บทท่ี 5 ทฤษฎีการผลิต (Production Theory) 1
ความสาคญั ของทฤษฎีการผลิต Demand = พฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภค ดลุ ยภาพ Supply = พฤตกิ รรมผผู้ ลติ Maximize Profit ราคาขาย - ตน้ ทุน ราคาปัจจยั การผลิต x ปริมาณปัจจยั การผลิต 2
ความหมายการผลิตและผผู้ ลิต การผลิต การดาเนิ นกิจกรรมต่างๆ สินค้า ท่ีมนุษย์ ไม่จาเป็ นต้องมีโรงงานหรือสิ นค้าเกิดใหม่ ต้องการ ตวั อยา่ ง การผลติ อาหาร การปลกู ขา้ ว การสง่ หนงั สอื พมิ พซ์ ง่ึ ไม่มตี วั สนิ คา้ เกดิ ขน้ึ กถ็ อื วา่ เป็นการผลติ บรกิ ารซง่ึ ทาใหผ้ บู้ รโิ ภคไดร้ บั ความพอใจ เชน่ เดยี วกนั เป็นตน้ ผผู้ ลิต = ผขู้ าย = หน่วยธรุ กิจ หมายถงึ ผทู้ ก่ี ่อใหเ้ กดิ มสี นิ คา้ หรอื บรกิ ารทส่ี ามารถนามาบาบดั ความตอ้ งการของผบู้ รโิ ภคได้ สาหรบั หน่วย ธรุ กจิ ทงั้ หมดทผ่ี ลติ สนิ คา้ ชนิดเดยี วกนั เรยี กวา่ อตุ สาหกรรม (industry) ตวั อยา่ ง อุตสาหกรรมสง่ิ ทอ อุตสาหกรรมอาหาร 3
ทฤษฎีการผลิตและฟังกช์ นั การผลิต เป็นการศกึ ษาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปจั จยั การผลติ (input) และ ผลผลติ ทไ่ี ดร้ บั (output) สามารถเขยี นความสมั พนั ธใ์ นรปู แบบฟงั กช์ นั ไดด้ งั น้ี Q = f (x, y, z,…) เมอ่ื Q = จานวนผลผลติ x, y, z = ปจั จยั การผลติ ชนิดต่างๆ 4
ปัจจยั การผลิตทางเศรษฐศาสตร์ (Factor of Production) ประเภท ผลตอบแทน ของปัจจยั การผลิต ที่ดิน (Land) ค่าเช่า (Rent) แรงงาน (Labor) ค่าจ้าง (Wage) ทนุ (Capital) ดอกเบยี้ (Interest) ผปู้ ระกอบการ กาไร (Profit) (Entrepreneur) 5
ปัจจยั การผลิตทางเศรษฐศาสตร์ (ต่อ) ทางเศรษฐศาสตรส์ ามารถแบง่ ปจั จยั การผลติ เป็น 2 กลมุ่ ใหญ่ไดแ้ ก่ 1. ปจั จยั ทนุ (K) ยอ่ มาจาก Capital 2. ปจั จยั แรงงาน (L) ยอ่ มาจาก Labor ฟงั กช์ นั การผลติ สมการเสน้ ตรง Q = a + bX1 + cX2 คา่ a, b, c เป็น คา่ คงท่ี ทม่ี ากกวา่ 0 สมการคอบดกั ลาส Q A X a X b คา่ A, a, b เป็นคา่ คงท่ี ท่ี 1 2 มากกวา่ 0 6
ประสิทธิภาพของการผลิต ประสิทธิภาพทางเทคนิค (technical efficiency) หมายถงึ วธิ กี ารผลติ ทใ่ี หผ้ ลผลติ จานวนเทา่ กนั แต่ใชป้ จั จยั การผลติ น้อยทส่ี ดุ หรอื วธิ กี ารทใ่ี ชจ้ านวนปจั จยั การผลติ เทา่ กนั แต่ใหผ้ ลผลติ มากกวา่ ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ (economic efficiency) หมายถงึ วธิ กี ารผลติ ทใ่ี หผ้ ลผลติ จานวนเทา่ กนั แต่มตี น้ ทุนการผลติ ต่าทส่ี ดุ การผลิตที่มีประสิทธิภาพทางเทคนิค ไม่จาเป็นต้องเป็นการผลิตท่ีมี ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ แต่การผลิตท่ีมีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจต้องเป็น การผลิตท่ีมีประสิทธิ ภาพทางเทคนิ คเสมอ 7
ตวั อย่างการวิเคราะหป์ ระสิทธิภาพของการผลิต วิธีการผลิต จานวนปัจจยั การผลิต ต้นทนุ การผลิต รวม เครอ่ื งจกั ร แรงงาน เคร่อื งจกั ร แรงงาน 7,000 A 8,000 B 5 20 5,000 2,000 8,500 C 3 50 3,000 5,000 3 55 3,000 5,500 สมมตใิ หว้ ธิ กี ารผลติ ทงั้ 3 ใหผ้ ลผลติ เท่ากนั วธิ กี ารผลติ A และ B เป็นวธิ กี ารผลติ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพทางเทคนิค วธิ กี ารผลติ A เป็นวธิ กี ารผลติ ทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพทางเศรษฐกจิ 8
ปัจจยั การผลิตกบั ระยะเวลาในการผลิต Q = f (x, y, z,…) ปัจจยั คงท่ี (Fixed factor) เป็นปจั จยั การผลติ ทไ่ี มผ่ นั แปรตามปรมิ าณผลผลติ ไดภ้ ายในชว่ งระยะเวลาใดเวลาหน่ึง เชน่ อาคาร โรงงาน เครอ่ื งจกั ร เป็นตน้ ปัจจยั ผนั แปร (Variable factor) เป็นปจั จยั การผลติ ทผ่ี นั แปรตามปรมิ าณการ ผลติ ทงั้ ในระยะสนั้ และระยะยาว ไดแ้ ก่ แรงงาน วตั ถุดบิ วสั ดสุ น้ิ เปลอื ง เป็นตน้ 9
ระยะเวลาในการผลิต การผลติ ระยะสนั้ (short-run period) ปจั จยั คงท่ี ปจั จยั ผนั แปร การเปลย่ี นแปลงของขนาดผลผลติ (Q) ทาไดโ้ ดยการเปลย่ี นแปลงขนาดของการใชป้ จั จยั ผนั แปรเทา่ นนั้ Q = f (K,L) ปจั จยั ผนั แปร ปจั จยั คงท่ี 10
ระยะเวลาในการผลิต (ต่อ) การผลติ ระยะยาว (long-run period) ปจั จยั คงท่ี ปจั จยั ผนั แปร การเปลย่ี นแปลงของขนาดผลผลติ (Q) ในระยะยาว ขน้ึ อยกู่ บั การเปลย่ี นแปลงขนาดของการใชป้ จั จยั ผนั แปรเทา่ นนั้ 11
ระยะเวลาในการผลิต การผลิตระยะสนั้ (short-run period) หมายถงึ ระยะเวลาท่ี ปจั จยั การ ผลิตบางตัวไม่สามารถเปล่ียนแปลงได้ จึงถือว่าเป็ นปจั จัยคงท่ี การเปล่ยี นแปลงของขนาดผลผลติ ทาได้โดยการเปลย่ี นแปลงขนาดของ การใชป้ จั จยั ผนั แปรเทา่ นนั้ ปจั จยั การผลติ บางชนิดเปลย่ี นแปลงได้ เราเรยี กวา่ ปจั จยั ผนั แปร ปจั จยั การผลติ บางชนิดเปลย่ี นแปลงไมไ่ ด้ เราเรยี กวา่ ปจั จยั คงท่ี การผลิตระยะยาว (long-run period) หมายถงึ ระยะเวลาท่ปี จั จยั การ ผลติ ทุกตวั สามารถเปล่ยี นแปลงได้ เม่อื หน่วยผลติ ต้องการเปล่ียนแปลง ขนาดของการผลติ มเี ฉพาะปจั จยั ผนั แปรเทา่ นนั้ 12
การวิเคราะหก์ ารผลิตระยะสนั้ 13
ผลผลิตต่างๆ 1. ผลผลิตทงั้ หมด (Total Product : TP) หมายถงึ ผลผลติ ทงั้ หมดทไ่ี ดร้ บั จากการใชป้ จั จยั ผนั แปรจานวนตา่ งๆ รว่ มกบั ปจั จยั คงทท่ี ม่ี อี ยู่ คา่ ผลผลติ ทงั้ หมดจะเพม่ิ ขน้ึ ในอตั ราทเ่ี พม่ิ ขน้ึ ในตอนแรก และเพมิ่ ขน้ึ ใน อตั ราทล่ี ดลงในระยะตอ่ มา และในทส่ี ดุ จะลดลง 2. ผลผลิตเฉล่ีย (Average Product : AP) หมายถงึ ผลผลติ เฉลย่ี ตอ่ หน่ึงหน่วยของปจั จยั ผนั แปรทใ่ี ชใ้ นการผลติ คา่ ผลผลติ เฉลย่ี จะเพม่ิ ขน้ึ ในตอนแรก เมอ่ื เพม่ิ การใชป้ จั จยั ผนั แปรไป จนถงึ ระดบั หน่ึงคา่ ผลผลติ เฉลย่ี จะลดลง 14
ผลผลิตต่างๆ (ต่อ) 3. ผลผลิตหน่วยสดุ ท้าย (Marginal Product : MPL) หมายถงึ ผลผลติ ทเ่ี กดิ จากปจั จยั ผนั แปรหน่วยสดุ ทา้ ยทใ่ี ชอ้ ยใู่ นขณะนนั้ คา่ ผลผลติ หน่วยสดุ ทา้ ย จะเพม่ิ สงู ขน้ึ ในระยะแรก และลดลงในชว่ งตอ่ มา จนมคี า่ เป็นศนู ย์ และอาจตดิ ลบไดใ้ นทส่ี ดุ ความสมั พนั ธ์ ระหว่าง TP & AP & MPL TP = SMPL APL = TPL/L MPL = TPL – TPL-1 ΔTP/ ΔL = 15
ตารางผลผลิต เคร่อื งจกั ร แรงงาน (คน) TPL APL MPL 10000 1 1 10 10 10 1 1 2 24 12 14 1 3 39 13 15 1 4 52 13 13 1 5 61 12.2 9 2 1 6 66 11 5 1 7 66 9.4 0 1 8 64 8 -2 3 16
กฎการลดลงของผลได้ (Law of Diminishing Returns) เมื่อผผู้ ลิตเพ่ิมการใช้ปัจจยั การผลิตชนิดใดชนิดหน่ึงแต่เพียง ชนิดเดียวมากขึน้ เร่ือยๆ (จากขอ้ มลู ในตารางคอื คน) เพื่อใช้ร่วมกบั ปัจจยั การผลิตชนิดอ่ืนท่ีมีจานวนคงที่ (จากขอ้ มลู ในตารางคอื เครอ่ื งจกั ร) ผลผลิตหน่วยสดุ ท้ายของแรงงาน (MPL) จะเพ่ิมขึน้ ใน ตอนแรกในระยะท่ี 1 (Increasing Returns) แต่ในระยะต่อมาจะลดลง (Diminishing Returns) จนกระทงั่ มีค่าเป็นศนู ย์ และติดลบได้ในที่สดุ (Decreasing Returns) 17
1 23 18
สรปุ ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง TP & MPL ช่วงที่ MPL เพ่ิมขึน้ TP จะเพิ่มขึน้ ในอตั ราที่เพิ่มขึน้ (Increasing Returns) ช่วงท่ี MPL ลดลง (MPL >0) TP จะเพ่ิมขึน้ ในอตั ราท่ีลดลง (Diminishing Returns) เมอ่ื MPL มีค่าติดลบ TP จะลดลง (Decreasing Returns) ดงั นัน้ TP จะมีค่าสงู สดุ เมอื่ MPL มีค่าเท่ากบั 0 19
สรปุ ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง MPL & APL ช่วง APL เพ่ิมขึน้ MPL จะเพ่ิมหรอื ลดกไ็ ด้ แต่จะต้องมีค่ามากกว่า APL ช่วง APL ลดลง MPL จะต้องมีค่าน้อยกว่า APL ดงั นัน้ MPL จะตดั กบั APL ณ จดุ ที่ APL มีค่าสงู สดุ 20
สรปุ ความสมั พนั ธร์ ะหว่าง TP และ APL ความชนั ของเสน้ ตรงทล่ี ากออก จากจดุ origin ไปยงั จดุ ตา่ งๆ บนเสน้ TP กค็ อื AP ณ การ Q2 ใชแ้ รงงานจานวนนนั้ ๆ ณ จุด a และ b ความชนั คอื Q1 0 Q1 0 Q1 A PL1 ความชนั = APL L1 0 L1 L1 L2 Q2 0 Q2 A PL2 L2 0 L2 21
การวิเคราะหก์ ารผลิตระยะยาว 22
ประเดน็ ที่ศึกษา เส้นผลผลิตเท่ากนั (Isoquant Curve) เส้นต้นทุนเท่ากนั (Isocost Curve) ส่วนประกอบของปัจจยั การผลิตที่ให้ต้นทนุ ตา่ สดุ เส้นแนวทางการผลิต กฎผลได้ต่อขนาด 23
เส้นผลผลิตเท่ากนั (Isoquant Curve) หมายถึง เส้นท่ีแสดงส่วนประกอบต่างๆ ของปัจจยั การผลิต สองชนิด (K,L) ที่ให้ผลผลิต (Q) จานวนเท่ากนั นัน่ คือ ทุกๆ จดุ บน เส้นผลผลิตเท่ากนั จะให้ได้ผลผลิตในจานวนเดียวกนั ลกั ษณะของเส้นผลผลิตเท่ากนั เป็นเสน้ ทม่ี ลี กั ษณะต่อเน่ืองลาดลงจากซา้ ยไปขวา อนั เป็นผลมาจาก การทดแทนกนั ของปจั จยั การผลติ 2 ชนดิ เสน้ ผลผลติ เทา่ กนั จะเป็นเสน้ โคง้ เวา้ เขา้ หาจดุ กาเนิด เสน้ ผลผลติ เท่ากนั จะไมต่ ดั กนั เสน้ ทอ่ี ยสู่ งู กวา่ จะแสดงผลผลติ จานวนมากกวา่ 24
อตั ราการทดแทนทางเทคนิคหน่วยสดุ ท้าย Marginal Rate of technical Substitution: MRTS ในการผลิตระยะยาว ปัจจยั การผลิตทุกชนิ ดเป็ นปัจจยั ผนั แปร ดงั นัน้ การ เปลี่ยนแปลงผลผลิต (Q) ย่อมมาจากการเปลี่ยนแปลงในปริมาณของ ปัจจยั การผลิตทกุ ชนิด (ทงั้ K และ L) เน่ืองจากในระยะยาวปัจจยั การ MPK , MPL ผลิตทกุ ชนิดเป็นปัจจยั ผนั แปร เมื่อ MPK เปล่ียนแปลงไป 1 หน่วยแล้ว MPL จะต้องเปล่ียนแปลงไปเท่าใด เพื่อทาให้ระดบั ผลผลิตไม่เปลี่ยนแปลง (ได้ Q จานวนเท่าเดิม) MRTSLK = -2 หมายถึง ถ้าจะลดเคร่ืองจกั ร (K) ลง 2 เครื่อง จะต้องใช้ แรงงาน (L) เพ่ิมขึน้ 1 คน เพ่ือรกั ษาระดบั ผลผลิต (Q) ให้เท่าเดิม 25
ลกั ษณะของเส้น Isoquant เป็นเส้นโค้งเว้า เข้าหาจดุ กาเนิด และมีความชนั เป็นลบ K • L K และ L K 50 A • จากจดุ A มายงั จดุ B 30 B • Δ K = 30 – 50 = -20 22 CD • Δ L = 20 – 10 = 10 15 Iq • Δ K / Δ L = -20/10 = -2 10 20 30 40 L • MPK = Δ TP/ Δ K • MPL = Δ TP/ Δ L ทกุ จดุ บนเสน้ Iq เดยี วกนั ปรมิ าณ ผลผลติ จะเทา่ กนั ดงั นนั้ MPK * ΔK = MPL * ΔL 26
ลกั ษณะของเส้น Isoquant เป็นเส้นโค้งเวา้ เข้าหาจดุ กาเนิด และมีความชนั เป็นลบ (ต่อ) เม่ือ MPK * ΔK = MPL * Δ L ΔK / ΔL = MPL MRTSLK = MPK = MPL MPK Slope Isoquant 27
เส้น Iq จะไม่ตดั กนั ทุกจดุ ทอ่ี ยบู่ นเสน้ Iq เดยี วกนั จะ K ไดร้ บั ความพงึ พอใจเท่ากนั A=B A A=C B Iq1 B > C เป็นไปไมไ่ ด้ C Iq0 L 28
เส้น Iq มีได้หลายเส้น Iq3 > Iq2 > Iq1 K/L 1 2 3 4 5 K 1 20 40 55 65 75 2 40 60 75 85 90 3 55 75 90 100 105 4 65 85 100 110 115 Iq3=90 5 75 90 105 115 120 Iq2=75 Iq1=55 L 29
เส้นต้นทนุ เท่ากนั (Isocost Curve) หมายถงึ เสน้ ทแ่ี สดงสว่ นประกอบ จานวน K จานวน L ตา่ งๆ ของปจั จยั การผลติ สองชนิด 5 0 (K,L) ทผ่ี ผู้ ลติ สามารถซอ้ื ไดด้ ว้ ยเงนิ 4 2 จานวนเทา่ กนั 3 4 2 6 ยกตวั อยา่ งเชน่ 1 8 0 10 มงี บประมาณ 1,000 บาท 30 K ราคาหน่วยละ 200 บาท L ราคาหน่วยละ 100 บาท
เส้นต้นทนุ เท่ากนั (Isocost Curve) PL L PK K C สมการตน้ ทนุ K C PL L K PK PK C/PK Slope = PL ISOCOST L C/PL PK 31 ความชนั ของเส้นต้นทนุ Slope = - (C/PK) / (C/ PL) ความชนั = -(w/r)
การเปล่ียนแปลงของเส้นต้นทนุ เท่ากนั การเปลี่ยนแปลงของเงินทนุ การเปล่ียนแปลงของต้นทนุ อนั เงนิ ทุนเพม่ิ ขน้ึ เน่ืองมาจากราคาของปัจจยั การ ผลิตเปล่ียนแปลง K K ราคาตน้ ทุนปจั จยั L ลดลง C*/PK C/PK 0 L0 IC1 IC2 C/PL C*/PL C/PL* 32
ส่วนประกอบของปัจจยั การผลิตที่ให้ต้นทุนตา่ สดุ หรือจดุ ดลุ ยภาพของการผลิต K จุด A : ไดร้ บั ผลผลติ เทา่ กบั Iq1 B จดุ B : ไดร้ บั ผลผลติ เทา่ กบั Iq1 จดุ C : ไดร้ บั ผลผลติ เทา่ กบั Iq1 A จุด A ใชต้ น้ ทนุ ต่าทส่ี ดุ C Iq1 Isocost1 Isocost2 Isocost3 L 33
ส่วนประกอบของปัจจยั การผลิตท่ีให้ต้นทนุ ตา่ สดุ (ต่อ) K ดลุ ยภาพของผผู้ ลิต คือ จดุ E ณ จดุ E C/PK KE slope Isoquant = slope Isocost 0 MPL = PL MPK PK MPL = MPK E Wr Iq LE C/PL L 34
เส้นแนวทางการผลิต (expansion path) การเปลี่ยนแปลงของเป้ าหมายการผลิต K เส้นแนวทางการผลิตระยะยาว K Iq1Iq2 (ตน้ ทุนต่อหน่วยสงู กวา่ ) 0L C1 C2 35
การเปล่ียนแปลงของราคาปัจจยั การผลิต K ราคาของแรงงานแพงขนึ้ เม่ือผผู้ ลิตไม่ *การข้ึนค่าแรงโดยไม่สมเหตุสมผลจะ สามารถขยาย C*/PK B นาไปสู่การวา่ งงานท่ีมากข้ึน เงินทุนไดใ้ นระยะ ส้ันจาเป็นตอ้ งลด ปริมาณการผลิต C/PK ไม่สมั ผสั กนั สื่อถึง K ZA Iq1 ไม่ใช่จุด ประสิทธิภาพทาง Iq3 C/PL L เศรษฐกิจ C/PL* C*/PL* 36
กฎผลได้ต่อขนาด (Law of Returns to Scale) จะเปรยี บเทยี บระหวา่ ง: 37
กฎผลได้ต่อขนาด (Law of Returns to Scale) ผลได้ต่อขนาดเพ่ิมขึน้ (increasing return to scale) อตั ราการเพม่ิ ขน้ึ ของผลผลติ มากกวา่ อตั ราการเพมิ่ ของปจั จยั การผลติ มกั เกดิ ขน้ึ ในระยะแรก ๆ ของการขยายการผลติ ผลได้ต่อขนาดคงที่ (constant return to scale) อตั ราการเพม่ิ ขน้ึ ของ ผลผลติ เท่ากบั อตั ราการเพมิ่ ของปจั จยั การผลติ มกั เกดิ ขน้ึ ในระยะกลาง ๆ ของ การขยายการผลติ ผลได้ต่อขนาดลดลง (decreasing return to scale) อตั ราการเพม่ิ ขน้ึ ของผลผลติ น้อยกวา่ อตั ราการเพมิ่ ของปจั จยั การผลติ มกั เกดิ ขน้ึ ในระยะหลงั ๆ ของการขยายการผลติ 38
ผลได้ต่อขนาด (Returns to Scale) K 10 8 6 Iq = 35 4 Iq =30 Iq = 25 Iq =20 Iq = 26 2 Iq = 10 Iq = 15 5 10 15 20 25 L 39
การประหยดั ต่อขนาด และการไมป่ ระหยดั ต่อขนาด การประหยดั ต่อขนาด หมายถงึ ตน้ ทนุ ตอ่ หน่วย (ตน้ ทนุ เฉลย่ี ) ลดลง จาก การทธ่ี รุ กจิ ขยายขนาดการผลติ การไม่ประหยดั ต่อขนาด หมายถงึ ตน้ ทนุ ตอ่ หน่วย (ตน้ ทุนเฉลย่ี ) เพมิ่ ขน้ึ จากการทธ่ี ุรกจิ ขยายขนาดการผลติ นนั่ คอื ขยายขนาดการผลติ มากเกนิ ไป 40
การประหยดั ต่อขนาด (economies of scale) การประหยดั ทางด้านแรงงาน เกดิ การแบง่ งานกนั ทา มคี วามชานาญเฉพาะอยา่ ง ทาใหป้ ระสทิ ธภิ าพการ ผลติ สงู ขน้ึ การประหยดั ทางด้านเทคนิค เกดิ ขน้ึ เมอ่ื หน่วยธุรกจิ มขี นาดใหญ่ และมคี วามสามารถทจ่ี ะนาเอา เครอ่ื งจกั รทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพสงู มาใช้ การประหยดั ทางด้านการจดั การ เป็นผลจากการกระจายตน้ ทุนคงท่ี เชน่ เงนิ เดอื นผจู้ ดั การ คา่ เช่าสถานท่ี คา่ เบย้ี ประกนั เป็นตน้ หากหน่วยธรุ กจิ สามารถขยายการผลติ ไดม้ ากขน้ึ ตน้ ทุนคงทต่ี อ่ หน่วยจะลดลง 41
การประหยดั ต่อขนาด (ต่อ) การประหยดั ทางด้านการตลาด ซอ้ื วตั ถุดบิ : การซอ้ื เป็นจานวนมากๆ จะไดร้ บั สว่ นลด ทาใหต้ น้ ทุนลดลง ขายสนิ คา้ : ตน้ ทนุ คา่ ขนสง่ ลดลง คา่ โฆษณาลดลง คอื หน่วยธรุ กจิ ทม่ี ี ขนาดใหญ่ แมจ้ ะมตี น้ ทนุ ในการขายสงู แต่กจ็ ะสามารถทาใหข้ ายได้มากขน้ึ ตน้ ทุนเฉลย่ี จะลดลง การประหยดั ทางด้านการเงิน เน่ืองจากกจิ การขนาดใหญ่ จะเป็นทเ่ี ชอ่ื ถอื ในวงการธุรกจิ ไดร้ บั เครดติ ใน การซอ้ื สนิ คา้ และสามารถกเู้ งนิ ไดง้ า่ ย เสยี ดอกเบย้ี ต่า 42
การไม่ประหยดั ต่อขนาด (diseconomies of scale) ความยงุ่ ยากในการบรหิ ารงาน ปญั หาการดแู ลไมท่ วั่ ถงึ ปญั หาการตดิ ต่อ ประสานงาน ปญั หาทางดา้ นการจดั การแรงงาน การขาดแคลนปจั จยั การผลติ 43
การประหยดั ภายใน และการไม่ประหยดั ภายใน การประหยดั ภายใน (internal economies) หมายถงึ การประหยดั (ตน้ ทุน เฉลย่ี ลดลง) ทเ่ี กดิ จากการดาเนินการของธรุ กจิ (นโยบายการบรหิ ารงาน) การไม่ประหยดั ภายใน (internal diseconomies) หมายถงึ การไมป่ ระหยดั (ตน้ ทนุ เฉลย่ี เพมิ่ ขน้ึ ) ทเ่ี กดิ จากการดาเนินการของธรุ กจิ 44
โดยสรปุ วตั ถุประสงคข์ องการศกึ ษาบทน้ีคอื ตอ้ งการทราบปรมิ าณการผลตทิ ่ี เหมาะสม: หากปรมิ าณการผลตเิ ทา่ กนั ตอ้ งเลอื กทางเลอื กทใ่ี หต้ น้ ทนุ ต่าสดุ หากตน้ ทุนเทา่ กนั ตอ้ งเลอื กทางเลอื กทใ่ี หผ้ ลผลติ มากกวา่ ความหมายของการผลติ ฟงั กช์ นั การผลติ , ประสทิ ธภิ าพของการผลติ ทงั้ ทางเทคนิคและทาง เศรษฐกจิ กรผลติ ระยะสนั้ TP, MP, AP ลกั ษณะผลผลติ ทไ่ี ดร้ บั ในแต่ละชว่ งการผลติ 45
โดยสรปุ (ต่อ) การผลติ ระยะยาว เสน้ ผลผลติ เทา่ กนั : MRTSLK เสน้ ตน้ ทนุ เทา่ กนั จุดการผลติ ทเ่ี หมาะสม กฎผลไดต้ ่อขนาดและการประหยดั ต่อขนาด 46
Search
Read the Text Version
- 1 - 46
Pages: