ไขมนั ในอาหารมี 3 ประเภท คือ 1.กรดไขมนั อมิ่ ตัว ( Saturated Fatty Acid ) เป็นกรดไขมนั ชนิดร้าย พบในน้ามนั สัตวแ์ ละพชื เช่น น้ามนั มะพร้าว น้ามนั ปาลม์ กะทิ ขอ้ เสีย : ของไขมนั อ่ิมตวั คือ มนั จะเขา้ ไปขดั ขวางการใชc้ holesterol ของเซลล์ ท าให้ cholesterol ไมถ่ ูก น้าไปใชจ้ ึงคงอยใู่ นกระแสเลือดในระดบั สูง 2. กรดไขมันไม่อมิ่ ตวั ชนิดโมโน ( Monounsaturated Fatty Acid ) เป็นกรดไขมนั ชนิดดี ไม่เพิม่ โคเลสเตอรอลในเลือด เช่น กรดโอเลอิค ที่พบในน้ามนั มะกอก พบปานกลางในน้ามนั ถว่ั เหลือง น้ามนั ขา้ วโพด น้ามนั ดอกทานตะวนั ร่างกายสามารถสร้างได้ 3. กรดไขมันไม่จบั ตัวชนดิ โพลี่ ( Polyunsaturated Fatty Acid ) เป็นกรดไขมนั ชนิดดีปานกลาง จะ ช่วยลดระดบั โคเลสเตอรอลในเลือดลงไดบ้ า้ ง เช่น กรดไลโนเลอิค มีมากในน ้้ามนั ดอกค าฝอย ขา้ วโพด ถวั่ เหลือง และ EPA , DHA ซ่ึงจะพบมากในปลาทะเลลึก ร่างกายไมส่ ามารถสร้างเองได้ ไขมนั ทรานส์ ( trans – fatty acid ) เป็นไขมนั ท่ีไดจ้ าก hydrogenation ของ Polyunsaturated Fatty Acid ดว้ ยความร้อน เพื่อใหไ้ ดไ้ ขมนั แขง็ ท่ีอณุ หภูมิหอ้ ง พบในเนยแขง็ มาการีน และขนมเบเกอร่ี ตา่ งๆ เช่น เคก้ คกุ ก้ี และไอศกรีม สาเหตุ ภาวะไขมนั ในเลือดสูงเป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณโคเลสเตอรอล หรือ ไตรกลีเซอไรด์สูง อาจมี สาเหตมุ าจากอาหาร หรือความผิดปกติของยนี ที่ควบคุมเมตาบอลิซึมของไขมนั ในร่างกาย -มีการสร้าง LDL มาก -มีการจากดั LDL นอ้ ยหรือชา้ -มีการสร้าง VLDL / chyromicron มากหรือ กาจดั นอ้ ย
อาการที่พบไดใ้ นคนที่มีไตรกลีเซอไรดส์ ูง ภาวะแทรกซ้อนของ ภาวะไขมนั ในเลือดสูง -Atherosclerosis -Heart disease(Angina,Heart attack) -Stroke -ผดิ ปกติในการมองเห็น -Kidney damage -ตบั แขง็ ตบั วาย โภชนบาบดั ไขมนั ในเลือดสูง 1. ลดการรับประทานอาหารไขมนั อิ่มตวั สูง เช่น น้ามนั หมู หมูสามช้นั เนย ครีม น้ามนั มะพร้าว น้ามนั ปาลม์ อาหารที่ทาจากกะทิเพราะกรดไขมนั อ่ิมตวั ส่วนใหญ่ ทาใหร้ ะดบั โคเลสเตอรอลในเลือด สูงข้นึ 2. รับประทานไขมนั ไมอ่ ิ่มตวั ในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น ใชน้ ้ามนั พืช , เนย-เทียมในการประกอบ อาหาร แทนน้ามนั จากสตั วเ์ พราะน้ามนั พืชที่สกดั จากเมลด็ พืช จะมีกรดไลโนเลอิค ท่ีเป็นตวั นา
โคเลสเตอรอลไปเผาผลาญ สูงกวา่ น้ามนั ที่สกดั จากเน้ือพชื ซ่ึงน้ามนั พชื ที่ดี คอื น้ามนั มะกอก รองลงมาคอื น้ามนั ถว่ั เหลือง และน้ามนั ขา้ วโพด 3. จากดั ปริมาณอาหาร ที่มีโคเลสเตอรอลสูง ไมค่ วรรับประทานโคเลสเตอรอลเกิน 300 มิลลิกรัม ต่อวนั โดยปฏิบตั ิดงั น้ี •จากดั ไข่แดงไม่เกินสัปดาห์ละ 2 ฟอง หลีกเลี่ยงเครื่องในสตั วเ์ น้ือสตั วต์ ิดมนั ให้รับประทานเน้ือปลา และไก่ • เลือกรับประทานเน้ือสัตวไ์ มต่ ิดหนงั และมนั • เลือกรับประทานเตา้ หูแ้ ทนเน้ือสัตวใ์ นบางคร้ัง • เลือกรับประทานอาหารประเภท ตม้ น่ึง ยา่ ง อบ ย า แทนอาหารทอด หรือ อาหารผดั ท่ีใชน้ ้ามนั มากๆ • เลือกด่ืมนม หรือ ผลิตภณั ฑจ์ ากนมพร่องมนั เนย หรือนมขาดไขมนั เท่าน้นั หรือเลือกดื่มน้าเตา้ หูแ้ ทน เลี่ยงการรับประทานกะทิ 4. รับประทานอาหาร ท่ีมีเส้นใยอาหารใหม้ ากข้ึน เช่น ผกั ผลไมต้ า่ งๆ ขา้ วซอ้ มมือ และเมลด็ ถว่ั แหง้ เป็นตน้ โดยอาหารที่มีเส้นใยสูง จะช่วยลดระดบั โคเลสเตอรอล โดยจบั กบั น้าดีท่ีมีโคเลสเตอรอล สูง ทาใหก้ ารดูดซึมลดลง 5. หลีกเลี่ยงน้าหวาน ขนมหวานทุกชนิด ที่มีน ้้าตาลหรือแป้ งมาก รับประทานขา้ วก๋วยเตี๋ยว ขนม ปังแตพ่ อสมควร เพราะจะสะสมเกิดเป็น ไขมนั ไตรกลีเซอไรดไ์ ด้ 6. หลีกเลี่ยงเคร่ืองด่ืมที่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากกระตนุ้ ใหม้ ีการสร้างไตรกลีเซอไรด์ มากข้ึน 7. ควรหลีกเล่ียงอาหารบางอยา่ ง ท่ีมีโคเลสเตอรอลต่าหรือไมส่ ูงมาก แตม่ ีปริมาณไขมนั จานวนมาก ซ่ึงจะเปลี่ยนเป็นโคเลสเตอรอล ในร่างกาย เช่น ถวั่ หนงั เป็ด,ไก่ เนย เป็นตน้ ซ่ึงมีไขมนั ถึง 60-70% 8. ไขมนั จากปลาทะเล สามารถลดระดบั ไตรกลีเซอไรด์ ทาใหเ้ กลด็ เลือดจบั ตวั นอ้ ยลง และเสน้ เลือดบีบตวั นอ้ ยลง แตม่ ีผลต่อโคเลสเตอรอล และเอช็ ดีแอล โคเลสเตอรอลไมช่ ดั เจน 9. ควรลดน้าหนกั ตวั ถา้ อว้ นหรือมีน้าหนกั ตวั เกิน
Cardiovascular disease เป็นกลุ่มโรคที่เกิดกบั ระบบหวั ใจและหลอดเลือด ปัจจยั ที่มีความเสี่ยง Management of CHD ๏ ยา ๏ ปรับเปลี่ยนวธิ ีการใชช้ ีวิต -อาหาร -ออกกาลงั กาย -รับมือกบั ความเครียด -เลิกดื่ม และ เลิกสูบบุหรี่ -จดั การน้าหนกั ๏ การผา่ ตดั
โภชนบาบดั โรคหวั ใจและหลอดเลือด 1. ควรรับประทานผกั ท่ีมีเบตา้ แคโรทีน เช่น ใบยอ ชะพลู ยา่ นาง ต าลึง บวั บก ใบแมงลกั ยอดแค กระเพรา ข้ีเหลก็ ฟักทอง มีสารแอนติออกซิแดนทไ์ มใ่ ห้ LDL – C ถกู oxidized เป็นสารพิษท่ีทาให้ หลอดเลือดมีปัญหา 2. ควรรับประทานผกั และผลไมท้ ี่มีวิตามินซีสูง ผกั ท่ีมีวติ ามินซีสูง ไดแ้ ก่ มะเขอื เทศ ถวั่ งอก ผกั วี ตน้ หอม กะหล่าปลี ใบบวั บก ผกั บุง้ ถว่ั ฝักยาว ผลไมท้ ี่มีวติ ามินซีสูง ไดแ้ ก่ ส้มทกุ ชนิด ฝร่ัง มะละกอ สับปะรด มะกอก มะดนั มะม่วงดิบ เป็นตน้ 3. ควรรับประทานปลาทะเล สัปดาหล์ ะ 2 – 3 คร้ัง (50 กรัมตอ่ ครั ้้ง ) เพราะมี โอเมกา้ 3 สูง แต่ อาจจะรับประทานปลาน้าจืดซ่ึงมี โอเมกา้ 3 เช่น ปลาช่อน ปลาดุก ปลานิล ปลาสวาย 4. อาหารท่ีมีวติ ามินอี เช่น น้ามนั ถว่ั เหลือง น้ามนั ขา้ วโพด ถว่ั เมลด็ แหง้ ทกุ ชนิด ขา้ วกลอ้ ง 5. อาหารรสไมเ่ คม็ ไขมนั ต่า ใชว้ ธิ ีการปรุงโดย ตม้ อบ น่ึง ยา่ ง 6. รับประทานผลิตภณั ฑข์ า้ วและธญั พืช ไมข่ ดั สีทกุ วนั เช่น ขา้ วซอ้ มมือ ขนมปังโฮลวีต ขา้ วโอ๊ต ลูกเดือย 7. รับประทานนมขาดหรือพร่องมนั เนย 8. ควบคุมปริมาณอาหารท่ีรับประทานแตล่ ะม้ือโดยเฉพาะเน้ือสตั วไ์ ม่เกินวนั ละ 200 กรัม 9. ไม่ควรรับประทานอาหารท่ีมี โคเลสเตอรอลสูงเกิน วนั ละ 300 มิลลิกรัม 10. รับประทานกระเทียมสดวนั ละ ½ -1 หวั โดยเค้ียวใหล้ ะเอียด คาแนะนาการบริโภคอาหารเพอ่ื ป้องกนั โรคหวั ใจขาดเลือด American Heart Association ( AHA) ไดเ้ สนอแนวทางการบริโภคอาหารและการปฏิบตั ิตวั เพื่อใหม้ ี สุขภาพดี และลดความเสี่ยงต่อโรคหวั ใจและหลอดเลือดสาหรับผใู้ หญ่และเดก็ ปกติอายมุ ากกว่า 2 ปี ดงั น้ี 1. บริโภคอาหารท่ีดีต่อสุขภาพ คอื อาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมคู่ วรหลากหลายเพ่อื ใหไ้ ดส้ ารอาหาร ครบถว้ น ไดแ้ ก่ ผกั ผลไม้ ธญั พชื ท้งั เมลด็ นมไขมนั ต่า ปลา ถว่ั และเน้ือสัตวไ์ ม่ติดมนั 2. มีน้าหนกั ตวั ท่ีเหมาะสม โดยรับประทานอาหารพอเหมาะ มีพลงั งานสมดุลกบั ความตอ้ งการของ ร่างกายและออกกาลงั กายสมา่ เสมอ
3. มีระดบั โคเลสเตอรอลและไขมนั ในเลือดที่พึงปรารถนา โดยจากดั อาหารท่ีมีไขมนั อ่ิมตวั ไข มนั ทรานส์ และโคเลสเตอรอลสูง ทดแทนดว้ ยไขมนั ไมอ่ ิ่มตวั จากพชื ปลา ถว่ั และเมลด็ ธญั พืช อาหารท่ี บริโภคไมค่ วรมีไขมนั เกิน30 % ของพลงั งานท้งั หมด โดยเป็นไขมนั อ่ิมตวั ไมเ่ กิน 10 % monounsaturated fatty acid อยา่ งนอ้ ย 10 % ,polyunsaturated fatty acid ไม่เกิน 10 %และโคเลสเตอรอล ไมเ่ กิน 300 มิลลิกรัมต่อวนั 4. มีความดนั โลหิตที่พงึ ปรารถนาโดยจ ากดั เกลือ ไม่เกินวนั ละ 6 กรัม จากดั เคร่ืองดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ควบคมุ น้าหนกั และบริโภคอาหารท่ีเหมาะสม
มะเร็ง Cancer ระยะของโรคแบบ 0, I, I, II, V เกิดจากการนาระยะ TNM มาจดั ระยะท่ี หมายถึง ระยะ 0 มะเร็งระยะตน้ ๆ (Carcinoma in situ) ที่อยบู่ นช้นั ระยะ | ระยะ | ระยะ Ill ของเซลลป์ กติยงั ไมแ่ ทรกเขา้ ไปในเน้ือเยอื่ ปกติ ขนาดตา่ ง ๆ กนั ของกอ้ นจากเลก็ ไปใหญจ่ านวน ระยะ IV ตอ่ มน้าเหลืองและตาแหน่งต่อมน้าเหลืองท่ีแพร่ไป แพร่กระจายไปยงั อวยั วะอ่ืน การแบ่งระยะของโรค การลกุ ลามและความรุนแรง ขนาดของก้อน (Primary Tumor) (T) Tx ไม่สามารถประเมินกอ้ นได้ To ไม่มีหลกั ฐานของกอ้ น Tis มะเร็งระยะตน้ ๆ ท่ีอยบู่ นช้นั ของเซลลป์ กติยงั ไม่แทรกเขา้ ไปในเน้ือเยอื่ ปกติ T1,2,3,4 ขนาดตา่ งๆกนั ของกอ้ นจากเลก็ ไปใหญ่ ต่อมน้าเหลือง (Regional Lymph nodes) Nx ไม่สามารถประเมินต่อมน้าเหลืองได้ No ไม่พบมะเร็งในตอ่ มน้าเหลือง N1,2,3 มะเร็งเขา้ ไปในต่อมน้าเหลือง (จานวนตอ่ มและตาแหน่งต่อมท่ีแพร่ไป) การแพร่กระจายไปอวยั วะอ่ืน (Distant Metastasis) (M) MX ไม่สามารถประเมินการแพร่กระจายได้ MO ไมพ่ บการแพร่กระจายไปยงั อวยั วะอื่น M1 แพร่กระจายไปยงั อวยั วะอื่น ตวั อยา่ งมะเร็งเตา้ นมระยะ T3N2MO หมายถึงมะเร็งกอ้ นใหญท่ ี่มีการลกุ ลามเขา้ ต่อมน้าเหลือง แต่ ยงั ไม่มีการแพร่กระจายไปยงั อวยั วะอื่นของร่างกาย
ปัจจัยท่ีส่งผลต่อ Malnutrition โรค : TMN , ระยะของโรค , ความเจบ็ ปวด การรักษา : Surgery , Chemotherapy , Radiotherapy , Hormone therapy , Immunotherapy ผปู้ ่ วย : Age , Genetic phenotypic , BMI , Food sensory , Serum albumin , ปัจจยั ดา้ นจิตใจ ผลท่ีเกดิ จาก Treatment -Poor appetite -Constipation -Nausea / Vomiting -Swallowing difficulty -การรับกล่ินและรสแยล่ ง -Early satiety -Depression -Mucositis / Enteritis - Diarrhea หลกั ให้โภชนบาบดั ผ้ปู ่ วยมะเร็ง -Energy: 25-35 kcal / kg / d, Protein:> 1.0-1.5 g / kg / d -Radiotherapy, Head & neck CA -Energy: 30 kcal / kg / d, Protein: 1.2 g / kg / d -Fat: 35-50% ของพลงั งานท้งั หมดท่ีควรไดร้ ับในผปู้ ่ วยท่ีน้าหนกั ลดลงกบั มะเร็งที่ร้ายแรง Refeeding syndrome -Energy: 10 kcal / kg / d -Extreme risk 5 kcal / kg / d (BMI <14 kg / m2, ไดร้ ับอาหารนอ้ ยหรือไม่ไดร้ ับ> 15 d) -Enteral thiamine 200-300 mg ทกุ วนั ใน 10 วนั หรือ> 250 mg IV Thiamine daily lu 3 วนั และ general micronutrient supplement - ติดตาม Electrolyte (PO, K, Mg) และ ECG (คล่ืนหวั ใจ)
Cancer cachexia Energy: 29 kcal / kg / d, Protein: 1.4 g / kg / d พจิ ารณาเสริม •BCAA: เป็นสปก. โปรตีนท่ีมีคณุ ภาพดีในเน้ือสตั วก์ ลา้ มเน้ือนม ไดแ้ ก่ กรดอะมิโนท่ีจาเป็น 3 ชนิด: Leucine, isoleucine, valine •Omega 3 fatty acid: -Dietary supplement (fish oil): EPA 0.26-6.0 g / d -Medical food supplement: EPA 1.1-2.2 g / d พจิ ารณาอาหารเสริม หาก Oral diet <60% มากกวา่ 10 d = Enteral Oral diet & Enteral <60% มากกวา่ 10 d = PN การผ่าตัด surgery CHO loading ก่อนการผา่ ตดั : CHO 12.6g / 100ml 2 แกว้ (2 * 240) ระหวา่ ง 8-12 hr และ 1 แกว้ ใน 2 hr ก่อนผา่ ตดั (formoderately & severely malnourished pt. เวน้ DM pt. & well nourished)
Monitoring & Evaluation - ติดตามการให้ nutrition intervention - ควร M & E ผลเทียบกบั ความตอ้ งการของแตล่ ะบคุ คลใหส้ มั พนั ธก์ บั การ nutrition diagnosis & intervention Head & Neck CA ทุกๆ 2 สัปดาหอ์ ยา่ งนอ้ ย 6 W หลงั รักษา Radiotherapy: ทุกๆสปั ดาห์ Radiotherapy & Chemotherapy: wt, dietary intake nutrition status during & after treatment Survivor / ผรู้ อดชีวิตแลว้ : ดูแลเรื่องอาหาร, ออกกาลงั กาย •Weight loss> 10% ใน 6 เดือน •ก่อนการรักษา: กลืนลาบาก •Regularly: nutrition status stable หลงั รักษา
HIV/AIDS โรคเอดส์(AIDS หรือ Acquired Immune Dificiency Syndromes) คือ โรคที่ทาให้ภมู ิคุม้ กนั ของ ร่างกายบกพร้องจนไม่สามารถตอ่ สูเ้ ช้ือโรค หรือสิ่งแปลกปลอมตา่ งๆ ท่ีเขา้ สู่ร่างกาย ทาใหเ้ กิดโรค ต่างๆที่เป็นอนั ตรายถึงแก่ชีวิตไดง้ ่ายกวา่ คนปกติ A = Acquried หมายถึง สภาวะที่เกิดข้นึ มาภชภายหลงั ไม่ไดม้ ีมาแตก่ าเนิด I = Immune หมายถึง ส่วนท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ระบบภูมิคมุ้ กนั หรือภูมิตา้ ทานของร่างกาย D = Deficiency หมายถึง ความเสื่อมลง S = Syndrome หมายถึง กลุ่มอาการ หรืออาการหลายๆอยา่ งไมเ่ ฉพาะระบบใดระบบหน่ึง HIV ทาเกดิ IDS ได้อย่างไร (HIV pathogenesis) เอดส์ เป็นระยะสุดทา้ ยของ HIV infection เป็นระยะท่ีระบบภูมิคมุ้ กนั ของร่างกายถูกทาลายจนไม่ สามารถต่อสูฉ้ วยโอกาสต่างได้ (opportunistic infection) การดาเนินโรคของ HIV นบั ต้งั แต่เริ่มติดเช้ือ ใหมๆ่ จะมีไวรัสมากในกระแสเลือด ต่อมาระบบภูมิคุม้ กนั ของร่างกายท้งั humoral immunity และ cellular immunity จะมีการทาลายไวรัสและทาลายเซลลท์ ่ีติดเช้ือซ่ึงเป็นการจากดั ขอบเขตและการ ลกุ ลามของโรคแตพ่ อถึงระยะหน่ึงจะมีการลดลงของเซลลเ์ มด็ เลือดขาวชนิด CD4 (T helper cell) ปัจจุบนั พบวา่ มีเซลลอ์ ่ืนๆ ที่สามารถถกู ตดเช้ือไดโ้ ดยไวรัส HIV เช่น macrophage,dendritic cell ใน lymph node เป็นตน้ Stages HIV -Acute HIV -Chronic HIV -AIDS
การแตกตัวของ CD4T 1.แตกทาลายโดยตรงใน CD4 infection cell เม่ือเช้ือเอชไอวีออกจากเซลลโ์ ยการ budding หลาย ตาแหน่งพร้อมกนั 2.เกดจาก fusion ของ gp 120 บนเซลลท์ ่ีติดเช้ือกบั CD4 บนผิวเซลลท์ ่ียงั ไม่ติดเช้ือ ทาใหร้ วมกนั เป็น syncytial cell ทางานไมไ่ ดแ้ ละถกู ทาลายไป 3.เกิดจาก free gp 120 มาเกาบนผิวCD4 และมีแอนติบอดีต่อ gp 120 มาจบั อีกทีหน่ึงทาใหเ้ ซลลถ์ ูก ทาลายโดย antibody-dependent cell-mediated Cytotoxicity (CTL) 4.เกิดจากกลไกทาลายเซลลต์ นเอง โดยพบ autoantibodies ต่อ MHC class protein ในซีรัมผตู้ ิดเช้ือเอดส์ ท่ีมีอาการป่ วยในเวลารวดเร็ว ท้งั น้ีเนื่องจากมีลกั ษณะของ gp120 ท่ีคลา้ ยกบั บางส่วน MHC class protein 5.อาจเกิดจากการติดเช้ือบางอยา่ งร่วมกนั เช่น mycoplasm ซ่ึงจดั เป็น superantigen จบั กบั T-cell receptor ทาใหเ้ กิด T-cell dysfunction และเซลลต์ าย ผลทตี่ ามมาจาก HIV-AIDS -Hypercatabolic ส่งผลให้ cachexia ผลการวนิ ิจฉัย -CD4 T cell count -Viral load -Morkers of immune actruation
ช่องทางการติดต่อทสี่ าคัญมี 3 ทาง คือ 1.ทางเพศสมั พนั ธ(์ heterosexual)การร่วมเพศกบั ผปู้ ่ วยโรคเอดส์ หรือมีเช้ือโรคเอดส์ 2.ทางเลือด (blood donor) 2.1 ใชเ้ ขม็ หรือกระบอกฉีดยาร่วมกบั ผตู้ ิดเช้ือเอดส์ โดยเฉพาะชนิดฉีดเขา้ เส้น 2.2 การรับเลือดหรืออวยั วะต่างๆ 3.การติดเช้ือจากแมท่ ี่ติดเช้ือเอดส์สู๋ลกู ท่ีอยใู่ นครรภ์ โอกาสที่ทารกจะไดร้ ับเช้ือจากแมป่ ระมาณร้อยละ 30 ปัจจุบนั มีการใชย้ า AZT โดยใหใ้ นหญิงท่ีมี อายคุ รรภ์ 36 สปั ดาหไ์ ปจนคลอด ซ่ึงสามารถช่วยใหท้ ารกปลอดภยั จากการติดเช้ือเอดส์แมไ่ ดม้ ากกวา่ ร้อยละ 50 ผลกระทบของ HIV/AIDS ที่ส่งผลต่อภาวะโภชนาการ 1.Lower food intake -เน่ืองจากภาวะเครียด -มีปัญหาในช่องปาก -ค่าใชจ้ ่าย 2.การดูดซึมบกพร่อง -เน่ืองจากเยอื่ บถุ กู ทาลาย 3.มีการเปล่ียนแปลงของการเผาผลาญ -มีการตอบสนองขอโรค HIV และสภาวะ stress มากข้ึนส่งผลใหไ้ ดร้ ับอาหารนอ้ ยลง 4.เพม่ิ protein & energy requirement Energy: + 10 – 15 % (asymptomatic) + 20 – 30 % (symtomaic) Protein : + 10 % Protein:ไมต่ ิดเช้ือ 1.2 ตอ่ น้าหนกั ตวั 1 กิโลกรัม Fat ใหป้ กติ 25-30% Micronutrients ควรไดร้ ับวิตามินและเกลือแร่ตาม RDA หรือ มากกวา่ น้นั ตามสภาวะบคุ คล
คาศพั ทท์ างการแพทย์ พยญั ชนะ ตวั ยอ่ ยอ่ มาจาก หมายถึง A Abd Abdomen ช่องทอ้ ง AGE Acute Gastroenteritis ลาไสอ้ กั เสบฉบั พลนั B AF Atrial Fibrillation โรคหวั เตน้ ผิดจงั หวะ ANC Ante natal care การดูแลก่อนคลอด(ฝากครรภ)์ C Asthma โรคหอบหืด Allergy Benign Prosthetic Hypertrophy โรคภมู ิแพ้ D Acidosis ภาวะเลือดเป็ นกรด E BPH Chief Complaint ต่อมลกู หมากโต F Burns Chronic Obstructive Pulmonar แผลไหม้ G CC Disease ประวตั ิสาคญั ที่มารพ. COPD Complication โรคหลอดลมอุดก้นั เร้ือรัง Cerebrovascular Accident CVA Diagnosis Complication Dx Dyslipidemia(DLD) โรคทางหลอดเลือดสมอง Dyspnea การวินิจฉยั โรค E.R Discharge โรคไขมนั ในเลือดสูง Ext Emergency room หอบเหนื่อย Fx Extremity ผปู้ ่ วยออกจากโรงพยาบาล Fracture หอ้ งฉุกเฉิน GA Follow up(F/U) ระยางค(์ แขน ขา) General Appearance กระดูกหกั Global aphasia นดั ตรวจติดตามอาการ ลกั ษณะภายนอกทว่ั ไป เป็ นความผิดปกติของภาษาพูด
พยญั ชนะ ตวั ยอ่ ยอ่ มาจาก หมายถึง H Head injury การไดร้ ับบาดเจ็บท่ีศรีษะ Hypertension ความดนั โลหิตสูง I สารน้าทางหลอดเลือดดา IVF Intravenous Fluid สารน้าทางหลอดเลือดดา J ICH Intravenous Fluid การติดเช้ือ L Ischemic stroke M Infection ดีซ๋าน Ischemic stroke หอ้ งคลอด Jaundice ภาวะอว้ นอยา่ งรุนแรง Labour room แผลติดเช้ือเน้ือตายลกุ ลามถึงช้นั Morbid obesity พงั ผดื NF Necrotizing Fasciitis ไตอกั เสบ การใส่สายยางทางจมูกถึงกระเพาะ N Nephrotic sysdrome เป็นภาวะที่มีไขมนั สะสมในตบั รวม Nasogastric Tube กบั การอกั เสบ สังเกต NASH Nonalcoholic steatohepatitis แผนกผปู้ ่ วยนอก ประวตั ิปัจจุบนั O Observe ประวตั ิอดีต OPD ประวตั ิอดีตของการรักษา, รายละเอียดการแพทย,์ การผา่ ตดั ใน PI Present illness อดีต หรือการเจ็บป่ วยในอดีตท่ี PH Past history สัมพนั ธก์ บั ปัจจุบนั PMH Past medical history การตรวจร่างกาย ซีด P ชีพจร ความปวด PE Physical Examination Pale สงสยั วา่ จะเป็น Pulse โรคติดต่อทางเพศสัมพนั ธ์ Pain อาการบวม R R/O S STD Sexual transmitted disease Swelling
SLE Side effect ผลขา้ งเคยี ง Sputurm สมหะ T Septicemia ติดเช้ือในกระแสเลือด U UTI Systemic lupus erythematosus STEMI ภาวะหวั ใจขาดเลือดเฉียบพลนั U/D Septic shock ภาวะชอ๊ กเหตพุ ษิ ติดเช้ือ เกิดข้ึน V หลงั จากการติดเช้ือในกระแสเลือด W Treatment การรักษา Transfe การยา้ ยผปู้ ่ วย Urinary Tract Infection การติดเช้ือทางเดินปัสสาวะ Underlying disease โรคประจาตวั Unconscious Vomit อาเจียน Wound แผล Weak ออ่ นเพลีย
ขอ้ มลู เพ่มิ เติม
Drug and food interaction Effect of drug on food intake Nutrition absorption : ยาบางชนิดอาจเพ่มิ ลดลง หรือป้องกนั การดูดซึมอาหารในลาไส้ Nutrition excretion : ยาสามารถลดหรือขบั ปัสสาวะของสารอาหาร ยา amphetamine เป็นยากระตนุ้ ประสาทส่วนกลางโดยหลง่ั สารโดพามีนในสมอง ทาใหร้ ู้สึก กระตือรือร้น ผลขา้ งทาใหเ้ บื่ออาหาร ยา Carboplatin เป็นยารักษาโรคมะเร็งหลายชนิด ยายบั ย้งั การสงั เคราะห์สารพนั ธุกรรมของเซลลม์ ะเร็ง เช่น DNA อาการขา้ งเคยี ง คล่ืนไส้ อาเจียน Drug that may increase apatite Anticonvulsant : เป็นยารักษาอาการชกั ตา่ งๆ อาจเกิดการเสียสมดุลของเกลือแร่ Antipsychotic : ยารักษาโรคจิต , ไบโพลาร์ Antidepressant : ยารักษาอาการซึมเศร้า Drug can decrease nutrition absorption Laxative : เป็นยาบรรเทาอาการทอ้ งผกู ทาใหอ้ จุ จาระอ่อนตวั ลง หรือกระตุน้ การบีบตวั ของลาไส้ Aluminum hydroxide : เป็นยาลดกรดในกระเพาะอาหาร Statin : เป็นยาลดคอเลสเตอรอลในเลือด Drug can increase a loss of a nutrition Diuretics : เป็นยาขบั ปัสสาวะ ใชใ้ นการรักษาความดนั โลหิตสูง Aspirin : ยาลดการอกั เสบ เช่น ปวดประจาเดือน Clobazam : ยาลดอาการวิตกกงั วล Absorption : การเคล่ือนที่ของยาภายในกระแสเลือดข้ึนอยกู่ บั ปัจจยั ตอ่ ไปน้ี โครงสร้างของยาที่สามารถผา่ นเยอื่ บลุ าไส้ ระยะเวลาท่ีทาใหก้ ระเพาะอาหารวา่ งช่องทางใหย้ า คุณภาพของยา
Distribution (การกระจายตวั ของยา) ยาเขา้ สู่เลือด กระจายไปยงั เน้ือเยื่อตา่ งๆ จบั กบั plasma protein ยาไมอ่ อกฤทธ์ิ Albumin ต่า ทาให้เกิด Toxic ได้ Metabolism (การเปล่ียนแปลงของยา) เป็นกระบวนการที่ยาถูกเปลี่ยนแปลงทางเคมีในร่างกาย ซ่ึงมีผลจากปฏิกิริยาของยาระหวา่ งยากบั เอนไซม์ เกิดข้ึนที่ตบั Excretion (การขบั ยาออกจากร่างกาย) ยาจะถูกขบั ออกทางไต ตบั ปอด อาจจะขบั ออกทางน้านมและเหงื่อไดใ้ นปริมาณเลก็ นอ้ ย อวยั วะในการขบั ยาออก คือ ไต Benefits of minimizing food drug interaction ยามีประสิทธิภาพในการทางานสูง ไมเ่ กิดพษิ จากยา ช่วยลดคา่ ใชจ้ ่าย แกไ้ ขปัญหาภาวะโภชนาการผดิ ปกติ ผปู้ ่ วยไดร้ ับการรักษาจากยาสูงสุด การใหบ้ ริการดา้ นการดูแลสุขภาพลดลง ความรับผิดชอบทางดเนวิชาชีพนอ้ ยลง Effect of drug or food intake Drug absorption : อาหารหรือสารอาหารในกระเพาะและลาไสอ้ าจทาใหล้ ดการดูดซึมของยา โดย การชะลอการยอ่ ยอาหารหรือจบั กบั อนุภาคของอาหาร อาหารอาจทาหนา้ ท่ีเพ่ิมหรือยบั ย้งั การเผาผลาญ ยาบางชนิดในร่างกาย Drug excretion : ยาจะถูกขบั ถา่ ยออกทางไต Dietary calcium : สามารถจบั กบั ยาปฏิชีวนะ “tetracycline” ซ่ึงเป็นยารักษาการติดเช่ือ ไดแ้ ก่ มาลาเรีย ซิพิลิส
กรดอะมิโนในธรรมชาติ สามารถดูดซึม “levodopa” ซ่ึงเป็นยารักษาโรคพาร์กินสนั ไปเพมิ่ สารสื่อ ประสาทโดพามีนในสมอง Absorption Distribution การรับประทานไฟเบอร์ในปริมาณมากจะรบกวนการดูดซึมของ “Digoxin” ซ่ึงเป็นยากลุ่มของ (Cardiac glycoside) ท่ีมีฤทธ์ิเพ่ิมการบีบตวั ของกลา้ มเน้ือหวั ใจ ใชร้ ักษาหวั ใจวาย Metabolism : อาหารที่มีการบม่ หรือหมกั เช่น โยเกิร์ต โดยจะทาปฏิกิริยา “Tyramine” ซ่ึงเป็นการ ยบั ย้งั เอนไซม์ monoamine oxidase ใชร้ ักษาโรควิตกกงั วล โรคพาร์กินสัน Food Hight Vitamin K (ผกั ตระกูลกะหล่า) ลดประสิทธิภาพของยา “Anticoagulant” ซ่ึงเป็นยาตา้ น การแขต็ วั ของเลือด หา้ มรับประทาน Grapefruit juice พร้อมกบั ยาต่อไปน้ี “Cyclosporin” ซ่ึงเป็นยากดภมู ิคุม้ กนั ใชก้ บั ผปู้ ่ วยที่มีการปลูกถ่ายอวยั วะ เช่น หวั ใจ ไต และตบั “Certain statins” เป็นยาลดคอเลสเตอรอล ความรุนแรงของภาวะน้าตาลต่าในเลือดแบง่ ไดเ้ ป็น 3 ระดบั ระดบั 1 (level 1) glucose alert value หมายถึง ระดบั น้าตาลในเลือด ≤ 70 มก./ดล. ระดบั 2 (level 2) clinically significant hypoglycemia หมายถึง รัดบั น้าตาลในเลือด ที่ <54 มก./ดล. ระดบั 3 (level 3) ภาวะน้าตาลต่าในเลือดระดบั รุนแรง หมายถึง การที่ผปู้ ่ วยมีอาการสมองขาดกลูโคสท่ี รุนแรง (severe cognitive impairment) ซ่ึงตอ้ งอาศยั ผอู้ ่ืนช่วยเหลือ ภาวะน้าตาลต่าในเลือดระดบั ไม่รุนแรง ใหก้ ินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม กลูโคสเมด็ 3 เมด็ น้าสม้ ค้นั 180 มล. น้าอดั ลม 180 มล. น้าผ้งึ ชอ้ นชา ขนมปัง 1 แผน่ สไลด์ นมสด 240 มล. ไอศกรีม 2 สคปู ขา้ วตม้ หรือโจก๊ ½ ถว้ ยชาม
ภาวะน้าตาลต่าในเลือดระดบั ปานกลาง ใหก้ ินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต 30 กรัม ผปู้ ่ วยเบาหวานที่มีสายกระเพาะอาหารหรือสาย PEG สามารถใหน้ ้าหวาน น้าผลไม้ สารละลาย กลูโคส หรืออาหารเหลวที่มีคาร์โบไฮเดรต 15-30 กรัม ทางสายกระเพาะอาหารหรือสาย PEG ได้ ติดตามระดบั กลูโคสในเลือดโดยใชเ้ คร่ืองตรวจน้าตาลในเลือดชนิดพกพาหรือ point-of-care device (ถา้ สามารถทาได)้ ท่ี 15 นาที หลงั กินคาร์โบไฮเดรตคร้ังแรก กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัมซ้า ถา้ ระดบั กลูโคสในเลือดที่ 15 นาที หลงั กินคาร์โบไฮเดรตคร้ังแรกยงั คง <70 มก./ดล. ที่มา : แนวทางเวชปฏิบตั ิสาหรับโรคเบาหวาน 2560 Clinical Practice Guideline for Diabetes 2017 การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดาส่วนปลาย (PPN) - คาดวา่ ทาการรักษามนระยะเวลาส้ัน (10-14 วนั ) -ความตอ้ งการพลงั เเละโปรตีนอยใู่ นระดบั ปานกลาง - กาหนดคา่ Osmolality อยรู่ ะหวา่ ง< 600-900 mOSm/L -ไมจ่ ากดั สารน้า **A S P. E. N. Nutrition (Support. Pratictice Manual, 2005 : p. 94) คาร์โบไฮเดรท -เเหล่งอาหาร : Monohydrous dextrose, Dextrose -คุณสมบตั ิ : เป็นเเหลง่ พลงั งานเเละเป็นเเหล่งท่ีไมม่ ีไนโตรเจน(N2) : 3.4 Kcal/g :hyperosmolar Coma : ภาวะน้าตาลในเลือดสูงมาก ***ปริมาณท่ีเเนะนา 2-5. mg/kg/min 50-60 % of total calories
กรดไขมัน เเหลง่ สารอาหาร: Crystalline amino acid - standard or specialty คุณสมบตั ิ : 4.0 Kcal/g : กรดอะมิโนจาเป็น EAA (Essential amino acid ) 40-50 % : กรดอะมิโนไม่จาเป็น NEAA (Non Essential amino acid ) 50-60% Glutamin/Cyteine -ปริมาณที่เเนะนา : 0.8-2.0 g/kg/day 15-20% of total calories ไขมนั - เเหล่งสารอาหาร : น้าตาลดอกคาฝอย น้ามนั ถว่ั เหลือง ไข่ - คณุ สมบตั ิ : เป็นไตรกลีเซอไรดส์ ายยาว (long chain triglycerides) : เป็นสารละลายนอกเซลลท์ ี่มีความเขม้ ขน้ ที่นอ้ ยกวา่ เซลล์ เเละเท่ากบั เซลล์ (Isotinic ) - ปริมาณที่เเนะนา : 0.5-1.5 g/kg/day (not > 2 g/kg ) 12-24 hour infusion rate ชนิด/สูตรนมผงเดก็ ตามวยั นมผงแบ่งออกเป็น 3 สูตร 1.นมสูตร 1 หรือนมผงดดั แปลงสาหรับทารกวยั แรกเกิด – 1 ปี มีการดดั แปลงใหม้ ีส่วนประกอบใกลเ้ คยี งนมแม่ โดยเฉพาะโปรตีน จะตอ้ งมีปริมาณใกลเ้ คียงนม แม่ คอื 1.3 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร และเติมไขมนั ท่ียอ่ ยงา่ ย หรือสารอาหารอื่นๆ เพอื่ ส่งเสริมการพฒั นา ของสมองและภมุ ิคุม้ กนั ควรดูแลลกู ”ดร้ ับนมในปริมาณท่ีเหมาะสม ตามที่ร่างกายตอ้ งการ ตวั อย่างสูตรนม •นมผง Dumex Dopro ดูโปร 2 productnation •S-26 Porgrees productnation •Dumax Gold Plus 1 productnation •DG- 1 Advance Gold productnation
2.นมสูตร 2 หรือนมผงดดั แปลงสูตรต่อเนี่องสาหรับเดก็ วยั 6 เดิอน – 3 ปี มีการเพ่มิ ปริมาณโปรตีน แคลเซียมและฟอสฟอรัสจากสูตร 1 เพ่ือส่งเสริมการเยนรู้ และรองรับ ความตอ้ งการการใชพ้ ลงั งานจากการเคล่ีอนไหวของกลา้ มเน้ือท่ีเพิม่ ข้นึ ตวั อย่างสูตรนม 2 •Hi-Q Supergold productnation •NAN HA นมผงสาหรับเดก็ ช่วงวยั ท่ี 1 เอชเอ 1 productnation •Similac ซิมิแลคแอดวานซ์แอลเอฟ productnation 3.นมสูตร 3 หรือ นมผงสาหรับเดก็ วยั 1 ปี ข้ึนไป และทกุ คนในครอบครัว มีการเพิ่มปริมาณโปรตีนให้มากกวา่ เดิม มีวิตามินและแร่ธาตุเพ่อื ช่วยสริมสร้างพฒั าการทางสมอง เสริมสร้างกระดูกใหแ้ ขง็ แรง และการเรียนรู้สิ่งตา่ งๆ รอบตวั อยา่ งมีประสิทธิภาพ ตวั อย่างนมสูตร 3 •Bear Brand ตราหมี นมผง แอดวานซ์ โพรเทก็ ซ์ชนั productnation •นมผง ซิมิแลค 3 พลสั เอน็ วีอี เอไอคิว พลสั productnation •Nastie Carnation นมผง เนสทเ์ ล่ คาร์เนชนั 1 สมาร์ทโก รสวานิลลา productnation แหลง่ ที่มา : นมผงแตส่ ูตร https://www.dgsmartmom.com/th/products-and-nutrition-3/products-and- nutritions.html Percent of free water in enteral formulas
การคานวณพลงั งานอย่างง่ายจากดชั นีมวลกายเทยี บกบั ระดบั กจิ กรรม ชนดิ ของ Insulin แบ่งเป็ น 4 ชนิดตามระยะเวลาออกฤทธ์ิ ได้แก่ 1.ฮิวแมนอินซูลินออกฤทธ์ิส้ัน (shot acting หรือ regular human insulin,RI) 2.ฮิวแมนอินซูลินออกฤทธ์ิปานกลาง (intermediate acting human insulin,NPH) 3.ฮิวแมนอินซูลินออกฤทธ์ิเร็ว (rapid acting insulin analog,RAA) เป็นอินซูลินท่ีเกิดจากการดดั เเปลง กรดอะมิโนท่ีสายของฮิวแมนอินซูลิน 4. อินซูลินอะนาลอ็ กออกฤทธ์ิ (long acting insulin analog,LAA)เป็นอินซูลินรุ่นใหม่ท่ีเกิดจาก การ ดดั แปลงกรดอะมิโนที่สายของฮิวแมนอินซูลิน และเพิ่มเติมกรดอะมิโน หรือเสริมแต่งสายของอินซูลิน ดว้ ย กรดไขมนั
(ภวนิ ทพ์ ล โชติวรรณวริ ัช, 2559) ศัพท์ทางเภสัชจลนศาสตร์ (Phamacokinetic) 1.Onset คือ ระยะเวลาต้งั แตใ่ หย้ าไปจนกระทง่ั ยาเริ่มออกฤทธ์ 2.Peak คือ ระยะเวลาต้งั แตใ่ หย้ าไปจนถึงระดบั สูงสุดของยา ช่วง Peak เป็นช่วงท่ีตอ้ งกงั วลกบั การเกิด hyperglycemia ใหม้ าก 3.Duration คือ ระยะเวลาที่ยาออกฤทธ์ิท้งั หมด
ภาวะน้าตาลในเลือดสูงชนิด Diabetic ketoacidosis คือเป็นภาวะฉุกเฉินที่มีระดบั น้าตาลในเลือดสูงและเกิดภาวะกรดเมตาบอลิกจากการที่มีกรดคโี ตนคง่ั ขา้ งในร่างกาย ภาวะน้ีพบไดท้ ้งั ในผปู้ ่ วยเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดท่ี 2 (รพีพร โรจน์แสงเรือง) อาการและอาการแสดง อาการที่เกิดจากระดบั น้าตาลในเลือดสูง (hyperglycemia) เช่น ด่ืมน้าบ่อย (polydispsia) ปัสสาวะบ่อย (polyuria) , ปัสสาวะรดที่นอน( nocturmal enuresis) กินบอ่ ยและหิวบ่อย, น้าหนกั ลด (weight loss), ออ่ นเพลีย(weknees ) อาการแสดงของ DKA เมื่อถึงจุดท่ีร่างกายไม่สามารถรักษาสมดุลไดห้ รือมีภาวะเครียด Street บางอยา่ งมาเป็นปัจจยั เส่ียงทาใหเ้ กิดอาการไดแ้ ก่ ปวดทอ้ ง คลื่นไส้ อาเจียน หายใจหอบลึก เนื่องจาก ภาวะ metabolic acidosis หมดสติ ( coma) อาการของภาวะ dehydration เช่น ความดนั โลหิตต่า ชีพจร เตน้ เร็ว ช็อค ลมหายใจมีกลิ่นอะซิโตน (พฒั นม์ หาโชคเลิศวฒั นา, 2544) ปัจจยั ชักนาได้แก่ 1.การขาดยาลดระดบั น้าตาล 2.มีโรคท่ีก่อภาวะเครียดต่อร่างกาย เช่น ภาวะติดเช้ือ การไดร้ ับอบุ ตั ิเหตุ หวั ใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะกลา้ มเน้ือหวั ใจขาดเลือด 3.ไดร้ ับยาบางชนิดเช่น thiazide, steroid สาเหตุ เกิดข้ึนไดท้ ้งั ในผปู้ ่ วยเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดท่ี 2 แต่มกั เกิดข้ึนในผปู้ ่ วยเบาหวานชนิดที่ 1 ได้ งา่ ยและบอ่ ยกวา่ เนื่องจากมีภาวะขาดอินซูลินท่ีรุนแรงมากรุนแรงกวา่ ( รพีพร โรจน์แสงเรือง )
กระบวนการให้โภชนบาบัด nutrition care process กระบวนการให้โภชนบาบดั (nutrition care process ) คือ กระบวนการท่ีนกั กาหนดอาหารใชใ้ นการ ดูแลผปู้ ่ วยดา้ นโภชนาการอย่างเป็นระบบการดูแลผปู้ ่ วยแบบรายบุคคล ประกอบไปดว้ ย 4 ข้นั ตอนหลกั คอื การประเมินภาวะโภชนาการ( nutrition Assessment) การวนิ ิจฉยั ทางโภชนาการ( nutrition Diagnosis ) การใหแ้ ผนโภชนบาบดั ( nutrition intervention ) และการติดตาม ประเมินผลของแผน โภชนบาบดั ( nutrition monitoring and evalution ) ข้นั ตอนที่ 1 การประเมินภาวะโภชนาการ คือ ข้นั ตอนแรกของกระบวนการใหโ้ ภชนบาบดั ตอ้ งทาการ ประเมินภาวะโภชนาการของผปู้ ่ วยโดยละเอียดเพือ่ คน้ หาปัญหาทางโภชนาการของผปู้ ่ วยท่ีมีผลตอ่ โรค หรือระยะของโรคที่ผปู้ ่ วยเป็นอยู่ ซ่ึงการประเมินภาวะโภชนาการโดยทวั่ ไปจะยดึ หลกั A: B: C : D A : Antropometry Assessment คือ การวดั สัดส่วนของผปู้ ่ วย เช่น การชง่ั น้าหนกั ตวั วดั ส่วนสูงเส้น รอบวงเอว เสน้ รอบวงสะโพก ค่าดชั นีมวลกาย รวมถึงการวดั องคป์ ระกอบของร่างกาย B : Biochemistry Asessment คือ ขอ้ มลู ตา่ งๆ จากหอ้ งปฏิบตั ิการ เช่น ระดบั น้าตาลในเลือด ระดบั ไขมนั ระดบั ของแร่ธาตุต่างๆในเลือด หรือ จะเป็นผลของปัสสาวะ C : Clinical Assessment อาการแสดงออกที่เกิดข้นึ จากการขาดสารอาหารบางชนิดหรือความผิดปกติ ของร่างกาย เช่น ภาวะโลหิตจางที่เกิดจากการขาดธาตเุ หลก็ จะพบวา่ ผปู้ ่ วยมีภาวะซีดบริเวณเลบ็ มือ หรือ ผวิ หนงั ใตต้ า หรือ ภาวะบวมในผปู้ ่ วยโรคไตเร้ือรัง จะพบวา่ ใชน้ ิ้วกดท่ีบริเวณหนา้ แขง้ ผิวหนงั จะ ยบุ เม่ือบุ๋มลงไปจะคา้ งอยนู่ านเป็นตน้ D : Dietary Asessment คือ การประเมินรายละเอียดการบริโภคอาหารของผูป้ ่ วยรายละเอียด ซ่ึง เคร่ืองมือท่ีใชส้ ่วนใหญ่คือการจดบนั ทึกการบริโภคอาหาร 3 วนั ( 3 Day Dietary record ) การซกั ประวตั ิการรับประทานอาหารยอ้ นหลงั 3 วนั ( 3 Day Dietary recall ) การสอบถามความถ่ีในการ บริโภคอาหาร Food frequency questionnaire , FFQ ) ประวตั ิการรับประทานอาหาร (Food History) เช่น การแพอ้ าหาร ศาสนาความชอบ และ ความเชื่อท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การรับประทานอาหารเป็นตน้
ข้นั ตอนที่ 2 การวินิจฉยั ทางดา้ นโภชนาการ( nutrition diagnosis ) ตารางที่ 1 ตวั อยา่ งการวนิ ิจฉยั โรคของแพทยแ์ ละวนิ ิจฉยั ทางดา้ นโภชนาการ โดยทวั่ ไปในต่างประเทศใชร้ ะบบ IDENT Standardized Nutrition Diagnosis ในการวินิจฉยั ทางดา้ นโภชนาการ เพ่ือใชเ้ ป็นคาศพั ทส์ ากลในการสื่อสารระหวา่ งนกั กาหนดอาหารกบั ทีมสหสาขา วิชาชีพท่ีนกั กาหนดอาหาร ดูแลผปู้ ่ วยนอกจากน้ีควรใชห้ ลกั “ P S E statement “ เพ่ือใชใ้ นการระบุ ปัญหาสาเหตแุ ละการวนิ ิจฉยั ทางดา้ นโภชนาการ ของผปู้ ่ วย P : Problem คอื การระบุปัญหาที่เก่ียวขอ้ งกบั โภชนาการของผปู้ ่ วยมี E : Etiology คือ สาเหตขุ องปัญหาที่ระบุไว้ S : Sing and symptom คอื อาการแสดงของผปู้ ่ วย หรือ หลกั ฐานตา่ งๆ จากการประเมินผปู้ ่ วย (ตามหลกั A : B : C : D ) ท่ีบ่งช้ีให้เห็นถึงปัญหาที่ระบุไว้ ตัวอย่างของการเขียน PES statement P : problem ผปู้ ่ วยน้าหนกั ลดลงโดยไม่ต้งั ใจ (NC - 3.2 ) related to เนื่องจาก E : Etiology ไม่สามารถรับประทานอาหารดว้ ยตนเองไดต้ อ้ งมีผชู้ ่วย และ มีอาการหลงลืม as evidenced by สังเกตไดจ้ าก S : Sing/Symptoms การไดร้ ับพลงั งานนอ้ ยกวา่ ความตอ้ งการของร่างกาย 800 กิโลแคลต่อวนั ร่วมกบั น้าหนกั ตวั ที่ลดลง 10 กิโลกรัมภายใน 2 เดือนที่ผา่ นมา ข้นั ตอนการวินิจฉยั ทางดา้ นโภชนาการ สามารถประเมินภาวะโภชนาการของผปู้ ่ วยไดอ้ ยา่ ง ครบถว้ นและนามา วเิ คราะห์ เพื่อสรุปเป็นปัญหาที่ จะส่งผลใหข้ ้นั ตอนต่อไป คือ ข้นั ตอนการให้แผน โภชนบบาบดั (Nutrition intervention )
ข้นั ตอนท่ี 3 การให้แผนโภชนบาบัด ข้นั ตอนน้ีมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่อื แกไ้ ขปัญหาท่ีซ่ึงสามารถเลือกใชว้ ิธีการต่างๆไดว้ ินิจฉยั ไว้ ได้ หลากหลายวิธีข้นึ กบั ความเหมาะสมกบั ผปู้ ่ วยแต่ละคน เช่นการใหค้ าแนะนา ปรึกษาทางดา้ นโภชนาการ เป็นรายบุคคล หรือ รายกลุ่ม การใหโ้ ภชนศึกษาการ วางแผนเมนูอาหาร หรือ การจดั อาหารใหก้ บั ผปู้ ่ วย เป็ นตน้ ข้นั ตอนที่ 4 การติดตาม ประเมินผลของแผนโภชนบาบดั ( Nutrition Monitoring & Evalution )ข้นั ตอน น้ีมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อวดั ผลการปฏิบตั ิตวั ตามแผน โดยเป็นการประเมินผลดูวา่ ผปู้ ่ วยสามารถปฏิบตั ิตวั ตามแผนท่ีวางไวไ้ ดบ้ รรลุเป้าหมายหรือไม่ ถา้ ผปู้ ่ วยสามารถปฏิบตั ิตามไดอ้ ยา่ งดีมีความกา้ วหนา้ ในแนวทางท่ีดีข้ึนและกาหนดอาหารควรมี การสรุปประเด็นที่ผปู้ ่ วยทาไดส้ าเร็จตามเป้าหมาย ใหก้ าลงั ใจ เสริมพลงั ใหผ้ ปู้ ่ วยสามารถที่จะปฏิบตั ิ เป็นพฤติกรรมที่ถาวร หรือ ใหอ้ ยใู่ นช่วงยงั ยนื ในขณะเดียวกนั ก็ใหท้ าการประเมินภาวะโภชนาการซ้า อีกคร้ัง( Re – Nutrition Asessment ) เพ่อื คน้ หาปัญหาดา้ นโภชนาการอีกคร้ัง โดยอาจจะ เป็นปัญหาเดิม ที่จะปรับเป้าหมายให้เพิ่มข้นึ หรืออาจจะเป็นปัญหาใหมท่ ่ีประเมินพบเพม่ิ เติม สาหรับในกรณีท่ีผปู้ ่ วยยงั ไมส่ ามารถปฏิบตั ิ เป้าหมายไดน้ ้นั ตอ้ งช่วยผปู้ ่ วยคน้ หาวา่ ปัญหาอปุ สรรค ใดบา้ งท่ีอาจจะขดั ขวางท่ีทาใหผ้ ปู้ ่ วยไม่สามารถบรรลไุ ดต้ ามเป้าหมายท่ีวางไวแ้ ละร่วมกนั หาทางแกไ้ ข ร่วมกบั ผปู้ ่ วยโดยตอ้ งให้ผปู้ ่ วยเป็นหลกั ในกระบวนการคน้ หาวิธีทางแก้ ดว้ ยตนเอง โดยเราทาหนา้ ท่ี เป็นผรู้ ับฟังที่ดี และคอยแนะนาในส่ิงที่ผปู้ ่ วยตอ้ งการทราบเพ่มิ เติมจะช่วย ใหไ้ ปถึงเป้าหมายที่ต้งั ไว้
Search