บทเรียนเรียนโมดลู หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 สว่ นประกอบ และโครงสรา้ งของดิน นางสาวธนวรรณ พรมขลิบนลิ ตาแหนง่ ครอู ตั ราจา้ ง แผนกวิชาพืชศาสตร์ วิทยาลยั เกษตรและเทคโนโลยอี ทุ ยั ธานี สานกั งานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
บทเรียนโมดลู ชุดน้ี เรื่อง ส่วนประกอบและโครงสร้างของดนิ ฉบบั บนี้ ข้าพเจ้าเรียบเรียงขน้ึ เพ่อื ใช้ประกอบการ เรียนรายวชิ าดิน ปุ๋ย และนา้ เพ่ือการเกษตร รหัสวิชา 20501-2006 ระดบั ประกาศียบตั รวชิ าชพี ช้ันปีที่ 2 สาขา เกษตรศาสตร์ โดยพยายามเขียนใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจงา่ ย นักเรียนสามารถศึกษาได้ด้วยตนเอง เพ่อื ใหม้ ีความรูพ้ ้ืนฐานกอ่ นที่ จะศกึ ษาเน้ือหาน้นั จรงิ ๆ และยงั เพ่ิมเนิ้อหาบางตอนเพ่อชว่ ยเสริมความร้คู วามเข้าใจแก่นกั เรียน บทเรียนโมดลู นีม้ จี ตุ ประสงคเ์ พือ่ ให้นักเรยี นได้ศกึ ษาเกยี่ วกับสว่ นประกอบและโครงสรา้ งของดนิ ประกอบดว้ ย คา้ แนะน้าการใชบ้ ทเรียนโมดูล จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ แบบทดสอบความรูก้ ่อนเรยี น เน้ือหา ใบกิจกรรม แบบทดสอบ หลังเรียน รวมทง้ั เฉลยใบกจิ กรรมและแบบทดสอบบทเรยี นโมดลู นี้ ผจู้ ัดท้าหวงั เป็นอยา่ งยิง่ ว่าบทเรยี นโมดลู นี้ชว่ ยให้นักเรียนได้รบั ความรูค้ วามเขา้ ใจเกี่ยวกับสว่ นประกอบและ โครงสร้างของดนิ มากขึ้นและส่งผลให้ผลสมั ฤทธิท์ างการเรยี นของนกั เรยี นสงู ขึน้ อย่างไรก็ตามในบทเรียนโมดูลน้อี าจจะมี ขอ้ บกพร่องผิดพลาด ขอใหท้ ่านผูอ้ ่านโปรดแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบด้วย จะขอขอบพระคณุ เป็นอย่างยิ่ง ขา้ พเจ้ายินดรี ับฟงั ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะจากทา่ น และพร้อมที่จะนา้ มาแก้ไขปรบั ปรุงบทเรยี นโมดูลนี้ใหม้ ีความสมบรู ณ์และถกู ตอ้ ง ธนวรรณ พรมขลิบนิล
คา้ นา้ หนา้ สารบญั ก ค้าชแ้ี จงในการใช้บทเรยี นโมดลู ส้าหรับนักเรียน ข จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1 แบบทดสอบก่อนเรียน และเฉลย 2 ใบความรู้ 3 ใบกิจกรรม 4 แบบทดสอบหลังเรียน และเฉลย 10 11
สำหรบั นักเรยี นควรปฏิบตั ิ ดงั น้ี 1. การเตรยี มตวั ของนกั เรียน ศกึ ษาบทเรียนโมดลู ลว่ งหนา้ กอ่ นทีจ่ ะทา้ การทดลอง หรอื ปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ เพอ่ื ใหม้ ี ความรู้ ความเข้าใจ วางแผน และจดั เตรียมอุปกรณท์ ใี่ ช้อุปกรณท์ ี่ใชป้ ระกอบการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง 2. ดา้ เนนิ การจดั กจิ กรรมในแต่ละคร้งั ศึกษาแนวทางในการปฏิบัติกิจกรรมใหเ้ ข้าใจอยา่ งถ่องแท้ ปฏิบัติกิจกรรมตา่ งๆ ดงั นี้ นกั เรยี นท้าแบบทดสอบความร้กู อ่ นเรียน ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตา่ งๆ สง่ ผลงานหรืออาจจะมกี ารนา้ เสนอร่วมดว้ ย รวมถึงครรู ว่ มอภปิ รายกับนักเรียน และท้า แบบทดสอบหลงั เรยี น
1. เพอื่ ให้นักเรียนเขา้ ใจความหมายและความส้าคัญของโครงสรา้ งและสว่ นประกอบของดนิ 2. เพื่อใหน้ ักเรยี นสามารถอธิบายโครงสร้างและส่วนประกอบของดิน
1. ดนิ เกดิ ขำกอะไร ก. ฮิวมสั ผสมกบั วัตถตุ ้นกำเนดิ ดนิ ข. นำ้ ผสมปนู ค. ฮวิ มัสผสมปนู ง. วตั ถุต้นกำเนดิ ดนิ กบั น้ำ 2. ฮวิ มัส เกดิ จำกกำรสลำยตวั ของอะไร ก. สำรอนิ ทรยี ์ ข. สำรอนินทรยี ์ ค. ผดิ ทง้ั ก และ ข ง. ถกู ทงั้ ก และ ข 3. วตั ถุตน้ กำเนิดดนิ เกดิ จำกกำรสลำยตัวของอะไร ก. สำรอินทรยี ์ ข. สำรอนนิ ทรยี ์ ค. ผิดทงั้ ก และ ข ง. ถูกทง้ั ก และ ข 4. องคป์ ระกอบท่สี ำคัญของดิน มีอะไรบำ้ ง ก. น้ำ สำรอินทรยี ์ สำรอนนิ ทรยี ์ อำกำศ ข. น้ำ อำกำศ ปยุ๋ ค. ผิดท้ัง ก และ ข ง. ถกู ทั้ง ก และ ข 5. อปุ กรณ์ใดท่ใี ชใ้ นกำรวดั กำรวิเครำะห์คำ่ pH ก. pH sister ข. pH meter ค. pH flame ง. pH atomic 6. ขอ้ ใดคือวิธีกำรประเมินควำมอดุ มสมบรู ณ์ของดนิ ก. กำรวิเครำะห์ดิน ข. กำรวิเครำะหแ์ ร่ ค. กำรสงั เกตธำตุอำหำรพืช ง. กำรทดสอบดนิ ในแปลง 1. ก 2. ก 3. ข 4. ก 5. ข 6. ก
ห น่ ว ย ท่ี 2 ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ แ ล ะ โ ค ร ง ส ร้ ำ ง ข อ ง ดิ น สว่ นประกอบของดนิ 1. อนนิ ทรยี วตั ถุ อนินทรียวตั ถุ หรือ แร่ธำตุ เป็นสว่ นประกอบทมี่ ปี รมิ าณมากท่ีสดุ ในดินท่ัวไป ไดม้ าจากการผุพงั สลายตวั ของหนิ และแร่ อนนิ ทรยี วตั ถุ อยู่ในดินในลักษณะของชนิ้ ส่วนที่เรียกว่า อนุภำคดิน ซ่งึ มหี ลายรปู ทรงและมีขนาดแตกต่างกนั ไป แบง่ ได้ เป็น 3 กลมุ่ ไดแ้ ก่ 1. กลมุ่ อนภุ าคขนาดทราย (เส้นผา่ ศนู ย์กลาง 2.00-0.05 ม.ม.) 2. กลมุ่ อนภุ าคขนาดทรายแป้ง (เสน้ ผา่ ศูนย์กลาง 0.05-0.002 ม.ม.) 3. กลมุ่ อนภุ าคขนาดดนิ เหนยี ว (เสน้ ผ่าศูนย์กลาง < 0.002 ม.ม) อนนิ ทรียวัตถุ หรือ แรธ่ ำตใุ นดนิ นี้ เป็นส่วนทส่ี า้ คญั ในการควบคุมลักษณะของเนือ้ ดนิ เป็นแหล่งกา้ เนดิ ของธาตอุ าหาร พืช และเปน็ แหลง่ อาหารของจุลินทรียด์ นิ นอกจากนอ้ี นุภาคท่อี ยใู่ นกลุ่มขนาดดนิ เหนียวยังเปน็ สว่ นที่สา้ คญั ที่สดุ ในการเกดิ กระบวนการทางเคมีต่างๆ ในดินดว้ ย 2. อนิ ทรียวตั ถุ อินทรียวัตถใุ นดิน ในที่น้มี ีความหมายครอบคลุมตง้ั แต่สว่ นของซากพชื ซากสตั ว์ที่ก้าลังสลายตวั เซลล์จุลินทรีย์ ทงั้ ที่มี ชีวติ อยแู่ ละในส่วนทตี่ ายแล้ว ตลอดจนสารอนิ ทรยี ์ทีไ่ ดจ้ ากการย่อยสลาย หรือส่วนที่ถกู สงั เคราะห์ข้นึ มาใหม่ แตไ่ มร่ วมถึง รากพืช หรอื เซษซากพืช หรอื สตั วท์ ่ียงั ไม่มกี ารยอ่ ยสลาย อนิ ทรียวัตถใุ นดนิ นี้ เปน็ แหลง่ ส้าคญั ของธาตุอาหารพืช และปน็ แหล่งอาหารและพลงั งานของจุลินทรยี ์ดินโดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ไนโตรเจน ฟอสฟอรสั และก้ามะถัน อกี ทัง้ ยังเปน็ ส่วนที่มีอทิ ธพิ ลอยา่ งมากตอ่ สมบัติต่างๆ ของดนิ ท้ังทางกายภาพ เคมี และชีวภาพ เชน่ โครงสรา้ งดิน ความรว่ นซุย การระบายน้า การถา่ ยเทอากาศ การดูดซบั น้าและธาตุอาหารของดิน ซง่ึ สง่ ผลกระทบต่อเน่ืองไปถึงระดบั ความอดุ มสมบรู ณ์ของดนิ และความสามารถในการให้ผลผลิตของดนิ อีกด้วย 3. นำ้ ในดิน นำ้ ในดนิ หมายถึง สว่ นของน้าที่พบอยู่ในช่องวา่ งระหว่างอนภุ าคดินหรอื เม็ดดนิ มีความส้าคญั มากตอ่ การปลูก และการ เจรญิ เตบิ โตของพชื เน่อื งจากเป็นตวั ชว่ ยในการละลายธาตอุ าหารต่างๆ ในดนิ และเป็นสว่ นส้าคญั ในการเคลือ่ นย้ายอาหาร พชื จากรากไปส่สู ว่ นต่างๆของพืช
4. อำกำศในดนิ อำกำศในดินหมำยถงึ สว่ นของกำ๊ ซตำ่ งๆ ทแี่ ทรกอย่ใู นช่องว่ำงระหวำ่ งเม็ดดินในสว่ นท่ีไมม่ ีน้ำอยู่ กา๊ ซทพ่ี บโดยทวั่ ไป ในดนิ คือ ก๊าซไนโตรเจน (N2) ออกซิเจน (O2) และคารบ์ อนไดออกไซด์ (CO2) ซ่ึงรากพชื และจุลินทรยี ด์ นิ ใชใ้ นการหายใจ และสร้างพลงั งานในการดา้ รงชีวิต แหล่งท่มี า:http://osl101.ldd.go.th/easysoils/s_compo.htm กระบวนกำรสรำ้ งตวั ของดนิ กระบวนการทที่ ้าใหเ้ กิดพฒั นาการของลักษณะต่างๆ ที่ปรากฏอยใู่ นดนิ เช่น สีดนิ เนือ้ ดนิ โครงสร้าง ความเป็น กรดเบส รวมถึงการเกดิ เปน็ ชัน้ ตา่ งๆ ขน้ึ ในหน้าตัดดิน ซง่ึ ลักษณะเหลา่ น้ี เป็นส่งิ ท่จี ะบ่งบอกถึงความแตกต่างของดินแตล่ ะ ชนิด แต่ละประเภท และสามารถเชื่อมโยงความสัมพนั ธ์ไปถึงชนดิ ของวตั ถตุ น้ กา้ เนิด กระบวนการ และผลของสง่ิ แวดล้อมท่ี มอี ทิ ธิพลโดยตรงต่อกระบวนการสร้างตวั ของดิน ปจั จัยในกำรเกดิ ดนิ 1. วัตถตุ ้นก้าเนิดดนิ เม่อื หนิ เกิดการผพุ งั ตามธรรมชาติ จะแตกสลายเปน็ ชน้ิ เล็กช้ินน้อย ท้าให้เกดิ เนือ้ ดินท่ีมคี ุณสมบัติ แตกต่างกัน 2. ลักษณะภูมิอากาศ - ความช้นื หรือปริมาณนา้ ฝน ชว่ ยกดั กร่อนหินใหก้ ลายเปน็ ดนิ - อุณหภูมิ ช่วยให้เกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีในดิน ถา้ อุณหภมู ิสูง จะทา้ ให้หินและแรส่ ลายตวั ไดร้ วดเร็วขึน้ นอกจากนี้ยังชว่ ย กระต้นุ การท้างานของจุลินทรียใ์ นดิน ทา้ ให้เกิดการยอ่ ยสลายอินทรียวัตถุในดินได้ดีข้นึ ด้วย - ลม ชว่ ยกัดกร่อนหนิ และพัดพาดินจากบริเวณหนง่ึ ไปยงั บรเิ วณอื่น
3. สิ่งมีชวี ิต - สตั ว์ มีการเหยียบย่้า ทา้ ให้หินแตก - พืช มรี ากชอนไชลงไปตามรอยร้าวของหินและดนั ให้หินแตก - จุลินทรีย์ ช่วยย่อยสลายซากพชื ซากสัตวท์ ี่เน่าเปอ่ื ยผุพงั กลายเป็นฮวิ มสั ต่อไป ท้าให้ดินมีความอดุ มสมบูรณ์ 4. ลกั ษณะภูมปิ ระเทศ ทรี่ าบจะมีช้ันดนิ ที่หนากวา่ ทล่ี าดเอยี ง เน่ืองจากมีการสะสมและทับถมของตะกอนจากทส่ี งู ลงสู่ทีต่ ้่า 5. เวลา ถา้ เวลายิง่ นาน การพังทลายของหินยิง่ เกดิ ได้มาก และยิง่ เกดิ การทบั ถมของอินทรียวตั ถมุ าก กำเนดิ ดนิ ดินเกดิ ข้นึ ตามธรรมชาติจากกำรสลำยตัวของหนิ และแร่ และกำรสลำยตัวของสำรอนิ ทรยี ์ โดยหินและแร่ สลายตวั เปน็ ชน้ิ เล็กชิ้นนอ้ ยได้ วัตถตุ น้ ก้าเนดิ ดนิ ส่วนสารอนิ ทรีย์สลายตัวได้ ฮวิ มัส จากน้ันวัตถุต้นก้าเนดิ ดินผสมกบั ฮิวมสั โดยมพี ืชและสตั ว์ช่วยใหก้ ลายเปน็ ดนิ ฮิวมัส คือ ซากพืชซากสตั วท์ ่เี นา่ เป่อื ยอยู่ในดิน มีสนี ้ำตำล เป็นอำหำรของพชื ดินตา่ งถิ่นกนั มีลกั ษณะ ต่างกนั เพราะดินเหล่านัน้ มีกา้ เนิดแตกต่างกัน เน่อื งจากสภาพภูมิอากาศ สภาพภมู ิประเภท วตั ถตุ ้นก้าเนดิ ดิน กาลเวลา และส่วนผสมจากฮิวมสั ของสง่ิ มชี วี ิตต่างๆ ขั้นตอนของกระบวนกำรสรำ้ งดนิ มี 2 ขั้นตอน คือ 1) กระบวนกำรสะลำยตัว คอื กระบวนการท่ีสลายตัวผพุ ังของหนิ แร่ ซำกพชื ซำกสัตว์ ได้วัตถุตน้ กำเนดิ ดนิ และฮวิ มัสตามล้าดบั 2) กระบวนกำรสร้ำงดิน คอื กระบวนการผสมคลุกเคล้าระหวา่ ง วัตถุต้นก้าเนดิ ดินกับฮวิ มสั โดยมีพืช และสัตว์ ต่างๆ ชว่ ยและบางครัง้ เหตกุ ำรณท์ ำงธรรมชำติ เช่น ลม ฝน กช็ ่วยท้าใหเ้ กิดดินได้ องคป์ ระกอบของดิน ดนิ มี องค์ประกอบทสี่ า้ คัญ 4 อยา่ งคอื สารอนิ ทรีย์ สารอนนิ ทรยี ์ อากาศ และนา้ ชนิดของดิน ดินมหี ลำยชนิด ในช้ันนี้เรำจะแบ่งชนดิ ของดนิ ตำมช้ันของดนิ และลักษณะของดิน 1.) แบ่งตามช้ันของดนิ เราสามารถแบง่ ออกเปน็ 2 ชัน้ ก. ดินชน้ั บน เป็นดนิ ท่มี อี ินทรยี ว์ ตั ถุปนอยู่มาก จงึ เป็นดนิ ทีอ่ ดุ มสมบรู ณ์ เหมาะแก่การเพาะปลูกพืชตา่ งๆ ข. ดินชนั้ ล่าง เปน็ ดินท่มี ีเนือ้ ดินแนน่ และแข็ง มแี ร่ธาตทุ ่จี ้าเป็นตอ่ พชื นอ้ ย
2.) แบ่งตามลักษณะของดนิ เราสามารถแบง่ ออกได้ 3 ลักษณะ ก. ดินทราย มีทรายปนอยู่ 70 % เนือ้ ดนิ หยาบ ไม่อมุ้ น้า เหมาะส้าหรับพืชที่ตอ้ งการน้าน้อย ข. ดินเหนยี ว มีเน้ือดินละเอียด อ้มุ น้าได้ดี ถ้าแห้งเนอื้ ดนิ จะแขง็ มาก เหมาะสา้ หรบั ปลูกพชื ท่ีตอ้ งการนา้ มาก ค. ดนิ ร่วน มเี นอ้ื ดินโปร่ง น้าซึมผ่านได้ง่าย มฮี ิวมสั ปนอยู่มาก เหมาะส้าหรบั ปลกู พืชส่วนใหญ่ ตำรำง เปรยี บเทยี บลกั ษณะของดนิ ชัน้ บนและดนิ ชน้ั ล่ำง ลกั ษณะของดิน ดนิ ชัน้ บน ดินช้นั ล่าง 1. ดนิ นบั จากผิวดนิ จนถึงดินทลี่ ึกประมาณ 20 cm 1. ดินที่อยูล่ กึ กวา่ 20 cm ขึน้ ไป 2. ดินที่มสี ารอินทรีย์สะสมมาก ทา้ ใหด้ ินมีสีคลา้ 2. ดินทม่ี ีสารอนิ ทรียส์ ะสมน้อย ท้าให้ดินมสี ีจาง 3. เมด็ ดนิ มีขนาดโต ท้าใหช้ ่องว่างระหว่างเม็ดดนิ มี 3. เมด็ ดนิ มขี นาดเลก็ ท้าใหช้ ่องว่างระหว่างเม็ดดนิ มี ขนาดใหญ่ นา้ และอากาศผ่านสะดวก ขนาดเล็ก น้าและอากาศผา่ นยาก สมบัตทิ ่วั ไปของดนิ จากกจิ กรรม เร่ืองลักษณะของดิน จะพบว่า ดนิ ท่ีนักเรยี นขุดจากทคี่ วามลึกตา่ งกนั จะมีลกั ษณะ ต่างกัน การผพุ งั ทบั ถมของแร่ธาตุและซากพืช ซากสตั ว์เป็นเวลานาน มีผลท้าใหเ้ น้ือดนิ มีลกั ษณะเป็นช้นั และมีสตี า่ งกนั จึง อาจใช้ลกั ษณะบางประการของดินเป็นเกณฑ์ในการแบ่งชนั้ ของดิน เชน่ สี เนอื้ ดนิ โดยท่ัวไปเราแบ่งประเภทของดินอย่าง ง่ายๆเป็นดินชน้ั บนและดินชน้ั ลา่ ง ตามปกตดิ ินชั้นบนมักจะมีสารอินทรยี ส์ ะสมอยู่ท่ีผิวดนิ มาก ท้าให้ดนิ มีสคี ล้า และสารอินทรีย์นจ้ี ะมนี อ้ ยลงในดินช้ัน ลา่ ง ลึกลงไปจากดินช้นั ล่าง จะพบวัตถตุ ้นกา้ เนดิ ดนิ ซึ่งเกดิ จากหนิ บางชนดิ ที่ก้าลงั สลายตัว นอกจากนถ้ี า้ นักเรยี นลองบีด้ นิ แล้วสงั เกตดนิ อยา่ งละเอียด จะพบวา่ ดินช้นั บนร่วนซยุ และเม็ดดนิ มีขนาดโตกว่าดนิ ช้ันล่าง การที่เมด็ ดินมีขนาดโตทา้ ให้ ช่องว่างระหวา่ งเม็ดดินมีขนาดใหญ่ดว้ ย น้าและอากาศสามารถผ่านช่องว่างขนาดใหญ่ไดด้ ีกว่าชอ่ งขนาดเล็ก สว่ นทเี่ ปน็ ช่องวา่ งทัง้ หมดในดิน คอื ความพรุน ของดนิ น่นั เอง
โดยทว่ั ไป ดินช้นั บนเหมาะแก่การปลกู พืชมากกว่าดนิ ชน้ั ล่าง ทั้งนี้เนื่องจากดนิ ช้นั บนมคี วามพรนุ มากกวา่ อากาศ และน้า รวมทั้งอาหารพชื ทล่ี ะลายน้าสามารถผ่านไดง้ า่ ย ทา้ ให้รากพชื แทรกชอนไปได้ไกลและสามารถคา้ จุนล้าต้นให้ แข็งแรง นอกจากนีด้ นิ ชั้นบนยงั มีฮิวมัส ซง่ึ เป็น อาหารพชื ท่ีสา้ คัญอีกด้วย ท้าใหพ้ ืชเจรญิ เติบโตไดด้ ี ควำมเปน็ กรดเบส ความเป็นกรดเบส หรือ pH กเ็ ปน็ สมบตั ิที่สา้ คญั ของดินอกี ประการหนง่ึ นักเรยี นเคยใชก้ ระดาษลิตมสั ซ่ึงเปน็ อนิ ดเิ คเตอร์ เพอ่ื ทดสอบสมบตั ิความเปน็ กรด เบส ของสารบางชนิดมาแลว้ เราอาจใชก้ ระดาษลติ มัสทดสอบความเปน็ กรด เบส ของดนิ ไดเ้ ชน่ กนั แตโ่ ดยท่วั ไปมกั นยิ มใช้ยนู ิเวอร์แซลอินดเิ คเตอรท์ ่ีบอก ความแตกต่างของความเป็นกรด เบสไดล้ ะเอยี ดกว่ากระดาษลิตมสั นอกจากนย้ี งั ใช้สารเคมีตรวจสอบความเปน็ กรดเบสของดนิ ได้ ความเปน็ กรดเบสของดนิ ขนึ้ กับปจั จัยหลายประการ ตวั อยา่ งปัจจัยท่เี พิม่ ความเปน็ กรดของดนิ ไดแ้ ก่ การเนา่ เปอื่ ย ของสารอินทรยี ใ์ นดิน การใส่ปุ๋ยเคมีบางชนิด สว่ นตวั อย่างทปี่ ัจจัยที่ท้าให้ดินเปน็ เบสไดแ้ ก่ การใส่ปนู ขาว โดยทวั่ ไปปริมาณ แคลเซยี ม แมกนีเซียม โพแทสเซียม และโซเดยี มท่ีเกาะอยู่กับเม็ดดินมมี ากนอ้ ยต่างกนั จงึ ท้าใหด้ ินแต่ละชนิดมคี วามเปน็ กรด เบสต่างกนั ตำรำง ค่ำ pH ของดินที่เหมำะกับพชื บำงชนิด เลขที่ ชนดิ ของพชื ค่าpHของดินท่เี หมาะ 1 ขา้ ว 5.5-6.0 2 ผักกาดหัว กะหล้่าดอก ขนึ้ ฉา่ ย ถัว่ ลนั เตา ผักกาดหอม 6.0-7.0 3 กะหลา่้ ปลี แครอท คะนา้ 5.7-7.0 4 ยาสูบ 5.4-5.7 5 มันเทศ 5.5-7.0 6 ฝ้าย 6.0-8.0 7 สับปะรด 5.0-6.0 จากข้อมูลในตาราง นกั เรียนจะเหน็ ว่าดนิ ที่มคี ่าชว่ ง pH ตา่ งกนั จะเหมาะกับพชื ตา่ งชนดิ กนั หรือจะกล่าวไดว้ า่ พชื แต่ล่ะชนดิ จะเจริญเติบโตได้ดใี นดนิ ที่มคี ่า pH ท่ีพอเหมาะแกพ่ ืชน้ัน
นอกจากนี้พืชแตล่ ะชนดิ ตอ้ งการแรธ่ าตุต่างกัน เพอ่ื การเจรญิ เติบโต บางคร้ังเราพบว่าพชื บางชนิดไมส่ ามารถดูดซึม แรธ่ าตุท่ตี อ้ งการซ่งึ มอี ยใู่ นดนิ ไปใช้ประโยชนไ์ ด้ ทงั้ นเ้ี นื่องจากสภาพความเป็นกรดเบสไม่เหมาะสม ดังนัน้ ในการปลกู พืช ตอ้ งค้านงึ ถึงคา่ ความเปน็ กรดเบสของดนิ ดว้ ย ถา้ ความเปน็ กรดเบสไมเ่ หมาะสมและสามารถจะปรับปรงุ ได้กค็ วรหาวธิ ี ปรับปรุง เช่น ถา้ ดินเป็นกรดมากกอ็ าจเตมิ ปูนขาวหรอื ดินมาร์ล ถ้าดนิ เปน็ เบสมาก ก็อาจเติมก้ามะถันผงในดินได้ กิจกรรมกำรเรียนกำรสอนหรือกำรเรียนรู้ ขนั้ ตอนกำรสอนหรือกิจกรรมของครู ขนั้ ตอนกำรเรียนรหู้ รือกจิ กรรมของนักเรยี น ขน้ั เตรยี ม ขน้ั เตรียม 1.ผู้สอนแนะน้าตวั และพดู คยุ ทา้ ความรูจ้ ักกับผเู้ รยี น เชค็ ชอ่ื 1.ผูเ้ รยี นทา้ ความเขา้ ใจในข้อตกลงการเข้าเรยี น เกณฑก์ ารให้ นกั เรยี นในช้นั เรยี นแต่ละบุคคล อธบิ ายขอ้ ตกลงการเข้าเรยี น คะแนน ชว่ งเวลาท้าการสอบร่วมกนั เกณฑก์ ารให้คะแนน ชว่ งระยะเวลาที่ท้าการสอบ 2.ผเู้ รียนจดบันทกึ รายละเอียดรายวชิ าและจดุ ประสงค์การ 2.แนะนา้ รายวิชา แจ้งจดุ ประสงคก์ ารเรียนการสอนหน่วยที่ 1 เรียนทจ่ี ะเรยี น 3.แจกแบบทดสอบกอ่ นเรยี นวิชาดินและความอุดมสมบรู ณข์ อง 3.เตรียมตัวทดสอบความรพู้ ื้นฐานกอ่ นเรียนวิชาดินและความ ดนิ อุดมสมบรู ณ์ของดิน ขนั้ กำรเรียนกำรสอน ขั้นกำรเรยี นกำรสอน 1. ผสู้ อนต้งั คา้ ถามเกย่ี วกบั เน้อื หาท่ีเกยี่ วข้องกับหนว่ ยที่ 1. ผู้เรียนตอบคา้ ถามและท้าความเขา้ ใจกับเน้อื หา 2. ผู้สอนบรรยายและอภปิ รายเนอ้ื หาการเรยี นการสอนหนว่ ยท่ี 2. ผเู้ รียนรว่ มอภปิ รายและจดบันทกึ สรปุ ใจความส้าคัญของ เน้อื หาหนว่ ยท่ี 1 ขั้นสรุป ข้นั สรปุ 1. ผูส้ อนอธบิ ายสรปุ ความหมาย ความส้าคเั ก่ยี วกับดนิ เพ่ิมเตมิ 1.ผู้เรยี นสอบถามเพิ่มเติมในสว่ นทยี่ ังไม่เข้าใจ ในส่วนท่ีผูเ้ รียนไมเ่ ข้าใจ 2. ผ้เู รยี นท้าแบบฝึกหดั ท้ายบทเรียนในชว่ งท้ายคาบ 3. ผู้เรียนตรวจแบบทดสอบตามที่ผสู้ อนเฉลย 2. ผู้สอนให้ผูเ้ รยี นทา้ แบบฝกึ หดั ท้ายบทเรยี น 4. ผเู้ รียนรบั ผดิ ชอบในส่วนทผี่ ู้สอนใหไ้ ปศกึ ษาเพมิ่ เติม 3.ผูส้ อนเฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน และบันทกึ คะแนน . ของผูเ้ รยี น 4. ผู้สอนมอบหมายใหผ้ ู้เรียนทบทวนและศึกษาหน่วย ที่ 2
อ ภิ ป ร ำ ย ร่ ว ม กั น ใ น ชั้ น เ รี ย น 1. ดินหมำยถึงอะไร .......................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................ 2. ดนิ มคี วำมสำคญั อยำ่ งไร .......................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... 3. องค์ประกอบทส่ี ำคัญของดิน มอี ะไรบ้ำง .......................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................. 4. กระบวนกำรสรำ้ งดินเกดิ ขึ้นอยำ่ งไร .......................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................................... 1.. คำตอบ เกิดจำกกำรสลำยตัวของสำรอนิ ทรยี ์เป็นฮิวมสั และกำรสลำยตวั ของอนนิ ทรีย์เป็นวตั ถกุ ำเนดิ ของดิน และฮวิ มสั กับวัตถุกำเนดิ ของดนิ ผสมกันและมีกำรทำงำนรว่ มกันของจุลินทรียแ์ ละสิ่งมชี ีวิตในดนิ ก่อเกิดเปน็ ดินท่ีอุดมสมบูรณ์ 2.. คำตอบ เทหวตั ถุทำงธรรมชำติ (natural body) ท่เี กดิ จำกกำรสลำยตวั ของหินและแรธ่ ำตุต่ำงๆ ผสมคลกุ เคลำ้ กับ อินทรียวัตถุซึง่ ปกคลมุ ผิวโลกอยู่เป็นชัน้ บำงๆ เปน็ วตั ถทุ ่คี ้ำจุนกำรเจรญิ เติบโตและกำรทรงตัวของพชื 3. คำตอบ อำกำศ 25% นำ้ 25% สำรอนนิ ทรีย์ 45% และสำรอนิ ทรยี ว์ ตั ถุ 5% 4. คำตอบ เป็นวัตถุที่ค้ำจุนกำรเจรญิ เติบโตและกำรทรงตวั ของพชื มกี ำรแบ่งช้ัน (horizon) ทสี่ ำมำรถสังเกตเห็นได้จำก ตอนบนลงไปตอนล่ำง มีอำณำเขตและลักษณะประจำตวั ของมันเอง
1. ดนิ เกดิ ขำกอะไร ก. ฮิวมสั ผสมกบั วัตถตุ ้นกำเนดิ ดนิ ข. นำ้ ผสมปนู ค. ฮวิ มัสผสมปนู ง. วตั ถุต้นกำเนดิ ดนิ กบั นำ้ 2. ฮวิ มัส เกดิ จำกกำรสลำยตวั ของอะไร ก. สำรอนิ ทรยี ์ ข. สำรอนินทรยี ์ ค. ผดิ ทง้ั ก และ ข ง. ถกู ทัง้ ก และ ข 3. วตั ถุตน้ กำเนิดดนิ เกดิ จำกกำรสลำยตัวของอะไร ก. สำรอินทรยี ์ ข. สำรอนนิ ทรยี ์ ค. ผิดทงั้ ก และ ข ง. ถกู ท้ัง ก และ ข 4. องคป์ ระกอบท่สี ำคัญของดิน มีอะไรบำ้ ง ก. น้ำ สำรอินทรีย์ สำรอนนิ ทรยี ์ อำกำศ ข. น้ำ อำกำศ ปยุ๋ ค. ผิดท้ัง ก และ ข ง. ถกู ทั้ง ก และ ข 5. อปุ กรณ์ใดท่ใี ชใ้ นกำรวดั กำรวิเครำะห์คำ่ pH ก. pH sister ข. pH meter ค. pH flame ง. pH atomic 6. ขอ้ ใดคือวิธีกำรประเมินควำมอดุ มสมบรู ณ์ของดนิ ก. กำรวิเครำะห์ดิน ข. กำรวิเครำะหแ์ ร่ ค. กำรสงั เกตธำตุอำหำรพืช ง. กำรทดสอบดนิ ในแปลง 1. ก 2. ก 3. ข 4. ก 5. ข 6. ก
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: