วฒั นธรรมและมารยาทไทย ประโยชน์และคณุ ค่าทางวฒั นธรรม วัฒนธรรมของแตล่ ะทอ้ งถ่ินมปี ระโยชน์และมีคุณคา่ ตอ่ การดาเนนิ ชวี ติ แสดงใหเ้ หน็ ถึงความเจรญิ งอกงามท่มี ีในสงั คม เปน็ เอกลกั ษณ์ที่ปฏบิ ัติสืบทอดตอ่ กันมาทาให้เกดิ ความภาคภูมิใจ เกดิ ความเป็นระเบียบเรยี บรอ้ ยและความเป็น อนั หนึง่ อนั เดยี วกันในสงั คม 1.วฒั นธรรมไทย 1.1 ความหมายและความสาคญั ของวัฒนธรรม วัฒนธรรม หมายถงึ วถิ ีการดาเนินชวี ติ ความคดิ ความเช่ือ ค่านยิ ม จารตี ประเพณี พิธีกรรม และภูมปิ ัญญา ซึง่ กลุ่มชมและสังคมเร่วมสร้างสรรค์ สั่งสม ปลูกฝัง สืบทอด เรียนรู้ ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงให้เกิดความเจริญ งอกงาม ทงั้ ดา้ นจิตใจและวตั ถุ วฒั นธรรมไทยเปน็ เอกลักษณ์ของชาตไิ ทย ทีห่ ล่อหลอมใหค้ นไทย มคี วามสามัคคี และเป็นวิถชี ีวิตทปี่ ฏบิ ตั เิ พือ่ ให้เกิดความสงบสขุ ในสังคม 1.2 ประเภทของวฒั นธรรม วัฒนธรรมแบ่งออกเปน็ 4 ประเภท ดงั นี้ 1. คติธรรม วัฒนธรรมที่เก่ียวกับหลักการดาเนนิ ชวี ิตซงึ่ ได้มาจาก หลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา เชน่ ความมีเมตตากรุณา ความกตญั ญู กตเวที
ความส่อื สตั ย์สุจริต ความขยันหมัน่ เพียร วฒั นธรรมดา้ นคตธิ รรม ส่งผลการ ดาเนินชวี ติ ของคนในสงั คมไทย คอื ชว่ ยสร้างความสงบสขุ ให้เกดิ ขึ้นในจติ ใจ นาไปสู่การปฏบิ ตั ิตนท่ีดีงาม 2. วตั ถุธรรม เปน็ สงิ่ ประดษิ ฐท์ ่คี ดิ คน้ ขน้ึ เพอื่ นามาใชป้ ระโยชนใ์ นชีวิตประจาวัน เชน่ ท่ีอยู่อาศัย เครอื่ งมอื เครื่องใช้ เสอ้ื ผ้า เครื่องนงุ่ หม่ ยานพาหนะ 3. นติ ิธรรม เป็นสิง่ ท่กี าหนดขนึ้ เพ่ือใหส้ งั คมเกดิ ความเป็นระเบยี บ เรียบรอ้ ยมีความปลอดภยั ในชีวติ และทรัพยส์ ิน เชน่ การเคารพกฎหมาย การ ปฏิบัตติ ามกฎหมาย ระเบยี บ ข้อบังคับ 4. สหธรรม เปน็ สิ่งทแี่ สดงถึง แนวทางปฏบิ ัตใิ นการอยู่รว่ มกบั ผู้อื่น ในสงั คม เพือ่ ให้อยรู่ ว่ มกันในสงั คม ไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ เช่น จารตี ประเพณี มารยาทในสังคม 1.3 การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมตามกาลเวลาท่มี ีผลตอ่ ตนเอง และสงั คมไทย มนษุ ย์ไดม้ กี ารสรา้ งสรรค์วฒั นธรรมต่างๆ ขน้ึ เพ่ือใช้ในการดาเนิน ชวี ิต วฒั นธรรมต่างๆ จึงมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา วฒั นธรรมดัง้ เดิม ทีไ่ ม่สอดคล้องกบั การดาเนนิ ชีวิตจะถูกละเลยและปรบั ปรงุ เปล่ียนแปลงเพื่อให้ เหมาะสมและสอดคล้องกับการดาเนินชีวติ ของคนในยคุ ปัจจุบัน
ตวั อย่างการเปลี่ยนแปลงของวฒั นธรรมในด้านต่างๆ เชน่ การแต่งกาย ในอดีตผู้ชายน่งุ โจงกระเบน ไม่สวมเส้ือ ปัจจบุ ันผชู้ ายสวมกางเกงและผกู เนก็ ไท ผหู้ ญงิ นงุ่ โจงกระเบนคาดผา้ แถบ ผู้หญิงสวมกระโปรงหรือกางเกง ในโอกาสตา่ งๆ การรับประทานอาหาร ในอดตี ผู้คนรบั ประทานอาหาร ในปัจจุบันผู้คนสว่ นใหญร่ บั ประทานอาหาร โดยใช้มอื เปิบ โดยใช้ช้อมส้อม
การเปลีย่ นแปลงวัฒนธรรมตามกาลเวลามสี าเหตสุ าคญั ดังน้ี 1. ความกา้ วหน้าทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มนุษยไ์ ด้มกี ารคิดค้น ส่งิ ประดิษฐ์ใหม่ ทม่ี ปี ระโยชน์เพ่ิมมากข้นึ อยตู่ ลอดเวลา เพื่ออานวยความสะดวก ในการดาเนนิ ชีวติ เช่น การประดษิ ฐร์ ถยนต์ เพ่ือให้การเดนิ ทางสะดวกและ รวดเรว็ มากขึ้น การประดิษฐเ์ ครื่องคอมพิวเตอร์ เพือ่ ให้เกดิ ความสะดวกในการ ทางานตา่ งๆ การประดษิ ฐ์เครื่องปรับอากาศเพอ่ื ความเย็นสบาย อยา่ งไรก็ตามความก้าวหน้าทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยมี ีทงั้ ข้อดแี ละ ขอ้ เสีย เชน่ ไอเสียจากรถยนต์หรอื เคร่ืองยนต์ ทาใหเ้ กิดมลพษิ ในอากาศซึง่ เปน็ สาเหตุทที่ าใหอ้ ณุ หภมู โิ ลกเพ่ิมสงู ขึ้น และสง่ ผลกระทบต่อสง่ิ มีชวี ิตตา่ งๆบนโลก
2. การผสมผสานทางวัฒนธรรม การเปล่ียนแปลงในสังคมสว่ นใหญ่เกิด จากการรับวฒั นธรรมจากภายนอกเข้ามาในสงั คม ทาให้เกิดสง่ิ ต่างๆ ดงั นี้ การรับวัฒนธรรมภายนอก ได้แก่ การใช้ภาษาอังกฤษทับศพั ท์ เชน่ ไอศกรีม ซเู ปอร์มาร์เก็ต การปรบั ตัวให้เขา้ กบั วฒั นธรรมสมยั ใหมท่ ่ีมกี ารเปลีย่ นแปลงไป อย่างต่อเนอ่ื งตามกาลเวลา และทาใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงใน วัฒนธรรมดัง้ เดิม การผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรม เกดิ จากประชาชนทมี่ วี ฒั นธรรม ตา่ งกนั มกี ารแลกเปลย่ี นวฒั นธรรมอย่างตอ่ เน่อื ง และทาใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงจนกลายเป็นวฒั นธรรมใหมข่ ้นึ มา 1.4 แนวทางการธารงรักษาวฒั นธรรมไทย วฒั นธรรมอนั ดงี ามของชาตไิ ทยเป็นส่งิ ท่ีสงั่ สมและสบื ทอดต่อกนั มา จนกลายเป็นเอกลกั ษณ์ ดงั นนั้ การอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมจงึ เป็นสง่ิ ที่มีความจาเปน็ อย่างยิง่ แนวทางการธารงรกั ษาวฒั นธรรมไทย มีดังน้ี 1. ส่งเสรมิ การแลกเปล่ยี นวัฒนธรรมระหว่างชุมชนตา่ งๆ เพ่อื สร้าง ความสมั พันธท์ ่ีดรี ะหว่างกันและกนั 2. รณรงค์เพือ่ สรา้ งความรู้และความเข้าใจให้แก่ประชาชนว่า วฒั นธรรมไทยเปน็ สมบตั ขิ องคนไทยทุกคนทีต่ อ้ งชว่ ยกนั อนุรักษ์ให้คงอย่สู บื ไป 3. สง่ เสริมและสนับสนนุ สือ่ มวลชนใหม้ บี ทบาทในการเผยแพร่ วฒั นธรรมให้มากยิ่งขึน้ 4. สง่ เสรมิ และสรา้ งปราชญ์ชาวบ้าน เพอื่ ใหโ้ อกาสในการแสดง ความรู้ความสามารถดา้ นภมู ปิ ัญญาไทยอย่างเตม็ ที่ มีการยกย่องประกาศ เกยี รติคณุ ในลักษณะต่างๆ
5. สง่ เสรมิ และสนับสนนุ ใหเ้ กดิ เครือขา่ ยวัฒนธรรมทอ้ งถิ่นเพอื่ สบื ทอดมรดกและพัฒนาภมู ปญั ญาของชาวบ้านทม่ี อี ยใู่ นท้องถนิ่ ตา่ งๆ พรอ้ มทงั้ จดั กจิ กรรมทางวัฒนธรรมไทยอยา่ งตอ่ เนอื่ ง 6. รวบรวมวัฒนธรรมท้องถน่ิ ให้มาอยูใ่ นแหล่งเดยี วกนั ซงึ่ จะเป็น ประโยชนต์ อ่ การศกึ ษาวฒั นธรรมท้องถน่ิ ประชาชนจะได้เหน็ คณุ คา่ และ ความสาคญั ของวฒั นธรรมท้องถิ่น ซ่ึงจะทาให้เกิดความภาคภูมใิ จ และรว่ มกนั รักษาเอกลักษณ์ทางวฒั นธรรมของทอ้ งถน่ิ วฒั นธรรมฟอ้ นเลบ็ ภาคเหนือ วฒั นธรรมเซงิ้ บัง้ ไฟ ภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ วฒั นธรรมราเกยี่ วข้าว วัฒนธรรมรามโนรา ภาคใต้ ภาคกลาง
2. มารยาทไทย 2.1 ความหมายและความสาคัญของมารยาทไทย มารยาท หมายถงึ กิริยา วาจาที่สภุ าพเรยี บรอ้ ย ทบ่ี คุ คล พงึ ปฏบิ ัติ ในสงั คม โดยมีระเบยี บแบบแผน อนั เหมาะสมตามกาลเทศะ มารยาทไทยครอบคลมุ ถึง กริ ยิ า วาจา ต่างๆ เช่น การยนื การเดิน การนัง่ การนอน การรับของส่งของ การทาความเคารพ การแสดงกิรยิ าอาการ การรับประทานอาหาร การใหแ้ ละรบั บรกิ าร การทกั ทาย การสนทนา การใช้ คาพดู การฟงั การใชเ้ ครอื่ งมือสอ่ื สารต่างๆ ความสาคญั ของมารยาท การมีมารยาทเป็นเรอื่ งสาคัญของมนษุ ยท์ ี่ อยู่รว่ มในสังคมเดยี วกนั เป็นการแสดงความเคารพใหเ้ กยี รตกิ นั คนไทย ในปัจจบนั มกั เรยี กตนเองว่า เป็นคนยคุ ใหม่ และชอบทาอะไรแบบงา่ ยๆ ถอื เอา ความสะดวกสบายเป็นหลักพฤตกิ รรมท่ีแสดงออกมาในบางคร้ังจึงกลายเป็นคนไร้ มารยาทไปโดยไมต่ ้ังใจ การเรยี นรมู้ ารยาทในสงั คมจึงยังเปน็ สิง่ สาคญั ตอ่ เยาวชน ไทยเปน็ อยา่ งยิ่ง มารยาทเปน็ เอกลักษณ์ของคนไทย เป็นวฒั นธรรมทปี่ ฏบิ ตั สิ บื ทอดตอ่ กันมา การปฏบิ ตั ิตนตามมารยาทไทยสง่ ผลให้สงั คมเกิดความสงบสขุ และมีความ เปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ย 2.2 มารยาทของสังคมไทย มารยาทไทยเป็นสิง่ ดงี ามท่ปี ฏิบัติสบื ทอดต่อกนั มาตง้ั แตอ่ ดีต จนถงึ ปจั จับัน การแสดงมารยาทไทยใหเ้ หมาะสมกับกาลเทศะถือเปน็ ส่ิงที่มี ความสาคญั ทงั้ นี้ นอกจากจะทาให้มารยาทไทยยงั คงดารงอยตู่ อ่ ไปแลว้ ยงั ทาให้ ต่างชาติได้เหน็ ถึงความเปน็ ชาติท่ีมวี ัฒนธรรมอกี ด้วย มารยาทไทยที่สาคัญ ไดแ้ ก่ 1. การแสดงความเคารพ การแสดงความเคารพมีหลายลักษณะ เชน่ การกราบ การไหว้ การโคง้ คานบั การแสดงความเคารพจะแตกตา่ งกันไป
ขึ้นอยกู่ ับผ้ทู ่ีจะรับการเคารพดว้ ยวา่ อยใู่ นฐานะใด และอยใู่ นโอกาสใด จึงจะแสดง ความเคารพให้เหมาะสม (1) การแสดงความเคารพพระรตั นตรยั ปฏบิ ตั ิโดยการไหว้ หรือกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ตามความเหมาะสมของสถานท่ี การไหว้ คอื การกระพมุ่ มือให้ปลายน้ิวมือทั้งสองข้าง ชดิ กัน ฝา่ มือทั้งสองประกบกันแนบระหวา่ งอก ไม่กางศอก แล้วยกมือข้นึ พร้อมกับ คอ้ มศรีษะลงให้หวั แมม่ ือจรดระหวา่ งควิ้ ปลายน้ิวชี้แนบสว่ นบนของหนา้ ผาก การกราบแบบแบญจางคประดิษฐ์ คือ การใชอ้ วั ยวะ ทง้ั 5 ไดแ้ ก่ หน้าผาก มอื และขอ้ ศอกท้งั 2 และเข่าท้ัง 2 สมั ผัสกบั พื้น มี 3 จังหวะ ดังน้ี จงั หวะที่ 1 เรียกว่า อญั ชลี ยกมือขึ้นทา่ ประนมมือ จังหวะท่ี 2 เรียกว่า วนั ทา ยกมือขน้ึ ไหว้ นว้ิ หัวแม่มอื จรดระหว่างควิ้ ปลาย นิ้วช้ีแนบส่วนบนของหน้าผาก จังหวะท่ี 3 เรียกวา่ อภวิ าท ทอดมอื ทั้งสองลงพรอ้ มๆ กัน ให้มือและแขน ท้งั สองข้างราบกบั พ้ืน ควา่ มอื หา่ งกันเล็กนอ้ ย พอใหห้ นา้ ผาก จรดพน้ื ระหว่างมอื ทง้ั สอง
(2) การแสดงความเคารพตอ่ บคุ คล ปฏิบตั ิดงั นี้ การไหวผ้ มู้ ีพระคณุ และผูใ้ หญท่ ่ีเคารพนับถอื ได้แก่ พอ่ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ครู อาจารย์ และผู้ทีเ่ คารพนับถอื ให้ประนมมอื แล้วยกขึ้น พรอ้ มกบั ค้อมศรษี ะลง ให้นิว้ หัวแม่มือจรดปลายจมูกปลายนิ้วชี้แนบระหวา่ งคว้ิ การไหวบ้ คุ คลทั่วไปทีเ่ คารพนบั ถือหรือผู้ท่ีมีอายุ มากกวา่ เล็กนอ้ ย ใหป้ ระนมมอื แลว้ ยกขนึ้ พร้อมกับคอ้ มศรีษะลง ให้น้วิ แม่มอื จรด ปลายคางปลายนิ้วชีแ้ นบปลายจมูก การกราบผู้มีพระคุณและผใู้ หญท่ ่เี คารพนับถอื ผู้ กราบท้งั ชายและหญงิ ให้นง่ั พับเพยี บทอดทือสองขา้ งลงพร้อมกัน มอื ประนมตงั้ กบั พ้ืน คอ้ มตัวลงใหห้ นา้ ผากแตะสว่ นบนของมือทีป่ ระนม กราบเพียง 1 คร้ัง ไม่ต้องแบมือ 2. การยนื (1) การยนื เคารพธงชาติและเพลงชาติ ให้ยืนตรงแสดงความ เคารพโดยหนั หน้าไปทางธงชาติ เมอื่ เพลงจบให้คอ้ มศรีษะคานับ (2) การยืนสนทนากบั ผู้ใหญ่ ใหย้ ืนตรง เท้าชิด ประสานมอื กนั อย่ตู ่ากวา่ ระดับเอว ค้อมตัวเล็กน้อย ไมค่ วรยืนชิดหรอื ห่างผู้ใหญจ่ นเกินไป (3) การยนื เข้าแถวคอย ใหเ้ ข้าแถวอบ่างเป็นระเบียบ และ เรยี งตามลาดบั ก่อน-หลงั 3. การเดนิ (1) การเดินผา่ นผู้ใหญ่ ขณะผูใ้ หญย่ ืนใหเ้ ดนิ ผ่านระยะหา่ งพอสมควรใน ลักษณะสารวม ปล่อยมือไว้ขา้ งลาตัว แลว้ คอ้ มตวั เมื่อใกล้ถึงผูใ้ หญ่ ขณะผู้ใหญน่ ่ังเกา้ อ้ี ใหเ้ ดินผ่านระยะหา่ งพอสมควร ในลกั ษณะสารวม ปล่อยมือไว้ข้างลาตวั แล้วคอ้ มตวั พร้อมกบั ยอ่ เขา่ เม่ือใกลถ้ ึง ผูใ้ หญ่
ขณะผใู้ หญน่ ั่งหรอื นอนกบั พื้น ใหเ้ ดนิ ผ่านระยะห่าง พอสมควรในลักษณะสารวม เมอื่ ใกล้ถึงผู้ใหญใ่ หเ้ ดนิ เขา่ เมื่อผ่านไปแลว้ จงึ ลุก ข้นึ เดิน (2) การเดนิ ทัว่ ไป คือการด้วยกริ ิยาทส่ี ุภาพ เรยี บร้อยสารวม ไม่เดินเสยี งดงั หรอื กอ่ ให้เกดิ ความราคาญแกผ่ อู้ น่ื 4. การน่ัง (1) การนง่ั เก้าอตี้ ่อหน้าผู้ใหญ่ ใหน้ งั่ ตัวตรง สารวมกิริยา มอื ทั้ง สองข้างประสานกนั วางบนหนา้ ขา (2) การนงั่ พับเพียบต่อหนา้ ผใู้ หญ่ มือท้งั สองข้างประสานกัน วางไว้บนหนา้ ขา และเก็บปลายเท้าโดยเบนปลายเท้าเข้าหาสะโพก 5. การรับของ สง่ ของ (1) การประเคนส่งิ ของแด่พระภิกษุและการรบั สิ่งของจาก พระภิกษุ การประเคนสิ่งของแด่พระภิกษุ ถา้ เปน็ สง่ิ ของทีย่ กได้ ใหใ้ ช้สองมอื ยก แล้วประเคนในระยะหตั ถบาส (ระยะหา่ งไม่เกนิ 1 ศอก) ถา้ เป็น ผู้ชายประเคนในลักษณะมือต่อมอื สว่ นผู้หญิงตอ้ งวางของบนผา้ ท่ีพระภกิ ษุ ทอดรับ จากนนั้ จึงกราบและเดินเข่าถอยหลงั ออกมา การรบั สิง่ ของจากพระภิกษุ ใหเ้ ขา้ ใกล้ในระยะ พอประมาณ แลว้ แสดงความเคารพ ผู้ชายให้ย่นื มือรบั สง่ิ ของ ผหู้ ญิงให้เอ้อื ม มอื ขวารบั ของที่พระภิกษุวางไว้ตรงหน้าดว้ ยการสารวม (2) การส่งของใหผ้ ้ใู หญ่ การรับของจากผ้ใู หญ่ การรับของจากผู้ใหญ่ ควรแสดงความเคารพทุกครงั้ กอ่ นรบั ของ ถ้าเปน็ ของเบาให้ยน่ื มอื ขวารับ มอื ซา้ ยแนบลาตัว ถ้าเปน็ ของหนกั ยื่น มอื ทั้งสองขา้ งออกรับ
การสง่ ของให้ผใู้ หญ่ ถา้ เปน็ ของเบาใหย้ ืน่ สิ่งของดว้ ย มือขวาใหท้ า่ นดว้ ยความสารวม ถ้าเปน็ ของหนกั ยกยน่ื ใหด้ ้วยมอื ท้ังสองขา้ งแล้ว ถอยกลับมาพอประมาณ ถา้ เปน็ งานพิธใี หท้ าความเคารพกอ่ นกลบั ไปประจาที่ 7. การรับประทานอาหาร (1) ถา้ น่ังบนเก้าอ้ใี ห้นงั่ ตัวตรง ไมเ่ ทา้ ศอกบนโต๊ะอาหาร ถา้ น่ัง กับพื้น ผหุ้ ญงิ นั่งพบั เพียบ ผู้ชายนงั่ ทา่ ถนัดท่สี ภุ าพ ตัวตรง ไม่เท้าแขนกับพืน้ (2) ถา้ มผี ใู้ หญร่ ว่ มรับประทานอาหารใหน้ ัง่ รอทา่ นก่อน และให้ ท่านเริ่มรับประทานกอ่ นจึงรับประทานตาม (3) การรบั ประทานอาหารร่วมโต๊ะใหใ้ ช้ชอ้ นกลาง ไม่ควรหยบิ สงิ่ ของข้ามหน้าผู้อืน่ ควรใหผ้ ู้อยู่ใกลห้ ยิบให้และกล่าวขอบคุณ (4) รบั ประทานอาหารดว้ ยอาการทส่ี ุภาพ ไม่มมู มาม ไม่เคยี้ ว เสยี งดงั และไม่พูดคุยขณะอาหารยังอยูใ่ นปาก (5) เมอื่ รับประทานอาหารเสรจ้ ใหร้ วบชอ้ นส้อม ไม่แสดงอาการ อ่มิ โดยผลักจานออกจากตัว ถ้ารบั ประทานท่โี รงเรียน ควรนาภาชนะไปเกบ็ ไว้ บริเวณท่กี าหนด รวบรวมเศษอาหารทง้ิ ถังขยะ ทาความสะอาดโตะ๊ เกา้ อ้ี ให้ เรียบร้อย 8. การแสดงกิริยามารยาท (1) การทกั ทาย มารยาทของสงั คมไทยทกั ทายกันดว้ ยการ แสดงความเคารพ เช่น การยกมอื ไหว้ผู้อาวุโส และกลา่ วคาว่า สวัสดี (2) การสนทนา ใชถ้ ้อยคาที่สภุ าพเรียบร้อย ไมค่ วรสนทนา ดว้ ยถ้อยคาท่ีดงั เกนิ ไป เพราะอาจรบกวนบคุ คลอ่ืนได้ ใช้คาทีแ่ สดงความเคารพตอ่ กนั และควรมคี าลงท้าย เช่น “ครบั ” “คะ่ ” (3) การใชค้ าพดู ควรใชใ้ ห้เหมาะสมกบั กาลเทศะ ดงั น้ี การใชค้ าพดู สนทนาและคาสรรพนามกบั พระภิกษใุ ห้ เหมาะสมกบั สมณศักดิแ์ ละวัยวุฒขิ องท่าน เชน่ หลวงตา หลวงพ่อ หลวงพ่ี และใช้ คาพูดเรยี กตนเองดว้ ยคาสุภาพ เช่น กระผม ดิฉัน หนู
การใช้คาพดู กบั ผใู้ หญ่และผทู้ ่เี คารพนับถอื ควรมคี า นาหน้านามแทนทา่ นเสมอ เช่น คณุ พอ่ คุณแม่ คุณครู ซ่ึงเปน็ การให้เกยี รติและ แสดงความเคารพท่าน และใช้ถอ้ ยคาสภุ าพเรยี กตวั เอง เช่น กระผม ผม ฉัน ดฉิ นั หนู การใชถ้ อ้ ยคากับเพอ่ื น พดู จาดว้ ยถ้อยคาสุภาพตอ่ กัน ไม่ใชถ้ ้อยคาทีห่ ยาบคายตอ่ กนั มารยาทไทยเปน็ เอกลกั ษณท์ ี่สาคัญของไทย ควรค่าแก่การอนุรักษ์และสบื ทอดให้คงอยู่สบื ต่อไป สรุปสาระสาคญั วัฒนธรรม เปน็ สิ่งท่แี สดงถึงความเจรญิ งอกงามทีถ่ า่ นทอดสบื ต่อ กนั มาจนเป็นเอกลักษณข์ องชาติ หล่อหลอมให้คนไทยมคี วามสามคั คีกนั ทงั้ วฒั นธรรมด้านวตั ถแุ ละวัฒนธรรมด้านจติ ใจ โดยวัฒนธรรมมี การเปลยี่ นแปลง อยูต่ ลอดเวลา เพ่อื ให้เหมาะสมกับยคุ สมยั มารยาทไทย เปน็ ระเบียบแบบแผนอันเหมาะสมตามกาลเทศะ มารยาทไทยที่สาคญั ได้แก้ การแสดงความเคารพโดยการกราบ การไหว้ การยืน เดิน นั่ง การรบั ของ ส่งของ การรับประทานอาหาร การแสดงกิรยิ ามารยาทใน การพูด การแสดงกริ ิยาอาการที่สุภาพเรียบรอ้ ย
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: