เอกสารประกอบการเรยี นรู้ ภาคเรยี นท่ี ๒ ระดบั ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๕ รายวชิ าภาษาไทย ๔ (ท๓๒๑๐๒) จดั ทาโดย นางสาวสภุ ลกั ษณ์ พลเรอื ง กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย โรงเรียนราชสมี าวทิ ยาลยั อาเภอเมอื ง จงั หวดั นครราชสีมา
วรรณคดสี มัยอยุธยา ( ตอนปลาย ) เร่ิมต้งั แต่รัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศจนเสียกรุงใน พ.ศ. ๒๓๑๐ วรรณคดีสาคญั คือ นาฏวรรณคดี เป็ นวรรณคดบี ทละคร ซ่ึงใช้สาหรับแสดงให้คนชม การละครรุ่งเรืองมากในรัชสมยั พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระเจ้าอยู่หวั บรมโกศ( สมเดจ็ พระบรมราชาที่ ๓ ) พระนามเดมิ ว่า เจ้าฟ้าพร ทรงดารงตาแหน่ง สมเดจ็ พระบัณฑูรน้อย ในสมัยสมเด็จพระศรีสรรเพชญ์ที่ ๘ (พระเจ้าเสือ หรือขุนหลวงสรศักด์)ิ พระราชบดิ า และทรงเป็ นพระอนุชาของพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระก่อนครองราชย์ สมบตั ทิ รงดารงตาแหน่ง พระมหาอปุ ราช เม่ือพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระสวรรคต เจ้าฟ้าอภัยราชโอรสเสวยราชสมบตั ิ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงไม่ยินยอม เม่ือรบชนะทรงจบั เจ้าฟ้าอภัยประหารด้วยท่อนจันทน์และขนึ้ ครองราชย์ พระองค์ทรงเอาพระทยั ใส่ในการศึกษาของเด็ก ใครจะทางานต้องมีความรู้ครบสองทาง คอื ทางโลกและทางธรรม ผู้คนจึงสนใจเรียนหนังสือกนั มาก วิชาทางโลก คอื วิชาสามญั เป็ นความรู้ทางหนังสือ เลขคณติ ส่วนวิชาทางธรรม คอื ความรู้ทางพระพุทธศาสนาเรื่อง พระธรรมวนิ ัย พระไตรปิ ฎก ภาษาบาลี ข้าราชการส่วนใหญ่ผ่านการบวชเรียน หลายพรรษา โคลงชะลอพระพุทธไสยาสน์ ผู้แต่งพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงดารงพระอสิ ริยยศเป็ น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมพระราชวงั บวรสถานมงคล จดุ มุ่งหมายเพ่ือบนั ทึกเหตกุ ารณ์และวธิ ีการทสี่ ามารถชะลอพระพทุ ธไสยาสน์องค์ใหญ่และเฉลมิ พระเกยี รติ ลักษณะคาประพันธ์ โคลงส่ีสุภาพ เนื้อเรื่อง การชะลอพระพทุ ธไสยาสน์วัดป่ าโมกข์ เมืองอ่างทอง เพราะนา้ กัดเซาะตลิง่ พังเกือบถงึ พระวหิ าร พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระโปรดเกล้าฯ ให้พระราชสงครามทาการชะลอพระพทุ ธรูปให้พ้นนา้ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศซึ่งเป็ น พระมหาอปุ ราชทรงทดั ทาน เพราะเกรงว่าพระพุทธรูปจะชารุด แต่พระราชสงครามอาสาทาการจนสาเร็จ โดยวิธีเซาะ ใต้ฐานพระพทุ ธรูปใช้ตะเฆ่รอง เพื่อชักลากองค์พระท้งั สองข้างแล้วปราบดินให้เรียบ ป่ าวร้องให้ข้าราชการและชาวบ้าน ช่วยกนั จนสาเร็จ แล้วสร้างพระวหิ ารการเปรียญ อุโบสถ เจดีย์ กฏุ จิ นครบถ้วนและอัญเชิญพระพทุ ธรูปปางต่างๆ มาประดิษฐาน และขอให้ช่วยอภบิ าลสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระให้ทรงปลอดภยั จากอันตรายท้ังปวง คุณค่า ๑. ด้านอกั ษร ใช้คาพรรณนาทาให้เกิดศรัทธาในพระพทุ ธศาสนา ๒. ด้านประวัตศิ าสตร์ การบูรณปฏสิ ังขรณ์ปูชนยี วตั ถุ เป็ นหลักฐานทางโบราณคดี สถาปัตยกรรม ๓. ด้านวัฒนธรรม ความสามคั คจี ากการร่วมมือร่วมใจในการบาเพญ็ ประโยชน์เพ่ือส่วนรวม โคลงนิราศเจ้าฟ้าอภัย หรือ โคลงนิราศ ผู้แต่งเจ้าฟ้าอภัย พระราชโอรสในสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ จุดมุ่งหมาย เพ่ือพรรณนาความรู้สึกที่ต้องจากนางผู้เป็ นท่ีรักไปเมืองลพบุรี ลักษณะคาประพนั ธ์ โคลงสี่สุภาพ
หน้า ๒ ท ๓๒๑๐๒ เนื้อเรื่อง การเดนิ ทางจากกรุงศรีอยุธยาไปลพบุรี ระหว่างทางพรรณนาความรู้สึกอาลัยอาวรณ์ทต่ี ้องจากนาง ไปเมืองลพบรุ ี ผ่านทุ่งสมอคอน วังวารและบวงสรวงเทพารักษ์ คุณค่า ๑. ด้านอักษร สานวนไพเราะ ๒. ด้านสังคมและวฒั นธรรม ความเชื่อเรื่อง การบนบานศาลกล่าว การบวงสรวงสิ่งศักด์สิ ิทธ์ิ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ พระนามเดมิ เจ้าฟ้าก้งุ ทรงเป็ นพระโอรสองค์แรกในพระเจ้าอยู่หวั บรมโกศและสมเดจ็ พระพนั วสั สาใหญ่ เมื่อพระราชบดิ าขนึ้ ครองราชย์ทรงสถาปนาต้งั เป็ น เจ้าฟ้ากรมขุนเสนาพิทกั ษ์ (พระองค์ทรงใช้พระแสงดาบไล่ฟัน กรมขนุ สุเรนทรพทิ กั ษ์พระราชนัดดาในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศซึ่งดารงเพศเป็ นภกิ ษุ จนจีวรขาดว่นิ ) พระองค์ทรงหนี ไปผนวช ณ วัดโคกแสง เพื่อให้พ้นพระราชอาญาและทรงนิพนธ์หนังสือเกยี่ วกับศาสนา ๒ เรื่อง คือ นันโทปนันทสูตร คาหลวงและพระมาลัยคาหลวง เม่ือได้รับพระราชทานอภยั โทษ ทรงลาสิกขาบทจากสมณเพศทรงดารงตาแหน่ง พระมหาอปุ ราช ต่อมาพระราชวงั ทป่ี ระทบั เกดิ เพลงิ ไหม้ จงึ เสด็จไปประทับทวี่ งั หลวงและทรงลักลอบเป็ นชู้กับ เจ้าฟ้าสังวาล พระสนมในพระราชบดิ าของพระองค์ เป็ นเหตุให้ต้องพระราชอาญาถูกโบยจนสิ้นพระชนม์ พระองค์ ทรงนิพนธ์ร้อยกรองเชิงพิศวาสได้ไพเราะจับใจ เช่น เพลงยาว กาพย์เห่เรือ กาพย์ห่อโคลงนิราศพระบาท กาพย์ห่อ โคลงประพาสธารทองแดง นันโทปนันทสูตรคาหลวง ผู้แต่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ จดุ มุ่งหมาย เพื่อแสดงพุทธประวตั ิ หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา พระองค์ทรงสานึกผดิ ท่ีทรงใช้พระแสง ดาบฟันพระภิกษุและให้บณั ฑิตอ่าน ลักษณะคาประพันธ์ ร่ายยาวและโคลงกระทู้เดิมเป็ นภาษาบาลีในพระสูตรฑีฆนิกาย พระมหาพทุ ธสิริเถระแต่ง เนื้อเรื่อง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับ ณ เชตวันมหาวิหาร อนาถบณั ฑิก เศรษฐีผู้สร้างเชตวันมหาวหิ าร ทูลอาราธนาพระพทุ ธองค์และพระสงฆ์สาวก ๕๐๐ รูป ไปรับบิณฑบาตทีบ่ ้านเศรษฐี เวลาใกล้รุ่งก่อนเสด็จพระพุทธ องค์ทรงคานึงในพระญาณว่า พระยานันโทปนันทนาคราช (บางท่านสันนิษฐานว่าเป็ นชื่อของชนเผ่าหน่ึงมากกว่า พญานาค)ควรได้รับรสพระธรรม แต่พญานาคยงั มีมิจฉาทิฐิ จะต้องคลายพยศก่อนทรงนาพระสงฆ์สาวก ๕๐๐ รูป เหาะข้ามวมิ านทอ่ี ยู่ของพญานาค พญานาคโกรธมากตามไปถึงเขาพระสุเมรุพร้อมบริวาร เนรมติ กายใหญ่ แผ่พังพาน ปกคลุมท้องฟ้าจนมืดมัว พระพทุ ธองค์โปรดให้พระโมคคลั ลาน์เหาะไปทรมานให้เปลยี่ นทิฐิเดมิ แล้วน้อมนาให้เล่ือมใส ในพระพทุ ธศาสนา เม่ือพญานาคเกรงกลัวฤทธ์แิ ล้วก็นามาเฝ้าพระพทุ ธเจ้า พระพุทธองค์ประทานศีล ๕ข้อให้นาไป ประพฤติปฏิบตั ิแล้วเสดจ็ นาสาวกไปบ้านของอนาถบัณฑิก คณุ ค่า ๑. ด้านอักษร มศี ัพท์บาลี สันสกฤตและคาเขมร การใช้ถ้อยคาและใช้คาแผลงได้ไพเราะ เห็นภาพพจน์ ๒. ด้านศาสนา ความรู้เกยี่ วกบั ประวตั พิ ระพุทธเจ้าและพระอัครสาวก
หน้า ๓ ท ๓๒๑๐๒ พระมาลัยคาหลวง ผู้แต่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ จดุ ม่งุ หมาย เพ่ือแสดงอานิสงส์การประกอบกรรมดี บญุ กศุ ลส่งให้พานพบพระศรีอาริยเมตไตรย เดิมใช้สวด ในพธิ ีแต่งงาน เมื่อเจ้าบ่าวไปนอนเฝ้าหอ สวดเพื่อส่ังสอนความประพฤตขิ องผู้ครองเรือนให้มีสัมมาทฐิ ิ ต่อมาใช้สวด ในงานศพ ลักษณะคาประพนั ธ์ยกคาบาลที ่มี ใี นต้นฉบบั เดิมต้งั ก่อน เรียกว่า เดนิ คาถา แล้วแต่งเป็ นภาษาไทยแปล ให้ตรงตามความในบาลีบ้าง ขยายความให้กว้างออกไป มีร่ายสุภาพ บางตอนกล้ายกาพย์ยานีและโคลงส่ีสุภาพ เนื้อเร่ือง มที ่ีมาจาก คมั ภีร์มาลยั สูตร (มาเลยยสูตร)พระชาวลงั กาแต่งไว้สมยั พระเจ้าปรักกรมพาหุ แห่งเมือง ลังกา ต่อมาพระชาวลานนา ชื่อ พระพทุ ธวิลาส แต่งขยายความเป็ นภาษาบาลี ช่ือว่า ฎกี ามาลยั สูตร กล่าวถงึ พระมาลยั ผู้เป็ นอรหันต์อาศัยอยู่ที่โรหนชนบท มีฤทธ์ิเสมอพระโมคคลั ลาน์ มีความเมตตากรุณาหวังให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์ ท่านแทรกแผ่นดนิ ลงไปโปรดสัตว์ในนรกและนาเรื่องความทกุ ข์ทรมานของสัตว์นรกมาเล่าให้ญาติฟัง เพื่อให้ทาบุญ ส่งไปให้ พระมาลยั เดินบิณฑบาต พบชายผู้มีความกตญั ญู เขาถวายดอกบวั (ภายหลงั เขาตายไปได้เกิดเป็ นเทวดา บนสวรรค์ช้ันดาวดึงส์) ต่อจากน้ันท่านนาดอกบวั ไปบูชาพระเจดยี ์จฬุ ามณบี นสวรรค์และพบพระศรีอาริยเมตไตรย พระศรีอาริย์ ได้เทศนาให้พระมาลยั ฟังว่า พระองค์เสดจ็ ประกาศศาสนา หลงั จากศาสนาของพระสมณโคดมสิ้นสุดลง ๕.๐๐๐ ปี ผู้ใดเกดิ ทันในศาสนาของพระองค์จะต้องทาบุญต่าง ๆ เช่น การฟังเทศน์คาถาพนั ให้จบครบ ๑๓ กณั ฑ์ บาเพ็ญเพยี รและฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์ พระมาลยั ได้กราบลาพระศรีอาริย์ เพื่อมาบอกเล่าแก่มนุษย์โลก คุณค่า ๑. ด้านอักษร ใช้ถ้อยคาสานวนเข้าใจง่าย บทพรรณนานรกและสวรรค์ละเอยี ดพิสดาร เกดิ จินตนาการ และเห็นภาพ ๒. ด้านสังคม ศาสนามีอทิ ธิพลต่อจิตใจคนไทย สร้างความสงบสุข ความเมตตากรุณาให้เกดิ ในสังคม ผู้คนทาความดเี พราะอยากไปสวรรค์ ประเพณกี ารทาบุญกศุ ลของชาวไทยมพี ลงั เข้มแข็งมาก ๓. ด้านอิทธพิ ลต่อกวยี ุคหลงั เป็ นตัวอย่างแก่กวรี ุ่นหลงั ในการเขยี นหนังสือเก่ยี วกับพทุ ธศาสนา โดย อ้างเร่ืองบาป บญุ คุณ โทษและด้านจิตรกรรม เก่ียวกับพระมาลยั ตามโบสถ์วหิ าร กาพย์เห่เรือ ผู้แต่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ จุดมุ่งหมาย เพื่อใช้สาหรับขับเห่ ในขบวนเรือพระท่ีน่ังเวลาเสดจ็ โดยชลมารค (ทางน้า) ลักษณะคาประพันธ์ กาพย์ห่อโคลง โดยมีโคลงส่ีสุภาพนา ๑ บท เรียกว่า โคลงเกร่ินและกาพย์ยานีขยายความ กาพย์เห่เรือ เป็ นกาพย์สาหรับฝี พายเห่ในกระบวนเรือเสด็จในงานพระราชพธิ ี หรือ เสดจ็ ประพาส การเห่เรือ เป็ นการขบั ร้อง เป็ นทานองในเวลาพายเรือ เพื่อเป็ นเคร่ืองเพลดิ เพลิน ผ่อนแรงและเกดิ จงั หวะในการพายพร้อม ๆ กัน
หน้า ๔ ท ๓๒๑๐๒ ไทยได้แบบแผนการเห่เรือมาจากอินเดยี การเห่เรือ มี ๒ แบบ คือเห่เรือหลวง เป็ นการเห่ในพระราชพิธี โดยเฉพาะ การสงคราม เพ่ือให้ได้รับชัยชนะและการเห่เรือเล่น เป็ นการเห่เรือของชาวบ้านท่วั ไป เนื้อเรื่อง กล่าวถงึ ขบวนเรือพยหุ ยาตราทางชลมารค เช่น เรือพระทนี่ ั่งสมรรถไชย ไกรสรมขุ สุพรรณหงส์ เรือชัยและเรือท่มี ศี ีรษะเป็ นรูปสัตว์ต่าง ๆ เช่น เรือครุฑ เรือนาค เรือมังกร เรือคชสีห์ เป็ นต้น บทชมธรรมชาติ อนั มี ปลา นก ต้นไม้ เนื้อความทานองนริ าศ เมื่อกล่าวถึงนกใด ต้นไม้ใดกต็ ้องคร่าครวญถึงความรักอันมตี ่อนางทรี่ ักด้วย ตอนท้ายมบี ทเห่เรื่อง กากี โดยพญาครุฑเป็ นชู้กบั นางกากี อุ้มนางเหาะไปวิมานฉมิ พลี บทเห่สังวาสและเห่ครวญ คุณค่า ๑. ด้านอักษร เป็ นกาพย์เห่เรือเรื่องแรกของไทยและได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่า เป็ นยอดแห่ง กาพย์เห่เรือ ใช้ถ้อยคาท่มี ีอรรถรสไพเราะ โวหารพศิ วาสซาบซึ้งใจพรรณนาความละเอียดถงึ ธรรมชาติได้สมจริงและ โยงเข้าสู่ความรักได้สอดคล้องกนั ๒. ด้านวฒั นธรรม ให้ความรู้เร่ือง ความงามของพระราชพธิ ีเห่เรือ ขบวนเสด็จทางชลมารค ๓. ด้านอทิ ธพิ ลต่อกวยี คุ หลงั กาพย์เห่เรือยคุ หลงั เช่น กาพย์เห่ชมเคร่ืองคาวหวานในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหล้านภาลัย กาพย์เห่เรือในพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กาพย์เห่เรือในพระบาทสมเด็จ พระมงกฎุ เกล้าเจ้าอยู่หวั และของ น.ม.ส. ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากกาพย์เห่เรือในเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร กาพย์ห่อโคลงนิราศพระบาท หรือ กาพย์ห่อโคลงนิราศ หรือ นิราศธารโศก ผู้แต่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ จุดมุ่งหมาย เพ่ือบนั ทกึ การเดนิ ทางและราพนั ถึงหญิงคนรัก เม่ือตามเสดจ็ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศไปนมสั การ พระพทุ ธบาท ลักษณะคาประพนั ธ์ กาพย์ห่อโคลง โดยใช้กาพย์ยานสี ลบั กบั โคลงส่ีสุภาพ เนื้อเรื่อง พรรณนาการจากบ้านและความงามของนางอนั เป็ นทรี่ ัก พรรณนาตามระยะเวลา เม่ือราลึกถงึ เวลาท่ี กวีเคยอย่ใู กล้ชิดกบั หญิงคนรัก ราพันเป็ นโมงยาม วนั ฤดู เดือน ปี จนครบรอบปี คล้าย ๆ กับโคลงทวาทศมาส พรรณนาขบวนแห่ ชมพระสนม ชมไม้ ชมนก ชมปลา กล่าวถึงพระรามและนางสีดาทท่ี รงพลดั พรากจากกันแล้วได้ พบกนั อกี ส่วนตนจากกันแล้วเมื่อไรจะได้พบกนั อีก ตอนท้ายบอกไว้ว่าเจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไม่ได้จากนางไปจริง เป็ น การพรรณนาตามจินตนาการท่ตี ้องจากนางไป โดยใช้ความคดิ และอารมณ์โศกของกวี คุณค่า ๑. ด้านอกั ษร ใช้ถ้อยคา สัมผสั และบทอปุ มาท่ไี พเราะจนได้รับความนิยมยกย่องและเป็ นนิราศ แบบกาพย์ห่อโคลงเร่ืองแรกของไทย ๒. ด้านความรู้ เร่ือง ธรรมชาตวิ ิทยาท้ังของสัตว์และต้นไม้ ประเพณแี ละวฒั นธรรมเช่น พระราช พิธีเสด็จทางชลมารค การแต่งกายของสตรีโบราณและความเป็ นอยู่ของคนสมยั น้ัน กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง ผู้แต่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์
หน้า ๕ ท ๓๒๑๐๒ จุดมุ่งหมาย เพื่อบนั ทกึ การเสด็จทางสถลมารค (ทางบก) จากท่าเจ้าสนุกถงึ ธารทองแดง ซ่ึงเป็ นธารนา้ สายเลก็ มที ่อทองแดงขนาดใหญ่ไว้ทดนา้ ในป่ าท่ีรื่นรมย์บริเวณพระพุทธบาท มพี ระตาหนักธารเกษม สร้างสมัยสมเดจ็ พระเจ้า ปราสาททอง เป็ นทพ่ี ระมหากษัตริย์โปรดเสดจ็ ประพาส ต้งั แต่ค้นพบพระพทุ ธบาทในสมยั พระเจ้าทรงธรรม ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กาพย์ห่อโคลง โดยใช้กาพย์ยานีสลบั กบั โคลงสี่สุภาพ เนื้อเรื่องกล่าวถงึ ขบวนเสด็จพยุหยาตราทางสถลมารค ประกอบด้วย ช้างทรง เครื่องสูง จาตุรงคเสนาและหมู่ นางสนมกรมชะแม่ นางห้าม ทเ่ี ดนิ ทางไปพระพุทธบาท พรรณนาสัตว์ป่ าสัตว์น้า พันธ์ุไม้ ลาธาร ปลา ความรื่นรมย์และชมธรรมชาตอิ ย่างละเอยี ด คณุ ค่า ๑. ด้านอักษร การเล่นคา สัมผสั ไพเราะมาก พรรณนาละเอยี ดลออเห็นภาพพจน์ ๒. ด้านความรู้ เร่ือง ขบวนเสดจ็ ทางสถลมารค เช่น ขบวนช้าง เคร่ืองสูงและบริวาร การแต่งกายของสตรี สมยั น้ัน ด้านธรรมชาตวิ ิทยา เกี่ยวกบั ความเป็ นอยู่ของสัตว์แลพนั ธ์ุพืช เป็ นสิ่งทม่ี ีคณุ ค่ามาก ๓. ด้านสังคม สภาพชีวิตความเป็ นอยู่ของผู้คนสมยั น้ัน เช่น การอาบนา้ ทที่ ่านา้ (เหมือนคนไทยใน ชนบทสมยั ปัจจบุ ัน) แล้วทาขมนิ้ ชัน ซึ่งเป็ นเคร่ืองประทนิ ผิว หรือเคร่ืองสาอางในสมยั น้ัน การให้เกียรติสตรี เพลงยาวเจ้าฟ้ากุ้ง ผู้แต่ง เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐ์สุริยวงศ์ จุดมุ่งหมาย เพ่ือแสดงความรักระหว่างชายกบั หญิง นัยว่า เจ้าฟ้าก้งุ ทรงนิพนธ์ถงึ เจ้าฟ้าสังวาลและเจ้าฟ้าน่ิม ลักษณะคาประพนั ธ์ กลอนแปด หรือ กลอนเพลงยาว ในสมยั น้ันเพลงยาวใช้เป็ นสื่อของความรัก หรือ แสดงความรู้สึกนึกคดิ ของกวี โดยขนึ้ ต้นทวี่ รรครับ (วรรคที่ ๒) ของกลอน เนื้อเร่ือง แสดงความรักท่มี ีต่อนางอย่างสุดซึ้ง คร่าครวญวิงวอน โหยหาให้หญงิ ปลงใจรักและราพงึ ราพนั ความต่าต้อยของตนท่ีอาจเออื้ มไปใฝ่ ปองหญิงสูงศักด์ิ เป็ นทานองตัดพ้อชีวิตนีค้ งไม่มวี าสนาเป็ นแน่แท้ คณุ ค่า๑. ด้านอกั ษรได้รับยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่า เป็ นยอดแห่งกลอนเพลงยาว แต่งไพเราะโลดโผนแสดง ถึงอารมณ์ทรี่ ้อนแรงและจริงจงั ตามประสาชายหนุ่ม ๒. ด้านศาสนา ชาวไทยเชื่อเรื่อง บุพเพสันนิวาส คนทไ่ี ด้ครองคู่กัน อาจจะเคยเป็ นเนื้อคู่กนั มาก่อน การได้คุ้นเคย ช่วยเหลือเกือ้ กลู กันมา ได้ทาบุญร่วมกันมา ได้ร่วมทกุ ข์ร่วมสุข ทาให้เป็ นคู่ชีวิตกนั เจ้าฟ้ากุณฑลและเจ้าฟ้ามงกฎุ เจ้าฟ้ากณุ ฑลและเจ้าฟ้ามงกฎุ ทรงเป็ นพระธิดาในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศและเจ้าฟ้าสังวาลพระองค์ทรงมี นางข้าหลวงชาวมลายูเล่าเร่ือง นิทานปันหยี ถวาย ท้ังสองพระองค์โปรดทรงเห็นว่า เป็ นเรื่องสนุก ทรงนาปรับปรุง ทรงนิพนธ์เป็ นบทละครเจ้าฟ้ากณุ ฑลทรงนิพนธ์เรื่อง ดาหลัง หรือ อเิ หนาใหญ่ ส่วนเจ้าฟ้ามงกฎุ ทรงนิพนธ์เร่ือง อเิ หนา หรือ อิเหนาเลก็ ท้งั สองเร่ืองมโี ครงเรื่องคล้าย ๆ กัน คอื อิเหนาไปหลงรักหญงิ อ่ืน แทนทจี่ ะรักคู่ตนุ าหงัน (คู่หม้ัน) ของตน ทาให้เกิดเหตุว่นุ วาย
หน้า ๖ ท ๓๒๑๐๒ ดาหลงั และอเิ หนา ผู้แต่งเจ้าฟ้ากณุ ฑล ทรงนิพนธ์ ดาหลงั (อิเหนาใหญ่) และเจ้าฟ้ามงกฎุ ทรงนพิ นธ์ อเิ หนา (อิเหนาเล็ก) จุดมุ่งหมาย เพื่อใช้แสดงละครใน ซึ่งขณะน้ันเป็ นทนี่ ิยม ลักษณะคาประพนั ธ์ กลอนบทละครท้งั ๒ เร่ือง (สมเด็จพระเจ้าบรมเธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า สมยั น้ันพระจ้าอยู่หัวบรมโกศโปรดทอดพระเนตรละคร ซ่ึงเพง่ิ มกี ารแสดงละครไม่นานนัก) เนื้อเร่ือง ดาหลัง หรือ อเิ หนาใหญ่ กล่าวถึงระเด่นมนตรีอเิ หนา พระโอรสของท้าวกเุ รปัน ทรงแอบรักบุษบา ส่าหรีธิดาของนางบบิ ิไร้หนีแล้วได้นางเป็ นชายา ท้ัง ๆ ที่พระองค์ทรงมีคู่หม้นั คอื บษุ บากาโหละ พระธิดาของท้าวดาหา ท้าวกเุ รปันพิโรธมาก รับสั่งให้ตามะหงงไปลอบฆ่านาง ระเด่นมนตรี หรือ อเิ หนาทรงเสียพระทยั มากทรงไม่ยอมเสดจ็ กลับเมือง นาศพนางไปเผาทเี่ กาะแล้วทรงปลอมองค์เป็ นโจรป่ า ช่ือ ปันหยี เท่ียวปราบเมืองต่าง ๆ ได้หญิงมาครอง มากมาย จากน้ันปลอมตัวเป็ น ดาหลงั มีอาชีพเชิดหนัง วันหน่ึงไปเมืองดาหาได้พบกับ บุษบากาโหละ ซึ่งองค์ประตา ระกาหลา ผู้เป็ นเทวดาเสกให้เป็ นผู้ชาย ช่ือว่า มสิ าประหมงั กหุ นิง เมื่อพบกับอิเหนาจะกลบั กลายเป็ นผู้หญงิ ได้ ท้ังสอง รักกันและเดินทางรอนแรม ผ่านเหตุการณ์หลายอย่างด้วยกัน ต่อมามิสาประหมงั กหุ นิงแอบหนีไปบวชชี (แอหนัง) อิเหนาทรงเกลยี้ กล่อมขอร้องให้นางสึก ในท่ีสุดท้งั สองทรงครองรัก เรื่อง อเิ หนา หรือ อเิ หนาเล็ก กล่าวถงึ เทวดาปะตาระกาหลานากริชจารึกช่ือ อิเหนา มาประทานให้ท้าวกเุ รปัน เมื่อทรงมพี ระโอรส พระองค์ทรงสู่ขอบุษบา พระธิดาท้าวดาหาเป็ นคู่ตุนาหงนั แต่อเิ หนาทรงหลงรักจินตหราพระธิดา ของท้าวหมนั หยา อิเหนาทรงไม่ยอมอภเิ ษกกบั บุษบา ท้าวดาหาพิโรธอเิ หนา เม่ือระตูจรมาสู่ขอบุษบา ท้าวดาหาทรง ยกให้ แต่ท้าวกะหมังกหุ นิงทรงช่วงชิงนางให้วหิ ยาสะกา (พระโอรส) อเิ หนาทรงทราบว่า เกดิ ศึกชิงนาง ทรงยกทพั มา ช่วยบุษบาได้แต่ทรงลอบเผาเมืองดาหา ทรงปลอมตวั เป็ นจรกามาลกั พาบุษบาไปซ่อนไว้ในถา้ เทวดาปะตาระกาหลา พโิ รธอิเหนาจึงบันดาลให้เกิดลมพัดบษุ บาหายไป บษุ บาปลอมตวั เป็ นชาย นามว่า มิสาอณุ ากรรณ ทรงออกตดิ ตามหา อิเหนา ท้งั สองพระองค์ทรงได้พบกนั ทีเ่ มืองดาหา หลังจากน้ันท้ังสองพระองค์อภิเษกและครองเมืองกเุ รปันอย่าง มคี วามสุข คณุ ค่า ด้านอกั ษร อเิ หนาเล็ก เป็ นเรื่องท่ีนยิ มกนั มาก แต่ต้นฉบับเดมิ สูญหายต้องแต่งซ่อมแซมอย่างมาก และมอี ทิ ธพิ ลต่อการแต่งวรรณคดสี มยั รัตนโกสินทร์ สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลท่ี ๒) พระมหานาค วัดท่าทราย พระมหานาค เป็ นพระภกิ ษทุ มี่ คี วามรู้ทางศาสนา ข้นั มหาเปรียญและจาพรรษาอยู่วดั ท่าทราย สมยั อยธุ ยา กวีสาคญั ๆ อยู่ในราชสานัก แต่พระมหานาคเป็ นกวที อ่ี ยู่นอกราชสานัก ปณุ โณวาทคาฉันท์ ผู้แต่งพระมหานาค วดั ท่าทราย
หน้า ๗ ท ๓๒๑๐๒ จดุ มุ่งหมาย เพื่อบรรยายเรื่อง ปุณโณวาทสูตรในคมั ภรี ์พระไตรปิ ฎก กล่าวถงึ ประวัตกิ ารค้นพบรอย พระพทุ ธบาทและพรรณนาการสมโภชพระพุทธบาท ในรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ลกั ษณะคาประพันธ์ คาฉันท์ประกอบด้วย วสันตวลิ กฉันท์และกาพย์ฉบงั เนื้อเร่ือง บทไหว้ครูและเทพเจ้าท้งั สามตามธรรมเนียมแห่งการแต่งฉันท์ บรรยายเร่ือง พระพุทธองค์เสดจ็ ไป โปรดดาบส ช่ือว่า สัจจพันธโคดมที่เขาสุวรรณบรรพต ตาบลสุนาปรันตคาม จนสาเร็จเป็ นพระอรหันต์ ก่อนเสด็จ กลับ ดาบสได้ทูลขอให้พระพุทธองค์ทรงประทบั รอยพระพุทธบาทไว้ทยี่ อดเขาสุวรรณบรรพต ต่อมากษตั ริย์ กรุงศรีอยุธยาทรงค้นพบและทรงโปรดให้สร้างพระมณฑปสวมรอยพระพุทธบาท พรรณนาความงามของภูมิประเทศ และพระมณฑปการเสดจ็ ประพาสพระพทุ ธบาทของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศและการสมโภชพระพทุ ธบาท โดยชมขบวน เสด็จพยหุ ยาตราทางสถลมารค (ทางบก) จากท่าเจ้าสนุกถึงพระพุทธบาทสระบุรี พธิ ีฉลองมมี หรสพต่างๆ เช่น โขน ละครใน หุ่น ระบาและมวยปลา้ คณุ ค่า ๑. ด้านอักษร สานวนโวหารไพเราะ พรรณนาความละเอยี ดอย่างมจี ินตนาการ ๒. ด้านความรู้ เป็ นหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์เรื่อง ตานานพระพทุ ธบาท ด้านสถาปัตยกรรม การก่อสร้าง โดยใช้ศิลปะไทย เช่น บานประตพู ระมณฑปประดบั มกุ อย่างงดงาม ๓. ด้านสังคม แสดงสภาพชีวิตความเป็ นอยู่ของคนสมยั น้ัน ศรัทธาความเชื่อในศาสนา การไปนมสั การ รอยพระพทุ ธบาทว่าเป็ นบญุ และกระทาเป็ นประจาทุกปี การจัดงานมหรสพ การละเล่นต่าง ๆ โคลงนิราศพระบาท ผู้แต่งพระมหานาค วัดท่าทราย จดุ ม่งุ หมาย เพ่ือพรรณนาความรู้สึกและสิ่งทไ่ี ด้พบเห็นเมื่อเดนิ ทางไปนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี ลกั ษณะคาประพนั ธ์ โคลงสี่สุภาพ ทานองนิราศ เนื้อเร่ืองพรรณนาการเดนิ ทางจากกรุงศรีอยุธยา ผ่านตาบลหัวรอ วดั ตองปุ เพนียดคล้องช้าง บ้านกระทุ่ม หนองคนที นางผา บางโขมด แม่ลาและตาบลท้ายพกิ ลุ ซึ่งอยู่ใกล้พระพทุ ธบาทสระบรุ ี คณุ ค่า ๑. ด้านอักษร เป็ นทานองการแต่งแบบนิราศ สานวนโวหารไพเราะ ๒. ด้านสังคม วิถชี ีวติ ของชาวมอญ ทง่ี ดงามเรียบง่าย ยดึ หลกั พระพทุ ธศาสนาด้วยความศรัทธาไม่ สั่นคลอน เมื่อเดนิ ผ่านวดั ต้องยกมอื ไหว้ทุกคร้ัง หลวงศรีปรีชา (เช่ง) หลวงศรีปรีชา เดมิ ชื่อว่า เช่ง รับราชการในพระบัณฑูร ผู้เป็ นพระมหาอุปราช (สันนิษฐานว่า หมายถงึ เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร)ตาแหน่งโหร เพราะในเนื้อเร่ืองแสดงความรู้เรื่อง โหร เป็ นอย่างดแี ละเขยี นวรรณคดรี ูปแบบใหม่ โดยนากลอนกลบทมาเขยี นเป็ นเรื่องยาวชื่อ สิริวบิ ลุ กิตตเิ ดิมเป็ นนิทานพืน้ เมือง รวมอยู่ในปัญญาสชาดก เป็ นชาดกท่ี พระภิกษชุ าวเชียงใหม่ได้รวบรวมและแต่งไว้ คนส่วนใหญ่รู้เรื่องนิทานเป็ นทนุ อยู่แล้ว
หน้า ๘ ท ๓๒๑๐๒ สิริวบิ ลุ กติ ติหรือ ยศกิต หรือ ยศกิติ ผู้แต่งหลวงศรีปรีชา (เช่ง) จดุ ม่งุ หมาย เพ่ือเป็ นแบบอย่างในการแต่งกลบท แสดงความสามารถของกวแี ละอานิสงส์ได้ถงึ พระนิพพาน ลักษณะคาประพนั ธ์นิทานคากลอน แบบกลบทต่าง ๆ ๘๖ ชนิด เช่น กลบทเต้นต่อยหอย กลบทสะบดั สะบงิ้ กลบทมธุรสวาที กลบทจตุรงคนายก กลบทนารายณ์ทรงเคร่ือง กลบทนาคบริพันธ์ กลบทธงนาริ้ว เป็ นต้น เนื้อเรื่อง ท้าวยศกิตแิ ละพระมเหสีสิริมดี ครองจัมบากนคร ท้าวเธอไร้พระโอรสและพระธดิ า พระนางสิริมดี ทรงสมาทานศีลจนเร่าร้อนไปถงึ พระอินทร์ พระอินทร์จงึ อาราธนาพระโพธิสัตว์ให้จุติ เพ่ือไปปฏิสนธิในพระครรภ์ พระยาพาลราชทรงยกทัพมาล้อมจมั บากนคร ท้าวยศกิตทิ รงต้งั มั่นอยู่ในธรรม ทรงไม่ต้องการให้ผู้คนล้มตาย ทรงพา พระมเหสีหนีไปบรรพชา ณ เขาวิบลุ บรรพต แต่พระยาพาลราชทรงยกทพั ตามไปจับท้าวยศกิตไิ ด้ ส่วนพระนางสิริมดี ทรงหลบซ่อนอยู่ในป่ า ทรงรอดไปได้และประสูติพระโอรส ทรงพระนามว่า สิริวบิ ลุ กติ ติ เมื่อพระสิริวบิ ลุ กิตติเจริญ พระชนมายทุ รงทราบเร่ืองของพระบิดา จงึ ทูลลาพระชนนีเสด็จกลับจมั บากนคร เป็ นวันทพ่ี ระบดิ าทรงถูกประหาร ชีวติ จงึ เข้าเฝ้าขอถวายชีวติ แทนพระบดิ า พระยาพาลราชทรงยินยอม ด้วยอานาจบญุ บารมี เพชฌฆาตประหาร โดยวธิ ีใดก็ไม่สาเร็จ พระยาพาลราชกลับถูกธรณสี ูบลงไปในนรก พระสิริวบิ ุลกติ ติทรงขึน้ ครองราชย์แล้วเสดจ็ ไปรับ พระมารดาเสด็จกลับพระนคร แต่พระมารดาสิ้นพระชนม์เสียก่อนด้วยความทุกข์โทมนัส พระองค์ปลงพระศพ พระมารดาแล้วครองราชย์เป็ นสุขตราบจนสิ้นพระชนม์ ตอนท้ายกล่าวถึง การกลับชาติของพระโพธิสัตว์ตามแบบ ชาดกเรื่องอืน่ ๆ คณุ ค่า ๑. ด้านอกั ษร เป็ นวรรณคดกี ลบทเร่ืองแรก ซึ่งวิธีแต่งทาได้ยากกว่าแต่งกลอนธรรมดา แต่กวใี ช้ถ้อยคา เหมาะสมกบั กลบทแต่ละตอนมีอิทธิพลต่อกวียคุ รัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยแต่งกลบท กลอักษร พระบาทสมเดจ็ พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้แต่งและรวบรวมกลอนกลบท จารึกไว้ที่วดั พระเชตุพนวมิ ลมงั คลาราม ๒. ด้านความรู้ เรื่อง โหราศาสตร์การสอดแทรกคาส่ังสอนทางพระพทุ ธศาสนาไว้มาก ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ช่วยขดั เกลากมลสันดานให้สะอาด สว่าง สงบมากยง่ิ ขนึ้ นาฏวรรรณคดี นาฏวรรณคดี หมายถึง บทละคร เป็ นบทร้อยกรองทแี่ ต่งขนึ้ เพ่ือใช้แสดงละคร เป็ นกลอนบทละคร วรรคละ ๖ – ๘ คา การละครรุ่งเรืองมาก แบ่งออกเป็ น ๓ ประเภท คอื ละครนอก ละครในและละครชาตรี ละครนอก หมายถงึ ละครชาวบ้าน ไม่เล่นเร่ือง รามเกียรต์ิ อุณรุทและอเิ หนา มพี ระราชกาหนดให้ตัวละคร เป็ นชายล้วน ไม่ใช้สตรีแสดง (ต่อมาในสมยั รัชกาลท่ี ๔ จงึ ยกเลิก) มกั แสดงเรื่องสนุกสนาน ตลก เรียบง่าย เช่น การเกด คาวี ไชยทตั พิกลุ ทอง พมิ พ์สวรรค์ พิณสุริยวงศ์ โม่งป่ า มณพี ิชัย สังข์ทอง สังข์ศิลป์ ไชย สุวรรณศิลป์ สุวรรณหงส์ มโนห์รา โสวตั เป็ นต้น
หน้า ๙ ท ๓๒๑๐๒ ละคนใน หมายถึง ละครของหลวง เป็ นราชูปโภคส่วนพระมหากษัตริย์ สาหรับแสดงในงานพระราชพธิ ี ใช้ตวั ละครเป็ นสตรีล้วน บทร้องไพเราะและบทราประณตี กว่าละครนอก แสดงเร่ือง รามเกยี รต์ิ อุณรุทและอเิ หนา ละครชาตรี สันนิษฐานว่า เป็ นละครท่มี กี าเนิดเก่าแก่ท่สี ุดของไทย แพร่หลายอยู่ทกี่ รุงศรีอยุธยาและภาคใต้ แต่เดมิ ใช้ ผู้แสดงเป็ นชายล้วน มตี วั ละคร ๓ ตวั คือ ตวั พระ ตวั นางและตวั ตลก ทางภาคใต้นิยมเล่นเรื่อง มโนห์รา จงึ เรียกการแสดงนี้ ว่า มโนห์รา หรือ โนรา เป็ นเร่ืองท่ีประชาชนรู้จกั กันอย่างกว้างขวาง เป็ นนิทานชาวบ้าน พระภกิ ษุ ชาวเชียงใหม่แต่งเป็ น ทานองชาดก เรียกว่า ปัญญาสชาดก อยู่ในสุธนชาดก เมื่อแสดงมกี ารแต่งฉากและดนตรี ปัจจบุ นั ใช้เล่นแก้บน นางมโนราห์กรุงเก่า ผู้แต่งหลวงศรีปรีชา (เช่ง) จดุ ม่งุ หมาย เพ่ือใช้แสดงละครนอก ลักษณะคาประพนั ธ์ กลอนบทละคร คานาขนึ้ ต้นใช้คาว่า เมื่อน้ัน ได้ฟัง มาเถงิ แต่แตกต่างจากกลอน บทละครในสมยั รัตนโกสินทร์ ซึ่งใช้คาว่า เมอ่ื น้นั บดั น้ัน ส่วนคาทใ่ี ช้ในวรรคไม่เท่ากัน บางตอนแต่งเป็ นกาพย์ แทรกอยู่เพราะถือทานองเป็ นหลัก คุณค่า ด้านสังคม สภาพชีวติ ความเป็ นอยู่ของคนในสมยั น้ัน ดารงชีวิตอยู่อย่างร่มเย็นเป็ นสุข ศรัทธาใน หลักธรรมคาสอนของพระพทุ ธศาสนา การนาชาดกมาแต่งเป็ นบทละคร วรรณคดสี มัยธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบรุ ี หรือ พระเจ้าตากสินมหาราช มพี ระราชสมภพเมอื่ วันขนึ้ ๑๕ คา่ เดือน ๕ ปี ขาล พ.ศ. ๒๒๗๗ รัชสมยั พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พระนามเดมิ ว่า สิน เป็ นบุตรขนุ พัฒน์ นายอากรบ่อนเบีย้ เชื้อสายจนี มารดาชื่อ นกเอยี้ ง เป็ นคนไทยบ้านแหลม จงั หวัดเพชรบุรี บิดายกสินให้เป็ นบุตรบญุ ธรรมของ เจ้าพระยาจกั รี สมหุ นายก เร่ิมเรียนหนังสือกับพระอาจารย์ทองดี วดั โกษาวาสน์ อายุ ๑๓ ปี เป็ นมหาดเล็กในรัชสมยั พระเจ้าอยู่หัว บรมโกศ จนถึงรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์ เป็ นหลวงยกกระบตั รเมืองตาก รับราชการอยู่กับพระยาตาก เมอื่ ท่าน ถึงแก่กรรม สินได้เป็ นพระยาตากแทน ต่อมาเป็ นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกาแพงเพชร แต่ยังไม่ทันได้ครองเมือง พม่ายกทัพมาตกี รุงศรีอยธุ ยา พระยาวชิรปราการต้องยกทพั มารักษาพระนคร พม่ามกี าลังเหนือกว่ามากไม่อาจต้านทานได้ พระยาวชิรปราการจึงรวบรวมได้ ๕๐๐ คน ตีฝ่ ากองทัพพม่า ออกไปทางตะวนั ออก ก่อนตเี มืองจนั ทบรุ ี พระยาวชิรปราการให้ทหารทบุ หม้อข้าวหม้อแกงจนหมดสิ้นเพ่ือให้ทหาร เกิดความพยายาม หาไม่แล้วจะอดข้าวถ้าเข้าเมืองไม่ได้ เม่ือต้ังฐานทัพที่เมืองจนั ทบรุ ี โปรดให้ต่อเรือรบเพื่อกลบั มา ตีกรุงศรีอยธุ ยาคนื จากพม่า สามารถตีคนื ได้ภายในเวลา ๗ เดือน พระองค์ทรงพจิ ารณาเห็นว่า เมืองธนบุรีเหมาะสม เป็ นราชธานี จึงต้งั เมืองหลวงใหม่นามว่า กรุงธนบรุ ีศรีมหาสมุทร แล้วปราบดาภเิ ษกขนึ้ เป็ นพระมหากษตั ริย์ พระนาม ว่า“ สมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบรุ ี หรือ สมเดจ็ พระบรมราชาท่ี ๔” พระองค์ทรงเป็ นกษัตริย์ทีย่ ิง่ ใหญ่ ทรงกู้ชาตไิ ด้ สาเร็จสร้างบ้านเมืองเป็ นปึ กแผ่นมั่นคง พสกนิกรท้งั ปวงจงึ ถวายพระนามว่า มหาราช แปลว่า พระราชาผู้ยงิ่ ใหญ่
หน้า ๑๐ ท ๓๒๑๐๒ รามเกียรต์ิ รามเกยี รต์ิ เป็ นวรรณกรรมอนิ เดีย ฉบับเดมิ เป็ นภาษาสันสกฤต ช่ือว่า คมั ภรี ์รามายณะ ฤษีวาลมกิ ิเป็ นผู้แต่ง ชาวฮินดูเช่ือว่าเรื่องนี้เป็ นเรื่องจริง ผู้ใดได้อ่านเท่ากับได้ล้างบาปและเจริญด้วยพร ๔ ประการ คอื อายุ วรรณะ สุขะ และพละ เม่ือตายจะได้ขนึ้ สวรรค์ รามเกียรต์ิ บทละครของสมเดจ็ พระเจ้ากรุงธนบรุ ี มี ๔ ตอน คือ ๑. ตอนพระมงกฎุ ประลองศร ๒. ตอนหนุมานเกีย้ วนางวานริน ๓. ตอนท้าวมาลวี ราชว่าความ ๔. ตอนทศกณั ฐ์ต้งั พธิ ีทรายกรด จุดม่งุ หมาย เพ่ือรักษาเร่ือง รามเกยี รต์ไิ ว้ไม่ให้สูญหาย เพ่ือใช้เป็ นบทละครและเพื่ออบรมจติ ใจประชาชนให้ รักเกียรติ รักบ้านเมอื ง ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กลอนบทละคร เนื้อเรื่อง ๑. ตอนพระมงกฎุ ประลองศร กล่าวถึง นางสีดาอาศัยอยู่กับฤษีวาลมิกิทรงคลอดพระโอรส พระนาม ว่า พระมงกฎุ ฤษสี อนวิชาพระเวทชุบศรให้เป็ นอาวธุ และชุบพระลบให้เป็ นเพ่ือนเล่น พระลบเล่นประลองศรยิงต้นรัง ต้นใหญ่ล้มเสียงดังกึกก้อง พระรามทรงได้ยินเสียงจงึ ทรงกระทาพธิ อี ัศวเมธปล่อยม้าอปุ การ พระมงกฎุ และพระลบจับ ม้าไว้ได้ หนุมานตามม้ามาจงึ รบกบั พระมงกฎุ หนุมานพ่ายแพ้เสียที พระภรตทรงช่วยหนมุ านและทรงจับพระมงกฎุ นามาถวายพระราม แต่พระลบออกมาช่วยพระมงกฎุ และพาหนีไปได้ พระรามทรงยกทพั ติดตาม เมื่อรบกนั พระราม แผลงศรกลบั กลายเป็ นข้าวตอกดอกไม้ สุดท้ายกท็ รงทราบว่า เป็ นพระราชบดิ าและพระราชโอรส ๒. ตอนหนุมานเกีย้ วนางวานริน กล่าวถงึ หนุมานตามไปฆ่าวิรุณจาบังได้พบกับนางฟ้าช่ือวานริน ซ่ีงถูก พระอิศวรสาปให้ลงมาอย่ใู นป่ า เพ่ือบอกทางให้ทหารพระรามตามไปฆ่าวริ ุณจาบัง เม่ือนางเชื่อว่าหนุมานเป็ นทหาร ของพระรามจริง นางจึงบอกว่า วริ ุณจาบังหนีไปซ่อนอย่ใู นฟองสมทุ ร หนุมานเกีย้ วนางวานรินและได้นางเป็ นภรรยา จากน้ันตามไปฆ่าวริ ุณจาบงั แล้วกลับมารับนางวานรินทถี่ า้ เพ่ือพานางไปส่งขึน้ สวรรค์ ณ เขาไกรลาส แล้วนาศีรษะของ วริ ุณจาบังไปถวายพระราม พเิ ภกจึงบอกให้พระรามแผลงศรทาลายศีรษะวริ ุณจาบังเสีย ๓. ตอนท้าวมาลวี ราชว่าความกล่าวถึง ทศกณั ฐ์ทราบว่า สัทธาสูรและวริ ุณจาบงั เสียชีวติ แล้วกท็ รงเสียพระทัย เป็ นอย่างมาก เม่ือทรงนึกได้ว่า มพี ระอยั กา คือ ท้าวมาลวี ราชผู้มวี าจาสิทธ์ิ จงึ รับสั่งให้นนยวุ กิ วายุเวก ไปเข้าเฝ้า ท่านแล้วทูลเชิญให้ท่านเสด็จมากรุงลงกา ท้าวมาลีวราชทรงทราบว่าพระรามและพระลกั ษมณ์ทรงเป็ นหลานของ ท้าวอัชบาล ผู้เป็ นพระสหายรักของพระองค์ จึงเสดจ็ มาสนามรบเพื่อทรงไกล่เกล่ยี ทศกัณฐ์เข้าเฝ้าทูลกล่าวโทษ พระรามทนั ที ท้าวมาลวี ราชรับส่ังให้พระรามและนางสีดาเข้าเฝ้าเพ่ือทรงสอบถามความจริง พระรามและนางสีดา ทรงให้การตรงกันตามความสัตย์ซ่ือ ท้าวมาลีวราชทรงตัดสินให้ทศกณั ฐ์ถวายนางสีดาคืนแก่พระราม แต่ทศกณั ฐ์ ทรงแข็งขืนไม่ยอมทาตามคาพิพากษา ท้าวมาลวี ราชทรงสาปแช่งให้ตายด้วยศรของพระรามและถวายพระพรให้ พระรามทรงพระเจริญรุ่งเรือง
หน้า ๑๑ ท ๓๒๑๐๒ ๔. ตอนทศกัณฐ์ต้ังพธิ ีทรายกรด กล่าวถึง ทศกณั ฐ์ทรงทาพธิ ีปลกุ เสกหอกกบิลพัททเี่ ชิงเขาพระสุเมรุและเผา รูปเทวดาทหี่ าดทรายกรด เพราะทรงเคืองแค้นเทวดาท่ตี ัดสินให้ประโยชน์แก่เทวดา พระอศิ วรรับส่ังให้เทวดามาทาลาย พิธี ทศกณั ฐ์ทรงไม่พอใจที่พิเภกทรงบอกความลับแก่พระรามจึงทรงยกทพั มารบมาหมายจับพเิ ภก พระรามและ พระลักษมณ์ทรงยกทพั มาต่อสู้ พระลกั ษมณ์ถูกหอกกบลิ พทั ทรงสลบไป พเิ ภกทูลพระรามให้หนุมานไปนายาสังกรณี ตรีชวาผสมกบั มูลโคของพระอิศวร ไปนาหินบดยาทีเ่ มอื งบาดาลและลูกหินที่เมืองลงกา หนุมานแอบเข้าเมืองลงกาได้ โดยการสะกดเข้าไป เอาลูกหินบดยาท่เี ป็ นหมอนของทศกัณฐ์ ก่อนกลบั แกล้งเอาผมของทศกณั ฐ์กับผมของนางมณโฑ ผูกตดิ กันไว้ พร้อมสาปแช่งว่า ถ้าต้องการให้ผมหลดุ จากกนั ทศกัณฐ์ต้องยอมให้นางมณโฑเขกศีรษะสามที ผมของ ท้ังสองฝ่ ายจึงจะหลุด แต่พระฤาษีโคบุตรได้มาช่วยแก้มดั ผมให้ คณุ ค่า ๑. ด้านอักษร แฝงพระอารมณ์ขนั และความเป็ นผู้ใฝ่ ธรรมของพระเจ้ากรุงธนบรุ ี บางท่านแสดง ความคดิ เห็นว่า พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสร้างลกั ษณะและนิสัยตวั ละครในเรื่องใกล้เคยี งพระราชอธั ยาศัยของพระองค์ เช่น ทรงเพลดิ เพลินในทางธรรม ตอนท้าวมาลวี ราชว่าความ ทรงกล่าวถงึ การประกอบกิจธรรมเป็ นใหญ่ ทรงธรรม ธิราชและทรงจตุศีลยกั ษา ทรงนาพระราชจริยวตั รส่วนพระองค์ในบางตอน เช่น พระอศิ วรนั่งสนทนาธรรมกับ พระฤาษี หรือพระฤษโี คบุตรสอนทศกณั ฐ์ แสดงถงึ พระปรีชาญาณ ที่ทรงซาบซึ้งในภูมิธรรมช้ันสูง ส่วนท่ีแสดงถึง นิสัยห้าวหาญของตวั ละคร พระมงกฎุ พระลบ หนุมาน พระราม พระลกั ษมณ์ ทศกณั ฐ์ เช่น พระราชสาส์นทึ่ จารึกผูกคอม้าอปุ การ พระองค์ทรงใช้คาหนัก ๆ ลกั ษณะเดยี วกบั พระราชสาส์นถึงกรุงศรีสัตนาคนหุต แสดงพระนิสัย กล้าได้กล้าเสีย ทรงยอมเสี่ยงภัยในคราวคบั ขัน คราวทรงยกทพั ตเี มืองจนั ทบรุ ี พระอารมณ์สนกุ สนานทท่ี รงพระราช นิพนธ์ ตอนหนุมานเกยี้ วนางวานริน ตอนท้าวมาลีวราชทรงปลอบทศกัณฐ์ทศกณั ฐ์ทรงสนทนากบั นางมณโฑเรื่อง การเผารูปเทวดา ๒. ด้านพระพุทธศาสนา เนื้อเร่ืองสอดแทรกคาสอน ให้ต้งั อย่ใู นศีลธรรมจรรยา ให้มหี ิริ ความละอาย ต่อบาปและมีโอตปะ ความเกรงกลวั ต่อบาป ๓. ด้านวัฒนธรรม สอนให้คนมีความซื่อสัตย์ต่อสามี ไม่เป็ นหญิงหลายใจ เช่น นางสีดาทรงมี ความซ่ือสัตย์ต่อพระสวามี เป็ นแบบอย่างท่ดี ีของหญิงไทยจนถึงทกุ วนั นี้ เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ชื่อเดมิ หน เป็ นบุตรของเจ้าพระยาบดนิ ทร์สุรินทร์ฤาชัย (บญุ ม)ี กับท่านผู้หญิงเจริญ เข้ารับราชการ สมัยพระเจ้ากรุงธนบรุ ี ได้รับบรรดาศักด์เิ ป็ น หลวงสรวชิ ิต นายด่านเมืองอทุ ยั ธานี ภายใต้การบงั คบั บญั ชาของ เจ้าพระยาจกั รี (ต่อมาครองราชย์สมบัติ พระนามว่า พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)รับราชการ เร่ือยมาสมัยรัตนโกสินทร์เป็ นผู้ทางานดี มคี วามซ่ือสัตย์ ได้เลื่อนบรรดาศักด์เิ ป็ น พระยาพิพฒั น์โกษา และเจ้าพระยา พระคลัง เสนาบดีจตุสมภ์กรมท่า ทาหน้าที่ควบคุมกิจการหัวเมืองชายทะเล
หน้า ๑๒ ท ๓๒๑๐๒ ลลิ ิตเพชรมงกฎุ ผู้แต่งเจ้าพระยาพระคลงั (หน) จดุ มุ่งหมาย เพ่ือถวายแด่พระโอรสในพระจ้ากรุงธนบุรี ลกั ษณะคาประพันธ์ลลิ ิตสุภาพ ประกอบด้วยร่ายสุภาพและโคลงสุภาพ เนื้อเร่ือง ลลิ ติ เพชรมงกฎุ เป็ นวรรณคดีอนิ เดยี ภาษาสันสกฤต เรื่อง เวตาลปญั จวีสติ แต่งโดยศิวทาส เร่ิมต้นด้วยการนมัสการนอบน้อมต่อพระอิศวรและไหว้พระมหากษตั ริย์ บอกว่าเร่ืองนี้นามาจากนิทานเวตาลเร่ิม เรื่องว่า พระเพชรมงกฎุ พระราชโอรสของพระเจ้ารัตนนฤเบศร กษตั ริย์เมืองศรีบรุ ีกบั พระนางประภาพกั ตร์ วันหน่ึง พระเพชรมงกฎุ เสด็จประพาสป่ ากับพระพี่เลยี้ งพุฒศรี ทรงตามกวางเผือกเข้าไปในป่ าลึกจนหลงทางหาทางออกไม่ได้ เสดจ็ หลงไปเมอื งกรรณบรุ ี แต่ไพร่พลตามเสดจ็ ไม่ทัน พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระนางปทุมดี พระราชธิดาของ เจ้าเมืองพระราชธิดาทรงแกล้งทาปริศนาให้พระมงกฎุ ทรงทายว่า พระนางเป็ นใคร พระนามว่าอย่างไร ทรงนัดหมาย อย่างไร พฒุ ศรีช่วยแก้ปริศนาได้ทุกคร้ัง พระเพชรมงกฎุ ทรงแอบเสด็จเข้าไปในปราสาทและได้พระนางปทมุ ดเี ป็ น พระชายาด้วยความช่วยเหลือของพุฒศรี พระเพชรมงกฎุ ทรงพาพระนางปทมุ ดกี ลบั ไปอภิเษกที่เมืองศรีบรุ ี คุณค่า ๑. ด้านอกั ษร สานวนโวหารไพเราะ ๒. ด้านศาสนา แสดงคติธรรมให้รู้จกั ระงบั ดับกิเลส ตัณหา อย่าปล่อยให้กเิ ลสตณั หาเข้าครอบงาจติ ใจ อิเหนาคาฉันท์ ผู้แต่งเจ้าพระยาพระคลัง (หน) จุดม่งุ หมาย เพ่ือแสดงฝี มือในการแต่งฉันท์ ลักษณะคาประพันธ์คาฉันท์ ประกอบด้วยฉันท์ คอื อนิ ทรวิเชียรฉันท์ วสันตดิลกฉันท์ สัททุลวกิ กีฬิตฉันท์ และกาพย์ คอื กาพย์ฉบงั และกาพย์สุรางคนางค์ เนื้อเร่ือง ตดั ตอนจากเรื่อง อเิ หนา ตอนอิเหนาทรงเผาเมืองดาหา อเิ หนาทรงปลอมตัวเป็ นจรกา ไปลกั พา บษุ บามาซ่อนในถา้ เมื่อจรกามาพบ อิเหนาทรงกลบเกลื่อน ทรงแกล้งโศกเศร้าอย่างน่าสงสารจนจรกาหลงเช่ือ คณุ ค่า ๑. ด้านอกั ษร สานวนโวหารไพเราะโดยเฉพาะบทพรรณนา ๒. ด้านสังคม แสดงสภาพชีวติ ความเป็ นอยู่ของผู้คนในสังคม โคลงยอพระเกียรติพระเจ้ากรุงธนบุรี ผู้แต่งนายสวน รับราชการเป็ นมหาดเล็กในรัชสมยั พระเจ้ากรุงธนบุรี จุดม่งุ หมาย เพ่ือเชิดชูพระเกยี รติพระเจ้ากรุงธนบรุ ี ลกั ษณะคาประพันธ์โคลงส่ีสุภาพ เนื้อเร่ือง เริ่มด้วยการบอกชื่อผู้แต่งเป็ นปฐมบท บอกเวลาทแ่ี ต่ง จุดมุ่งหมายในการแต่ง แล้วพรรณนาถึง บ้านเมือง ชมปราสาทราชวงั ชมโรงช้าง โรงม้า ท้องพระคลัง นางสนมกานัลใน ความสุขของประชาชน จบลง
หน้า ๑๓ ท ๓๒๑๐๒ ด้วยการขอพรสิ่งศักด์ิสิทธ์ิให้ช่วยคุ้มครอง ป้องกันรักษาพระเจ้ากรุงธนบรุ ี คุณค่า ๑. ด้านอกั ษร สานวนโวหารไพเราะบรรยายอย่างละเอยี ดลออ ๒. ด้านประวตั ศิ าสตร์ ทราบประวตั ิความเป็ นมาในการสร้างเมือง ปราสาทราชวงั โรงม้า โรงช้าง ท้องพระคลัง ทราบรายละเอยี ดต่าง ๆ ทางโบราณคดีอย่างทีไ่ ม่เคยอ้างองิ ทไี่ หนมาก่อน กฤษณาสอนน้องคาฉนั ท์ ผู้แต่ง พระภิกษุอนิ ชาวนครศรีธรรมราชและพระยาราชสุภาวดี (ปัจจุบนั คือ ตาแหน่งผู้พิพากษา) เป็ นผู้ช่วย ราชการเมืองนครศรีธรรมราช จุดม่งุ หมาย เพื่อเป็ นสุภาษติ สอนเร่ือง การครองเรือน ลักษณะคาประพนั ธ์ คาฉันท์ ประกอบด้วยฉันท์และกาพย์ เนื้อเรื่อง เค้าโครงเรื่อง มหาภารตะจากวรรณคดอี นิ เดยี เร่ิมด้วยการนอบน้อมพระรัตนตรัย กล่าวถึง พระเจ้าพรหมทตั แห่งกรุงพาราณสี พระองค์ทรงมพี ระธิดา ๒ พระองค์ คอื พระนางกฤษณาและพระนางจิรประภา พระนางกฤษณาทรงมพี ระภัสดา ๕ พระองค์ พระนางทรงสามารถปรนนิบตั ิพระภสั ดาได้ดีไม่มีที่ติ ส่วนพระนาง จริ ประภาทรงมพี ระภสั ดาเพียงพระองค์เดยี ว แต่ทรงไม่สามารถปรนนิบัติรับใช้ให้ทรงมคี วามสุขสาราญได้ พระนาง ทรงถามพระนางกฤษณาถงึ วิธีปฏบิ ัติต่อพระภสั ดา พระนางกฤษณาทรงสอนและทรงแนะนาอย่างละเอยี ด เมื่อพระนางจิรประภาทรงนาไปปฏิบตั ิได้ผลดี พระภัสดาทรงพระเกษมสาราญและทรงรักพระองค์มากยง่ิ ขนึ้ ทาให้ชีวิตการครองเรือนมแี ต่ความสุขตลอดมา คุณค่า ๑. ด้านอักษร สานวนโวหารไพเราะเป็ นสุภาษติ สอนหญงิ ได้อย่างดีและมปี ระโยชน์ต่อผู้อ่าน ๒. ด้านวฒั นธรรม สอนเรื่อง การครองเรือน สอนให้ภรรยาปฏบิ ตั ติ ่อสามี สามารถนาไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจาวันได้ จะเกดิ ประโยชน์สูงสุดในการครองเรือน นิราศกวางต้งุ ผู้แต่ง พระยามหานุภาพ (อ้น) จดุ มุ่งหมาย เพ่ือบันทึกการเดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีกบั ประเทศจีน ทีก่ รุงปักกงิ่ ในรัชสมยั พระเจ้า กรุงธนบุรีตอนปลายและพระเจ้าเคยี นหลง ลักษณะคาประพนั ธ์ กลอนนิราศ เนื้อเร่ือง บนั ทึกเรื่องราวทไี่ ด้พบเห็นและความประทบั ใจระหว่างการเดินทางโดยเรือ การได้พบเห็นสิ่งที่ ไม่เคยพบ ทาให้เกดิ ความแปลกตาและแปลกใจ ได้รับการต้อนรับด้วยสัมพันธไมตรีอนั ดีย่ิง จงึ ประทับใจมากไม่รู้ลืม คณุ ค่า ๑. ด้านอกั ษร สานวนโวหารไพเราะ ๒. ด้านประวัติศาสตร์ เป็ นบนั ทกึ ประวตั ิการทูตกับประเทศจนี ๓. ด้านสังคม แสดงสภาพชีวิตความเป็ นอยู่ของชาวจีน เช่น ผู้หญงิ จีนนิยมการห่อเท้าให้เลก็ เพ่ือให้ มเี สน่ห์ ทาให้ฝ่ ายชายรักใคร่
หน้า ๑๔ ท ๓๒๑๐๒ เพลงยาว ผู้แต่ง พระยามหานุภาพ (อ้น) จดุ มุ่งหมาย เพื่อใช้เป็ นสุภาษิตสอนหญิง ลกั ษณะคาประพนั ธ์ กลอนเพลงยาว เนื้อเร่ืองเป็ นเร่ืองเก่ียวกับความรักทส่ี ตรีควรมศี ิลปะในการครองรัก ครองเรือน ทาให้ชีวิตคู่มีความสุข คุณค่า ๑. ด้านอักษร สานวนโวหารไพเราะ ๒. ด้านคติธรรม ให้คติธรรมคาสอนสตรีเรื่อง การครองรัก ครองเรือนให้อยู่เย็นเป็ นสุข ปาจติ ตกมุ ารกลอนอ่าน ผู้แต่งมี ๒ สานวน คือ สานวนที่ ๑ ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง เขยี นด้วยลายมือ มีหลกั ฐานตอนท้ายเร่ืองว่า แต่งในสมยั ธนบรุ ี เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๖ สานวนท่ี ๒ คือ หลวงบารุงสุวรรณ สันนิษฐานว่าแต่งรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔ เรื่องนี้อยู่ในปัญญาสชาดก มที ่ีมาจากนิทานพื้นบ้านเมืองพิมาย จุดมุ่งหมาย เพื่อบนั ทึกเร่ืองราวให้ถูกต้องเป็ นประโยชน์ต่อชนรุ่นหลัง ผู้แต่งมคี วามศรัทธาอย่างแรงกล้า ในพระพทุ ธศาสนาและหวังเนื้อนาบญุ หนุนส่ง ลกั ษณะคาประพันธ์ กลอนสุภาพ เนื้อเร่ือง ท้าวปาจิต พระโอรสของพระเจ้าอทุ ุมราช กษตั ริย์เมืองนครธม พระบิดาทรงให้เลอื กคู่ครอง โดยทหารไปป่ าวประกาศเชิญหญิงสาวท้งั เมอื งมาให้เลือกคู่ แต่ท้าวปาจิตทรงไม่สนพระทัย จึงมไิ ด้คล้องมาลยั ให้ใคร พระเจ้าอุทุมราชโปรดให้โหรหลวงทานายพระชะตาราศีและเนื้อคู่ของพระโอรส โหรหลวงตรวจดวงชะตาแล้ว กราบ ทูลว่า เนื้อคู่ยังไม่เกดิ ขณะนีอ้ ยู่ในครรภ์หญิงในเขตเมืองพมิ าย ท้าวปาจติ จะต้องเสดจ็ ไปหาหญงิ ผู้น้ัน โดยสังเกตว่า หญงิ มีครรภ์มีเงาเป็ นรูปกลดก้นั อยู่ ท้าวปาจิตเสด็จไปตามคาทานายถงึ เมืองพมิ าย ทรงกางแผนที่เพื่อทอดพระเนตร ทีต่ รงน้ันภายหลงั เรียกว่า บ้านกางตารา ต่อมาเพยี้ นเป็ น บ้านจารตารา ท้าวปาจิตทรงข้ามถนนเข้าเขตเมือง บริเวณ น้ันเรียกว่าบ้านถนน ผ่านหมู่บ้านท่มี ีต้นสนุ่นมากจึงได้ชื่อว่า บ้านสนุ่น มาถงึ ท่าน้าใหญ่ปัจจุบนั เรียกว่า บ้านท่าหลวง แต่ปรากฏว่าผดิ ทาง จึงเสด็จไปอกี ทางหนึ่งถึงบ้านสาริด พบหญงิ ครรภ์แก่ช่ือ ยายบัว กาลงั ดานาอยู่ เหนือหัวของนาง มีเงาคล้ายกลดก้นั อยู่ ทรงแน่ใจว่า ตรงตามคาทานาย ทรงเข้าไปแสดงตัวว่าเป็ นใคร มีพระประสงค์อย่างไรและทรง ต้ังใจว่า จะอยู่ช่วยทางานจนกว่าจะคลอดลูก หากเป็ นลูกชายจะทรงยกย่องให้เป็ นอนุชา แต่ถ้าเป็ นลูกสาวจะขอให้เป็ น พระมเหสียายบัวก็ตกลง ท้าวปาจติ ทรงอาศัยอยู่กบั ยายบัวเร่ือยมา ทรงช่วยทางานทุกอย่างท้งั ทานา เลยี้ งโคกระบือ เกีย่ วข้าวสีข้าว เม่ือยายบวั ครบกาหนดคลอดทารกเป็ นเพศหญงิ ตรงตามคาทานายของโหรหลวง ยายบัวต้งั ช่ือว่า อรพิม คร้ันนางเจริญวยั หน้าตาสะสวย งดงาม ผิวพรรณผุดผ่อง กผ็ ูกสมัครรักใคร่กบั ท้าวปาจติ วนั หน่ึงท้าวปาจิต ทรงบอกว่าจะเสดจ็ กลับไปนครธม เพ่อื ทรงยกขนั หมากมารับนางไปอภิเษกสมรส
หน้า ๑๕ ท ๓๒๑๐๒ เม่ือถงึ นครธมท้าวปาจติ นาความขึน้ กราบบงั คมทูลพระเจ้าอทุ ุมราช พระราชบดิ ารับส่ังให้จัดขบวนขันหมาก รี้พลมากมายเพือ่ เดินทางไปเมืองพมิ าย โดยหารู้ไม่ว่า เกิดเหตุร้ายกบั นางอรพมิ พระเจ้าพรหมทัตทรงทราบข่าวว่า อรพมิ สะสวยงดงาม รับส่ังให้พระยารามไปนาตวั นางมา นางไม่อาจขดั ขืนจงึ จาใจมาและต้งั จิตอธิษฐานว่า ถ้าไม่ใช่ ท้าวปาจิตแล้วผู้ใดแตะต้องตวั นาง ขอให้กายของนางร้อนเหมือนไฟ พระเจ้าพรหมทัตทรงแตะต้องนางไม่ได้ นางทูล พระเจ้าพรหมทตั ว่า จะรอพชี่ ายมาก่อน หากทช่ี ายมาเมอ่ื ไรนางจะยนิ ยอมเป็ นพระมเหสี ขบวนขนั หมากออกจากเมืองนครธมมาหลายวันหลายคืนมาถึงลานา้ แห่งหนึ่งอยู่ในตาบลงวิ้ ท้าวปาจติ โปรดให้ ทหารหยดุ ขบวนขนั หมาก เพ่ือให้ทหารและสัตว์พาหนะได้พกั และบริโภคนา้ ชาวบ้านเห็นผู้คนมากมายจึงเข้าไปถามไถ่ เมื่อทราบว่าขบวนขันหมากมาสู่ขออรพมิ ชาวบ้านจงึ เล่าว่า พระเจ้าพรหมทัตให้ทหารพานางไปทปี่ ราสาทแล้ว พระเจ้าอทุ ุมราชและท้าวปาจิตตกพระทยั ยงิ่ นัก ท้าวปาจิตพิโรธมากทรงโยนข้าวของเครื่องขันหมากทิง้ แม่น้าหมด (ท่ีตรงน้ันเรียกว่า ลามาศ ไหลไปสู่ลานา้ มูลปัจจุบนั นี)้ ส่วนรถทรงกท็ รงตีล้อ ดมุ รถและกงรถจนหักหมด ชาวบ้าน นามากองรวมกนั ท่แี ห่งน้ันเรียกว่า บ้านกงรถ จากน้ันท้าวปาจิตทรงขออนญุ าตเสดจ็ ไปตามหานางโดยลาพัง พระเจ้าอทุ มุ ราชและทหารเสดจ็ กลบั นครธมท้าวปาจติ เสด็จไปพบยายบวั ทรงปลอบโยนว่า จะทรงใช้ปัญญาพาอรพมิ ออกมาให้ได้ แล้วทรงปลอมตัวเป็ นชาวบ้านไปขอเย่ียมน้องสาว ซึ่งจะเป็ นพระมเหสีในไม่ช้า เมือ่ ทรงพบอรพิม นางร้องว่า “ อ้อ ทมี่ า ” (คานี้เพยี้ นเป็ น พิมาย เป็ นชื่ออาเภอหนึ่งในจังหวดั นครราชสีมา) พระเจ้าพรหมทัตทรงจัด เลยี้ งท้งั พระกระยาหารและนา้ จัณฑ์ ท้าวปาจิตทรงดื่มแต่น้อย แต่พระเจ้าพรหมทตั ถูกอรพมิ มอมเหล้าจนเมามายขาด พระสติ ท้าวปาจิตทรงใช้พระขรรค์ปลงพระชนม์ แล้วทรงอุ้มอรพิมหนีออกมา เสด็จไปได้ไม่นานทรงปล่อยให้นาง เดนิ เอง บริเวณน้ันเรียกว่า บ้านนางเดนิ เพยี้ นเป็ น บ้านนางเหริญ ท้ังคู่เดินทางมาร่าลายายบัวแล้วออกเดนิ ทางไป นครธมเข้าเขตเมืองบรุ ีรัมย์ อรพมิ ดีใจคดิ ว่าใกล้ถงึ แล้ว จึงฟ้อนรา ท่แี ห่งน้ันเรียกว่า บ้านนางรา แต่เดินทางนานมาก นางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยแต่ยงั ไม่ถึงสักที นางจึงร้องไห้ ทีแ่ ห่งน้ันเรียกว่า นางร้อง เพีย้ นเป็ นนางรองในปัจจบุ ัน ท้าวปาจิตและอรพมิ เดินทางมาถงึ ป่ าใหญ่พบพรานนกเอยี้ งออกมาล่าสัตว์ พรานเห็นนางสวยกน็ ึกรัก จึงใช้ หน้าไม้ยิงท้าวปาจติ สิ้นพระชนม์ แล้วพานางไป นางแสร้งทาเหน็ดเหน่ือยเดินไม่ไหว พรานหลงเช่ือไปหากระบือมาให้ นางขี่ เม่ือพรานเผลออรพมิ ได้โอกาสใช้พระขรรค์ของท้าวปาจติ แทงพรานด้านหลงั นางกลบั มาทพ่ี ระศพของท้าวปาจติ ร้องไห้คร่าครวญ พระอนิ ทร์เกิดความสงสารจงึ แปลงกายเป็ นงใู หญ่ พระเวสสุกรรมแปลงกายเป็ นพงั พอนต่อสู้กนั ฝ่ ายใดตายอีกฝ่ ายจะไปเก็บเปลอื กไม้ชนิดหนึ่งมาเคยี้ วพ่นใส่บาดแผล อีกฝ่ ายจะกลับฟื้ นขึน้ มามชี ีวิตแล้วต่อสู้กนั อกึ อรพมิ เห็นดงั น้ันก็เก็บเปลือกไม้มาเคยี้ วแล้วพ่นใส่ท้าวปาจติ ช่วยให้ฟื้ นขนึ้ มาอกี คร้ังหนึง่ ท้งั สองเกบ็ เปลือกไม้แล้วออก เดินทางต่อไป รอนแรมกนั มานานมาถึงแม่น้าจงึ ปรึกษากันเพ่ือหาวิธีข้าม เถรผ่านมา (ชาวบ้านเรียกว่า เถรเรือลอย เพราะพายเรือบณิ ฑบาตเป็ นประจา) ท้าวปาจิตทรงขอร้องให้เถรช่วยส่งข้ามฟาก เถรเห็นอรพมิ สวยจงึ คดิ จะพานาง ไปอยู่กับตน จึงบอกว่า เรือลานีข้ นึ้ ได้คร้ังละ ๒ คน ท้าวปาจิตทรงขอให้อรพิมเดินทางก่อน เถรพายเรือไปเร่ือย ๆ ท้าวปาจติ ทรงเรียกอย่างไรก็ไม่ยอมหยดุ ท้งั สองต้องพลดั พรากจากกนั อกี คร้ัง อรพิมจึงคดิ อุบายเพื่อหาทางหนีเถร
หน้า ๑๖ ท ๓๒๑๐๒ เม่ือเห็นต้นมะเดื่อต้นสูงมาก ลูกดกเตม็ ต้น ผลงามน่ากนิ จึงบอกเถรว่าอยากได้ลูกทม่ี ีผลงามน่ากิน แต่อยู่สูงลูกบนสุด เถรหลงเชื่อปี นขึน้ ไปเก็บให้ นางรีบนาหนามมาปักไว้รอบโคนต้นและอธิษฐานว่าให้เถรอยู่บนต้นมะเดื่ออย่างไปไหน เถรจงึ ตายอยู่บนต้นมะเด่ือน้ันเอง ก่อนตายแช่งให้มแี มลงหวี่มาเกดิ ในลูกมะเด่ือทุกลูก อรพมิ พายเรือหนีกลบั มาหา ท้าวปาจิตแต่ไม่พบ พระอินทร์เกิดความสงสารจึงลงมาประทานแหวน บอกนางว่า ถ้านางสวมแหวนจะกลายเป็ นชาย ถ้าถอดออกจะกลายเป็ นหญิง นางจงึ สวมแหวนแล้วออกติดตามหาท้าวปาจติ จนถงึ เมืองจัมปากนคร (ปัจจุบนั คอื เมือง จาปาศักด์ิ) ซี่งพระธิดาสิ้นพระชนม์โดยไม่ทราบสาเหตุ ชาวเมืองรักและอาลัยมาก นางจึงอาสาเพ่ือทาการรักษาโดย เคยี้ วเปลอื กไม้พ่นใส่ ช่วยทาให้พระธิดาทรงฟื้ นขนึ้ มา พระบดิ าทรงยกพระธิดาให้อภิเษกกับอรพิมในร่างชาย แต่นาง หลีกเลย่ี งขอบวชเรียนศึกษาธรรมวินัยจนมคี วามรู้แตกฉาน ชาวบ้านนับถือมากยกให้เป็ น พระสังฆราช นางได้สร้าง โบสถ์แล้วเขียนจติ รกรรมฝาผนังเล่าเรื่องระหว่างนางกับท้าวปาจิต ต้ังแต่ท้าวปาจิตทรงอาศัยอยู่กบั ยายบวั จนพลัดพราก จากกนั สั่งให้คนคอยเฝ้า คอยสังเกตว่า ใครที่ดภู าพแล้วเศร้าโศกให้รีบมาตามทันที วันหน่ึงท้าวปาจติ เสดจ็ มาพักในโบสถ์ ทอดพระเนตรภาพเขียนท่ฝี าผนังทรงเศร้าพระทยั และกันแสง คนเฝ้า โบสถ์รีบไปแจ้งสังฆราช เมื่ออรพิมพบท้าวปาจิตจงึ ถอดแหวนกลายเป็ นผู้หญงิ ท้ังสองสวมกอดกันร้องไห้แล้วบอกลา ชาวบ้าน เพ่ือเดนิ ทางกลบั นครธม พระเจ้าอทุ มุ ราชทรงจัดงานอภิเษกสมรสให้และท้าวปาจิตครองราชย์สมบตั ติ ่อจาก พระราชบิดา บางสานวนกล่าวว่า ท้าวปาจิตเสดจ็ กลบั มาครองเมืองพิมาย พระนามตามกษตั ริย์องค์เดิมว่า พระเจ้า พรหมทัตและทรงจัดงานพระศพอย่างสมพระเกยี รติ สร้างเมรุเป็ นหอสูงกลางใจเมือง ช่ือ เมรุพรหมทัต อยู่ห่างจาก ปราสาทหินพมิ ายประมาณ ๓๐๐ เมตร ( รูปสลกั หินในปรางค์พรหมทัต คอื รูปหญงิ สาวคกุ เข่าประนมมือไหว้บรุ ุษ เชื่อว่า ผู้หญงิ คอื อรพิม ส่วนบุรุษ คอื พระเจ้าพรหมทัต ) ### # ## # #### # ## # #### # ## # #
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: