มงคลสูตรคำฉันท์ เสนอ คุณครูสุทธิพงษ์ มูลอาษา คุณครูประจำวิชาภาษาไทย
จัดทำโดย นาย จิรภัทร พงษ์เสวี เลขที่๔ นางสาว เกษรา พงษ์วิธี เลขที่๑๒ นางสาว มนัญชยา เเพรดำ เลขที่๑๔ นางสาว สิริยุภาค์ กันทะพันธ์ เลขที่๑๗ นางสาว อินทิพร ใจลม เลขที่๑๘ นางสาว ธัญญาเรศ เข็มนาค เลขที่๒๗ นางสาว ธีราพร เทียนเเก้ว เลขที่๒๘ นางสาว นิสากร คงกระพันธุ์ เลขที่๔๒
คำนำ หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาภาษาไทยในระดับ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๔มีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาค้นคว้า หาความรู้ทั้งนี้ในหนังสือฉบับนี้มีเนื้อหาเป็นคำสอนใน พระพุทธศาสนามีข้อเสนอแนะนำประการใดผู้จัดทำขอ น้อมรับไว้ด้วยความขอบพระคุณ ความขอบพระคุณอย่างยิ่ง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา๔/๖ ผู้เรียบเรียง
สารบัญ ๑ ๒-๓ คาถาที่๔ ๔ พบมงคลสูตร(คาถาที่๔) ๕-๖ คาถาที่๕ พบมงคลสูตร(คาถาที่๕)
คาถาที่๔ มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ ปุตฺตทารสฺส สงฺคโห อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ให้ทาน ณ กาลควร และประพฤติ์สุธรรมศรี อีกสงเคราะห์ญาติที่ ปฏิบัติบำเรอตน กอบกรรมะอันไร้ ทุษะกลั้วและมัวมล ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี
พบมงคลสูตรตรงกับข้อ๑๑-๑๔ ๑๑.บำรุงบิดามารดา มารดา แปลว่า ผู้รักษาบุตร ผู้เลี้ยงดูบุตร บิดา แปลว่า ผู้รักใคร่บุตรผู้ให้สัตว์ โลกยินดีการเลี้ยงดูมารดาเป็นมงคลเพราะเป็นการสืบต่อสังคมโดยอัตโนมัติ การบำรุงเลี้ยงดูมารดาบิดาทำให้ได้รับการยกย่องสรรเสริญมีความเจริญ ก้าวหน้าเป็นตัวอย่างที่ดีแก่อนุชนรุ่นหลัง ๑๒.เลี้ยงดูบุตร บุตร แบ่งตามคุณธรรม มี 3 ประเภท คือ 1. อภิชาตบุตร บุตรที่ยิ่งใหญ่กว่ามารดาบิดา 2. อนุชาตบุตร บุตรเสมอมารดาบิดา 3. อวชาตบุตร บุตรที่เลวกว่ามารดาบิดา บุตรทั้ง 3 ประเภทนี้มีอยู่ในทุกสังคม ตระกูลจะมั่นคงได้ บุตรจะต้องเป็นอภิชาตบุตร หรือ อนุชาตบุตร ส่วนอวชาตบุตร เกิดมาเพื่อทำลายวงศ์ตระกูลโดยเฉพาะ การเลี้ยงดูบุตรเป็น มงคล เพราะบุตรเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ซึ่งก็คือส่วนหนึ่งของประเทศชาติ ถ้าเลี้ยงดูบุตร ให้ดีได้รับการศึกษา ก็เท่ากับสร้างครอบครัวให้ดี ประเทศชาติจะเจริญมั่นคง การไม่ดูแลบุตร ปล่อยให้เป็นจิ้งจอกสังคม มารสังคม เป็นนักเลง เป็นโจร เป็นคนไม่มีวินัย เป็นนักเลงหญิง นักเลงการพนัน เท่ากับว่าทำลายสังคมและประเทศชาติด้วย
๑๓.สงเคราะห์ภรรยา-สามี ทาระ แปลว่า เมีย ภรรยา แปลว่า ผู้ที่สามีต้องเลี้ยงดู คือเมีย พระพุทธ ศาสนา ได้กำหนดหลักการเลี้ยงดูหรือสงเคราะห์ภรรยาไว้ห้าประการได้แก่ กายกย่องไม่ดูหมิ่นไม่นอกใจมอบความเป็นใหญ่ให้มอบเครื่องแต่งตัวตลอด ถึงพาออกงานด้วยการเลี้ยงดูภรรยาเป็นมงคลเพราะทำให้ชีวิตครอบครัว มั่นคงยั่งยืนเป็นการร่วมกันสร้างฐานะให้มั่นคงการสงเคราะห์ภรรยา เป็นการสร้างความมั่นคงและมั่นใจให้แก่ภรรยาครอบครัวมีความสงบสุขได้ รับการยกย่องสรรเสริญและเป็นตัวอย่างที่ดีแก่อนุชนรุ่นหลัง ๑๔.ทำงานไม่คั่งค้าง กรรม หรือการงาน แบ่งออกเป็นสองอย่าง คือ งานทาง โลกและงานทางธรรมงานทางโลก ได้แก่ ทำนา ทำสวน ทำไร่ ค้าขาย บริการ รับราชการ เป็นต้น ส่วนงานทาง ธรรมได้แก่งานสร้างสันติสุขให้แก่โลกลดละกิเลสความ เห็นแก่ตัวความริษยาเป็นต้นให้น้อยลงงานไม่คั่งค้างเป็น มงคลเพราะถ้าหากงานคั่งค้างแล้วย่อมไม่มีประโยชน์ไม่ เห็นผลงานไม่คั่งค้างจะทำให้ฐานะของตนครอบครัวและ ประเทศชาติเจริญขึ้นเพราะฉะนั้นงานที่ทำเสร็จเห็นผล งานจึงเป็นมงคล
คาถาที่๕ ทานญฺจ ธมฺมจริยา จ ญาตกานญฺจ สงฺคโห อนวชฺชานิ กมฺมานิ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ ให้ทาน ณ กาลควร และประพฤติ์สุธรรมศรี อีกสงเคราะห์ญาติที่ ปฏิบัติบำเรอตน กอบกรรมะอันไร้ ทุษะกลั้วและมัวมล ข้อนี้แหละมงคล อดิเรกอุดมดี
มงคลสูตรตรงกับข้อ๑๕-๑๘ ๑๕.บำเพ็ญทาน ทาน แปลว่า ให้ และเป็นการให้ด้วยเจตนาอยากให้ ทานมี 2 อย่างคือ อามิส ทาน ให้วัตถุสิ่งของ เช่น ปัจจัย 4 ดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น และธรรมทาน ให้ สิ่งที่ไม่ใช่วัตถุ เช่น ให้คำแนะนำสั่งสอนให้อภัยเป็นต้นการให้ทานเป็นมงคล เพราะเป็นการฝึกใจให้เป็นนักเสียสละเป็นการลดความเห็นแก่ตัวถ้าต่างคน ต่างมุ่งหวังให้ทานความเห็นแก่ตัวจะลดลงการทุจริตจะลดลงทำให้มีชื่อเสียง ในสังคม แม้ตายแล้วย่อมไปเกิดในสวรรค์ ๑๖.ประพฤธรรม ธรรม คือ คำสอนของพระพุทธเจ้าและสาวก จริยา แปลว่าประพฤติธรรม จริยาจึงหมายถึงการประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าและของ พระสาวกการประพฤติธรรมเป็นมงคลเพราะเป็นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ผู้ประพฤติธรรมมีแต่ความสุข (ธมฺมจารี สุขํ เสติ) ผู้ประพฤติธรรมได้ชื่อว่า สอนคนอื่นด้วยการประพฤติตลอดเวลาสร้างความเจริญก้าวหน้าแก่ตนเอง และส่วนรวมเป็นผู้สร้างทางสวรรค์เอาไว้
๑๗.สงค์เคราะห์ญาติ ญาติ แปลว่า คนคุ้นเคย คนใกล้ชิด หมายถึง บุคคลที่คุ้นเคยและวางใจกันได้ มี 2 ประเภท ได้แก่ ญาติทางโลก แบ่งได้เป็น 2 พวก คือ ญาติโดยสายโลหิต เช่น ทวด ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา พี่ น้อง หลาย เหลน ฯลฯ(สำหรับพ่อแม่ ลูก ภรรยา สามี ถือว่าเป็น ใกล้ชิดเรามากที่สุด ขอให้ยกไว้ต่างหาก) และญาติโดยความใกล้ชิดคุ้นเคย เช่น เพื่อนสนิทสนมกับเราโดยตรง ญาติทางธรรม หมายถึง ผู้เป็นญาติเพราะเหตุ 4 ประการ คือเป็นญาติเพราะ บวชให้พระภิกษุ, เป็นญาติเพราะบวชให้เป็นสามเณร, เป็นญาติเพราะให้นิสสัย (พิธีกรรมของสงฆ์ที่พระอุปัชฌาย์ให้แก่ศิษย์), เป็นญาติเพราะสอนธรรมะให้ ๑๘.ทำงานไม่มีโทษ งานที่ไม่มีเวรไม่มีภัย ไม่เบียดเบียนใคร แต่เป็นประโยชน์ทั้งแก่ตนและผู้อื่น ความสามารถในการทำงานของคน
Search
Read the Text Version
- 1 - 10
Pages: