pdf_20211118_125623_0000

สัมมนา ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมในการป้องกันตนเอง จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จัดทำโดย ด.ช.ธนโชติ ปานพิมพ์ ด.ช.ภูผา ชาวเหนือ ด.ญ.ชุติพันธ์ โพธิสาจันทร์ ครูที่ปรึกษา นางสาวณัชชานิษฐ์ ดวงทองพล

1 บทที่1 บทนำ

2 ความเป็นมาและความสำคัญของ งานสัมมนา การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โควิด-19 (COVID-19) ได้ เริ่มต้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2562 และลุกลามไปทั่วโลก สร้างความหวาด กลัวและส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สังคมและเศรษฐกิจของประชากร มี การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตแบบใหม่ และระบบการส่งเสริมสุขภาพมีความ สำคัญมากขึ้น จากที่กล่าวมาข้างต้น จึงทำให้มีความสนใจที่จะศึกษาความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมในการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของ กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการจะศึกษา

3 ขอบเขตของงาน สัมมนา นำแนวคิดของบลูม มาประยุกต์ใช้ในการ ศึกษา โดยศึกษากับประชาชนในอำเภออู่ทอง ระยะเวลาในการสำรวจ คือ2 สัปดาห์

4 วัตถุประสงค์ของ 1. เพื่อศึกษาระดับของความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมการป้องกัน งานสัมมนา ตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 2. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับ พฤติกรรมการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19

5 บทที่2 เนื้อหาการค้นคว้าเพิ่มเติม ที่เกี่ยวข้อง

6 ข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19 ไวรัสโคโรนาถูกค้นพบแล้ว 6 สายพันธุ์ โดยสายพันธุ์ที่กำลังระบาด อยู่นั้นคือสายพันธุ์ที่7 ซึ่งไม่เคยถูกค้นพบมาก่อนจึงถูกเรียกชื่อว่าไวรัส โคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือCOVID-19 ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลัง ระบาดและควรระมัดระวัง ได้แก่ สายพันธุ์ อัลฟา เบตา แกมมา และ เดลต้า

7 พฤติกรรมและการใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่ในช่วง สถานการณ์ COVID-19 การแพร่ระบาดของCOVID-19เกิดผลกระทบ ต่อประชากรทั่วโลกจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนการ ดำเนินชีวิตแบบใหม่ เพื่อลดการแพร่ระบาด

8 พฤติกรรมการเปิดรับข้อมูลข่าวสารและความ ตระหนักรู้ ของนักเรียนนักศึกษา ข่าวสารเป็นปัจจัยสำคัญที่ใช้ประกอบการ ตัดสินใจในกิจกรรมต่างๆของมนุษย์ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ไปทั่วโลก ภูมิภาคอาเซียน รวมทั้งประเทศ ไทย ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศประชาชนเริ่มตื่นตัว มากขึ้น

9 ทัศนคติของเยาวชนในสถาบันอุดมศึกษาต่อ นโยบายการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 เยาวชนถือเป็นช่วงวัยที่สำคัญของสังคม โดยเฉพาะ กลุ่มวัยที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับอุดมศึกษา ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เยาวชนเริ่มที่จะ รับรู้ที่จะป้องกันตัวจากโรคระบาด

10 มาตรการการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค การแพร่ระบาดของโควิด-19 การปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเป็นการเฝ้าระวังและ ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคCOVID-19 กระทรวงสาธารณสุขได้ให้แนวทางที่สําคัญคือ 1.ป้องกัน 2.เว้นระยะห่าง 3.ปิดสำนักงานหากพบผู้ติดเชื้อ

11 บทที่3 เนื้อหาหลัก

12 ประชากรในการศึกษาครั้งนี้เป็น ประชากรและ ประชาชนที่อาศัยและมีภูมิลำเนาใน กลุ่มตัวอย่าง อำเภออู่ทอง กลุ่มตัวอย่าง คือ ประชาชนที่มี อายุ18 ปีขึ้นไปและมีคุณสมบัติครบ ถ้วนตามเงื่อนไข

เครื่องมือในการวิจัย 13 เป็นแบบสอบถาม 2 ส่วน ได้แก่ ส่วนที่ 1 แบบบันทึกข้อมูลทั่วไป เช่น อายุ เพศ ส่วนที่ 2 แบบสอบถามเกี่ยวกับ ความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรม การป้องกันตนเองจากการติด เชื้อไวรัสโควิด-19

14 1. ผู้วิจัยคัดเลือกผู้ช่วยวิจัยมาจากแกนนำอาสา สมัครสาธารสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)จำนวน 3 คน มาเป็นผู้ช่วยวิจัยในการเก็บข้อมูล การเก็บ 2. ผู้วิจัยได้ชี้แจงรายละเอียดการวิจัย ให้แกนนำของ รวบรวม กลุ่ม อสม.ได้ตอบแบบสอบถามออนไลน์ ใช้เวลา ข้อมูล ประมาณ 10-15 นาที 3. เมื่อตอบแบบสอบถามเสร็จแล้ว ส่งต่อ3คน แบบลูกโซ่ 4.แนะนำคนที่รู้จักที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ต่อไปอีก อย่างต่อเนื่อง ถ้าเกิดการซ้ำกัน แล้วก็ต้องยุติบุคคล นั้นและเก็บข้อมูลกลุ่มบุคคลอื่นต่อไป 5. ภายหลังส่งแบบสอบถามออนไลน์ ผู้วิจัยดำเนิน การตรวจสอบจึงยุติการรับแบบสอบถาม

การวิเคราะห์ข้อมูล 15 ผู้วิจัยวิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดด้วยโปรแกรมสำเร็จรูปทาง สถิติ โดยการหาค่าความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (M) และส่วนเบี่ยง เบนมาตรฐาน (SD)วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร ต้น และตัวแปรตามโดยใช้ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สันโดย กำหนดค่าระดับความสัมพันธ์จากค่า R ในการศึกษานี้

ผลการวิจัย 16 ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 445คนส่วนใหญ่ เป็นเพศ หญิง ร้อยละ 89.67 มีอายุอยู่ในช่วง 30-49 ปี ระดับความรู้ ทัศนคติเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พบ ว่า กลุ่มตัวอย่างมีความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อโควิด-19 อยู่ใน ระดับมาก ผลการวิเคราะห์ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์ สันพบว่า ระดับการศึกษา ความรู้ และทัศนคติเกี่ยวกับการ ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มี ความสัมพันธ์ทางบวกในระดับต่ำ มากกับพฤติกรรมในการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัส โควิด-19 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

17 บทที่4 สรุปผลการสัมมนา

18 สรุปผล ผลการวิเคราะห์ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ ไวรัสโควิด-19 มีคะแนนเฉลี่ย 9.44 ซึ่งอยู่ในระดับมาก กลุ่มตัวอย่างใน การศึกษานี้ร้อยละ 83 มั่นใจว่าในที่สุดแล้วโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะ ถูกควบคุมได้ และกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 80.70 เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะ สามารถเอาชนะโรคติดเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ได้ด้านพฤติกรรมการป้องกัน การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กลุ่มตัวอย่างในการศึกษา ร้อยละ 99.80 ได้ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกจากบ้านทุกครั้ง

อ้างอิง 19 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563ข). รายงานโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. ฉัตรสมุน พฤฒิภิญโญ. (2563). มาตรการการเฝ้าระวัง ป้องกัน และการควบคุมโรค การแพร่ระบาดของโควิด-19. วารสารกฏหมายและนโยบายสาธารณสุข ชาญชัย จิตรเหล่าอาพร และคณะ. (2564). ทัศนคติของเยาวชนในสถานบัน อุดมศึกษาต่อนโยบายการแก้ไขปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย. วารสาร วิชาการไทยวิจัยและการจัดการ

20 THANK YOU