Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 01.ระเบียบแถวลูกเสือ 1

01.ระเบียบแถวลูกเสือ 1

Published by j.pranomsri, 2022-06-14 07:10:24

Description: 01.ระเบียบแถวลูกเสือ 1

Search

Read the Text Version

ระเบียบแถวลูกเสอื Scout row regulations

คำศพั ท์ท่ใี ช้ในกำรฝกึ ระเบียบแถว Vocabulary Used in practice Line regulation คำศัพทต์ ่ำง ๆทีใ่ ชใ้ นกำรฝกึ ระเบยี บแถวลูกเสือน้นั ผู้บังคับบญั ชำ ลูกเสอื และลกู เสอื จำเป็นตอ้ งเขำ้ ใจควำมหมำยไปในทำงเดียวกนั ทั้งนเ้ี พ่อื สะดวกในกำรปฏิบัติ โดยมคี ำศัพทท์ ค่ี วรทรำบดังนี้ 1.กำรจัดรปู แบบแถวของลูกเสอื ปกติจะจดั เป็นแถวตอน แถว หนำ้ กระดำน หรอื แถวขบวน ทง้ั นอี้ ำจจดั เป็นแถวชดิ หรือแยกหนว่ ยกไ็ ด้

2.แถวตอน คอื แถวลูกเสอื ท่ี จดั ซอ้ นกนั ในแนวลึก ระยะ ระหว่ำงคนหนำ้ กบั คนหลัง เรียกวำ่ ระยะตอ่ แถวตอนเรียง 1 คอื แถวลกู เสือซึง่ จัดเรยี งซอ้ นกันในทำงลกึ คนหลักอยหู่ นำ้ เรยี งแถวตำมลำดบั ตำแหนง่ ภำยในหมู่ ระยะตอ่ 1 ก้ำว แถวตอนเรียง 2 แถวตอนเรียง 3 แถวตอนเรยี ง 4 คือ แถวตอนเรียง ยืนเรยี งชิดกนั 2,3และ 4 แถวตำมลำดบั (ระยะเคียงเช่นเดียวกบั แถวหนำ้ กระดำน)

3.แถวหนำ้ กระดำน คือ แถวลกู เสอื ท่อี ยเู่ รียงเคยี งเปน็ แนวเดยี วกนั ในทำงกวำ้ ง ระยะระหว่ำงบุคคลจำกศอกถงึ ศอก เรยี กว่ำ ระยะเคยี ง แถวหน้ำกระดำนเดย่ี ว คือ แถวลูกเสือที่อยูเ่ รียงเคยี งเปน็ แนวเดยี วกัน คนหลักอยู่ทำงขวำ เรียงกันไปตำมลำดับตำแหน่งภำยในหมู่ ระยะเคยี งศอกถึงศอก แถวหนำ้ กระดำนเรียง 2 แถว แถวหนำ้ กระดำน 3 แถวและแถวหนำ้ กระดำน 4 แถว คือแถวหน้ำกระดำนแถวเด่ียวยืนซ้อนกัน 2,3และ 4 แถว ตำมลำดบั (ระยะต่อเชน่ เดยี วกบั แถวตอน)

4.ขบวน คอื ส่วนต่ำง ๆ ของหน่วยลกู เสอื ซงึ่ จดั วำงเป็นส่วนๆ ภำยใน ส่วนหน่ึงๆจะจัดเปน็ แถวหน้ำกระดำนหรือแถวตอนก็ได้ 5.ตบั คอื สว่ นของแถวตอนทมี่ ีลกู เสือ 2, 3 หรอื 4 คน เคยี งกัน หรือส่วน ของแถวหน้ำกระดำนท่มี ีลูกเสอื 2, 3 หรอื 4 คนซ้อนกนั ตบั ท่มี คี นไม่ครบ เรียกว่ำ ตับขำด 6.คนหลกั คอื นำยหมู่ลกู เสือหรอื ลกู เสือทีล่ กุ เสอื อืน่ ๆ ต้องถอื เป็นหลกั ในกำรกำหนดกำรเดินหรือกำรจดั แถวตำม ในแนวตอน คนหลกั คือ ลูกเสอื ท่ีอยตู่ ้นขบวนของตอนหลัก ในแถวหนำ้ กระดำน คนหลักคือ หวั หน้ำตับทอ่ี ย่ปู ีกขวำ

7.หนว่ ยหลกั คอื หน่วยท่หี น่วยอื่นในกองเดียวกนั จะต้องถือเปน็ หลัก ในกำรกำหนดกำรเดนิ หรือกำรเข้ำแถวตำม โดยผูบ้ งั คบั หนว่ ยเปน็ ผู้ กำหนด 8.แนว คือ สว่ นรวมของหนว่ ยลูกเสือทอ่ี ยูเ่ รียงเคียงกัน ไม่ว่ำจะจดั แถว หรอื ขบวนอยำ่ งไร และมรี ะยะเคียงเท่ำไร 9.ปกี ขวำ (ซ้ำย) คอื สว่ นที่อยู่ทำงขวำ (ซ้ำย) ทสี่ ุดของแนว นำมปกี ไมเ่ ปลยี่ นในเวลำกลบั แถว (คอื เมื่อกบอกกลบั หลังหนั แล้ว ปีกที่ กำหนดไว้ไม่เปลย่ี นแปลงเป็นอย่ำงอ่ืน) 10.ควำมลกึ ของขบวน คือ ระยะในทำงลึกจำกต้นขบวนถงึ ท้ำย ขบวน หรอื จำกคนทีอ่ ยูห่ นำ้ สุดของหนว่ ยหรือตน้ ขบวนถึงคนทหี่ ลังสดุ ของหนว่ ยหรือทำ้ ยขบวน

11.หนว่ ยตำมกัน คือ หน่วยทว่ี ำงไวซ้ ้อนกนั ในทำงลึก ไม่ว่ำจะมีระยะต่อ หำ่ งกันเท่ำใดละจะอยูใ่ นทห่ี มำยทำงเดินเดียวกนั หรอื ตำ่ งท่หี มำยกนั แต่ อยูใ่ กลก้ นั ก็ได้ 12.หนว่ ยเคียงกัน คอื หน่วยที่อยู่เรยี งกนั ในทำงกวำ้ ง ไม่ว่ำจะมีระยะเคยี ง หำ่ งกนั เทำ่ ใดและไมจ่ ำเป็นท่ีจะต้องอยเู่ สมอกนั 13.หน่วยขำ้ งเคียง คอื หนว่ ยที่อยูใ่ กลช้ กิ บั ต้นทำงขวำ ทำงซ้ำย หรือท้ัง สองข้ำง

คำบอกท่ำสญั ญำณนกหวีด ในกำรฝึกระเบียบแถว นอกจำกจะต้องร้คู ำศพั ท์แต่ละคำเพื่อใหเ้ กดิ ควำมเขำ้ ใจตรงกนั ระหว่ำงผู้บงั คบั บัญชำลกุ เสือกบั ลูกเสือแล้ว อกี สิ่งหนึ่งที่ ต้องนำมำใช้ในกำรฝึกระเบยี บแถว เพอ่ื ให้ลูกเสือปฏบิ ตั ติ ำมท่ีผู้บงั คับบัญชำ ตอ้ งกำรคือ กำรใชว้ ิธีสั่งกำร วิ่งมกี ำรใชด้ ่ังตอ่ ไปนี้

วิธสี ง่ั กำรในกำรฝึกระเบยี บแถว 1.ใช้คำบอก คำบอกในกำรบอกแถวใช้เมือ่ สำมำรถจะสั่งกำรใหล้ กุ เสอื ได้ยนิ ทง่ั ถงึ และเมอ่ื ตอ้ งกำรให้ลกู เสอื ปฏิบตั ิกำรทนั ที 2.ใชท้ ำ่ สญั ญำณ ท่ำสัญญำณในกำรฝึกระเบียบแถวใช้แทนคำบอก เม่ืออยหู่ ำ่ งไกลจำกลูกเสอื เมอ่ื ไม่สำมำรถจะใชค้ ำบอกให้ได้ยินทวั่ ถงึ หรอื กรณีทตี่ อ้ งกำรควำมสงบเงียบ

วิธีสงั่ กำรในกำรฝกึ ระเบียบแถว 3.ใชแ้ ตรหรือนกหวดี เมือ่ ลกุ เสอื อยูร่ วมกันในกรณีพเิ ศษหลำยกอง หรอื อย่ปู ะปนกับประชำชน หรอื เมือ่ ไปเดินทำงไกลและอย่คู ่ำยพกั เรียดแต่ลำพัง หน่วยลูกเสือตำ่ ง ๆทม่ี ำร่วมกนั หรือกองลกู เสืออำจจดั ใหใ้ ช้สญั ญำณแตรเดย่ี วก็ได้ ในกำรน้ีใหใ้ ช้สัญญำณแตรเดย่ี วของ ลกู เสอื ตำมทีร่ ะบุไวใ้ นคู่มือสัญญำณแตรเดยี่ วของลูกเสือ

วิธีส่ังกำรในกำรฝึกระเบียบแถว 4. คำสง่ั ดว้ ยปำกหรอื เสียง คำส่งั ด้วยปำกเปน็ ถอ้ ยคำทีผ่ บู้ งั คับบัญชำ ลกู เสอื จะพึงสงั่ ใหล้ ูกเสอื ปฏิบัตติ ำมควำมตอ้ งกำรเปน็ ส่วนรวม เชน่ ให้ ทกุ หมแู่ ยกทำกำรฝกึ ระเบยี บแถว ภำยในเวลำ 30 นำที แล้วพกั ได้ และเช่นเดยี วกนั ผบู้ งั คับบัญชำลูกเสืออำจจะสงั่ เป็นลำยลักษณอ์ กั ษรให้ ปฏิบัติตำมควำมตอ้ งกำร โดยเขียนขอ้ ควำมลงบนกระดำษและนำไปให้ แต่ละหมูไ่ ด้ทรำบ

1.ใช้คำบอก คำบอกในกำรบอกแถวใช้เม่อื สำมำรถจะสง่ั กำรให้ลุก เสอื ได้ยินท่ังถึงและเมื่อต้องกำรใหล้ ูกเสอื ปฏบิ ัตกิ ำรทันที คำบอกมีอยู่ 2 ชนดิ คือ คำบอกแบ่งและคำบอกรวด 1) คำบอกแบง่ คือ คำบอกทใี่ หล้ ูกเสือปฏิบัตโิ ดยพร้อมเพรยี งกนั โดยแบง่ ออกเปน็ 2 ตอนตอนแรกเรียกว่ำ คำนำ เปน็ คำชแี้ จงทำ่ หรือทศิ ทำงทจ่ี ะให้ปฏิบตั ิ ตอนหลงั เรียกวำ่ คำสญั ญำณ เป็นคำสั่งท่ใี ห้ปฏบิ ัตทิ นั ที นัน้ คำนำจงึ ทอดเสยี ง ยำว เวน้ ระยะเลก็ นอ้ ย แลว้ เปล่งคำสัญญำณ ซง้ึ ออกเสยี งหนักละส้นั ตัวอย่ำงเชน่ จะบอกใหท้ ำทำ่ ตรง ใช้คำบอกแบ่งว่ำ แถว-ตรง หรอื แถว เป็นคำนำ เวน้ ระยะ เลก็ น้อยแล้วจึงบอก ตรง ซึง่ เป็นคำสญั ญำณ

1.ใช้คำบอก คำบอกในกำรบอกแถวใชเ้ ม่ือสำมำรถจะส่งั กำรใหล้ ุก เสอื ได้ยนิ ทงั่ ถึงและเมื่อต้องกำรใหล้ ูกเสอื ปฏบิ ตั ิกำรทนั ที คำบอกมีอยู่ 2 ชนิด คอื คำบอกแบ่งและคำบอกรวด 2) คำบอกรวด คอื คำบอกทใี่ ห้ปฏิบัติดว้ ยอำกำรฉบั ไว ทนั ที ในทำ่ ทต่ี อ้ งทำพร้อมกันหรือไมอ่ ำจแบง่ แยกกำรกระทำออกเปน็ ตอนๆได้ ลกู เสอื ต้องปฏิบัตโิ ดยฉบั พลนั ด้วยอำกำรกิรยิ ำทร่ี วดเร็วและรวบรัด เช่น ใหแ้ สดงควำมเคำรพดำ้ ยทำ่ วันทยหัตถ์ ใชค้ ำบอกรวดว่ำ วนั ทยหัตถ์

หมำยเหตุ: คำบอกทำ่ ต่ำง ๆในหนังสือเลม่ นี้ ทำ่ ท่ใี ช้คำบอกแบง่ เขยี น ต่ำงกนั เช่น ขวำ-หนั และท่ำท่ีใชค้ ำบอกรวดเขียนติดกัน เชน่ เดนิ ตำม สบำย และถ้ำใชค้ ำบอกเป็นคำ ๆโดยมเี ครอ่ื งหมำยจุลภำค (,) ค่ันอยู่ ให้เวน้ ระยะคำบอกตรงเครอื่ งหมำยนนั้ พอสมควร ไมต่ อ้ งทอดกำรเสยี ง ยำว เช่น ตำมระเบยี บ, พัก คำบอกใดทมี่ ีคำในวงเล็บ หมำยควำมว่ำ ใชค้ ำบอกได้อีกอยำ่ ง หน่งึ โดยมคี ำในวงเล็บนั้นอย่ดู ้วย ทง้ั น้สี ดุ แตค่ ำ ในวงเลบ็ จะอย่ใู นตอน ใด เชน่ หน้ำ-เดิน (วง่ิ ) หมำยควำมว่ำ หน้ำ-เดนิ หรอื หนำ้ -ว่งิ

2.ใชท้ ่ำสัญญำณ ท่ำสัญญำณในกำรฝึกระเบยี บแถวใช้แทนคำบอก เมอ่ื อยูห่ ำ่ งไกลจำกลกู เสอื เม่ือไม่สำมำรถจะใชค้ ำบอกให้ได้ยนิ ท่ัวถึง หรือกรณีท่ีต้องกำรควำมสงบเงียบ การสงั่ ดว้ ยทา่ สญั ญาณให้ใช้ทา่ สญั ญาณแขนและมือในการฝกึ ระเบยี บแถวต่อไปน้ี 1) เตรยี ม คอยฟงั คำสง่ั หรือหยดุ เหยยี ดแขนขวำขน้ึ ตรงเหนือศีรษะ มือ แบ ห้ำนวิ้ ชดิ ติดกัน หันฝ่ำมือไปขำ้ งหนำ้ ใหล้ ูกเสือหยดุ กำรเคลอ่ื นไหวหรือ กำรกระทำใด ๆ ทั้งสิ้น นง่ิ คอยฟงั คำสัง่ โดยหันหนำ้ ไปยงั ผบู้ งั คับบญั ชำ ถ้ำ อยใู่ นแถวให้ยนื ในทำ่ ตรง 2) รวมหรอื กลับมำ เหยยี ดแขนขวำมอื แบหมนุ เปน็ วงกลมเหนอื ศีรษะ จำกซำ้ ยไปขวำ

2.ใช้ทำ่ สญั ญำณ ท่ำสัญญำณในกำรฝึกระเบียบแถวใช้แทนคำบอก เมื่ออย่หู ่ำงไกลจำกลกู เสือ เมื่อไมส่ ำมำรถจะใชค้ ำบอกใหไ้ ดย้ ินท่ัวถึง หรือกรณที ีต่ ้องกำรควำมสงบเงยี บ การสัง่ ดว้ ยทา่ สญั ญาณให้ใช้ทา่ สญั ญาณแขนและมอื ในการฝกึ ระเบยี บแถวตอ่ ไปนี้ 3)จัดแถวหนำ้ กระดำน เหยยี ดแขนท้ังสองไปดำ้ นขำ้ งเสมอแนวเดยี วกับไหล่ ฝำ่ มือแบไปข้ำงหนำ้ จดั แถวหนำ้ กระดำนใหท้ ิศหนำ้ แถวหนั ตรงหน้ำผู้ให้ สัญญำณ 4)จดั แถวตอน เหยียดแขนท้ังสองข้ำงไปข้ำงหนำ้ ในแนวเดียวกับไหล่ ฝำ่ มือ แบไปขำ้ งหนำ้ แบเข้ำหำกัน หมำยเหตุ: ก่อนจะให้สัญญำณและท่ำนน้ั ใหท้ ำสัญญำณ ข้อ 1) ก่อนทุกคร้ังไป เพอื่ เปน็ กำรเตอื นใหร้ วู้ ำ่ จะให้ สัญญำณอะไร

2.ใชท้ ่ำสญั ญำณ ท่ำสัญญำณในกำรฝกึ ระเบียบแถวใชแ้ ทนคำบอก เม่ืออยหู่ ่ำงไกลจำกลกู เสือ เมือ่ ไม่สำมำรถจะใช้คำบอกใหไ้ ด้ยินทัว่ ถงึ หรอื กรณที ตี่ อ้ งกำรควำมสงบเงียบ การสงั่ ดว้ ยท่าสญั ญาณใหใ้ ชท้ า่ สญั ญาณแขนและมือในการฝกึ ระเบยี บแถวตอ่ ไปนี้ 5)เคล่อื นทไ่ี ปข้ำงหนำ้ , ทำงขวำ (ซำ้ ย),กง่ึ ขวำ(ซำ้ ย),ไปทำงหลงั ผใู้ ห้ สญั ญำณหันหลังไปยงั ทิศทำงทตี่ ้องกำร ชูแขนขวำข้นึ เหนือศรี ษะ ฝ่ำมอื แบไป ขำ้ งหนำ้ แลว้ ลดแขนลงขำ้ งหน้ำสมอแนวบำ่ 6)นอนลงหรือเขำ้ ที่กำบงั แขนขวำเหยียดตรงไปขำ้ งหน้ำเสมอแนวไหล่ ฝ่ำ มอื แบควำ่ ลดฝำ่ มอื ไปข้ำงหน้ำแล้วกลับทีเ่ ดมิ ไปหลำย ๆ ครง้ั 7)เร่งจังหวะหรอื เร็วขึ้น แขนขวำงอ มอื กำเสมอบ่ำ ชูข้นึ ตรงเหนอื ศีรษะ แลว้ ลดลงหลำยครัง้

3.ใชแ้ ตรหรอื นกหวีด เมื่อลุกเสอื อยรู่ วมกนั ในกรณพี เิ ศษหลำยกอง หรอื อย่ปู ะปน กบั ประชำชน หรอื เมื่อไปเดนิ ทำงไกลและอยู่ค่ำยพกั เรยี ดแต่ลำพัง หนว่ ยลกู เสือตำ่ ง ๆที่มำร่วมกันหรอื กองลูกเสืออำจจัดให้ใช้สญั ญำณแตรเด่ียวกไ็ ด้ ในกำรนีใ้ ห้ใช้ สัญญำณแตรเด่ียวของลกู เสอื ตำมทรี่ ะบไุ วใ้ นคู่มอื สญั ญำณแตรเดี่ยวของลูกเสือ สำหรับกำรฝึกประจำวนั กด็ ี ในโอกำสท่ีอยู่หำ่ งไกลลูกเสอื ก็ดี ผบู้ งั คับบญั ชำลูกเสอื อำจใช้สญั ญำณนกหวดี บงั คับแถวลกู เสือ ดงั น้ี 1) หวีดยำว 1 ครั้ง (-) ถ้ำเคลอ่ื นที่ให้หยุด ถำ้ หยุดอย่ใู ห้ถือว่ำเป็นสัญญำณเตอื นเตรยี มตวั หรอื คอยฟังคำส่งั 2) หวีดยำว 2 ครั้ง (-) เดนิ ต่อไป, ทำงำนต่อไป 3) หวีดสน้ั 1 ครั้ง, หวีดยำว 1 คร้ัง สลับกันไป (.-.-) เกิดเหตุ 4) หวดี สัน้ 3 ครง้ั หวีดยำว 1 คร้ัง ติดตอ่ กันไป (…-,-) เรียกนำยหมลู่ ูกเสือมำรบั คำส่งั 5) หวีดส้นั ตดิ กนั หลำย ๆ ครัง้ (…….) ประชุม, รวม หมำยเหตุ: เม่ือจะใชส้ ัญญำณขอ้ 2), 3), 4) หรือ 5) ให้ ใชส้ ญั ญำณขอ้ 1) ก่อนทุกคร้ัง

กำรเปิดประชุมกองรอบเสำธง

ควำมมุ่งหมำยของกำรฝกอบรมลูกเสือ 1. เพอื่ ใหลูกเสอื เกดิ ควำมกระตอื รือรน้ ตอเครอ่ื งหมำยวชิ ำพเิ ศษ 2 เพื่อให ลกู เสอื แสดงควำมสำมำรถตำมวิชำพิเศษที่ลูกเสอื มี ควำมถนดั 3 เพื่อสงเสริมให ลกู เสอื มคี วำมชำนำญตอ่ วิชำพเิ ศษ และ สำมำรถนำไปใชในชวี ิตประจำวัน 4 เพื่อให มคี วำมสำมำรถพิเศษ จนไดร้ บั เครอ่ื งหมำยสำยยงยศ หรือลูกเสอื หลวงอนั เป็นเคร่ืองหมำยเชดิ ชูเกยี รติอย่ำงสงู ของลกู เสอื

กำรเขำ้ รบั กำรฝกึ และสำมำรถทำงำนฝกลูกเสือด้วยตนเอง ลูกเสอื ท่เี ลือกเรยี นวิชำกำรฝกึ เป็นผู้นำจะตอ้ งมคี วำมรูควำมสำมำรถ และมที กั ษะในวชิ ำท่ี เป็นพ้ืนฐำนในกำรทำงำนฝกลกู เสอื ด้วยตนเอง ดงั นี้ 1. กำรฝกบคุ คลทำมอื เปลำ 2. กำรจดั แถว 3. กำรเดนิ สวนสนำม

กำรฝกบุคคลทำมอื เปลำ 1. ทำ่ ตรง คำบอก “แถว-ตรง” กำรปฏิบัติ ยืนใหสน้ เทำ้ ชิดกันและอยู่ในแนวเดยี วกนั ปลำยเท้ำแบะออกขำ้ งละเทำ ๆ กัน หำ่ งกนั ประมำณ 1 คบื (ทำมุม 45 องศำ) เขำเหยยี ดตงึ และบีบเข้ำหำกนั ลำตวั ยดื ตรงอกผำยไหลเสมอกนั แขนทง้ั สองห้อยอยู่ข้ำงตวั และเหยียดตรง พลกิ ศอก ไปขำ้ วหน้ำเลก็ นอ้ ย จนไหลตงึ น้วิ มอื เหยียด และชิดกนั น้วิ กลำงตดิ ขำตรง ก่ึงกลำงประมำณแนวตะเข็บกำงเกงเปดิ ฝำ่ มอื ออกเลก็ นอ้ ย ลำคอยดื ตรง ไป ยื่นคำง ตำแลตรงไป ข้ำงหนำ้ ได้ ระดับน้ำหนักตัวอยบู่ นเท้ำท้งั สอง เทำ ๆ กัน และน่ิง (รปู ท่ี 1)

กำรฝกบุคคลทำมือเปลำ หมำยเหตุ 1. ทำ่ ตรงเป็นทำเบ้ืองต้น และเป็นรำกฐำนของกำร ปฏบิ ัตทิ ำอื่น ๆ 2. ใชเป็นทำสำหรับแสดง กำรเคำรพไดท้ ่ำหนึ่ง รูปท่ี 1 ทำ่ ตรง

กำรฝกบคุ คลทำมือเปลำ 2. ทำพกั ก.พกั ตำมปรกติ คำบอก “ พกั “ กำรปฏบิ ตั ิ หย่อนเข่ำขวำกอ่ น ตอไปจงึ หยอ่ นและเคลือ่ นไหวสวนต่ำง ๆ ของร่ำงกำยและ เปลย่ี นเขำพักไดต้ ำมสมควรแต่เทำ้ ทั้งสองคงอยกู่ ับที่หำ้ มพูดเมื่อได้ ยินคำบอกวำ “ แถว“ ให ยืดตัวตรง นอกจำกเข่ำขวำครนั้ เม่ือได้ยินคำบอกวำ “ ตรง“ ให กระตกุ เขำขวำโดยเรว็ และแขง็ แรงกลบั ไปอยใู่ นลกั ษณะของทำ่ ตรง (รูปที่ 2)

กำรฝกบุคคลทำมอื เปลำ รูปที่ 2 ท่ำพกั ตำมปกติ

กำรฝกบุคคลทำมอื เปลำ ข. พักตำมระเบยี บ คำบอก “ ตำมระเบียบ,พกั “ กำรปฏบิ ตั ิ แยกเทำ้ ซ้ำยออกไปทำงซำ้ ยประมำณ 30 ซม. (หรือประมำณเกอื บครง่ึ ก้ำวปกติ) อยำ่ งแข็งแรงและองอำจ พร้อมกบั จับมอื ไขว หลังให หลังมอื เข้ำ หำตวั มอื ขวำทบั มอื ซ้ำยน้ิวหวั แม่มือขวำจบั น้ิวหัวแม่มือซำ้ ย หลงั มอื ซำ้ ย แบบติดลำตวั ในแนว ก่งึ กลำงหลงั และอย่ใู ต เข็มขดั เล็กนอ้ ย ขำท้งั สองตึง น้ำหนกั ตวั อยบู่ นเทำ้ ทั้ง สองเทำ ๆ กันและนง่ิ (รปู ท่ี 3)

กำรฝกบคุ คลทำมือเปลำ เม่ือได้ยนิ คำบอกวำ “ แถว-ตรง” ให ชกั เท้ำ ซ้ำยชดิ เท้ำขวำอยำ่ ง แข็งแรงพร้อมกบั มอื ทงั้ สองกลบั ไปอยใู่ นลกั ษณะ ทำ่ ตรงตำมเดิม รปู ที่ 3 ทำ่ พักตำมระเบยี บ

กำรฝกบคุ คลทำมอื เปลำ ค. พักตำมสบำย คำบอก “ ตำมสบำย,พัก“ กำรปฏิบตั ิ หย่อนเข่ำขวำกอ่ นเชนเดยี วกับ “ พกั ” ตอไปจงึ เคลื่อนไหวร่ำงกำย อยำ่ งสบำยและ พดู จำกนั ได แต่เทำ้ ขำ้ งหนึง่ งต้องอยู่กบั ทถ่ี ำ้ มไิ ดร้ บั อนุญำตใหนงั่ จะนัง่ ไม่ได้ เมอ่ื ได้ยินคำบอกวำ “ แถว-ตรง” ใหปฏบิ ตั ิ อยำ่ งเดยี วกบั ทำพักตำมปรกติ

กำรฝกบคุ คลทำมือเปลำ ง. พกั นอกแถว คำบอก “ พกั แถว“ กำรปฏบิ ตั ิ ตำ่ งคนตำ่ งแยกออกจำกแถวทันทแี ตต่ อ้ งอยูใ่ นบริเวณใกล เคียงนั้น และไม่ทำเสยี ง อกึ ทึกเมอื่ ได้ ยนิ คำบอกวำ “ แถว “ ให รบี กลบั มำเข้ำแถว ตรงทีเ่ ดมิ โดยเรว็ ในรปู แถวเดมิ และเมอ่ื จัดแถวเรยี บรอ้ ยแล้วให อยู่ในท่ำ ตรงจนกวำจะมีคำบอก คำสง่ั ตอไป

กำรฝกบคุ คลทำมอื เปลำ หมำยเหตุ สำหรับทำพัก ทำพกั เปน็ นทำทเ่ี ปลยี่ นอริ ิยำบถจำกทำ่ ตรง เพื่อผอ่ น คลำยควำมเคร่งเครยี ดตำม โอกำสตำ่ ง ๆ คือ 1. พักตำมปรกติใช พักในโอกำสระหว่ำงฝก-สอนเพอ่ื อธบิ ำยหรือ แสดงตัวอย่ำงแก ลูกเสอื 2. พกตำมระเบยี บ ใช พกั ในโอกำสเกีย่ วกบั พิธีกำรต่ำง ๆ เชน ตรวจ พล สวนสนำมหรอื อยใู่ นแถวกองเกยี รตยิ ศฯลฯ 3. พักตำมสบำย ใช พกั ในโอกำสท่ตี อ้ งรอรบั คำส่งั เพอ่ื ปฏิบัตติ อไป เปน็ ระยะเวลำ ส้ัน ๆ เชน เม่ือผู้ควบคมุ แถวต้องไปรับคำสง่ั ของ ผูบ้ งั คับบญั ชำ เปน็ ตน้ 4. พกั นอกแถว ใช พกั ในโอกำสทีต่ อ้ งรอรับคำส่งั เพอ่ื ปฏบิ ตั ิตอไปนี้ เป็นนระยะเวลำ นำน ๆ

กำรฝกบคุ คลทำมือเปลำ 3. ทำเคำรพ 1. วนั ทยหัตถ์ ก. กำรหัดข้นั ตน คำบอก “วนั ทยหตั ถ “ และ“มอื ลง “ กำรปฏบิ ตั ิ ยกมอื ขวำโดยเร็วและแขง็ แรงจดั นิ้วอยำ่ งเดียวกับท่ำรหัสของลูกเสอื ให ปลำยน้วิ ชี้ แตะขอบลำ่ งของหมวกค่อนไปข้ำงหนำ้ เลก็ น้อยในแนวหำงตำขวำ มือเหยียดตำม แนวแขนขวำท่อนลำ่ ง นิว้ เหยยี ดตรงและเรียงชดิ กนั ขอ้ มือไม่หกั เปดิ ฝำมอขนึ้ ประมำณ 30 องศำแขนขวำทอ่ นบนยน่ื ไปทำงข้ำงอยปู่ ระมำณแนว ไหล เมอ่ื อยู่ท่ี แคบ ๆ ให ลดขอ้ ศอกลงไดต้ ำมควำมเหมำะสม รำ่ งกำยสวนอืน่ ตอ้ งไม่เสียลกั ษณะ ทำ่ ตรง (รปู ท่ี 4) เมือ่ ได้ ยนิ คำบอก “ มอื ลง“ ให ลดมือลง อย่ใู นท่ำตรงโดยเรว็ และแข็งแรง

กำรฝกบุคคลทำมอื เปลำ หมำยเหตุ รปู ที่ 4 ทำ่ วนั ทยหตั ถ์ ก. ทำวันทยหตั ถ โดย ปรกติตอจำกทำ่ ตรงเปน็ คำเคำรพ เมอื่ อยู่ตำมลำพงั นอกแถว ของ ลกู เสอื ทุกประเภท สำหรบั ลกู เสือ สำรองให ทำวนั ทยหัตถ์ 3 น้วิ คือ ยกมอื ขวำขนึ้ แยก นิ้วชี้ กับ นิว้ กลำงออกจำกเหยียดตรง (รปู ตวั วี) และเมื่อจำเป็นก็ให ทำจำกทำนัง่ ได้

กำรฝกบุคคลทำมอื เปลำ ข. ผู้บังคบั บัญชำลกู เสือ เขำแถวแสดงกำรเคำรพดว้ ย ทำ่ วนั ทยหัตถ (สวมหมวก) ค. ลกู เสอื จะสวมหมวก หรอื มไิ ด้สวมหมวกให ทำ วันทยหัตถ์ไดถ้ ำ้ ไมไ่ ดส้ วม หมวกให ปลำยน้วิ ชี้แตะทหี่ ำง คิ้วขวำ รูปที่ 4 ท่ำวนั ทยหตั ถ์

กำรฝกบคุ คลทำมอื เปลำ เม่อื มีผ้รู ับกำรเคำรพ คำบอก “ ทำงขวำ,(ทำงซำ้ ย, ตรงหนำ้ ) วันทยหัตถ์ กำรปฏิบตั ิ สะบัดหนำ้ ไปยังผรู้ บั กำรเคำรพ พร้อมกบั ยกมอื ทำวนั ทยหัตถ์ กอ่ นถึงผูร้ บั กำรเคำรพ 3 ก้ำว ตำมองจับผู้รบั กำรเคำรพและหนั หน้ำตำมจนผ้รู บั กำรเคำรพ ผ่ำนพ้น ไปแลว 2 กำ้ ว ใหสะบัดหนำ้ กลบั พร้อมกบั ลดมอื ลงเอง ถำ้ ผู้รับกำร เคำรพอยูต่ รง หน้ำกป็ ฏิบตั โิ ดยไม่ตอ้ งสะบัดหนำ้ (รูปที่ 5) ในกำรหดั เมื่อผู้รับกำร เคำรพไม่เคล่อื นท่ีผำนก ใ็ หสะบัดหนำ้ กลบั พร้อมกับลดมอื ลงตำม คำบอกวำ “ มอื ลง”

กำรฝกบุคคลทำมอื เปลำ รปู ท่ี 5 ท่ำทำวขวำ,วันทยหัตถ์

กำรฝกบุคคลทำมือเปลำ 2. แลขวำแลซ้ำย-ทำ คำบอก “แลขวำ(ซำ้ ย) - ทำ“ กำรปฏบิ ตั ิ สะบดั หน ำไปทำงขวำ(ซ้ำย) ประมำณก่ึงขวำ(ซำ้ ย) ก่อนถึงผรู้ บั กำร เคำรพ 3 ก้ำว ตำมองจบั ตำผ้รู บั ควำมเคำรพหนั หนำ้ ตำมจนผรู้ ับกำร เคำรพผำ่ นพ้นไปแลว้ 2 กำ้ ว แลว้ สะบดั หนำ้ กลบั ทเ่ี ดิม (รปู ท่ี 6) ในกำร หดั เม่ือผรู้ ับกำรเคำรพไม่เคล่ือนทผ่ี ่ำน ก็สะบดั หน้ำกลับที่เดมิ ตำมคำ บอกวำ “แล-ตรง“

กำรฝกบคุ คลทำมือเปลำ หมำยเหตุ รูปที่ 6 ท่ำแลขวำ ทำแลขวำ (ซ้ำย) เป็นทำแสดงกำร เคำรพ เมือ่ ลูกเสอื อยใู่ นแถว มอื เปลำ หรอื ถือ อำวธุ ทท่ี ำทำวันทยำวธุ ไมไ่ ด้ และเปน็ ทำแสดงกำรเคำรพตำมลำพัง นอกแถวของลกู เสือในเมอ่ื ไม่ สำมำรถ แสดงกำรเคำรพตำมลำพงั นอกแถว ของลูกเสือในเมอื่ ไม่สำมำรถแสดงกำร เคำรพด้วย ทำ่ วนั ทยหตั ถ์ได้

ขอ้ แนะนำ สำหรับทำเคำรพ ก. กำรแสดงกำรเคำรพ ในเวลำเคลือ่ นที่แขนต้องไมแ่ กวงคงเหยียดตรง ตลอดปลำยนิว้ และห้อยอยู่ขำ้ งตวั (มือไมต่ ดิ ขำเหมอื นอย่ำงอยู่กับท)่ี ข. รศั มีแสดงกำรเคำรพ ถอื ระยะที่มองเห ็ นเครอื่ งหมำยหรือจำได้ เปน็ เกณฑ์ ค. ถำ้ เขำ้ แถวรวมกับลูกเสือ ถอื อำวุธเมอื่ ได้ ยนิ คำบอกวำ “ทำงขวำ (ทำงซ้ำย) ระวงั , วันทยำ –วุธ ” ให ทำทำแลขวำ(ซ้ำย)พรอ้ มกับผทู้ ่ีทำทำ วันทยำวธุ และทำทำ “แลตรง” เมื่อขำดคำบอกวำ “เรยี บ-อำวุธ” พร้อมกบั ผทู้ ท่ี ำทำเรยี บอำวธุ

ข้อแนะนำ สำหรบั ทำเคำรพ ง. ในเวลำเคลอื่ นท่ี เม่อื จะต องทำกำรเคำรพโดยวิธีหยดุ กอ่ นท่ีผู้รบั กำรเคำรพ จะมำ ถึง ระยะกำรแสดงกำรเคำรพให ทำทำหนั ในเวลำเดนิ ไปทำงทศิ ท่ีผูร้ บั กำร เคำรพจะ ผำ่ นมำ โดยหยุดชิดเท้ำอย่ใู นทำ่ ตรงแลว้ แสดงกำรเคำรพไปยังผู้รบั กำร เคำรพ เมอื่ เลกิ แสดงกำร เคำรพแลวให ทำทำหันไปในทศิ ทำงเดมิ และก้ำวเท้ำหลงั เคล่อื นที่ ตอไปโดยไมต่ ้องชดิ เท้ำ จ. ในโอกำสทผี่ รู้ บั กำรเคำรพอยู่กบั ทผ่ี ูแ้ สดงกำรเคำรพไม่ตอ้ งหยดุ แสดงกำร เคำรพ ฉ. กำรแสดงกำรเคำรพ ประกอบกบั กำรรำยงำน เชน ในหน ำทีเ่ วรยำม ให ว่ิงเขำ้ ไป รำยงำน และหยดุ แสดงกำรเคำรพห่ำงจำกผูร้ บั กำรเคำรพ 3 ก้ำว หลังจำก รำยงำนจบ หรือภำยหลงั จำกซกั ถำมเสร็จแลว้ (จำกวันทยหัตถ์ หรอื วันทยำวธุ ) ใหลดมือลด หรอื เรียบอำวธุ แลว้ ปฏิบัติหนำ้ ทต่ี อไป

ทำหันอยกู่ ับท่ี 1. ขวำหนั คำบอก “ ขวำ - หนั “ กำรปฏบิ ตั ิ ทำเปน็ 2 จงั หวะคือ จงั หวะ 1 เปิดปลำยเท้ำขวำและยกส้นเท้ำซำ้ ย ทนั ใดน้นั ให หนั ตัว ไปทำงขวำจน ได้ 90 องศำ หมุนเทำ้ ทงั้ สองไปโดยใหสน้ เท้ำและปลำย เทำซง่ึ เปน็ หลกั น้นั ตดิ อยกู่ บั พนื้ นำ้ หนกั ตัวอยทู่ ่ีเทำ้ ขวำขำซำ้ ยเหยียดตึง ปดส้นเทำ้ ซำ้ ยออกขำ้ งนอกพอตึง จงั หวะ 2 ชกั เท้ำซำ้ ยมำชิดเท้ำขวำในลักษณะท่ำตรงโดยเร็วและ แขง็ แรง (รูปที่ 7)

2. ซำ้ ยหัน คำบอก “ซ้ำย - หนั ” กำรปฏิบตั ิ ทำเปน็ 2 จงั หวะอยำ่ ง เดียวกับทำ่ ขวำหนั โดยเปลี่ยนคำ วำ “ขวำ” เปน็ “ซำ้ ย” รปู ที่ 7 ทำ่ ขวำหันอยู่กบั ท่ี

กลับหลงั หัน คำบอก “ กลบั หลงั -หนั “ กำรปฏบิ ตั ิ ทำเปน็ 2 จังหวะคือ จงั หวะ 1 ทำเชนเดยี วกับท่ำขวำหนั จังหวะ 1 แตห่ ันเลยไปจน กลบั หนำ้ เปน็ หลงั ครบ 180 องศำ และใหปลำยเทำ้ ซ้ำยไปหยดุ อยู่ ข้ำงหลงั เฉยี งซ้ำยประมำณครง่ึ กำ้ วและ ในแนวสน้ เท้ำขวำ จังหวะ 2 ทำเชนเดยี วกบั ท่ำขวำหนั จงั หวะ 2 (รูปที่ 8)

รปู ที่ 8 ทำ่ กลบั หลังหนั อย่กู ับท่ี(จงั วะหน่งึ )

รปู ที่ 8 ทำ่ กลบั หลังหนั อย่กู ับท่ฝี (จงั หวะสอง)

กง่ึ ขวำ(ซย) หนั คำบอก “ กึง่ ขวำ(ซ้ำย)-หนั “ กำรปฏิบตั ิ ทำเปน 2 จังหวะให เหมอื นกบั ขวำหัน ,ซ้ำยหัน แต่หนั ไปเพียง 45 องศำ 5. ท่ำเดิน 1. เดนิ ตำมปกติ คำบอก เดนิ ตำมปกติ กำรปฏิบัติ โนมน้ำหนักตวั ไปข้ำงหน้ำ พร้อมกบั ก้ำวเทำ้ ซ้ำยออกเดินก่อน ขำเหยยี ดตึง ปลำยเทำงมุ้ ส้นเท้ำสูงจำกพน้ื ประมำณ 1 คบื เมือ่ จะวำงเทำ้ และกำ้ วเท้ำตอไป ใหโนมนำ้ หนักตวั ไปขำ้ งหน้ำตบเต็มฝ่ำเท้ำอยำ่ งแขง็ แรง ทรงตัวและศีรษะอยู่ใน ท่ำตรงแกว่วงแขนตำมธรรมดำเฉียงไปขำ้ งหนำ้ และขำ้ งหลังพองำม เม่อื แกวง่ แขน ไปขำ้ งหนำ้ ขอ้ ศอกงอเลก็ น้อยเม่ือแกว่งแขนไปข้ำงหลงั ให แขนเหยียดตรงตำม ธรรมชำตหิ นั หลงั มอื ออกนอกตวั แบมอื ให นว้ิ มือเรยี งชิดตดิ กัน (รูปท่ี 9)

ควำมยำวของก้ำว 40-60 เซนติเมตร (นับจำกสน้ เท้ำ ถึงส้นเทำ้ ) รกั ษำควำมยำว ของ กำ้ ว ใหคงทอี่ ัตรำ ควำมเร็วในกำรเดนิ นำทีละ 90-100 ก้ำว รูปที่ 9 ทำ่ เดนิ ตำมปกติ

เดนิ ตำมสบำย คำบอก “ เดนิ ตำมสบำย“ กำรปฏิบตั ิ เปล่ียนจำกเดนิ ตำมปกตเิ ป็นเดนิ ตำมสบำย ระยะก้ำวเชนเดียวกบั กำรเดิน ตำมปกติ อัตรำควำมเรว็ ในกำรเดนิ นำทีละ 120-150 กำ้ วแตไ่ มต่ ้องรักษำทำทำง ให เครง่ ครัด ถ้ำเดินทำงเป็นหน่วยกไ็ ด้ ต้องเดนิ พรอ้ มพรำ้ ลกู เสอื อำจจะพดู กันได เวน้ แต่จะมี คำส่ังหำ้ ม ถ้ำจะเปล่ียนให เดนิ พร้อมกนั และ ใหกลับมำอยูใ่ นทำเดิน ตำมปกติใหใช คำบอกวำ “เดินเขำ้ ระเบยี บ” หรือจะบอกแถวหยุดเสยี กอ่ นแล้ว จึงบอกให ออกเดินทำงใหมก่ ไ็ ด้จำกท่ำเดนิ ตำมสบำยเม่ือจะบอกแถวหยุดจะตอ้ ง บอกให ลูกเสอื เดินเขำ้ ระเบียบเสียก่อนเสมอ

รปู ที่ 10 ทำ่ เดนิ ตำมสบำย

ทำ่ หยดุ คำบอก “แถว-หยดุ ” กำรปฏิบตั ิ ในขณะทกี่ ำลังเดินตำมปกติเม่ือได้ ยินคำบอกวำ “แถว-หยุด” ไมว่ ่ำเทำ้ ขำ้ งหนึง่ จะตกถึงพืน้ ก็ตำม ใหปฏบิ ัติเป็น 2 จงั หวะคอื จังหวะ 1 ก้ำวเท้ำตอไป อกี 1 กำ้ วจงั หวะ 2 ชักเทำ้ หลงั ไปชดิ เทำ้ หนำ้ ในลกั ษณะท่ำตรงอย่ำงแข็งแรง หมำยเหตุ 1. ทำ่ หยุดโดยธรรมดำผู้บอกแถวควรบอกให ตกเท้ำขวำ 2. เมอ่ื ใช คำบอกวำ “แถว” ลงเทำ้ ใดให บอกคำวำ “หยุด” ลงเท้ำน้ัน ในกำ้ วตอไป เชน บอก “แถว” ลงเทำ้ ขวำ เมื่อก้ำวเทำ้ ซำ้ ยตอไปและลงเท้ำขวำ อีกเปน็ คร้ังที่ 2 จึงบอกคำวำ “หยุด”

ทำวิ่ง 1.กำรวง่ิ คำบอก “วง่ิ ,หน ำ-วง่ิ ” กำรปฏบิ ัติ ออกว่ิงดว้ ยเทำ้ ซ้ำยก่อน วำงปลำยเท ำลงบนพนื้ งอเขำเลก็ น้อยโนมตวั ไป ข้ำงหนำ้ ขำหลังไมต่ ้องเหยยี ดตงึ ปลำยเทำยกสูงจำกพื้นพอสมควรพรอ้ มกนั นน้ั ยกมอื ขน้ึ เสมอรำวนม กำมอื และหันฝำมอื เข้ำหำตวั ยืดอกและศรี ษะตั้งตรงขณะ วิ่งแกวง แขนที่งอตำมจงั หวะก้ำวไดพ้ อสมควร (รปู ที่ 11) ควำมยำวของก้ำว 50-60 ซม. รกั ษำควำมยำวของกำ้ วให คงท่อี ตั รำควำมเร็วในกำรว่ิงนำทลี ะ 150-160 กำ้ ว


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook