Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกาไร้สติ (1)

เอกาไร้สติ (1)

Published by Guset User, 2021-09-15 14:19:29

Description: เอกาไร้สติ (1)

Search

Read the Text Version

รายงาน เรื่อง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งรัฐและสงั คมในสถานการณ์ของเชื่อโรคโควดิ 19 มิติสวสั ดิการทางสงั คม:กรณีศึกษาสิทธิในการรักษาพยาบาล คณะผ้จู ดั ทา กลุ่ม เอกาไร้สติ 1. นายนิติภูมิ สุรักษา รหสั นกั ศึกษา 6320710027 เลขท่ี 40 2. นายพนั ธการ ขนานใต้ รหสั นกั ศึกษา 6320710034 เลขท่ี 47 3. นางสาวซูนีตา มะเก รหสั นกั ศึกษา 6320710176 เลขท่ี 89 4. นางสาวทานตะวนั วรรณชนะ รหสั นกั ศึกษา 6320710184 เลขท่ี 97 5. นางสาวธญั กร แขกพงศ์ รหสั นกั ศึกษา 6320710187 เลขท่ี 100 6. นางสาวนูรฮูดา แซจิ รหสั นกั ศึกษา 6320710200 เลขท่ี 111 7. นางสาวฟาตีณีย์ ซีดิ รหสั นกั ศึกษา 6320710209 เลขท่ี 118 8. นางสาวไลลา หนิหมาน รหสั นกั ศึกษา 6320710226 เลขที่ 133

9. นางสาวสุวรรณา หมดั อาด้า รหสั นกั ศึกษา 6320710231 เลขที่ 138 10. นางสาวอลิษา เจะ๊ บอซู รหสั นกั ศึกษา 6320710235 เลขที่ 142 เสนอ รายงานเล่มน้ีเป็นส่วนหน่ึงของรายวิชา 196-210 State and Society ภาคการศึกษาที่ 1 ปี การศึกษา 2564

คำนำ รายงานฉบบั น้ีเป็ นส่วนหน่ึงของรายวิชา 196-210 รัฐและสังคม (State and society) ดว้ ย สถานการณ์บา้ นเมืองในปัจจุบนั น้ีเกิดวิกฤตการณ์ทาใหป้ ระชาชนเกิดความลาบาก เกิดโรคภยั ไข้ เจบ็ เรื่องสิทธิในการเขา้ ใชโ้ รงพยาบาลเพ่ือเขา้ การรับการรักษาในเร่ืองต่างๆค่อนขา้ งที่จะไม่มีความ ยตุ ิธรรมกนั เกิดข้ึน เกิดความเลื่อมล้ากนั เกิดข้ึนของคนจนและคนรวย ในการเขา้ รับการรักษาในโรง พยาล ดงั น้นั จึงนาเรื่องสิทธิในการรักษาพยาบาลมาจดั เรียงเป็ นเอกสาร ซ่ึงสามารถนาส่ิงที่ไดจ้ าก การศึกษาคน้ ควา้ มาสร้างเป็นรูปแบบรายงานเพ่ือเป็นประโยชน์ในการเรียนของคณะผูจ้ ดั ทาและ ผอู้ ่าน ท้งั น้ี เน้ือหาท้งั หมดไดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ จากแหล่งขอ้ มูลต่างๆ และขอขอบคุณอาจารย์ ผูช้ ่วย ศาสตราจารย์ ดร.วารุณี ณ นคร เป็ นอย่างสูงที่กรุณาให้คาปรึกษา ให้คาแนะนาเพ่ือแกไ้ ข ให้ ขอ้ เสนอแนะตลอดการทางาน จนทาให้รายงานเล่มน้ีสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี คณะผูจ้ ดั ทาหวงั ว่า ผูส้ นใจสามารถนาไปต่อยอดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด หากมีความผิดพลาดประการใด คณะ ผจู้ ดั ทาตอ้ งขออภยั ไว้ ณ ท่ีน้ีดว้ ย คณะผู้จดั ทำ ก

บทนำ ปัจจุบันอารยประเทศให้ความสาคัญกับ สิ ทธิมนุษย์ชนประเทศสมาชิกองค์การ สหประชาชาติไดร้ ่วมกนั กาหนดหลกั เกณฑ์สาคญั ในการปฏิบตั ิเกี่ยวกบั สิทธิมนุษยชนเพ่ือให้ ประเทศ ต่าง ๆ ทวั่ โลกยอมรับและอยใู่ นปฏิญญาสากลวา่ ดว้ ยสิทธิมนุษยชน เพือ่ เป็นแนวปฏิบตั ิต่อ คนของรัฐตนและคนของรัฐอ่ืนโดยเท่าเทียมกนั โดยเฉพาะเรื่องการปฏิบตั ิต่อผูป้ ่ วยตามหลกั สิทธิ มนุษยชนซ่ึงในยุคปัจจุบนั ทว่ั โลกประสบปัญหา การโยกยา้ ยถิ่น ผูอ้ พยพ ผูล้ ้ีภยั การลกั ลอบเขา้ เมือง ซ่ึงส่งผลกระทบต่อการให้การรักษาพยาบาล ผูป้ ่ วยตามหลกั สิทธิมนุษยชนและกฎหมาย ระหว่าง ประเทศดา้ นสิทธิมนุษยชนท่ีมีประเทศต่าง ๆ เขา้ เป็ นรัฐภาคี หลกั การในการปฏิบตั ิต่อ ผูป้ ่ วยตาม หลกั สิทธิมนุษยชน ไดแ้ ก่ ปฏิญญาสากลว่าดว้ ย สิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่าง ประเทศดา้ น สิทธิมนุษยชนที่เก่ียวขอ้ งกบั สิทธิบุคคลท่ีจะไดร้ ับ การรักษาพยาบาลเม่ือยามเจบ็ ป่ วย โดยเท่าเทียม กนั โดยไม่มีการเลือกปฏิบตั ิ ไม่ว่าดา้ นเช้ือชาติ ภาษา สีผวิ เพศ ศาสนา และการเมือง เป็นตน้ สาหรับแนวทางการปฏิบตั ิต่อผูป้ ่ วยตามหลกั สิทธิ มนุษยชนตามกฎหมายระหวา่ งประเทศ ด้านสิทธิ มนุษยชนท่ีประเทศไทยได้ลงนามและให้สัตยาบัน น้ัน มุ่งเน้น 2 ประเด็นหลกั คือ กฎหมายท่ี เก่ียวขอ้ งกบั การปฏิบตั ิต่อผูป้ ่ วยตามหลกั สิทธิ มนุษยชน และพนั ธกรณีของประเทศไทย ตาม กฎหมายระหวา่ งประเทศวา่ ดว้ ยเรื่องสิทธิในการ เขา้ ถึงบริการสาธารณสุข กฎหมายที่เกี่ยวขอ้ ง กบั การปฏิบตั ิต่อผูป้ ่ วยตาม หลกั สิทธิมนุษยชน ปฏิญญาสากลว่าดว้ ยสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2491 ท่ี บรรดาประเทศสมาชิกองค์การสหประชาชาติ ไดร้ ่วมรับรองเมื่อ ค.ศ. 1948 ถือเป็ นมาตรฐานใน การปฏิบตั ิต่อกนั ของมวลมนุษยแ์ ละของนานาชาติ โดยถือเป็ นหลกั เกณฑ์สาคญั ในการปฏิบัติ เก่ียวกบั สิทธิมนุษยชนท่ีบรรดาประเทศต่าง ๆ ทว่ั โลก ยอมรับเป็นพ้ืนฐานในการด าเนินงานของ องค์การ สหประชาชาติและมีอิทธิพลสาคัญต่อการร่าง รัฐธรรมนูญของประเทศที่มีการร่าง รัฐธรรมนูญใน เวลาต่อมา ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน พ.ศ. 2491 แบ่งสิทธิออกเป็ น 2 ประเภท (กระทรวงการ ต่างประเทศ, 2551) คือ 1. สิทธิของพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซ่ึงรวมถึงสิทธิในชีวติ เสรีภาพ และความมนั่ คง ของ บุคคล อิสรภาพจากความเป็ นทาสและการถูก ทรมาน ความเสมอภาคในทางกฎหมาย การ ข

คุม้ ครองเม่ือถูกจบั กกั ขงั หรือเนรเทศ สิทธิที่จะ ไดร้ ับการพจิ ารณาคดีอยา่ งเป็นธรรม การมีส่วน ร่วม ทางการเมือง สิทธิในการสมรสและการต้งั ครอบครัว เสรีภาพข้นั พ้ืนฐานในทางความคิด มโน ธรรม และศาสนา การแสดงความคิดเห็นและ การแสดงออกเสรีภาพในชุมนุมและการเข้าร่วม สมาคมอยา่ งสันติสิทธิในการมีส่วนในรัฐบาลของ ประเทศตนโดยทางตรงหรือโดยการส่งผแู้ ทนที่ ไดร้ ับการเลือกต้งั อยา่ งเสรี 2. สิทธิทางเศรษฐกิจสังคมและวฒั นธรรม ซ่ึงครอบคลุมถึงสิทธิในการท างาน การไดร้ ับ ค่าตอบแทนโดยเท่าเทียมกนั สาหรับงานที่เท่ากนั สิทธิในการก่อต้งั และเขา้ ร่วมสหภาพแรงงาน สิทธิ ในมาตรฐานการครองชีพที่เหมาะสม สิทธิใน การศึกษา และสิทธิในการเขา้ ร่วมใชช้ ีวิตทาง วฒั นธรรมอยา่ งเสรี ค

สำรบญั หน้ำ เร่ือง ก คานา ข บทนา ค สารบญั 1 บทท่ี 1 บริบทโควดิ และประกนั สวสั ดิการในการรักษา 1-3 4-5 -ไวรัสโคโรนา หรือโควดิ -19 คืออะไร? 6-9 -ประกนั สวสั ดิการในการรักษา 10 -บริบทหรือหนา้ ท่ีของโรงพยาบาล 11 บทที่ 2 วเิ คราะหบ์ ริบทสิทธิในการรักษาพยาบาล มิติสวสั ดิการทางสังคม 12 13 -ผปู้ ่ วยในโรงพยาบาล ไดส้ วสั ดิการเท่ากนั ไหม? 14 -ทาไมตอ้ งมีการแบ่งแยกฐานะทางสังคม 15 -ทาไมการรักษาฉุกเฉินถึงตอ้ งรอการเช็คสิทธิในการรักษา 16 -สิทธิประกนั สังคมกบั สิทธิหลกั ประกนั สุขภาพ 17 -ขา้ ราชการมีสิทธิประกนั สังคม 18 -การใหบ้ ริการแก่ประชาชน 19 -สิทธิสวสั ดิการการรักษาพยาบาลของขา้ ราชการ -ผยู้ ากไร้มีสิทธิในการรักษาพยาบาลเท่ากบั ผูอ้ ื่นหรือไม่? -ช่องทางการตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาล ง

-การขอยา้ ยโรงพยาบาลของสิทธิขา้ ราชการ 20-22 บทท่ี 3 ตวั เเสดง 23 23 -รัฐบาล 23 -กระทรวงสาธารณสุข 24 -ประชาชน(ผปู้ ่ วย) 24 -บุคลากรทางการเเพทย์ 24-25 -หน่วยงานโรงพยาบาล 26-27 บทท่ี 4 ตวั แบบในการวเิ คราะหบ์ ริบทในมิติสังคม Elitism 28 บทท่ี 5 บทวเิ คราะห์ 29-30 31 วธิ ีการวเิ คราะห์ 32-33 บทที่ 6 สรุป 34-35 บรรณานุกรม 36-39 ภาคผนวกตาราง ภาคผนวกรูปภาพ 40 หนา้ ที่การทางาน จ

บทที่ 1 บริบทโควดิ และประกนั สวสั ดิการในการรักษา ไวรัสโคโรนา หรือโควดิ -19 คืออะไร? ไวรัสโคโรนา (Coronavirus) เป็นไวรัสท่ีถูกพบคร้ังแรกในปี 1960 แต่ยงั ไม่ทราบแหล่งที่มา อย่างชัดเจนว่ามาจากท่ีใด แต่เป็ นไวรัสที่สามารถติดเช้ือไดท้ ้งั ในมนุษยแ์ ละสัตว์ ปัจจุบนั มีการ คน้ พบไวรัสสายพนั ธุน์ ้ีแลว้ ท้งั หมด 6 สายพนั ธุ์ ส่วนสายพนั ธุท์ ี่กาลงั แพร่ระบาดหนกั ทว่ั โลกตอนน้ี เป็ นสายพนั ธุ์ที่ยงั ไม่เคยพบมาก่อน คือ สายพนั ธุ์ที่ 7 จึงถูกเรียกว่าเป็ น “ไวรัสโคโรนาสายพนั ธุ์ ใหม่” และในภายหลงั ถูกต้งั ชื่ออยา่ งเป็นทางการวา่ “โควดิ -19” (COVID-19) นนั่ เอง • โรคโควดิ 19 คือโรคติดต่อซ่ึงเกิดจากไวรัสโคโรนาชนิดที่มีการ คน้ พบล่าสุด • ไวรัสและโรคอุบตั ิใหม่น้ีไม่เป็นท่ีรู้จกั เลยก่อนที่จะมีการระบาดในเมืองอู่ฮน่ั ประเทศจีนใน เดือนธนั วาคมปี 2019 • ขณะน้ีโรคโควดิ 19 มีการระบาดใหญ่ไปทว่ั ส่งผลกระทบแก่หลาย ประเทศทวั่ โลก 1

อาการเมื่อติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพนั ธ์ุใหม่ หรือไวรัสโควดิ -19 อาการของไวรัสโควดิ -19 ที่สังเกตไดง้ ่าย ๆ ดว้ ยตวั เอง ดงั น้ี 1.มีไข้ 2.เจบ็ คอ 3.ไอแหง้ ๆ 4.น้ามูกไหล 5.หายใจเหนื่อยหอบ กล่มุ เส่ียงตดิ เชื้อไวรัสโคโรนาสายพนั ธ์ุใหม่ หรือโควดิ -19 1.เดก็ เลก็ (แต่อาจไม่พบอาการรุนแรงเท่าผสู้ ูงอาย)ุ 2.ผสู้ ูงอายุ 3.คนท่ีมีโรคประจาตวั อยแู่ ลว้ เช่นโรคหวั ใจ เบาหวาน โรคปอดเร้ือรัง 4.คนที่ภูมิคุม้ กนั ผดิ ปกติ หรือกินยากดภูมิตา้ นทานโรคอยู่ 5.คนท่ีมีน้าหนกั เกินมาตรฐานมาก (คนอว้ นมาก) 6.ผูท้ ี่เดินทางไปในประเทศเสี่ยงติดเช้ือ เช่น จีน เกาหลีใต้ ญ่ีป่ ุน ไตห้ วนั ฮ่องกง มาเก๊า สิงคโปร์ มาเลเซีย เวยี ดนาม อิตาลี อิหร่าน ฯลฯ 7.ผทู้ ี่ตอ้ งทางาน หรือรักษาผปู้ ่ วย ติดเช้ือไวรัสโคโรนาสายพนั ธุใ์ หม่ หรือโควดิ -19 อยา่ งใกลช้ ิด 2

8.ผูท้ ี่ทาอาชีพท่ีตอ้ งพบปะชาวต่างชาติจานวนมาก เช่น คนขบั แท็กซี่ เจา้ หน้าท่ีในโรงพยาบาล ลูกเรือสายการบินต่าง ๆ เป็นตน้ หากมอี าการโควดิ 19 ควรทาอย่างไร ? 1.หากมีอาการของโรคท่ีเกิดข้ึนตาม 5 ขอ้ ดงั กล่าว ควรพบแพทยเ์ พ่ือทาการตรวจอยา่ งละเอียด และ เม่ือแพทยซ์ ักถามควรตอบตามความเป็ นจริง ไม่ปิ ดบัง ไม่บิดเบือนข้อมูลใด ๆ เพราะจะเป็ น ประโยชนต์ ่อการวนิ ิจฉยั โรคอยา่ งถูกตอ้ งมากที่สุด 2.หากเพง่ิ เดินทางกลบั จากพ้ืนที่เสี่ยง ควรกกั ตวั เองอยแู่ ต่ในบา้ น ไม่ออกไปขา้ งนอกเป็นเวลา 14-27 วนั เพ่อื ใหผ้ า่ นช่วงเช้ือฟักตวั (ใหแ้ น่ใจจริง ๆ วา่ ไม่ติดเช้ือ) วธิ ปี ้องกนั การติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพนั ธ์ุใหม่ 1.หลีกเลี่ยงการใกลช้ ิดกบั ผปู้ ่ วยท่ีมีอาการไอ จาม น้ามูกไหล เหนื่อยหอบ เจบ็ คอ 2.หลีกเล่ียงการเดินทางไปในพ้ืนท่ีเสี่ยง 3.สวมหนา้ กากอนามยั ทุกคร้ังเม่ืออยใู่ นที่สาธารณะ 4.ระมดั ระวงั การสัมผสั พ้ืนผิวท่ีไม่สะอาด และอาจมีเช้ือโรคเกาะอยู่ รวมถึงสิ่งท่ีมีคนจบั บ่อยคร้ัง เช่น ที่จบั บน BTS, MRT, Airport Link ที่เปิ ด-ปิ ดประตูในรถ กลอนประตูต่าง ๆ ก๊อกน้า ราวบนั ได ฯลฯ เมื่อจบั แลว้ อย่าเอามือสัมผสั หน้า และขา้ วของเคร่ืองใช้ส่วนตวั ต่าง ๆ เช่น โทรศพั ท์มือถือ กระเป๋ า ฯลฯ 5.ลา้ งมือใหส้ ม่าเสมอดว้ ยสบู่ หรือแอลกอฮอลเ์ จลอยา่ งนอ้ ย 20 วนิ าที ความเขม้ ขน้ ของแอลกอฮอล์ ไม่ต่ากวา่ 70% (ไม่ผสมน้า) 3

6.งดจบั ตา จมูก ปากขณะท่ีไม่ไดล้ า้ งมือ 7.หลีกเล่ียงการใกลช้ ิด สมั ผสั สัตวต์ ่าง ๆ โดยที่ไม่มีการป้องกนั 8.รับประทานอาหารสุก สะอาด ไม่ทานอาหารท่ีทาจากสัตวห์ ายาก 9.สาหรับบุคลากรทางการแพทยห์ รือผทู้ ี่ตอ้ งดูแลผูป้ ่ วยท่ีติดเช้ือไวรัสโคโรนาสายพนั ธุ์ใหม่ หรือโค วิด-19 โดยตรง ควรใส่หนา้ กากอนามยั หรือใส่แว่นตานิรภยั เพื่อป้องกนั เช้ือในละอองฝอยจาก เสมหะหรือสารคดั หลง่ั เขา้ ตา ประกนั สวสั ดกิ ารในการรักษา เร่ืองของประกนั เป็นเรื่องท่ีสาคญั สาหรับทุกคน โดยเฉพาะเร่ืองประกนั สุขภาพไวเ้ บิกค่า รักษาพยาบาลยามเจ็บป่ วย แต่สาหรับหลายคนที่อยากจะมีประกนั สุขภาพ แต่ติดตรงปัญหาค่าเบ้ีย ประกนั ที่อาจจะมองวา่ จ่ายค่าเบ้ียประกนั ระยะยาวไม่ไหวจริงๆ ทางออกกค็ ือ เรายงั มีสวสั ดิการของ รัฐท่ีช่วยเหลือเร่ืองค่ารักษาพยาบาลของเราได้ ซ่ึงสวสั ดิการตรงน้ีมีช่ือเรียกวา่ \"หลกั ประกนั สุขภาพ แห่งชาติ\" หรือท่ีหลายๆคนรู้จกั ในนาม \"บตั รทอง\" นนั่ เอง (ซ่ึงแต่เดิมมนั กค็ ือโครงการ \"30 บาท รักษาทุกโรค\" นน่ั แหละ แต่ภายหลงั ปรับเปล่ียนใหม่ ไม่ตอ้ งจ่าย 30 บาทแลว้ สามารถรักษาฟรีได้ เลย ถา้ ค่ารักษาไม่เกินขอบเขตท่ีกาหนด) 1. สวสั ดิการหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติหน่ึงในสวสั ดิการรักษาพยาบาล ท่ีรัฐบาลจดั ใหแ้ ก่ ประชาชน ซ่ึงสวสั ดิการรักษาพยาบาลของรัฐมีท้งั สิ้น 5 กลุ่ม ดงั น้ี 1) สวัสดิการข้าราชการ = ใครที่รับราชการ มีสิทธ์ิเบิกค่ารักษาพยาบาลของรพ.รัฐได้ฟรี (กรมบญั ชีกลาง กระทรวงการคลงั เป็นผดู้ ูแล) 2) กองทุนประกนั สังคม = เป็นสวสั ดิการดา้ นประกนั ที่รัฐบาลใหส้ ิทธ์ิแก่ประชาชนในการจ่ายเงิน สมทบ (ร่วมกบั นายจา้ ง หรือรัฐบาล) เขา้ กองทุน (เรียกคนที่มีสิทธ์ิกลุ่มน้ีวา่ \"ผปู้ ระกนั ตน\") ซ่ึงเรามี สิทธ์ิเบิกค่ารักษาพยาบาล, กรณีทุพพลภาพ, เสียชีวิต หรือว่างงาน จากกองทุนประกนั สังคมน้ีได้ (กระทรวงแรงงานและสวสั ดิการสังคม เป็นผดู้ ูแล) 4

3) สวสั ดิการพนกั งานส่วนทอ้ งถิ่น = เป็ นสวสั ดิการเบิกค่ารักษารพ.รัฐหรือสถานพยาบาลทอ้ งถ่ิน ของขา้ ราชการหรือลูกจา้ งขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น (กระทรวงมหาดไท เป็นผดู้ ูแล) 4) สวสั ดิการของหน่วยงานรัฐอ่ืนๆ = เป็ นสวสั ดิการเบิกค่ารักษารพ.รัฐ ของหน่วยงานรัฐอ่ืนๆท่ี ไม่ใช่ขา้ ราชการ เช่น หน่วยงานรัฐวสิ าหกิจ (หน่วยงานน้นั ๆเป็นผดู้ ูแล) 5) หลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ = เป็นสวสั ดิการเบิกค่ารักษารพ.รัฐ หรือสถานพยาบาลใดๆท่ี ลงทะเบียนกบั ทางสิทธิค่ารักษาพยาบาลของคนไทย...มีอะไรบา้ ง? คนไทยไดร้ ับการคุม้ ครองสิทธิการรักษาพยาบาลจากรัฐบาล โดยสิทธิการรักษาพยาบาลมี 3 ระบบ ใหญ่ คือ 1. สิทธิสวสั ดิการการรักษาพยาบาลของขา้ ราชการ 2. สิทธิประกนั สังคม 3. สิทธิหลกั ประกนั สุขภาพ 30 บาท รัฐบาลให้การดูแลค่าใช้จ่ายแตกต่างกนั ดงั นี้ 1. สิทธิสวสั ดิการรักษาพยาบาลของขา้ ราชการ คุม้ ครองบริการรักษาพยาบาลใหก้ บั ขา้ ราชการและบุคคลในครอบครัว ไดแ้ ก่ บิดา มารดา คู่สมรส และบุตรท่ีถูกตอ้ งตามกฎหมาย เมื่อ เจบ็ ป่ วยสามารถเขา้ รับบริการรักษาพยาบาลไดท้ ่ีโรงพยาบาลของรัฐ โดยมีกรมบญั ชีกลาง กระทรวงการคลงั ทาหนา้ ที่ดูแลระบบออกกฎระเบียบ 2. สิทธิประกนั สังคม คุม้ ครองบริการรักษาพยาบาลใหก้ บั ผปู้ ระกนั ตนตามสิทธิ สามารถ เขา้ รับบริการรักษาพยาบาลไดท้ ่ีโรงพยาบาลที่เลือกลงทะเบียน โดยสานกั งานประกนั สังคม กระทรวงแรงงานและสวสั ดิการสังคม ทาหนา้ ท่ีดูแลระบบการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล 3. สิทธิหลกั ประกนั สุขภาพ 30 บาท คุม้ ครองบุคคลที่เป็นคนไทยมีเลขประจาตวั ประชาชน 13 หลกั ท่ีไม่ไดร้ ับสิทธิสวสั ดิการขา้ ราชการ หรือ สิทธิประกนั สังคม หรือสิทธิ 5

สวสั ดิการรัฐวสิ าหกิจ หรือสิทธิอื่น ๆ จากรัฐ เพ่ือใหไ้ ดร้ ับบริการสาธารณสุข ท้งั การสร้างเสริม สุขภาพ การป้องกนั โรค การตรวจวนิ ิจฉยั การรักษาพยาบาล และการฟ้ื นฟูสมรรถภาพที่จาเป็นต่อ สุขภาพและการดารงชีวติ ตาม พ.ร.บ.หลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 โดยมีสานกั งาน หลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทาหนา้ ท่ีบริหารจดั การระบบ เพ่อื การเขา้ ถึงบริการ สาธารณสุขที่มีมาตรฐานอยา่ งทวั่ ถึง ตามท่ีคณะกรรมการหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติกาหนด (รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน) ปัจจุบนั มีผใู้ ชส้ ิทธิหลกั ประกนั สุขภาพจานวน กวา่ 48 ลา้ นคน บริบทหรือหน้าทขี่ องโรงพยาบาล เพอื่ ใหผ้ ปู้ ่ วยไดร้ ับประโยชนส์ ูงสุดจากกระบวนการ และตระหนกั ถึงความสาคญั ของการ ใหค้ วามร่วมมือกบั ผปู้ ระกอบวชิ าชีพดา้ นสุขภาพ แพทยส์ ภา สภาการพยาบาล สภาเภสัชกรรม ทนั ตแพทยส์ ภา สภากายภาพบาบดั สภาเทคนิคการแพทย์ และคณะกรรมการการประกอบโรค ศิลปะ จึงไดร้ ่วมกนั ออกประกาศรับรองสิทธิและขอ้ พึงปฏิบตั ิของผปู้ ่ วย ประกาศ ณ วนั ที่ 12 เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2558 ไวด้ งั ต่อไปน้ี 1. ผปู้ ่ วยทุกคนมีสิทธิข้นั พ้นื ฐานท่ีจะไดร้ ับการรักษาพยาบาลและการดูแลดา้ นสุขภาพตาม มาตรฐานวชิ าชีพจากผปู้ ระกอบวชิ าชีพดา้ นสุขภาพโดยไม่มีการเลือกปฏิบตั ิตามที่บญั ญตั ิไวใ้ น รัฐธรรมนูญ 2. ผปู้ ่ วยที่ขอรับการรักษาพยาบาลมีสิทธิไดร้ ับทราบขอ้ มูลที่เป็นจริงและเพียงพอเก่ียวกบั การ เจบ็ ป่ วย การตรวจ การรักษา ผลดีและผลเสียจากการตรวจ การรักษาจากผปู้ ระกอบวชิ าชีพดา้ น สุขภาพ ดว้ ยภาษาที่ผปู้ ่ วยสามารถเขา้ ใจไดง้ ่าย เพอื่ ใหผ้ ปู้ ่ วยสามารถเลือกตดั สินใจในการยนิ ยอม หรือไม่ยนิ ยอมใหผ้ ปู้ ระกอบวชิ าชีพดา้ นสุขภาพปฏิบตั ิต่อตน เวน้ แต่ในกรณีฉุกเฉินอนั จาเป็น เร่งด่วนและเป็นอนั ตรายต่อชีวติ 6

3. ผปู้ ่ วยท่ีอยใู่ นภาวะเส่ียงอนั ตรายถึงชีวติ มีสิทธิไดร้ ับการช่วยเหลือรีบด่วนจากผปู้ ระกอบวชิ าชีพ ดา้ นสุขภาพโดยทนั ทีตามความจาเป็นแก่กรณี โดยไม่ตอ้ งคานึงวา่ ผปู้ ่ วยจะร้องขอความช่วยเหลือ หรือไม่ 4. ผปู้ ่ วยมีสิทธิไดร้ ับทราบชื่อ สกลุ และวชิ าชีพของผใู้ หก้ ารรักษาพยาบาลแก่ตน 5.. ผปู้ ่ วยมีสิทธิขอความเห็นจากผปู้ ระกอบวชิ าชีพดา้ นสุขภาพอ่ืนที่มิไดเ้ ป็นผใู้ หก้ ารรักษาพยาบาล แก่ตน และมีสิทธิในการขอเปลี่ยนผปู้ ระกอบวชิ าชีพดา้ นสุขภาพหรือเปล่ียนสถานพยาบาลได้ ท้งั น้ี เป็นไปตามหลกั เกณฑข์ องสิทธิการรักษาของผปู้ ่ วยท่ีมีอยู่ 6.. ผปู้ ่ วยมีสิทธิไดร้ ับการปกปิ ดขอ้ มูลของตนเอง เวน้ แต่ผปู้ ่ วยจะใหค้ วามยนิ ยอมหรือเป็นการ ปฏิบตั ิตามหนา้ ที่ของผปู้ ระกอบวชิ าชีพดา้ นสุขภาพ เพอ่ื ประโยชนโ์ ดยตรงของผปู้ ่ วยหรือตาม กฎหมาย 7. ผปู้ ่ วยมีสิทธิไดร้ ับทราบขอ้ มูลอยา่ งครบถว้ นในการตดั สินใจเขา้ ร่วมหรือถอนตวั จากการเป็น ผเู้ ขา้ ร่วมหรือผถู้ ูกทดลองในการทาวจิ ยั ของผปู้ ระกอบวชิ าชีพดา้ นสุขภาพ 8. ผปู้ ่ วยมีสิทธิไดร้ ับทราบขอ้ มูลเก่ียวกบั การรักษาพยาบาลเฉพาะของตนท่ีปรากฏในเวชระเบียน เม่ือร้องขอตามข้นั ตอนของสถานพยาบาลน้นั ท้งั น้ีขอ้ มูลดงั กล่าวตอ้ งไม่เป็นการละเมิดสิทธิหรือ ขอ้ มูลข่าวสารส่วนบุคคลของผอู้ ่ืน 9. บิดา มารดา หรือผแู้ ทนโดยชอบธรรม อาจใชส้ ิทธิแทนผูป้ ่ วยที่เป็นเดก็ อายยุ งั ไม่เกินสิบแปดปี บริบูรณ์ ผบู้ กพร่องทางกายหรือจิต ซ่ึงไม่สามารถใชส้ ิทธิดว้ ยตนเองได้ * ข้อพงึ ปฏบิ ตั ขิ องผู้ป่ วย * 1. สอบถามเพ่ือทาความเขา้ ใจขอ้ มูลและความเสี่ยงที่อาจเกิดข้ึนก่อนลงนาม ให้ความยินยอม หรือไม่ยนิ ยอมรับการตรวจวนิ ิจฉยั หรือการรักษาพยาบาล 7

2. ให้ขอ้ มูลดา้ นสุขภาพและขอ้ เทจ็ จริงต่างๆ ทางการแพทยท์ ่ีเป็นจริงและ ครบถว้ นแก่ผูป้ ระกอบ วชิ าชีพดา้ นสุขภาพในกระบวนการรักษาพยาบาล 3. ให้ความร่วมมือและปฏิบตั ิตวั ตามคาแนะนาของผูป้ ระกอบวิชาชีพด้าน สุขภาพเก่ียวกบั การ รักษาพยาบาล ในกรณีท่ีไม่สามารถปฏิบตั ิตามไดใ้ หแ้ จง้ ผปู้ ระกอบวชิ าชีพดา้ นสุขภาพทราบ 4. ใหค้ วามร่วมมือและปฏิบตั ิตามระเบียบขอ้ บงั คบั ของสถานพยาบาล 5. ปฏิบตั ิต่อผูป้ ระกอบวิชาชีพ ผูป้ ่ วยรายอ่ืนรวมท้งั ผูท้ ่ีมาเยีย่ มเยยี น ดว้ ยความสุภาพใหเ้ กียรติและ ไม่กระทาสิ่งท่ีรบกวนผอู้ ื่น 6. แจง้ สิทธิการรักษาพยาบาลพร้อมหลกั ฐานที่ตนมีให้เจา้ หน้าที่ของสถาน พยาบาลท่ีเก่ียวข้อง ทราบ 7. ผปู้ ่ วยพงึ รับทราบขอ้ เทจ็ จริงทางการแพทย์ ดงั ต่อไปน้ี 7.1 ผูป้ ระกอบวิชาชีพดา้ นสุขภาพที่ไดป้ ฏิบตั ิหนา้ ที่ตามมาตรฐานและ จริยธรรม ยอ่ มไดร้ ับความ คุม้ ครองตามที่กฎหมายกา หนดและมีสิทธิไดร้ ับความคุม้ ครองจากการถูกกล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม 7.2 การแพทยใ์ นท่ีน้ีหมายถึง การแพทยแ์ ผนปัจจุบนั ซ่ึงไดร้ ับการพิสูจนท์ างวิทยาศาสตร์ โดยองค์ ความรู้ในขณะน้นั วา่ มีประโยชนม์ ากกวา่ โทษสาหรับผปู้ ่ วย 7.3 การแพทยไ์ ม่สามารถใหก้ ารวนิ ิจฉยั ป้องกนั หรือรักษาใหห้ ายไดท้ ุกโรคหรือทุกสภาวะ 7.4 การรักษาพยาบาลทุกชนิดมีความเส่ียงท่ีจะเกิดผลอนั ไม่พึงประสงคไ์ ด้ นอกจากน้ีเหตุสุดวสิ ัย อาจเกิดข้ึนไดแ้ มผ้ ูป้ ระกอบวิชาชีพดา้ นสุขภาพจะใชค้ วามระมดั ระวงั อยา่ งเพียงพอตามภาวะวิสัย และพฤติการณ์ในการรักษาพยาบาลน้นั ๆ แลว้ 7.5 การตรวจเพ่ือการคดั กรอง วินิจฉัย และติดตามการรักษาโรค อาจให้ผลที่คลาดเคล่ือนไดด้ ว้ ย ขอ้ จากดั ของเทคโนโลยีท่ีใช้และปัจจยั แวดลอ้ มอ่ืนๆ ที่ไม่สามารถควบคุมไดต้ ามมาตรฐานการ ปฏิบตั ิงาน 8

7.6 ผปู้ ระกอบวชิ าชีพดา้ นสุขภาพมีสิทธิใชด้ ุลพินิจในการเลือกกระบวนการรักษาพยาบาลตามหลกั วิชาการทางการแพทยต์ ามความสามารถและขอ้ จากดั ตามภาวะวิสัยและพฤติการณ์ที่มีอย่รู วมท้งั การปรึกษาหรือส่งต่อโดยคานึงถึงสิทธิและประโยชนโ์ ดยรวมของผปู้ ่ วย 7.7 เพ่ือประโยชน์ต่อตวั ผูป้ ่ วยผูป้ ระกอบวิชาชีพดา้ นสุขภาพอาจให้ คาแนะนา หรือส่งต่อผปู้ ่ วยให้ ไดร้ ับการรักษาตามความเหมาะสม ท้งั น้ีผปู้ ่ วยตอ้ งไม่อยใู่ นสภาวะฉุกเฉินอนั จาเป็นเร่งด่วนและเป็น อนั ตรายต่อชีวติ 7.8 การปกปิ ดขอ้ มูลดา้ นสุขภาพ และขอ้ เทจ็ จริงต่างๆ ทางการแพทยข์ องผปู้ ่ วยต่อผปู้ ระกอบวชิ าชีพ ดา้ นสุขภาพอาจส่งผลเสียต่อกระบวนการรักษาพยาบาล 7.9 ห้องฉุกเฉินของสถานพยาบาล ใชส้ าหรับผูป้ ่ วยฉุกเฉินอนั จาเป็ นเร่งด่วนและเป็ นอนั ตรายต่อ ชีวติ รัฐ ของประชาชนคนไทยทุกคนที่ไม่อยใู่ นกลุ่มท่ีมีสิทธ์ิเบิก 4 กลุ่มดงั กล่าวขา้ งตน้ มาตรการทางสาธารณสุข 5: 1/1 การกกั กนั คือ การจากดั กิจกรรมต่างๆ หรือการแยกผูท้ ่ี ไม่ ป่ วย แต่ อาจมีประวตั ิสัมผสั ใกลช้ ิดกบั ผูป้ ่ วยโควิด19 จุดประสงคค์ ือเพ่ือ ป้องกนั การแพร่ระบาด ของโรคในห้วงเวลาที่คนเริ่มมีอาการ การแยกกกั หมายถึง การแยกผูป้ ่ วยท่ีมีอาการของโรคโควดิ 19 และ อาจแพร่เช่ือไดจ้ ึงทาเพื่อป้องการป้องกนั การแพร่ระบาดของโรค การเวน้ ระยะ คือ การอยู่ ห่างกนั และกัน องค์การอนามัยโลกแนะนาให้ เวน้ ระยะอย่างน้อย 1 เมตรจากผูอ้ ่ืนส่วนน้ีเป็ น มาตรการทว่ั ไปที่ทุกคน ควรทาถึงแมว้ ่าจะแขง็ แรงดี การติดตามผูส้ ัมผสั โรค ทาเพ่ือระบุหาคนท่ี อาจมีประวตั ิสมั ผสั โรค เพ่ือท่ีจะแยกกกั ออกไปโดยเร็ว 9

บทที่ 2 วเิ คราะห์บริบทสิทธิในการรักษาพยาบาล มติ ิสวสั ดิการทางสังคม 1.ผู้ป่ วยในโรงพยาบาล แต่ละโรงพยาบาล ได้สวสั ดกิ ารในการรักษาพยาบาลเท่ากนั ไหม? เรื่องของประกนั เป็นเร่ืองที่สาคญั สาหรับทุกคน โดยเฉพาะเร่ืองประกนั สุขภาพไวเ้ บิกค่า รักษาพยาบาลยามเจบ็ ป่ วย แต่สาหรับหลายคนที่อยากจะมีประกนั สุขภาพ แต่ติดตรงปัญหาค่าเบ้ีย ประกนั ที่อาจจะมองวา่ จ่ายค่าเบ้ียประกนั ระยะยาวไม่ไหวจริงๆ ทางออกกค็ ือ เรายงั มีสวสั ดิการของ รัฐท่ีช่วยเหลือเร่ืองค่ารักษาพยาบาลของเราได้ ซ่ึงสวสั ดิการตรงน้ีมีชื่อเรียกวา่ \"หลกั ประกนั สุขภาพ แห่งชาติ\" หรือท่ีหลายๆคนรู้จกั ในนาม \"บตั รทอง\" นนั่ เอง (ซ่ึงแต่เดิมมนั กค็ ือโครงการ \"30 บาท รักษาทุกโรค\" นน่ั แหละ แต่ภายหลงั ปรับเปล่ียนใหม่ ไม่ตอ้ งจ่าย 30 บาทแลว้ สามารถรักษาฟรีได้ เลย ถา้ ค่ารักษาไม่เกินขอบเขตท่ีกาหนด) ดงั น้นั จึงขอมาสรุปสิทธ์ิและเง่ือนไขคร่าวๆของสวสั ดิการ น้ีใหท้ ุกคนไดร้ ับทราบกนั เพื่อเป็ นการรักษาสิทธ์ิในฐานะท่ีเราเป็ นพลเมืองคนหน่ึงของประเทศ ไทยกนั 1.1 สวสั ดกิ ารหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติคืออะไร? คือ หน่ึงในสวสั ดิการรักษาพยาบาล ที่รัฐบาลจดั ใหแ้ ก่ประชาชน ซ่ึงสวสั ดิการรักษาพยาบาลของรัฐ มีท้งั สิ้น 5 กลุ่ม ดงั น้ี 1) สวัสดิการข้าราชการ = ใครที่รับราชการ มีสิทธ์ิเบิกค่ารักษาพยาบาลของรพ.รัฐได้ฟรี (กรมบญั ชีกลาง กระทรวงการคลงั เป็นผดู้ ูแล) 2) กองทุนประกนั สังคม = เป็นสวสั ดิการดา้ นประกนั ที่รัฐบาลใหส้ ิทธ์ิแก่ประชาชนในการจ่ายเงิน สมทบ (ร่วมกบั นายจา้ ง หรือรัฐบาล) เขา้ กองทุน (เรียกคนท่ีมีสิทธ์ิกลุ่มน้ีวา่ \"ผปู้ ระกนั ตน\") ซ่ึงเรามี สิทธ์ิเบิกค่ารักษาพยาบาล, กรณีทุพพลภาพ, เสียชีวิต หรือว่างงาน จากกองทุนประกนั สังคมน้ีได้ (กระทรวงแรงงานและสวสั ดิการสังคม เป็นผดู้ ูแล) 10

3) สวสั ดิการพนกั งานส่วนทอ้ งถ่ิน = เป็ นสวสั ดิการเบิกค่ารักษารพ.รัฐหรือสถานพยาบาลทอ้ งถ่ิน ของขา้ ราชการหรือลูกจา้ งขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่ิน (กระทรวงมหาดไท เป็นผดู้ ูแล) 4) สวสั ดิการของหน่วยงานรัฐอื่นๆ = เป็ นสวสั ดิการเบิกค่ารักษารพ.รัฐ ของหน่วยงานรัฐอ่ืนๆที่ ไม่ใช่ขา้ ราชการ เช่น หน่วยงานรัฐวสิ าหกิจ (หน่วยงานน้นั ๆเป็นผดู้ ูแล) 5) หลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ = เป็ นสวสั ดิการเบิกค่ารักษารพ.รัฐ หรือสถานพยาบาลใดๆที่ ลงทะเบียนกบั ทางรัฐ ของประชาชนคนไทยทุกคนที่**ไม่อยู่ในกลุ่มท่ีมีสิทธ์ิเบิก 4 กลุ่มดงั กล่าว ขา้ งตน้ ** (สานกั งานหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เป็นผดู้ ูแล) อา้ งอิง : https://med.mahidol.ac.th/health_service/th/km/09feb2018-0826 2.ทาไมต้องมกี ารแบ่งแยกฐานะทางสังคมในการรักษาท้งั ทค่ี วรมสี ิทธ์เิ ข้าถึงกนั ทกุ คน? อยา่ งไรกต็ าม ในปัจจุบนั ความหมายของความยากจนยงั ไดร้ ับการพจิ ารณาครอบคลุมไปถึง มิติอ่ืนท่ีมิใช่ตัวเงินอีกด้วย กล่าวคือการขาดแคลนท่ีอยูอาศยั ขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการ สาธารณสุข ขาดโอกาสด้านการศึกษา ไม่มีงานทาการไร้ซ่ึงอานาจต่อรอง ตลอดจนการตกอยู่ใน ความเสี่ยงและความหวาดกลวั ความเหลื่อมล้าดา้ นสาธารณสุขในท่ีน้ี จะขอหยบิ ยกมาแสดงเพยี ง 3 สถานการณ์ใหญ่ๆ สถานการณ์ท่ี 1. บุคลากรโรงพยาบาลรัฐแบกภาระหนกั มาก คุณภาพบริการมีความเหลื่อมล้า นบั ต้งั แต่มีระบบหลกั ประกนั สุขภาพถว้ นหนา้ คนไทยสามารถเขา้ ถึงบริการรักษาพยาบาล ไดด้ ีข้ึน ทุกวนั น้ีมีคนไทยเจ็บป่ วยไปโรงพยาบาลกนั มากข้ึน ปี 2556 คนไทยป่ วยเขา้ โรงพยาบาล แบบคนไขน้ อก 155 ลา้ นคร้ัง โดยต่อมาในปี 2560 คนไขน้ อกเพิ่มเป็ น 300 ลา้ นคร้ัง นอกจากน้นั จานวนวนั ที่นอนโรงพยาบาลของผปู้ ่ วยแบบคนไขใ้ นกเ็ พ่ิมจาก 120 ลา้ นวนั /ปี เป็น 290 ลา้ นวนั /ปี ปริมาณคนไขด้ งั กล่าว ส่วนใหญ่จะมารักษากนั ท่ีโรงพยาบาลของรัฐ โดยเฉพาะโรงพยาบาลใน สังกดั ของกระทรวงสาธารณสุขซ่ึงมีจานวนมากและกระจายทวั่ ถึงท่ีสุด จากขอ้ มูลเฉพาะส่วนของ กระทรวงสาธารณสุข ณ วนั ท่ี 31 กรกฎาคม 2561 ศูนยเ์ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 11

กระทรวงสาธารณสุข ระบุวา่ ในปี งบประมาณ 2561 มีผปู้ ่ วยนอกจานวน 71.83 ลา้ นคน ตรวจรักษา 247.34 ลา้ นคร้ัง (เฉล่ีย 3.44 คร้ัง/คน) สภาพคนไขจ้ ึงลน้ โรงพยาบาลรัฐ เม่ือปริมาณคนไขพ้ ุ่งทะยานเช่นน้ี โรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข 896 แห่ง จึงเป็น ส่วนท่ีรับภาระหนกั ที่สุด สภาพคนไขท้ ่ีลน้ โรงพยาบาลรัฐ ทาใหบ้ ุคลากรไม่สามารถดูแลคุณภาพ บริการไดเ้ ท่าที่ควร ในขณะที่มาตรการเพ่ิมอตั รากาลงั ในระบบราชการก็ไม่สามารถทาไดท้ นั ท้งั การผลิต การบรรจุเขา้ ทางานและการรักษากาลงั คนเอาไวล้ ว้ นมีปัญหาขอ้ จากดั สภาพความเหน่ือยลา้ ส่งผลต่อคุณภาพบริการที่ถดถอยลงไปตามปริมาณงาน ประชาชนนอกจาก ตอ้ งรอคิวนานแลว้ แพทยพ์ ยาบาลกไ็ ม่มีเวลาเอาใจใส่ ความไม่พึงพอใจจึงตามมา สถานการณ์เช่นน้ี ดา้ นหน่ึงเป็ นความเหลื่อมล้าทางภาระงานระหว่างบุคลากรต่างหน่วยงาน อีกดา้ นหน่ึงเป็ นความเหล่ือมล้า ทางคุณภาพบริการท่ีประชาชนไดร้ ับ สถานการณ์ท่ี 2. โรงพยาบาลเอกชนสะดวกกวา่ แต่คา่ รักษาแพงมากควบคุมราคาไม่ได้ สาหรับประชาชนส่วนหน่ึงที่พอมีกาลงั จ่าย เมื่ออดทนรอคิวรับการรักษาในโรงพยาบาลรัฐไม่ไหวจึงพา กนั ไปรักษากบั โรงพยาบาลเอกชน ซ่ึงก็ไปพบกบั อีกปัญหาหน่ึงคือค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลเอกชนท่ี แพงมาก ส่วนหน่ึงเป็นเพราะภาคเอกชนเขาตอ้ งลงทุนสร้างโรงพยาบาล เป็นการประกอบกิจการดว้ ยเงินส่วนตวั ในระบบการคา้ เสรี ย่อมมีความเสี่ยงและมุ่งหวงั ผลกาไรในเชิงธุรกิจ ดว้ ยสถานการณ์ปัญหาปริมาณผูป้ ่ วยที่ เพ่มิ ข้ึนอยา่ งมากมายและเกิดช่องวา่ งในดา้ นการบริการของรัฐ ปัจจุบนั โรงพยาบาลเอกชนจึงเจริญเติบโตกนั มาก โดยมักกระจุกตัวกันอยู่ตามเมืองใหญ่ มีเครือโรงพยาบาลเอกชนเกิดข้ึนท้ังในระดับชาติและข้ามชาติ นอกจากน้นั ยงั มีปัญหาการชิงแยง่ ทรัพยากรบุคคลไปจากภาครัฐ โดยเฉพาะหมอพยาบาล ซ่ึงเม่ือบุคลากรส่วน หน่ึงสมองไหลไปอยกู่ บั โรงพยาบาลเอกชน บุคลากรส่วนที่เหลืออยใู่ นระบบราชการก็ตอ้ งแบกภาระงานเพ่ิมข้ึน ไปอีก ยงิ่ ซ้าเติมต่อคุณภาพบริการเป็นเสมือนงูกินหาง ศูนยเ์ วชศาสตร์ชุมชน โรงพยาบาลรามาธิบดี ไดเ้ ผยแพร่งานวิจยั ประเด็นค่ารักษา รพ.เอกชน จากกรณี การใหบ้ ริการผูป้ ่ วยฉุกเฉินวกิ ฤติ พบวา่ รพ.เอกชนจานวนไม่นอ้ ยเรียกเก็บคา่ บริการแพงจริง ซ่ึงเม่ือเปรียบเทียบ รายการยากับรพ.ศูนย์สังกัดสานักปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีราคาแตกต่างกันต้ังแต่ 60-400 เท่า นอกจากน้ี รพ.เอกชนยงั มีการตรวจวินิจฉยั เกินความจาเป็ น สังคมต้งั ขอ้ สังเกตวา่ ทาไมรัฐไม่เขา้ มาแทรกแซง 12

ดูแลค่ารักษาโรงพยาบาลเอกชน ปล่อยปละละเลยธุรกิจทางการแพทยใ์ ห้เปิ ดอยา่ งเสรี โดยโรงพยาบาลเอกชน สามารถเขา้ ตลาดหลกั ทรัพย์ จึงตอ้ งทากาไรใหม้ าก อยา่ งไรก็ตาม เม่ือกลุ่มผบู้ ริโภคพากนั เรียกร้องใหร้ ัฐบาลเขา้ มาช่วยแกไ้ ขปัญหา ควบคุมราคาโรงพยาบาลเอกชน ในที่สุดกรมการคา้ ภายใน กระทรวงพาณิชย์ จึงไดเ้ ขา้ มาดูแลโดยออกเป็ นมาตรการให้โรงพยาบาลเอกชนทุก โรงตอ้ งเปิ ดเผย แจกแจงโครงสร้างราคาค่าบริการ แต่ก็ยงั ไม่รู้วา่ วธิ ีน้ีจะไดผ้ ลแค่ไหน สถานการณ์ที่ 3. แพทยก์ ระจุกตวั ในเมืองใหญ่ ปัญหาความเหล่ือมล้าระหว่างภูมิภาคปี 2560 ประเทศ ไทยมีแพทยท์ ้งั หมด 35,388 คน (ท้งั สังกดั รัฐและเอกชน) เมื่อเทียบกบั จานวนประชากร 66 ลา้ นคน สัดส่วน แพทยต์ ่อประชากรในภาพรวมจะเท่ากบั 1 ต่อ 1,843 คน แต่ในความเป็ นจริงแลว้ จานวนแพทยต์ ่อประชากร ไม่ได้กระจายอย่างเท่ากันทุกพ้ืนที่ยกตวั อย่างเช่น จ.บึงกาฬ มีแพทย์ท้งั หมด 84 คน ในขณะที่มีประชากร ประมาณ 420,000 คน สัดส่วนแพทยต์ ่อประชากรเป็ น 1 ต่อ 5,021 คน สูงท่ีสุดเป็ นอนั ดบั หน่ึงของประเทศ รองลงมาคือ จ.หนองบวั ลาภู 1 ต่อ 4,864 คน และ จ.นครพนม มีสัดส่วน 1 ต่อ 4,804 คน ซ่ึงภาพรวมท้งั ภาค อีสานทุกจงั หวดั ลว้ นมีแพทยจ์ านวนนอ้ ยเม่ือเทียบกบั ขนาดประชากรในขณะท่ีกรุงเทพมหานครมีแพทย์ 8,865 คน คิดเป็นสดั ส่วน 1 ตอ่ 630 คน หรือในจงั หวดั หวั เมืองต่างๆก็เช่นกนั เนื่องจากเป็นที่ต้งั ของโรงพยาบาลขนาด ใหญ่และโรงพยาบาลเอกชน ทาใหใ้ นความเป็ นจริงแลว้ แพทยใ์ นจงั หวดั เหล่าน้นั ก็ตอ้ งดูแลผปู้ ่ วยท่ีเดินทางหรือ ถูกส่งตวั มาจากจงั หวดั รอบๆ ดว้ ย อา้ งอิง : https://infocenter.nationalhealth.or.th/node/27630 3.ทาไมการรักษาฉุกเฉินถึงต้องรอการเช็คสิทธิในการรักษาพยาบาลท้งั ๆทผ่ี ู้ป่ วยต้องได้รับการรักษาฉุกเฉิน นิยามผ้ปู ่ วยฉุกเฉิน? ผปู้ ่ วยฉุกเฉินวิกฤต (สีแดง) ไดแ้ ก่ บุคคลซ่ึงไดร้ ับบาดเจบ็ หรือมีอาการป่ วยกะทนั หนั ซ่ึงมีภาวะคุกคาม ต่อชีวิต ซ่ึงหากไม่ไดร้ ับปฏิบตั ิการแพทยท์ นั ทีเพื่อแกไ้ ขระบบการหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด หรือระบบ ประสาทแลว้ ผปู้ ่ วยจะมีโอกาสเสียชีวติ ไดส้ ูง หรือทาใหก้ ารบาดเจบ็ หรืออาการป่ วยของผปู้ ่ วยฉุกเฉินน้นั รุนแรง ข้ึนหรือเกิดภาวะแทรกซอ้ นข้ึนไดอ้ ยา่ งฉบั ไวผปู้ ่ วยฉุกเฉินเร่งด่วน (สีเหลือง) ไดแ้ ก่ บุคคลท่ีไดร้ ับบาดเจบ็ หรือมี อาการป่ วยซ่ึงมีภาวะเฉียบพลนั มาก หรือเจ็บปวดรุนแรง อนั อาจจาเป็ นตอ้ งไดร้ ับปฏิบตั ิการแพทยอ์ ยา่ งรีบด่วน มิฉะน้นั จะทาให้การบาดเจ็บหรืออาการป่ วย ของผูป้ ่ วยฉุกเฉินน้นั รุนแรงข้ึนหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนข้ึน ซ่ึง ส่งผลใหเ้ สียชีวติ หรือพกิ ารในระยะต่อมาได้ 13

ผปู้ ่ วยฉุกเฉินไม่รุนแรง (สีเขียว) ไดแ้ ก่ บุคคลซ่ึงไดร้ ับบาดเจบ็ หรือมีอาการป่ วยซ่ึงมีภาวะเฉียบพลนั ไม่ รุนแรง อาจรอรับปฏิบตั ิการแพทยไ์ ดใ้ นช่วงระยะเวลาหน่ึงหรือเดินทางไปรับบริการสาธารณสุขดว้ ยตนเองได้ แต่จา เป็ น ตอ้ งใชท้ รัพยากรและหากปล่อยไวเ้ กินเวลาอนั สมควรแลว้ จะทา ให้การบาดเจ็บหรืออาการป่ วยของ ผปู้ ่ วยฉุกเฉินน้นั รุนแรงข้ึนหรือเกิดภาวะแทรกซอ้ นข้ึนได้ หากเป็นการเขา้ รับการรักษาโรงพยาบาลนอกสิทธ์ิที่ตนสังกดั อยแู่ ลว้ ไม่ใช่ฉุกเฉินวกิ ฤติ แพทยต์ อ้ งแจง้ ใหผ้ ปู้ ่ วย ทราบ หากผปู้ ่ วยตดั สินใจท่ีจะรับบริการที่โรงพยาบาลนอกสิทธ์ิ แต่ละกองทุนจะจ่ายใหเ้ พยี งส่วนหน่ึงเท่าน้นั ไม่ ครอบคลุมท้งั หมด หลกั เกณฑข์ ้ึนอยูก่ บั แต่ละกองทุนกาหนด ส่วนที่เหลือผปู้ ่ วยจะตอ้ งแบกรับภาระค่าใชจ้ ่ายท่ี เกิดข้ึนเอง อยา่ งเช่น สวสั ดิการขา้ ราชการจ่ายใหค้ ร่ึงหน่ึงแต่ไมเ่ กิน 8,000 บาท เป็นตน้ https://www.thaihealth.or.th/Content/45799- 4.สิทธิประกนั สังคมกบั สิทธิหลกั ประกนั สุขภาพ 30 บาท การบริการแตกต่างกนั อย่างไร? ประกนั สังคม จาเป็ นตอ้ งส่งเงินสมทบเขา้ กองทุนทุกเดือน แต่มีสวสั ดิการเพ่ิมจากบตั ร 30 บาท เช่น กรณีเสียชีวิต ชราภาพ เกษียณ รวมถึงชดเชยรายได้ สิทธิประกนั สุขภาพ 30 บาท จะไม่มีค่าใชจ้ ่ายและได้ รับ สิทธิรักษาฟรี อตั โนมตั ิโดยทนั ที มีการ รักษาครอบคลุม แต่รอคิวนานมาก การ บริการไม่ค่อยดี เพราะบุคลากร มีจากดั อาจ ดูแลไดไ้ ม่ทว่ั ถึง ไมม่ ีวนั หมดอายแุ ละไม่ จาเป็นตอ้ งส่งเงินเขา้ สมทบกองทุน -ผู้ยากไร้มสี ิทธิในการรักษาพยาบาลเท่าเทยี มกนั กบั คนอื่นหรือไม่? :สิทธิในการรักษาคนยากไร้จะเท่าเทียมกบั คนทวั่ ไปเพราะเพราะคนไทยเกิดมามีสูติบตั รเรากจ็ ะมีสิทธิในการ รักษา เพราะหลกั ประกนั สุขภาพทาใหค้ นไทยทุกคนมีสิทธ์ิรักษาเท่าเทียมกนั จะคนยากคนจนก็สามารถรักษาได้ เหมือนกนั และมีกฎหมายรองรับเกี่ยวกบั สิทธิน้ี -การย้ายโรงพยาบาลของสิทธิข้าราชการและสิทธิประกนั สุขภาพ30บาท แตกต่างกนั อย่างไร ตอบ สามารถแจง้ ยา้ ยสิทธ์ิได้ 3 ช่องทาง หากเป็น ผปู้ ระกนั ตนมาตรา 33 ตอ้ งแจง้ ฝ่ ายบุคคลท่ี บริษทั เปลี่ยนให้ ส่วนผปู้ ระกนั ตนมาตรา 39 และ 40 เปลี่ยนไดเ้ องท่ีเวบ็ ไซต์ www.sso.go.th หรือแอพพลิเคชนั่ ซ่ึง สามารถแจง้ ยา้ ยไดป้ ี ละคร้ัง ต้งั แต่ 1 ม.ค. - 31 มี.ค. ทุกปี สิทธิประกนั สุขภาพ30บาทสามารถทาได้ 4 คร้ังต่อปี โดย เตรียมเอกสารเหมือนกบั ท่ีใชล้ งทะเบียนในตอนแรก สานกั งานประกนั สังคม กระทรวงแรงงาน 14

https://l.facebook.com/l.php?u=https%3A%2F%2Fwww.sso.go.th%2Feform_news%2F%3Ffbclid%3DIwAR 0SbHcxMlWzZXKqM- 5.ข้าราชการมสี ิทธิประกนั สังคม แล้วเลือกใช้สิทธิประกนั สังคม (รพ.เอกชน) จะสามารถใช้สิทธิสวัสดิการ รักษาพยาบาลข้าราชการใน รพ.รัฐได้หรือไม่ จะใชส้ ิทธิสวสั ดิการรักษาพยาบาลขา้ ราชการไม่ได้ เน่ืองจากผูม้ ีสิทธิจะ สามารถใชส้ ิทธิไดเ้ พียงสิทธิ เดียว คือ สิทธิประกนั สังคมท่ีเลือก ถา้ จะเปลี่ยนมาใชส้ ิทธิ สวสั ดิการรักษาพยาบาลขา้ ราชการ จะตอ้ งดาเนินการ กรอกเอกสารขอแจง้ เปลี่ยนสิทธิไดป้ ี ละ1 คร้ัง (ภายในเดือนตุลาคมของทุกปี ) -สิทธิสวสั ดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการรัฐบาลให้การดูแลค่าใช้จ่ายแตกต่างกันอย่างไร? สวสั ดิการรักษาพยาบาล ขา้ ราชการ กรมบญั ชีกลาง เป็นหน่วยงานกลางในการเบิกจ่ายเงินของแผน่ ดิน ซ่ึงมีอีก ภารกิจที่สาคญั คือ การดูแลบุคลากรภาครัฐ ในการขบั เคลื่อนระบบราชการใหม้ ี ความเป็นอยทู่ ี่เหมาะสม กบั ฐานะ ไม่เดือดร้อนจากการรับราชการ มีความมน่ั คงใน ชีวิต และถา้ ผูม้ ีสิทธิมีการเจ็บป่ วย ทางราชการก็ สามารถให้เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ โดยกรมบญั ชีกลางได้กาหนดกฎหมายและหลกั เกณฑ์เก่ียวกบั ระบบ สวสั ดิการ รักษาพยาบาลขา้ ราชการไว้ -ช่องทางการตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาลของประชาชน สามารถตรวจสอบได้ทางไหนบ้าง? ผูใ้ ช้สิทธิหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบตั รทอง) สามารถทาการตรวจสอบสิทธิดว้ ยตนเองผา่ นช่องทาง ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ไปติดต่อดว้ ยตนเอง ท่ีโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล สานกั งานเขต กทม. 19 เขต และ สปสช. เขตพ้นื ที่ 1-13 2. ทางโทรศพั ท์ โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 2 ตามดว้ ยหมายเลขบตั รประชาชน 13 หลกั และเคร่ืองหมาย # 3. ระบบอินเทอร์เน็ต ทางเวบ็ ไซต์ สปสช. http://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml 4. ผ่านทาง Application \"สปสช.\" (สามารถติดต้ังแอพสแกน QR Code ดาวน์โหลดได้ท้ังระบบ ios และ Android) และเขา้ ใชง้ านในฟังกช์ นั่ \"การตรวจสอบสิทธิ\" 15

6.การให้บริการแก่ประชาชน ในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนมีความแตกต่างกนั ไหม -ในแต่ละจังหวดั จะมีรงพยาบาลของรัฐและเอกชน แต่หลายคนอาจจะรู้ถึงความแตกต่างของ โรงพยาบาลท้งั สองแบบ สาหรับคนท่ีป่ วยน้นั จะสามารถเลือกเดินทางไปที่โรงพยาบาลที่ตวั เองมีสวสั ดิการใน การรักษาหรือมีกาลงั ทรัพยใ์ นการรักษาท่ีดีที่สุดแต่ละโรงพยาบาลจะมีขอ้ ดีขอ้ เสียท่ีแตกตา่ งกนั โรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลรัฐน้นั สามารถใชส้ วสั ดิการของรัฐหรือท่ีทางานของเราไดแ้ ละค่าใชจ้ า่ ยของโรงพยาบาลรัฐ ไม่แพงสามารถเขา้ ถึงไดท้ ุกครอบครัว สิทธ์ิบตั รทอง 30 บาทรักษาทุกโรคก็ครอบคลุมท้งั ค่าตรวจ ค่ายา และน่ี เป็นขอ้ ดีของโรงพยาบาลรัฐ ส่วนขอ้ เสียของโรงพยาบาลรัฐ คือ เน่ืองจากจะมีผูป้ ่ วยเขา้ มารักษาในโรงพยาบาลทุกวนั จึงทาใหต้ อ้ งรอคิวนาน หากโรงพยาบาลของรัฐที่ไหนจดั คิวไม่ดีก็อาจจะทาให้รอคิวนานหลายชว่ั โมง และจากที่ไดส้ อบถามผใู้ ชบ้ ริการ น้นั ก็คือเร่ืองของมารยาทกบั ผปู้ ่ วยท่ีไม่น่าประทบั ใจ โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลเอกชนเป็ นโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือท่ีทนั สมยั ฯ ท้งั ห้องพกั ทุกอย่างจะสะอาดและครบ วงจร มีการบริหารจดั การผูป้ ่ วยท่ีดีกวา่ โรงพยาบาลรัฐ และมีผูป้ ่ วยนอ้ ยกว่ามารยาทและการบริการผูป้ ่ วยจะ สบายกวา่ และไม่ตอ้ งรอคิวนาน ส่วนขอ้ เสียของโรงพยาบาลเอกชนจะเป็ นท่ีค่ารักษาจะแพงกวา่ โรงพยาบาลรัฐ (numberssd.com) ดว้ ยเหตุผลต่างๆเหล่าน้ีทาให้โรงพยาบาลท้งั คูม้ ีขอ้ ดีขอ้ เสียแตกต่างกนั อยู่ที่เราจะเลือกใช้บริการโรงพยาบาล แบบใด 7.สิทธิสวสั ดิการการรักษาพยาบาลของข้าราชการรัฐบาลให้การดูแลค่าใช้จ่ายแตกต่างกนั อย่างไร? -สวสั ดิการการรักษาพยาบาลของขา้ ราชการสามารถเบิกจ่ายได้ตามกาหนดกฎหมายและหลกั เกณฑ์เก่ียวกบั ระบบสวสั ดิการการรักษาพยาบาลท่ีกาหนดไว้ ขา้ ราชการมีสิทธิไดค้ ต่ารักษาพยาบาลจากทางราชการสาหรับตนเอง และบิดามารดาคู่สมรส และบุตร กรณีบุตรไม่เกิน 3 คนเรียงลาดบั ก่อนหลงั โดยตอ้ งเป็ นบุตรโดยชอบดว้ ยกฎหมาย และยงั ไม่บรรลุนิติภาวะ แต่ 16

เป็ นผูไ้ ร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถที่อยใู่ นอุปการะเล้ียงดูของขา้ ราชการ หากบุตรคนใดตายลง ก่อนบรรลุนิติภาวะใหส้ ามารถเบิกคา่ รักษาพยาบาลสาหรับบุตรคนถดั ไปแทนได้ 1) ค่ารักษาพยาบาล ไดแ้ ก่ (1)คา่ ยา ค่าเลือด และส่วนประกอบของเลือดหรือสารทดแทนคา่ น้ ายา หรืออาหาร ทางเส้นเลือด คา่ ออกซิเจน (2)ค่าอวยั วะเทียมและอุปกรณ์ในการบ าบดั รักษาโรค รวมท้งั ค่าซ่อมแซม (3)คา่ บริการทางการแพทย์ ค่าตรวจ ค่าวเิ คราะห์โรค (4)คา่ หอ้ ง ค่าอาหาร (5)คา่ ตรวจสุขภาพประจาปี 2) อตั ราค่ารักษาพยาบาล (1) คา่ รักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของรัฐ เบิกไดเ้ ตม็ ตามท่ีจ่ายจริงท้งั คนไขใ้ นและคนไขน้ อก สาหรับใน สถานพยาบาลของเอกชน เบิกไดเ้ ฉพาะกรณีท่ีมีอุบตั ิเหตุ อุบตั ิภยั หรือมีความจาเป็ นรีบด่วน ซ่ึงหากมิไดร้ ับการ รักษาพยาบาลในทนั ทีทนั ใดอาจเป็ นอนั ตรายต่อชีวติ โดยใหเ้ บิกไดค้ ร่ึงหน่ึงของท่ีจ่ายจริง แตไ่ ม่เกิน 8,000 บาท (แปดพนั บาทถว้ น) หากเป็นการเขา้ รับการรักษาพยาบาลก่อนวนั ที่ 1 มกราคม 2557 ใหเ้ บิกไดค้ ร่ึงหน่ึงของ จานวนเงินท้งั หมดที่ไดจ้ ่ายไปจริง แต่ไมเ่ กิน 4,000 บาท (2) คา่ ยา เบิกไดไ้ มเ่ กินท่ีใบเสร็จรับเงินระบุวา่ เป็น “คา่ ยาท่ีเบิกได”้ หรือ“คา่ ยาในบญั ชียาหลกั แห่งชาติ” หรือ “ค่ายาในบญั ชียาของสถานพยาบาล” หรือ “ค่ายานอกบญั ชียา” แตส่ ถานพยาบาลออกหนงั สือรับรองใหว้ า่ จาเป็นตอ้ งใชย้ าน้นั (3) ค่าอวยั วะเทียม คา่ อุปกรณ์ในการบ าบดั รักษา และค่าซ่อมแซมอวยั วะเทียมเบิกไดต้ ามท่ีกระทรวงการคลงั กาหนด (4) กรณีคนไขใ้ น คา่ เตียงสามญั และค่าอาหาร เบิกไดไ้ ม่เกินวนั ละ 400 บาท กรณีอ่ืนเบิกไดไ้ มเ่ กินวนั ละ 1,000 บาท และไมเ่ กิน 13 วนั 17

(5) การตรวจสุขภาพประจไปี ใหส้ าหรับขา้ ราชการ ลูกจา้ งประจา หรือผไู้ ดร้ ับเบ้ียหวดั บ านาญท่ีเขา้ รับการตรวจ สุขภาพในสถานพยาบาลของทางราชการ มีสิทธิเบิกค่าตรวจสุขภาพประจาปี ดงั อตั ราต่อไปน้ี กลุ่มผมู้ ีสิทธิ อตั ราค่าตรวจสุขภาพประจาปี อายไุ มเ่ กิน 35 ปี ไมเ่ กิน 450 บาท อายเุ กินกวา่ 35 ปี บริบูรณ์ ไม่เกิน 910 บาท 8.ผ้ยู ากไร้มสี ิทธิในการรักษาพยาบาลเท่ากบั ผู้อ่ืนหรือไม่? หลกั การหรือแนวความคิดเก่ียวกบั เร่ืองระบบบริการสาธารณสุขและการจดั บริการสาธารณสุข ในสังคมของแต่ละประเทศน้นั ส่วนใหญ่มกั จะข้ึนอยูก่ บั ค่านิยม (Value) และปรัชญาแนวความคิดที่สังคมหรือ ประเทศน้นั ๆ ไดย้ ดึ ถือ โดยค่านิยมท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การจดั ระบบบริการสาธารณสุขและการจดั บริการสาธารณสุข ในสังคมตามหลกั สากลน้นั มีอยดู่ ว้ ยกนั ๔ ประการ คือ (๑) หลกั ความเสมอภาค (Equality) หมายถึง ในการจดั บริการสาธารณสุขของรัฐใหแ้ ก่ ประชาชนน้นั จะตอ้ งยดึ หลกั ของความเสมอภาคและความเท่าเทียมกนั ประชาชนสามารถเขา้ ถึงบริการ ไดอ้ ยา่ งเสมอภาคกนั โดยไม่คานึงถึงความแตกตา่ งในเรื่องรายไดห้ รือถ่ินท่ีอยู่ และรัฐจะตอ้ งขยาย การบริการสาธารณสุขใหเ้ พยี งพอและอยา่ งทวั่ ถึงท้งั ประเทศ (๒)หลักความเป็ นธรรม (Equity) หมายถึง การจดั บริการสาธารณสุขของรัฐจะตอ้ งมีความสัมพนั ธ์กบั ความ จาเป็ นทางดา้ นสุขภาพ (Normative needs) ของประชาชนดว้ ย โดยท่ีความจาเป็ นทางดา้ นสุขภาพน้ีถูกกาหนด โดยผูเ้ ชี่ยวชาญต่าง ๆ ซ่ึงมีความแตกต่างจากความตอ้ งการทางดา้ นสุขภาพที่ประชาชนตระหนกั ถึง (Felt needs) ประชาชนในแต่ละกลุ่มท่ีมีความจาเป็นทางดา้ นสุขภาพเท่ากนั จะตอ้ งไดร้ ับบริการจากรัฐอยา่ งเท่าเทียมกนั โดย ไม่ตอ้ งคานึงถึงรายไดห้ รือฐานะทางเศรษฐกิจของประชาชน (๓) หลกั เสรีภาพ (Freedom) หมายถึง บุคคลยอ่ มมีเสรีภาพในการเลือกบริโภคบริการสาธารณสุขไดต้ ามความ สมคั รใจ ข้ึนอยูก่ บั ความสามารถในการจ่าย (Ability to pay) ของแต่ละบุคคลซ่ึงเสรีภาพน้ีเก่ียวขอ้ งกบั รายได้ และอานาจซ้ือของแต่ละบุคคลดว้ ย เช่น การเลือกเขา้ รับบริการในโรงพยาบาลของรัฐหรือโรงพยาบาลของ เอกชนยอ่ มข้ึนอยกู่ บั ความพึงพอใจของผรู้ ับบริการ เป็นตน้ (๔) หลกั ประโยชน์สูงสุด (Optimality) หรือหลกั ประสิทธิภาพ (Eff iciency) หมายถึง การจดั บริการสาธารณสุข ของสังคมจะต้องคานึงถึงประสิทธิภาพ ในการใช้ทรัพยากรของสังคมให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยหลัก 18

ประสิทธิภาพน้ี จะเกี่ยวขอ้ งกบั การจดั บริการที่ดีท่ีสุดโดยใช้ตน้ ทุนหรือทรัพยากรนอ้ ยที่สุด การใชเ้ ทคโนโลยี ทางการแพทยท์ ่ีทนั สมยั และมีราคาแพง กองบรรณาธิการสานกั กฎหมาย “สิทธิในการรักษาพยาบาล :ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งผใู้ หบ้ ริการกบั ผูร้ ับบริการทางดา้ นสาธารณสุข” ขอ้ มูลจาก http://www.kbo.moph.go.th/~neuklong_ph/know_ss.html 9.ช่องทางการตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาลของประชาชนสามารถตรวจสอบได้ทางใดบ้าง? แนะนาช่องทางการการตรวจสอบสิทธิดว้ ยตนเอง! ผใู้ ชส้ ิทธิหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบตั รทอง) สามารถทาการตรวจสอบสิทธิดว้ ยตนเองผา่ นช่องทาง ดงั ตอ่ ไปน้ี 1. ไปติดต่อดว้ ยตนเอง ท่ีโรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล สานกั งานเขต กทม. 19 เขต และ สปสช. เขตพ้นื ที่ 1-13 2. ทางโทรศพั ท์ โทรสายด่วน สปสช. 1330 กด 2 ตามดว้ ยหมายเลขบตั รประชาชน 13 หลกั และเครื่องหมาย # 3. ระบบอินเทอร์เน็ต ทางเวบ็ ไซต์ สปสช. http://eservices.nhso.go.th/eServices/mobile/login.xhtml 4. ผา่ นทาง Application \"สปสช.\" (สามารถติดต้งั แอพสแกน QR Code ดาวน์โหลดไดท้ ้งั ระบบ ios และ Android) และเขา้ ใชง้ านในฟังกช์ น่ั \"การตรวจสอบสิทธิ\" หากมีขอ้ สงสัย สอบถามเพ่ิมเติม โทร สายด่วน สปสช. 1330 (ตลอด 24 ชวั่ โมง) 10.การขอย้ายโรงพยาบาลของสิทธิข้าราชการและสิทธิหลกั ประกนั สุขภาพ30บาทต่างกนั หรือไม่ 19

จะย้ายสิทธิ หรือเปลยี่ นหน่วยบริการ สิทธิบัตรทอง... ต้องทาอย่างไร? หลกั เกณฑก์ ารเปลี่ยนหน่วยบริการประจาในระบบหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ สามารถเปลี่ยนหน่วยบริการ ประจาได้ 4 คร้ัง/ปี งบประมาณ ������ สถานที่ติดต่อเพอื่ ลงทะเบียนเปลี่ยนหน่วยบริการ ในกรุงเทพมหานคร ติดต่อไดท้ ี่ สานกั งานเขต 19 เขต ������ ในตา่ งจงั หวดั ติดต่อ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาบล (รพ.สต.) หรือ โรงพยาบาลของรัฐใกลบ้ า้ น ในวนั เวลาราชการ ������ เอกสารที่จาเป็ นตอ้ งใชย้ นื่ เพอ่ื ลงทะเบียนในการเปลี่ยนหน่วยบริการประจาในระบบหลกั ประกนั สุขภาพ แห่งชาติ หลกั ฐานท่ีตอ้ งใชใ้ นการยน่ื ไดแ้ ก่ ใช้ \"สูติบตั ร\" (ใบเกิด) แทนประชาชน ตอ้ งใชห้ ลกั ฐานอยา่ งใดอยา่ งหน่ึง เพิม่ เติม อาทิ บา้ น พร้อมสาเนา ทะเบียนบา้ น และบตั รประจาตวั ประชาชนของเจา้ บา้ นของผนู้ าชุมชน บตั รประจาตวั ประชาชนของผูว้ า่ จา้ ง/ ผรู้ ับจา้ ง น้าประปา ค่าไฟฟ้า ที่แสดงวา่ ตนเองมีถ่ินท่ีอยหู่ รือพกั อาศยั อยใู่ นพ้ืนที่น้นั ๆ ☎️ สอบถามขอ้ มูลเพ่ิมเติม โทร สายด่วน สปสช. 1330 ตลอด 24 ชวั่ โมง *หมายเหตุ : การย้ายทะเบียนบ้านสิทธิการรักษาจะไม่ยา้ ยตาม สิทธิประโยชน์ของสวสั ดิการ รักษาพยาบาลขา้ ราชการ ค่ารักษาพยาบาล ขา้ ราชการมีสิทธิไดร้ ับค่ารักษาพยาบาลจากทางราชการสาหรับ ตนเอง บิดาและมารดา คู่สมรส และบุตร กรณีบุตรน้นั ให้ไม่เกิน 3 คน เรียงล ากบั ก่อนหลงั โดยตอ้ งเป็ นบุตร โดยชอบ ด้วกฎหมาย และยงั ไม่บรรลุนิติภาวะหรือบรรลุนิติภาวะ แต่เป็ นผูไ้ ร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ ความสามารถที่อยูใ่ นอุปการะเล้ียงดูของขา้ ราชการ (ไม่รวมบุตรบุญธรรมและบุตรที่ยกให้ เป็ นบุตรบุญธรรม ผูอ้ ่ืน) หากบุตรคนใดตายลง ก่อนบรรลุนิติภาวะ ใหส้ ามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลสาหรับบุตรคนถดั ไปแทนได้ (กรณีบุตรมากกวา่ 3 คน) 20

1) ค่ารักษาพยาบาล ได้แก่ (1)คา่ ยา ค่าเลือด และส่วนประกอบของเลือดหรือสารทดแทนคา่ น้ายา หรืออาหาร ทางเส้นเลือด คา่ ออกซิเจน (2)คา่ อวยั วะเทียมและอุปกรณ์ในการบ าบดั รักษาโรค รวมท้งั คา่ ซ่อมแซม (3)คา่ บริการทางการแพทย์ ค่าตรวจ คา่ วเิ คราะห์โรค (4)ค่าหอ้ ง คา่ อาหาร (5)คา่ ตรวจสุขภาพประจ าปี 2) อตั ราค่ารักษาพยาบาล (1) ค่ารักษาพยาบาลในสถานพยาบาลของรัฐ เบิกไดเ้ ต็มตามท่ีจ่ายจริงท้งั คนไขใ้ นและคนไขน้ อกสาหรับใน สถานพยาบาลของเอกชน เบิกไดเ้ ฉพาะกรณีท่ีมีอุบตั ิเหตุ อุบตั ิภยั หรือมีความจาเป็ นรีบด่วน ซ่ึงหากมิไดร้ ับการ รักษาพยาบาลในทนั ทีทนั ใดอาจเป็ นอนั ตรายต่อชีวติ โดยใหเ้ บิกไดค้ ร่ึงหน่ึงของที่จ่ายจริง แตไ่ มเ่ กิน 8,000 บาท (แปดพนั บาทถว้ น) หากเป็ นการเขา้ รับการรักษาพยาบาลก่อนวนั ที่ 1 มกราคม 2557 ให้เบิกไดค้ ร่ึงหน่ึงของ จานวนเงินท้งั หมดท่ีไดจ้ ่ายไปจริง แตไ่ มเ่ กิน 4,000 บาท (2) ค่ายา เบิกไดไ้ ม่เกินท่ีใบเสร็จรับเงินระบุวา่ เป็ น “ค่ายาที่เบิกได”้ หรือ“ค่ายาในบญั ชียาหลกั แห่งชาติ” หรือ “ค่ายาในบญั ชียาของสถานพยาบาล” หรือ “ค่ายานอกบญั ชียา” แต่สถานพยาบาลออกหนังสือรับรองให้ว่า จาเป็นตอ้ งใชย้ าน้นั (3) ค่าอวยั วะเทียม คา่ อุปกรณ์ในการบ าบดั รักษา และคา่ ซ่อมแซมอวยั วะเทียมเบิกไดต้ ามที่กระทรวงการคลงั กาหนด (4) กรณีคนไขใ้ น ค่าเตียงสามญั และค่าอาหาร เบิกไดไ้ มเ่ กินวนั ละ 400บาท กรณีอ่ืนเบิกไดไ้ ม่เกินวนั ละ 1,000 บาท และไม่เกิน 13 วนั (5) การตรวจสุขภาพประจาปี ใหส้ าหรับขา้ ราชการ ลูกจา้ งประจ า หรือผไู้ ดร้ ับเบ้ียหวดั บานาญท่ีเขา้ รับการตรวจ สุขภาพในสถานพยาบาลของทางราชการ มีสิทธิเบิกค่าตรวจสุขภาพประจ าปี ดงั อตั ราต่อไปน้ี 21

กลุ่มผมู้ ีสิทธิ อตั ราค่าตรวจสุขภาพประจาปี อายไุ มเ่ กิน 35 ปี ไม่เกิน 450 บาท อายเุ กินกวา่ 35 ปี บริบูรณ์ ไม่เกิน 910 บาท หมายเหตุ : ค่าตรวจสุขภาพประจ าปี จะไม่สามารถใชเ้ บิกจ่ายตรงได้ ตอ้ งช าระเงิน สดไปก่อน และนาใบเสร็จไปเบิกหน่วยงานตน้ สงั กดั 22

บทที่ 3 ตวั เเสดง 1.รัฐบาล (Government) รัฐบาล เปรียบเสมือนเป็นศูนยใ์ หญ่ในการควบคุมสงั่ การหรือกาหนดนโยบายต่างๆร่วมถึงนโยบายสาธารณสุขคอย กาหนดสิทธิในการรักษาเพ่ือใหต้ รงและทวั่ ถึงกบั ความตอ้ งการของประชาชน คนไทยไดร้ ับการคุม้ ครองสิทธิการรักษาพยาบาลจากรัฐบาล โดยสิทธิการรักษาพยาบาลมี 3 ระบบใหญ่ คือ 1. สิทธิสวสั ดิการการรักษาพยาบาลของขา้ ราชการ 2. สิทธิประกนั สงั คม 3. สิทธิหลกั ประกนั สุขภาพ 30 บาท ซ่ึงรัฐบาลใหก้ ารดูแลคา่ ใชจ้ ่ายแตกตา่ งกนั ดงั น้ี 1. สิทธิสวสั ดิการรักษาพยาบาลของขา้ ราชการ คุม้ ครองบริการรักษาพยาบาลใหก้ บั ขา้ ราชการและบุคคล ในครอบครัว ไดแ้ ก่ บิดา มารดา คูส่ มรส และบุตรท่ีถูกตอ้ งตามกฎหมาย เม่ือเจบ็ ป่ วยสามารถเขา้ รับบริการ รักษาพยาบาลไดท้ ี่โรงพยาบาลของรัฐ โดยมีกรมบญั ชีกลาง กระทรวงการคลงั ทาหนา้ ที่ดูแลระบบออกกฎ ระเบยบ 2. สิทธิประกนั สงั คม คุม้ ครองบริการรักษาพยาบาลใหก้ บั ผปู้ ระกนั ตนตามสิทธิ สามารถเขา้ รับบริการ รักษาพยาบาลไดท้ ่ีโรงพยาบาลที่เลือกลงทะเบียน โดยสานกั งานประกนั สังคม กระทรวงแรงงานและสวสั ดิการ สงั คม ทาหนา้ ที่ดูแลระบบการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล 3. สิทธิหลกั ประกนั สุขภาพ 30 บาท คุม้ ครองบุคคลท่ีเป็นคนไทยมีเลขประจาตวั ประชาชน 13 หลกั ท่ี ไมไ่ ดร้ ับสิทธิสวสั ดิการขา้ ราชการ หรือ สิทธิประกนั สงั คม หรือสิทธิสวสั ดิการรัฐวสิ าหกิจ หรือสิทธิอื่น ๆ จาก รัฐ เพ่ือใหไ้ ดร้ ับบริการสาธารณสุข ท้งั การสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกนั โรค การตรวจวนิ ิจฉยั การ รักษาพยาบาล และการฟ้ื นฟูสมรรถภาพท่ีจาเป็ นต่อสุขภาพและการดารงชีวติ ตาม พ.ร.บ.หลกั ประกนั สุขภาพ แห่งชาติ พ.ศ.2545 โดยมีสานกั งานหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ทาหนา้ ที่บริหารจดั การระบบ เพ่ือ 23

การเขา้ ถึงบริการสาธารณสุขท่ีมีมาตรฐานอยา่ งทว่ั ถึง ตามท่ีคณะกรรมการหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติกาหนด (รัฐมนตรีวา่ การกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน) ปัจจุบนั มีผใู้ ชส้ ิทธิหลกั ประกนั สุขภาพจานวนกวา่ 48 ลา้ น คน 2.กระทรวงสาธารณสุข(Ministry of Public Health) กระทรวงสาธารณสุข(Ministry of Public Health) เป็ นหน่วยงานราชการส่วนกลางประเภทกระทรวง ของไทย มีอานาจหนา้ ท่ีเกี่ยวกบั การสร้างเสริมสุขภาพอนามยั การป้องกนั ควบคุม และรักษาโรคภยั การฟ้ื นฟู สมรรถภาพของประชาชน และราชการอ่ืนตามที่มีกฎหมายกาหนดให้เป็ นอานาจหน้าท่ีของกระทรวง สาธารณสุขหรือส่วนราชการที่สังกดั กระทรวงสาธารณสุข หรือส่วนราชการที่สังกดั กระทรวงสาธารสุข อีกท้งั ยงั เป็นหน่วยงานราชการท่ีมีความสาคญั ท่ีสุดในการจดั หาวคั ซีนและบริหารจดั การกบั การแพร่ระบาดของโควิด- 19 รวมถึงการกระจา่ ยวคั ซีนใหก้ บั ประชาชนอยา่ งเท่าเทียมกนั อีกดว้ ย มาตรา 43 กระทรวงสาธารณสุข มีส่วนราชการ ดังต่อไปนี้ 1.สานกั งานรัฐมนตรี 2.สานกั งานปลดั กระทรวง กระทรวงสาธารณสุข 3.กรมสุขภาพจิต 4.กรมควบคุมโรค 5.กรมอนามยั 6.กรมการแพทย์ 7.กรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์ 8.กรมสนบั สนุนบริการสุขภาพ 9.กรมการแพทยแ์ ผนไทยและการแพทยท์ างเลือก 10.สานกั งานคณะกรรมการอาหารและยา 24

3.ประชาชน(ผ้ปู ่ วย) (Population) พลเมือง, ราษฎร, ราษฎรท่ีเป็ นสามญั ชน คือ นอกเหนือจากขา้ ราชการ พ่อคา้ และนกั บวช, เช่น งาน กาชาดไดร้ ับความร่วมมือจากขา้ ราชการ พอ่ คา้ และประชาชนเป็ นอยา่ งดี.ราษฎรเป็ นบุคคลหลายคนซ่ึงถือเป็ น ท้งั หมด ผปู้ ่ วย, ผรู้ ับการรักษา, คนไข้ หมายถึงผทู้ ี่เขา้ รับบริการสุขภาพรูปแบบใด ๆ จากแพทย์ ทนั ตแพทย์ พยาบาลเวช ปฏิบตั ิ สัตวแพทย์ หรือบุคลากรสาธารณสุขอ่ืน ๆ ซ่ึงส่วนใหญ่จะมีอาการป่ วยจากโรคหรือการบาดเจ็บ และ จาเป็นตอ้ งไดร้ ับการรักษา แต่บางคร้ังอาจไม่ตอ้ งก็ได้ 4.บุคลากรทางการเเพทย์ (medical personnel) บุคลากรทางการแพทย์ หมายความวา่ ผปู้ ระกอบวิชาชีพทางการแพทย์ ไดแ้ ก่ แพทย์ ทนั ตแพทย์ เภสัช กร พยาบาล เทคนิคการแพทย์ กายภาพบาบดั แพทยแ์ ผนไทย นักสาธารณสุข ชุมชน รวมท้งั ผูท้ ี่มีหนา้ ที่ในการ ดูแลรักษาผูป้ ่ วยในด้านอื่นๆ ด้วย หรือเรียกบุคลากรทางการเเพทยว์ ่าใครก็ตามที่ทางานแล้วได้รับเงินจาก โรงพยาบาลให้ถือวา่ เป็ นบุคลากรทางการเเพทยท์ ้งั หมด เเมว้ า่ จะทางานในดา้ นธุรการ เวชทะเบียน หรืออะไรก็ ตามที่ทางานในโรงพยาบาลบุคคลน้นั คือบุคลากรทางเเพทยท์ ้งั หมด 5.หน่วยงานโรงพยาบาล โรงพยาบาล (หรืออาจใชว้ า่ สถานพยาบาล หรือ ศูนยก์ ารแพทย)์ เป็นสถานที่สาหรับการบริการทางดา้ น สุขภาพ โดยมกั ที่จะมุ่งเนน้ ทางดา้ นการส่งเสริม ป้องกนั รักษา และฟ้ื นฟูภาวะความเจ็บป่ วย หรือโรคต่างๆ ท้งั ทางร่างกายและทางจิตใจ ในประเทศไทยมีการให้บริการท้งั โรงพยาบาลรัฐบาล โรงพยาบาลเอกชน รวมท้งั คลินิก ท่ีเปิ ดบริการโดยทวั่ ไป หน่วยต่างไปในโรงพยาบาล ไดเ้ เก่ -สานกั งาน -งาน -กลุ่ม/กลุ่มงาน -หอผปู้ ่ วย -ศูนย/์ ฝ่ าย/คลินิก/อื่นๆ 25

บทท่ี 4 ตวั แบบในการวเิ คราะห์บริบทในมิตสิ ังคม Elitism Elitism เป็ นแนวคิดชนช้นั นา มีที่มาจกการขยายของประชาธิปไตยตะวนั ออกมาต้งั แต่ศตวรรตท่ี19 ใน แวดวงการศึกษารัฐศาสตร์ โดยวา่ กนั วา่ อานาจจะตกท่ีคนกลุ่มนอ้ ยเพียงไม่กี่คนที่มีบทบาทในการตดั สินใจทาง การเมืองซ่ึงคนกลุ่มน้ีเรียกวา่ ชนช้นั ปกครองหรือชนช้นั นา มีนกั ปรัชญาที่เป็นผูเ้ ริ่มแนวคิดอยสู่ องคน คือ mosca และvilfredo เป็นคนพฒั นาแนวคิดน้ีใหเ้ ป็นเชิงทฤษฎีที่ทนั สมยั ในช่วงศตวรรตที่20 นกั วิชาการส่วนใหญ่จะมองว่าในสังคมจะมี2ชนช้นั นน่ั คือ ชนช้นั ปกครอง มีประชากรน้อยและมีอานาจมี ทรัพยส์ ินมาก และอีกกลุ่มคือชนช้นั ผถู้ ูกปกครองจะมีประชากรมากกวา่ แนวคิดน้ีจะคลา้ ยแนวคิดของมาคส์ จะมีลกั ษณะท่ีเหมือนกนั คือกาเนิดมาจากสังคมเดียวกนั มีการตกลงดว้ ยกนั เองได้ มีความสมั พนั ธ์ไม่เป็นทางการ ใช้ความสัมพนั ธ์แบบส่วนตวั ถา้ เป็ นแบบทางการจะผ่านทางสมาคม การรวมตวั กนั ในเชิงที่มีฐานอานาจ สิ่ง เหล่าน้ีก่อรูปข้ึนมาเป็ นชนช้ัน กลไกท่ีเป็ นตวั กลางเช่ือมชนช้ันนาในระดบั ท้องถิ่นกบั ประชาชนทว่ั ไปคือ เครือข่ายระบบอุปถมั ภใ์ นทอ้ งถ่ิน มี4ข้นั ตอน 1.การระบุตวั บุคคลวา่ เป็ นใคร 2.ปัจจยั อะไรที่ส่งเสริมให้เขาเป็ น ชนช้ันนาหรืออธิบายการเป็ นคนช้ันนาของคนน้นั ได้ 3.ระดบั ความสัมพนั ธ์ในเชิงอานาจชนช้ันนา 4.เขา้ ไป ศึกษาความแตกต่างระหวา่ งชนช้นั นากบั บุคคลทว่ั ไปที่ไม่ไดร้ ับการยกยอ่ งเป็ นชนช้นั นาเพ่ือเปรียบเทียบให้เห็น ความโดดเด่นของตวั elite รพ.แจงปมผู้ป่ วย รอควิ หมอจนช็อกดบั เม่ือวนั ที่ (10 ก.ค. 62) ผสู้ ื่อข่าวรายงานวา่ กลายเป็นโพสตท์ ี่ถูกวิพากษว์ จิ ารณ์ และสอบถามขอ้ เท็จจริง ที่เกิดข้ึน หลงั มีผใู้ ชเ้ ฟซบุก๊ รายหน่ึง โพสตภ์ าพพร้อมขอ้ ความเล่าเหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนกบั พ่อของตวั เอง โดยระบุ 26

ว่า พ่อป่ วยและได้พาไปหาหมอแต่พบว่าระหว่างที่รอเข้าตรวจ พ่ออาการไม่ดีข้ึนเร่ือยๆ และมีการแซงคิว ระหว่างรอ จนวดั ความดนั ไดต้ ่ามาก จึงไดพ้ าเขา้ ห้องฉุกเฉิน ก่อนท่ีจะรอคิวตรวจเพื่อนาตวั ส่งเขา้ ไอซียู และ เสียชีวติ ในเวลาต่อมาหลงั จากน้นั ผโู้ พสตไ์ ดน้ าเรื่องดงั กล่าวไปร้องเรียนศูนยด์ ารงธรรม จงั หวดั ยะลา พร้อมกบั โพสตข์ อ้ ความต่อมาวา่ “คนตายแลว้ ไม่ฟ้ื น แต่การบริการท่ีแย่ สามารถปรับปรุงแกไ้ ขได้ เร่ืองราวของป๋ า คงทา ให้การบริการคนไขด้ ีข้ึน ไม่มากก็ไม่น้อย ป๋ าตายแลว้ ป๋ านงั่ รถเข็นมาขอพบหมอ แต่จุดคดั กรอง วดั ความดนั แลว้ ให้นงั่ รอ บอกความดนั ปกติ ป๋ านง่ั รอจนป๋ าตวั เยน็ ความดนั ลดลง ตอ้ งด่า ถึงพาเขา้ ....เรายงั มีแม่ มีนอ้ งๆ มี เพ่ือนๆ ที่อาจตอ้ งใชบ้ ริการท่ีน่ี ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบน้ีอีกจากกรณีที่เกิดข้ึนนายแพทยช์ ยั วฒั น์ พฒั นา พิศาลศกั ด์ิ นายแพทยเ์ ชี่ยวชาญดา้ นเวชกรรมป้องกนั รักษาการนายแพทยส์ าธารณสุขจงั หวดั ยะลา เปิ ดเผยว่า ผปู้ ่ วยท่ีเสียชีวติ ท่ีโรงพยาบาลเบตงเป็ นผปู้ ่ วยอายุ 67 ปี มาโรงพยาบาลในเรื่องไขแ้ ละเพลีย ซ้ือยากินเองอยู่ 2-3 วนั อาการไม่ดีข้ึน ตอนท่ีมารับบริการผูป้ ่ วยรู้สึกตวั ดี ผปู้ ่ วยมีไขท้ างเจา้ หนา้ ที่พยาบาลมีการตรวจวดั สัญญาณชีพเบ้ืองตน้ ในส่วนของความดนั โลหิต อตั ราการเตน้ หวั ใจยงั อยู่ในเกณฑ์ที่ยงั ไม่รุนแรงนกั ในขณะน้นั มีการดูแลเบ้ืองตน้ ของพยาบาล หลงั จากน้นั เหตุการณ์ญาติ ๆ ไปตามว่า คนไขเ้ ร่ิมตวั เยน็ ความดนั โลหิตเริ่มลดลงก็เขา้ สู่ห้อง ฉุกเฉินในเวลาต่อมาซ่ึงเวลา 15 นาที แลว้ ยา้ ยไปท่ีห้องฉุกเฉิน จากห้องฉุกเฉินไปยงั ห้องไอซียูซ่ึงดูแลกนั โดย เเพทยอ์ ายรุ กรรมตลอดเวลาจนถึงกระทง่ั เสียชีวติ สถานการณ์ของการดูแลผูป้ ่ วยรายน้ี ญาติผูเ้ สียชีวิตมีความไม่สบายใจในหลายประเด็น อยา่ งไรก็ตาม โรงพยาบาลเองไดม้ ีตรวจสอบขอ้ เท็จจริงกรณีที่เกิดข้ึนแล้ว และไดร้ ับการส่ังการโดยสาธารณสุขจงั หวดั ให้ ตรวจสอบขอ้ เท็จจริงท่ีสาคญั ให้ส่ือสารขอ้ เท็จจริงท้งั หมดไปยงั ผูเ้ สียหายให้เขา้ ใจตรงกนั จะไดม้ ีการดูแลกนั ให้ ถูกตอ้ ง สร้างความเขา้ ใจที่ถูกตอ้ งใหบ้ ริการและผรู้ ับบริการ ดา้ น พญ.ปัทมพนั ธ์ อนนั ตาพงศ์ ผอู้ านวยการโรงพยาบาลเบตง ช้ีแจงวา่ ในกรณีที่เกิดข้ึนเจา้ หนา้ ที่จุด คดั กรองไดต้ รวจวดั ความดนั ของผปู้ ่ วย ซ่ึงความดนั ขณะน้นั อยทู่ ี่ 144/ 80 ซ่ึงถือวา่ ปกติ จึงจดั เป็นผปู้ ่ วยในโซนสี เขียว จึงไดใ้ หน้ งั่ คอยตามคิว ส่วนที่วา่ มีการแซงคิว เน่ืองจากมีผปู้ ่ วยอีกคนท่ีมาทีหลงั แตต่ รวจวดั ความดนั พบวา่ ความดนั ต่าอยูท่ ่ี 75/38 ซ่ึงถือว่ามีอาการหนกั กวา่ ส่วนท่ีมีภาพถ่ายวา่ ผูป้ ่ วยที่เสียชีวิตมีความดนั ระดบั ต่า อยูท่ ่ี 75/38 ไดต้ รวจสอบแลว้ พบวา่ เป็นค่าการวดั ความดนั ของผปู้ ่ วยที่เจา้ หนา้ ที่ไดน้ าเขา้ หอ้ งฉุกเฉินไปก่อนหนา้ น้นั ซ่ึงเจา้ หนา้ ท่ียงั ไม่ไดก้ ดรีเซตเคร่ือง ส่วนสาเหตุท่ีคนไขเ้ สียชีวติ น้นั แพทยล์ งความเห็นวา่ มีภาวะช็อกจากการติด เช้ือทาใหห้ วั ใจเตน้ ผดิ จงั หวะ ประกอบกบั คนไขม้ ีความดนั ลดลง 27

บทที่ 5 วเิ คราะห์ความสัมพนั ธ์ จากข่าวทไ่ี ด้อ่านหรือได้เห็นกนั น้ันเหน็ ชัดได้เลยว่าเกดิ ความบกพร่องในการรักษาผู้ป่ วยจริงๆ ต่อใหอ้ อกมาช้ีแจงถึงเหตุผลในการรอเขา้ รับการรักษาก็ตามแต่ เราไม่สารถรู้ความจริง ไดเ้ ลยว่ามีการปล่อยแซงคิวจริงหรือทางโรงพยาบาลหาขอ้ แกต้ ่าง แต่สิ่งท่ีเห็นไดช้ ดั คือไม่ว่าผูป้ ่ วยจะมาใน รูปแบบใด ก็ไม่ควรเฉยเมยหรือเพิกเฉยต่อการมารับการรักษาของผูป้ ่ วย ต่อใหท้ าการตรวจร่างกายโดยการวดั ความดนั หรือการจบั ชีพจร ก็ไม่สามารถรู้ผลท่ีจดั เจนไดน้ อกจากการไดร้ ับการรักษาอยา่ งรวดเร็วที่สุด หรือถา้ หากจาเป็ นตอ้ งให้ผูป้ ่ วยนงั่ รอเพ่ือท่ีจะต่อคิวเขา้ รับการรักษาก็ไม่ควรคลาดสายตาจากผูป้ ่ วยท่ีมีอาการผดิ ปกติ เพราะหากเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินท่ีไม่คาดคิดเกิดข้ึนจะไดท้ าการเขา้ รับการรักษาไดอ้ ยา่ งทนั ท่วงที โดยที่ไมม่ ี การสูญเสียเกินข้ึน และหากใหพ้ ูดถึงการแซงคิวในการเขา้ รับการรักษาจริงๆแลว้ มีเหตุการณ์ใหเ้ ห็นกนั มากมายเพราะเกิด จากความเหล่ือมล้าทางฐานะ มกั จะพบเจอหรือเห็นข่าวไดบ้ อ่ ยวา่ คนรวยมกั จะไดเ้ ขา้ รับการรักษาก่อนแมจ้ ะมา ทีหลงั ก็ตามหรือแมแ้ ต่การบริการหรือการรักษาก็มกั จะไดส้ ิทธิพิเศษเสมอ ต่างจากผูค้ นที่มีฐานะธรรมดาที่กวา่ จะไดเ้ ขา้ รับการรักษาก็ตอ้ งนง่ั รอหรือแมแ้ ตก่ ารบริการกไ็ มไ่ ดด้ ีเท่าที่ควร สิทธิในการรักษาอาการป่ วยแตล่ ะคร้ัง ก็ไม่ไดด้ ีมากมาย รักษาเพียงเพ่ือให้อาการป่ วยทุเลาลงก็เท่าน้นั หรือบางคร้ังก็เป็ นอย่างท่ีข่าวไดอ้ อกบ่อยๆคือ การรอรับการรักษาจนอาการทรุดหนกั และไดเ้ สียชีวติ ลงในที่สุด เพราะคาวา่ “รอ” เพียงคาเดียว -นโยบายของรัฐที่สนบั สนุนผลประโยชน์ของชนช้นั นา บริบทของนโยบายสาธารณะในกระแสการปฏิรูปมีเง่ือนไขของสังคมเข้ามาเกี่ยวข้องที่สลบั ซับซ้อน และ หลากหลายมากข้ึน รวมท้งั การปรับเปล่ียนบริบทของการบริหารงานภาครัฐเขา้ สู่ระบบอภิบาล (Governance) ทา ให้กระบวนการนโยบายมีผแู้ สดง และความตอ้ งการที่หลากหลายมากข้ึน ทาให้ภาครัฐ ตอ้ งหนั กลบั มาใหค้ วาม สนใจต่อการตอบสนองต่อกระแสความเปล่ียนแปลงต่างๆ เหล่าน้ี โดยเฉพาะความ ตระหนกั ถึงภาวการณ์พ่ึงพา หน่วยงานต่างๆ ในสังคมในการให้บริการสาธารณะและการแกไ้ ขปัญหาสังคม และกระบวนการการส่งเสริม การมีส่วนร่มของพลเมือง ทาใหเ้ กิดเครือข่ายนโยบายในลกั ษณะต่างๆ ข้ึน พร้อมๆกบั ความตอ้ งการขอ้ มูลและ ความรู้ในการใชเ้ ป็ นองค์ประกอบสาคญั ในการวิเคราะห์ปัญหาและทาง เลือกนโยบายสังคม ในลกั ษณะของ การเมืองภาคพลเมือง เป็ นการเมืองท่ีต้งั อยู่บนฐานของการตระหนกั รู้ถึง สิทธิและหน้าที่สามารถปรับเปล่ียน 28

ทศั นคติได้และนาไปสู่พฤติกรรมของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยได้ อย่างเหมาะสม (Jantawan, 2016; Jensantikul, 2013) แนวทางในการพฒั นาการบริหารภาครัฐให้สอดคลอ้ งกับนโยบายของรัฐบาล จะต้องพฒั นา บุคลากรตาม แนวทางของกระบวนการนานโยบายไปปฏิบตั ิตามบริบทและยุทธศาสตร์ (Strategies) ที่เปล่ียนแปลงไปเป็ น ภารกิจงานใหม่ท่ีทา้ ทายศกั ยภาพของบุคลากรภาครัฐเป็ นอยา่ งมาก ซ่ึงอาจกล่าวไดว้ ่า นโยบายของรัฐบาลกบั ระบบราชการหรือการบริหารภาครัฐมีความเก่ียวพนั กนั อย่างใกลช้ ิด ซ่ึงนโยบายของ รัฐบาล ก็คือ นโยบาย สาธารณะที่มีผลผูกพนั และผลกระทบไปสู่สาธารณะหรือประชาชนที่เก่ียวขอ้ งกบั นโยบายน้นั จึงจาเป็ นท่ี จะตอ้ งให้ความสาคญั ซ่ึงปัจจุบนั กระบวนการสาธารณะ โดยเฉพาะนโยบายของ รัฐบาลมีการดาเนินการท่ี เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเป็ นอนั มาก เพราะปัจจุบนั เป็ นยคุ ของขอ้ มูลข่าวสาร ประชาชนมีการรับรู้และมีความรู้ มากข้ึน จึงสนใจและตอ้ งการมีส่วนร่วมในกระบวนการทางนโยบาย (Patmasiriwat, 2015) ซ่ึงแตกต่างจากการ กาหนดนโยบายอย่างในอดีตท่ีผ่านมาท่ีผูก้ าหนดนโยบายคือ ภาครัฐหรือรัฐบาลจะกาหนดมาโดยอาศยั การ ตดั สินใจของชนช้นั นา (Elite) หรือคณะรัฐบาลอยา่ งเดียว ไม่ได้ ใหป้ ระชาชนหรือผมู้ ีส่วนไดส้ ่วนเสียเขา้ ร่วมใน การกาหนดนโยบายดว้ ย เม่ือบริบทเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสปฏิรูป หรือการปกครอง หรือระบบอภิบาลที่เป็ น ประชาธิปไตย (Democratic Governance) ทาใหห้ น่วยงานภาครัฐอนั เป็ นหน่วยปฏิบตั ิตามโยบาย จะตอ้ ง ปรับตวั โดยเฉพาะการ พฒั นาบุคลากรภาครัฐใหส้ อดคลอ้ งกบั บริบทท่ีเปล่ียนแปลงไป ซ่ึงมีแนวทางการพฒั นา ท่ีแทจ้ ริงแลว้ กค็ ือ ไม่วา่ จาดาเนินการเรื่องใดก็ตาม การบริหารภาครัฐจาเป็ นตอ้ งพฒั นาเพอื่ ยกระดบั การ บริหารภาครัฐใหต้ อบสนองต่อ สาธารณกิจและประชาชนได้มากข้ึน ซ่ึงในที่น้ีจะกล่าวถึงแนวทางการพฒั นา ใน 2 ส่วนคือ แนวทางการ พฒั นาการบริหารภาครัฐให้สอดคลอ้ งกบั นโยบายของรัฐบาลและแนวทางการ พฒั นาการบริหารภาครัฐให้ สอดคลอ้ งกบั บทบาทและภารกิจภาครัฐ -ชนช้นั นาในกรณีน้ีและรัฐบาลมีความสัมพนั ธ์เชิงอานาจกนั อยา่ งไร ชนนามีส่วนในการตดั สินใจของรัฐวา่ ควรมีนโยบายอยา่ งไรท่ีรัฐควรจะทาเพอ่ื ตอบสนองความตอ้ งการของ ประชนท่ีอยใู่ นชนช้นั ผถู้ ูกปกครองและยงั ช่วยเร่งใชม้ าตราการต่างๆใหค้ วามรู้และให้ความช่วยเหลือในจุดท่ีรัฐ ไมส่ ามารถช่วยเหลืไดท้ ว่ั ถึง 29

2.รัฐมีอานาจอยา่ งไรในกรณีน้ี รัฐมีอานาจในการตดั สินและแกไ้ ขนโยบายและแกไ้ ขปัญหาความเหลื่อมล้าในสิทธิของการรักษาพยาบาลและ สนบั สนุนหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งกบั สาธารณสุขเพือ่ ใหเ้ กิดประสิทธิภาพสูงสุดในการทางาน ใหห้ ลกั ประกนั กาหนดใหร้ ัฐใหห้ ลกั ประกนั แก่ประชาชนในการเขา้ ถึงระบบสาธารณสุข เพื่อคุม้ ครองสิทธิของประชาชนใน การไดร้ ับการดูแลดา้ นสาธารณสุขอยา่ งเหมาะสมทวั่ ถึงและมีประสิทธิภาพ 3.รัฐมีความสัมพนั ธ์เชิงอานาจแบบใดกบั ประชาชน รัฐมีความสมั พนั ธ์เป็ นชนช้นั ผปู้ กครองคอยกาหนดนโยบายตา่ งๆของรัฐที่กาหนดข้ึนและใหค้ วามมน่ั คงแก่ ประชาชน ใหค้ วามเป็ นธรรมเพอ่ื ใหไ้ ดร้ ับประโยชน์ที่เท่าเทียมกนั ทุกคนใหม้ ีสวสั ดิการที่ดีไดแ้ ก่ มีอาหาร บริโภค มีที่อยอู่ าศยั มีการรักษาพยาบาลเม่ือเจบ็ ป่ วยและใหค้ วามสงบและความปลอดภยั แก่ประชาชนรักษา ความสงบเรียบร้อย -ทาไมชนช้นั นาและรัฐถึงตอ้ ยคอยช่วยเหลือกนั เพราะอะไร ชนช้นั นาจะคอยช่วยเหลือและใหค้ วามคิดเห็นแก่รัฐเพราะท้งั สองมีผลประโยชน์ร่วมกนั ท้งั สองฝ่ ายท้งั ในเรื่อง สาธารณสุขท้งั สวสั ดิการท่ีประชาชนควรจะไดร้ ับเทา่ เทียมกนั แต่รัฐกลบั เนน้ ไปยงั คนช้นั นาท้งั เร่ืองวคั ซีนท่ีเป็น ปัญหาอยใู่ นปัจจุบนั ที่บุคลากรด่านหนา้ ควรจะไดร้ ับวคั ซีนดีๆแตก่ ลบั ไปตกอยกู่ บั กลุ่มคนจานวนหน่ึงเพราะ อาจจะมีการแบ่งปันกนั ในผลประโยชนท์ ่ีจะไดร้ ับซ่ึงรัฐอาจจะมองวา่ มีคา่ กวา่ ประชาชน 30

บทที6่ สรุป สวสั ดิการรักษาพยาบาลขา้ ราชการ เป็ นสิทธิประโยชน์สาหรับค่าราชการ ลูกจา้ งประจา และผรู้ ับบานา ญ ซ่ึงสามารถเบิกเงินสวสั ดิการไดต้ ามพระราชฤษฎีกาเงินสวสั ดิการเกี่ยวกบั การรักษาพยาบาล พ.ศ. 2553 และมี สิทธ์ิไดร้ ับคา่ รักษาพยาบาลจากทางราชการสานกั ตนเอง บิดามารดาที่ชอบดว้ ยกฎหมาย คู่สมรสและบุตรท่ีชอบ ด้วยกฎหมาย กรณีบุตร เบิกไดไ้ ม่เกิน3คน เรียงลาดบั การเกิดก่อนหลงั ไม่ว่าจะอยู่ในอานาจปครองของตน หรือไม่ และยงั ไมบ่ รรลุนิติภาวะหรือบรรลุนิติภาวะแลว้ แต่เป็ นผูไ้ ร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถท่ี อยใู่ นความอุปการะของตนเอง(ไม่รวมบุตรบุญธรรมและบุตรท่ียกให้เป็นบุตรบุญธรรมของผอู้ ื่น)หากมีบุตรเกิน 3คน ต่อมาบุตรดนใดคนหน่ึงตายก่อนที่จะบรรลุนิติภาวะ ให้สามารถนาบุตรมาเบิกค่ารักษาเพ่มิ เทา่ จานวนบุตร ท่ีตายไดโ้ ดยนบั บุตรท่ีอยูใ่ นลาดบั ถดั ไปก่อน และให้เบิกจนกวา่ บุตรคนท่ีมาแทนจะบรรลุนิติภาวะ กรณียงั ไม่มี บุตรถึง3คน แต่ต่อมามีบุตรแฝดทาใหบ้ ุตรเกิน3คน สามารถเบิกไดต้ ้งั แต่บุตรคนแรกจนถึงบุตรคนสุดทา้ ย แต่ ตอ้ งเป็นบุตรที่ถูกตอ้ งตามกฎหมายของตนเอง 31

เอกสารอ้างองิ • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. (2563). โรคตดิ เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19). [ออนไลน์] สืบค้นจาก https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/info.php สืบค้นเมื่อวนั ท่ี [28สิงหาคม 2563] • โคโรนา : มารู้จักไวรัสท่ที าให้เกดิ โรคปอดอกั เสบระบาดในจีน.[ออนไลน์] สืบค้นจาก https://www.bbc.com/thai/thailand-51089461 สืบค้นเม่ือวนั ที่ [28สิงหาคม 2563] • นพ.ธีระ วรธนารัตน์. (2563). โคโรนาไวรัส 2019 (COVID-19) ตอนนีเ้ รารู้อะไรบ้าง.[ออนไลน์] สืบค้นจาก https://www.hfocus.org/print/18552 สืบค้นเม่ือวนั ที่ [28สิงหาคม 2563] • 6 ท้อเทจ็ จริง โรคอุบตั ิใหม่ ไวรัสโคโรนา (2019-nCoV). (2563). ห้องปฏิบตั กิ ารไวรัสวิทยาและเซลล์ เทคโนโลยี ศูนย์พนั ธุวิศวกรรมและเทคโนโลยชี ีวภาพแห่งชาต.ิ [ออนไลน์] สืบค้นจาก https://oer.learn.in.th/search_detail/result/166770 สืบค้นเม่ือวนั ท่ี [28สิงหาคม 2563] • ระเบียบกระทรวงสาธารณสุข.ว่าด้วยการให้บริการรักษาพยาบาล.[ออนไลน์] สืบค้นจาก https://ddc.moph.go.th › uploads › ckeditor2 › สืบค้นเม่ือวนั ที่ [01 กนั ยายน 2563] • ตัวอย่างข่าวเคสรพ.แจงปมผู้ป่ วย รอควิ หมอจนช็อกดับ.[ออนไลน์] สืบค้นจาก www.pptvhd36.com/tags/ข่าววนั นี้ สืบค้นเม่ือวนั ที่ [05 กันยายน 2563] • สปสช.แจงเคสจับคู่ผ้ตู ดิ เชื้อโควดิ ในกรุง กบั รพ.สิชล ยนั ต้องส่งต่อเหตุรอคิวกว่า 3 หม่ืนราย เม่ือวนั ท่ี 24 สิงหาคม.[ออนไลน์] สืบค้นจาก https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_2902313 สืบค้นเม่ือวนั ท่ี [08 กันยายน 2563] • สิทธิค่ารักษาพยาบาลของคนไทย...มีอะไรบ้าง?คนไทยได้รับการคุ้มครองสิทธิการรักษาพยาบาลจาก รัฐบาล.[ออนไลน์] สืบค้นจาก http://www.ckphosp.go.th/diapo.1.0.4/diapo/ สืบค้นเมื่อวนั ท่ี [10 กันยายน 2563] 32

• สวสั ดิการประกนั และค่ารักษาพยาบาลจากรัฐบาล คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวทิ ยาลัยมหดิ ลงานบริหารการรักษาพยาบาล.[ออนไลน์] สืบค้นจาก https://med.mahidol.ac.th/ สืบค้นเม่ือวนั ท่ี [10 กนั ยายน 2563] เวบ็ ไซต์ของสานักงานหลกั ประกนั สุขภาพแห่งชาติ (สปสช.ที่ http://www.nhso.go.th/FrontEnd/index.aspx • สิทธิสวสั ดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ การใช้สิทธิเบกิ จ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลด้วยบัตรประชาชน สาหรับผ้มู สี ิทธิที่เบิกกรมบัญชีกลาง.[ออนไลน์] สืบค้นจาก https://hwd.nmd.go.th/ wp-content สืบค้นเม่ือวนั ท่ี [10 กนั ยายน 2563] • Novel Coronavirus (COVID-19) advice for the public. [ออนไลน์] สืบค้นจาก https://www.who.int/thailand/emergencies/novel-coronavirus-2019/advice-for-public สืบค้น เม่ือวนั ที่ [28สิงหาคม 2563] 33

ภาคผนวกตาราง ตารางการวางแผน บทบาทหน้าทแ่ี ละการมสี ่วนร่วมของสมาชิกภายในกลุ่ม วนั /เดือน/ปี หวั ข้อเร่ือง หน้าทภี่ ายในกล่มุ 23/07/64 สร้างช่ือกลุ่ม ช่วยกนั ออกความคิดเห็นในการคิดช่ือกลุ่มและจด 30/07/64 06/08/64 รายละเอียดงานตามท่ีอาจารยส์ ่ัง 27/08/64 อธิบายความคืบหน้า สมาชิกในกลุ่มไดร้ ะดมหาคาถาม บริบท 10 ขอ้ 31/08/64 ตามท่ีอาจารยส์ ่ังในคาบน้นั วางแผนและแบ่งหน้าท่ี 1.หาขอ้ มูล 10ขอ้ 4 คน: 1.นูรฮูดา แซจิ 2.ไลลา หนิ หมาน 3.สุวรรณา หมดั อาด้า 4.ทานตะวนั วรรณชนะ 2.สรุปเน้ือหา 2 คน: 1.ฟาตีณีย์ ซีดิ 2.อลิษา เจะ๊ บอซู 3.ทารายงาน 2 คน: 1.ธญั กร แขกพงศ์ 2.ซูนีตา มะเก 4.นาเสนอ 2 คน: 1.นิติภูมิ สุรักษา 2.พนั ธการ ขนานใต้ รายงานความคืบหน้ารายงานและ นดั ประชุมและคิดหารือกนั ในการวเิ คราะห์กา้ นของ วเิ คราะห์ก้าน บริบทของรายงาน และไดแ้ บ่งกนั หาขอ้ มูลที่ยงั บกพร่องอยู่ กาหนดหน้าท่แี ละรวบรวมข้อมูล 1.ผปู้ ่ วยในโรงพยาบาล แตล่ ะโรงพยาบาล ได้ ทารายงาน สวสั ดิการในการรักษาพยาบาลเท่ากนั ไหม? : นายพนั ธการ ขนานใต้ 2.ทาไมตอ้ งมีการแบง่ แยกฐานะทางสงั คมในการ รักษา : นิติภูมิ สุรักษา 3.ทาไมการรักษาฉุกเฉินถึงตอ้ งรอการเช็คสิทธิใน การรักษาพยาบาล: ธญั กร แขกพงศ์ 4.สิทธิประกนั สงั คมกบั สิทธิหลกั ประกนั สุขภาพ : ไลลา หนิหมาน 5.ขา้ ราชการมีสิทธิประกนั สังคม : ทานตะวนั วรรณ ชนะ 6.การใหบ้ ริการแก่ประชาชน :ซูนีตา มะเก 34

03/09/64 อาจารย์นัดดูโครงร่างรายงาน 7.สิทธิสวสั ดิการการรักษาพยาบาลของขา้ ราชการ: 13/09/64 รายงานความคืบหน้าคร้ังสุดท้าย สุวรรณา หมดั อาด้า 8.ผยู้ ากไร้มีสิทธิในการรักษาพยาบาล:นูรฮูดา แซจิ 9.ช่องทางการตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาล:ฟา ตีณีย์ ซีดิ 10.การขอยา้ ยโรงพยาบาลของสิทธิขา้ ราชการและ สิทธิหลกั ประกนั สุขภาพ:อลิษา เจะ๊ บอซู สมาชิกในกลุ่มไดเ้ สนอโครงร่างโดยมี ตวั แทนของ กลุ่มเป็นคนนาเสนอ และกลบั มาพิจารณา ขอ้ บกพร่อง และเพม่ิ เติมขอ้ มูลท่ีขาดหายไปให้ สมบูรณ์ ตรวจสอบรูปเล่ม ตรวจขอ้ พิดผลาดใหร้ ายงานและ เรียบเรียรายงานตกแต่งสวยงาม 35

ภาคผนวก 36

รวบรวมภาพการระดมหาข้อมูลของตวั รายงาน 37

ภาพการโทรประชุมภายในกลุ่ม 38

ประชุมลงมติรายงานเสร็จสมบูรณ์ 39

หน้าทก่ี ารทางาน ชื่อ-นามสกลุ รหสั นกั ศึกษา หนา้ ที่ หมายเหตู 1.นางสาวทานตะวนั วรรณชนะ 6320710184 ช่วยตรวจสอบขอ้ มูล 2.นางสาวนูรฮูดา แซจิ 6320710200 คน้ หาขอ้ มูลท้งั หมด และ 3.นางสาวไลลา หนิหมาน 6320710226 วเิ คราะห์ขอ้ มูลแต่ละบท 4.นางสาวสุวรรณา หมดั อาด้า 6320710231 1.นางสาวฟาตีณีย์ ซีดิ 6320710209 สรุปเน้ือหาท้งั หมด ช่วยกนั หาขอ้ มูล 2.นางสาวอลิษา เจะ๊ บอซู 6320710235 ช่วยกนั หาขอ้ มูล 1.นายนิติภูมิ สุรักษา 6320710027 นาเสนอ ช่วยกนั หาขอ้ มูล 2.นายพนั ธการ ขนานใต้ 6320710034 1.นางสาวซูนีตา มะเก 6320710176 ทารายงานและตรวจสอบ 2.นางสาวธญั กร แขกพงศ์ 6320710184 ความถูกตอ้ ง 40


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook