วฒั นธรรม ภาคอีสาน
โปงลาง • ดนตรีพ้ืนเมืองอีสานถือวา่ จงั หวะสาคญั มาก เคร่ืองดนตรีประเภทตีใชด้ าเนินทานองอยา่ งเดียวคือ โปงลาง โปงลางมีววิ ฒั นาการมาจากระฆงั แขวนคอสตั วเ์ พื่อใหเ้ กิดเสียงโปงลางท่ีใชบ้ รรเลงอยใู่ นภาคอีสานมี2 ชนิด คือ โปงลางไมแ้ ละโปงลางเหลก็ ภาพที่แสดงคือ โปงลางไมซ้ ่ึงประกอบดว้ ยลูกโปงลางประมาณสิบสองลูก เรียงตามลาดบั เสียงสูง ต่า ใชเ้ ชือกร้อยเป็นแผงระนาด แต่โปงลางไม่ใชร้ างเพราะเห็นวา่ เสียงดงั อยแู่ ลว้ แต่ นามาแขวนกบั ที่แขวน ซ่ึงยดึ ส่วนปลายกบั ส่วนโคนใหแ้ ผงโปงลางทามุมกบั พ้ืน 45องศา ไมต้ ีโปงลางทา ดว้ ยแก่นไมม้ ีหวั งอนคลา้ ยคอ้ นสาหรับผบู้ รรเลงใชต้ ีดาเนินทานอง1 คู่ และอีก 1 คูส่ าหรับผชู้ ่วยใชเ้ คาะทาให้ เกิดเสียงประสานและจงั หวะตามลกั ษณะของดนตรีพ้ืนเมืองอีสานที่มีเสียงประสานรา
พณิ • เป็นเคร่ืองดนตรีประเภทเคร่ืองดีดแบบหน่ึง มีหลายชนิดแตกตา่ งตามทอ้ งท่ี ในภาคอีสานของประเทศไทย พิณอาจมีช่ือเรียกแตกตา่ งกนั ไปตามทอ้ งถ่ิน เช่น \"ซุง\" หรือ \"เต่ง\" จดั เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย มี รูปร่างคลา้ ยกีตาร์แตม่ ีขนาดเลก็ กวา่ โดยทวั่ ไปมี 3 สาย ในบางทอ้ งถิ่นอาจมี 2 หรือ 4 สาย บรรเลงโดยการ ดีดดว้ ยวสั ดุทีเป็นแผน่ บาง เช่นไมไ้ ผเ่ หลา หรืออาจใชป้ ิ้ กกีตาร์ดีดกไ็ ด้ สมยั ก่อนจะเลน่ เคร่ืองเดียวเพ่อื เก้ียว สาว ปัจจุบนั มกั ใชบ้ รรเลงในวงดนตรีโปงลาง วงดนตรีลาซ่ิง หรือวงดนตรีลูกทุ่ง
การฟ้อนรา • ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ (ภาคอีสาน) ลกั ษณะพืน้ ท่ีโดยทวั่ ไปของภาคอสี านเป็นท่ีราบสงู มีแหลง่ นา้ จาก แมน่ า้ โขง แบง่ ตามลกั ษณะของสภาพความเป็นอยู่ ภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีที่แตกตา่ งกนั ประชาชนมคี วามเช่ือในทางไสยศาสตร์มีพิธีกรรมบชู าภตู ผิ ีและสงิ่ ศกั ด์ิสทิ ธ์ิ การแสดงจงึ เก่ียวข้องกบั ชีวติ ประจาวนั และสะท้อนให้เหน็ ถงึ การประกอบอาชีพและความเป็นอยไู่ ด้เป็นอยา่ งดี • การแสดงของภาคอีสานเรียกวา่ เซงิ ้ เป็นการแสดงที่คอ่ นข้างเร็ว กระฉบั กระเฉง สนกุ สนาน เช่น เซงิ ้ กระติบข้าว เซงิ ้ โปงลาง เซงิ ้ กระหยงั เซงิ ้ สวิง เซงิ ้ ดงึ ครกดงึ สาก
เซิ้งกระติบขา้ ว • เซิ้งกระติบขา้ ว เป็นการแสดงของภาคอีสานท่ีเป็นที่รู้จกั กนั ดี และแพร่หลายที่สุดชุดหน่ึง จนทาใหค้ นทว่ั ไป เขา้ ใจวา่ การแสดงของภาคอีสานมีลกั ษณะเป็นการราเซิ้งเพยี งอยา่ งเดียว • เซิ้งกระติบขา้ วไดแ้ บบอยา่ งมาจากการเซิ้งบ้งั ไฟ ซ่ึงแต่เดิมน้นั เซิ้งบ้งั ไฟในขบวนแห่ หรือเซิ้งในขบวนแห่ ตา่ งๆ ไม่มีท่าฟ้อนราท่ีอ่อนชอ้ ย เป็นเพยี งยกมือร่ายรา(ยกมือสวกไปสวกมา)ใหเ้ ขา้ กบั จงั หวะกลองและ รามะนาเท่าน้นั
ผา้ ทอ • การทอผา้ ท่ีสาคญั ของชาวอีสาน คือ การทอผา้ เพ่อื ใชเ้ ป็นเคร่ืองนุ่งห่มและเคร่ืองใชใ้ นครัวเรือน ผา้ ซิ่นของ กลุม่ ไท-ลาวนิยมใชล้ ายขนานกบั ลาตวั ต่างกบั ซ่ินลา้ นนาที่นิยมลายขวางลาตวั และนุ่งยาวกรอมเทา้ ชาวไท- ลาวอีสานนิยมนุ่งสูงระดบั เข่าหรือเหนือเข่า การตอ่ หวั ซ่ินและตีนซ่ิน ถา้ เป็นซ่ินไหมจะต่อตีนซิ่นดว้ ยไหม แต่ถา้ เป็นซ่นฝ้ายกจ็ ะต่อดว้ ยฝ้าย ตีนซิ่นจะมีขนาดแคบ ๆ ไม่นิยมเชิงใหญ่ หวั ซ่ินนยิ มตอ่ ดว้ ยผา้ ไหมชิ้น เดียวทอขิดเป็นลายโบกควา่ และโบกหงาย ใชส้ ีขาวหรือสีแดงเป็นพ้ืน ใชไ้ ดท้ ้งั กบั ผา้ ซิ่นไหมหรือซ่ินฝ้าย การตอ่ ตะเขบ็ และลกั ษณะการนุ่งจะมีลกั ษณะจะมีลกั ษณะเฉพาะแตกต่างไปจากภาคอื่นคือ การนงุ่ ซ่ินจะนุ่ง ป้ายหนา้ เกบ็ ซ่อนตะเขบ็ เวลานุ่งตะเขบ็ หน่ึงอยขู่ า้ งหลงั สะโพก ต่างกบั การนุ่งซุ่นของชาวลา้ นนาหรือชาว ไทยญวนท่ีนิยมนุ่งผา้ ลายขวางที่มีสองตะเขบ็ เวลานุ่งจึงมตี ะเขบ็ หนี่งอยขู่ า้ งหลงั สะโพก ไม่เหมือนกบั ซิ่น ของชาวลาวซ่ึงซ่อนตะเขบ็ ไวด้ า้ นหนา้ จนไม่เห็นตะเขบ็ ส่ิงเหล่าน้ีเป็นคา่ นิยมท่ีเป็นประเพณีตอ่ กนั มาแต่ อดีต
หมอนขิด • หมอนขิด เป็นภูมิปัญญาทอ้ งถิ่นที่สงั่ สมกนั มาต้งั แต่บรรพบุรุษ ซ่ึงเป็นการรักษาวฒั นธรรมทางหตั ถกรรม ที่ สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นผกู พนั กบั การดารงวถิ ีชีวิตวฒั นธรรมประเพณีของคนไทยชาวอีสานโดยทว่ั ไป เป็นของ ใชใ้ นครัวเรือนหรือปัจจยั ส่ี สาหรับหนุนนอนผลิตจากผา้ ลายขิดทอมือจากผา้ ฝ้าย และใชเ้ ป็นเครื่องขอขมา ญาติผใู้ หญ่และพอ่ ล่ามในงานแต่งงาน งานบวช งานบุญประเพณี งานข้ึนบา้ นใหม่ รวมถึงเป็นเครื่องช้ีวดั คุณสมบตั ิความเป็นกลุ สตรี หรือแม่ศรีเรือนของสตรีไทยชาวอีสาน ซ่ึงหากใครมีฝีมือในการทาหมอนขิดได้ อยา่ งปราณีต สวยงามมกั จะเป็นท่ีหมายปองของชายหนุ่มและพอ่ แม่ ญาติผใู้ หญ่ของฝ่ ายชาย
แคน • เป็นเคร่ืองเป่ าหรือเครื่องดนตรีพ้ืนเมืองของภาคอีสานในประเทศไทย อีกท้งั ยงั เป็นเครื่องดนตรีของชาวลาว หรือ สปป.ลาว และถือเป็นสญั ลกั ษณ์ประจาชาติของชนชาติลาวอีกดว้ ย โดยเคร่ืองดนตรีชนิดน้ีจะใชไ้ มซ้ าง ขนาดตา่ ง ๆ ประกอบกนั เขา้ เป็นตวั แคน แคนเป็นเครื่องเป่ ามีลิ้นโลหะ เสียงเกิดจากลมผา่ นลนิ้ โลหะไปตาม ลาไมท้ ี่เป็นลูกแคน การเป่ าแคนตอ้ งใชท้ ้งั เป่ าลมเขา้ และดูดลมออกดว้ ย จึงเป่ ายากพอสมควรและแคนมีหลาย ขนาด ถือเป็นเคร่ืองดนตรีชนิดหน่ึงท่ีใหเ้ สียงไพเราะ เป็นเอกลกั ษณ์เฉพาะตวั สร้างเสียงประสานไดใ้ น ตวั เอง บ่งบอกถึงวถิ ีชีวติ ของชาวลุม่ แม่น้าโขงไดเ้ ป็นอยา่ งดี
จระเขก้ ระบือ • เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีดชนิดหน่ึง เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีดในแนวนอน มี ๓ สาย สมยั ก่อนสายทา จากเส้นไหมฟั่น ปัจจุบนั ทาจาก สายเบรคจกั รยาน การบรรเลงมือขวาใชส้ าหรับดีด ส่วนมือซา้ ยกดสายบน เสียงท่ีตอ้ งการ เคร่ืองดนตรีชนิดน้ีเลน่ กนั ในวงมโหรีเขมรเช่นกนั
บุญบ้งั ไฟ • เป็นประเพณีหน่ึงของภาคอีสานของไทยรวมไปถึงลาว โดยมีตานานมาจากนิทานพ้นื บา้ นของภาคอีสาน เรื่องพระยาคนั คาก เร่ืองผาแดงนางไอ่ ซ่ึงในนิทางพ้นื บา้ นดงั กล่าวไดก้ ลา่ วถึง การที่ชาวบา้ นไดจ้ ดั งานบุญ บ้งั ไฟข้ึนเพ่อื เป็นการบูชา พระยาแถน หรือเทพวสั สกาลเทพบุตร ซ่ึง ชาวบา้ นมีความเชื่อวา่ พระยาแถนมี หนา้ ท่ีคอยดูแลใหฝ้ นตกถูกตอ้ งตามฤดูกาล และมีความชื่นชอบไฟเป็นอยา่ งมาก หากหมู่บา้ นใดไม่จดั ทาการ จดั งานบุญบ้งั ไฟบูชา ฝนกจ็ ะไม่ตกถูกตอ้ งตามฤดูกาล อาจก่อใหเ้ กิดภยั พบิ ตั ิกบั หมู่บา้ นได้
เล่นวา่ ว • เป็นส่ิงประดิษฐข์ ้ึนเพอ่ื ความบนั เทิงที่นิยมเลน่ กนั เกือบทุกชาติเป็นเวลานานมาแลว้ แต่ไม่ทราบแน่ชดั วา่ มี ข้ึนเมื่อใด ใครเป็นผคู้ ิด บางทีวา่ วยงั ใชป้ ระโยชน์อยา่ งอ่ืนๆ ไดอ้ ีก การเล่นวา่ วยงั นยิ มเล่นกนั จนถึงปัจจุบนั น้ี
ซุปหน่อไม้ • เป็นอาหารพ้ืนบา้ นของภาคอีสานท่ีเราคอ่ นขา้ งจะคุน้ เคย หากพดู ถึงสม้ ตากต็ อ้ งมีซุปหนอ่ ไม้ ซ่ึงผนู้ ิยมอาหาร อีสานมกั จะส่ังมาควบคู่กบั ส้มตาดว้ ยเสมอ เพราะอร่อยแซ่บหลายอยา่ บอกใคร แมแ้ ต่ฝรั่งตาน้าขา้ วกโ็ ปรด ปรานช่ืนชอบเมนูอาหารไทยน้ีเป็นจานวนมาก สาหรับวธิ ีการทาซุปหน่อไมน้ ้นั คุณสามารถทารับประทาน เองไดแ้ สนง่าย คือการนาหน่อไมร้ วก มาตม้ กบั ใบยา่ นางจนสุก แลว้ ตกั เอาเฉพาะเน้ือหน่อไมท้ ่ีเตรียมไวแ้ ละ น้าใบยา่ นางอีกเลก็ นอ้ ย เอามาปรุงแตง่ รสชาติดว้ ยขา้ วคว่ั ตน้ หอม ผกั ชีฝรั่ง พริกป่ น คลุกเคลา้ กบั น้ามะนาว น้าปลา เพียงเท่าน้ีกไ็ ดร้ สชาติอร่อยแบบแซ่บสุดๆแลว้
Search
Read the Text Version
- 1 - 12
Pages: