การโน้มน้าวใจ วิชาภาษาไทย 5 ชน้ั มธั ยมศึกษาปี ที่ 6
การโน้มน้าวใจ คือ การพยายามเปล่ียนแปลง ความเชื่อ ทศั นคติ การกระทาของ บคุ คลอ่ืนดว้ ยกลวิธีที่เหมาะสม ใหม้ ี ผลกระทบใจผูน้ น้ั จนเกิดการ ยอมรบั และเปล่ียนตามผูโ้ นม้ นา้ วใจตอ้ งการ
วตั ถปุ ระสงคข์ องการโนม้ นา้ วใจ 1. เพื่อชกั นาหรือโนม้ นา้ วใจใหเ้ กิดความเชื่อถือ ศรทั ธา ในเร่ืองที่พดู หรือเขียน เช่น การชกั นาใหท้ า ประกนั ชีวิต การโฆษณาคณุ ภาพของสินคา้ การโนม้ นา้ วใจใหศ้ รทั ธาในศาสนา เป็ นตน้
วตั ถปุ ระสงคข์ องการโนม้ นา้ วใจ 2. เพ่ือกระตุน้ หรือเรา้ ใจใหเ้ ห็นความสาคญั ของส่ิงใดส่ิง หน่ ึ ง เชน่ การพูดใหเ้ ห็นความสาคญั ของป่าไม้ การพูดให้ เห็นความสาคญั ของวฒั นธรรมไทย การเขียนให้ ประทบั ใจในการทางานอยา่ งเสียสละของตารวจ ตระเวนชายแดน เป็นตน้
วตั ถปุ ระสงคข์ องการโนม้ นา้ วใจ 3. เพ่ือปลุกใจใหเ้ กิดความสานึกและปฏิบตั ิอยา่ งใดอยา่ ง หน่ ึ ง เชน่ การปลุกใจใหร้ ักชาติ การปลุกใจใชส้ ินคา้ ไทย การปลุกใจใหร้ วมพลงั สามคั คีเป็นตน้
วตั ถปุ ระสงคข์ องการโนม้ นา้ วใจ 4. เพื่อใหผ้ รู้ บั สารเกิดความรู้ ความเขา้ ใจ มี ความเห็นคลอ้ ยตามและนาไปปฏิบตั ิ เช่น การโนม้ นา้ วใจใหร้ จู้ กั การวางแผน ครอบครวั การโนม้ นา้ วใจใหร้ จู้ กั ใชถ้ งุ ยาง อนามยั เพ่ือ ป้องกนั การติดเช้ือเอดส์ การเชิญ ชวนใหเ้ ลิกสบู บหุ รี่ เป็ นตน้
หลกั จิตวิทยาในการโนม้ นา้ วใจ ทฤษฎีการจูงใจของมาสโลว์ (Maslow’s Theory of Human Motivation) ทฤษฎีการจงู ใจของมาสโลว์ หรือท่ีเรียกกนั ว่าทฤษฎี ลาดบั ความตอ้ งการ (Hierarchy of Needs Theory) เป็ นทฤษฎีการจงู ใจที่ ไดร้ บั การยอมรบั อย่างกวา้ งขวาง มาสโลว์ ไดส้ รปุ ลกั ษณะการจูงใจไวว้ ่า การจูงใจจะเป็ นไปตามลาดบั ของความตอ้ งการอย่างมีระเบียบ ซ่ึงลาดบั ขนั้ ของ ความตอ้ งการน้ีแบ่งออกเป็ น 5 ขน้ั ดงั น้ี
ทฤษฎีการจงู ใจของมาสโลว์ 1. ความตอ้ งการพ้ืนฐานทางร่างกาย (The Physiological Needs) ความตอ้ งการในขนั้ น้ี เป็ นความตอ้ งการเพื่อการมีชีวิตอยู่ เช่น ตอ้ งการอาหาร อากาศ เครื่องนุ่งห่ม ที่อย่อู าศยั เป็ นตน้
ทฤษฎีการจงู ใจของมาสโลว์ 2. ความตอ้ งการความมนั่ คง ปลอดภยั (The safety Needs) มนุษยต์ อ้ งการความปลอดภยั และความมนั่ คง ในชีวิต เล่น ความปลอดภยั จากอบุ ตั ิเหตุ โรค รา้ ย หรือจากภยั ต่างๆ และความมนั่ คงทาง จิตใจ เช่น ความมนั่ คงในการประกอบอาชีพ
ทฤษฎีการจงู ใจของมาสโลว์ 3. ความตอ้ งการความรกั และการเป็ นเจา้ ของ (The Belongingness and Love Need) ไดแ้ ก่ความตอ้ งการท่ีจะเขา้ ร่วมและไดร้ บั การ ยอมรบั จากสงั คม ความเป็ นมิตร และการ ยอมรบั และความรกั จากเพื่อนร่วมงาน รวมทง้ั ความเป็ นเจา้ ของ
ทฤษฎีการจงู ใจของมาสโลว์ 4. ความตอ้ งการเกียรติยศชื่อเสียง (The Esteem Needs) ความตอ้ งการน้ีมีความสาคญั มากในการทางาน ไดแ้ ก่ ความตอ้ งการไดร้ บั ความยกย่องนบั ถือ และความตอ้ งการมีช่ือเสียง การมีสถานภาพท่ีดี มีตาแหน่งอนั เป็ นที่ยอมรบั โดยทวั่ การมี ความรสู้ ึกว่าตนเองเป็ นบคุ คลสาคญั
ทฤษฎีการจงู ใจของมาสโลว์ 5. ความตอ้ งการความสาเร็จในชีวิต (The Need for Self - Actualization) เป็ นความตอ้ งการขนั้ สูงสุด มนุษยต์ อ้ งการพฒั นาตนเองใหม้ ีการเปล่ียนแปลงในทางท่ีดีข้ึน เรื่อยไป ทาใหต้ วั เองดีเด่นที่สุด เป็ นคนท่ีมีความคิดสรา้ งสรรคเ์ กง่ ที่สุด เป็ นตน้ มนุษยจ์ ะแสวงหา ความตอ้ งการ ในขนั้ น้ีก็เมื่อความตอ้ งการทง้ั 4ประการขา้ งตน้ ไดร้ บั การตอบสนองแลว้
กลวิธีในการโนม้ นา้ วใจ 1. การแสดงใหเ้ ห็นถึงความน่าเชื่อถือของบคุ คลผูโ้ นม้ นา้ วใจโดยธรรมดาบคุ คล ท่ีมีคณุ ลกั ษณะ 3 ประการ คือ มีความรจู้ ริง มีคุณธรรม และมีความปรารถนาดี ต่อ ผูอ้ ่ืน ย่อมไดร้ บั ความเช่ือถือ จากบคุ คลทวั่ ไป 2. การแสดงใหเ้ ห็น ตามกระบวนการของเหตุผลผูโ้ นม้ นา้ วใจตอ้ งแสดงใหเ้ ห็นวา่ เรื่องที่ตนกาลงั โนม้ นา้ วใจมี เหตุผลหนกั แน่น และมีคณุ ค่าควร แก่การยอมรบั อย่างแทจ้ ริง
กลวิธีในการโนม้ นา้ วใจ 3. การแสดงใหเ้ ห็นถึงความรสู้ ึก และอารมณร์ ่วม บคุ คลท่ีมี อารมณร์ ่วมกนั คลอ้ ยตามกนั ไดง้ ่ายกว่าบคุ คล ท่ีมีความรูส้ ึก อคติต่อกนั เม่ือใดท่ีผูโ้ นม้ นา้ วใจ คน้ พบ และแสดงอารมณ์ ร่วมออกมา การโนม้ นา้ วใจก็จะประสบความสาเร็จ 4. การแสดงใหเ้ ห็นทางเลือกทง้ั ดา้ นดีและดา้ นเสีย ผูโ้ นม้ นา้ วใจตอ้ งโนม้ นา้ วผรู้ บั สารใหเ้ ช่ือถือ หรือปฏิบตั ิเฉพาะทางท่ี ตนตอ้ งการ โดยช้ีใหเ้ ห็นว่าสิ่งนนั้ มีดา้ นที่เป็ นโทษ อย่างไร ดา้ นที่เป็ นคณุ อย่างไร
กลวิธีในการโนม้ นา้ วใจ 5. การสรา้ งความสขุ ใหแ้ ก่ผูร้ บั สาร การเปลี่ยนบรรยากาศ ใหผ้ ่อนคลายดว้ ยอารมณข์ นั จะทาใหผ้ ูร้ บั สารเปลี่ยนสภาพ จากการต่อตา้ นมาเป็ นความรูส้ ึกกลาง ๆ พรอ้ มท่ีจะคลอ้ ย ตามได้ 6. การเรา้ ใหเ้ กิดอารมณอ์ ย่างแรงกลา้ เม่ือมนุษยเ์ กิด อารมณข์ ้ึนอย่างแรงกลา้ ไม่ว่าดีใจ เสียใจ โกรธแคน้ อารมณ์ เหล่าน้ี มกั จะทาใหม้ นุษยไ์ ม่ใชเ้ หตผุ ลอย่างถี่ถว้ น พิจารณา ถึงความถกู ตอ้ งเหมาะควร เมื่อมีการตดั สินใจ ก็อาจจะคลอ้ ย ไปตามท่ีผโู้ นม้ นา้ วใจเสนอแนะไดง้ ่าย
ศิลปะการโนม้ นา้ วจิตใจ 1. จงใหค้ วามสนใจแก่ผูน้ น้ั หรือกลุ่มนน้ั อย่าง จริงใจ ท่านจะไดร้ บั การตอ้ นรบั และสนใจ จากทุก คนทกุ หนแห่ง นกั บริการที่ดีไม่ควรพดู ถึงเร่ืองท่ี เก่ียวกบั ตนเอง แต่จงใหค้ วามสนใจแก่เขา และ เรื่องที่ เก่ียวกบั เขา แสดงออกไปทงั้ ทางกิริยา วาจา และใจ
ศิลปะการโนม้ นา้ วจิตใจ 2. ความย้ิมแยม้ เป็ นเงื่อนไขสาคญั ในการสรา้ ง ความประทบั ใจใหแ้ ก่ทกุ คนเมื่อแรกพบ
ศลิ ปะการโนม้ นา้ วจิตใจ 3. จงจาชื่อผทู้ ี่มาติดต่อใหไ้ ดแ้ ละใชเ้ รียกไดอ้ ย่าง ถกู ตอ้ ง เพราะทกุ คนจะรสู้ ึกว่าคาพดู ที่ไพเราะที่สดุ และมีความหมายสาคญั ย่ิงสาหรบั เขา ก็คือ ช่ือของ เขานนั่ เอง
ศิลปะการโนม้ นา้ วจิตใจ 4. จงเป็ นนกั ฟังท่ีดี ดว้ ยการใหค้ วามสนใจเรื่องท่ี เขาพดู และยวั่ ยใุ หเ้ ขาพดู เร่ืองเก่ียวกบั ตวั เขาไป เร่ือย ๆ ตามความพอใจของเขา
ศิลปะการโนม้ นา้ วจิตใจ 5. จงพดู ในเร่ืองที่เขากาลงั สนใจ ไดแ้ ก่เรื่องท่ีเขา กาลงั คลงั่ ไคลเ้ ร่ืองท่ีเก่ียวกบั ความรู้ ความชานาญ ของเขาเองเร่ืองที่เขากาลงั ภาคภมู ิใจ หรือเรื่องท่ีเขา พึ่งไดร้ บั ความต่ืนเตน้ มาใหม่ ๆ
ศิลปะการโนม้ นา้ วจิตใจ 6. จงทาใหเ้ ขารสู้ ึกว่าเขาเป็ นคนสาคญั หรือ ช้ีใหเ้ ห็นจดุ สาคญั ดีเด่นในตวั เขาและจงทาเช่นนน้ั ดว้ ยความจริงใจ ทกุ คนจะรสู้ ึกชอบท่านทนั ที เพราะ ทกุ คนชอบยอ และชอบที่มีใครยกย่อง แมจ้ ะเป็ น ยอกนั ต่อหนา้ ที่ก็ตามที
ศลิ ปะการโนม้ นา้ วจิตใจ ควรใชภ้ าษาในเชิงเสนอแนะ ขอรอ้ ง วิงวอน หรือเรา้ ใจ ซึ่งในการใชถ้ อ้ ยคาให้ เกิดน้าเสียงดงั กล่าว จะตอ้ งเลือกใชค้ าที่ สื่อความหมายตามที่ตอ้ งการ โดย คานึงถึง จงั หวะและความนุ่นนวล ใน น้าเสียง
ลกั ษณะของสารโนม้ นา้ วใจ 1. คาเชิญชวน เป็ นการแนะนาใหช้ ่วยกนั กระทาการ อย่างใด อย่าง หนึ่ง เพื่อใหเ้ กิด ประโยชนส์ ่วนรวม มกั จะพบในการเขียนคาขวญั แถลงการณ์ เพลงปลุกใจ บทความปลุกใจ หรือการพดู ในโอกาส ต่าง ๆ ใบประกาศ แผ่นปลิว โปสเตอร์ หรือเป็ นการบอกกล่าว ทาง วิทยุ โทรทศั น์ ผูส้ ่งสารจะบอกจุดประสงค์ อย่างชดั เจนและช้ีใหเ้ ห็น ประโยชนร์ วมทง้ั บอกวิธี ปฏิบตั ิดว้ ย โดยโนม้ นา้ วใหเ้ กิดความ ภาคภูมิใจว่าถา้ ปฏิบตั ิตามคาเชิญชวนจะเป็ นผูท้ าประโยชนแ์ ก่ ส่วนรวม เช่น การพูดปลุกใจใหป้ ระชาชนรกั ชาติ พูดจูงใจให้ ประชาชนออกไป ลงคะแนนเสียง เลือกตงั้ สมาชิกผูแ้ ทนราษฎร พูด โนม้ นา้ วใจใหค้ นบริจาคโลหิต พูดโนม้ นา้ วใจ ใหค้ นซ้ือสินคา้ ที่ ตนเองจาหน่าย พูดโนม้ นา้ วในใจใหป้ ระชาชนช่วยกนั รกั ษา ส่ิงแวดลอ้ ม เป็ นตน้
ลกั ษณะของสารโนม้ นา้ วใจ 2. โฆษณาสินคา้ หรือ โฆษณาบริการ มีลกั ษณะดงั น้ี 2.1 ใชถ้ อ้ ยคาท่ีแปลกใหม่ สะดุดหู สะดุดตา ผรู้ บั สาร 2.2 ใชป้ ระโยค หรือวลีสน้ั ๆ ท่ีทาใหผ้ อู้ ่ืนรบั รไู้ ดอ้ ย่างฉบั พลนั 2.3 เน้ือหาจะแสดงใหเ้ ห็นถึงคณุ ภาพอนั ดีเลิศของสินคา้ หรือ บริการ 2.4 ใชก้ ลวิธีโนม้ นา้ วใจโดยช้ีใหเ้ ห็นประโยชนข์ องสินคา้ 2.5 เน้ือหาของสารโฆษณามกั ขาดเหตุผลท่ีหนกั แน่นรดั กมุ 2.6 การนาเสนอสารใชว้ ิธีโฆษณาตามสื่อต่าง ๆ ซา้ ๆ หลายวนั
หลกั ในการเขียนโนม้ นา้ วใจ 1. การวิเคราะหผ์ อู้ ่าน ผูเ้ ขียนจะตอ้ งวิเคราะหผ์ อู้ ่าน ว่า มีลกั ษณะอย่างไร เช่น เพศ วยั การศึกษา อาชีพ ฐานะทางเศรษฐกิจ ฐานะทางสงั คม และค่านิยม เป็ นตน้ การวิเคราะหผ์ ูอ้ ่านจะช่วย ใหผ้ ูเ้ ขียน สามารถกาหนด เน้ือหาและกลวิธีการนาเสนอได้ อย่างเหมาะสม
หลกั ในการเขียนโนม้ นา้ วใจ 2. การใชห้ ลกั จิตวิทยา ผเู้ ขียนจะตอ้ งอาศยั หลกั จิตวิทยาในการเขียนโนม้ นา้ วใจเป็ นอย่างมาก เนื่องจากผเู้ ขียนตอ้ งทาความเขา้ ใจธรรมชาติ ความ สนใจ และความตอ้ งการของผอู้ ่าน ว่าน่าจะเป็ น ไป ในทิศทางใด แลว้ จึงนามาเป็ นประโยชนใ์ นการ เขียนโนม้ นา้ วใจต่อไป
หลกั ในการเขียนโนม้ นา้ วใจ 3. การใหเ้ หตผุ ล ผูเ้ ขียนตอ้ งพยายามหาเหตผุ ลมาสนบั สนุน ความคิดเห็นของตน เหตุผลท่ีนามาอา้ งนนั้ ควรน่าเช่ือถือ มี น้าหนกั เพียงพอ และเป็ นไปไดใ้ นทางปฏิบตั ิ ทง้ั น้ีเพื่อใหผ้ อู้ ่าน เช่ือถือ และยอมรบั ตลอดจนมีปฏิกิริยาตอบสนองความตอ้ งการ ของผเู้ ขียน
หลกั ในการเขียนโนม้ นา้ วใจ 4. การใชภ้ าษา ภาษาทีใชใ้ นการเขียนโนม้ นา้ วใจ ควรเป็ นภาษาที่เรา้ อารมณแ์ ละความรสู้ ึกของผูอ้ ่าน ดงั นนั้ ผเู้ ขียนจึงตอ้ งมีศิลปะในการใชภ้ าษา คือ รจู้ กั เลือกสรรถอ้ ยคาที่ส่ือความหมายไดช้ ดั เจน ก่อใหเ้ กิดภาพ และกระตนุ้ อารมณค์ วามรสู้ ึกของ ผูอ้ ่าน
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: