Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ไทย

ไทย

Published by Guset User, 2022-12-03 10:05:46

Description: ไทย

Search

Read the Text Version

มหาเวสสนั ดรชาดก กณั ฑม์ ทั รี จดั ทาโดย นางสาวม่ิงขวญั ทองน่นุ ชนั้ ม.๕/๙ เลขท่ี ๒๐

คานา สมุดเล่มเล็กฉบบั น้ีจดั ทาขึ้นเพือ่ ให้ผูอ้ ่านท่ีสนใจศกึ ษาในหัวข้อเร่ืองมหา เวสสันดรชาดก ตอนกณั ฑม์ ัทรี ไดร้ บั ความรคู้ วามเข้าใจ โดยผ้จู ดั ทาไดเ้ รียบเรียง เน้ือหาไว้ทัง้ ในหวั ข้อประวัติผู้แต่ง ที่มาของเรือ่ ง เนื้อเร่ืองย่อ ลักษณะคาประพันธ์ ถอดความจาดเน้ือเร่ืองและข้อคิด เพอื่ ให้ผอู้ ่านได้ศกึ ษาเรื่องพระเวสสันดรชาดก ตอนกณั ฑม์ ัทรี ไดเ้ ข้าใจอย่างแจม่ แจง้ และลึกซ้งึ มากข้ึน ผู้จดั ทาหวังเป็ นอย่างยิ่งว่าสมุดเล่มเล็กฉบบั น้ี จะมอบความรู้ความเข้าใจ และประโยชน์ให้แก่ผูอ้ ่าน หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภยั มา ณ. ที่น้ี ผ้จู ดั ทา

สารบญั หน้ า เรือ่ ง ๑ ๒ ประวตั ิผูแ้ ต่ง ๓ -ประวัติ ส่วนตัว ๔ -การรบั ราชการ ๕ -ผลงาน ๗ ท่ีมาของเรอ่ื ง ๘ เนื้อเรือ่ งย่อ ๑๕ ลักษณะคาประพนั ธ์ ถอดความจากเน้ือเร่อื ง ข้อคิด

ประวตั ิผแู้ ต่ง เจา้ พระยาพระคลัง (หน) เจ้าพระยาพระคลงั (หน) เป็นกวีเอกคนหนึ่งในสมัยต้นรตั นโกสินทร์ มีนามเดิมว่า หน เกิดเม่อื ใดไมป่ รากฏหลกั ฐานแน่ชดั น่าจะอยู่ในชว่ งปลายสมยั กรุงศรีอยุธยา และถึงแก่ อสญั กรรม ในสมยั รชั กาลท่ี ๑ พ.ศ. ๒๓๔๘ ผลงานด้านวรรณคดีท่ีท่านได้แต่งไว้หลายเรื่อง ดว้ ยกนั เจ้าพระยาพระคลงั เป็นบุตรเจ้าพระยาบดินทรส์ รุ ินทรฦ์ ๅชยั (บุญมี) กับท่านผู้หญิง เจริญ มบี ุตรธิดาหลายคน ท่มี ีชอื่ เสยี งคือ เจ้าจอมพุ่ม ในรชั กาลท่ี ๒ เจ้าจอมมารดานิ่ ม พระ มารดาสมเดจ็ ฯ กรมพระยาเดชาดิศร (มงั่ ) ในรชั กาลท่ี ๒ นายเกต และนายพัด ซึ่งเป็ นกวี และครูพิณพาทย์ เป็นตน้ สกุล บญุ -หลง ๑

การรบั ราชการ มหี ลกั ฐานระบไุ ด้ว่า ท่านได้รบั ราชการมาตงั้ แต่สมยั กรุงธนบุรี มีบรร ดาศักด์ิเป็ น หลวงสรวิชิต ตาแหน่งนายดา่ นเมอื งอทุ ยั ธานี ครัน้ เมื่อถึงปลายรัชกาล ทเี่ กิ ดจลาจลใน พระนคร ทา่ นได้ลอบส่งคนนาหนงั สอื แจ้งเหตภุ ายในพระนครไปถวายสมเดจ็ เจ้าพระยา มหากษตั ริยศ์ กึ (ภายหลังคือ พระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้ าจุฬาโลก ) ซ่ึงกาลังยก กองทพั ไปตเี ขมรหลวงสรวิชิต (ในเวลานัน้ ) ออกไปรบั สมเดจ็ เจ้าพระยามหากษัตริ ย์ศึก ถงึ ทงุ่ แสนแสบ แล้วบอกข้อราชการต่าง ๆ จากนัน้ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริยศ์ ึกได้ เขา้ มาปราบเหตจุ ลาจลในพระนคร แล้วทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองราชยส์ มบตั ิ เป็ นปฐม กษัตริยแ์ ห่งราชวงศจ์ กั รี เม่ือเหตกุ ารณ์ในพระนครสงบเรียบร้อย พระเจ้าอยหู่ วั จึงทรง พระกรณุ าโปรดเกล้าฯ แต่งตงั้ ให้ทา่ นเป็นพระยาพิพัฒน์โกษา และในท่ีสุดเมอ่ื ตาแหน่ง เจ้าพระยาพระคลงั วา่ งลง ได้รบั พระกรณุ าโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนข้ึนเป็ นเจ้าพระยาพระ คลงั เป็ นเสนาบดีจตุสดมภ์กรมท่า มีหน้าท่ีควบคุมบังคบั บญั ชากิ จการทางหวั เมือง ชายทะเลทงั้ หมด เจ้าพระยาพระคลงั ทา่ นนี้นอกจากมีความสามารถในเชิงบริหารกิจการ บ้านเมอื ง และเป็นนักรบแล้ว ยงั มคี วามสามารถในเชิงอกั ษรศาสตร์เป็ นท่ียกยอ่ งว่าเป็ น กวฝี ี ปากเอก มสี านวนโวหารไพเราะ ทงั้ รอ้ ยกรองหลากหลายชนิด และสานวนร้อยแก้วที่ มีสานวนโวหารไพเราะไมแ่ พ้กัน ๒

ผลงาน แต่งในสมยั กรงุ ธนบรุ ี - ลิลิตเพชรมงกฎุ - อิเหนาคาฉันท์ แตง่ ในสมยั กรงุ รตั นโกสินทร์ - สามก๊ก (เป็นผู้อานวยการแปล) - ราชาธิราช (เป็นผู้อานวยการแปล) - กากีกลอนสภุ าพ - ร่ายยาวมหาชาติ กณั ฑก์ ุมารและกัณฑม์ ทั รี - ลิลิตพยุหยาตราเพชรพวง - โคลงสุภาษิต - กลอนและรา่ ยจารกึ เรอ่ื งสร้างภูเขาท่ีวดั ราชคฤห์ - ลิลิตศรีวิชยั ชาดก - สมบตั ิอมรินทรค์ ากลอน ๓

ทม่ี าของเรือ่ ง มาจากรา่ ยยาวมหาเวสสันดรชาดก ซ่ึงเป็ นชาดกเร่ืองท่ีย่ิงใหญ่ท่ีสุด โดยกล่าวถึง เรื่องราวของพระโพธิสตั วซ์ ึ่งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสนั ดร เดิมแต่งเป็ นภาษาบาลี ต่อมามี การแปลเป็นภาษาไทยในสมยั กรงุ สโุ ขทยั ต่อมาในสมยั สมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ โปรดเกล้ า ฯให้ปราชญร์ าชบณั ฑิตแต่งมหาชาติคาหลวง ซึ่งเป็ นมหาชาติสานวนแรก โดยมีจุดประสงค์ เพื่อใชส้ วด ในสมยั พระเจ้าทรงธรรม โปรดเกล้าใหแ้ ต่งกาพยม์ หาชาติ เพื่อใช้สาหรับเทศน์ แต่ เนื้อความในกาพยม์ หาชาติคอ่ นข้างยาว ไม่สามารถเทศน์ให้จบภายใน ๑ วนั จึงเกิ ดมหาชาติ ข้ึนใหมอ่ กี หลายสานวน เพื่อใหเ้ ทศน์จบภายใน ๑ วนั มหาชาติสานวนใหม่น้ีเรียกว่า มหาชาติ กลอนเทศน์ หรอื รา่ ยยาวมหาเวสสนั ดรชาดก ต่อมาในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าฯโปรดเกลา้ ฯให้มกี ารชาระและรวบรว ม มหาชาติกลอนเทศสานวนตา่ ง ๆ แล้วคดั เลอื กสานวนท่ีดีท่ีสุดของแต่ละกัณฑ์ นามาจัดพิ มพ์ เป็นฉบบั ของหลวง ๒ ฉบบั คือ ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ และ ฉบบั กระทรวงศกึ ษาธิการ ๔

เนื้อเรื่องย่อ พระนางมทั รฝี ันร้ายวา่ มบี ุรษุ มาทารา้ ย จึงขอให้พระเวสสันดรทานายฝั นให้ แต่ พระนางก็ยงั ไมส่ บายพระทัย ก่อนเข้าป่ า พระนางฝากพระโอรสและพระธิดากับพระ เวสสนั ดรใหช้ ่วยดูแล หลงั จากนนั้ พระนางมัทรีก็เสด็จเข้าป่ าเพ่ือหาผลไม้มาปรนนิ บัติ พระเวสสนั ดรและสองกุมาร ขณะทีอ่ ยู่ในป่ า พระนางพบว่าธรรมชาติผิดปกติไปจากท่ี เคยพบเหน็ เชน่ ตน้ ไมท้ เี่ คยมผี ลกก็ ลายเป็นตน้ ที่มีแตด่ อก ต้นท่ีเคยมีกิ่ งโน้มลงมาให้พอ เกบ็ ผลได้งา่ ย กก็ ลบั กลายเป็นตน้ ตรงสูงเก็บผลไม่ถึง ทงั้ ท้องฟ้ าก็มืดมิด ขอบฟ้ าเป็ นสี เหลอื งใหร้ ้สู กึ หวนั่ หวาดเป็นอยา่ งย่ิง ไมค้ านที่เคยหาบแสรกผลไม้ก็พลดั ตกจากบ่า ไม้ ตะขอทใ่ี ชเ้ กี่ยวผลไมพ้ ลดั หลุดจากมอื ย่ิงพาให้กังวลใจยิ่งขึน้ บรรดาเทพยดาทงั้ หลายต่าง พากันกงั วลวา่ หากนางมัทรีกลบั ออกจากป่ าเร็วและทราบเร่ืองที่พระเวสสนั ดร ทรง บริจาคพระโอรสและพระธิดาเป็นทาน ก็จะต้องออกติดตามพระกุมารทงั้ สองคืนจากชู ชก ๕

เนื้อเร่อื งย่อ (ต่อ) พระอินทร์จึงส่งเทพบริวาร ๓ องค์ให้แปลงกา ยเป็ นสัตวร์ ้าย ๓ ตวั คือราชสีห์ เสือ โครง่ และเสอื เหลือง ขวางทางไมใ่ หเ้ สดจ็ กลบั อาศรมได้ตามเวลาปกติ เม่ือล่วงเวลาดึก แล้วจึงหลกี ทางใหพ้ ระนางเสดจ็ กลบั อาศรม เม่ือพระนางเสดจ็ กลับถึงอาศรมไม่พบสอง กุมารกโ็ ศกเศร้าเสยี พระทยั เท่ยี วตามหาและร้องไห้ พระเวสสันดรทรงเห็นพระนางเศร้า โศก จึงหาวิธตี ดั ความทกุ ขโ์ ศกดว้ ยการแกลง้ กลา่ วหานางว่าคิดนอกใจคบหากับชายอื่น จึงกลบั มาถึงอาศรมในเวลาดึก เพราะทรงเกรงวา่ ถา้ บอกความจริงในขณะที่พระนางกาลงั โศกเศรา้ หนกั และกาลงั อ่อนล้า พระนางจะเป็นอนั ตรายได้ ในท่ีสุดพระนางมัทรีทรงร้องไห้ หาลกู จนสิ้นสติไป ครนั้ เม่อื ฟื้ นขึ้น พระเวสสนั ดรทรงเล่าความจริงวา่ พระองคไ์ ด้ประทาน กมุ ารทงั้ สองแก่ชชู กไปแล้วด้วยเหตุผลทจ่ี ะทรงบาเพญ็ ทานบารมี พระนางมัทรีจึงทรงค่อย หายโศกเศรา้ และทรงอนุโมทนาในการบาเพ็ญทานบารมีของพระเวสสันดรด้วย ๖

ลกั ษณะคาประพนั ธ์ แตง่ เป็นร่ายยาว มีพระคาถาภาษาบาลนี า และพรรณนาเน้ือความโดยมีพระคาถา สลบั เป็นตอน ๆ ไปจนจบกัณฑ์ คาประพนั ธป์ ระเภทร่ายยาว หน่ึงบทจะมีกี่วรรคก็ได้ แต่ ส่วนมากมี ๕ วรรคข้นึ ไป วรรคหน่ึง ๆ มตี งั้ แต่ ๖ คาขน้ึ ไป ถึง ๑๐ คาหรือมากกว่า มีบงั คับ เฉพาะร ะหว่างวรรค คือ คาสุดท้ายของวรรคจ ะส่งสมั ผสั ไปท่ีคาที่ ๑ ถึง ๕ ของวรร ค ต่อไป เม่ือจบตอนมกั มคี าสร้อย เชน่ “นนั้ แล” “น้ีแล” รา่ ยยาวมหาเวสสนั ดรชาดก เป็ นร่าย ยาวสาหรบั เทศน์ จะมีคาศพั ทบ์ าลีขนึ้ ก่อน แล้วแปลเป็ นภาษาไทย แล้วจึงมีร่ายตาม ใน ระหวา่ งการดาเนินเรื่องจะมคี าบาลคี นั่ เป็นระยะ ๆ คาบาลีนัน้ มีความหมายเกี่ ยวเน่ืองกับ ขอ้ ความท่ีตามมา รา่ ยยาว คือ ร่ายทไ่ี ม่กาหนดจานวนคาในวรรคหนึ่ง ๆ แต่ละวรรคจึงอาจมี คาน้อย มากแตกตา่ งกันไป การสมั ผสั คาสุดท้ายของวรรคหน้าสมั ผสั กับคาหน่ึงคาใดใน วรรคถดั ไป จะแต่งสนั้ ยาวเท่าไรเมอ่ื จบนิยมลงท้ายด้วยคาวา่ แล้วแล นัน้ แล นี้เถิด โน้นเถิด ฉะน้ี ฉะนัน้ ฯลฯ เป็นตน้ ๗

ถอดความจากเนื้อเรอ่ื ง เวลานนั้ พระนางมทั รีไดท้ รงเขา้ ไปหาผลไม้ในป่ า ก็ทรงหวนั่ กลวั เม่ือเห็นธรรมชาติ ผิดปกติไป กท็ รงคิดถึงลูกทงั้ สอง เดินไปก็เศร้าไปรอ้ งไห้ไป พอดูผลไม้ในป่ าจากที่เคยมีลูกก็ มีแตด่ อก ทงั้ ดอกไม้ท่พี ระนางเคยร้อยไปฝากลกู ทงั้ สอง ทอ้ งฟ้าก็แดงเป็ นสายเ ลือด มืดหมด ทงั้ แปดทิศ ผลไม้กย็ งั มาหลน่ จากมือ ย่ิงผิดสงั เกตเลยรบี ก้าวเท้าเดินโดยเรว็ มาถึงกลางทาง ก็ดนั มาเจอสตั วท์ งั้ สามตวั คอื พญาราชสหี ์ พญาเสอื เหลอื ง และพญาเสือโคร่ง ยิ่งร้องไห้ รอ เวลากค็ ิดวา่ ป่ านนี้ลกู คงคอย หากจะเดินไปทางอ่นื ก็ไกลมาก มีทัง้ ขอนไม้ ก้อนหินมากมาย เลยกราบไหวอ้ อ้ นวอนขอทางกลบั แล้วจะแบ่งผลไม้ให้สกั ครงึ่ เทพทงั้ สามที่แปลงกายมาเมอื่ ไดฟ้ ังแลว้ ก็เหน็ พระนางร้องไห้ก็หลีกทาง ให้ พระนาง รีบว่ิงไปแลว้ ร้องไหไ้ ปไมย่ อมหยดุ สกั พักก็ถึงอาศรม ถงึ ที่ที่ลกู ทัง้ สองเคยเล่นกัน เม่ือไม่เห็น ใจเริ่มหวนั่ เรียกหาก็ไมม่ ี พระนางทรงพรรณนาถงึ ความหลงั มากมายถึงลูกทงั้ สอง คิดว่าลูก จะสิ้นใจไปเสียแล้ว ๘

ถอดความจากเนื้อเรอื่ ง (ต่อ) เมื่อตรสั ถามพระเวสสนั ดรก็พูดไม่ใยดีสกั นิ ด คิดว่าคบชายอ่ืนแต่พระนางก็ไม่ถือ โกรธเพราะทงั้ ลูกและสามีลว้ นเป็นเพื่อนร่วมในยามยาก แตก่ ราบทูลเท่าไรพระสามี ก็ไม่ฟัง ไม่ตรสั ตอบแตค่ าเดียว จึงยิ่งทาให้พระนางมทั รียิ่งกลุ้มใจยิ่งขึ้น พระนางหนักใจเหลือเกิ น เหมือนคนเอาเหลก็ แดงมาแทงใจให้เจ็บใจจนทนไม่ได้ ทงั้ ลูกก็หายไป แม่แทบทนไม่ ไหว หากพระเวสสนั ดรไมใ่ ยดี เหน็ วา่ พระนางคงจะสิ้นใจอยใู่ นป่ าน้ีแล้ว เมื่อพระเวสสนั ดรทรงได้ฟังพระนางมทั รแี ลว้ จึงรีบคิดหาวิธีดับโศกให้ ว่าพระนางมี พักตรอ์ ันผุดผ่องเสมือนเอาทองเข้ามาทาบทับผิว เหมือนเป็ นนางฟ้ า ลงมา ใครเหน็ ก็ อยากจะชน่ื ชม พระองคเ์ ลยพดู กลา่ วโทษวา่ ไปลอบคบชายอืน่ แลว้ ยงั มามารยา เมื่อตอนเช้า ก่อนจะไปยงั ทาเป็นหว่ งใยลกู ไม่อยากจาก แตไ่ ปนานเพิ่งจะกลบั มาเอาป่ านนี้ หรือนางจะไป ติดใจผลไมด้ ี ๆ แล้วลืมลูกลืมสามี ช่างไม่รู้จริง ๆ กับใจหญิง หากเป็ นเหมือนเมื่อก่อนนัน้ ตอนทเ่ี ป็นกษัตริย์ พระนางก็คงไม่มีชีวิตอยู่ เพราะพระองคจ์ ะสัง่ ประหาร ร่างกายก็ขาด สะบนั้ ไปทนั ตาแลว้ ๙

ถอดความจากเนื้อเร่อื ง (ต่อ) ส่วนพระนางมทั รีเมอื่ ได้ฟังคาพระเวสสนั ดรก็ทรงเจ็บใจและหายทุกข์โศก ลงบ้าง แลว้ ก้มกราบบงั คมทลู พระเวสสนั ดรวา่ ที่พระนางมาช้าเพราะวา่ ภายในป่ าทงั้ ผล ไม้ ต้นไม้ พืชพรรณนานาชนิดมนั แปรปรวนหมด ทงั้ ป่ ามืดทงั้ แปดทิศ พระนางก็รีบวิ่งไม่หยุดหย่อน แต่กม็ าเจอสตั วร์ าชสีห์ และเสอื อีกสองตวั สกัดไว้ จนเวลาตะวนั ตกดินแล้วจึงมาได้พระ นางพยายามอธิบายและแสดงความจงรกั ภกั ดีต่อพระเวสสนั ดร ว่าพระนางเป็ นเพื่อนยาก ใหพ้ ระองคม์ าตลอดแล้วเหน็ ตรงไหนท่ผี ิดสังเกตบ้าง เมื่อไม่ว่าจะทุกข์ยากยังไงก็ทนหา ผลไม้ เขา้ ไปในป่ ากโ็ ดนขดุ ขวนจนเป็นร้ิวรอยเลือดไหล พระนางทรงรักสามีเหมือนดงั บิดา ของตน ไมเ่ คยคิดท่จี ะนอกใจ ดว้ ยพระคณุ พระกรุณาให้พระเวสสนั ดรทรงให้อภยั ความผิด ครงั้ น้ีของนางดว้ ย ๑๐

ถอดความจากเนื้อเรอื่ ง (ต่อ) เม่ือพระนางมทั รีทรงกราบทูลไปแล้วพระเวสสนั ดรก็ยังนิ่ งเฉยไม่กล่าวอะไร พระนางจึงออกอาการเศร้าโศก และกราบบงั คมออกมาเท่ียวตามหาพระกุมารทัง้ สองตามสถานที่ต่าง ๆ ราลึกถึงความหลงั เม่ือถึงสถานที่ตรงท่ีพระกุมารทงั้ สองเคย เล่นกัน ย่ิงมองป่ าจากท่ีเคยดาผดุ ดาว่ายอยู่ก็ไม่มี นกที่เคยบินลงจิกอาหารกไ็ ม่เห็น ทุกอย่างแปลกตาแปรปรวนไปทุกอย่างยิ่งทาให้ใจหาย ออกตามหาต่อเมื่อได้ยิ น เสียงอะไรก็คิดว่าเป็ นเสียงพระกมุ ารทงั้ สอง มองเห็นอะไรตะคุ่ม ๆ ก็คิดว่าจะเป็ น พระกมุ ารทัง้ สอง ทุกอย่างรอบกายท่ีได้ยินไดเ้ หน็ กค็ ิดว่าจะเป็ นลูกทัง้ สอง จงึ กล่าว ว่า เวลาป่ านน้ีจะดึกด่นื จนจะรงุ่ แล้วกไ็ ม่รู้เลย ลมพดั เรื่อย ๆ อกแม่เองกอ็ ่อนล้า ทงั้ ดาวเดือนก็ลบั ก่ิงไม้ลง ฝงู ลิงฝูงค้างกเ็ ที่ยวกลบั เกลือกอยู่มากมาย นกกเ็ งียบไปทุก รงั แต่ตวั แม่ยังคงเที่ยวตามหาลูกอยู่ในป่ าทุกหนแห่ง สุดแล้วสายตาท่ีแม่จะตามลกู ไปดูแล สุดที่จะได้ยินเสียง สุดปัญญาสุดค้นหาสุดที่จะคิดแล้วท่ีแม่จะได้พบลูกน้ อย แต่รอยสักนิ ดก็ไม่มี ลูกทัง้ สองเจ้าเอ๋ย หรอื ว่าเจ้าทงั้ สองจะสิ้นเสียแล้วเหมือนดงั ที่ แม่ไดฝ้ นั เมื่อคนื ๑๑

ถอดความจากเนื้อเรื่อง (ต่อ) เม่อื พระนางมทั รีทรงตามหาแลว้ จนทวั่ แหง่ ละ ๓ หน ก็ยังไม่เจอ ทรงหมดเรี่ยวแรง และเมอ่ื กลบั มาท่อี าศรมกเ็ หมือนจะสิ้นใจลงตรงนนั้ ทรงพรรณนาถึงลูกทัง้ สอง ทรงร้องไห้ ตลอดตงั้ แต่ตามหาก็ยงั ไม่หยดุ หากว่าพระนางรวู้ ่าลกู อยู่หนแห่งใดก็จะไปตามหาหรือลูก จะข้ามทะเลไปเขตแควน้ อื่นแล้ว หากแม่รู้แม่จะไปตามลูกด้วยเร่ียวแรงที่เหลือ เมื่อตอน เชา้ แม่ยงั ไดก้ อดจูบลกู อยู่ แตต่ อนน้ีไมเ่ หน็ เสียแล้ว ยามลูกทงั้ สองอยู่แม่กล่อมเจ้า แล้วต่อ แตน่ ี้แมจ่ ะกล่อมใครใหน้ ิทรา แม่คิดวา่ เจ้าจะไดเ้ ป็นเพื่อนยากกันยามหน้า แม่จะได้ฝากผี พึ่งลูกทงั้ สองคน แตเ่ จ้าก็ทิ้งแค่ชอ่ื ไว้ให้เปล่งออก แล้วสมควรหรือไงท่ีมาสลดั ทิ้งแม่ไปให้ แม่ต้องเสียใจ และจะส้ินใจเสียให้ เลยกราบบังค มทูลน้อมศีรษะลงต่อพระเวสสนั ดร เพ่ือทีจ่ ะไดร้ ู้ แล้วกราบบังคมลาเม่ือเท้าย่องย่างก็ไม่ไหวต่อร่างกายที่อ่อนล้า ร่างกาย หน้าตาง่วงงอ ทาให้พระนางไม่ไหว ไม่ทนั ได้บงั คมทูล พอพูดพระคุณเจ้าเอ๋ยแค่คาเดียว เทา่ นนั้ ก็ไมม่ ีเสียง ตาหลบั ร่างลงสลบตรงหน้าพระเวสสนั ดร ดงั่ พุ่มฉัตรทองถกู สายอสั นี ฟาดลงระเนนเอนแล้วก็ล้มลงตรงหน้าพระท่ีนงั่ พระเวสสนั ดรทนั ที ๑๒

ถอดความจากเนื้อเร่อื ง (ต่อ) เวลานนั้ พระเวสสนั ดรกท็ รงทอดพระเนตรเหน็ พระนางมัทรีสลบไป ก็คิดว่าพระนาง จะสิ้นใจแล้ว จึงพรรณนาวา่ บญุ ของพ่ีนี้น้อยนักเพ่ือนยาก เจ้ามาตายจากพี่ไปภายในวัด เจ้า จะเอาป่ าแหง่ น้ีเป็นป่ าชา้ จะเอาอาศรมหลงั นี้หรือเป็นบริเวณเมรุทอง จะเอาเสียงจักจัน่ และ เรไรมาเป็นกลองประโคมใน และแตรสงั ขเ์ ป็นพิณพาทย์ จะเอาเมฆหมอกเป็นเพดาน แล้วจ ะ เอาแสงพระจันทรห์ รอื มาเป็นแสงไฟประดบั ชา่ งน่านิจจามทั รีมาตายไร้ญาติอยู่ในป่ า เม่ือได้ ตงั้ สติลดโศกเศรา้ จึงพิจารณาก็รู้วา่ ยงั ไม่สิ้น จึงเอาผ้าเปี ยกมาประคบเพ่ื อให้ฟ้ื น ยกศีรษะ พระนางตงั้ บนตกั แลว้ ประคบเพื่อใหน้ างฟ้ื นตน่ื ขึ้นมา เมื่อพระนางมทั รีต่ืนขนึ้ มาเหน็ ตนนอนอยู่บนตกั พระเวสสนั ดร ก็เหน็ ว่ามิควร เลยรีบ ลกุ แลว้ ถดั ลงไป ก็ทรงทลู ถามพระเวสสนั ดรตอ่ ว่าลูกทงั้ สองอยู่ที่ไหน พระองค์ทรงเล่าให้ฟัง ว่า ไดใ้ ห้ทานแก่พราหมณ์เมอื่ วานน้ีแลว้ ขอใหพ้ ระนางจงอย่าโศกเศร้าไปเลย ให้ ศรทั ธาใน การทาทานครงั้ น้ี หากเรายงั มชี วี ิตอยูต่ อ้ งไดเ้ จอกันสกั วนั พระองคจ์ ะต้องให้ผู้ที่มาขอ ถึงแม้ จะมีผ้มู าขอเนื้อหนงั เลือด หรือจะเป็นดวงตา พระองคพ์ ร้อมท่ีจะให้ และถ้าหาก พระองคม์ ี เงินทองมากมาย หากมยี าจกมาไหวว้ อนขอก็จะให้เช่นกัน พระนางมัทรีจงช่วยอนุโมทนา ทานในครงั้ น้ีดว้ ย ๑๓

ถอดความจากเนื้อเรอื่ ง (ต่อ) พระนางมทั รีทรงถามวา่ เม่ือวานน้ีทาไมพระองคไ์ ม่บอกให้รู้ พระเวสสันดรจึง ตอบวา่ หากจะเล่าให้พระนางฟังกส็ ุดใจ มาจากป่ าไกลยงั เหนื่อยอยู่ และด้วยความรกั รอ้ นรนที่มตี ่อลกู ทีล่ กู ทงั้ สองไปไกลตา พระนางมทั รีเลยพูดต่อว่า พระกุมารทงั้ สองคน พระนางอตุ ส่าหถ์ นอมเลีย้ งดูมา ก็ขออนุโมทนาด้วยปิ ยบุตรทานบารมีด้วย ขอให้พระทยั พระองคจ์ งผอ่ งแผ้วอย่ามมี จั ฉริยธรรมอกศุ ลอยา่ ปนในพระทยั ของพระองค์ ๑๔

ข้อคิด ๑. ความรกั ของแมท่ ่ีมีตอ่ ลกู นัน้ ย่ิงใหญ่นัก พ ร ะ นา งมัทรีมีควา มรัก ในสองกุมา ร ย่ิ งนัก พ ร ะ นา งทุ่มเททัง้ ก า ลังก า ย กาลงั สติปัญญาท่มี ีเพื่อคน้ หาสองกุมารจนหมดสิ้นเรยี่ วแรง โดยมิได้พรนั่ กลวั ต่อภยนั ตราย เลยจนกระทงั่ หมดกาลงั และส้ินสติไปในที่สุด ๒. ผทู้ ป่ี รารถนาสิ่งต่าง ๆ อนั ยิ่งใหญจ่ ะตอ้ งทาดว้ ยความอดทนและเสียสละอันยิ่งใหญด่ ้วย เฉกเชน่ พระเวสสนั ดรท่ีทรงปรารถนาพระโพธิญาณ จึงต้องทรงบาเพ็ญบุตรทานท่ี ถือว่าเป็นทานทส่ี งู สง่ พระองคต์ ้องทรงตดั ความอาลยั รกั ที่มีตอ่ พระลูกรกั ทงั้ สอง ทงั้ ยังทรง ตอ้ งตดั ความรกั ความสงสารที่มีต่อพระมเหสีมทั รดี ้วย ทงั้ ๆ ที่ในพระทยั นั้นต้องเจ็บปวด ยิ่งนกั เพราะไหนจะทรงห่วงใยพระลูกรกั และยงั ตอ้ งเสแสร้งแกล้งทาเป็ นตัดพ้อต่อว่าพระ นางมทั รีด้วยการกลา่ วบริภาษทรี่ นุ แรง และยงั ต้องทรงทนทาเฉยเมยไม่แยแสกับการตดั พ้อต่อวา่ ของพระนางมทั รีดว้ ย ๑๕

ขอ้ คิด (ต่อ) ๓. ความซื่อสตั ยร์ ะหว่างสามีภรรยาทาใหช้ ีวิตครอบครัวมคี วามสุข เฉกเช่นพระนางมทั รมี คี วามจงรกั ภกั ดตี อ่ พระเวสสันดรยิ่งนัก ไม่ว่าพระเวสสนั ดร จะทรงกลา่ วบริภาษพระนางอย่างรนุ แรงก็ตาม ทงั้ ยงั กลา่ วชี้แจงเหตุผลตามความเป็ นจริง อีกด้วย ๔. ผู้มีปัญญาย่อมแก้ไขเหตกุ ารณ์เฉพาะหน้าได้ดี เหน็ ได้จากพระเวสสนั ดรท่ที รงมีปฏิภาณไหวพริบเป็ นเย่ียมในการแก้ปัญหาเฉพาะ หน้า พระองคจ์ ึงทรงเบีย่ งเบนความคิดและอารมณ์ทกุ ขโ์ ศกของพระนางด้วยการทาเป็ นตัด พ้อต่อว่าด่าทอท่ีพระนางมัทรีทาให้พ ระนางมัทรีบรรเทาความทุกข์โศก ลง ครัน้ พร ะ เวสสนั ดรทรงเหน็ พระนางสรา่ งโศกแล้วจึงทรงเลา่ ความจริงใหฟ้ ัง ๕. การบริจาคบตุ รทานบารมี เป็นสิ่งท่ยี ากยิ่งทใี่ ครจะกระทาไดง้ ่าย ๆ เฉกเชน่ พระเวสสนั ดรที่ทรงกระทาด้วยการให้บุตรทงั้ สองแก่ชูชกทงั้ ๆ ท่ี ทรงรู้ว่าชู ชกจะนาไปเป็นขา้ รบั ใช้ พระองคก์ ย็ งั มีพระทยั อนั แน่วแน่ทจ่ี ะทรงกระทา และ อีกทงั้ พระนาง มทั รเี มื่อทรงทราบวา่ พระเวสสนั ดรได้ทรงบาเพ็ญทานดังกล่าว พระนางก็ยังทรงยิ นดีร่วม อนโุ มทนาดว้ ยอกี ๑๖


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook