั ผดิ ชอบ 5.1 กองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) มณฑลทหารบกท่ี 11 (มทบ.11) ถนนแจ้งวฒั นะ เขตหลกั สี่ กรงุ เทพ มหานคร มณฑลทหารบกที่ 12 (มทบ.12) ค่ายจักรพงศ์ อ�ำเภอเมอื งปราจนี บรุ ี จงั หวัดปราจนี บุรี มณฑลทหารบกที่ 13 (มทบ.13) ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช อ�ำเภอเมอื งลพบุรี จงั หวดั ลพบรุ ี มณฑลทหารบกท่ี 14 (มทบ.14) ค่ายนวมนิ ทราชินี อ�ำเภอเมอื งชลบรุ ี จงั หวดั ชลบรุ ี
14 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร มณฑลทหารบกท่ี 15 (มทบ.15) คา่ ยรามราชนเิ วศน์ อำ� เภอเมอื งเพชรบรุ ี จงั หวัดเพชรบรุ ี มณฑลทหารบกที่ 16 (มทบ.16) ค่ายภาณุรังษี อ�ำเภอเมืองราชบุรี จงั หวัดราชบรุ ี มณฑลทหารบกท่ี 17 (มทบ.17) ค่ายสุรสีห์ อ�ำเภอเมืองกาญจนบุรี จงั หวดั กาญจนบรุ ี มณฑลทหารบกท่ี 18 (มทบ.18) ค่ายอดิศร อำ� เภอเมอื งสระบุรี จงั หวัด สระบรุ ี มณฑลทหารบกท่ี 19 (มทบ.19) ค่ายสรุ สิงหนาท อ�ำเภออรญั ประเทศ จงั หวดั สระแก้ว 5.2 กองทพั ภาคท่ี 2 (ทภ.2) มณฑลทหารบกท่ี 21 (มทบ.21) ค่ายสรุ นารี อำ� เภอเมอื งนครราชสีมา จังหวัดนครราชสมี า มณฑลทหารบกท่ี 22 (มทบ.22) ค่ายสรรพสทิ ธปิ ระสงค์ อำ� เภอวารนิ ช�ำราบ จงั หวดั อุบลราชธานี มณฑลทหารบกท่ี 23 (มทบ.23) ค่ายศรีพชั รินทร อ�ำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น มณฑลทหารบกที่ 24 (มทบ.24) ค่ายประจกั ษ์ศิลปาคม อำ� เภอเมือง อดุ รธานี จังหวัดอุดรธานี มณฑลทหารบกท่ี 25 (มทบ.25) ค่ายวีรวัฒน์โยธนิ อำ� เภอเมอื งสรุ นิ ทร์ จังหวดั สรุ นิ ทร์ มณฑลทหารบกท่ี 26 (มทบ.26) ค่ายสมเดจ็ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศกึ อำ� เภอเมอื งบุรรี ัมย์ จังหวดั บรุ รี มั ย์ มณฑลทหารบกที่ 27 (มทบ.27) ค่ายประเสริฐสงคราม อ�ำเภอเมือง ร้อยเอ็ด จงั หวัดร้อยเอ็ด มณฑลทหารบกท่ี 28 (มทบ.28) คา่ ยศรสี องรกั อ�ำเภอเมอื งเลย จงั หวดั เลย
มณฑลทหารบกที่ 29 (มทบ.29) คา่ ยกฤษณส์ วี ะรา อำ� เภอเมอื งสกลนคร ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 15 จงั หวัดสกลนคร มณฑลทหารบกท่ี 210 (มทบ.210) คา่ ยพระยอดเมอื งขวาง อำ� เภอเมอื ง นครพนม จงั หวดั นครพนม 5.3 กองทัพภาคท่ี 3 (ทภ.3) มณฑลทหารบกท่ี 31 (มทบ.31) ค่ายจิรประวตั ิ อ�ำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ มณฑลทหารบกท่ี 32 (มทบ.32) ค่ายสุรศกั ดมิ์ นตรี อำ� เภอเมืองล�ำปาง จังหวดั ล�ำปาง มณฑลทหารบกที่ 33 (มทบ.33) ค่ายกาวิละ อ�ำเภอเมืองเชียงใหม่ จงั หวดั เชยี งใหม่ มณฑลทหารบกท่ี 34 (มทบ.34) ค่ายขุนเจอื งธรรมกิ ราช อ�ำเภอเมือง พะเยา จงั หวัดพะเยา มณฑลทหารบกท่ี 35 (มทบ.35) คา่ ยพชิ ยั ดาบหกั อำ� เภอเมอื งอตุ รดติ ถ์ จังหวดั อตุ รดติ ถ์ มณฑลทหารบกที่ 36 (มทบ.36) คา่ ยพอ่ ขนุ ผาเมอื ง อำ� เภอเมอื งเพชรบรู ณ์ จงั หวดั เพชรบูรณ์ มณฑลทหารบกที่ 37 (มทบ.37) คา่ ยเมง็ รายมหาราช อำ� เภอเมอื งเชยี งราย จังหวัดเชยี งราย มณฑลทหารบกท่ี 38 (มทบ.38) คา่ ยสรุ ยิ พงษ์ อำ� เภอเมอื งนา่ น จงั หวดั น่าน มณฑลทหารบกที่ 39 (มทบ.39) คา่ ยสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช อ�ำเภอ เมอื งพิษณโุ ลก จงั หวัดพิษณโุ ลก มณฑลทหารบกที่ 310 (มทบ.310) ค่ายวชริ ปราการ อำ� เภอเมืองตาก จังหวดั ตาก 5.4 กองทัพภาคที่ 4 (ทภ.4) มณฑลทหารบกท่ี 41 (มทบ.41) คา่ ยวชริ าวธุ อำ� เภอเมอื งนครศรธี รรมราช จงั หวดั นครศรธี รรมราช
16 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร มณฑลทหารบกที่ 42 (มทบ.42) ค่ายเสนาณรงค์ อ�ำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา มณฑลทหารบกท่ี 43 (มทบ.43) ค่ายเทพสตรีศรีสุนทร อ�ำเภอทุ่งสง จงั หวัดนครศรธี รรมราช มณฑลทหารบกที่ 44 (มทบ.44) ค่ายเขตอุดมศกั ดิ์ อ�ำเภอเมอื งชมุ พร จังหวัดชมุ พร มณฑลทหารบกที่45 (มทบ.45)คา่ ยวภิ าวดรี งั สติ อำ� เภอเมอื งสรุ าษฎรธ์ านี จังหวดั สรุ าษฎร์ธานี มณฑลทหารบกที่ 46 (มทบ.46) ค่ายองิ คยทุ ธบรหิ าร อ�ำเภอหนองจิก จงั หวดั ปัตตานี 6. สว่ นการศกึ ษา มหี นา้ ทอี่ ำ� นวยการ และดำ� เนนิ การฝกึ และศกึ ษากำ� ลงั พลของกองทพั บก เพอ่ื ให้ ก�ำลังพลเหล่านั้น มีความสามารถเหมาะสมตามตำ� แหน่งหน้าที่อันจะท�ำให้หน่วยต่าง ๆ ของกองทพั มปี ระสิทธภิ าพในการปฏบิ ตั ิภารกิจทไ่ี ด้รบั มอบหมาย 6.1 กรมยุทธศึกษาทหารบก (ยศ.ทบ.) ต้ังอยู่ถนนเทอดด�ำริ แขวงถนน นครไชยศรี เขตดุสติ กรงุ เทพมหานคร 6.2 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (รร.จปร.) ต้ังอยู่ถนนสุวรรณศร ตำ� บลพรหมณี อ�ำเภอเมอื งนครนายก จงั หวัดนครนายก 6.3 วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า (วพม.) ต้ังอยู่ถนนราชวิถี แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กรงุ เทพมหานคร 6.4 หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (นรด.) ต้ังอยู่ถนนเจริญกรุง แขวง พระบรมมหาราชวงั เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 6.5 วิทยาลยั การทพั บก (วทบ.) ตัง้ อยู่ถนนเทอดดำ� ริ แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสติ กรงุ เทพมหานคร 6.7 โรงเรียนเสนาธิการทหารบก (รร.สธ.ทบ.) ตั้งอยู่ถนนพระรามที่ 5 แขวงถนนนครไชยศรี เขตดสุ ิต กรงุ เทพมหานคร
6.8 โรงเรยี นนายสบิ ทหารบก (รร.นส.ทบ.) ตง้ั อยคู่ า่ ยโยธนิ ศกึ ษามหามงกฎุ ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 17 ตำ� บลหนองแก อ�ำเภอหวั หนิ จงั หวดั ประจวบคีรีขันธ์ 6.9 ศนู ยก์ ารทหารราบ (ศร.) ตง้ั อยคู่ า่ ยธนะรชั ต์ ตำ� บลเขานอ้ ย อำ� เภอปราณบรุ ี จงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ์ 6.10 ศนู ยก์ ารทหารมา้ (ศม.) ตงั้ อยู่ค่ายอดศิ ร ตำ� บลปากเพรยี ว อำ� เภอเมอื ง สระบุรี จงั หวดั สระบรุ ี 6.11 ศนู ยก์ ารทหารปนื ใหญ่ (ศป.) ตง้ั อยคู่ า่ ยภมู พิ ล ตำ� บลเขาพระงาม อำ� เภอ เมอื งลพบุรี จงั หวดั ลพบรุ ี 6.12 ศูนย์สงครามพิเศษ (ศสพ.) ต้ังอยู่ค่ายสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จงั หวัดลพบรุ ี 7. ส่วนช่วยการพัฒนาประเทศ ภารกิจของกองพลพัฒนาส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาประเทศทางด้าน การเมืองเศรษฐกิจสังคมจิตวิทยาและการทหารเพ่ือให้เกิดความม่ันคงของชาติภายใน ขอบเขตที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งด�ำเนินการให้การช่วยเหลือบรรเทาทุกข์แก่ประชาชน ทปี่ ระสบภัยธรรมชาติ 7.1 กองทัพภาคท่ี 1 (ทภ.1) กองพลพฒั นาท่ี 1 (พล.พฒั นา 1) ตง้ั อยทู่ ค่ี า่ ยศรสี รุ ยิ วงศ์ ตำ� บลดอนตะโก อำ� เภอเมอื งราชบุรี จังหวดั ราชบุรี 7.2 กองทพั ภาคที่ 2 (ทภ.2) กองพลพฒั นาที่ 2 (พล.พัฒนา 2) ตง้ั อยู่ท่ีค่ายสรุ ธรรมพิทักษ์ ต�ำบล ไชยมงคล อ�ำเภอเมืองนครราชสมี า จงั หวัดนครราชสีมา 7.3 กองทัพภาคท่ี 3 (ทภ.3) กองพลพฒั นาที่ 3 (พล.พฒั นา 3) ตง้ั อยทู่ คี่ า่ ยสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ ต�ำบลสมอแข อ�ำเภอเมอื งพิษณโุ ลก จังหวดั พษิ ณโุ ลก 7.4 กองทัพภาคท่ี 4 (ทภ.4) กองพลพฒั นาท่ี 4 (พล.พฒั นา 4) ตงั้ อยทู่ คี่ า่ ยรตั นพล ตำ� บลคลองหอยโขง่ อำ� เภอคลองหอยโข่ง จงั หวดั สงขลา
18 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร บทท่ี พระราชบญั ญตั เิ ครอ่ื งแบบทหาร พ.ศ. 2477 แตง่ เครแอ่ืลงะรแบะเบบยีทบหการอใงนทโอพั กบากสตวาา่่ ดงว้ๆยพก.าศร. 2519 พระราชบัญญัติ เคร่อื งแบบทหาร พุทธศกั ราช 2477 ในพระปรมาภไิ ธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั อานันทมหดิ ล คณะผู้ส�ำเรจ็ ราชการแทนพระองค์ (ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร ลงวันที่ 7 มนี าคม พุทธศักราช 2477) อนวุ ัตน์จาตรุ นต์ เจ้าพระยายมราช อาทติ ย์ทพิ อาภา ตราไว้ ณ วนั ท่ี 22 เมษายน พทุ ธศักราช 2478 เป็นปีที่ 2 ในรชั กาลปัจจุบนั โดยทส่ี ภาผแู้ ทนราษฎรลงมตวิ า่ สมควรแกไ้ ขเปลย่ี นแปลงกฎหมายวา่ ดว้ ย เครื่องแบบทหารเสียใหม่ จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติข้ึนไว้โดย คำ� แนะนำ� และยนิ ยอมของสภาผู้แทนราษฎร ดงั ต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี ห้เรียกว่า “พระราชบญั ญัตเิ คร่อื งแบบทหาร พุทธศกั ราช 2477” มาตรา 2 ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้ต้ังแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชก�ำหนดเครื่องแบบทหารบก พุทธศักราช 2475 ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 19 กับพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชก�ำหนดเคร่ืองแบบทหารบก พุทธศักราช 2476 ฉบบั ท่ี 1 และฉบบั ท่ี 2 พระราชบญั ญตั เิ ครอ่ื งแบบทหารเรอื พทุ ธศกั ราช 2476 พระราชบญั ญตั ิ เคร่อื งแบบทหารเรอื แก้ไขเพมิ่ เติม พทุ ธศกั ราช 2476 พระราชบญั ญัตเิ ครอ่ื งแบบทหารเรอื แก้ไขเพม่ิ เตมิ พุทธศกั ราช 2477 มาตรา 4 เครื่องแบบทหาร หมายถึง เคร่ืองแต่งกายท้ังหลายท่ีได้กำ� หนดให้ ทหารแต่งเครอ่ื งแบบทหาร ย่อมประกอบด้วย หมวก เส้อื กางเกง รองเท้า เครือ่ งหมายยศ เหล่า จ�ำพวก สังกดั และอนื่ ๆ กับเครอื่ งประกอบต่าง ๆ มาตรา 5 ลักษณะ ชนิด และประเภทของเครอื่ งแบบทหารบก ทหารเรอื และ ทหารอากาศกบั การแตง่ เครอื่ งแบบทหารบก ทหารเรอื และทหารอากาศ วา่ จะสมควรอยา่ งไร เม่อื ไร และโดยเง่อื นไขอย่างใด ให้เป็นไปตามท่กี �ำหนดในกฎกระทรวง ในกรณที ที่ หารบก ทหารเรอื หรอื ทหารอากาศ ต้องไปปฏบิ ตั ริ าชการสนามนอก ราชอาณาจักร เม่ือเห็นสมควรจะมีเครื่องแบบสนามเพิ่มขึ้นส�ำหรับแต่งเพ่ือปฏิบัติราชการ สนามนอกราชอาณาจักรแล้ว ลักษณะ ชนิด และประเภทของเคร่ืองแบบสนามดังกล่าว ตลอดจนการแต่งว่าจะสมควรอย่างไร เมื่อไร และโดยเงื่อนไขอย่างใด ให้เป็นไปตามที่ กระทรวงกลาโหมกำ� หนด มาตรา 6 ผใู้ ดแตง่ เครอ่ื งแบบทหารตามพระราชบญั ญตั นิ ้ี หรอื แตง่ เครอื่ งแบบ ทหารที่ทหารยังคงใช้ในราชการอยู่ โดยไม่มีสิทธิจะแต่งได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้น้ัน มีความผิดต้องระวางโทษจ�ำคุกตั้งแต่สามเดือนถึงห้าปี และถ้าการกระท�ำเช่นว่ามาน้ี ได้กระท�ำภายในเขต ซงึ่ ประกาศใช้กฎอัยการศึกก็ดี ในเวลาสงครามกด็ ี ในเวลาบ้านเมอื ง มีเหตุฉุกเฉินก็ดี หรือเพ่ือกระท�ำผิดทางอาญาก็ดี ผู้นั้นมีความผิดต้องระวางโทษจ�ำคุก ตง้ั แต่หนง่ึ ปีถงึ สิบปี มาตรา 6 ทวิ ผู้ใดแต่งกายโดยใช้เคร่ืองแต่งกายคล้ายเคร่ืองแบบทหาร ตามพระราชบัญญัตินี้ หรือคล้ายเครื่องแบบทหารท่ีทหารยังคงใช้ในราชการอยู่ อันอาจ น�ำความดูหมน่ิ เกลียดชงั หรอื ความเสอ่ื มเสยี มาสู่ราชการทหารกด็ ี อันอาจทำ� ให้บุคคลอน่ื หลงเชอ่ื วา่ เปน็ ทหารกด็ ี ผนู้ นั้ มคี วามผดิ ตอ้ งระวางโทษปรบั ไมเ่ กนิ สองรอ้ ยบาท และถา้ การ
กระทำ� เช่นว่าน้ี ได้กระทำ� ภายในเขตซ่งึ ได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกกด็ ี ในเวลาสงครามกด็ ี ในเวลาบ้านเมืองมีเหตุฉุกเฉินก็ดี หรือเพื่อกระท�ำความผิดทางอาญาก็ดี ผู้นั้นมีความผิด ต้องระวางโทษจ�ำคุกตง้ั แต่หน่งึ ปีถึงสิบปี มาตรา 7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมีหน้าท่ีรักษาการให้เป็นไป ตามพระราชบัญญัติน้ี และให้มีอ�ำนาจออกกฎกระทรวง เพ่ือปฏิบัติการให้เป็นไปตาม พระราชบญั ญตั ินี้ กฎกระทรวงน้นั เมอ่ื ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแล้วให้ใช้บังคบั ได้ ผู้รบั สนองพระบรมราชโองการ (ตามมตคิ ณะรฐั มนตร)ี พระยานิตศิ าสตร์ไพศาลย์ รฐั มนตรี 20 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร
กฎกระทรวง ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 21 (พ.ศ. 2499) ออกตามความในพระราชบญั ญตั เิ ครอ่ื งแบบทหารพทุ ธศกั ราช 2477 วา่ ดว้ ยสทิ ธิ และโอกาสในการแต่งเครอ่ื งแบบทหาร ____________________ อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติ เคร่อื งแบบทหาร พทุ ธศกั ราช 2477 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกกฎไว้ดงั ต่อไปนี้ ขอ้ 1. ทหารกองประจาํ การ นกั เรยี นทหารและทหารประจาํ การแตง่ เครอื่ งแบบ ทหารได้ทกุ โอกาส ขอ้ 2. ผู้ท่ีได้รับแต่งต้ังเป็นว่าท่ียศนายทหารชั้นสัญญาบัตรช้ันใด ให้แต่ง เครื่องแบบ ประดบั เครอื่ งหมาย ยศ เช่นเดียวกับนายทหารสัญญาบตั รชัน้ นัน้ ข้อ 3. นายทหารนอกกอง ราชองครักษ์พิเศษ นายทหารพิเศษและผู้บังคับ การพเิ ศษมสี ทิ ธแิ ต่งเคร่อื งแบบทหารเช่นเดยี วกบั นายทหารประจําการได้ทุกโอกาส ข้อ 4. พลทหารและนายทหารประทวนนอกประจําการแต่งเคร่ืองแบบทหาร ได้เฉพาะในโอกาสต่อไปน้ี คอื (1) ถูกเรียกระดมพล (2) ถกู เรยี กเข้ารบั ราชการทหาร ขอ้ 5. พลทหารและนายทหารประทวนนอกประจําการผู้ได้รับพระราชทาน เหรยี ญกลา้ หาญ ตามกฎหมายวา่ ดว้ ยเหรยี ญกลา้ หาญ หรอื เหรยี ญชยั สมรภมู ติ ามกฎหมาย วา่ ดว้ ยเหรยี ญชยั สมรภมู หิ รอื เหรยี ญอน่ื ใด ซง่ึ ผไู้ ดร้ บั มสี ทิ ธเิ ชน่ เดยี วกบั ผไู้ ดร้ บั พระราชทาน เหรียญดังกล่าวแล้วมีสิทธิแต่งเครื่องแบบทหารได้เฉพาะในโอกาสท่ีได้รับเชิญไปร่วมงาน ต่อไปน้ี คอื (1) งานพระราชพธิ หี รอื รัฐพธิ ี (2) งานต่าง ๆ ของทหาร (3) งานซง่ึ เกีย่ วกับราชการ (4) งานพธิ ีอนั มเี กียรติท่ัว ๆ ไป
ข้อ 6. นายทหารสัญญาบัตรนอกประจําการ มีสิทธิแต่งเครื่องแบบทหารได้ ทกุ โอกาส ข้อ 7. การแต่งเครื่องแบบทหารของผู้มีสิทธิตามข้อ 5 และข้อ 6 ให้เป็นไป ตามกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบและค�ำสั่งของทางราชการหรือถ้าผู้ใดฝ่าฝืน หรือ กระทําผิดหรือประพฤติตนไม่สมเกียรติของทหารก็หมดสิทธิในการแต่งเครื่องแบบทหาร ตัง้ แต่วนั ท่ที างราชการสง่ั ห้าม ให้ไว้ ณ วนั ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2499 จอมพล ป. พบิ ลู สงคราม รฐั มนตรวี ่าการกระทรวงกลาโหม 22 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร
ระเบียบกองทัพบก ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 23 ว่าด้วยการแตง่ เครือ่ งแบบทหารในโอกาสต่าง ๆ พ.ศ. 2519 ____________________ เพ่ือให้การแต่งเครื่องแบบทหารในกองทัพบกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย เหมาะสมกับโอกาส และเป็นระเบียบเดียวกันโดยมีแบบธรรมเนียมก�ำหนดการปฏิบัติให้ ชดั เจนยง่ิ ขึน้ จึงก�ำหนดระเบยี บเกย่ี วกบั การแต่งเครื่องแบบทหารบกบางชนดิ ไว้ เป็นหลัก ปฏบิ ัติโดยท่ัวไปดงั ต่อไปนี้ ขอ้ 1. ระเบยี บนใี้ หเ้ รยี กวา่ “ระเบยี บกองทพั บกวา่ ดว้ ย การแตง่ เครอ่ื งแบบทหาร ในโอกาสต่าง ๆ พ.ศ. 2519” ข้อ 2. เคร่ืองแบบทหารบกชนิดต่าง ๆ ตามท่ีกำ� หนดไว้ในกฎกระทรวงออก ตามความในพระราชบญั ญตั เิ ครื่องแบบทหาร พทุ ธศกั ราช 2477 ให้ทหารแต่งในโอกาสท่มี ี หมายกำ� หนดการหรอื ค�ำสัง่ ให้แต่งเครอ่ื งแบบนน้ั ๆ ข้อ 3. ในโอกาสตอ่ ไปน้ี ถา้ ไมม่ คี ำ� สง่ั หรอื หมายกำ� หนดการเปน็ อยา่ งอน่ื ใหท้ หาร แต่งเคร่อื งแบบปกติขาว คอื 3.1 ไปในงานพระราชพธิ หี รือรฐั พธิ ตี ามหมายก�ำหนดการ 3.2 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในโอกาสต่าง ๆ ท่ีเป็นทางราชการหรือ ในการรบั ส่งเสดจ็ 3.3 ไปในงานพธิ ขี องทางราชการทก่ี ำ� หนดใหแ้ ตง่ เครอ่ื งแบบปกติ แตม่ ไิ ด้ ก�ำหนดให้แต่งเคร่อื งแบบปกตชิ นดิ ใดโดยแน่นอน 3.4 ไปในงานพระราชทานเพลงิ ศพทหาร ตำ� รวจ หรืองานฝังศพทหาร ต�ำรวจ ตามประเพณี ลัทธิ หรอื ศาสนา ท่ไี ม่เผาศพ 3.5 ไปในงานพธิ ขี องส่วนราชการฝ่ายพลเรอื น ซง่ึ กำ� หนดให้ข้าราชการ พลเรอื นแต่งเครอ่ื งแบบปกตขิ าว 3.6 ในพธิ หี รอื งานเลย้ี งรบั รองทเี่ ปน็ เกยี รตถิ า้ จ�ำเปน็ ตอ้ งแตง่ เครอ่ื งแบบ ปกตขิ าวให้แต่งตามความเหมาะสม
24 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร ข้อ 4. ในโอกาสตอ่ ไปนไี้ มม่ คี �ำสงั่ หรอื หมายก�ำหนดการเปน็ อยา่ งอนื่ ให้ทหาร แต่งเครอ่ื งแบบปกติกากแี กมเขยี วคอแบะ คือ 4.1 ในการเยย่ี มค�ำนับเป็นทางการ 4.2 ในการรายงานตนเอง 4.3 ในงานพธิ กี ระท�ำสตั ย์ปฏิญาณตนต่อธงไชยเฉลิมพลของทหาร 4.4 ในงานพธิ ที เี่ ปน็ เกยี รตขิ องหนว่ ย เชน่ พธิ รี บั ประกาศนยี บตั ร, พธิ เี ปดิ หรอื ปดิ การศกึ ษา พธิ เี ปดิ , ปดิ การประชมุ การสมั มนาระหวา่ งประเทศซงึ่ หนว่ ยใน ทบ. เปน็ เจ้าภาพหรอื พธิ ีการอื่น ๆ ในท�ำนองเดยี ว 4.5 เมือ่ เป็นตลุ าการศาลทหารเวลาพิจารณาคดี ณ ท่ีต้งั ศาลปกติ 4.6 ไปในงานพธิ ขี องส่วนราชการฝ่ายพลเรือน ซึ่งราชการพลเรือนแต่ง เครอื่ งแบบปกตกิ ากคี อต้งั 4.7 ในโอกาสท่ีสามารถแต่งเครื่องแบบได้ท้ังชุดปกติขาว และชุดปกติ กากแี กมเขยี วคอแบะให้แต่งเครอ่ื งแบบปกตขิ าว ขอ้ 5. ในโอกาสตอ่ ไปนถี้ า้ ไมม่ คี ำ� สง่ั หรอื หมายกำ� หนดการเปน็ อยา่ งอน่ื ใหท้ หาร แต่งเครอ่ื งแบบปกติกากีแกมเขยี วคอพบั คือ 5.1 ในการปฏบิ ตั ริ าชการตามปกติและในการศึกษาหรอื การดูงาน 5.2 ในการเดนิ ทางภายในประเทศเมื่อต้องแต่งเครอื่ งแบบ 5.3 ไปในงานพิธีของส่วนราชการฝ่ายพลเรือนท่ีก�ำหนดให้ราชการ พลเรอื นแต่งเคร่อื งแบบปกติกากีคอพบั หรอื เคร่อื งแบบตรวจราชการ 5.4 ไปในงานหรอื ในสงั คมทตี่ ้องการความเป็นระเบยี บ และเมอ่ื จำ� เป็น ต้องแต่งเครื่องแบบไปในงาน หรือสังคมน้ัน ๆ เว้นแต่สังคมที่เกยี่ วกับกิจการค้าจึงไม่ควร แต่งเคร่อื งแบบทหาร ข้อ 5.4 เพิม่ เติมตามระเบียบ ทบ. (ฉบบั ท่ี 2) พ.ศ. 2522 ข้อ 6. ในโอกาสตอ่ ไปนไี้ มม่ คี ำ� สงั่ หรอื หมายกำ� หนดการเปน็ อยา่ งอนื่ ใหท้ หาร แต่งเครอ่ื งแบบฝึก คอื
6.1 เมื่อท�ำการฝึก ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 25 6.2 เมื่อทำ� หน้าท่รี กั ษาการณ์ 6.3 เมื่อปฏบิ ัติราชการสนาม 6.4 เม่อื ประจำ� แถวหรอื ควบคุมแถวทหาร ข้อ 7. ในโอกาสที่ทหารแต่งเคร่ืองแบบปกติขาว หรือเคร่ืองแบบปกติกากี แกมเขียวคอแบะ ตามท่กี ล่าวข้างต้น ส�ำหรับพลทหารให้แต่งเครอ่ื งแบบได้ ข้อ 8. ทหารประจ�ำการเมื่อออกไปนอกราชอาณาเขต จะแต่งเคร่ืองแบบมิได้ เว้นแต่โอกาสต่อไปนจ้ี งึ ให้แต่งเครอ่ื งแบบได้ คือ 8.1 ในขณะปฏบิ ัตหิ น้าทีร่ าชการ 8.2 เขา้ เฝา้ พระเจา้ แผน่ ดนิ เจา้ นายตา่ งประเทศ เขา้ เยยี่ มคำ� นบั ประมขุ ของประเทศ เม่อื เจ้าหน้าท่ขี องประเทศน้นั นดั หมายแต่งเครือ่ งแบบ 8.3 ไปดกู ารทหาร หรอื ไปสมาคมกบั ทหาร ซง่ึ ณ ทนี่ น้ั มกี ารแตง่ เครอื่ งแบบ 8.4 ไปฝึกหรอื ศกึ ษาวิชาทหารในต่างประเทศ ขอ้ 9. ในโอกาสที่ต้องแต่งเคร่ืองแบบตามข้อ 8 ให้แต่งเครื่องแบบทหารบก โดยให้สอดคล้องกบั หมายก�ำหนดการนัน้ ๆ หรอื ระเบียบของสถานศึกษาน้นั ๆ ขอ้ 10. ให้ใช้ระเบยี บนี้ ตั้งแต่บดั น้ี เป็นต้นไป ประกาศ ณ วนั ท่ี 2 มีนาคม พ.ศ. 2519 รับค�ำสั่งผู้บัญชาการทหารบก (ลงชอ่ื ) พลเอก ช. หิรัณยัษฐิติ (โชติ หิรณั ยัษฐิต)ิ รองผู้บญั ชาการทหารบก กรมกำ� ลังพลทหารบก
26 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร เคร่ืองแบบทหารบกท่ีใช้ในปจั จุบัน เครอื่ งแบบนายทหารสัญญาบตั รชาย มี 11 ชนิด 1. เครอ่ื งแบบปกตขิ าว 2. เคร่ืองแบบปกตกิ ากแี กมเขียวคอแบะ 3. เครอ่ื งแบบปกตกิ ากแี กมเขยี วคอพบั 4. เครอ่ื งแบบปกตกิ ากนี วลแกมเขยี วคอพบั (ระงบั ใช้) 5. เครื่องแบบฝึก (ระงบั ใช้) ปัจจบุ นั ได้เปลยี่ นมาใช้ชุดฝึกพรางลายดิจทิ ัล 6. เครอ่ื งแบบสนาม 7. เครอ่ื งแบบคร่งึ ยศ 8. เครื่องแบบเตม็ ยศ 9. เครื่องแบบสโมสรคอปิด 10. เคร่อื งแบบสโมสรอกแขง็ 11. เครือ่ งแบบสโมสรอกอ่อน เคร่ืองแบบนายทหารสัญญาบัตรหญงิ มี 13 ชนิด 1. เครื่องแบบปกตขิ าว 2. เครอ่ื งแบบปกตกิ ากีแกมเขียวคอแบะ 3. เครื่องแบบปกตกิ ากีแกมเขยี วคอปก 4. เครื่องแบบปกตขิ าวคอปก 5. เครื่องแบบปกตกิ ากีนวลแกมเขยี วคอปก (ระงับใช้) 6. เครอ่ื งแบบปกตกิ ากีนวลแกมเขยี วคอพับ (ระงับใช้) 7. เครื่องแบบปกตขิ าวคอพบั 8. เครอ่ื งแบบฝึก (ระงบั ใช้) ปัจจบุ นั ได้เปลีย่ นมาใช้ชุดฝึกพรางลาย ดิจทิ ลั 9. เครอ่ื งแบบสนาม 10. เคร่อื งแบบครึง่ ยศ 11. เครือ่ งแบบเตม็ ยศ 12. เคร่อื งแบบสโมสร 13. เครอื่ งแบบสโมสรอกอ่อน
โอกาสในการแตง่ เครื่องแบบแตล่ ะประเภท ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 27 เครอ่ื งแบบปกติขาว - งานพระราชพธิ ี หรือ รัฐพธิ ีตามหมายก�ำหนดการ - เฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาทในโอกาสตา่ ง ๆ ทเ่ี ปน็ ทางการ หรอื ในการรบั -สง่ เสดจ็ ฯ - ไปในงานพิธีของทางราชการท่ีก�ำหนด ให้แต่งเคร่ืองแบบปรกติ แต่ไม่ได้ ก�ำหนด เคร่อื งแบบท่แี น่นอน - พิธมี อบเครอ่ื งราชอสิ รยิ าภรณ์ เคร่ืองแบบปกตกิ ากแี กมเขียวคอแบะ - ในการเยย่ี มค�ำนับอย่างเป็นทางการ - ในการรายงานตนเอง - ในงานพธิ กี ระท�ำสตั ย์ปฏญิ าณตนต่อธงชัยเฉลมิ พลของทหาร
28 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร เคร่อื งแบบเตม็ ยศ - งานพระราชพธิ ีเฉลมิ พระชนมพรรษา - งานพระราชพธิ ีเนื่องในวนั พระบรมราชาภเิ ษก - งานพระราชพธิ ีถวายผ้าพระกฐนิ - งานพระราชพธิ ีวนั ฉตั รมงคล - งานพระราชพธิ เี ปิดสมัยประชมุ รฐั สภา - งานสโมสรสนั นบิ าต เครอื่ งแบบครงึ่ ยศ - ใช้ในงานท่ีมีความส�ำคัญรองไปจากงานซ่ึงต้องแต่งเคร่ืองแบบเต็มยศ เช่น งานเสด็จพระราชดำ� เนินพระราชทานเพลงิ ศพ ข้าราชการผู้ใหญ่หรอื บคุ คลสำ� คัญ
เครอ่ื งแบบสโมสรอกอ่อน ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 29 เครื่องแบบสโมสรคอปดิ และเครือ่ งแบบสโมสร - ใชใ้ นงานเลย้ี งตอนคำ�่ ทเ่ี รยี ก Full Dress Tuxedo แตง่ สำ� หรบั งานเลยี้ งอาหารคำ่� ท่มี ชี าวต่างชาติ ผู้มเี กียรตสิ งู หรือในงานพระราชทานเล้ยี งในราชส�ำนกั
30 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร เครือ่ งแบบฝึก - เมอ่ื ท�ำการฝึก - เมื่อทำ� หน้าท่รี กั ษาการณ์ - เมอื่ ปฏบิ ัติราชการสนาม - เมอ่ื ประจำ� แถวหรอื ควบคมุ แถวทหาร - ปฏิบัติหน้าทร่ี าชการสนาม เครอ่ื งแบบปกติกากีแกมเขียวคอพบั แขนยาว - ในการปฏิบตั ิราชการตามปกติ และในการศกึ ษาหรอื การดูงาน - ในการเดนิ ทางภายในประเทศเม่อื ต้องแต่งเครื่องแบบ - ไปในงานพธิ รี าชการฝา่ ยพลเรอื นทก่ี �ำหนดใหข้ า้ ราชการพลเรอื นแตง่ เครอ่ื งแบบ ปกติกากคี อพบั หรอื เครอื่ งแบบตรวจราชการ - ไปในงานหรอื ในสงั คมท่ตี ้องการความเป็นระเบียบ
เครอ่ื งแบบปกตคิ อพับแขนสน้ั ิวชาแบบธรรมเนียมทหาร 31 - ในการปฏิบตั ริ าชการตามปกติ เครอื่ งแบบปกติขาวคอพับแขนส้นั - ในการปฏิบตั ิราชการตามปกติ
32 วชิ าแบบธรรมเนยี มทหาร เครื่องแบบปกติขาวคอพับแขนยาว • การแตง่ เครอ่ื งแบบในหว้ งระยะเวลาวนั เฉลมิ พระชนมพรรษาพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั สมเดจ็ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชนิ ีนาถ และวนั กองทัพบก • วนั ส�ำคัญอน่ื ๆ เช่น วนั สถาปนาหน่วย, พธิ ีวางพวงมาลา
Search
Read the Text Version
- 1 - 35
Pages: