ไตรภมู ิพระร่วง (ไตรภูมิกถา, เตภูมกิ ถา) ตอน มนสุ สภูมิ ครวู ฒุ ิชัย ครองสทิ ธ์ิ
ประวัตวิ รรณคดสี มัยสุโขทยั (พ.ศ.๑๘๐๐ - ๑๙๒๐) • วรรณคดีที่สาคัญท่ีมีอยู่ในปัจจุบันนับว่าเป็น เรื่องสาคัญมีอยู่ ๔ เรอื่ ง คือ ๑. ศิลาจารึกหลักท่ี ๑ จารึกสุโขทัย หรือ ศลิ าจารกึ ของพ่อขนุ รามคาแหงมหาราช ๒. สุภาษิตพระรว่ ง หรือ บญั ญตั พิ ระร่วง
ประวัตวิ รรณคดสี มยั สโุ ขทยั (พ.ศ.๑๘๐๐ - ๑๙๒๐) ๓. เตภูมิกถา หรือ ไตรภูมิกถา หรือ ไตรภูมิพระร่วง ๔. นางนพมาศ หรือ เรวดีนพมาศ หรอื ตารบั ทา้ วศรจี ุฬาลักษณ์ (เชื่อว่าแก้ไขเพิ่มเติมในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เน่ืองจาก สานวนภาษาใหม่กว่าหนังสือรุ่นสุโขทัยและอยุธยา รวมทั้งเน้ือหา กลา่ วถงึ ฝรัง่ ชาตติ า่ งๆ โดยเฉพาะอเมริกนั )
ผูแ้ ต่ง (AUTHOR) • พระมหาธรรมราชาท่ี ๑ หรือ พญาลิไทย หรือ พญาลือไทย หรือ พญาศรีสุริยพงศ์รามมหาธรรมราชาธริ าช (King LITHAI) เม่ือคร้ังทรงเป็นอุปราชครองเมืองศรีสัชนาลัย (ปัจจุบันอยู่ใน จังหวัดสุโขทยั ) ได้ทรงพระราชนิพนธข์ น้ึ เมอ่ื พ.ศ.๑๘๘๘ • เปน็ ผลงานการคน้ ควา้ ทส่ี าคญั ทางศาสนา • ได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการวรรณคดีแห่งชาติให้เป็น ยอดของวรรณคดีสมยั สโุ ขทัย เมอื่ พ.ศ.๒๕๕๓
ผู้แต่ง (AUTHOR) • พระองคเ์ ปน็ พระราชโอรสของพระยาเลอไทย พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทร และเปน็ พระราชนดั ดา (หลานปู่) ของพอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช มหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช บรม • คาว่า “พระร่วง” ในที่น้ีเป็นคาเรียกพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์ สุโขทยั นาถบพติ ร (ร.๙) • พญาลิไทยเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ท่ี ๖ แหง่ กรุงสุโขทยั จึงมีพระ นามวา่ พระรว่ งด้วย • เป็นพระมหากษัตรยิ ์ไทยพระองคแ์ รกทท่ี รงผนวชในขณะเสวยราชย์ • สวรรคตเมอ่ื พ.ศ.๑๙๑๑ (ศกึ ษาประวัตขิ องพระยาลไิ ทยเพ่มิ เติม)
พระมหากษตั รยิ แ์ หง่ อาณาจกั รสุโขทัย รัชกาลท่ี พระนาม ปีทขี่ น้ึ ครองราชย์ (พ.ศ.) ปีท่สี วรรคต (พ.ศ.) ไม่ปรากฏ 1 พอ่ ขุนศรอี ินทราทติ ย์ 1792 1822 1841 2 พ่อขุนบานเมือง ไมป่ รากฏ 1866 1890 3 พอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช พระอัยกา (ปู่) 1822 1911 1942 4 พระยาเลอไทย พระราชบิดา 1841 1962 1981 5 พระยาง่ัวนาถม 1866 6 พระมหาธรรมราชาท่ี 1 (ลิไทย) 1890 7 พระมหาธรรมราชาที่ 2 1911 8 พระมหาธรรมราชาที่ 3 (ไสยลอื ไทย) 1942 9 พระมหาธรรมราชาท่ี 4 (บรมปาล) 1962
ไตรภูมพิ ระรว่ ง (ไตรภูมกิ ถา เตภูมกิ ถา the planes of tribhumi) • ไตรภูมิพระร่วง มีความหมายวา่ เรื่องราวของโลกทั้ง ๓ ได้แก่ โลกที่เรยี กวา่ กามภมู ิ รูปภูมิ และอรปู ภูมิ
กามภูมิ (sensuous planes) •กามภมู ิ คือ โลกของผทู้ ย่ี งั ตดิ อยใู่ นกามกิเลส แบ่งออกเป็นดินแดน ๒ ฝา่ ย และแบ่งเป็นโลกยอ่ ย ๆ ได้ ๑๑ แหง่ ไดแ้ ก่
กามภมู ิ (sensuous planes) ๑. สุคติภูมิ หรือดินแดนฝ่ายดีหรือฝ่ายเจริญ ประกอบดว้ ยโลกย่อยๆ รวม ๗ แห่ง ไดแ้ ก่ มนุสสภูมิหรือโลกมนุษย์ ๑ แห่ง และสวรรคภมู ิหรอื ฉกามาพจรซึ่งหมายถงึ สวรรค์ ๖ ชนั้ อันไดแ้ ก่ จาตมุ หาราชกิ า ดาวดงึ ส์ ยามา ดุสติ นมิ มานรดี ปรนิมมิตวสวัตดี
กามภมู ิ (sensuous planes) ๒. อบายภูมิ หรือ ดินแดนฝ่ายไม่ดี หรือ ฝ่ายเสือ่ ม ประกอบดว้ ยโลกย่อยๆ ๔ แห่ง ไดแ้ ก่ นรกภมู ิ ดริ ัจฉานภูมิ เปรตภูมิ อสุรกายภูมิ
รปู ภมู ิ (form planes) • เปน็ ดินแดนของพรหมท่ีมรี ปู มีทั้งสิ้น ๑๖ ชั้น • ผมู้ าเกิดตอ้ งบาเพญ็ สมาธิจนได้ฌานสมาบัติ • พรหมในช้ันเหล่านี้ไม่มีการเคล่ือนไหวใด ๆ ท้ังส้ิน (พรหมลกู ฟกั ) • พรหมท้ัง ๑๖ ชนั้ นเี้ รียก โสฬสพรหม
รปู ภูมิ (form planes) • พรหม ๕ ช้ันสูงสุด คือพรหมตั้งแต่ช้ันท่ี ๑๒ – ๑๖ เปน็ พรหมชัน้ พเิ ศษท่เี รียกวา่ พรหมชนั้ ปัญจสทุ ธาวาส • เป็นท่ีเกิดของพระอนาคามี คือ ผู้ที่จะไม่มาสู่กามภูมิ อีก ได้แก่ อวิหาภูมิ อตัปปาภูมิ สุทัสสาภูมิ สุทัสสีภูมิ และอกนิฏฐาภูมิ (พรหมชั้นนี้ขึ้นไป ไฟบรรลัยกัลป์จะ ไหมไ้ ม่ถึง)
อรูปภมู ิ (formless planes) • เป็นดนิ แดนของพรหมไม่มรี ปู มีแต่จิตหรือวิญญาณ มี ๔ ชน้ั อากาสานัญจายตนภมู ิ วิญญาณัญจายตนภมู ิ อากิญจัญญายตนภูมิ เนวสญั ญานาสญั ญายตนภูมิ
ผู้ท่ีมาเกิดในดินแดนทั้ง ๓ โลกน้ี มา เกิดตามผลของการทากรรมหรือ ทาบญุ ในชาติกอ่ น ๆ อันเป็นเหตใุ ห้ ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยูใ่ น สงั สารวฏั (วฏั สงสาร) อย่างไม่มีวนั ส้ินสุด
จุดมุ่งหมายของเรื่องไตรภมู พิ ระรว่ ง • ชใี้ หผ้ ู้ฟังหรือผู้อา่ นตระหนกั วา่ ดินแดน ใน ๓ โลก แทจ้ รงิ แลว้ ไม่นา่ อยเู่ ลย • กวีช้ีให้เห็นคุณและโทษของโลกทั้ง ๓ ท่ีมีแต่การ แปรปรวนหรือการแปรเปล่ียน เป็นโลกที่ไม่มี ความแนน่ อน และมีแต่ “อนิจจลักษณะ”
จุดมงุ่ หมายของเรือ่ งไตรภูมพิ ระรว่ ง • เพื่อชี้นาใหม้ นุษย์หาทางหลุดพ้นไปจากโลกท้ังสาม และไปอยู่ในโลกหรอื ภพภมู ทิ ม่ี ีความสขุ นิรนั ดร • โลกท่ีสงบสุขแห่งนี้ได้แก่โลกุตรภูมิหรือนิพพานซ่ึง อยู่เหนือกระแสแห่งการเวียนว่ายตายเกิด (การ หลุดพ้นจากวัฏสงสารและบรรลุนิพพานประเสริฐ กว่าสมบัติใด ๆ อนั มอี ยใู่ นโลกทัง้ ๓)
นริ นั ดรสขุ แห่งนิพพาน (nirvana) • ความสุขแห่งนิพพานเป็นความสุขท่ี ย่ิงใหญ่ นิพพานสมบัติเปรียบดังแสง สว่างแห่งดวงจันทร์ประเสริฐกว่าทิพย สมบัติซง่ึ เปรยี บดังแสงหง่ิ ห้อย และ นิพพานสมบตั ิเปน็ ความสุขทเ่ี ป็น อมตะ ไมม่ กี ารเปลยี่ นแปลงใด ๆ
นริ ันดรสขุ แหง่ นิพพาน (nirvana) • กวีกล่าวถึงวิธีปฏิบัติตนเพื่อเข้าสู่โลกุตรภูมิ หรือนิพพาน ว่า ต้องเกิดจากการบรรลุ มรรคผลขั้นต่าง ๆ สงู ขนึ้ เร่อื ย ๆ • จากเป็นพระโสดาบัน เป็นพระสกทาคามี เป็นพระอนาคามี และเป็นพระอรหันต์ หลังจากน้นั จงึ บรรลุนิพพาน
นิรันดรสุขแห่งนพิ พาน (nirvana) • อย่างไรก็ตาม กวีตระหนักดีว่าการบรรลุนิพพานเป็นเร่ือง ยากและคงพ้นวิสยั มนุษย์ทั่วไป จึงได้ใหก้ าลังใจว่า • เม่ือได้ฟังเรื่องไตรภูมิพระร่วงแล้วจะทาให้ได้นิพพาน สมบัติหรือบรรลุนิพพาน หรือมิเช่นน้ันก็จะได้ทิพยสมบัติ ซง่ึ กค็ อื การได้เกดิ เปน็ เทพยดาในสวรรคอ์ นั เปน็ โลกทิพย์
นิรันดรสขุ แหง่ นพิ พาน (nirvana) • แต่ถา้ หากยังไม่ได้นิพพานสมบัติหรือทิพยสมบัติ ก็จะมีโอกาสเกิดและพบพระศรีอาริย์ผู้จะเสด็จ มาอุบตั ิและตรสั รู้เปน็ พระพทุ ธเจ้าในอนาคต • การได้เกิดในยุคพระศรีอาริย์และได้พบพระศรีอาริย์เปรียบ เหมอื นการได้เกิดในอุตรกุรุทวีปซงึ่ เป็นทวีปในอุดมคติของมนุษย์ เพราะคนในยุคพระศรีอาริย์มีความเป็นอยู่สุขสบายและไม่ต้อง ทาการงานใด ๆ ซ่ึงกเ็ ปน็ ชวี ิตแบบเดียวกบั มนุษย์ในอตุ รกรุ ุทวปี
ความสขุ ในอตุ รกรุ ุทวีป • ไตรภูมพิ ระรว่ งอธิบายวา่ ทวีปที่มนุษย์อาศัย อย่มู ี ๔ ทวปี ไดแ้ ก่ อุตรกรุ ุทวปี อยทู่ างทศิ เหนอื บูรพวเิ ทหทวปี อยทู่ างทศิ ตะวันออก ชมพทู วีป อยู่ทางทศิ ใต้ อมรโคยานทวปี อย่ทู างทศิ ตะวันตก
ความสุขในอตุ รกรุ ุทวปี • คนที่เกิดมาใน ๓ ทวีป (ยกเว้นชมพูทวีป) จะมีอายุแน่นอน และอยูอ่ ยา่ งมคี วามสุข เพราะเขาทัง้ หลายรักษาศลี อยเู่ สมอ • ในบรรดา ๓ ทวปี คนในอตุ รกุรุทวีปมคี วามสุขมากท่สี ุด • คนในอุตรกุรุทวีปมีอายุยนื ถึง ๑,๐๐๐ ปี • เปน็ หนมุ่ เปน็ สาวอยเู่ สมอ ถา้ เป็นหญิงก็สาวเหมอื นอายุ ๑๖ ปี และมีความงดงามมาก ถ้าเป็นชายก็เหมอื นมอี ายุราว ๒๐ ปี
ความสขุ ในอตุ รกรุ ุทวีป • อาศัยอยู่ตามโพรงต้นไม้ ไมต่ ้องทาการงานใด ๆ แต่งตัว สวยงาม • มีกบั ขา้ วและทีน่ อนเกิดขนึ้ ตามใจปรารถนา • เม่ือหิวข้าวก็ไปเก็บสัญชาตสาลี คือข้าวท่ีข้ึนเองตาม ธรรมชาติ นามาใส่หม้อแล้วต้ังบนโชติปาสาณ คือก้อน เสา้ แก้วท่มี ไี ฟลกุ โชตชิ ว่ ง เมื่อข้าวสกุ ไฟก็จะดบั ไปเอง
ความสุขในอตุ รกรุ ทุ วีป • คนในทวปี นี้จะไมร่ ู้จกั เจบ็ ป่วย • หญิงสาวเม่ือคลอดลูกก็ไม่เจ็บท้องและไม่ต้องเล้ียงลูก เองให้เหนอื่ ยยาก คนอนื่ ในสังคมจะช่วยกนั เล้ียงโดยให้ เด็กดูดนิ้วของพวกเขาซ่ึงจะมีน้านมไหลออกมา เมื่อ เด็กโตขึ้นจะไปอยู่กับสังคมโดยแยกตามเพศของตน และเม่อื ตายไปคนในทวปี นจ้ี ะไมไ่ ปเกิดในอบายภมู ิ
ความสุขในอตุ รกรุ ทุ วีป • สว่ นทวีปทเี่ ราอาศยั อยูน่ ้ีคอื ชมพทู วีป • แม้มนุษย์ในทวีปนี้จะมีอายุขัยไม่แน่นอน ขึ้นอย่กู ับการทาบุญหรือ ทากรรม แตท่ วปี นกี้ ็พิเศษกวา่ ทวีปอื่น ๆ อีก ๓ ทวีป • เพราะเป็นที่เกิดของพระพุทธเจ้า พระจักรพรรดิราช และ พระอรหนั ต์
ความสขุ ในอตุ รกุรทุ วปี • ทาให้มนุษย์ในทวีปนี้มีโอกาส ได้ฟังพระธรรมคาสอน ปฏิบัติ ธรรม และสรา้ งสมบารมี • เม่ือตายไปจึงมีโอกาสได้เกิดในภพภูมิ ที่ดีและมีความสุข หากสามารถ บาเพ็ญสมาธิก็จะข้ามพ้นสังสารวัฏ ไปสนู่ พิ พานได้สาเร็จ
• ไตรภมู กิ ถาฉบบั เต็ม http://vajirayana.org/ไตรภมู ิกถา-พระราชนิพนธ-์ พญาลิไท • ไตรภมู กิ ถาฉบับถอดความ http://vajirayana.org/ไตรภมู ิกถาฉบับถอดความ • วิทยานิพนธ์มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร จติ รกรรมเรอื่ งนรกภูมิ ในสมุดภาพไตรภูมฉิ บบั กรุงธนบุรี พุทธศักราช 2319 http://www.thapra.lib.su.ac.th/objects/thesis/fulltext/thapra/W ilaiporn_Wongsurak/Fulltext.pdf
Search
Read the Text Version
- 1 - 30
Pages: