208 วารสารปัญญาภวิ ฒั น์ ปีท่ี 10 ฉบับพิเศษ ประจำ� เดอื นกรกฎาคม 2561 รปู แบบการเรยี นแบบดิจทิ ลั โดยใชป้ ัญหาเป็นฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 DIGITAL LEARNING MODEL BY PROBLEM-BASED LEARNING IN THAILAND AGE 4.0 ศนั สนีย์ เล้ยี งพานิชย์ Sunsanee Liangpanit คณะวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั นครราชสีมา Faculty of Science and Technology, Nakhon Ratchasima Rajabhat University บทคดั ย่อ การวจิ ยั คร้ังน้ีมวี ตั ถุประสงคเ์ พ่อื 1) พัฒนารูปแบบการเรยี นแบบดิจทิ ลั โดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (PBL) ในยคุ ไทยแลนด์ 4.0 2) ศกึ ษาผลการจดั การเรยี นรแู้ บบดจิ ทิ ลั โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานในยคุ ไทยแลนด์ 4.0 3) ศกึ ษาพฤตกิ รรม การใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ลั สนบั สนนุ การเรยี นรใู้ นยคุ ไทยแลนด์ 4.0 โดยมกี ลมุ่ ตวั อยา่ งคอื นกั ศกึ ษาหลกั สตู รวทิ ยาศาสตรบณั ฑติ สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ที่ลงทะเบียนเรียนในรายวิชาการบริหารโครงการ ซอฟต์แวร์ จ�ำนวน 39 คน การวเิ คราะห์ใชค้ ่าเฉลยี่ สว่ นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน และการทดสอบคา่ ที (t-test) ผลการวิจัยพบว่า 1) รูปแบบการเรียนแบบดิจิทัลโดยใช้ปัญหาเป็นฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 ประกอบด้วย ขนั้ ตอนคอื การจดั กลมุ่ ผเู้ รยี น การศกึ ษาโจทยป์ ญั หา การระบปุ ญั หา การวเิ คราะหป์ ญั หา การตงั้ สมมตฐิ าน การกำ� หนด ประเด็นการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้า และการสังเคราะห์เพ่ือสรุปองค์ความรู้ในแต่ละข้ันตอนได้เลือกใช้เทคโนโลยี ดิจทิ ลั เข้ามาชว่ ย เชน่ Moodle, Google document, Social media เปน็ ตน้ 2) ผลการจัดการเรยี นรแู้ บบดจิ ิทลั โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานในยคุ ไทยแลนด์ 4.0 แบง่ เปน็ 2 สว่ นคอื 2.1) ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี นของกลมุ่ ตวั อยา่ งหลงั เรยี น ดว้ ยรปู แบบการเรยี นแบบดจิ ทิ ลั โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานสงู กวา่ กอ่ นเรยี นอยา่ งมนี ยั สำ� คญั ทางสถติ ทิ รี่ ะดบั .05 2.2) ความ พึงพอใจของนักศึกษาท่ีมีต่อการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก 3) พฤติกรรมและความต้องการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล สนบั สนุนการเรียนร้ใู นยุคไทยแลนด์ 4.0 มี 5 ด้าน คอื 3.1) ด้านการเรียนร้โู ดยใช้เทคโนโลยดี จิ ิทลั พบวา่ เรียนรูจ้ าก การคน้ หาขอ้ มลู ดว้ ย Search engine มคี า่ เฉลย่ี มากทส่ี ดุ คอื 4.49 3.2) ดา้ นเครอื่ งมอื สนบั สนนุ การเรยี นรพู้ บวา่ การใช้ ระบบ LMS/CMS มคี า่ เฉลยี่ มากทส่ี ดุ คอื 3.42 3.3) ดา้ นรปู แบบขอ้ มลู ทนี่ ยิ มใชใ้ นการเรยี นรพู้ บวา่ ไฟลป์ ระเภท PDF มคี า่ เฉลย่ี มากทส่ี ดุ คอื 4.59 3.4) ดา้ นประเภทของเวบ็ ไซตท์ เี่ ขา้ ไปเรยี นรพู้ บวา่ เวบ็ ไซตข์ องหนว่ ยงานภาครฐั มคี า่ เฉลยี่ มากที่สดุ คอื 4.67 และ 3.5) ดา้ นอปุ กรณห์ รือฮาร์ดแวร์ที่นยิ มใชพ้ บวา่ โทรศพั ทม์ อื ถือ/แท็บเลต็ มคี ่าเฉล่ยี มากท่ีสดุ คอื 4.74 ค�ำส�ำคญั : การเรียนรูโ้ ดยใชป้ ัญหาเป็นฐาน ไทยแลนด์ 4.0 เทคโนโลยีดิจทิ ัล Corresponding Author E-mail: [email protected]
Panyapiwat Journal Vol.10 Special Issue July 2018 209 Abstract The purposes of this research were to 1) develop a digital learning model of problem-based learning (PBL) in Thailand age 4.0.; 2) study the result of digital learning on problem-based learning; 3) study the behavior of using digital technology to support learning in Thailand age 4.0. The sampling group was 39 students majoring in Information Technology enrolled in the software project management course. The data of this study were analyzed by using mean, standard deviation and t-test. The results of the research were as follows: 1) the digital learning model by PBL has 8 stages: grouping, problem study, problem identification, problem analysis, hypothesis, problem determination. Learn, study, and synthesize to summarize knowledge. Each step has the use of digital technology such as Moodle, Google document, Social media etc.; 2) the results of digital learning management using PBL were divided into 2 parts as follows: 2.1) Learning achievement of the sampling group after using the PBL method was higher than before use with statistical significance at the .05 level.; 2.2) The sampling group was satisfied learning by PBL method in the high level. 3) Behavior and demand for digital technology support learning in Thailand 4.0. There are 5 aspects: 3.1) the learning by using digital technology found that learning from Search engine with the most average. 4.49 3.2) learning tools found that using LMS/CMS was the most mean of 3.42. 3.3) the most popular data format used in learning was the PDF file type. The most average is 4.59 3.4) for the types of websites to learn that the government agencies. The average is 4.67 and 3.5) the most popular device or hardware is the mobile phone/tablet. The average was 4.74. Keywords: Problem-based Learning, Thailand 4.0, Digital Technology บทน�ำ ด้วยตนเองผสมผสานจากความรู้เดิมและความรู้ใหม่ การจดั การเรยี นรใู้ นยคุ ศตวรรษที่ 21 เนน้ ใหผ้ เู้ รยี น ท่รี บั เขา้ มา (Makmee, 2011) จากทฤษฎกี ารเรียนรนู้ ้ี ทำ� ใหเ้ กดิ รปู แบบการจดั การเรยี นรทู้ เี่ นน้ ใหผ้ เู้ รยี นมสี ว่ นรว่ ม มพี ฒั นาการ สามารถแสวงหาความรดู้ ว้ ยตวั เอง เนน้ การ ในการเรียนมากขึ้นกว่ารูปแบบการเรียนรู้ในยุคก่อน สร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองจากทรัพยากรการเรียนรู้ เช่น รูปแบบการเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื รปู แบบการเรียนรู้ ต่างๆ โดยผู้เรียนจะสามารถใช้ความรู้ไปบูรณาการกับ แบบช่วยเหลือกัน รูปแบบการเรียนรู้โดยค้นคว้าอิสระ ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะสารสนเทศ รวมถึงรูปแบบการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ซึ่งเป็น สือ่ และเทคโนโลยี และทกั ษะชีวิตและอาชีพ (Panich, รูปแบบการเรียนรู้ที่น่าสนใจจะเห็นได้จากมีงานวิจัย 2014) จากอดีตถึงปัจจุบันมีทฤษฎีการเรียนรู้เกิดขึ้น ทเี่ กยี่ วขอ้ งเปน็ จำ� นวนมาก การจดั การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หา หลายทฤษฎี หนึง่ ในทฤษฎกี ารเรยี นร้ทู ไี่ ดร้ ับความนยิ ม เปน็ ฐาน เป็นการใช้ปัญหาเป็นจุดเริม่ ตน้ ของการเรียนรู้ และสอดคลอ้ งกบั ยคุ ศตวรรษท่ี 21 คอื ทฤษฎกี ารเรยี นรู้ โดยผสู้ อนตอ้ งเตรยี มโจทยป์ ญั หาใหผ้ เู้ รยี นไดล้ งมอื ปฏบิ ตั ิ แบบสรา้ งสรรคน์ ยิ ม (Constructivist Learning Theory) โดยศกึ ษาโจทยป์ ญั หา รว่ มกนั คดิ วเิ คราะห์ และหาความรู้ ทเ่ี ชอ่ื วา่ การเรยี นรจู้ ะเกดิ ขน้ึ เมอ่ื ผเู้ รยี นไดส้ รา้ งองคค์ วามรู้ ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
210 วารสารปัญญาภวิ ฒั น์ ปีท่ี 10 ฉบบั พิเศษ ประจ�ำเดอื นกรกฎาคม 2561 เพมิ่ เตมิ จากนนั้ ทำ� ความเขา้ ใจเพอื่ ใหส้ ามารถตอบโจทย์ ให้สามารถพัฒนาตนเองได้ตลอดชีวิต (Strategy and ปญั หาและสรปุ องคค์ วามรจู้ ากโจทยน์ นั้ ได้ ลกั ษณะสำ� คญั Planning Division, 2016) ปจั จุบนั สถาบนั การศกึ ษา ของการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานคือ การให้ผู้เรียน มกี ารปรบั หลกั สตู ร ปรบั รปู แบบการจดั การเรยี นการสอน เปน็ จดุ ศนู ยก์ ลางการเรยี นรอู้ ยา่ งแทจ้ รงิ มกี ารแบง่ กลมุ่ รวมถึงการสร้างและเลือกใช้ส่ือเทคโนโลยีท่ีมีความ ผู้เรียน ใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุ้นการเรียนรู้ ผู้สอนเป็น เหมาะสมตามยคุ สมัย เพ่อื เปน็ การพัฒนานกั ศึกษาให้มี ผู้คอยให้ค�ำแนะน�ำ ต้ังโจทย์ปัญหา และจัดเตรียม คณุ ลกั ษณะตามท่ีต้งั ไว้ ทรพั ยากรการเรยี นรหู้ รอื แนะนำ� แหลง่ สบื คน้ ผเู้ รยี นเปน็ ผู้แก้ปัญหาด้วยตนเอง และการประเมินผลจะประเมิน การเรียนการสอนหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต จากสถานการณ์จริง และผลลัพธ์ท่ีเกิดจากการเรียนรู้ สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ มีรายวิชาการบริหาร (Suwannoi, 2015) โครงการซอฟต์แวร์ท่ีนักศึกษาต้องลงทะเบียนเรียน ในรายวิชาดังกล่าวจะมีเน้ือหาส่วนหน่ึงที่กล่าวถึงคือ ผเู้ รยี นในปจั จบุ นั มคี วามแตกตา่ งจากยคุ กอ่ นเนอื่ งจาก เรื่องการประมาณการขนาดของซอฟต์แวร์ด้วยวิธีการ สภาพแวดล้อมและเทคโนโลยีท่ีมีการเปลี่ยนแปลง นบั จำ� นวนฟงั กช์ นั ซงึ่ อยใู่ นเนอ้ื หาการประมาณการตน้ ทนุ ผเู้ รยี นในยคุ ปจั จบุ นั มกั ใชเ้ วลาสว่ นใหญอ่ ยบู่ นเวบ็ มอื ถอื โครงการซอฟตแ์ วร์ จากการเรยี นการสอนในเนอื้ หาเรอื่ ง สมารท์ โฟน เนน้ การสอ่ื สารผา่ นอนิ เทอรเ์ นต็ มกั จะชอบ การประมาณการขนาดของซอฟต์แวร์ด้วยวิธีการนับ ท�ำอะไรเร็วๆ มีความอดทนต�่ำ สนใจที่จะคิดวิเคราะห์ จำ� นวนฟงั กช์ นั ทผี่ า่ นมา พบวา่ นกั ศกึ ษาขาดความเขา้ ใจ แก้ปัญหามากกว่าการท่องจ�ำ ชอบสื่อ ชอบศึกษาหา ในเนอ้ื หาเนอ่ื งจากการประมาณการขนาดของซอฟตแ์ วร์ ข้อมูลในเรื่องที่สนใจด้วยตนเองผ่านเว็บ และมีความ ด้วยวิธีการนับจ�ำนวนฟังก์ชันมีหลายข้ันตอน มีตาราง สามารถในการใช้เทคโนโลยีดกี ว่ายุคกอ่ น (Panichpan การอา้ งองิ เพอ่ื การคำ� นวณหาผลลพั ธห์ ลายตาราง การคดิ & Ruenwongsa, 2015) ดงั นนั้ การจดั การเรยี นการสอน วิเคราะห์ของนักศึกษาเพ่ือจ�ำแนกลักษณะฟังก์ชันของ สำ� หรบั ผเู้ รยี นในยคุ ปจั จบุ นั จำ� เปน็ ตอ้ งมกี ารเปลย่ี นแปลง ระบบงานยงั ไมด่ ี เนอ่ื งจากฟงั กช์ นั ของระบบงานมหี ลาย โดยมีการน�ำเคร่ืองมือหรือเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้ ประเภท นอกจากน้ีนักศึกษายังขาดทักษะการค�ำนวณ เพ่ือกระตุ้นให้เกิดความสนใจ อยากเรียน ในขณะท่ีครู และขาดความร้พู น้ื ฐานในเรอื่ งทีเ่ รยี นมาแล้ว เนอื่ งจาก หรือผู้สอนต้องเปล่ียนบทบาทเป็นผู้ให้ค�ำแนะน�ำ และ จ�ำไม่ได้ ท�ำให้ไม่สามารถน�ำมาช่วยในการวิเคราะห์ได้ ตอ้ งมปี ระสบการณก์ ารเรยี นรใู้ หมๆ่ รวมทงั้ การใชเ้ ครอ่ื งมอื กลา่ วคือ ไมส่ ามารถนำ� ความรใู้ นรายวชิ าท่เี รยี นมาแลว้ หรือเทคโนโลยีที่เหมาะสมพร้อมที่จะให้ค�ำแนะน�ำกับ มาช่วยในการวิเคราะหไ์ ด้ เช่น การวิเคราะห์ระบบเพ่ือ ผเู้ รยี น สอดคลอ้ งกบั ปจั จบุ นั เปน็ ยคุ ไทยแลนด์ 4.0 รฐั บาล จ�ำแนกระบบยอ่ ยและฟังกช์ นั การทำ� งาน ไดก้ ำ� หนดทศิ ทางการพฒั นา หนงึ่ ในวาระการพฒั นาคอื การเตรียมคนไทย 4.0 ให้พร้อมก้าวสู่โลกท่ี 1 มีวาระ ดงั นนั้ งานวจิ ยั นไี้ ดพ้ ฒั นารปู แบบการเรยี นแบบดจิ ทิ ลั การขบั เคลอ่ื นทส่ี ำ� คญั คอื การปฏริ ปู การศกึ ษา โดยตอ้ ง โดยใชป้ ัญหาเป็นฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 เพอ่ื เป็นการ นำ� ไปสกู่ ารปรบั เปลย่ี นใน 3 เรอ่ื ง คอื 1) การปรบั เปลย่ี น พัฒนาผู้เรียนให้เกิดทักษะการคิดวิเคราะห์และคิดแก้ เปา้ หมายและระบบการบรหิ ารจดั การการเรยี นรทู้ ง้ั ระบบ ปัญหาด้วยการลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ส่งผลให้เกิด 2) การปรับเปล่ียนกระบวนทัศน์และทักษะครู และ การเรยี นรู้ โดยสามารถคน้ ควา้ ทำ� ความเขา้ ใจในเนอื้ หา 3) การปรับเปล่ียนหลักสูตรและรูปแบบการสอน เน้น โดยรปู แบบการจดั การเรยี นรนู้ จี้ ะเนน้ การนำ� สอ่ื /เทคโนโลยี การสรา้ งนวตั กรรม การใชเ้ ทคโนโลยสี อ่ื ดจิ ทิ ลั และปรบั ดจิ ิทลั ท่หี ลากหลายในปจั จุบนั มาเปน็ เครอ่ื งมือในแตล่ ะ วิธีการ เพื่อสร้างทักษะการเรียนรู้และปรับตัวผู้เรียน ขนั้ ตอนของการเรยี นรู้ ซง่ึ จะชว่ ยใหน้ กั ศกึ ษามคี วามสนใจ มอี สิ ระในการเรยี นรจู้ ากแหลง่ เรยี นรตู้ า่ งๆ ซง่ึ จะชว่ ยให้ ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
Panyapiwat Journal Vol.10 Special Issue July 2018 211 นักศึกษามีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีข้ึนได้ โดยผู้วิจัย ทรพั ยากรเรยี นรู้ สว่ นของผสู้ อนกจ็ ะลดบทบาทของการ ใชร้ ปู แบบการวจิ ยั เชงิ ทดลอง (Experimental research) เป็นผคู้ วบคุมลง ด�ำเนินการทดลองโดยใช้รูปแบบกลุ่มเดียวทดสอบก่อน และหลงั เรยี น (One–group pretest–posttest design) จากหลักการของ PBL ที่เน้นการใช้ปัญหาเป็น มกี ารศกึ ษาถงึ ความพงึ พอใจของนกั ศกึ ษาทมี่ ตี อ่ รปู แบบ จุดเร่ิมต้นของการเรียนรู้ เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการคิด การจดั การเรยี นรแู้ บบดจิ ทิ ลั โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานฯ และ วเิ คราะหแ์ ละแกป้ ญั หา ปจั จบุ นั มนี กั วชิ าการหลายทา่ น นอกจากนยี้ งั ศกึ ษาถงึ พฤตกิ รรมการใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ได้ท�ำการศึกษา การทดลองโดยใช้รูปแบบการจัดการ สนับสนนุ การเรยี นรูใ้ นยุคไทยแลนด์ 4.0 ดว้ ย เรยี นรแู้ บบ PBL ซง่ึ มขี น้ั ตอนหรอื รปู แบบหลายรปู แบบ วตั ถุประสงค์การวจิ ยั โดยผวู้ จิ ยั ไดศ้ กึ ษาและสรปุ ขนั้ ตอนการจดั การเรยี นรทู้ จี่ ะ ใช้ในงานวจิ ยั น้ี (Suwannoi, 2015; Makmee, 2011; 1. เพ่ือพัฒนารูปแบบการเรียนแบบดิจิทัลโดยใช้ Lekakul, 2013) ดังน้ี ปญั หาเป็นฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 1) จดั กลมุ่ ผ้เู รียนเป็นกลมุ่ ย่อย 2. เพอ่ื ศกึ ษาผลการจดั การเรยี นรแู้ บบดจิ ทิ ลั โดยใช้ 2) กลมุ่ ผเู้ รยี นศกึ ษาโจทยป์ ญั หา ทำ� ความเขา้ ใจ ปัญหาเป็นฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 โจทย์ รวมทงั้ คำ� ศพั ทต์ า่ งๆ ทเี่ ก่ียวข้อง 3) กลมุ่ ผเู้ รียนชว่ ยกันระบุปญั หาในโจทยท์ ่ใี ห้ 3. เพ่ือศึกษาพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 4) กลุ่มผู้เรียนระดมสมอง วิเคราะห์แยกแยะ สนบั สนนุ การเรียนรใู้ นยคุ ไทยแลนด์ 4.0 ปัญหาเป็นประเด็นต่างๆ แล้วน�ำมาอภิปรายหาสาเหตุ ทบทวนวรรณกรรม ท่มี าของปัญหาโดยใชค้ วามรู้เดิม 5) กลมุ่ ผเู้ รยี นรว่ มกนั อภปิ รายและตงั้ สมมตฐิ าน 1. การจดั การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (Problem- เพอื่ ใชแ้ กป้ ญั หานน้ั รวมทง้ั จดั ลำ� ดบั ของสมมตฐิ านโดยใช้ Based Learning: PBL) มีนักวิชาการได้กล่าวถึงหรือ ความรเู้ ดิม ความหมายของ PBL ดังน้ี 6) กลุ่มผู้เรียนร่วมกันก�ำหนดประเด็นหรือ วัตถุประสงค์การเรียนรู้เพื่อพิสูจน์สมมติฐานที่ตั้งไว้ Barrow (2000) กลา่ วว่า PBL เปน็ การเรียนรู้ จะประเมนิ วา่ ความรสู้ ว่ นใดรแู้ ลว้ สว่ นใดตอ้ งคน้ ควา้ เพม่ิ โดยใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนได้คิด วิเคราะห์ 7) ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก แสวงหา และรวบรวมความรใู้ หมท่ สี่ ามารถนำ� ไปใชง้ านได้ แหลง่ ทรพั ยากรการเรยี นรู้ต่างๆ โดยผูเ้ รยี นไมต่ ้องมีความรู้เรอื่ งนัน้ มาก่อน 8) ผู้เรียนน�ำข้อมูลที่ค้นคว้ามาอภิปรายร่วมกัน วเิ คราะห์ สงั เคราะหเ์ พอ่ื พสิ จู นส์ มมตฐิ าน และสรปุ เปน็ Suwannoi (2015) กล่าวว่า PBL เปน็ รูปแบบ แนวคิดหรอื องคค์ วามรู้ตอ่ ไป การเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนจากแนวคิดตามทฤษฎีการเรียนรู้ 2. การศึกษาในยคุ ไทยแลนด์ 4.0 แบบสร้างสรรค์นิยม (Constructivism) โดยให้ผู้เรียน ไทยแลนด์ 4.0 เปน็ โมเดลขบั เคลอื่ นประเทศไทย สร้างความรู้ใหม่จากการใช้ปัญหาที่เกิดข้ึนจริงในโลก สคู่ วามมงั่ คง่ั มน่ั คง และยงั่ ยนื เปน็ การเปลยี่ นเศรษฐกจิ เปน็ บรบิ ทของการเรยี นรเู้ พอ่ื ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ทกั ษะในการ แบบเดมิ ไปสเู่ ศรษฐกจิ ทข่ี บั เคลอ่ื นดว้ ยนวตั กรรม จากการ คดิ วิเคราะห์และคิดแก้ปญั หา ที่ประเทศไทยมีกลไกในการขับเคลื่อนประเทศชุดใหม่ ภายใต้ไทยแลนด์ 4.0 โดยมีเป้าหมายหลัก 4 มิติ นอกจากน้ี Makmee (2011) ยังกลา่ วว่า PBL คือ ความมั่งคัง่ ทางเศรษฐกจิ ความอยดู่ ีมสี ขุ ทางสังคม ทำ� ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ทกั ษะในการคดิ วเิ คราะห์ คดิ แกป้ ญั หา และคิดอย่างสร้างสรรค์ ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียน มากขึ้น สามารถแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากแหล่ง ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
212 วารสารปัญญาภวิ ัฒน์ ปีท่ี 10 ฉบับพิเศษ ประจ�ำเดอื นกรกฎาคม 2561 การยกระดับคุณค่ามนุษย์ และการรักษ์สิ่งแวดล้อม พฒั นาดจิ ทิ ลั เพอ่ื เศรษฐกจิ และสงั คม พ.ศ. 2559 หนงึ่ ใน โดยรัฐบาลได้ก�ำหนดทิศทางการพัฒนาเพ่ือขับเคลื่อน ยทุ ธศาสตรท์ เ่ี กย่ี วขอ้ งคอื พฒั นากำ� ลงั คนใหพ้ รอ้ มเขา้ สู่ ไทยแลนด์ 4.0 หนึ่งในวาระการพัฒนาคือ การเตรียม ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล (Ministry of Digital คนไทย 4.0 ให้พร้อมก้าวสู่โลกท่ี 1 โดยคนไทยเป็น Economy and Society, 2016) ในสว่ นของการศกึ ษา มนษุ ยท์ สี่ มบรู ณใ์ นศตวรรษท่ี 21 ซงึ่ มวี าระการขบั เคลอ่ื น มกี ารตน่ื ตวั มกี ารประยกุ ตใ์ ชแ้ ละนำ� เทคโนโลยสี ารสนเทศ ที่ส�ำคัญคือ การปฏิรูปการศึกษาเพ่ือเตรียมคนไทยสู่ เข้ามาช่วยในการจดั การเรียนรู้ เชน่ การเรยี นการสอน โลกที่ 1 โดยต้องน�ำไปสกู่ ารปรบั เปล่ยี นใน 3 เร่ือง คือ แบบออนไลน์ การสร้างและใช้ส่ือดิจิทัลเพื่อการเรียนรู้ 1) การปรบั เปลย่ี นเปา้ หมายและระบบการบรหิ ารจดั การ รวมทง้ั การนำ� เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั มาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการบรหิ าร การเรยี นรทู้ งั้ ระบบ 2) การปรบั เปลยี่ นกระบวนทศั นแ์ ละ จัดการเรียนรู้ ซ่ึงเทคโนโลยีและสื่อดิจิทัลในปัจจุบันได้ ทกั ษะครู และ 3) การปรบั เปลยี่ นหลกั สตู รและรปู แบบ พัฒนา มีระบบและเครื่องมือท่ีสามารถเลือกใช้งานได้ การสอน เนน้ การสรา้ งนวตั กรรม การใชเ้ ทคโนโลยสี อื่ ดจิ ทิ ลั ตามความเหมาะสมและความตอ้ งการ ยกตวั อยา่ งดังน้ี และปรับวิธีการ เพื่อสร้างทักษะการเรียนรู้และปรับตัว ผู้เรยี นให้สามารถพัฒนาตนเองไดต้ ลอดชีวติ (Strategy ระบบการเรยี นการสอนแบบออนไลน์ หรอื ระบบ and Planning Division, 2016) การศกึ ษาในยคุ 4.0 อีเลริ น์ นง่ิ (e-Learning) Laohajaratsang (2002) ได้ นอกจากจะส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมการเรียนรู้แล้ว กลา่ วถงึ ความหมายของระบบอเี ลริ น์ นงิ่ เปน็ 2 ลกั ษณะ ยงั เนน้ การคิดวเิ คราะห์ สร้างสรรค์ (Untachai, 2016) คอื ความหมายโดยทว่ั ไป หมายถงึ การเรยี นในลกั ษณะใด สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ท่ี กไ็ ดท ใี่ ชก้ ารถา่ ยทอดเนอ้ื หาผา่ นทางอปุ กรณอ เิ ลก็ ทรอนกิ ส์ Panich (2011) ได้กล่าวไว้คือ สอนให้น้อย เรียนรู้ ซง่ึ เนอื้ หาสารสนเทศอาจอยใู นรปู แบบคอมพวิ เตอรช์ ว่ ยสอน ใหม้ าก เรยี นรดู้ ว้ ยตวั ผเู้ รยี นโดยตรง เนน้ รว่ มมอื มากกวา่ (Computer-Assisted Instruction: CAI) การสอน การแขง่ ขนั และเนน้ การเรยี นรเู้ ปน็ ทมี มากกวา่ รายบคุ คล บนเวบ็ (Web-Based Instruction) การเรียนออนไลน ปัจจุบันมีนักวิชาการได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการศึกษา (On-line Learning) การเรียนทางไกลผ่านดาวเทียม ในยคุ 4.0 ไว้หลายแนวคดิ เช่น แนวคดิ เชงิ สร้างสรรค์ หรืออาจอยูในลักษณะอื่นๆ เช่น การประชุมวีดิทัศน และผลติ ภาพ แนวคดิ การพฒั นาผเู้ รยี นใหเ้ ตม็ ศกั ยภาพ (Videoconference) หรือการเรียนจากวีดิทัศนตาม และสร้างนวัตกรรม แนวคิดการศึกษาเพ่ือส่งเสริมการ อัธยาศัย (Video On-Demand) และให้ความหมาย ปฏริ ูปอตุ สาหกรรมยุคท่ี 4 (Sinlarat, 2016) เฉพาะเจาะจงวา่ หมายถงึ การเรยี นเนอ้ื หาหรอื สารสนเทศ ส�ำหรับการสอนหรือการอบรม ซ่ึงใช้การน�ำเสนอด้วย อยา่ งไรกต็ ามการศกึ ษาในปจั จบุ นั เนน้ การพฒั นา ตวั อกั ษร ภาพนง่ิ ผสมกบั การใชภ้ าพเคลอ่ื นไหว วดี ทิ ศั น์ คนใหม้ สี มรรถนะ มที กั ษะในศตวรรษที่ 21 โดยเนน้ ทกั ษะ และเสยี ง โดยอาศยั เทคโนโลยเี วบ็ ในการถา่ ยทอดเนอื้ หา ในการคดิ วเิ คราะห์ ยงั คงมกี ารปรบั หลกั สตู ร ปรบั รปู แบบ รวมทง้ั ใชเ้ ทคโนโลยกี ารจดั หลกั สตู ร (Course Manage- การจัดการเรียนการสอน รวมถึงการสร้างและเลือกใช้ ment System) ในการบรหิ ารจดั การงานสอนตา่ งๆ สอ่ื เทคโนโลยที ม่ี คี วามเหมาะสมตามยคุ สมยั เพอ่ื พฒั นา และใหผ้ ลลัพธต์ ามเปา้ หมายท่ีตง้ั ไว้ สอื่ ดจิ ทิ ลั (Digital media) เปน็ ส่ือกลางในการ ถ่ายทอดข้อมูลจากผู้ส่งสารไปผู้รับสาร โดยส่วนใหญ่ 3. เทคโนโลยดี ิจทิ ัลเพอ่ื การเรียนรู้ มกั หมายถงึ สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ สท์ ที่ ำ� งานโดยใชร้ หสั ดจิ ทิ ลั ประเทศไทยยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล โดยมีท้งั ส่อื แบบออฟไลน์ (Offline) และแบบออนไลน์ เน้นการน�ำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเคร่ืองมือส�ำคัญ (Online) เชน่ ซดี /ี ดวี ดี เี พลงหรอื ภาพยนตร์ สอ่ื คอมพวิ เตอร์ ในการขบั เคลอ่ื นการพฒั นาประเทศ จะเหน็ ไดจ้ ากมแี ผน ชว่ ยสอน (CAI) บทเรยี นคอมพวิ เตอรบ์ นเวบ็ (Web base ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
Panyapiwat Journal Vol.10 Special Issue July 2018 213 instruction: WBI) อบี กุ๊ (e-book) เอกสารอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ทดสอบก่อนและหลัง โดยด�ำเนินการทดลองกับกลุ่ม (e-document) และส่ือออนไลน์ต่างๆ เช่น เฟซบุ๊ก ตวั อย่างตามขัน้ ตอนรายละเอยี ดดังน้ี (Facebook) ไลน์ (Line) ยทู ปู (Youtube) ทวิตเตอร์ (Twitter) เปน็ ตน้ สอ่ื ตา่ งๆ เหลา่ นถ้ี กู นำ� มาใชป้ ระโยชน์ 3.1.1 จัดเตรียมกลุ่มตัวอย่างเพ่ือเข้ารับ ในดา้ นตา่ งๆ มากขน้ึ เชน่ เพอื่ การประชาสมั พนั ธข์ อ้ มลู การทดลอง โดยการทดลองน้ใี ช้เวลาทงั้ หมด 2 สัปดาห์ การท�ำการตลาด รวมท้ังส่ือเพ่ือการศึกษาหรือเพื่อการ สปั ดาหล์ ะ 4 คาบ คาบละ 50 นาที เรยี นรู้ ซงึ่ มจี ำ� นวนเพมิ่ มากขน้ึ เนอ่ื งจากมชี อ่ งทางในการ เข้าถึงข้อมูลมากขึ้นและง่ายข้ึน เช่น สามารถค้นหา 3.1.2 ด�ำเนินการประเมินผลการเรียนรู้ ความรู้จากสื่อต่างๆ ท่ีสามารถแสดงผลลัพธ์ผ่านทาง ก่อนเรียนด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เว็บบราวเซอร์ (Web browser) บนระบบอินเทอรเ์ นต็ จำ� นวน 20 ข้อ ให้เวลา 1 ชว่ั โมง การเขา้ ถงึ ผา่ นทางคอมพวิ เตอร์ โนต้ บกุ๊ แทบ็ เลต็ มอื ถอื หรอื อุปกรณพ์ กพาอนื่ ๆ 3.1.3 ผู้สอนเตรียมโจทย์ปัญหา เตรียม วธิ กี ารวิจัย ทรพั ยากรการเรยี นรู้ เตรยี มสภาพแวดลอ้ มหรอื หอ้ งเรยี น ให้เหมาะกบั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ประชากรและกลมุ่ ตวั อย่าง ประชากร ได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรี 3.1.4 ดำ� เนนิ การจดั การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏ เปน็ ฐานกบั กลมุ่ ตวั อยา่ งตามแผนการจดั การเรยี นรู้ ดงั นี้ นครราชสมี า กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักศึกษาระดับปริญญาตรี 1) ผู้สอนแนะน�ำเน้ือหาเร่ืองการ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏ ประมาณการขนาดของซอฟตแ์ วรด์ ว้ ยวธิ กี ารนบั จำ� นวน นครราชสมี า ทลี่ งทะเบยี นเรยี นจำ� นวน 39 คน ในรายวชิ า ฟงั กช์ ัน และวิธกี ารเรยี นรู้โดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน การบรหิ ารโครงการซอฟตแ์ วร์ ภาคเรยี นท่ี 2 ปกี ารศกึ ษา 2559 โดยกลุ่มตัวอย่างได้มาจากการเลือกแบบเฉพาะ 2) ผู้สอนแบ่งกลุ่มตัวอย่าง 5 กลุ่ม เจาะจง (Purposive Sampling) กลมุ่ ละ 7-8 คน และใหส้ มาชกิ ในกลมุ่ เลอื กประธานกลมุ่ 2. ตวั แปรท่ีศึกษา และเลขานกุ ารกลุม่ ตวั แปรตน้ คอื รปู แบบการเรยี นแบบดจิ ทิ ลั โดยใช้ ปญั หาเปน็ ฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 3) ผสู้ อนแจกโจทยป์ ญั หาใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ตวั แปรตาม คอื ผลการจดั การเรยี นรแู้ บบดจิ ทิ ลั ทำ� ความเขา้ ใจโจทยร์ วมทงั้ คำ� ศพั ทเ์ ฉพาะตา่ งๆ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานในยคุ ไทยแลนด์ 4.0 และพฤตกิ รรม การใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ลั สนบั สนนุ การเรยี นรใู้ นยคุ ไทยแลนด์ 4) สมาชกิ ในกลมุ่ รว่ มกนั ระบปุ ญั หา 4.0 คดิ วเิ คราะห์ แตกประเดน็ ปญั หา หาสาเหตวุ ธิ กี ารแกไ้ ข 3. วิธีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ปญั หาโดยตง้ั สมมตฐิ าน จดั ลำ� ดบั สมมตฐิ านและกำ� หนด 3.1 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เพอื่ วเิ คราะหก์ ารจดั จดุ ประสงคเ์ พอ่ื ตรวจสอบสมมติฐาน การเรียนรู้ ในการด�ำเนินการทดลองผู้วิจัยใช้รูปแบบ การวจิ ยั เชงิ ทดลอง ใชแ้ บบแผนการทดลองแบบกลมุ่ เดยี ว 5) สมาชกิ ในกลมุ่ คน้ ควา้ เพมิ่ เตมิ จาก แหลง่ ทรพั ยากรการเรยี นรตู้ า่ งๆ ทง้ั ทผี่ สู้ อนจดั เตรยี มให้ และค้นคว้าอิสระ 6) สมาชิกในกลุ่มช่วยกันวิเคราะห์ สงั เคราะหเ์ พื่อสรปุ ค�ำตอบส�ำหรับปญั หา 7) นำ� เสนอ และอภปิ รายร่วมกัน 8) สรปุ องคค์ วามรู้ 3.1.5 ด�ำเนินการประเมินผลการเรียนรู้ หลังเรียนด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ฉบบั เดมิ แล้วบันทึกเป็นคะแนนหลงั เรยี น ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ท่ี 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
214 วารสารปัญญาภวิ ฒั น์ ปีท่ี 10 ฉบับพิเศษ ประจ�ำเดอื นกรกฎาคม 2561 3.2 การเก็บรวบรวมข้อมูลเพ่ือศึกษาความพึง 4.3 แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดการ พอใจของกลุ่มตัวอย่าง ผู้วิจัยด�ำเนินการเก็บรวบรวม เรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานของกลมุ่ ตวั อยา่ ง โดยนยิ าม ขอ้ มลู เพอื่ ศกึ ษาความพงึ พอใจของกลมุ่ ตวั อยา่ งหลงั จาก ทส่ี รา้ งข้ึนมีระดบั ความพึงพอใจ 5 ระดับ ได้แก่ ระดบั เสรจ็ สนิ้ กระบวนการจดั การเรยี นรแู้ ละการทำ� แบบทดสอบ ความพึงพอใจมากท่ีสุด (ค่าเฉล่ีย 4.51-5.00) มาก หลังเรียน โดยการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู จากแบบสอบถาม (คา่ เฉลย่ี 3.51-4.50) ปานกลาง (คา่ เฉล่ยี 2.51-3.50) ความพงึ พอใจจากรปู แบบการจดั การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หา น้อย (ค่าเฉลี่ย 1.51-2.50) และน้อยท่ีสุด (ค่าเฉล่ีย เป็นฐานในยคุ ไทยแลนด์ 4.0 1.00-1.50) (Srisaard, 2011: 103) 3.3 การเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เพอ่ื ศกึ ษาพฤตกิ รรม 4.4 แบบสอบถามการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ในการคน้ ควา้ หาความรู้ โดยผวู้ จิ ยั สนับสนุนการเรียนรู้ในการสร้างแบบสอบถาม เร่ิมจาก เก็บข้อมูลจากการสังเกตการท�ำกิจกรรมในแต่ละกลุ่ม การศกึ ษาและรวบรวมขอ้ มลู เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ในปจั จบุ นั และแบบสอบถามการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสนับสนุน ท่ีสามารถน�ำมาใช้ในการศึกษาค้นคว้าหรือเรียนรู้ด้วย การเรยี นรู้ของนักศกึ ษาแตล่ ะคน ตนเองแลว้ ทำ� การสงั เคราะห์ จากนนั้ จงึ ออกแบบสอบถาม พฤติกรรมการใช้งาน ความต้องการ ปัญหาอุปสรรค 4. เครื่องมือท่ใี ช้ในการวิจยั และขอ้ เสนอแนะ โดยนยิ ามระดบั ความคดิ เหน็ 5 ระดบั 4.1 แผนการจดั การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน ไดแ้ ก่ ระดบั มากทสี่ ดุ (คา่ เฉลย่ี 4.51-5.00) มาก (คา่ เฉลย่ี ผวู้ จิ ยั ใชเ้ นอ้ื หาเรอื่ งการประมาณการขนาดของซอฟตแ์ วร์ 3.51-4.50) ปานกลาง (คา่ เฉลยี่ 2.51-3.50) นอ้ ย (คา่ เฉลยี่ ด้วยวิธีการนับจ�ำนวนฟังก์ชัน ในรายวิชาการบริหาร 1.51-2.50) และนอ้ ยทส่ี ดุ (คา่ เฉลย่ี 1.00-1.50) (Srisaard, โครงการซอฟตแ์ วร์ กำ� หนดระยะเวลาในการทำ� กจิ กรรม 2011: 103) 2 สปั ดาห์ สปั ดาหล์ ะ 4 คาบ คาบละ 50 นาที การสรา้ ง แผนการจัดการเรียนรู้เริ่มจากการวิเคราะห์ปัญหาของ 5. การวิเคราะห์ข้อมลู ผู้เรียนจากการเรียนเรื่องการประมาณการขนาดของ 5.1 การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ซอฟต์แวร์ด้วยวิธีการนับจ�ำนวนฟังก์ชัน จากนั้นศึกษา กอ่ นเรยี นและหลงั เรยี นจากการจดั การเรยี นรแู้ บบดจิ ทิ ลั เน้ือหาและรายละเอียดของเน้ือหาเพ่ือแบ่งหัวข้อย่อย โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน โดยใชส้ ถติ คิ า่ t-test แบบ Depen- ตั้งโจทย์ปัญหา กำ� หนดรายละเอยี ดกจิ กรรมการเรยี นรู้ dent (Paired Samples t-test) ในแต่ละหัวข้อโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน จากน้ันส่งให้ 5.2 การวเิ คราะหค์ วามพงึ พอใจของกลมุ่ ตวั อยา่ ง ผู้เชีย่ วชาญใหข้ อ้ เสนอแนะ และปรับแก้ไข และการวเิ คราะหข์ อ้ มลู การใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ลั สนบั สนนุ 4.2 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ การเรยี นรู้ ใชส้ ถติ ิ คา่ เฉลย่ี เลขคณติ (X) และคา่ เบย่ี งเบน กอ่ นและหลงั เรยี น การสรา้ งแบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิ มาตรฐาน (S.D.) ทางการเรยี นรกู้ อ่ นและหลงั การจดั การเรยี นรจู้ ะใชแ้ บบ ผลการวิจยั ทดสอบชนิดเลือกตอบแบบ 4 ตัวเลือก ตามขอบเขต 1. การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบดิจิทัลโดยใช้ ของเนื้อหา จ�ำนวน 20 ข้อ หาค่าความเที่ยงตรงของ ปัญหาเป็นฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 สรุปขั้นตอนได้ดัง แบบสอบถาม (IOC) และคา่ ความเชอื่ มน่ั ของแบบทดสอบ ตารางที่ 1 โดยใชส้ ตู รของคเู ดอร์ รชิ ารด์ สนั (Kuder-Rechardson) KR-20 (Tiantong, 2011: 216) ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
Panyapiwat Journal Vol.10 Special Issue July 2018 215 ตารางที่ 1 รูปแบบการจดั การเรียนรู้ ขัน้ ตอนการจดั การเรยี นรู้ ระยะเวลา กิจกรรม เครื่องมือที่ใช้ จดั กลุม่ ผ้เู รยี น 5-10 5-10 - ผสู้ อนแนะนำ� เนือ้ หาและวิธกี ารเรียน - Moodle (CMS/LMS) ศกึ ษาโจทย์ปญั หา ท�ำความเข้าใจ 5-10 - ผู้สอนจดั กลมุ่ ผเู้ รยี นเป็นกลมุ่ ย่อย โจทย์ รวมทัง้ คำ� ศพั ทต์ า่ งๆ ท่ี 10-15 - ผู้เรยี นแตล่ ะกล่มุ เลือกประธานและเลขานุการกลุ่ม เกย่ี วข้อง 5-10 ระบุปญั หาในโจทย์ทใี่ ห้ 5-10 - ผสู้ อนแจกโจทย์ปญั หาในรูปแบบเอกสาร และไฟล์ - เอกสารโจทย์ปัญหา 20-30 ทแ่ี ชรไ์ วใ้ นระบบอีเลริ ์นน่ิง - Moodle (CMS/LMS) ระดมสมอง วเิ คราะห์แยกแยะปญั หา - กลมุ่ ผเู้ รยี นทำ� ความเขา้ ใจโจทย์ - แหล่งสบื ค้นออนไลนอ์ ่ืนๆ เชน่ อภิปรายหาสาเหตุ ท่มี าโดยใช้ความรู้ 15-20 - กลุ่มผเู้ รียนทำ� ความเขา้ ใจค�ำศัพท์ทเี่ กี่ยวข้อง Google เดมิ อภิปราย ต้งั สมมติฐานเพื่อใชแ้ ก้ - กลมุ่ ผเู้ รียนช่วยกนั ระบปุ ญั หาจากโจทยโ์ ดยผ้เู รยี น - Moodle (CMS/LMS) ปญั หา จัดลำ� ดับของสมมตฐิ านโดยใช้ ทกุ คนเข้าใจปญั หา - Google document ความรูเ้ ดมิ - เลขานุการกลมุ่ จดบันทกึ ก�ำหนดประเด็นหรือวัตถุประสงค์ การเรยี นรเู้ พอื่ พสิ ูจนส์ มมติฐาน - กลมุ่ ผู้เรยี นชว่ ยกันวิเคราะห์แยกแยะปญั หาเปน็ - Moodle (CMS/LMS) ท่ตี ้ังไว้ ประเดน็ ต่างๆ แล้วน�ำมาอภปิ รายหาสาเหตุ ทีม่ า - Google document ศกึ ษาค้นคว้าหาขอ้ มูลเพ่มิ เติมจาก ของปัญหา โดยใช้ความร้เู ดมิ แหล่งทรพั ยากรการเรียนรู้ต่างๆ - เลขานุการกลุ่มจดบันทึก นำ� ข้อมูลท่ีค้นคว้ามาอภิปราย - กลมุ่ ผู้เรยี นร่วมกันอภิปรายและต้ังสมมตฐิ าน - Moodle (CMS/LMS) วเิ คราะห์ สงั เคราะหเ์ พ่อื พสิ จู น์ เพ่ือใช้แกป้ ญั หานน้ั รวมทงั้ จัดลำ� ดบั ของสมมติฐาน - Google document สมมตฐิ าน และสรปุ เปน็ แนวคดิ โดยใช้ความร้เู ดมิ หรอื องคค์ วามรู้ - เลขานุการกลมุ่ จดบันทึก - กลมุ่ ผเู้ รยี นรว่ มกนั กำ� หนดประเดน็ หรอื วัตถุประสงค์ - Moodle (CMS/LMS) การเรยี นรู้เพ่อื พิสูจน์สมมติฐานทต่ี งั้ ไว้ จะประเมนิ - Google document วา่ ความรู้สว่ นใดรแู้ ลว้ ส่วนใดตอ้ งคน้ ควา้ เพ่ิม - เลขานกุ ารกลุม่ จดบันทึก - ผู้เรียนแต่ละคนศกึ ษาคน้ ควา้ หาข้อมลู เพ่ิมเติมจาก - Moodle (CMS/LMS) แหลง่ ทรพั ยากรการเรียนรตู้ า่ งๆ - File sharing - Search engine - Social media - CAI/Web-base/e-book - สือ่ อ่นื ๆ - กลุ่มผเู้ รียนนำ� ข้อมลู ท่ีค้นคว้ามาอภปิ รายรว่ มกนั - Moodle (CMS/LMS) วเิ คราะห์ สังเคราะหเ์ พื่อพิสจู นส์ มมตฐิ าน - Google document - กลมุ่ ผู้เรยี นชว่ ยกันสรปุ เป็นแนวคิดหรอื องคค์ วามรู้ - Powerpoint - กลมุ่ ผเู้ รยี นนำ� เสนอ - Webpage/WBI - กลุ่มผู้เรยี นเผยแพรอ่ งค์ความรู้ - Facebook/Line/Youtube/ Instagram/Google+ ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ท่ี 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
216 วารสารปัญญาภวิ ัฒน์ ปีท่ี 10 ฉบับพิเศษ ประจำ� เดอื นกรกฎาคม 2561 2. ผลการจดั การเรยี นรแู้ บบดจิ ทิ ลั โดยใชป้ ญั หาเปน็ แสดงรายละเอยี ดดังตารางท่ี 2 ฐานในยคุ ไทยแลนด์ 4.0 แบง่ เปน็ 2 สว่ นคอื ผลสมั ฤทธ์ิ จากตารางท่ี 2 สรุปได้ว่า ผลสัมฤทธิ์ทาง ทางการเรียน และความพึงพอใจจากการจัดการเรียน การสอน มีรายละเอยี ดดังน้ี การเรยี นของกลมุ่ ตวั อยา่ งจำ� นวน 39 คน กอ่ นเรยี นมคี า่ คะแนนเฉลยี่ 6.72 จากคะแนนเต็ม 20 ส่วนเบ่ยี งเบน 2.1 ผลการเปรยี บเทยี บผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น มาตรฐาน 1.87 และหลงั เรยี นมีค่าคะแนนเฉลย่ี 12.49 ก่อนและหลังเรียนจากการจัดการเรียนรู้แบบดิจิทัล จากคะแนนเตม็ 20 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 2.34 เมื่อ โดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 พบวา่ กลุม่ ทดสอบความแตกตา่ งของคะแนนกอ่ นและหลงั เรยี นพบวา่ ตัวอย่างได้คะแนนทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน มีความแตกต่างอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ทกุ คน ผลการเปรียบเทยี บผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของ นนั่ คอื ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นของกลมุ่ ตวั อยา่ งหลงั เรยี น กลมุ่ ตวั อยา่ งระหวา่ งคะแนนทดสอบกอ่ นและหลงั เรยี น สูงกว่าก่อนเรยี น ตารางท่ี 2 เปรยี บเทยี บคะแนนเฉลยี่ ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนกอ่ นและหลงั เรียน ผลสัมฤทธิ์ X S.D. t df Sig. ทางการเรยี น 38 (2-tailed) ก่อนเรยี น 6.72 1.87 16.69 .000 หลังเรยี น 12.49 2.34 2.2 ความพงึ พอใจจากการจดั การเรยี นการสอน ความพงึ พอใจตอ่ การจดั การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน แบบดิจิทัลโดยใช้ปัญหาเป็นฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 โดยมคี า่ เฉลยี่ เทา่ กนั คอื 4.00 ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจ พบวา่ กลมุ่ ตวั อยา่ งมคี า่ เฉลย่ี ความพงึ พอใจอยใู่ นระดบั มาก อยู่ในระดบั มาก รายละเอียดแสดงในตารางท่ี 3 โดยมีค่าเฉลี่ยรวม 3.98 และมีค่า S.D. เท่ากับ 0.66 เมอื่ พจิ ารณารายละเอยี ดพบวา่ รายการทม่ี คี วามพงึ พอใจ 3. ผลการศึกษาพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล มากทสี่ ดุ คอื กจิ กรรมการเรยี นรฯู้ สง่ เสรมิ กระบวนการคดิ สนบั สนนุ การเรยี นรใู้ นยคุ ไทยแลนด์ 4.0 เปน็ การประเมนิ วิเคราะห์เพื่อแก้ปัญหา โดยมีค่าเฉล่ีย 4.25 รองลงมา พฤติกรรมและความต้องการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล คือ เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติมากขึ้น และ ผลการศกึ ษาพฤตกิ รรม 5 ด้านประกอบดว้ ย ทรพั ยากรการเรยี นรแู้ ละสอ่ื เทคโนโลยที นั สมยั และเพยี งพอ ต่อการเรียนรู้โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากันคือ 4.15 รายการ 3.1 ด้านการเรียนรู้โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมีค่า ประเมนิ ทม่ี คี วามพงึ พอใจมากในลำ� ดบั ถดั มาคอื ผเู้ รยี น เฉลยี่ รวม 4.03 โดยรายการประเมนิ ทม่ี คี า่ เฉลย่ี มากทสี่ ดุ ไดร้ บั ความรคู้ วามเขา้ ใจในเนอื้ หาจากกระบวนการจดั การ คือ เรียนรู้จากการค้นหาข้อมูลเบ้ืองต้นจาก Search เรียนรู้ฯ มากขึน้ การจดั กิจกรรมการเรยี นรฯู้ สามารถ engine มคี า่ เฉลย่ี 4.49 รองลงมาคอื เรียนรูจ้ ากระบบ สร้างแรงจูงใจในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน และผู้เรียนมี การจัดการเรียนการสอน (LMS/CMS) เช่น Moodle มคี า่ เฉลยี่ 4.41 และเรยี นรจู้ ากเวบ็ ไซตต์ า่ งๆ ทใี่ หค้ วามรู้ มีคา่ เฉล่ยี 4.10 รายละเอยี ดแสดงดังตารางท่ี 4 ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
Panyapiwat Journal Vol.10 Special Issue July 2018 217 ตารางท่ี 3 ค่าเฉลยี่ คะแนนความพึงพอใจของผ้เู รยี นตอ่ การจดั การเรียนรู้โดยใชป้ ญั หาเป็นฐานฯ รายการประเมนิ ค่าเฉล่ยี ส่วนเบย่ี งเบน ระดบั 3.95 มาตรฐาน ความพึงพอใจ 1. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ฯ มลี �ำดบั ขัน้ ตอนเขา้ ใจไดง้ า่ ย 4.25 0.69 มาก 2. กจิ กรรมการเรียนรู้ฯ ส่งเสริมกระบวนการคิด วเิ คราะหเ์ พื่อแก้ 0.64 มาก 3.90 ปัญหา 4.15 0.64 มาก 3. กิจกรรมการเรียนรฯู้ สง่ เสรมิ การมีสว่ นร่วมของสมาชกิ ในกลุ่ม 4.00 0.59 มาก 4. เปิดโอกาสใหผ้ ู้เรยี นได้ลงมอื ปฏบิ ัติมากขนึ้ 0.56 มาก 5. ผเู้ รยี นไดร้ บั ความรู้ความเขา้ ใจเนอื้ หาจากกระบวนการจัดการ 3.90 0.55 มาก เรียนรฯู้ มากข้ึน 3.85 6. ผเู้ รียนสามารถแสวงหาความรดู้ ้วยตนเองได้จากแหล่งเรยี นรู้ 3.75 0.75 มาก 0.64 มาก ต่างๆ 3.85 7. ผเู้ รยี นสามารถคดิ วิเคราะห์ และแกป้ ญั หาจากโจทย์ได้ถกู ตอ้ ง 4.15 0.81 มาก 8. การไดร้ ับความชว่ ยเหลอื ในการท�ำกจิ กรรมระหว่างผู้เรียนและ 0.67 มาก 4.00 ผสู้ อน 0.73 มาก 9. สภาพแวดลอ้ มในการจัดการเรียนการสอนมคี วามเหมาะสม 4.00 10. ทรัพยากรการเรยี นรู้และสอื่ เทคโนโลยีทนั สมยั และเพียงพอต่อ 3.98 0.65 มาก 0.66 มาก การเรยี นรู้ 11. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรูฯ้ สามารถสรา้ งแรงจงู ใจในการเรียน ใหแ้ ก่ผู้เรยี น 12. ผเู้ รยี นมคี วามพงึ พอใจตอ่ การจดั การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน รวมเฉลย่ี ตารางท่ี 4 ผลประเมนิ พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีดิจิทลั ฯ ด้านการเรยี นร้โู ดยใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ิทลั รายการประเมิน คา่ เฉล่ีย คา่ เบี่ยงเบน ระดบั 4.03 มาตรฐาน ความคิดเหน็ ด้านการเรยี นรู้โดยใชเ้ ทคโนโลยีดิจทิ ัล 4.41 เรียนรูจ้ ากระบบการจดั การเรียนการสอน (LMS/CMS) เช่น 4.49 0.68 มาก Moodle 3.13 เรียนรู้จากการคน้ หาขอ้ มูลเบื้องต้นจาก Search engine 4.10 0.64 มาก เรียนรู้จากสอ่ื ดจิ ิทัลแบบออฟไลน์ เช่น ความรจู้ าก CD/DVD, CAI, E-book 0.64 มาก เรียนรจู้ ากเว็บไซต์ตา่ งๆ ทีใ่ ห้ความรู้ 0.66 ปานกลาง 0.79 มาก ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
218 วารสารปัญญาภวิ ฒั น์ ปีท่ี 10 ฉบับพเิ ศษ ประจำ� เดอื นกรกฎาคม 2561 3.2 ด้านเครื่องมือสนับสนุนการเรียนรู้ มีค่า เฉล่ีย 4.87 รองลงมาคือ Bing มีค่าเฉลี่ย 4.64 และ เฉลี่ยรวม 3.80 มีรายการประเมินเครื่องมือสนับสนุน Yahoo มีค่าเฉลี่ย 4.56 ในส่วนของสื่อสังคม (Social การเรียนรู้ 5 ประเภทคือ ระบบจัดการเรียนรู้/ระบบ media) พบวา่ รายการประเมนิ ทม่ี คี า่ เฉลยี่ มากทสี่ ดุ คอื จดั การเนอ้ื หา (LMS/CMS) เครอื่ งมอื คน้ หาขอ้ มลู (Search Facebook มีค่าเฉล่ีย 4.82 รองลงมาคือ YouTube engine) สื่อสังคม (Social media) สื่อดิจิทัลแบบ มคี ่าเฉลยี่ 4.79 และ Line มคี ่าเฉลี่ย 4.62 ในสว่ นของ ออฟไลน์ (Offline digital media) และเวบ็ ไซตต์ ่างๆ สอื่ ดจิ ทิ ลั แบบออฟไลน์ (Offline digital media) พบวา่ ที่ให้ความรู้ โดยในส่วนของระบบจัดการเรียนรู้/ระบบ รายการประเมินที่มีค่าเฉล่ียมากท่ีสุดคือ E-book มีค่า จัดการเนื้อหา (LMS/CMS) พบว่า รายการท่ีมีระดับ เฉล่ีย 4.13 รองลงมาคือ CAI มีค่าเฉล่ีย 4.00 และ ความคิดเห็นมากท่ีสุดคือ Moodle มีค่าเฉลี่ย 4.90 เอกสารอิเล็กทรอนิกสม์ คี า่ เฉลี่ย 3.92 และในส่วนของ รองลงมาคอื Joomla มคี า่ เฉลย่ี 4.38 และ Wordpress เว็บไซต์ต่างๆ ทใี่ หค้ วามรู้มีคา่ เฉลีย่ 4.00 รายละเอยี ด มคี า่ เฉลย่ี 3.74 ในสว่ นของเครอ่ื งมอื คน้ หาขอ้ มลู (Search แสดงดงั ตารางท่ี 5 engine) รายการทม่ี คี า่ เฉลย่ี มากทสี่ ดุ คอื Google มคี า่ ตารางที่ 5 ผลประเมินพฤตกิ รรมการใช้เทคโนโลยีดจิ ทิ ัลฯ ด้านเครื่องมือสนบั สนนุ การเรียนรู้ รายการประเมิน คา่ เฉล่ยี ค่าเบ่ียงเบน ระดับ ดา้ นเคร่อื งมอื สนับสนนุ การเรยี นรู้ 3.80 มาตรฐาน ความคดิ เหน็ 0.54 มาก ระบบจดั การเรียนรู้/ระบบจัดการเนอ้ื หา (LMS/CMS) 3.42 0.51 ปานกลาง Edmodo 2.64 0.49 ปานกลาง Joomla 4.38 0.49 มาก Moodle 4.90 0.31 มากท่ีสุด Mambo 3.03 0.49 ปานกลาง Wordpress 3.74 0.79 มาก LMS/CMS อื่นๆ 1.82 0.51 นอ้ ย เคร่ืองมอื คน้ หาขอ้ มูล (Search engine) 4.10 0.49 มาก ask 4.00 0.51 มาก Bing 4.64 0.49 มากทสี่ ดุ google 4.87 0.34 มากที่สุด sanook 4.54 0.51 มากท่ีสดุ Yahoo 4.56 0.64 มากที่สดุ Search engine อืน่ ๆ 2.00 0.46 น้อย ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
Panyapiwat Journal Vol.10 Special Issue July 2018 219 ตารางที่ 5 ผลประเมนิ พฤตกิ รรมการใช้เทคโนโลยีดิจทิ ลั ฯ ดา้ นเครือ่ งมอื สนบั สนุนการเรียนรู้ (ต่อ) รายการประเมิน คา่ เฉลีย่ คา่ เบี่ยงเบน ระดับ ส่ือสงั คม (Social media) 4.06 มาตรฐาน ความคดิ เหน็ 0.50 มาก Line 4.62 0.54 มากท่ีสดุ Twitter 4.03 0.67 มาก YouTube 4.79 0.41 มากที่สดุ Facebook 4.82 0.39 มากทส่ี ดุ Instagram 4.00 0.51 มาก Social media อื่นๆ 2.13 0.47 นอ้ ย ส่ือดจิ ทิ ลั แบบออฟไลน์ (Offline digital media) 3.42 0.57 ปานกลาง CAI 4.00 0.51 มาก E-book 4.13 0.61 มาก เอกสารอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 3.92 0.66 มาก สื่อดิจทิ ลั แบบออฟไลน์อนื่ ๆ 1.62 0.49 นอ้ ย เว็บไซต์ตา่ งๆ ท่ีใหค้ วามรู้ 4.00 0.65 มาก 3.3 ด้านรูปแบบข้อมูลที่นิยมน�ำมาใช้ในการ มคี า่ เฉลย่ี 4.67 รองลงมาคอื เวบ็ ไซตห์ นว่ ยงานภาคเอกชน เรยี นรมู้ คี า่ เฉลย่ี รวม 3.83 โดยรายการประเมนิ ทมี่ คี า่ เฉลย่ี มคี า่ เฉลย่ี 4.64 และเวบ็ ไซตก์ ลมุ่ องคก์ รมคี า่ เฉลยี่ 4.03 มากทสี่ ดุ คอื ไฟลเ์ อกสารประเภท PDF มคี า่ เฉลยี่ 4.59 รายละเอยี ดแสดงดังตารางที่ 6 รองลงมาคอื ไฟลว์ ดิ โี อมคี า่ เฉลย่ี 4.41 และไฟลจ์ ากการ สรา้ งดว้ ย Microsoft Office มคี า่ เฉลยี่ 4.38 รายละเอยี ด 3.5 ด้านอุปกรณ์หรือฮาร์ดแวร์ท่ีนิยมใช้มีค่า แสดงดงั ตารางที่ 6 เฉลยี่ รวม 3.97 โดยรายการประเมนิ ทม่ี คี า่ เฉลยี่ มากทสี่ ดุ คอื โทรศพั ทม์ ือถอื /แท็บเลต็ มคี า่ เฉลี่ย 4.74 รองลงมา 3.4 ดา้ นประเภทของเวบ็ ไซตท์ มี่ กั จะเลอื กเขา้ ไป คือ คอมพิวเตอร์ต้ังโต๊ะมีค่าเฉล่ีย 4.59 และโน้ตบุ๊กมี หาข้อมูลและอ้างอิงมีค่าเฉลี่ยรวม 4.09 โดยรายการ คา่ เฉลย่ี 4.54 รายละเอียดแสดงดงั ตารางที่ 6 ประเมนิ ทม่ี คี า่ เฉลยี่ มากทส่ี ดุ คอื เวบ็ ไซตห์ นว่ ยงานภาครฐั ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
220 วารสารปัญญาภวิ ฒั น์ ปีท่ี 10 ฉบบั พิเศษ ประจ�ำเดอื นกรกฎาคม 2561 ตารางท่ี 6 ผลประเมนิ พฤตกิ รรมการใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ลั ฯ ดา้ นรปู แบบขอ้ มลู ทนี่ ยิ มนำ� มาใชใ้ นการเรยี นรู้ ดา้ นประเภท ของเวบ็ ไซตท์ มี่ ักเลือกเข้าไปหาข้อมลู และอ้างองิ และด้านอุปกรณห์ รือฮารด์ แวร์ทีน่ ิยมใช้ รายการประเมนิ คา่ เฉลี่ย ค่าเบย่ี งเบน ระดับ มาตรฐาน ความคดิ เหน็ ดา้ นรปู แบบขอ้ มูลท่ีนยิ มนำ� มาใช้ในการเรยี นรู้ 3.83 ไฟลว์ ิดีโอ 4.41 0.58 มาก ไฟลเ์ สยี ง 3.85 0.59 มาก ไฟลภ์ าพ 4.03 0.67 มาก ไฟลเ์ อกสารประเภท PDF 4.59 0.54 มาก ไฟลจ์ ากการสรา้ งด้วย Microsoft Office 4.38 0.59 มากท่สี ดุ ไฟลป์ ระเภทอน่ื ๆ 1.74 0.63 มาก 4.09 0.44 นอ้ ย ดา้ นประเภทของเว็บไซตท์ ่ีมกั จะเลือกเข้าไปหาข้อมูลและอ้างองิ 4.67 0.49 มาก เวบ็ ไซตห์ นว่ ยงานภาครัฐ 4.64 0.48 มากทส่ี ุด เวบ็ ไซตห์ น่วยงานภาคเอกชน 3.90 0.49 มากทส่ี ดุ เวบ็ ไซตห์ รอื บล็อกสว่ นบคุ คล 4.03 0.50 มาก เวบ็ ไซตก์ ลุ่มองคก์ ร 3.23 0.54 มาก วกิ ิพเี ดยี 3.97 0.43 ปานกลาง 4.59 0.55 มาก ดา้ นอปุ กรณห์ รือฮารด์ แวร์ทน่ี ยิ มใช้ 4.54 0.64 มากทส่ี ดุ คอมพวิ เตอร์ต้ังโต๊ะ 4.74 0.55 มากทีส่ ุด โน้ตบ๊กุ 2.03 0.44 มากที่สุด โทรศัพทม์ ือถือ/แท็บเลต็ 0.58 นอ้ ย อุปกรณห์ รือฮาร์ดแวรอ์ ืน่ ๆ สรุปและอภปิ รายผล ตง้ั สมมตฐิ าน 6) การกำ� หนดประเดน็ การเรยี นรเู้ พอื่ ทดสอบ 1. การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบดิจิทัลโดยใช้ สมมติฐาน 7) การศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม และ 8) การ อภปิ รายและสรปุ องคค์ วามรู้ ในแตล่ ะขน้ั ตอนมรี ายละเอยี ด ปัญหาเป็นฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 ผู้วิจัยได้ออกแบบ กจิ กรรมใหผ้ เู้ รยี น ซง่ึ เปน็ ไปตามทฤษฎกี ารเรยี นรโู้ ดยใช้ และพัฒนารูปแบบการเรียนแบบดิจิทัลโดยใช้ปัญหา ปญั หาเปน็ ฐาน เปน็ การเนน้ ผเู้ รยี นใหค้ ดิ วเิ คราะหแ์ กป้ ญั หา เปน็ ฐาน โดยมี 8 ขน้ั ตอน เรม่ิ จาก 1) การจดั กลมุ่ ผเู้ รยี น ในขณะเดยี วกนั งานวจิ ยั นไ้ี ดเ้ นน้ การใชส้ อื่ หรอื เทคโนโลยี 2) การศึกษาโจทย์ปัญหา 3) การระบุปัญหา 4) การ ดจิ ทิ ลั ในการดำ� เนนิ กจิ กรรมในแตล่ ะขน้ั ตอน เชน่ การใช้ วิเคราะห์แยกแยะปัญหา 5) การอภิปรายหาสาเหตุ ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
Panyapiwat Journal Vol.10 Special Issue July 2018 221 ระบบการจดั การเรยี นรู้ (CMS/LMS) การใชเ้ ครอ่ื งมอื สบื คน้ เรยี นรู้ สรา้ งสถานการณจ์ ำ� ลองใหผ้ เู้ รยี นพบประสบการณ์ (Search engine) การใชบ้ รกิ ารเวบ็ ไซตพ์ มิ พง์ านออนไลน์ จริง เนื้อหาการเรียนรู้ควรมีการแลกเปล่ียนเรียนรู้บน (Google document) การใชส้ อ่ื สงั คม (Social media) เครือข่ายออนไลน์ สามารถสร้างองค์ความรู้ แบ่งปัน และสอื่ ดจิ ทิ ลั อนื่ ๆ ทง้ั แบบออนไลน์ (Online) และแบบ ความรู้และเนื้อหาผ่านเครือข่ายออนไลน์ ซึ่งสอดคล้อง ออฟไลน์ (Offline) สอดคล้องกับลักษณะการเรียนรู้ กบั หลกั การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หาเปน็ ฐานในรปู แบบดจิ ทิ ลั ในศตวรรษท่ี 21 และเปน็ ไปตามโมเดลประเทศไทย 4.0 (Strategy and Planning Division, 2016) ทเี่ น้นการ 2. ผลการจดั การเรยี นรแู้ บบดจิ ทิ ลั โดยใชป้ ญั หาเปน็ พัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ในศตวรรษท่ี 21 ฐานในยคุ ไทยแลนด์ 4.0 แบง่ เปน็ 2 สว่ นคอื ผลสมั ฤทธ์ิ โดยมวี าระการขบั เคลอื่ นทสี่ ำ� คญั คอื การปฏริ ปู การศกึ ษา ทางการเรียน และความพึงพอใจจากการจัดการเรียน ซง่ึ นำ� ไปสกู่ ารเปลย่ี นแปลง หนง่ึ ในการเปลย่ี นแปลงนค้ี อื การสอน สรปุ ไดด้ งั นี้ การปรบั เปล่ยี นหลกั สตู รและรปู แบบการสอน เน้นการ สรา้ งนวตั กรรม การใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ลั และปรบั วธิ กี าร 2.1 จากการจัดการเรียนรู้แบบดิจิทัลโดยใช้ เพอื่ สรา้ งทกั ษะการเรยี นรู้ สง่ ผลใหส้ ามารถพฒั นาตนเอง ปัญหาเป็นฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 พบว่า ผลสัมฤทธิ์ ได้ตลอดชีวติ ทางการเรียนของผู้เรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อาจเนื่องมาจากการที่ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง นอกจากน้ีรูปแบบการเรียนแบบดิจิทัลโดยใช้ โดยผ่านกระบวนการคิด วิเคราะห์ ค้นคว้า อภิปราย ปญั หาเปน็ ฐานในงานวจิ ยั นซี้ งึ่ เนน้ การใชส้ อื่ หรอื เทคโนโลยี เพื่อหาค�ำตอบของปัญหา ท�ำให้ค้นพบองค์ความรู้ด้วย ดิจิทัลในการด�ำเนินกิจกรรมในแต่ละข้ันตอนของการ ตนเอง เกดิ ความเขา้ ใจในเนอ้ื หาจงึ สามารถทำ� แบบทดสอบ เรียนรู้ ช่วยกระตุ้นให้ผู้เรียนมีความสนใจ เน่ืองจาก ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง สง่ ผลใหผ้ ลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นหลงั เรยี น ผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 จะมีความสนใจในเนื้อหาหรือ สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติท่ีระดับ .05 ทฤษฎคี วามรู้ (Content หรอื Subject Matter) เพยี งแค่ สอดคลอ้ งกบั งานวจิ ยั ของ Nanthachai & Lichanporn 20 นาทีโดยเฉลี่ย หากเกินกว่านั้นจะให้ความสนใจ (2011) ที่ได้ศึกษาผลสัมฤทธิ์ของการเรียนการสอน สง่ิ เรา้ อนื่ แทน เชน่ เครอื ขา่ ยสงั คมออนไลน์ (Pulsawat, ในรปู แบบ PBL ในรายวิชาการพัฒนาผลิตภณั ฑอ์ าหาร 2015) ดังน้ันการออกแบบการเรยี นการสอนโดยการใช้ โดยพบว่าผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่า สอ่ื ดจิ ทิ ลั จะชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นมคี วามสนใจทจ่ี ะเรยี นรมู้ ากยง่ิ ขน้ึ กอ่ นเรยี นอย่างมนี ยั สำ� คญั ทางสถิติ (p≤0.05) และยังสอดคล้องกับงานวิจัยของ Gerdruang (2017) ท่ีกล่าวถึงการส่งเสริมการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 เพ่ือ 2.2 ผลการวดั ความพงึ พอใจของผเู้ รยี นจากการ รองรบั สงั คมไทยในยคุ ดจิ ทิ ลั โดยกลา่ ววา่ การเปลย่ี นผา่ น จัดการเรียนการสอนแบบดิจิทัลโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน การเรียนรู้จากยุคเดิมสู่ยุคดิจิทัลต้องจัดการเรียนรู้โดย พบวา่ ความพงึ พอใจอยู่ในระดบั มาก อาจเนื่องมาจาก คำ� นงึ ถงึ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งการเรยี น การทำ� งาน และ รปู แบบการจดั การเรยี นการสอนทเี่ นน้ ผเู้ รยี นเปน็ สำ� คญั การดำ� รงชีวิต เน้นการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวติ ส่งเสริม กระบวนการจัดการเรียนการสอนแตกต่างไปจาก การค้นคว้าด้วยตนเองโดยน�ำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย รปู แบบเดมิ ทต่ี อ้ งรบั ฟงั การบรรยายอยา่ งเดยี ว โดยผเู้ รยี น ในการจัดการเรียนรู้ให้มากท่ีสุด ครูเป็นเพียงผู้ช้ีแนะ มอี สิ ระในการคดิ วเิ คราะห์ วางแผน ลงมอื ปฏบิ ตั เิ พอ่ื แก้ แนวทางในการเรยี นรตู้ ามหลกั สตู ร และเนน้ การสรา้ งสรรค์ ปญั หาด้วยตนเอง เกดิ การแลกเปลี่ยนความคดิ ระหวา่ ง ปรบั แตง่ การเรยี นรู้ การคดิ เชงิ วพิ ากษ์ และการแกป้ ญั หา สมาชกิ ในกลมุ่ ทำ� ใหผ้ เู้ รยี นเกดิ ความสนใจ กระตอื รอื รน้ ที่ซับซ้อน เน้นการใช้เครือข่ายออนไลน์ในการจัดการ และพยายามทจี่ ะหาคำ� ตอบทถี่ กู ตอ้ งใหไ้ ด้ ในขณะเดยี วกนั ได้เน้นการใช้ส่ือและเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสนับสนุน การเรียนรู้ ซึ่งในปัจจุบันมีส่ือหรือเทคโนโลยีดิจิทัลให้ ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
222 วารสารปญั ญาภวิ ัฒน์ ปีท่ี 10 ฉบบั พเิ ศษ ประจ�ำเดอื นกรกฎาคม 2561 เลอื กใชห้ ลายประเภท ทำ� ใหผ้ เู้ รยี นมอี สิ ระสามารถเลอื ก ไฟล์จากการสร้างด้วย Microsoft Office นอกจากนี้ สอ่ื ทใี่ หค้ วามรไู้ ดต้ ามความสนใจ และความสะดวกในการ ในดา้ นประเภทของเวบ็ ไซตท์ ม่ี กั จะเลอื กเขา้ ไปหาขอ้ มลู ใชง้ านผ่านอุปกรณ์เทคโนโลยีต่างๆ ส่งผลให้ผูเ้ รียนเกดิ และอา้ งองิ คอื เวบ็ ไซตห์ นว่ ยงานภาครฐั เวบ็ ไซตห์ นว่ ยงาน ความรแู้ ละความเขา้ ใจในเนอ้ื หาและมคี วามพงึ พอใจตอ่ ภาคเอกชน และเวบ็ ไซตก์ ลมุ่ องคก์ ร ตามลำ� ดบั และดา้ น วธิ ีการสอนอยใู่ นระดบั มาก อุปกรณ์หรือฮาร์ดแวร์ท่ีนิยมใช้พบว่า นิยมใช้โทรศัพท์ มือถอื /แทบ็ เลต็ ในการเขา้ ถึงแหล่งเรียนรมู้ ากที่สุด อาจ 3. การศึกษาพฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เนอ่ื งจากสะดวกและรวดเรว็ เพราะในปจั จบุ นั เครอ่ื งมอื สนับสนุนการเรียนรู้ในยุคไทยแลนด์ 4.0 มีการศึกษา เหล่าน้ีมีราคาถูกลง มีประสิทธิภาพในการใช้งานดีขึ้น พฤตกิ รรมความตอ้ งการใชง้ าน 5 ดา้ น ผลการวจิ ยั พบวา่ มกี ารพฒั นาแอปพลเิ คชนั ตา่ งๆ ทที่ ำ� ใหเ้ ขา้ ถงึ ขอ้ มลู ไดง้ า่ ย ดา้ นการเรยี นรโู้ ดยใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ทิ ลั รายการทม่ี รี ะดบั และเร็ว รองลงมาคอื คอมพวิ เตอร์ต้งั โตะ๊ และโนต้ บกุ๊ ความคิดเห็นมากที่สุดคือ เรียนรู้จากการค้นหาข้อมูล ตามลำ� ดบั จากผลพฤตกิ รรมการใชง้ านเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เบ้ืองตน้ จาก Search engine รองลงมาคือ เรยี นรู้จาก ที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า ผู้เรียนมีความสนใจและ ระบบการจดั การเรยี นการสอน (LMS/CMS) เชน่ Moodle เลอื กใชส้ อ่ื ดิจทิ ลั ออนไลนเ์ พอื่ การเรยี นรโู้ ดยเลือกใช้ส่อื ส่วนรายการที่มีระดับความคิดเห็นน้อยที่สุดคือ เรียนรู้ เทคโนโลยีท่ีง่าย คุ้นเคย และได้รับความนิยม อย่างไร จากส่ือดจิ ิทัลแบบออฟไลน์ เช่น ความรู้จาก CD/DVD, กต็ ามผสู้ อนควรใหค้ ำ� แนะนำ� ในการเขา้ ถงึ สอ่ื เทคโนโลยี CAI, E-book แสดงใหเ้ หน็ วา่ ผเู้ รยี นสนใจหาขอ้ มลู จาก ประเภทตา่ งๆ และการนำ� สอื่ ออกมาใชโ้ ดยไมผ่ ดิ กฎหมาย แหล่งข้อมูลออนไลน์มากกว่าสื่อดิจิทัลแบบออฟไลน์ จรรยาบรรณ หรอื พ.ร.บ. ต่างๆ รวมถึงเรอ่ื งการแสดง ผู้สอนจึงควรเสริมความรู้ในเรื่องของเทคนิคการสืบค้น ความคดิ เหน็ ในสอื่ สงั คมออนไลนด์ ว้ ย ทง้ั นเี้ พอ่ื ใหผ้ เู้ รยี น และควรแชร์ข้อมูลความรู้แบบออนไลน์ หรือแนะน�ำ สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลได้อย่าง แหล่งความรู้ออนไลน์ให้กับผู้เรียน เพ่ือให้การเรียนรู้มี ปลอดภยั ในยุคปจั จบุ นั ประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนด้านเครื่องมือสนับสนุนการ ข้อเสนอแนะ เรยี นรพู้ บวา่ ผเู้ รยี นใหค้ วามสนใจกบั ระบบจดั การเรยี นร/ู้ ระบบจัดการเน้ือหา (LMS/CMS) โดยสนใจโปรแกรม 1. ผู้สอนควรเตรียมความพร้อมของห้องเรียนและ Moodle มากที่สุด อาจเน่ืองมาจากเป็นโปรแกรมท่ี แหล่งทรัพยากรการเรียนรู้ให้เหมาะสม เพียงพอ และ ไดร้ บั ความนิยมและมคี วามคุ้นเคยในการใชง้ านมาก่อน พร้อมใช้งาน เพ่ือให้สามารถด�ำเนินกิจกรรมได้อย่างมี ส่วนเครื่องมือในการค้นหาข้อมูลท่ีสนใจมากที่สุดคือ ประสทิ ธิภาพยง่ิ ขึน้ Google ส�ำหรบั สื่อสงั คม (Social media) จะใหค้ วาม สนใจกบั Facebook มากทส่ี ดุ รองลงมาคอื YouTube 2. สามารถนำ� รปู แบบการจดั การเรยี นรโู้ ดยใชป้ ญั หา และ Line ตามล�ำดับ ซึ่งเป็นไปตามความนิยมในยุค เป็นฐานในยุคไทยแลนด์ 4.0 ไปประยุกต์ใช้ในหัวข้อ ปัจจุบัน นอกจากนี้ยังสนใจสื่อดิจิทัลแบบออฟไลน์โดย หรือรายวิชาอ่ืนๆ ได้ สนใจ E-book มากทสี่ ดุ รองลงมาคอื CAI และเอกสาร อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ ตามลำ� ดบั สว่ นดา้ นรปู แบบขอ้ มลู ทนี่ ยิ ม 3. ควรให้ความส�ำคัญกับการคัดเลือกสมาชิกเพ่ือ น�ำมาใชใ้ นการเรยี นร้มู ากทส่ี ดุ คอื ไฟล์เอกสารประเภท จดั กลมุ่ โดยสมาชกิ ตอ้ งสามารถดำ� เนนิ การกระบวนการ PDF รองลงมาคือ ไฟล์วิดีโอซ่ึงง่ายต่อการเรียนรู้และ กลุ่มได้ ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ท่ี 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
Panyapiwat Journal Vol.10 Special Issue July 2018 223 References Barrow, H. S. (2000). Problem-based learning applied to Medical Education (Rev. ed.). Illinois: School of Medicine, Southern Illinois University. Gerdruang, A. (2017). Empowering Learning in the 21st Century for Thailand Society in the Digital Age. Lampang Rajabhat University Journal, 6(1), 173-184. [in Thai] Laohajaratsang, T. (2002). Design e-Learning: Principles of web design and creation for teaching and learning. Bangkok: Arunkanpim. [in Thai] Lekakul, A. (2013). Problem-Based Learning. Retrieved July 1, 2017, from http://teachingresources. psu.ac.th/document/2548/Le_Kha_Kun/PBL.pdf [in Thai] Makmee, P. (2011). Problem-based Learning. EAU Heritage Journal: social science and humanities, 5(1), 7-14. [in Thai] Ministry of Digital Economy and Society. (2016). Digital Development for Economic and Social Development Plan 2016. Retrieved July 3, 2017, from http://www.mdes.go.th/assets/ portals/1/files/590613_4Digital_Economy_Plan-Book.pdf [in Thai] Nanthachai, N. & Lichanporn, I. (2011). The Study Process by PBL Method in Food Science and Technology. Pathum Thani: Rajamangala University of Technology Thanyaburi. [in Thai] Panich, V. (2011). 21st Century Learning Path for Disciples. Bangkok: Tathata Publication. [in Thai] . (2014). 21st Century Learning Management Framework. The lecture notes on the 21st century teaching development program. Chiangmai: Chiangmai University. [in Thai] Panichpan, P. & Ruenwongsa, P. (2015). 21st Century teachers with Generation Z Students. Retrieved October 20, 2017, from http://fda.sut.ac.th/doc-training/58/02-genz_1.pdf [in Thai] Pulsawat, B. (2015). Digital Education with 21st Century Learners. Digital Age Magazine. Retrieved October 20, 2017, from https://www.digitalagemag.com/digital-education-การศกึ ษาบนโลกดจิ ทิ ลั - กบั ผ้เู รียนในศตวรรษที่-21/ [in Thai] Sinlarat, P. (2016). Thai education 4.0 is more than education. Retrieved July 4, 2017, from http:// www.dpu.ac.th/ces/upload/content/ [in Thai] Srisaard, B. (2011). Preliminary research (9th ed.). Bangkok: Suveriyasan. [in Thai] Strategy and Planning Division. (2016). Blueprint and Action Plan for Thailand 4.0, Models drive Thailand towards sustainable and prosperous wealth. Retrieved July 3, 2017, from http:// bps.moph.go.th/new_bps/sites/default/files/Thailand204.0model1.pdf [in Thai] Suwannoi, P. (2015). Problem-based Learning. Documentation for the development of teaching and learning projects. Khonkaen: KhonKaen university. [in Thai] Tiantong, M. (2011). Design and development of computer lessons. Bangkok: Textbook production center, King Mongkut’s University of Technology North Bangkok. [in Thai] Untachai, T. (2016). Thai education direction. Retrieved July 1, 2017, from https://www.cpw.ac.th/ CPW_Document/knowledge-147201721320160824134013.pdf [in Thai] ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
224 วารสารปัญญาภวิ ฒั น์ ปีท่ี 10 ฉบบั พิเศษ ประจ�ำเดอื นกรกฎาคม 2561 Name and Surname: Sunsanee Liangpanit Highest Education: M.Sc. Information Technology, King Mongkut’s University of Technology North Bangkok University or Agency: Nakhon Ratchasima Rajabhat University Field of Expertise: Information technology Address: Faculty of Science and Technology, Nakhon Ratchasima Rajabhat University, Nai Mueang, Mueang, Nakhon Ratchasima 30000 ผา่ นการรบั รองคณุ ภาพจาก TCI (กลมุ่ ที่ 1) สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ และเขา้ สฐู่ านขอ้ มลู ASEAN Citation Index (ACI)
Search
Read the Text Version
- 1 - 17
Pages: